ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมหรูใจกลางลอนดอนเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการ บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและบทสนทนาอันอบอุ่นของผู้คนที่แต่งกายอย่างสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวเรียบหรูตัดกับแสงไฟระยิบระยับ พ่อเฮนรี่และพ่อของครูพีทยืนอยู่ด้านหน้าเวที ทั้งสองทักทายแขกเหรื่อด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจเสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ จากวงออร์เคสตราที่มุมห้อง เพิ่มความหรูหราให้กับบรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แขกที่มาร่วมงานล้วนแต่งกายงดงามในชุดทางการ ผู้หญิงในชุดราตรียาวสวยหรู ส่วนผู้ชายในสูทตัดเย็บอย่างประณีตฉันยืนอยู่ด้านหลังม่านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นระคนประหม่า สวมชุดราตรีสีขาวงาช้างที่ออกแบบมาเพื่อฉันโดยเฉพาะ ผ้าซาตินเนื้อดีจับเดรปอย่างประณีต โอบรับช่วงเอวให้ดูคอด ก่อนชายกระโปรงจะบานออกเล็กน้อยอย่างอ่อนช้อย ผมยาวของฉันถูกเกล้าเป็นมวยต่ำ ประดับด้วยไข่มุกเล็กๆ ที่จัดวางอย่างละเมียดละไม ต่างหูเพชรระยิบระยับที่แม่เลือกให้อย่างพิถีพิถัน ยิ่งช่วยขับความงดงามของลุคนี้ให้สมบูรณ์แบบฉันสูดลมหายใจลึก พยายามสงบจิตใจขณะเสียงพูดคุยจากห้องจัดเลี้ยงดังแว่วเข้ามาเสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบาๆ ของแขก
ฉันชื่อ ลิลลี่ อายุ 18 ปี วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงมา เมื่อฉันต้องย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนประจำที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องมาอยู่ที่นี่ โรงเรียนแห่งนี้ชื่อว่า "เซนต์เอมิลี่" โรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านความเข้มงวดและกฎระเบียบที่เคร่งครัดที่สุดในประเทศฉันยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หัวใจของฉันเต้นแรงจนรู้สึกถึงมันชัดเจน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเคยรู้จัก ทุกคนที่ฉันเคยสนิท ตอนนี้มันถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง"ลิลลี่ เธอต้องเข้มแข็ง" ฉันพยายามปลอบใจตัวเองก่อนที่จะก้าวเข้าไปในโรงเรียนแห่งนี้ฉันเดินผ่านประตูใหญ่ที่ทำจากเหล็กสีดำสนิท เสาสูงที่ตั้งอยู่สองข้างประตูให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเข้าสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย เส้นทางที่ฉันเดินผ่านปูด้วยหินก้อนเล็กๆ เรียงตัวเป็นระเบียบ ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น แต่กลับรู้สึกเย็นยะเยือกและว่างเปล่าทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ ฉันก็ถูกทักทายโดยหญิงสูงวัยในชุดสูทสีเข้ม หน้าตาของเธอดูเคร่งขรึมและเข้มงวด เธอคือ มาร์ธา หัวหน้าอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนี้"ยินดีต้อนรับสู่เซนต์เอมิลี่" มาร์ธาเอ่ยทักทายด้วยน้ำเส
เช้าวันใหม่ที่เซนต์เอมิลี่มาถึงแล้ว ฉันตื่นขึ้นมาในห้องพักเล็กๆ ที่ยังคงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมันเลยสักนิด แสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย ฉันลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเตรียมตัวไปเรียน ฉันหยิบชุดนักเรียนที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงจีบสีเทาออกมาจากตู้เสื้อผ้า และจัดผมให้เรียบร้อยตามระเบียบของโรงเรียน ความเคร่งครัดที่นี่ทำให้ฉันต้องระมัดระวังทุกการกระทำ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎที่ถูกวางไว้ แต่บางอย่างในใจฉันก็ยังรู้สึกว่า มีบางสิ่งที่ฉันกำลังท้าทายมันอยู่เมื่อฉันเดินออกมาจากห้องพัก ฉันก็เจอกับซาร่าที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนเหมือนกัน ซาร่าส่งยิ้มให้ฉันด้วยความเป็นมิตรเช่นเคย"พร้อมไปเรียนหรือยัง?" ซาร่าถามด้วยน้ำเสียงสดใส"พร้อมแล้วล่ะ" ฉันตอบกลับพร้อมกับยิ้ม "แต่ยังคงรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง""ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวเธอก็ชิน" ซาร่าพูดพร้อมกับพยักหน้าให้ฉัน "วันนี้มีเรียนวรรณคดีเป็นวิชาแรกด้วยนะ ฉันจำได้ว่าเธอสนใจวรรณคดีมากเลยใช่ไหม?""ใช่ ฉันชอบอ่านนิยาย มันทำให้ฉันได้หลบหนีจากความจริงบ้าง" ฉันตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่...ครูพีทเป็นครูสอนวรรณค
