แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดส่องเข้ามาผ่านม่านบางเบาในห้องของครูพีท ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น สัมผัสแรกที่รับรู้คือความอ่อนเพลียที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อของฉันรู้สึกเหมือนถูกใช้งานจนหมดแรงทุกส่วน ความรู้สึกนี้ทำให้ฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียงนุ่มๆ โดยไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวฉันหันหน้าไปมองรอบห้อง ทุกอย่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงนาฬิกาแขวนบนผนังที่บอกเวลาว่าเป็นเวลาบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันน่าจะมีพลังสดชื่น แต่ในวันนี้กลับต่างออกไปหัวของฉันหมุนเล็กน้อยขณะที่ฉันพยายามจะลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับไม่ยอมตามใจ รู้สึกเหนื่อยล้าและหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกอบอุ่นจากผ้าห่มที่คลุมร่างกายอยู่ทำให้ฉันอยากจะหลับต่อไปอีกหน่อย แต่ภาพความทรงจำจากเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไหลเวียนกลับเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็วครูพีท... เขากลั่นแกล้งฉันอย่างไร้ความปราณี ความรู้สึกของความสุขและความสุขสมที่เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์และตกอยู่ในห้วงแห่งความสุขไม่รู้กี่รอบ ร่างกายของฉันยังคงรู้สึกถึงสัมผัสที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังนั้น ความทรงจำเหล่านั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านอยู่ภายใน แต่ในขณะเดียวกันก็ท
หลังจากที่ฉันทานอาหารเสร็จ ความรู้สึกอบอุ่นและพึงพอใจจากอาหารที่ครูพีททำให้ยังคงอยู่ในใจ ฉันวางช้อนลงอย่างเบามือ ครูพีทยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นฉันทานจนหมดชาม“ขอบคุณค่ะ พี่พีท อาหารอร่อยมากเลยค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับยิ้มให้เขาก่อนที่ครูพีทจะตอบอะไร เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองตามเสียง ครูพีทยืนขึ้นจากเก้าอี้และหันมาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“น่าจะเป็นแม่บ้านน่ะ”ขณะที่ครูพีทเดินไปที่ประตูเพื่อรับชุดเดรส ฉันก็ลุกขึ้น เริ่มเก็บจานและชามไปที่ห้องครัว ฉันยกถาดอาหารและเดินไปที่ห้องครัว เบาๆ วางถาดบนเคาน์เตอร์ และเริ่มล้างจานในอ่างน้ำอุ่นที่ไหลผ่านมือทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย ล้างจานอย่างใจเย็น ความคิดของฉันยังคงวนเวียนถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับครูพีท ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้สัมผัสกับความใกล้ชิดและความอบอุ่นแบบนี้จากเขา มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งหวานและเต็มไปด้วยแรงปรารถนาเสียงประตูเปิดและปิดเบาๆ ฉันหันไปมองก็เห็นเขายืนอยู่ที่ประตูห้องครัว ในมือของเขามีชุดเดรสที่ถูกพับอย่างเรียบร้อยอยู่บนแขนของเขา“ลิลลี่ ไม่ต้องล้างจานหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ครูพีทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ
