ห้องเครื่องทั้งป้าตื้อและลุงซุนที่นั่งคุกเข่าตัวสั่น ไทเฮานั่งบนเก้าอี้มีนางกำนัลคอยโบกพัดในมือเพื่อไล่ลมร้อน ใบหน้าไม่ได้บ่งบอกอารมณ์ ศรีไพรใจเต้นตึกตักเมื่อพบหน้าไทเฮาที่อยู่ในวัยกลางคนทว่ายังสวยดูอ่อนกว่าวัยที่สำคัญดวงตาและท่าทีเป็นคนที่มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่อี้เอ่อร์กระตุกชายเสื้อศรีไพร แล้วย่อตัวลง“ถวายพระพรพระพันปีทรงพระเจริญพันปี พันปี”ศรีไพรก้มหน้าย่อตัวตามทำปากขมุบขมิบ ตามอี้เอ่อร์ ไทเฮาขมวดคิ้วสีดำเข้มเข้าหากัน จ้องมองปิ่นปักผมที่ห้อยย้อยลงมาข้างแก้มใบหน้างดงามลงตัวแต่แม้จะคมเข้มกว่านางในทั่วไปแต่ปากคอคิ้วคางรับกับใบหน้าและดวงตาคมเหมือนบุรุษของศรีไพรก็น่ามองเสียจริง แล้วปิ่นนั่น กลืนน้ำลายลงคอช้าๆ ปิ่นนั่นปิ่นของไทซางหวงที่มอบให้กับไทเฮายามเมื่อพบหน้า กลับมาอยู่ที่นางในห้องเครื่องคนนี้ มันมีต้นสายปลายเหตุอย่างไรเรื่องนี้คงต้องถามหรวนหนิงหลงเท่านั้นว่าตั้งใจมอบให้นางหรือว่านางแอบนำปิ่นนี้มาใช้ทั้งที่หรวนหนิงหลงไม่เคยมอบมันให้นาง บางอย่างในตัวนางบอกไทเฮาว่านางเป็นมากกว่าผู้ช่วย และหรวนหนิงหลงกับนางมีความสัมพันธ์ใดกันแน่“เจ้านะหรือคือผู้ช่วยของนางในห้องเครื่องเฟยฟาง”น้ำเสียงเย
“เสด็จแม่ลูกลืมไปเสียสนิทจริงๆ คงต้องไปแล้ว เมื่อเสร็จธุระจึงจะไปพบเสด็จแม่ที่ตำหนักพระพันปี”ก็แค่เห็นศรีไพรทางด้านหลังหรวนหนิงหลงก็จำได้ จึงไม่ควรจะพบนางในตอนนี้ศรีไพรถอนหายใจยาวไทเฮายิ้มมุมปากเมื่อหรวนหนิงหลงรีบสาวเท้าจากไป“เอาล่ะก็คงไม่มีอะไรแล้ว เจ้าทำหน้าที่เหมือนที่เคยทำ ไม่ให้บกพร่องข้าก็พอใจแล้วเสร็จงานนี้หากทุกอย่างเรียบร้อยได้รับคำชมจากแขกที่มาร่วมงาน ข้าเตรียมของกำนัลไว้แล้ว”ไทเฮาลุกขึ้นจากแท่นนั่ง ก้าวเดิน ผ่านศรีไพรที่ลุกขึ้นย่อกายพร้อมกับอี้เอ่อร์และเสี่ยวถาน“ปิ่นอันนี้ เก็บรักษาไว้ให้ดีด้วย”กระซิบเบาๆ เมื่อเดินผ่านศรีไพรที่ตัวชามือเย็นเฉียบ“เพคะ”รับคำอย่างงงๆ เมื่อทุกอย่างอยู่ในสถานการณ์ปกติ“เฮ้อโล่งอก เกือบตายกันแล้ว ดีที่เจ้ามาทันเข่อชิง”ป้าตื้อถอนหายใจยาว“ดีที่ฝ่าบาทไม่เข้ามาอีกคนอย่างนั้นคงวุ่นวายน่าดูจะว่าไปฝ่าบาทก็มาถึงแล้วทำไมไม่ยอมเข้ามา”อี้เอ่อร์ตั้งข้อสังเกต“ไม่มาก็ดีแล้วข้าหัวใจจะวายตาย เดี๋ยวก็ฝ่าบาทเดี๋ยวก็ไทเฮา แล้วยังมีใครอีกที่ไม่ได้มาที่นี่ จะต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ อีกนานแค่ไหนกัน”นึกถึงเสียงทุ้มๆ นั่นเหมือนว่าเคยได้ยินที่ไหนปลายเสียงคุ้นเคยไม่น้
