Share

บทที่ 264

Author: หอมดังเดิม
last update Last Updated: 2024-10-20 18:00:01
ซูชิงลั่วแสร้งทำเหมือนไม่ได้ยิน กอดไหล่ราวกับกวางน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ "ท่านยังบอกอีกว่าจะปฏิบัติต่อข้าด้วยความสุภาพ คนโกหก"

ลู่เหิงจือเข้าไปใกล้ ยกมือลูบไหล่นางแล้วดึงนางเข้าไปในอ้อมกอด "ไม่ได้โกหกเจ้า"

พูดจบ เขาก็เหมือนรู้สึกว่าไม่อาจโน้มน้าวใจได้ ผ่านไปครู่หนึ่งจึงพูดต่อว่า "ข้าหมายถึงสุภาพแบบโจวกงน่ะ"

ซูชิงลั่ว "???"

เถียงไม่ชนะ นางเป็นฝ่ายแพ้

ทว่าค่ำคืนก่อนจะเดินทางไปเมืองหลวง ทำให้ทั้งสองคนประทับใจไม่ลืม

*

วันที่สิบเดือนเก้า เหมาะแก่การเดินทางไกล

ข้างประตูเรือนของตระกูลซู มีเหล่าผู้รับใช้ยืนเรียงเป็นสองแถว มองตามหลังซูชิงลั่วคู่บ่าวสาวด้วยความอาลัยอาวรณ์

โดยเฉพาะผู้ดูแลถานถึงกับใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตา

เขาอายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พบกับคุณหนูอีกหรือไม่

ซูชิงลั่วมองผู้ดูแลถานและโค้งคำนับให้กับเขา

“อาถาน ชิงลั่วขอคารวะท่าน หลายปีมานี้ขอบคุณท่านมาก”

“คุณหนูอย่าทำเช่นนี้เลย” ผู้ดูแลถานพูดพลางกลั้นน้ำตา “เห็นใต้เท้าดูแลคุณหนูดีมาก ข้าก็สบายใจแล้ว แม้จะจากโลกนี้ไปก็จะได้ไปรายงานนายท่านได้แล้ว”

“ท่านพูดอะไรเช่นนั้น” หัวใจของซูชิงลั่วรู้สึกเจ็บปวด นางไม่อยากพูดอะไรอีก จึง
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 265

    กระทั่งกินอาหารเสร็จแล้วกลับเข้าห้อง ซูชิงลั่วถึงถามลู่เหิงจือว่า เหตุใดถึงมองสาวผู้นั้นแม่นางผู้นั้นก็สวยดี แต่ก็ไม่ได้สวยถึงขั้นทำให้ละสายตาไม่ได้เขาคงต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างลู่เหิงจือโอบนางไว้ คิดครุ่นอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “ดวงตาและคิ้วของนางดูคล้ายน้องสาวที่หายไปเมื่อเก้าปีก่อนของข้า แต่เสียดายที่ตำแหน่งของไฝใต้ตาไม่ตรงกัน น้องสาวข้ามีไฝที่ใต้ตาข้างซ้าย”ซูชิงลั่วชะงักไป “ท่านหมายความว่า ท่านยังมีน้องสาวอีกหนึ่งคน น้องสาวแท้ๆ รึ”ลู่เหิงจือพยักหน้าช้าๆ น้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา “น้องสาวแท้ๆ ข้าไม่มีนิสัยชอบรับใครเป็นน้องสาวหรือพี่ชายบุญธรรม”“……”หลี่ว์เผิงเทียนกลับหังโจวแล้ว ยังจะมาหึงหวงเช่นนี้อีกซูชิงลั่วรู้สึกผิดจึงหลบสายตา “ข้าไม่รู้เรื่องเลย ท่านเล่าให้ฟังหน่อยได้หรือไม่”นางออดอ้อนด้วยการจับแขนเสื้อเขาลู่เหิงจือยิ้มเยาะเบาๆเขาไม่ได้หึงหวงต่อ ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสียงทุ้มต่ำว่า “น้องสาวของข้าชื่อลู่ซือไหว อายุน้อยกว่าข้าห้าปี หากยังอยู่ก็คงอายุสิบแปดแล้ว นางหายตัวไปขณะอายุเจ็บขวบ ปีนั้นพ่อแม่ของข้าเสียชีวิตไล่เลี่ยกัน บ้านก็วุ่นวายไปหมด เป็นความผิดของข้า