เช้าวันนี้ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกที่ผสมผสานกันระหว่างความเหนื่อยล้าและความอบอุ่นจากคืนที่ผ่านไป แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอน ทำให้ห้องดูอบอุ่นและเงียบสงบ ฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียง รู้สึกถึงความอ่อนล้าที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายฉันลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ สายตาหยุดอยู่ที่ห้องนอนซึ่งไม่ใช่ห้องของฉันเอง นี่คือห้องนอนของครูพีท ความจริงที่ว่าฉันตื่นขึ้นมาในห้องของเขาทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้น ภาพความทรงจำของเมื่อคืนยังคงชัดเจนอยู่ในความคิด ทั้งความใกล้ชิด ความอ่อนโยน และความรู้สึกที่เรามีต่อกัน มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น แต่ก็แฝงไปด้วยความเขินอายหลังจากที่ฉันตั้งสติและพาตัวเองออกจากเตียง ฉันเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันใหม่ แต่เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา ฉันพบว่าครูพีทกำลังยืนอยู่ในครัว พร้อมกับชุดลำลองที่ดูสบายๆ เขายิ้มให้ฉันและยื่นแก้วกาแฟอุ่นๆ มาให้“ตื่นแล้วเหรอ” ครูพีทถาม“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับแก้วกาแฟมาและยิ้มตอบ รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย กลิ่นหอมของกาแฟสดทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที ฉันนั่งลงที่โต๊ะอาหารขณะที่ครูพีทยังคงยืนมองฉันด้วยสายตาที่เต
เมื่อฉันกลับมาที่หอพัก ความเงียบสงบที่เคยทำให้ฉันรู้สึกสบายใจกลับทำให้ฉันรู้สึกเหงาในคืนนี้ เสียงประตูปิดเบาๆ หลังจากที่ฉันเข้ามาในห้อง และทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะชะลอตัวลง ฉันวางกระเป๋าลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างช้าๆ หัวใจของฉันยังคงเต้นแรงจากเหตุการณ์ตลอดสามวันที่เกิดขึ้นความทรงจำที่มีร่วมกับครูพีทยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ตั้งแต่เช้าที่เราทำอาหารเช้าด้วยกัน การเดินเล่นในสวนสาธารณะที่เงียบสงบ และการดูหนังรักด้วยกันในช่วงบ่าย รวมไปถึงเรื่องบนเตียงที่เขาสอนฉัน ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขามันเพิ่มระดับความชอบมากขึ้นเรื่อยๆ แต่...“เฮ้อ...เรากำลังทำอะไรอยู่นะ” ฉันถอนหายใจและพึมพำเบาๆ กับตัวเองติ๊ง! เสียงของข้อความดังขึ้นPatrick: ถึงห้องแล้วใช่มั้ย พักผ่อนให้เต็มที่นะฉันอ่านข้อความนั้นและรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ความห่วงใยที่เขามีให้กับฉันทำให้ฉันยิ้มออกมา ฉันพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วLilly: ถึงแล้วค่ะ แล้วจะรีบนอนค่ะหลังจากที่ส่งข้อความไป ฉันนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งและซับซ้อนที่เกิดขึ้นในใจ ฉันไม่เคยคาดคิดว่าฉันจะรู้สึก
ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน ผมนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้าน กำลังอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ทางวรรณคดีอยู่ภายใต้แสงไฟอ่อนๆ จากโคมไฟทำให้บรรยากาศรอบตัวดูอบอุ่น ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงที่ผมคิดถึงดังเข้ามาจากทางหน้าบ้าน“ว่าไงหนุ่มหล่อของแม่”“แม่ครับ มาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ผมรีบลุกขึ้นเดินไปหา“ลงเครื่องเมื่อเช้าก็ตรงมาหาลูกเลยไง”“ทำไมไม่บอกผมล่ะครับ ผมจะได้ไปรับ” ผมหอมแก้มแม่ด้วยความคิดถึง ไม่บ่อยนักที่แม่ของผมจะบินจากอังกฤษมาเยี่ยมผมที่นี่ ซึ่งหมายความว่า ต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอต้องมาหาเขาแน่นอน“ถ้าแม่บอก เราก็หนีอีกน่ะสิ” แม่ของครูพีทบ่นแต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม“โห คุณหญิงสิริกานดาคร้าบบ ผมไม่กล้าหนีหรอกคร้าบบ” ผมคลอเคลียแม่เพื่อเอาใจ“ทำเป็นพูดดี คราวก่อนก็หนีแม่” คุณหญิงสิริกานดาบ่นแบบไม่เอาจริงเอาจัง“นั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมชงชาให้นะครับ” ผมรีบประจบก่อนจะพาแม่ไปนั่งที่โซฟา“แม่มีธุระหรือครับ ถึงมาเมืองไทย” ผมถามเกริ่นนำ“ธุระของแม่ก็คือเรื่องของเรานั่นล่ะ” พอแม่ของผมเริ่มพูด ผมก็ใจหายวาบ อย่าบอกนะว่า...“แม่เอารูปคู่หมั้นมาให้ลูกดู” คุณหญิงสิริกานดาหยิบแฟ้มสวยงามอ
เสียงหัวเราะและเสียงดนตรีดังออกมาจากสนามโรงเรียนตั้งแต่เช้า วันนี้เป็นวันที่โรงเรียนเซนต์เอมิลี่จัดงานเทศกาลประจำปีร่วมกับโรงเรียนเซนต์ไมเคิล โรงเรียนชายล้วนที่อยู่ใกล้กัน งานนี้เป็นงานใหญ่ที่ทั้งสองโรงเรียนร่วมกันจัดขึ้นทุกปี เป็นโอกาสที่นักเรียนจากทั้งสองโรงเรียนจะได้พบปะ สังสรรค์ และทำกิจกรรมร่วมกันซาร่าเคยเล่าให้ฉันฟังว่างานนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่นักเรียนรอคอยที่สุด เป็นวันที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ ฉันตื่นเต้นที่จะได้เห็นว่างานนี้จะเป็นอย่างไร เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มีโอกาสเข้าร่วมเทศกาลนี้“ลิลลี่ พร้อมมั้ย?” ซาร่าถามขณะที่เรากำลังเดินไปที่สนามของโรงเรียน เธอดูตื่นเต้นและร่าเริงเหมือนเคย“ก็พร้อมนะ” ฉันตอบกลับพร้อมกับยิ้มเล็กๆเมื่อเรามาถึงสนาม บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยชีวิตชีวา นักเรียนจากทั้งสองโรงเรียนเดินจับกลุ่มพูดคุยกัน บ้างก็เล่นเกม บ้างก็ยืนถ่ายรูปอยู่ที่บูธต่างๆ ที่นักเรียนเซนต์เอมิลี่และเซนต์ไมเคิลร่วมกันจัดขึ้น เสียงเพลงดังไปทั่วทั้งสนาม ผสมกับเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของนักเรียนที่มารวมตัวกันฉันมองไปรอบๆ และเห็นนักเรียนจากเซนต์ไมเคิลหลายคนยืนอย
เช้าวันเสาร์ที่รอคอยก็มาถึง วันนี้ฉันกับซาร่าวางแผนว่าจะไปนั่งเล่นที่ร้านคาเฟ่เปิดใหม่ในเมืองกัน เป็นร้านที่ซาร่าเจอในโซเชียล เธอเล่าให้ฉันฟังว่าร้านนี้มีเครื่องดื่มและขนมหวานที่ทั้งสวยและอร่อยมากๆ ฉันรู้สึกตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสออกไปใช้เวลาสบายๆ กับซาร่าในวันหยุดนี้ฉันเลือกชุดที่ดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์สำหรับการไปคาเฟ่กับซาร่า ฉันสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อผ้าบางเบา ที่ให้ความรู้สึกสบายและคล่องตัว ปลายเสื้อถูกปล่อยชายออกมาเล็กน้อยเพื่อให้ดูสบายๆ แต่ยังคงความเรียบร้อยอยู่ฉันจับคู่เสื้อเชิ้ตกับกระโปรงยีนส์สีฟ้าอ่อนที่มีความยาวเหนือเข่าเล็กน้อย กระโปรงตัวนี้เป็นกระโปรงทรงเอ (A-line) ที่ให้ความรู้สึกอ่อนหวานและน่ารัก มีดีเทลเป็นกระดุมแถวเรียงลงมาตรงกลาง ซึ่งทำให้กระโปรงดูมีลูกเล่นที่ไม่เรียบจนเกินไปฉันเลือกใส่รองเท้าผ้าใบสีขาวคู่โปรดที่ทั้งใส่สบายและเข้ากับชุดได้ดี ส่วนกระเป๋าที่ฉันใช้เป็นกระเป๋าสะพายข้างสีเบจ ขนาดกะทัดรัดพอดีสำหรับใส่ของจำเป็นในการออกไปข้างนอกเส้นผมสีน้ำตาลอ่อนของฉันถูกปล่อยให้ยาวสยายลงมาเป็นลอนธรรมชาติที่ฉันชอบ ผมของฉันยาวและมีน้ำหนัก ทำให้ลอนผมดูพลิ้วไหวไปตามการเคลื่อนไหว
