เช้าวันใหม่ที่เซนต์เอมิลี่มาถึงแล้ว ฉันตื่นขึ้นมาในห้องพักเล็กๆ ที่ยังคงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมันเลยสักนิด แสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย
ฉันลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเตรียมตัวไปเรียน ฉันหยิบชุดนักเรียนที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงจีบสีเทาออกมาจากตู้เสื้อผ้า และจัดผมให้เรียบร้อยตามระเบียบของโรงเรียน ความเคร่งครัดที่นี่ทำให้ฉันต้องระมัดระวังทุกการกระทำ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎที่ถูกวางไว้ แต่บางอย่างในใจฉันก็ยังรู้สึกว่า มีบางสิ่งที่ฉันกำลังท้าทายมันอยู่
เมื่อฉันเดินออกมาจากห้องพัก ฉันก็เจอกับซาร่าที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนเหมือนกัน ซาร่าส่งยิ้มให้ฉันด้วยความเป็นมิตรเช่นเคย
"พร้อมไปเรียนหรือยัง?" ซาร่าถามด้วยน้ำเสียงสดใส
"พร้อมแล้วล่ะ" ฉันตอบกลับพร้อมกับยิ้ม "แต่ยังคงรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง"
"ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวเธอก็ชิน" ซาร่าพูดพร้อมกับพยักหน้าให้ฉัน "วันนี้มีเรียนวรรณคดีเป็นวิชาแรกด้วยนะ ฉันจำได้ว่าเธอสนใจวรรณคดีมากเลยใช่ไหม?"
"ใช่ ฉันชอบอ่านนิยาย มันทำให้ฉันได้หลบหนีจากความจริงบ้าง" ฉันตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่...ครูพีทเป็นครูสอนวรรณคดีใช่ไหม?"
"ใช่แล้ว ครูพีทเป็นครูที่ดีมากเลยล่ะ เขาเข้าใจนักเรียนและสอนในแบบที่ไม่เหมือนใคร" ซาร่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชม
ฉันพยักหน้ารับ แต่ในใจกลับรู้สึกกระสับกระส่าย ฉันไม่สามารถหยุดคิดถึงครูพีทได้ สายตาของเขาที่มองมาที่ฉันเมื่อวานนี้ทำให้ฉันรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาซะงั้น แต่ฉันพยายามที่จะไม่แสดงความรู้สึกนั้นออกมาให้ซาร่าเห็น
"งั้นเราไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสาย" ซาร่าพูดพร้อมกับเดินนำไปทางห้องเรียน
ฉันเดินตามซาร่าไปที่ห้องเรียนวรรณคดีที่อยู่ในอาคารหลักของโรงเรียน ห้องเรียนนี้เป็นห้องที่มีหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับแสงแดดเข้ามาอย่างเต็มที่ โต๊ะเรียนถูกจัดเรียงเป็นแถวๆ อย่างเป็นระเบียบ ที่นั่งของฉันอยู่แถวกลาง ใกล้กับหน้าต่างที่สามารถมองเห็นสวนข้างนอกได้
เมื่อฉันนั่งลงที่โต๊ะของตัวเอง ฉันก็เริ่มรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่กำลังจะได้เรียนวิชาที่ฉันชอบ แต่ความตื่นเต้นนั้นกลับถูกแทนที่ด้วยความกังวลเมื่อครูพีทเดินเข้ามาในห้อง เขาเดินเข้ามาอย่างสง่างามและมั่นใจ ในมือของเขาถือหนังสือเล่มใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นตำราวรรณคดี
"สวัสดีครับนักเรียนทุกคน" ครูพีทเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและเป็นมิตร "วันนี้เราจะเริ่มต้นด้วยการพูดถึงวรรณกรรมคลาสสิกที่มีอิทธิพลต่อวรรณกรรมสมัยใหม่"
ฉันพยายามตั้งใจฟังในสิ่งที่ครูพีทพูด แต่ทุกครั้งที่เขามองมาที่ฉัน ฉันกลับรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่คาดคิด ฉันพยายามไม่สบตากับเขา แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย
"ลิลลี่" ครูพีทเรียกชื่อฉันขึ้นมาท่ามกลางการบรรยาย ทำให้ฉันสะดุ้งเล็กน้อย
"คะ...คะ?" ฉันตอบกลับด้วยความตกใจเล็กน้อย
"คุณคิดยังไงกับแนวคิดเรื่องความรักในวรรณกรรมคลาสสิก?" เขาถามพลางมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ดูเหมือนต้องการคำตอบที่จริงใจ
