เป่ยกงกงประสานมือพูดยิ้มๆเมื่อกลับจากตำหนักพระพันปี“เสด็จแม่อยากจะได้ปิ่นกลับคืน หรือแค่อยากจะให้ข้าพูดความจริง”หรวนหนิงหลงมีสีหน้าครุ่นคิด“แล้วฝ่าบาทพูดความจริงหรือไม่”เป่ยกงกงถามยิ้มๆ“ข้ากลัวว่าเสด็จแม่จะไม่ยอมรับนางเสียมากกว่าเช่นนั้นจึงควรแสดงความจริงใจว่าข้า มีใจกับนาง”ห้องเครื่องเฟยฟางยืนนิ่งตะลึงจังงังเมื่อเห้นว่าเข่อชิงปักปิ่นปักผมที่มองเพียงแว่บเดียวก็รู้ว่าเป็นของมีค่าควรเมือง“เฟยฟางมาพอดี เครื่องเสวยพวกนี้ เจ้ายกไปได้แล้ว”ศรีไพรพูดพร้อมกับรอยยิ้มเฟยฟางก้มหน้าเดินเข้ามาย่อกายลงงดงามต่อหน้าศรีไพร“พี่เข่อชิงข้า…บังอาจรบกวนท่าน”เข่อชิงเลิกคิ้วสูงถึง สงสัยแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากไปกว่านั้นเฟยฟางยืนก้มหน้าช่างใจ“ไม่ต้องอ้อมค้อมน่า พูดมาเถอะ”“ข้าเดิมวุ่นวายเรื่องสำคัญ”“เรื่องอะไร”พูดมาซี้จะให้ถามซ้ำทำไม“เรื่องปิ่นสำคัญอันหนึ่งที่หายไป ตอนนั้นฝ่าบาทประทานของมีค่าควรเมืองมากมายให้ข้าและมีปิ่นอันหนึ่งที่สำคัญยิ่ง ข้าหาจนทั่วไม่พบว่าใครในห้องเครื่องคนใดเป้นคนเอาไป มาถึงตอนนี้มันอยู่กับพี่ พี่เข่อชิง”เข่อชิงมือไวเท่าความคิดยกมือขึ้นคว้าปิ่นมากำไว้“แล้วอย่างไรเจ้าจะ
“จะใส่ยาพิษไปในอาหารก็จะต้องหาจังหวะให้ดี ต้องแน่ใจด้วยว่าหรวนหนิงหลงจะกินของสิ่งนั้นเข้าไปจริงๆ”ศรีไพรทรุดกายลงบนพื้น นั่งตัวสั่นกับพื้นนี่มันแผนลอบสังหารที่บังเอิญศรีไพรมาได้ยินเข้าพอดีสังหารฮ่องเต้เชียวหรือ ว่าแต่เสียงพูดคุ้นหูไม่น้อย จะต้องรู้ให้ได้ว่าคือใครศรีไพรค่อยๆ โผล่หัวขึ้นไปด้านบน จ้องมองไปยังบุคคลที่กำลังคุยกันเบาๆศรีไพรขมวดคิ้ว ลุงซุนคุยกับใครคนที่ลุงซุนก้มหัวให้ด้วยความอ่อนน้อมคนนั้นคือใคร จะใครก็ช่างแต่ลุงซุนก็คือคนที่เป็นหนอนบ่อนไส้ถึงศรีไพรจะไม่ค่อยชอบฝ่าบาทอะไรนั่นแต่รู้ก็รู้ว่าเขาไม่ชอบว่าเขากลัวว่าจะโดนวางยาพิษแล้วลุงซุนยังกล้าทำเรื่องแบบนี้อีกหรือ กินบนเรือนขี้บนหลังข้า ข้าเก่าเมียรักจริงๆ แบบนี้“ขอรับรับรองว่าฝ่าบาทจะต้องเสวยอย่างแน่นอน”ลุงซุนรับคำมั่นเหมาะไอ้คนนั้นที่หันหลังให้ศรีไพรล้วงอะไรบางอย่างวางลงบนมือของลุงซุนที่ศรีไพรเห็นได้ชัดว่าดวงตาเป็นประกายต้องแสงจันทร์ให้ตายเถอะออกไปเปิดโปงตอนนี้เลยดีไหม ไม่สิ จะต้อง เอารื่องนี้ไปบอกใครสักคน ว่าแต่ใครสักคนนั่น ควรจะเป็นใคร ป้าตื้อจะเข้าข้างสามีไหม แล้วถ้าเป็นอี้เอ่อร์เล่า นางเขาข้างฝ่าบาทแน่แต่นางจะทำอะไรได้