    Last Updated : 2024-10-20
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 266

    บ้านตระกูลลู่ได้ส่งคนไปรออยู่ที่ประตูเมืองนานแล้ว พอเห็นพวกเขาก็รีบส่งข่าวกลับจวนทันทีรถม้าจอดอยู่หน้าประตูจวนลู่ซูชิงลั่วค่อยๆ เปิดม่านรถออกมา ท่านยายพยุงไม้เท้าเดินออกมาต้อนรับด้วยตัวเองเมื่อเห็นซูชิงลั่วแวบแรก นางก็น้ำตาคลอเบ้า ใบหน้าเปี่ยมด้วยความเมตตา และยิ้มพลางพยักหน้าให้กับนางซูชิงลั่วอยากร้องไห้ประตูรถเปิดออก ลู่เหิงจือลงจากรถก่อน แล้วค่อยๆ ยื่นมือไปช่วยพยุงซูชิงลั่วลงมาฉากนี้ทำให้ลู่เหยียนเจ็บปวดอย่างรุนแรงไม่ได้เจอกันแรมปี ซูชิงลั่วดูงดงามขึ้นมากดวงตาเย้ายวนของนางยิ่งดูเปล่งประกาย ราวกับจิ้งจอกน้อย ข้อมือเล็กเท่าฝ่ามือ เอวบางเฉียบ รูปร่างดูอ่อนช้อยเย้ายวนใจ เปลี่ยนไปจากเดิมที่ดูเรียบง่ายโดยสิ้นเชิงน่าแปลกมาก ทั้งที่เป็นคนเดียวกัน เหตุใดถึงเปลี่ยนไปมากเพียงนี้เขามองมือทั้งสองที่จับกันอย่างแนบแน่นด้วยความริษยาช่าง......น่าเสียดายเหลือเกินร่างกายนี้ควรจะเป็นของเขาชัดๆ แต่เขายังไม่ได้สัมผัสเลยเขาเลียริมฝีปากเบาๆ แล้วก็สบเข้ากับสายตาที่แหลมคมของลู่เหิงจือ รีบจึงก้มศีรษะลงทันที ไม่กล้าเงยหน้ามองอีกเลยลู่เหิงจือเบือนหน้า แล้วพาซูชิงลั่วไปคารวะท่านยายและบ

    Last Updated : 2024-10-20
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 267

    ทว่าบัดนี้นางไม่คิดแล้วนางยิ้มจางๆ “หากท่านน้ารองถามที่ประตู ก็ต้องพูดให้กระจ่างที่ประตู หากเข้าไปด้านในยามนี้ ชื่อเสียงของข้าคงป่นปี้ไปหมดเสียแล้ว”ลู่โย่วไม่คิดว่าซูชิงลั่วจะแข็งกร้าวเพียงนี้ เพราะหลานสาวของเขาเป็นคนจิตใจดีมาโดยตลอด เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ในใจเขารู้สึกไม่พอใจ มองไปทางลู่เหิงจือ แล้วพูดกึ่งหยอกล้อว่า “เจ้าสามยังไม่รีบดูภรรยาของเจ้าอีก ออกไปข้างนอกครั้งเดียวก็ติดนิสัยแบบนี้มาเสียแล้ว”ลู่เหิงจือที่ยืนอยู่ข้างๆ ซูชิงลั่วนิ่งเงีบมาตลอด กระทั่งยามนี้ถึงลืมตาขึ้น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ข้าตามใจนาง ท่านมีปัญหาอะไรหรือ”ซูชิงลั่วใบหน้าแดงก่ำเล็กน้อยลู่โย่วรู้สึกอึดอัด ยังไม่ทันจะพูดอะไร ก็ได้ยินลู่เหิงจือพูดต่อว่า “ดูแลฮูหยินของตนให้ดีก่อนเถิด แล้วค่อยมาตำหนิผู้อื่น”เสียงของเขาแฝงไปด้วยความเย็นเยือกลู่โย่วใบหน้าซีดเผือดลู่หมิงซืออยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นว่าลู่โย่วถูกทำให้อับอายไปแล้ว ก็ไม่กล้าพูดอะไรมาก จึงทำได้เพียงแต่บิดผ้าเช็ดหน้าในมือไว้แน่นหญิงชราเผยรอยยิ้มจางๆ บนริมฝีปากเยี่ยมาก ชิงลั่วของนางกลับมาครั้งนี้แข็งแกร่งขึ้น สามีก็รักนา