ฉันนิ่งคิดสักพักก่อนที่จะตอบ "ฉันคิดว่าความรักในวรรณกรรมคลาสสิกมักถูกนำเสนอในลักษณะที่บริสุทธิ์และทรงพลัง มันเป็นความรักที่อาจจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ก็สะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ในทุกด้าน ทั้งความสุขและความเจ็บปวด"
ครูพีทพยักหน้าเล็กน้อย "เป็นความคิดที่น่าสนใจมากลิลลี่ ความรักในวรรณกรรมคลาสสิกมักเป็นสิ่งที่ยากจะอธิบาย มันเป็นทั้งแรงบันดาลใจและความท้าทายสำหรับนักเขียน และบางครั้งมันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้อ่านต้องตั้งคำถามกับความเชื่อในเรื่องความรักของตัวเอง"
ฉันรู้สึกถึงสายตาของเพื่อนร่วมชั้นที่หันมามองฉัน แต่ฉันพยายามไม่ใส่ใจและตั้งใจฟังครูพีทต่อไป การบรรยายของเขาเต็มไปด้วยความรู้และความหลงใหลในวรรณกรรม แต่ฉันก็ไม่สามารถหยุดความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเขามองมาที่ฉันได้
หลังจากเลิกเรียนวรรณคดี ฉันรู้สึกโล่งใจเล็กน้อยที่ไม่ต้องเผชิญกับสายตาของครูพีทอีก ฉันรีบเก็บของและเตรียมตัวไปเรียนวิชาต่อไป แต่ก่อนที่ฉันจะได้ลุกจากที่นั่ง ครูพีทก็เดินเข้ามาใกล้โต๊ะของฉัน
"ลิลลี่" เขาเรียกฉันเบาๆ
"คะ?" ฉันหันไปมองเขาด้วยความสงสัย
"ผมอยากคุยกับคุณเกี่ยวกับบทเรียนวันนี้ ถ้าคุณมีเวลาหลังเลิกเรียน เรานัดเจอกันที่ห้องสมุดได้ไหม?" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแต่ไม่กดดัน
ฉันรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง แต่ก็พยายามทำใจให้สงบ "ได้ค่ะ ฉันจะไปเจอที่ห้องสมุดหลังเลิกเรียน"
"ขอบคุณครับ แล้วเจอกันนะ" ครูพีทพูดพร้อมกับยิ้มให้ฉันเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
หลังจากนั้นฉันก็เดินออกจากห้องเรียนและไปเรียนวิชาต่อไป แต่ในใจของฉันกลับรู้สึกว้าวุ่นและสับสน ฉันไม่รู้ว่าครูพีทต้องการคุยอะไรกับฉัน แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นและกังวลในเวลาเดียวกัน
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ จนกระทั่งถึงเวลาหลังเลิกเรียน ฉันรีบเก็บของและเดินไปที่ห้องสมุดตามที่ครูพีทบอกไว้ ห้องสมุดในช่วงบ่ายเงียบสงบมาก นักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านหรือไปทำกิจกรรมอื่นๆ กันแล้ว ฉันเดินเข้าไปในห้องสมุดและมองหาครูพีทที่นัดฉันไว้
เขานั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องสมุด โต๊ะที่เขานั่งอยู่เต็มไปด้วยหนังสือที่ถูกเปิดไว้อย่างไม่เป็นระเบียบ ฉันเดินเข้าไปใกล้เขาและนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามเขา
"ขอโทษที่ทำให้ต้องมาพบกันที่นี่" ครูพีทพูดขึ้นเมื่อเห็นฉันนั่งลง "ผมแค่คิดว่าเราอาจจะได้คุยกันอย่างเงียบๆ และเป็นส่วนตัวที่นี่"
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็อยากคุยเรื่องบทเรียนวันนี้อยู่เหมือนกัน" ฉันตอบกลับพร้อมกับพยายามทำตัวให้สบายๆ แม้ว่าฉันจะรู้สึกกดดันเล็กน้อย
"คุณตอบคำถามในห้องเรียนได้ดีมาก" ครูพีทพูดพลางมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่อบอุ่น "ผมเห็นว่าคุณมีความคิดที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับวรรณกรรม และผมอยากให้คุณรู้ว่า ผมจะช่วยคุณพัฒนาความรู้ความเข้าใจในด้านนี้ได้อย่างเต็มที่"
"ขอบคุณค่ะ ครูพีท ฉันก็สนใจวรรณกรรมมากจริงๆ และอยากเรียนรู้เพิ่มเติม" ฉันตอบพร้อมกับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นในหัวใจ
"ดีมาก" ครูพีทพยักหน้า "ถ้าคุณสนใจ เราอาจจะจัดเวลาพิเศษนอกเวลาเรียนเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับวรรณกรรมเพิ่มเติมได้ คุณคิดว่ายังไง?"