ดวงจันทร์หายไปเมื่อแสงแรกของตะวันคืบคลานเข้ามา ศรีไพร เปิดปากหาว เมื่อคืนกว่าจะเดินมาถึงห้องพักก็ราวๆ ตีสาม เสื้อคลุมสีดำพร้อมกับกลิ่นกายที่คุ้นเคยของใครสักคนศรีไพรอมยิ้ม หนิงเอ่อร์จะต้องมาที่ห้องเครื่องแต่ไม่กล้าปลุกศรีไพรแน่เมื่อวานสั่งงานไปหลายอย่างทั้งเตรียมวัตถุดิบและการจัดการบางอย่างที่ยังต้องบอกกันใหม่หมด อย่างการแกะกุ้งล้างกุ้งที่ต้องใช้แป้งและการเก็บรักษากุ้งไว้ในน้ำเย็นจัดเพื่อให้กุ้งยังสดเด้งสู้ปากทุกอย่างบอกไปกับอี้เอ่อร์ เสี่ยวถาน หยุนเอ่อร์ เสี่ยวลี่ และเจียวหยาเรียบร้อยแล้วที่เหลือพวกนางก็แค่บอกต่อนางในห้องเครื่องที่ฝ่าบาทส่งมาเพื่อช่วยเรื่องการปรุงอาหารโดยเฉพาะการเตรียมงานฉุกละหุกกว่าการปรุงแน่นอนการปรุงใช้เวลาไม่มากแต่ต้องเป็นขั้นตอนและมีการวางแผนก่อนหลัง อาหารพวกดิ๋มซำถูกเสิร์ฟก่อนอยู่แล้วตามทำเนียม ต่อจากนั้นก็จะเป็นกุ้งแช่น้ำปลา ปลากะพงราดทอดราดน้ำปลา และของอื่นตามไปทีหลังผัดไทยกุ้งสด ผัดไทยห่อไข่ ข้าวผัดเกาลัด ข้าวหมกไก่ ขาหมูเยอรมัน ยำสามเห็ด และเล้งแซ่บ ปลานึ่งมะนาว ปลาเก๋าราดพริก แกงส้มแปะซะปลากุ้ย (ปลาที่นิยมกินในงานมงคลของจีน) และพะโล้หมู ของหวานก็มี ผัดไ
ยิ้มกว้างสดใส หรวนหนิงหลงเองก็อมยิ้ม“แล้วรู้ได้อย่างไรว่าเป็นอาภรณ์ของข้า”มองสบตานิ่งไม่ให้อีกคนได้กลบเกลื่อนดวงตาศรีไพรบ่งบอกว่ากำลังเขิน จะบอกได้อย่างไรว่าจำกลิ่นกายได้กลิ่นถุงหอมที่ข้างเอวกลิ่นกายบุรุษที่ปนไปด้วยพลังมหาศาล“ก็..ก็เอาเหอะน่ารับไปเถอะ”หรวนหนิงหลงยื่นมือรับเอาเสื้อก่อนจะดึงตัวศรีไพรเข้ามากอดไว้แน่นอีกครั้ง“ปะปล่อยเถอะมากอดได้อย่างไร”ศรีไพรอายจนหน้าแดงในยามนี้“พอห่างจึงได้รุ้ว่าคิดถึงเจ้าที่สุด ขอกอดแบบนี้นานหน่อยได้ไหม เผื่อว่าจะได้มีกำลังใจสู้ต่อไป”“ ดะดะได้แต่ว่า ข้าแค่สงสัยว่าท่านเชื่อที่ข้าพูดเรื่องที่มีคนกำลังจะวางยาฝ่าบาทไหม”หรวนหนิงหลงดันร่างบางให้สบตาเขานิ่ง แล้วโน้มตัวลงช้าๆ จุมพิตที่ริมฝีปากที่เจื้อยแจ้วนั่นเสีย ศรีไพรทำตาโตรู้สึกประหลาดกับรสจูบหวานที่อีกคนมอบให้ คนอะไรจูบเก่งเป็นบ้า แบบนี้เองที่เขาเรียกว่าอ่อนระทวยในอ้อมแขนก็ศรีไพรเองแทบจะไม่มีแรงพยุงตัวต้องอาศัยอีกคน รั่งเอวบางให้แนบกับเอวแกร่งไว้“เจ้ากลับไปเถอะ แล้วข้าจะหาทางช่วยฝ่าบาทให้รอดปลอดภัย ”แม้จะงงงงแต่ศรีไพรก็ยิ้มบางๆ“จริงๆ นะ ท่านจะต้องหาทางบอกเรื่องนี้กับฝ่าบาทหรือใครสักคนเพราะลำพังข