    Last Updated : 2024-10-21
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 268

    เข้าประตูมา ทุกคนต่างแยกย้ายลู่เหิงจือไปที่เรือนหญิงชราพร้อมกับซูชิงลั่วเสียงใบไม้แห้งปลิวตามลมพัดโชยมาจากนอกหน้าต่างเบาๆคนเราพออายุมากขึ้นก็ดูแก่ลงได้ง่ายดายเพียงไม่ถึงปีหญิงชราผมหงอกขึ้นมาก ร่องรอยบนใบหน้าลึกขึ้น ผิวมือหยาบกร้านราวกับเปลือกของต้นไม้แก่หลังก็ไม่ตรงเหมือนเมื่อปีที่แล้วซูชิงลั่วรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งทรวง กอดท่านยายอยู่นานกว่าจะปล่อยมือหญิงชราเช็ดน้ำตา มองยังลู่เหิงจือที่มากับนาง แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "แต่งงานมานานขนาดนี้แล้ว อย่าให้หลานเขยหัวเราะเยาะเจ้าได้""เขาไม่หรอกเจ้าค่ะ" ซูชิงลั่วหันมองลู่เหิงจือลู่เหิงจือยิ้มโดยไม่รู้ตัว "ไม่กล้าขอรับ"เสียงของเขาดูอ่อนโยน น้ำเสียงก็ปกติราวกับว่าการใช้ชีวิตประจำวันกับซูชิงลั่วเป็นเช่นนี้เสมอมา ทำให้สาวใช้ในห้องค่อนข้างประหลาดใจก่อนหน้านี้แม้ว่าลู่เหิงจือจะดูแลฮูหยินเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ถึงขั้นนี้ ยามนี้ดูเหมือนว่าจะถูกฮูหยินควบคุมอย่างสมบูรณ์แล้วทันใดนั้น เหล่าสาวใช้ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาอีกครั้งหญิงชราก็รู้สึกประหลาดใจ แต่ดีใจยิ่งกว่า จึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า "เจ้าจะถูกเหิงจือตามใจจนเหลิงเสียแล้ว"ลู่เหิงจือมองไปท

    Last Updated : 2024-10-21
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 269