ฉันรู้สึกประหลาดใจกับข้อเสนอนี้ แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นในเวลาเดียวกัน "ฉันคิดว่ามันเป็นไอเดียที่ดีค่ะ"
"งั้นก็ตกลง" ครูพีทยิ้ม "เราจะเริ่มกันในสัปดาห์หน้า ผมจะแจ้งเวลาที่แน่นอนให้คุณทราบอีกที"
ฉันพยักหน้า "ขอบคุณค่ะ จะรอนะคะ"
หลังจากที่เราคุยกันเสร็จ ฉันก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาก ครูพีทไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดหรือถูกกดดัน เขาทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีคุณค่าและสามารถพัฒนาตัวเองได้
แต่เมื่อฉันเดินออกจากห้องสมุดและกลับไปที่ห้องพักของฉัน ความรู้สึกที่ไม่แน่นอนก็กลับมาอีกครั้ง ฉันรู้สึกว่า ฉันอาจจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับบางสิ่งที่ฉันไม่ควรจะเกี่ยวข้อง สายตาของครูพีทที่มองมาที่ฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกถึงความสัมพันธ์ที่อาจจะเกินกว่าความเป็นครูและนักเรียน
ฉันนอนลงบนเตียงและพยายามข่มตาหลับ แต่ความคิดเกี่ยวกับครูพีทก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ฉันรู้ว่าฉันควรจะหยุดคิดถึงเขา แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ความรู้สึกนี้มันทั้งตื่นเต้นและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
เช้าวันต่อมา ฉันตื่นขึ้นมาและรู้สึกเหนื่อยล้าจากการนอนไม่พอ ฉันเตรียมตัวไปเรียนเหมือนทุกวัน แต่ในใจกลับรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ความคิดเกี่ยวกับครูพีทยังคงตามหลอกหลอนฉันอยู่
เมื่อฉันเดินไปถึงห้องเรียนวรรณคดี ฉันก็เห็นครูพีทยืนอยู่หน้าห้องเหมือนเดิม เขามองมาที่ฉันและยิ้มเล็กน้อย ฉันพยายามตอบกลับด้วยรอยยิ้มแต่รู้สึกได้ว่ามันไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่
"สวัสดีครับนักเรียนทุกคน วันนี้เราจะมาคุยกันต่อเกี่ยวกับวรรณกรรมคลาสสิก" ครูพีทพูดขึ้นเมื่อทุกคนเข้ามานั่งในที่ของตัวเองแล้ว "ใครมีคำถามหรือข้อสงสัยจากบทเรียนเมื่อวานไหม?"
นักเรียนคนหนึ่งยกมือขึ้นและถามเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องความรักในวรรณกรรมคลาสสิก ครูพีทตอบคำถามอย่างละเอียดและให้ตัวอย่างจากหนังสือหลายเล่ม แต่ทุกครั้งที่เขามองมาที่ฉัน ฉันก็รู้สึกว่าหัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง
ฉันพยายามตั้งใจเรียนและไม่สนใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจ แต่เมื่อครูพีทขอให้ฉันตอบคำถามเกี่ยวกับวรรณกรรม ฉันก็รู้สึกว่าเสียงของฉันสั่นเล็กน้อย
หลังจากเลิกเรียน ฉันตัดสินใจเดินไปที่ห้องสมุดอีกครั้ง ฉันรู้สึกว่าที่นี่เป็นที่ที่ทำให้ฉันสงบลงได้บ้าง แต่เมื่อฉันเดินเข้าไปในห้องสมุด ฉันก็เห็นครูพีทนั่งอยู่ที่มุมเดิมของเขาอีกครั้ง ภายในห้องสมุดยามเย็นไม่เหลือใครแล้ว
ฉันลังเลว่าจะเดินเข้าไปหาหรือไม่ แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจเดินเข้าไป "สวัสดีค่ะครู"
"สวัสดีครับ ลิลลี่" เขาตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันแสนหล่อ "วันนี้มาอ่านหนังสืออะไรหรือครับ?"
"ฉันแค่ต้องการหาที่เงียบๆ ค่ะ" ฉันตอบไปตามตรง
"ที่นี่เงียบสงบดีนะ ผมเองก็ชอบมาที่นี่เวลาอยากคิดอะไรเงียบๆ" ครูพีทพูดพลางมองไปที่หนังสือในมือของเขา
ฉันพยักหน้าและนั่งลงที่โต๊ะตรงข้ามเขาอีกครั้ง "ครูคะ... ทำไมถึงเลือกเป็นครูที่นี่?"
ครูพีทนิ่งไปสักพักก่อนที่จะตอบ "เพราะผมเชื่อในความสำคัญของการศึกษา และผมอยากให้ความรู้กับนักเรียนที่นี่ มันไม่ใช่แค่การสอนหนังสือ แต่เป็นการให้แรงบันดาลใจและสร้างสรรค์อนาคตของพวกคุณ"
"คุณพูดเหมือนว่าคุณมีแรงบันดาลใจที่ลึกซึ้งมาก" ฉันพูดออกมาด้วยความรู้สึกชื่นชม
"ผมแค่เชื่อในสิ่งที่ผมทำ และหวังว่านักเรียนของผมจะได้รับสิ่งที่ดีที่สุด" เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ
“เอ่อ...”
ฉันเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปกติในสายตาที่เขามองมา สายตาของเขาเหมือนมีบางอย่างที่ซ่อนอยู่ มันมีความรู้สึกลึกซึ้งที่ทำให้หัวใจของฉันเต้นรัว
“ฉันกลับก่อนนะคะ”
“เดี๋ยว”
ขณะที่ฉันกำลังจะลุกขึ้น ครูพีทก็คว้าข้อมือของฉันไว้ ทำให้ฉันนั่งลงอีกครั้ง
“มีอะไรคะ?” ฉันถามออกไปอย่างแผ่วเบา เมื่อใบหน้าของครูพีทเข้ามาใกล้ ข้อมือของฉันรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย
“ลิลลี่...” ครูพีทเรียกชื่อฉันอีกครั้ง แต่คราวนี้น้ำเสียงของเขาเบาลงและเต็มไปด้วยความอ่อนโยน สายตาของเขาที่มองมาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจมอยู่ในบางสิ่งที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าคำพูด
“คะ?” ฉันตอบกลับด้วยเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน หัวใจของฉันเต้นแรงจนรู้สึกได้ถึงมันในอก
เขาค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น สายตาของเราสบกันอย่างชัดเจนในช่วงเวลาที่เหมือนจะหยุดนิ่ง
“ถึงฉันจะเป็นครูของเธอ แต่บางครั้งความรู้สึกก็เป็นสิ่งที่ยากจะควบคุม”
ฉันรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่อยู่ใกล้จนแทบสัมผัสได้ ฉันไม่ควรรู้สึกแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกันฉันก็ไม่อยากหยุดมัน ฉันพยายามหาคำพูดที่จะทำให้สถานการณ์นี้จบลง แต่กลับไม่สามารถทำได้
“ครูพีท...”