“ถ้าเช่นนั้นเมื่อคุยธุระกับไทเฮาเสร็จแล้วฝ่าบาทก็กลับมาที่นี่ มาเสวยเย็นและค้างเสียที่นี่หยิงเชียวให้คนจัดห้องหับ จุดกำยานเปลี่ยนผ้าปูแท่นนอนไว้หมดแล้ว”หรวนหนิงหลงถอนหายใจ“ข้าไม่ได้บอกว่าจะมาค้างแค่มาต้อนรับอ๋องเยี่ยไม่คิดว่าจะเป็นเจินอ๋องด้วยซ้ำไป”ใบหน้าสวยหวานก้มมองพื้น“เช่นนั้นคืนนี้หยิงเชียวไปที่ตำหนักฝ่าบาทได้ไหม”หรวนหนิงหลงถอนหายใจ“ไม่ได้ ข้าต้องการพักแขกเมืองเริ่มทะยอยเข้ามาในวังหลวงก็ควรจะให้เกียรติต้อนรับพวกเขา กุ้ยเฟยเจ้าไม่ใช่เด็กๆ แล้วจะมาเอาแต่ใจเหมือนที่ผ่านมาก็ไม่ถูก ไว้เสร็จจากงานเฉลิมฉลองค่อยทำตามใจเจ้า”ก้าวเดินออกจากตำหนักจันทรา หยินหยิงเชียวทรุดกายลงบนแท่นนั่งกำมือไว้แน่นจนเจ็บอุ้งมือตำหนักพระพันปี“มาแล้วหรือ”หรวนหนิงหลงทรุดกายลงบนแท่นนั่งเมื่อไทเฮาเอ่ยปากทักทาย“ดูสิ โดนใครขัดใจมาอีกหรือ”ยกมือขึ้นบีบที่ปลายคางเรียวของหรวนหนิงหลงให้หันไปมา“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮายิ้ม“ปิ่นของไทซางหวง ที่นางปักมันไว้ในวันนี้ หลงเอ่อร์จะอธิบายกับแม่อย่างไร”“ปิ่นหรือพ่ะย่ะค่ะ”ทำสีหน้างงงัน“ลูกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นปิ่นของเสด็จพ่อ”ไทเฮาเลิกคิ้ว“ปิ่นนั่นอยู่กับนางกำนัลที่ชื่อเก้อเ
เป่ยกงกงประสานมือพูดยิ้มๆเมื่อกลับจากตำหนักพระพันปี“เสด็จแม่อยากจะได้ปิ่นกลับคืน หรือแค่อยากจะให้ข้าพูดความจริง”หรวนหนิงหลงมีสีหน้าครุ่นคิด“แล้วฝ่าบาทพูดความจริงหรือไม่”เป่ยกงกงถามยิ้มๆ“ข้ากลัวว่าเสด็จแม่จะไม่ยอมรับนางเสียมากกว่าเช่นนั้นจึงควรแสดงความจริงใจว่าข้า มีใจกับนาง”ห้องเครื่องเฟยฟางยืนนิ่งตะลึงจังงังเมื่อเห้นว่าเข่อชิงปักปิ่นปักผมที่มองเพียงแว่บเดียวก็รู้ว่าเป็นของมีค่าควรเมือง“เฟยฟางมาพอดี เครื่องเสวยพวกนี้ เจ้ายกไปได้แล้ว”ศรีไพรพูดพร้อมกับรอยยิ้มเฟยฟางก้มหน้าเดินเข้ามาย่อกายลงงดงามต่อหน้าศรีไพร“พี่เข่อชิงข้า…บังอาจรบกวนท่าน”เข่อชิงเลิกคิ้วสูงถึง สงสัยแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากไปกว่านั้นเฟยฟางยืนก้มหน้าช่างใจ“ไม่ต้องอ้อมค้อมน่า พูดมาเถอะ”“ข้าเดิมวุ่นวายเรื่องสำคัญ”“เรื่องอะไร”พูดมาซี้จะให้ถามซ้ำทำไม“เรื่องปิ่นสำคัญอันหนึ่งที่หายไป ตอนนั้นฝ่าบาทประทานของมีค่าควรเมืองมากมายให้ข้าและมีปิ่นอันหนึ่งที่สำคัญยิ่ง ข้าหาจนทั่วไม่พบว่าใครในห้องเครื่องคนใดเป้นคนเอาไป มาถึงตอนนี้มันอยู่กับพี่ พี่เข่อชิง”เข่อชิงมือไวเท่าความคิดยกมือขึ้นคว้าปิ่นมากำไว้“แล้วอย่างไรเจ้าจะ