“หลงเอ่อร์ บอกกับข้าว่า มีเพียงนางที่เขารู้สึกว่าต่างจากหญิงนางอื่นที่ผ่านมามีเพียงนางที่ทำให้เขายิ้มและหัวเราะได้” นางกำนัลอมยิ้ม“ฝ่าบาทไม่เคยเอ่ยเช่นนี้มาก่อนไทเฮาควรจะดีพระทัยเพคะ”ไทเฮาพยักหน้าขึ้นลง“ข้าก็ จะดีใจหากว่า…แล้วตำหนักจันทราเล่ามีความเคลื่อนไหวใดบ้าง”“กุ้ยเฟยทรงง่วนอยู่กับการเลือกอาภรณ์ในเวลาเช้าสายเที่ยงและบ่ายสำหรับสวมใส่อวดรูปโฉม”ดีแล้ว หยินหยิงเชียวนางโมโหร้าย ข้าหวังว่าก่อนที่หลงเอ่อร์จะเปิดเผยฐานะของนางในห้องเครื่องคนนั้นหยินหยิงเชียวนางจะทำใจได้ ในตอนนี้จึงไม่อยากให้นางรู้เรื่องเร็วเกินไป”ลานกว้างหน้าบันไดทอดยาวเข้าสู่ตัวตำหนักด้านใน หรือลานด้านหน้าวังหน้าที่กว้างขวางบัดนี้ถูกเนรมิตให้เป็นลานสำหรับดื่มกินผู้คนมากมายจากต่างแคว้นและขุนนางที่ต่างทยอยกันลงจากเกี้ยวหน้าประตูวังเพื่อส่งเทียบเชิญและเดินเข้ามาในวังหลวง ที่ประตูวังเปิดอ้าออกเผยให้เห็นโต๊ะตัวเตี้ยหลายร้อยโต๊ะ ที่ต่างมีคนจับจองนั่งประจำที่ไว้แล้วหรวนหนิงหลงยืนมองมองมาจากระเบียงสูงบนตำหนักด้านหน้า เป่ยกงกงประสานมือนอบน้อม“ฝ่าบาทตัดสินใจแล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”หรวนหนิงหลงยิ้มบางๆ“กงกงช่วยไปที่ห้องเครื่อ
เฟยฟางในอาภรณ์งดงามราวกับสนมคนหนึ่งก็ไม่ปานยืนยิ้มที่หน้ากระจก“หากฝ่าบาทจะชื่นชมใครสักคน คนคนนั้นจะต้องเป็นข้าที่แบกรับทุกอย่างมาตั้งนานไม่ใช่เจ้าเข่อชิง”พร่ำพูดกับตัวเองด้วยสีหน้าและดวงตามุ่งหวังที่แฝงไปด้วยความริษยามือบางกำบางอย่างไว้แน่น“จะไม่มีเข่อชิงอีกต่อไปแล้วต่อไปจะมีเพียงเฟยฟาง เพียงคนเดียว”ที่ลานกว้าง“ฮ่องเต้เสด็จๆๆๆๆๆๆ”ผู้คนที่นั่งอยู่ต่าง ลุกขึ้นยกมือขึ้นประสานพร้อมเพรียงกันตรงหน้า“ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี”หรวนหนิงหลงยิ้ม“เพียงกล่าวคำขอบคุณก็ไม่อาจเอื่อนเอ่ยบรรยายได้หมดในความรู้สึกขอบคุณที่ทุกท่านมาในครั้งนี้ข้า จึงหวังสิ่งตอบแทนเดียวที่มีคือการกินดื่มจนหนำใจ”“ทรงพระเจริญ หมื่นปี หมื่นๆ ปี”ขุนนางชั้นสูงคนหนึ่งยกจอกสุราตรงหน้าให้ผู้คนได้ร่วมดื่มอวยพร เป่ยกงกงรินสุราลงในจอกให้กับหรวนหนิงหลงไทเฮาและหยินหยิงเชียวต่างยกสุราชูขึ้นตรงหน้า เพื่อร่วมเฉลิมฉลองหรวนหนิงหลงชูสุราตรงหน้าแล้วกระดกลงคอในทันทีราวกับคำกล่าวเปิดงาน เหล่านางในต่างยกถาดอาหารนับร้อยนับพันมาเสริ์ฟในแต่ละโต๊ะเฟยฟางในอาภรณ์สะดุดตาต่างจากนางในคนอื่นที่เดินนวยนาดยกถาดเครื่องเสวยสำหรับหรวนหนิงหลงเข