ฉันพูดออกมาเบาๆ แต่ก่อนที่ฉันจะพูดอะไรต่อ เขาก็เพียงแค่ยิ้มและถอยหลังออกไปเล็กน้อย สายตาที่มองมาที่ฉันยังคงเต็มไปด้วยความลึกซึ้งและอะไรบางอย่างที่ฉันไม่สามารถตีความได้
กลับไปพักผ่อนเถอะลิลลี่” เขาพูดพร้อมกับยิ้มให้ฉันอีกครั้ง
“เรายังมีเวลาอีกมากที่นี่”
ฉันเดินออกจากห้องเรียนด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เสียงฝีเท้าของครูพีทยังคงก้องอยู่ในหู ราวกับว่าทุกก้าวที่เขาเดินออกจากห้องนั้นฝากอะไรบางอย่างไว้ในใจฉัน ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันทั้งตื่นเต้นและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ฉันพยายามสลัดความรู้สึกนี้ออกไป แต่ก็พบว่ามันติดแน่นอยู่ในหัวใจฉันเหมือนฝันร้ายที่ฉันไม่อาจหลีกหนีได้ฉันเดินไปตามทางเดินของโรงเรียนที่เงียบสงบเพราะยังเป็นช่วงพักกลางวัน นักเรียนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่ห้องอาหาร ฉันพยายามทำตัวให้ปกติ แต่ภายในใจกลับว้าวุ่นจนฉันรู้สึกว่าใครๆ ก็คงมองออกว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับฉันในที่สุดฉันก็กลับมาถึงห้องเรียนและนั่งลงที่โต๊ะของฉัน ฉันหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาเปิดอ่าน หวังว่าจะสามารถตั้งสมาธิได้ แต่ความคิดของฉันกลับพุ่งตรงไปยังครูพีทอีกครั้ง ความอบอุ่นจากการสัมผัสมือของเขายังคงติดอยู่ในความทรงจำ และฉันไม่อาจลบมันออกไปได้‘ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้?’ ฉันถามตัวเองในใจ แต่ไม่มีคำตอบใดที่สามารถตอบสนองความสงสัยของฉันได้ ฉันรู้ดีว่าครูและนักเรียนไม่ควรมีความสัมพันธ์เกินเลย แต่ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
หลังจากบทเรียนที่ไม่ธรรมดาของวันก่อน ฉันได้สัมผัสครูพีทในแบบที่ไม่เคยคาดคิด ภาพของเขาและการจูบที่ลึกซึ้งนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ฉันพยายามจะลืมมัน พยายามบอกตัวเองว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่ฉันหลับตา ภาพเหล่านั้นกลับชัดเจนยิ่งขึ้น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่คอยกระซิบบอกฉันว่าความสัมพันธ์แบบนี้เป็นสิ่งที่ผิด กลับถูกบดบังด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้เช้านี้ ฉันเดินเข้าสู่ห้องเรียนด้วยความรู้สึกสับสนในใจ ทันทีที่ฉันก้าวเข้าสู่ห้อง สายตาของฉันก็พบกับครูพีทที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียน เขามองฉันด้วยสายตาที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยความหมาย เพียงเสี้ยววินาทีที่เขามองมาที่ฉัน หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างกายของฉันรู้สึกราวกับถูกไฟส่องผ่านเมื่อเขามองมา สายตาของเขาช่างคมกริบและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ฉันรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่เพียงแค่ฉันที่รู้สึกเช่นนั้น ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่เริ่มก่อตัวในท้องของฉัน มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายตลอดชั่วโมงเรียน ฉันพยายามจะมีสมาธิกับบทเรียน แต่ความคิดของฉันกลับวกวนไปที่ครูพีท และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราครั้งก่อน ความ
ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ใจฉันก็เต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่ทำไมฉันถึงหยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่เราทำคือการท้าทายกฎระเบียบที่โรงเรียนเคร่งครัดที่สุด แต่ยิ่งฉันคิดถึงมัน ฉันก็ยิ่งรู้สึกถึงความเร่าร้อนที่ซ่อนอยู่ในใจฉันเช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาในหอพักเหมือนเช่นเคย แต่ความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในหัวใจทำให้ฉันไม่สามารถทำตัวเหมือนปกติได้ ฉันพยายามจะไม่คิดถึงเขา แต่ทุกครั้งที่ฉันปิดตา ภาพของครูพีทก็จะปรากฏขึ้นมาในหัว ความใกล้ชิดของเรามันผิด ฉันรู้ดี แต่ฉันก็ไม่สามารถหยุดความรู้สึกนี้ได้“เมื่อวานกลับดึกเหรอ” ซาร่าทักทายฉัน ขณะที่ฉันกำลังเดินไปยังห้องเรียน“เอ้อ...ก็นิดนึง” ฉันหน้าแดงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน“ไม่สบายรึเปล่า?” ซาร่าจ้องมองฉัน ก่อนจะเอามือมาอังที่หน้าผาก“ปะ..เปล่า” ฉันรีบปฏิเสธทันที“ครูพีทใช้งานหนักเหรอ?” ซาร่าพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ“ก็...ไม่นะ..”“วันนี้ต้องไปช่วยครูอีกมั้ยอะ?”“อะ..ไม่แน่ใจอะ” ฉันแบ่งรับแบ่งสู้“ฉันไปช่วยมั้ย?” ซาร่าเสนอตัวเอง“ไหวเหรอ มีแต่บทเรียนวรรณคดีทั้งนั้นเลยนะ” ฉันเอียงคอถามเพื่อน เพราะร