หลังจากที่เราสามคนใช้เวลาที่คาเฟ่อย่างเพลิดเพลิน ก็ได้เวลาที่ต้องกลับแล้ว สุดท้ายครูพีทก็เป็นคนเลี้ยงขนมพวกเรา ซาร่าดูดีใจระริกระรี้เสียน่าหยิกจริงๆ“เฮ้อ อิ่มจัง ตังค์อยู่ครบ” ซาร่ายิ้มร่า ขณะที่เดินนำหน้าฉันและครูพีทออกจากร้านคาเฟ่“ขอโทษนะคะ ครูเลยต้องมาเลี้ยงพวกเราเลย”“ไม่เป็นไรนี่” ครูพีทยิ้มให้ฉัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์อีกแล้ว“ซาร่า เดี๋ยวครูไปส่งที่หอนะ” ครูพีทพูดขณะสตาร์ทรถ“ขอบคุณมากเลยค่ะ” ซาร่าตอบพร้อมกับยิ้มกว้างเมื่อรถเคลื่อนออกจากที่จอดและมุ่งหน้าไปยังหอพัก ฉันนั่งมองวิวข้างทางที่ค่อยๆ ผ่านไป อย่างอิ่มเอมใจเมื่อมาถึงหอพัก ฉันกับซาร่าก็ลงจากรถของครูพีทเพื่อกลับเข้าหอพัก ทันใดนั้นข้อมือของฉันก็โดนดึงรั้งไว้“ครูขอยืมตัวลิลลี่หน่อยนะ”“เอ๊ะ?” ฉันหันไปมองเขาด้วยความงุนงง“จะพาลิลลี่ไปไหนเหรอคะ?”“ไปซื้อหนังสือสำหรับเขียนบทความน่ะ” ครูพีทตอบเรียบๆ“งั้นฉันกลับหอก่อนนะ ขอให้สนุกกับการเลือกหนังสือนะ” ซาร่ามองฉันพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะเดินเข้าหอพักไป“ได้อยู่กันสองคนซะที” ครูพีทยิ้มให้ฉัน“ครูเจ้าเล่ห์จังนะคะ” ฉันบ่นอุบอิบ“หืม? เรียกฉันว่าอะไรนะ?” เขาเลิกคิ้ว“เอ้อ พี่พีทค่ะ
ฉันยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง มองกระเป๋าเดินทางที่ยังไม่ได้เริ่มเก็บอะไรเลย ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ฉันจะต้องออกเดินทางไปอังกฤษตามคำสั่งของแม่ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนใหม่ ที่พัก หรือแม้กระทั่งกำหนดการเดินทาง ฉันไม่เคยรู้สึกถูกกำหนดชีวิตแบบนี้มาก่อน และมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหลุดจากทุกสิ่งที่ฉันรักแต่ก่อนที่จะจากไป ฉันมีสิ่งหนึ่งที่อยากทำ ฉันอยากใช้เวลาครั้งสุดท้ายกับเขา คนที่ฉันรักมากที่สุด คนที่ฉันไม่รู้ว่าจะได้พบอีกเมื่อไหร่“ซาร่า...” ฉันพูดขึ้นระหว่างที่เรานั่งคุยกันในมุมเงียบ ๆ ของห้องสมุดโรงเรียน“ช่วยฉันหน่อยได้มั้ย?”“อะไรอะ?” ซาร่าถามขณะยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย“ฉันอยากไปอยู่กับพี่พีทหนึ่งสัปดาห์ก่อนเดินทาง” ฉันพูดเสียงเบา แต่หนักแน่นซาร่ามองฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ“แม่เธอจะยอมเหรอ?”“ฉันจะบอกแม่ว่า จะไปค้างบ้านเธอช่วงที่ตรงกับวันหยุดของเทศกาลเซนต์เอมิลี่แห่งมิตรภาพ”“แม่คงไม่ว่าอะไรถ้าเธอช่วยพูดให้”ซาร่านิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มให้ฉัน“ได้สิ ฉันจะช่วยเธอเอง”“ขอบใจนะ ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงไม่รู้จะทำยังไงแน่เลย” ฉันจับมื