    "จะโกรธได้อย่างไร" ซูชิงลั่วตอบอย่างนอบน้อมว่า “ท่านยายคงจำเป็นต้องทำเช่นนั้น”“หลังจากที่หลิ่วเจิ้งเฉิงบิดาของนางหลิ่วกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งเสนาบดีกรมธรรมการ พระชายาองค์รัชทายาทก็ส่งหมัวมัวประจำตัวมาพูดจาเกลี่ยกล่อมข้าเอง ทั้งน้ารองของเจ้า เหยียนเออร์ และหมิงซือก็มาขอร้องทุกวัน ยายจึงจำเป็นต้องทำเช่นนี้”ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เองพระชายาองค์รัชทายาทเข้ามาแทรกแซงถึงเป็นสาเหตุสำคัญที่นางหลิ่วกลับมาหญิงชรามองด้วยแววตาเย็นชาเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าครั้งนี้นางหลิ่วจะกลับมาพร้อมกับความตั้งใจแน่วแน่ และไปมาหาสู่กับพระชายาองค์รัชทายาทอยู่บ่อยครั้ง ชิงลั่ว ในที่สุดเรือนข้างๆ ของพวกเจ้าก็ซ่อมแซมเสร็จแล้ว พวกเจ้าควรย้ายไปอยู่ที่นั่นเสียจะดีกว่า จะได้สบายใจขึ้น”หญิงชราเป็นห่วงว่านางจะถูกลอบทำร้ายอีกครั้งเพราะลู่เหิงจือจับตัวหวังเหลียงฮั่นไป ทำให้แตกหักกับฝ่ายองค์รัชทายาทอย่างสิ้นเชิงซูชิงลั่วพยักหน้าเบาๆ “ขอบคุณท่านยายมากที่เตือนสติ”ทั้งสองคนพูดคุยกันอีกสักพัก ซูชิงลั่วจึงขอตัวกลับก่อนหลังจากกลับห้อง เปลี่ยนเสื้อผ้า และกินอาหารกลางวันแล้ว ซูชิงลั่วก็ไปคารวะนางเฉียน เนื่องด้วยนางเฉียนเป

    Last Updated : 2024-10-21
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 270

    ลู่เหยียนกลับนั่งเหม่อลอยอยู่ข้างๆ ไม่รู้กำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่ผ่านไปชั่วครู่ นางหลิ่วก็หัวเราะเยาะออกมาอีกครั้ง “ข้าอยากรู้จริงๆ ว่านางจะส่งอะไรมาให้ข้า ในเมื่อเป็นน้าสะใภ้เหมือนกัน และนางก็เป็นคนรอบคอบ คงไม่ลำเอียงหรอกนะ”การออกเดินทางครั้งนี้ของนาง เรียกได้ว่าสูญเสียทั้งพลังกายและเงินที่เก็บสะสมไว้ไปจำนวนมากถึงแม้จะได้อำนาจการดูแลจวนกลับคืนมา แต่เงินในคลังก็มีบัญชีชัดเจน ไม่สามารถนำไปใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยได้แม้ซูชิงลั่วจะส่งของกำนัลมาเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตนเอง แต่นางหลิ่วก็แอบหวังลึกๆ อยากรู้ว่านางจะส่งเงินมาให้เท่าใดผ่านไปหนึ่งชั่วยาม สาวใช้ก็กลับมาแจ้งว่าซูชิงลั่วออกจากเรือนของนางเฉียนแล้วนางหลิ่วก็เริ่มวางมาด เตรียมที่จะติเตียนนางอย่างรุนแรงในช่วงที่ลู่เหิงจือไม่อยู่เมื่อถึงเวลาอาหารกลางวัน นางก็ยังไม่มานางหลิ่วจึงพูดว่า “อาจจะมาช่วงบ่ายก็ได้”หลังจากกินอาหารแล้ว ก็รออีกทั้งบ่าย จนใกล้มืดก็ยังไม่เห็นเงาของซูชิงลั่วนางหลิ่วจึงพูดว่า “ไม่รู้จักกาลเทศะเอาเสียเลย ใครจะมาเยี่ยมเยียนกันในยามค่ำคืนเล่า”ลู่เหยียนจับพัดในมือ ครุ่นคิดอยู่นาน แล้วถามสาวใช้ว่า “น

    Last Updated : 2024-10-21
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 271

    ลู่เหิงจือกลับมาจากวัง ฟ้าก็มืดแล้วทันทีที่เขาเดินเข้าไป ซูชิงลั่วก็เข้ามาต้อนรับ แล้วช่วยเขาถอดผ้าคลุมเพราะความหนาวด้านนอก ทำให้ผ้าคลุมมีไอเย็นแผ่ซ่านออกมา แม้แต่เชือกบริเวณคอก็แข็งเพราะความหนาวขณะที่ซูชิงลั่วกำลังแก้เชือกออกให้เขา ทันใดนั้นเองก็นึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อนานมาแล้วในป่าไผ่ เขาเคยผูกผ้าคลุมให้นางมาก่อนบรรยากาศที่คลุมเครือชวนหวั่นไหวเช่นนี้ เหตุใดนั้นยามนั้นนางถึงคิดว่าเขาไม่ชอบนางได้ความคิดของนางเตลิดไปไกล ปลายนิ้วหยุดชะงัก ก่อนจะถูกลู่เหิงจือดึงเข้าไปในอ้อมกอดเขาตากลมหนาวด้านนอกมาตลอดทาง ทันทีที่เข้ามาในห้องกลับอุ่นราวกับฤดูใบไม้ผลิร่างของนางทั้งอ่อนนุ่มและอบอุ่น ทั้งยังมีกลิ่นหอมของกุหลาบเขาถูไถหน้าผากของนางอย่างอดไม่ได้ : "กำลังคิดสิ่งใด"ซูชิงลั่วดึงเชือกที่คอของเขา ก่อนจะเงยหน้ามองเขา ตาใสเป็นประกาย : "ท่านลองทาย"เขาหลุบตาลง ความรู้สึกในแววตาพลันท่วมท้นอยู่ด้วยกันมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้แล้ว แน่นอนว่าซูชิงลั่วย่อมดูออกในทันทีนางผลักเขาออก ก่อนจะผละถอยหลังไปสองก้าว : "ท่านยังไม่ได้กินข้าวใช่หรือไม่ ข้าจะสั่งให้คนมาส่ง"วันนี้ซ่งเหวินตั้งใจมาบอกนางโดย

    Last Updated : 2024-10-22
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 272

    ก่อนหน้านี้ลู่เหิงจือไม่เคยบอกเรื่องในราชสำนักกับนาง ด้วยคิดว่าขอเพียงแค่นางอยู่ข้างกายเขาก็พอแล้วต่อให้วันข้างหน้ามีภัยอันตราย เขาก็สามารถจัดการทุกอย่างแทนนางได้แต่หลังจากการเดินทางในหังโจว เขาก็เปลี่ยนความคิดแม้ภรรยาของเขาจะดูอ่อนแอบอบบาง แต่กลับไม่ใช่หญิงสาวอย่างในตระกูลธรรมดาทั่วไป นางสามารถขี่ม้าจับดาบมาช่วยเขาได้หากจะรู้เรื่องในราชสำนักบ้าง ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรครั้นแล้วเขาจึงเล่าเรื่องวันนี้ให้นางฟังพอสังเขปฮ่องเต้อาจจะมีความสงสัยเคลือบแคลงพระทัยอยู่บ้าง แต่จะยังไม่ทำอะไรเขาในระยะเวลาอันใกล้นี้ซูชิงลั่วสีหน้ามึนงง : "ฝ่าบาททรงอยากพบข้าหรือเจ้าคะ ทรงประสงค์สิ่งใด"ลู่เหิงจือจับช่อผมนางขึ้นมาเล่น พลางเอ่ย : "เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก ทรงแค่สงสัยว่าภรรยาที่ได้ใจข้าไปครอบครองลักษณะท่าทางเป็นเช่นไร"ซูชิงลั่วพูดด้วยความกังวล : "แม้ข้าจะขี่ม้าได้ แต่ยิงธนูไม่เป็น การล่าสัตว์ครั้งนี้..."ลู่เหิงจือไม่เห็นเป็นเรื่องใหญ่ : "มีข้าอยู่ เจ้าไม่ต้องยิงธนูเอง""แต่หากข้าทำไม่ได้ กลัวว่าจะทำให้ท่านขายหน้า""แค่รูปโฉมของเจ้าก็ไม่มีทางทำให้ข้าขายหน้าได้แล้ว" ลู่เหิงจือบีบแก้ม

    Last Updated : 2024-10-22

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status