ฉันนั่งอยู่บนเตียงในห้องพักที่เงียบสงบ สายตาของฉันจับจ้องไปที่กระดาษแผ่นหนึ่งในมือ มันคือกฎระเบียบของโรงเรียนเซนต์เอมิลี่ ซึ่งฉันได้รับมาเมื่อตอนเข้ามาใหม่ ฉันควรจะอ่านมันตั้งแต่วันแรก แต่ด้วยเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ฉันกลับลืมไปเสียสนิท กระดาษแผ่นนี้เหมือนเป็นเตือนความจำของสิ่งที่ควรและไม่ควรทำฉันค่อยๆ พลิกกระดาษไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าสุดท้าย สายตาของฉันก็สะดุดกับกฎข้อที่ 10 ที่ถูกเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือสีเข้มกว่าปกติ ฉันรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทันทีเมื่ออ่านมันกฎข้อที่ 10: ห้ามมิให้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เกินขอบเขตของความเป็นครูและนักเรียน หากพบว่ามีการกระทำเช่นนี้ จะมีการสอบสวนและลงโทษอย่างเคร่งครัดทั้งครูและนักเรียนที่เกี่ยวข้องฉันอ่านประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ใจของฉันเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับครูพีท ความสัมพันธ์ของเรานั้นข้ามเส้นที่ถูกเขียนไว้ในกฎระเบียบนี้อย่างชัดเจน และฉันก็รู้ดีว่าถ้ามีใครรู้เรื่องนี้ ผลที่ตามมาอาจจะไม่ดีเลยเสียงเปิดประตูดังขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าง เธอเพิ่งกลับจา
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ รู้สึกเหมือนหัวของฉันหนักอึ้งและร่างกายของฉันอ่อนล้าอย่างประหลาด ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อพยายามระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความงุนงงว่าฉันกลับมาถึงหอพักได้อย่างไรขณะที่ฉันกำลังพยายามเรียกสติกลับมา ประตูห้องพักก็เปิดออกอย่างเบามือ ฉันหันไปมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ลิลลี่ เธอโอเคหรือเปล่า?” ซาร่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล“ฉันเห็นเธอดูไม่ค่อยดีเลยเมื่อคืนนี้ ตอนที่ครูพีทอุ้มเธอกลับมาที่หอพัก”ฉันชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซาร่า“ครูพีท... อุ้มฉันกลับมาที่หอพักงั้นเหรอ?”ฉันถามกลับด้วยเสียงที่ยังคงแหบพร่า หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ครูพีท’ ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานค่อยๆ ทยอยกลับมาในหัวของฉันทีละเล็กทีละน้อย“ใช่ เธอสลบไป ฉันตกใจมากเลยอะ” ซาร่าพูดพลางนั่งลงข้างเตียงของฉัน“ฉัน... ฉันไม่ค่อยแน่ใจ” ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน“ฉันคงรู้สึกเหนื่อยมากน่ะ...”“เธอแน่ใจนะ เมื่อวานเธอ
เช้าวันนี้ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างหอพัก เข้ามาทักทายฉันด้วยความอ่อนโยน ฉันรู้ดีว่าวันนี้จะไม่ใช่วันธรรมดา ครูพีทจะมารับฉันตอน 10 โมงเช้าเพื่อไปดูงานนิทรรศการภาพถ่ายวรรณคดีในเมือง และมันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึงการได้ใช้เวลาทั้งวันกับเขาขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ และซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันก็เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนทุกครั้ง“ลิลลี่ ตื่นแล้วเหรอ? วันนี้ฉันต้องกลับบ้านนะ” ซาร่าพูดขึ้นพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางของเธอเข้ามา“ที่บ้านมีธุระที่ต้องจัดการ ฉันคงจะกลับมาเรียนอีกทีวันจันทร์เลย”“เอ๊ะ วันจันทร์เลยเหรอ?” ฉันเงยหน้ามองซาร่า ความรู้สึกหวาดหวั่นเกิดขึ้นเมื่อฉันต้องอยู่หอพักเพียงลำพังคนเดียว“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเหงาแบบนั้นดิ วันจันทร์แค่แปปเดียวเอง” ซาร่ายื่นมือมาดึงแก้มฉัน“อื้อๆ รู้แล้ว” ฉันส่งยิ้มให้เธอหายกังวลใจ“ถ้ามีอะไรที่อยากคุย ก็โทรหาฉันนะ” ซาร่าย้ำ พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กไปหน้าประตูฉันพยักหน้าและส่งยิ้มให้เธอ ก่อนที่ซาร่าจะอ
ครูพีทขับรถพาฉันไปที่คอนโดของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากสวนสาธารณะไม่ไกลนัก เมื่อเรามาถึง ฉันรู้สึกประทับใจกับความหรูหราและเรียบง่ายของสถานที่นี้ คอนโดของครูพีทอยู่ในอาคารสูงที่มองเห็นวิวเมืองกรุงเทพฯ จากที่สูง เขาพาฉันขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดของอาคาร ซึ่งเป็นที่พักของเขาเองเมื่อประตูคอนโดเปิดออก ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่อบอุ่นและสะดวกสบายภายในห้อง พื้นที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นและเฟอร์นิเจอร์ที่มีรสนิยม ทุกอย่างดูสะอาดและเป็นระเบียบ แสงจากโคมไฟที่นุ่มนวลทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น“นี่คือห้องน้ำ และนี่คือเสื้อของฉัน เธอไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดซะ”ครูพีทบอกขณะยื่นเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาให้ฉัน และชี้ไปที่ห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลฉันรับเสื้อคลุมจากเขา รู้สึกอุ่นใจและขอบคุณในความเอาใจใส่ของเขา“ขอบคุณค่ะ... หนูจะรีบเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูเบาๆ มองตัวเองในกระจก เห็นสภาพที่เปียกชื้นและผมที่ชุ่มน้ำ ฉันถอดเสื้อผ้า รวมถึงชุดชั้นในที่เปียกออกและอาบน้ำเพื่อล้างตัวที่เปียกฝน ก่อนจะเช็ดตัวและเป่าผมอย่างรีบเร่งให้แห้งหมาด ก่อนจะสวมเสื้อเชิ้ตของครูพีท“หอมจัง...” ฉันพึมพำเบาๆ เมื่อได้
แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดส่องเข้ามาผ่านม่านบางเบาในห้องของครูพีท ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น สัมผัสแรกที่รับรู้คือความอ่อนเพลียที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อของฉันรู้สึกเหมือนถูกใช้งานจนหมดแรงทุกส่วน ความรู้สึกนี้ทำให้ฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียงนุ่มๆ โดยไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวฉันหันหน้าไปมองรอบห้อง ทุกอย่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงนาฬิกาแขวนบนผนังที่บอกเวลาว่าเป็นเวลาบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันน่าจะมีพลังสดชื่น แต่ในวันนี้กลับต่างออกไปหัวของฉันหมุนเล็กน้อยขณะที่ฉันพยายามจะลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับไม่ยอมตามใจ รู้สึกเหนื่อยล้าและหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกอบอุ่นจากผ้าห่มที่คลุมร่างกายอยู่ทำให้ฉันอยากจะหลับต่อไปอีกหน่อย แต่ภาพความทรงจำจากเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไหลเวียนกลับเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็วครูพีท... เขากลั่นแกล้งฉันอย่างไร้ความปราณี ความรู้สึกของความสุขและความสุขสมที่เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์และตกอยู่ในห้วงแห่งความสุขไม่รู้กี่รอบ ร่างกายของฉันยังคงรู้สึกถึงสัมผัสที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังนั้น ความทรงจำเหล่านั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านอยู่ภายใน แต่ในขณะเดียวกันก็ท
ฉันยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง มองกระเป๋าเดินทางที่ยังไม่ได้เริ่มเก็บอะไรเลย ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ฉันจะต้องออกเดินทางไปอังกฤษตามคำสั่งของแม่ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนใหม่ ที่พัก หรือแม้กระทั่งกำหนดการเดินทาง ฉันไม่เคยรู้สึกถูกกำหนดชีวิตแบบนี้มาก่อน และมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหลุดจากทุกสิ่งที่ฉันรักแต่ก่อนที่จะจากไป ฉันมีสิ่งหนึ่งที่อยากทำ ฉันอยากใช้เวลาครั้งสุดท้ายกับเขา คนที่ฉันรักมากที่สุด คนที่ฉันไม่รู้ว่าจะได้พบอีกเมื่อไหร่“ซาร่า...” ฉันพูดขึ้นระหว่างที่เรานั่งคุยกันในมุมเงียบ ๆ ของห้องสมุดโรงเรียน“ช่วยฉันหน่อยได้มั้ย?”“อะไรอะ?” ซาร่าถามขณะยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย“ฉันอยากไปอยู่กับพี่พีทหนึ่งสัปดาห์ก่อนเดินทาง” ฉันพูดเสียงเบา แต่หนักแน่นซาร่ามองฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ“แม่เธอจะยอมเหรอ?”“ฉันจะบอกแม่ว่า จะไปค้างบ้านเธอช่วงที่ตรงกับวันหยุดของเทศกาลเซนต์เอมิลี่แห่งมิตรภาพ”“แม่คงไม่ว่าอะไรถ้าเธอช่วยพูดให้”ซาร่านิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มให้ฉัน“ได้สิ ฉันจะช่วยเธอเอง”“ขอบใจนะ ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงไม่รู้จะทำยังไงแน่เลย” ฉันจับมื
บรรยากาศในรถระหว่างทางกลับบ้านนั้นเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น บรรยากาศในรถอึดอัดจนฉันแทบหายใจไม่ออก แม่ของฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง ใบหน้าของเธอสงบนิ่ง แต่ฉันรับรู้ได้ถึงความโกรธที่เธอพยายามกดไว้ใต้เปลือกนอกที่ดูเหมือนไม่แสดงอารมณ์ใด ๆฉันหันไปมองนอกหน้าต่าง พยายามดึงความสนใจตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถหนีจากความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้ หัวใจของฉันเต้นแรง รู้สึกถึงพายุแห่งความกลัวและความไม่แน่นอนที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจเมื่อรถเลี้ยวเข้าประตูบ้าน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกพาเข้าไปในสนามรบ แม่เปิดประตูรถแล้วก้าวลงด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม ฉันเดินตามหลังเธอไปยังห้องรับแขก เสียงรองเท้าของเรากระทบพื้นหินอ่อนก้องสะท้อนในความเงียบงันของบ้านหลังใหญ่“นั่งลง” เสียงของแม่เยือกเย็น ฉันนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก เธอนั่งลงตรงข้ามกับฉัน สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธที่เธอไม่ปิดบัง“อลิสา วัฒนชัย” แม่เรียกชื่อเต็มของฉันด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ฉันรู้ดีว่าการที่แม่เรียกฉันด้วยชื่อเต็มแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ มันหมายความว่าเธอกำลังโมโห และฉันต้องเตรียมรับมือกับสิ