บรรยากาศในรถระหว่างทางกลับบ้านนั้นเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น บรรยากาศในรถอึดอัดจนฉันแทบหายใจไม่ออก แม่ของฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง ใบหน้าของเธอสงบนิ่ง แต่ฉันรับรู้ได้ถึงความโกรธที่เธอพยายามกดไว้ใต้เปลือกนอกที่ดูเหมือนไม่แสดงอารมณ์ใด ๆฉันหันไปมองนอกหน้าต่าง พยายามดึงความสนใจตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถหนีจากความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้ หัวใจของฉันเต้นแรง รู้สึกถึงพายุแห่งความกลัวและความไม่แน่นอนที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจเมื่อรถเลี้ยวเข้าประตูบ้าน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกพาเข้าไปในสนามรบ แม่เปิดประตูรถแล้วก้าวลงด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม ฉันเดินตามหลังเธอไปยังห้องรับแขก เสียงรองเท้าของเรากระทบพื้นหินอ่อนก้องสะท้อนในความเงียบงันของบ้านหลังใหญ่“นั่งลง” เสียงของแม่เยือกเย็น ฉันนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก เธอนั่งลงตรงข้ามกับฉัน สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธที่เธอไม่ปิดบัง“อลิสา วัฒนชัย” แม่เรียกชื่อเต็มของฉันด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ฉันรู้ดีว่าการที่แม่เรียกฉันด้วยชื่อเต็มแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ มันหมายความว่าเธอกำลังโมโห และฉันต้องเตรียมรับมือกับสิ
หลังจากลิลลี่กลับไปแล้ว บ้านพักเล็ก ๆ ของผมกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องทำงาน ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก้มมองเอกสารปึกใหญ่ที่นักสืบจากอังกฤษส่งมาให้เมื่อเช้านี้มันเป็นข้อมูลที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความจริงบางอย่างที่ผมไม่เคยคาดคิด และมันกำลังเปิดเผยภาพรวมของเกมที่ซับซ้อนที่กำลังดำเนินอยู่รอบตัวผม ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่เกี่ยวกับตัวผม แต่ยังเกี่ยวพันกับครอบครัวของผมในระดับที่ลึกซึ้งและน่ากลัวเอกสารหน้าแรกเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับอลิซเบธ อดีตคนรักของผม นักสืบที่ผมจ้างบอกว่าเธอกลับมาเมืองไทยหลังจากได้รับการว่าจ้างจากคู่แข่งทางธุรกิจของพ่อผม พวกเขาใช้ลิซเป็นเครื่องมือเพื่อพยายามดึงตัวผมเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งระหว่างธุรกิจ“ลิซ...” ผมพึมพำชื่อของเธอในความเงียบ รู้สึกเหมือนเธอที่ผมเคยรู้จักเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น ผู้หญิงที่เคยเดินเคียงข้างผมในช่วงเวลาที่เราใช้ชีวิตในอังกฤษ กลายเป็นคนที่พยายามใช้ความสัมพันธ์ในอดีตเพื่อเข้ามาทำลายทุกอย่างที่ผมสร้างขึ้นในเอกสารยังระบุว่า ลิซไม่ได้มาหาผมเพียงเพราะความรู้สึกในอดีต แต่เธอได้รับคำสั่งให้สร้างเรื่องราว
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ภายในห้องนอนของครูพีทเงียบสงบ ฉันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเขาอยู่บนเตียงแล้ว พอลองขยับตัวก็รู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด เป็นผลจากค่ำคืนที่เขาไม่ยอมให้ฉันได้นอนพักเลย ฉันแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง ผ้าห่มเลื่อนลงจากร่างกายเผยให้เห็นรอยจ้ำแดงเป็นคิสมาร์กที่กระจายอยู่เต็มเนินอกของฉัน“หือ...