“เรียบร้อยแล้วจ้ะพี่ ข้าเห็นว่าลุงซุนยอมใจดีให้พี่ยกของสิ่งนี้ออกไปด้วยตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าลุงซุนจะยอมง่ายดาย”ศรีไพรกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ เรื่องนี้จำต้องลงมือด้วยตัวเองหากพลาดเดาทางผิดนั่นเท่ากับฮ่องเต้จะต้อง ต้องพิษอย่างแน่นอน แต่หากพลาดอีกก็คือโทษตาย ในเมื่อคนที่คิดทำเค้กก็คือศรีไพรคนที่ยกไปก็คือศรีไพร เรื่องนี้หากจะมีใครสักคนโยนงานให้ก็เหมาะเจาะเหลือเกิน แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อศรีไพร ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ให้ทุกอย่างมาลงที่เค้กชิ้นนี้เพื่อควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง“ไปได้แล้วตอนนี้งานเลี้ยงกำลังจะจบลงแล้ว เจ้ารีบยกของหวานที่เจ้าตั้งใจมอบให้ฝ่าบาทออกไปได้แล้ว อย่ามัวแต่ชักช้างานเลี้ยงใกล้จะจบลงเต็มทนแล้ว”เสียงลุงซุนดังมาจากข้างหลัง อี้เอ่อร์เบ้ปากศรีไพรกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นหันไปมองถาดใส่เค้กที่มีฝาปิดไว้มิดชิดสูดลมหายใจเข้าลึกๆตื่นเต้นอย่างที่สุดที่จะต้องอยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก และจะต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ นั่นไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่จะบังอาจทำต่อจากนี้ บังอาจยกเครื่องเสวยโดยไม่ต้องหลบในเงาของเฟยฟางอีกต่อไปอี้เอ่อร์มาช่วยจัดแจงอาภรณ์ของศรีไพรให้เข้าที่“ไปกันเถิดอี้เอ่อร์”พูดด้วยน้ำเสี
ลุงซุนยิ้มสาสมใจ เพิ่งจะโรยยาพิษบนเค้กก้อนนั้นไป คิดไปช่างง่ายดายยิ่งนัก เข่อชิงนางคงต้องการให้ตัวเองโดดเด่น ดีเสียจริงคนแบบนี้ที่เหมาะกับงานนี้ ที่จะต้องรับโทษประหารข้อหาปลงพระชนม์หรวนหนิงหลงเป็นนางอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง โชคเข้าข้างเมื่ออยู่ๆ อี้เอ่อร์ก็มาบอกว่า เข่อชิงนางทำของหวานชนิดพิเศษสำหรับฝ่าบาทเมื่อทั้งสองคนเผลอไผลลุงซุนก็นำ มัจจุราชแห่งความตายมอบให้หรวนหนิงหลงในทันที โดยหารยืมมือของนางโง่นั่น แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ทำไมฝ่าบาทให้ความสำคัญกับนางเพียงนั้นหยินเจินเชียวกับหยินหยิงเชียว ทั้งสองจ้องมองใบหน้างดงามกับอาภรณ์เนื้อดี แต่ความคิดต่างกัน หยินหยิงเชียวกับคิดว่านางมีสิทธิ์สวมใส่อาภรณ์เนื้อดีราวกับฮองเฮาด้วยหรือไร หยินหยิงเชียวกัดฟันจนเป็นสันนูนส่วนหยินเจินเชียวกลับรู้สึกว่าหญิงงามคนนี้ช่างเหมาะกับอาภรณ์งดงามนี้และเป็นหรวนหนิงหลงที่ให้ความสำคัญนางเกินใคร“ใครให้เจ้าเข้ามาในนี้ แค่เพียงผู้ช่วยคนปรุงอาหารมีสิทธิ์อะไรเข้ามาในนี้ แล้วอาภรณ์ที่เจ้าสวมใส่ เจ้าแอบยักยอกมาจากตำหนักไหน จากสนมคนใด”หยินหยิงเชียวส่งเสียงดังลั่นท่ามกลางสายตานับพันคู่นางหายีหระไม่ ก็บิดาเป็นถึงอ๋องเยี่ย ของต