หลังจากลิลลี่กลับไปแล้ว บ้านพักเล็ก ๆ ของผมกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องทำงาน ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก้มมองเอกสารปึกใหญ่ที่นักสืบจากอังกฤษส่งมาให้เมื่อเช้านี้มันเป็นข้อมูลที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความจริงบางอย่างที่ผมไม่เคยคาดคิด และมันกำลังเปิดเผยภาพรวมของเกมที่ซับซ้อนที่กำลังดำเนินอยู่รอบตัวผม ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่เกี่ยวกับตัวผม แต่ยังเกี่ยวพันกับครอบครัวของผมในระดับที่ลึกซึ้งและน่ากลัวเอกสารหน้าแรกเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับอลิซเบธ อดีตคนรักของผม นักสืบที่ผมจ้างบอกว่าเธอกลับมาเมืองไทยหลังจากได้รับการว่าจ้างจากคู่แข่งทางธุรกิจของพ่อผม พวกเขาใช้ลิซเป็นเครื่องมือเพื่อพยายามดึงตัวผมเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งระหว่างธุรกิจ“ลิซ...” ผมพึมพำชื่อของเธอในความเงียบ รู้สึกเหมือนเธอที่ผมเคยรู้จักเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น ผู้หญิงที่เคยเดินเคียงข้างผมในช่วงเวลาที่เราใช้ชีวิตในอังกฤษ กลายเป็นคนที่พยายามใช้ความสัมพันธ์ในอดีตเพื่อเข้ามาทำลายทุกอย่างที่ผมสร้างขึ้นในเอกสารยังระบุว่า ลิซไม่ได้มาหาผมเพียงเพราะความรู้สึกในอดีต แต่เธอได้รับคำสั่งให้สร้างเรื่องราว
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ภายในห้องนอนของครูพีทเงียบสงบ ฉันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเขาอยู่บนเตียงแล้ว พอลองขยับตัวก็รู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด เป็นผลจากค่ำคืนที่เขาไม่ยอมให้ฉันได้นอนพักเลย ฉันแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง ผ้าห่มเลื่อนลงจากร่างกายเผยให้เห็นรอยจ้ำแดงเป็นคิสมาร์กที่กระจายอยู่เต็มเนินอกของฉัน“หือ...เป็นรอยเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ฉันพึมพำเบาๆ มองรอยแดงที่กระจายอยู่เต็มเนินอก ผลจากความเร่าร้อนของเขาเมื่อคืนที่ทำให้ฉันแทบจะหมดแรงฉันตัดสินใจก้าวลงจากเตียง เดินตรงไปยังห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว พออาบเสร็จฉันก็ไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขามาสวม มันโอเวอร์ไซส์จนคลุมมาถึงต้นขาของฉันหลังจากนั้นฉันเดินออกจากห้องนอน เพื่อจะตามหาเขา ไม่นานฉันก็เห็นครูพีทอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขากำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าอย่างตั้งใจ เสียงเบาๆ จากครัวและกลิ่นหอมของอาหารที่เขากำลังเตรียมอยู่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและดีใจที่ได้มาเจอเขาในเช้านี้เมื่อเขาหันกลับมา ฉันก็เห็นว่าเขาถือถาดอาหารที่มีขนมปังปิ้ง แพนเ
เมื่อประตูบ้านปิดลง ครูพีทไม่รอช้า เขาดึงเอวฉันเข้ามาหา ใบหน้าของเขาโน้มลงมาประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่น จูบของเขาลึกซึ้งและเร่าร้อน สอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน ตักตวงความหวานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มือใหญ่ดันท้ายทอยของฉันให้เข้าไปใกล้ จูบของเขารุนแรงจนฉันแทบลืมหายใจ ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือปล่อยตัวเองให้จมอยู่ในอ้อมกอดของเขา“อื๊อ...พี่พีทคะ...” ฉันหอบครางเสียงสั่น ครูพีทผละริมฝีปากออกเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มหายใจไม่ทัน“คิดถึง" ครูพีทกระซิบเบา ๆ ก่อนจะบดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง เขาจูบฉันอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่ต้องการให้ฉันมีช่วงเวลาพักหายใจ พลันเขาอุ้มฉันขึ้นจนตัวลอย มือใหญ่รองใต้สะโพกฉันไว้ ฉันโอบแขนรอบคอเขาแน่น ขาทั้งสองเกี่ยวรัดเอวเขาไว้ไม่ให้ล่วงลงพื้นครูพีทก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังห้องนอน โดยที่ยังคงจูบฉันอย่างลึกซึ้ง ลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันไม่มีใครยอมใครตุบ!เขาวางฉันลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาอันลึกซึ้งลุกโชนอยู่ในนั้น“ไม่เจอกันนาน ต้องชดเชยหน่อยนะ” ครูพีทพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มตัวลงมาจูบฉันอีกครั้ง เขาสอดล