“จะใส่ยาพิษไปในอาหารก็จะต้องหาจังหวะให้ดี ต้องแน่ใจด้วยว่าหรวนหนิงหลงจะกินของสิ่งนั้นเข้าไปจริงๆ”ศรีไพรทรุดกายลงบนพื้น นั่งตัวสั่นกับพื้นนี่มันแผนลอบสังหารที่บังเอิญศรีไพรมาได้ยินเข้าพอดีสังหารฮ่องเต้เชียวหรือ ว่าแต่เสียงพูดคุ้นหูไม่น้อย จะต้องรู้ให้ได้ว่าคือใครศรีไพรค่อยๆ โผล่หัวขึ้นไปด้านบน จ้องมองไปยังบุคคลที่กำลังคุยกันเบาๆศรีไพรขมวดคิ้ว ลุงซุนคุยกับใครคนที่ลุงซุนก้มหัวให้ด้วยความอ่อนน้อมคนนั้นคือใคร จะใครก็ช่างแต่ลุงซุนก็คือคนที่เป็นหนอนบ่อนไส้ถึงศรีไพรจะไม่ค่อยชอบฝ่าบาทอะไรนั่นแต่รู้ก็รู้ว่าเขาไม่ชอบว่าเขากลัวว่าจะโดนวางยาพิษแล้วลุงซุนยังกล้าทำเรื่องแบบนี้อีกหรือ กินบนเรือนขี้บนหลังข้า ข้าเก่าเมียรักจริงๆ แบบนี้“ขอรับรับรองว่าฝ่าบาทจะต้องเสวยอย่างแน่นอน”ลุงซุนรับคำมั่นเหมาะไอ้คนนั้นที่หันหลังให้ศรีไพรล้วงอะไรบางอย่างวางลงบนมือของลุงซุนที่ศรีไพรเห็นได้ชัดว่าดวงตาเป็นประกายต้องแสงจันทร์ให้ตายเถอะออกไปเปิดโปงตอนนี้เลยดีไหม ไม่สิ จะต้อง เอารื่องนี้ไปบอกใครสักคน ว่าแต่ใครสักคนนั่น ควรจะเป็นใคร ป้าตื้อจะเข้าข้างสามีไหม แล้วถ้าเป็นอี้เอ่อร์เล่า นางเขาข้างฝ่าบาทแน่แต่นางจะทำอะไรได้
ดวงจันทร์หายไปเมื่อแสงแรกของตะวันคืบคลานเข้ามา ศรีไพร เปิดปากหาว เมื่อคืนกว่าจะเดินมาถึงห้องพักก็ราวๆ ตีสาม เสื้อคลุมสีดำพร้อมกับกลิ่นกายที่คุ้นเคยของใครสักคนศรีไพรอมยิ้ม หนิงเอ่อร์จะต้องมาที่ห้องเครื่องแต่ไม่กล้าปลุกศรีไพรแน่เมื่อวานสั่งงานไปหลายอย่างทั้งเตรียมวัตถุดิบและการจัดการบางอย่างที่ยังต้องบอกกันใหม่หมด อย่างการแกะกุ้งล้างกุ้งที่ต้องใช้แป้งและการเก็บรักษากุ้งไว้ในน้ำเย็นจัดเพื่อให้กุ้งยังสดเด้งสู้ปากทุกอย่างบอกไปกับอี้เอ่อร์ เสี่ยวถาน หยุนเอ่อร์ เสี่ยวลี่ และเจียวหยาเรียบร้อยแล้วที่เหลือพวกนางก็แค่บอกต่อนางในห้องเครื่องที่ฝ่าบาทส่งมาเพื่อช่วยเรื่องการปรุงอาหารโดยเฉพาะการเตรียมงานฉุกละหุกกว่าการปรุงแน่นอนการปรุงใช้เวลาไม่มากแต่ต้องเป็นขั้นตอนและมีการวางแผนก่อนหลัง อาหารพวกดิ๋มซำถูกเสิร์ฟก่อนอยู่แล้วตามทำเนียม ต่อจากนั้นก็จะเป็นกุ้งแช่น้ำปลา ปลากะพงราดทอดราดน้ำปลา และของอื่นตามไปทีหลังผัดไทยกุ้งสด ผัดไทยห่อไข่ ข้าวผัดเกาลัด ข้าวหมกไก่ ขาหมูเยอรมัน ยำสามเห็ด และเล้งแซ่บ ปลานึ่งมะนาว ปลาเก๋าราดพริก แกงส้มแปะซะปลากุ้ย (ปลาที่นิยมกินในงานมงคลของจีน) และพะโล้หมู ของหวานก็มี ผัดไ