เป็นรอยเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ฉันพึมพำเบาๆ มองรอยแดงที่กระจายอยู่เต็มเนินอก ผลจากความเร่าร้อนของเขาเมื่อคืนที่ทำให้ฉันแทบจะหมดแรงฉันตัดสินใจก้าวลงจากเตียง เดินตรงไปยังห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว พออาบเสร็จฉันก็ไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขามาสวม มันโอเวอร์ไซส์จนคลุมมาถึงต้นขาของฉันหลังจากนั้นฉันเดินออกจากห้องนอน เพื่อจะตามหาเขา ไม่นานฉันก็เห็นครูพีทอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขากำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าอย่างตั้งใจ เสียงเบาๆ จากครัวและกลิ่นหอมของอาหารที่เขากำลังเตรียมอยู่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและดีใจที่ได้มาเจอเขาในเช้านี้เมื่อเขาหันกลับมา ฉันก็เห็นว่าเขาถือถาดอาหารที่มีขนมปังปิ้ง แพนเ
เมื่อประตูบ้านปิดลง ครูพีทไม่รอช้า เขาดึงเอวฉันเข้ามาหา ใบหน้าของเขาโน้มลงมาประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่น จูบของเขาลึกซึ้งและเร่าร้อน สอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน ตักตวงความหวานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มือใหญ่ดันท้ายทอยของฉันให้เข้าไปใกล้ จูบของเขารุนแรงจนฉันแทบลืมหายใจ ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือปล่อยตัวเองให้จมอยู่ในอ้อมกอดของเขา“อื๊อ...พี่พีทคะ...” ฉันหอบครางเสียงสั่น ครูพีทผละริมฝีปากออกเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มหายใจไม่ทัน“คิดถึง" ครูพีทกระซิบเบา ๆ ก่อนจะบดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง เขาจูบฉันอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่ต้องการให้ฉันมีช่วงเวลาพักหายใจ พลันเขาอุ้มฉันขึ้นจนตัวลอย มือใหญ่รองใต้สะโพกฉันไว้ ฉันโอบแขนรอบคอเขาแน่น ขาทั้งสองเกี่ยวรัดเอวเขาไว้ไม่ให้ล่วงลงพื้นครูพีทก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังห้องนอน โดยที่ยังคงจูบฉันอย่างลึกซึ้ง ลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันไม่มีใครยอมใครตุบ!เขาวางฉันลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาอันลึกซึ้งลุกโชนอยู่ในนั้น“ไม่เจอกันนาน ต้องชดเชยหน่อยนะ” ครูพีทพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มตัวลงมาจูบฉันอีกครั้ง เขาสอดล
เช้าวันนั้นฉันนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะเรียน ขณะที่รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้น แม้จะพยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่ในใจฉันกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ถูกตั้งแต่ครูพีทถูกพักงานไป ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะขาดหาย ฉันไม่รู้ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ความคิดต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาทันใดนั้น ฉันรู้สึกถึงแรงสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่ หันไปมองก็พบกับรอยยิ้มของซาร่า เธอยื่นซองจดหมายสีขาวให้ฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับราวกับจะบอกว่านี่ไม่ใช่จดหมายธรรมดา“นี่ของเธอ” ซาร่ากระซิบพลางยิ้มให้ ฉันมองเธออย่างสงสัยก่อนจะเปิดซองจดหมายออกอย่างช้า ๆในซองจดหมายนั้นมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือที่ฉันคุ้นเคยดี หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นในทันที ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ครูพีท เขาฝากจดหมายมาให้ฉัน!