เช้าวันนั้นฉันนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะเรียน ขณะที่รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้น แม้จะพยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่ในใจฉันกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ถูกตั้งแต่ครูพีทถูกพักงานไป ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะขาดหาย ฉันไม่รู้ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ความคิดต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาทันใดนั้น ฉันรู้สึกถึงแรงสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่ หันไปมองก็พบกับรอยยิ้มของซาร่า เธอยื่นซองจดหมายสีขาวให้ฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับราวกับจะบอกว่านี่ไม่ใช่จดหมายธรรมดา“นี่ของเธอ” ซาร่ากระซิบพลางยิ้มให้ ฉันมองเธออย่างสงสัยก่อนจะเปิดซองจดหมายออกอย่างช้า ๆในซองจดหมายนั้นมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือที่ฉันคุ้นเคยดี หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นในทันที ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ครูพีท เขาฝากจดหมายมาให้ฉัน!มือของฉันสั่นเล็กน้อยขณะที่เปิดจดหมายออกมาอ่านข้อความข้างในลิลลี่ฉันรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ฉันเองก็คิดถึงและเป็นห่วงเธอมากเช่นกัน ช่วงนี้ฉันไม่ได้พักที่คอนโด ฉันกลับมาอยู่บ้าน แต่ฉันก็คิดถึงเธอจนทนไม่ไหวถ้าเธอสะดวก ฉันอยากให
ฉันยืนมองกระดานประกาศของโรงเรียนด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ในใจกลับร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่ครั้ง คำประกาศตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม ตัวอักษรแต่ละตัวชัดเจนราวกับตั้งใจตอกย้ำให้ความหวังในใจฉันสลายไปจนหมดสิ้น‘ประกาศพักงาน มิสเตอร์พีทริก วิลเลียมส์ ไม่มีกำหนด เพื่อพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน’ข้อความนั้นเหมือนดาบที่กรีดลึกลงกลางใจ จนทุกสิ่งรอบตัวฉันพังทลายไปในพริบตา ฉันพยายามสูดหายใจเข้าลึก กลั้นความรู้สึกที่ถาโถมในอก และบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่หัวใจกลับเต้นรัวและสั่นไหว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด เสียงของเขาทุ้มอ่อนโยนและปลอบโยนอย่างที่เคย“ฉันอาจจะต้องหายไปสักพัก แต่ขอให้เธอเข้มแข็งไว้นะ เชื่อใจฉันนะ” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบา ๆ สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนจนฉันไม่อาจห้ามความรู้สึกปั่นป่วนในใจได้“ค่ะ หนูเชื่อพี่ค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน และทำตัวให้เข้มแข็งอย่างที่เขาบอก“เด็กดีขอ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก
ในห้องเรียนที่แสนเงียบสงบ ฉันนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง ก้มหน้าลงมองสมุดบันทึก ขีดเขียนคำต่าง ๆ ลงไปอย่างตั้งใจ เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบา ๆ รอบห้องทำให้บรรยากาศดูเหมือนวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในใจลึก ๆ ของฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไปทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันและเสียงก้าวเท้าที่ดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะของฉัน หันไปมองทางต้นเสียง และภาพที่เห็นทำให้ฉันใจหายวูบลงไปในทันทีมินนี่...เธอยืนพิงโต๊ะด้วยท่าทางที่อวดดี ข้างหน้าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างเงียบและชอบอยู่คนเดียว ฉันไม่ค่อยรู้จักชื่อของเธอ แต่คิดว่าเธอชื่อ ฟ้า สายตาของฟ้าจ้องมองต่ำ สั่นเล็กน้อยเหมือนกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมินนี่ฉันเห็นมินนี่หัวเราะขณะที่จ้องมองฟ้าด้วยสายตาเย้ยหยัน ท่าทางของเธอดูชัดเจนว่าเธอกำลังหาเรื่องและเล่นสนุกจากความกลัวของคนอื่น“นี่เธอ จะเงียบไปถึงไหน?หรือว่า...ไม่มีปาก?”มินนี่พูดขึ้นเสียงดัง พลางหัวเราะออกมาเหมือนสนุกสนานกับสิ่งที่เธอกำลังทำฟ้าขยับถอยหลังเล็กน้อย เหมือนพยายามจะหลบมินนี่ แต่ไม่มีทางให้หนี เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำมากขึ้น ราวกับต้องการให้ตัวเองหาย