ยิ้มกว้างสดใส หรวนหนิงหลงเองก็อมยิ้ม“แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเป็นอาภรณ์ของข้า”มองสบตานิ่งไม่ให้อีกคนได้กลบเกลื่อนดวงตาศรีไพรบ่งบอกว่ากำลังเขิน จะบอกได้อย่างไรว่าจำกลิ่นกายได้กลิ่นถุงหอมที่ข้างเอวกลิ่นกายบุรุษที่ปนไปด้วยพลังมหาศาล“ก็..ก็เอาเหอะน่ารับไปเถอะ”หรวนหนิงหลงยื่นมือรับเอาเสื้อก่อนจะดึงตัวศรีไพรเข้ามากอดไว้แน่นอีกครั้ง“ปะปล่อยเถอะมากอดได้อย่างไร”ศรีไพรอายจนหน้าแดงในยามนี้“พอห่างจึงได้รุ้ว่าคิดถึงเจ้าที่สุด ขอกอดแบบนี้นานหน่อยได้ไหม เผื่อว่าจะได้มีกำลังใจสู้ต่อไป”“ ดะดะได้แต่ว่า ข้าแค่สงสัยว่าท่านเชื่อที่ข้าพูดเรื่องที่มีคนกำลังจะวางยาฝ่าบาทไหม”หรวนหนิงหลงดันร่างบางให้สบตาเขานิ่ง แล้วโน้มตัวลงช้าๆ จุมพิตที่ริมฝีปากที่เจื้อยแจ้วนั่นเสีย ศรีไพรทำตาโตรู้สึกประหลาดกับรสจูบหวานที่อีกคนมอบให้ คนอะไรจูบเก่งเป็นบ้า แบบนี้เองที่เขาเรียกว่าอ่อนระทวยในอ้อมแขนก็ศรีไพรเองแทบจะไม่มีแรงพยุงตัวต้องอาศัยอีกคน รั่งเอวบางให้แนบกับเอวแกร่งไว้“เจ้ากลับไปเถอะ แล้วข้าจะหาทางช่วยฝ่าบาทให้รอดปลอดภัย ”แม้จะงงงงแต่ศรีไพรก็ยิ้มบางๆ“จริงๆ นะ ท่านจะต้องหาทางบอกเรื่องนี้กับฝ่าบาทหรือใครสักคนเพราะลำพังข
“หลงเอ่อร์ บอกกับข้าว่า มีเพียงนางที่เขารู้สึกว่าต่างจากหญิงนางอื่นที่ผ่านมามีเพียงนางที่ทำให้เขายิ้มและหัวเราะได้” นางกำนัลอมยิ้ม“ฝ่าบาทไม่เคยเอ่ยเช่นนี้มาก่อนไทเฮาควรจะดีพระทัยเพคะ”ไทเฮาพยักหน้าขึ้นลง“ข้าก็ จะดีใจหากว่า…แล้วตำหนักจันทราเล่ามีความเคลื่อนไหวใดบ้าง”“กุ้ยเฟยทรงง่วนอยู่กับการเลือกอาภรณ์ในเวลาเช้าสายเที่ยงและบ่ายสำหรับสวมใส่อวดรูปโฉม”ดีแล้ว หยินหยิงเชียวนางโมโหร้าย ข้าหวังว่าก่อนที่หลงเอ่อร์จะเปิดเผยฐานะของนางในห้องเครื่องคนนั้นหยินหยิงเชียวนางจะทำใจได้ ในตอนนี้จึงไม่อยากให้นางรู้เรื่องเร็วเกินไป”ลานกว้างหน้าบันไดทอดยาวเข้าสู่ตัวตำหนักด้านใน หรือลานด้านหน้าวังหน้าที่กว้างขวางบัดนี้ถูกเนรมิตให้เป็นลานสำหรับดื่มกินผู้คนมากมายจากต่างแคว้นและขุนนางที่ต่างทยอยกันลงจากเกี้ยวหน้าประตูวังเพื่อส่งเทียบเชิญและเดินเข้ามาในวังหลวง ที่ประตูวังเปิดอ้าออกเผยให้เห็นโต๊ะตัวเตี้ยหลายร้อยโต๊ะ ที่ต่างมีคนจับจองนั่งประจำที่ไว้แล้วหรวนหนิงหลงยืนมองมองมาจากระเบียงสูงบนตำหนักด้านหน้า เป่ยกงกงประสานมือนอบน้อม“ฝ่าบาทตัดสินใจแล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”หรวนหนิงหลงยิ้มบางๆ“กงกงช่วยไปที่ห้องเครื่อ