มือของฉันสั่นเล็กน้อยขณะที่เปิดจดหมายออกมาอ่านข้อความข้างในลิลลี่ฉันรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ฉันเองก็คิดถึงและเป็นห่วงเธอมากเช่นกัน ช่วงนี้ฉันไม่ได้พักที่คอนโด ฉันกลับมาอยู่บ้าน แต่ฉันก็คิดถึงเธอจนทนไม่ไหวถ้าเธอสะดวก ฉันอยากให
ฉันยืนมองกระดานประกาศของโรงเรียนด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ในใจกลับร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่ครั้ง คำประกาศตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม ตัวอักษรแต่ละตัวชัดเจนราวกับตั้งใจตอกย้ำให้ความหวังในใจฉันสลายไปจนหมดสิ้น‘ประกาศพักงาน มิสเตอร์พีทริก วิลเลียมส์ ไม่มีกำหนด เพื่อพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน’ข้อความนั้นเหมือนดาบที่กรีดลึกลงกลางใจ จนทุกสิ่งรอบตัวฉันพังทลายไปในพริบตา ฉันพยายามสูดหายใจเข้าลึก กลั้นความรู้สึกที่ถาโถมในอก และบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่หัวใจกลับเต้นรัวและสั่นไหว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด เสียงของเขาทุ้มอ่อนโยนและปลอบโยนอย่างที่เคย“ฉันอาจจะต้องหายไปสักพัก แต่ขอให้เธอเข้มแข็งไว้นะ เชื่อใจฉันนะ” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบา ๆ สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนจนฉันไม่อาจห้ามความรู้สึกปั่นป่วนในใจได้“ค่ะ หนูเชื่อพี่ค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน และทำตัวให้เข้มแข็งอย่างที่เขาบอก“เด็กดีขอ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก
ในห้องเรียนที่แสนเงียบสงบ ฉันนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง ก้มหน้าลงมองสมุดบันทึก ขีดเขียนคำต่าง ๆ ลงไปอย่างตั้งใจ เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบา ๆ รอบห้องทำให้บรรยากาศดูเหมือนวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในใจลึก ๆ ของฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไปทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันและเสียงก้าวเท้าที่ดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะของฉัน หันไปมองทางต้นเสียง และภาพที่เห็นทำให้ฉันใจหายวูบลงไปในทันทีมินนี่...เธอยืนพิงโต๊ะด้วยท่าทางที่อวดดี ข้างหน้าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างเงียบและชอบอยู่คนเดียว ฉันไม่ค่อยรู้จักชื่อของเธอ แต่คิดว่าเธอชื่อ ฟ้า สายตาของฟ้าจ้องมองต่ำ สั่นเล็กน้อยเหมือนกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมินนี่ฉันเห็นมินนี่หัวเราะขณะที่จ้องมองฟ้าด้วยสายตาเย้ยหยัน ท่าทางของเธอดูชัดเจนว่าเธอกำลังหาเรื่องและเล่นสนุกจากความกลัวของคนอื่น“นี่เธอ จะเงียบไปถึงไหน?หรือว่า...ไม่มีปาก?”มินนี่พูดขึ้นเสียงดัง พลางหัวเราะออกมาเหมือนสนุกสนานกับสิ่งที่เธอกำลังทำฟ้าขยับถอยหลังเล็กน้อย เหมือนพยายามจะหลบมินนี่ แต่ไม่มีทางให้หนี เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำมากขึ้น ราวกับต้องการให้ตัวเองหาย