ฉันเดินออกจากห้องเรียนด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เสียงฝีเท้าของครูพีทยังคงก้องอยู่ในหู ราวกับว่าทุกก้าวที่เขาเดินออกจากห้องนั้นฝากอะไรบางอย่างไว้ในใจฉัน ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันทั้งตื่นเต้นและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ฉันพยายามสลัดความรู้สึกนี้ออกไป แต่ก็พบว่ามันติดแน่นอยู่ในหัวใจฉันเหมือนฝันร้ายที่ฉันไม่อาจหลีกหนีได้ฉันเดินไปตามทางเดินของโรงเรียนที่เงียบสงบเพราะยังเป็นช่วงพักกลางวัน นักเรียนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่ห้องอาหาร ฉันพยายามทำตัวให้ปกติ แต่ภายในใจกลับว้าวุ่นจนฉันรู้สึกว่าใครๆ ก็คงมองออกว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับฉันในที่สุดฉันก็กลับมาถึงห้องเรียนและนั่งลงที่โต๊ะของฉัน ฉันหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาเปิดอ่าน หวังว่าจะสามารถตั้งสมาธิได้ แต่ความคิดของฉันกลับพุ่งตรงไปยังครูพีทอีกครั้ง ความอบอุ่นจากการสัมผัสมือของเขายังคงติดอยู่ในความทรงจำ และฉันไม่อาจลบมันออกไปได้‘ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้?’ ฉันถามตัวเองในใจ แต่ไม่มีคำตอบใดที่สามารถตอบสนองความสงสัยของฉันได้ ฉันรู้ดีว่าครูและนักเรียนไม่ควรมีความสัมพันธ์เกินเลย แต่ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
หลังจากบทเรียนที่ไม่ธรรมดาของวันก่อน ฉันได้สัมผัสครูพีทในแบบที่ไม่เคยคาดคิด ภาพของเขาและการจูบที่ลึกซึ้งนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ฉันพยายามจะลืมมัน พยายามบอกตัวเองว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่ฉันหลับตา ภาพเหล่านั้นกลับชัดเจนยิ่งขึ้น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่คอยกระซิบบอกฉันว่าความสัมพันธ์แบบนี้เป็นสิ่งที่ผิด กลับถูกบดบังด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้เช้านี้ ฉันเดินเข้าสู่ห้องเรียนด้วยความรู้สึกสับสนในใจ ทันทีที่ฉันก้าวเข้าสู่ห้อง สายตาของฉันก็พบกับครูพีทที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียน เขามองฉันด้วยสายตาที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยความหมาย เพียงเสี้ยววินาทีที่เขามองมาที่ฉัน หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างกายของฉันรู้สึกราวกับถูกไฟส่องผ่านเมื่อเขามองมา สายตาของเขาช่างคมกริบและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ฉันรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่เพียงแค่ฉันที่รู้สึกเช่นนั้น ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่เริ่มก่อตัวในท้องของฉัน มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายตลอดชั่วโมงเรียน ฉันพยายามจะมีสมาธิกับบทเรียน แต่ความคิดของฉันกลับวกวนไปที่ครูพีท และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราครั้งก่อน ความ
ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ใจฉันก็เต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่ทำไมฉันถึงหยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่เราทำคือการท้าทายกฎระเบียบที่โรงเรียนเคร่งครัดที่สุด แต่ยิ่งฉันคิดถึงมัน ฉันก็ยิ่งรู้สึกถึงความเร่าร้อนที่ซ่อนอยู่ในใจฉันเช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาในหอพักเหมือนเช่นเคย แต่ความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในหัวใจทำให้ฉันไม่สามารถทำตัวเหมือนปกติได้ ฉันพยายามจะไม่คิดถึงเขา แต่ทุกครั้งที่ฉันปิดตา ภาพของครูพีทก็จะปรากฏขึ้นมาในหัว ความใกล้ชิดของเรามันผิด ฉันรู้ดี แต่ฉันก็ไม่สามารถหยุดความรู้สึกนี้ได้“เมื่อวานกลับดึกเหรอ” ซาร่าทักทายฉัน ขณะที่ฉันกำลังเดินไปยังห้องเรียน“เอ้อ...ก็นิดนึง” ฉันหน้าแดงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน“ไม่สบายรึเปล่า?” ซาร่าจ้องมองฉัน ก่อนจะเอามือมาอังที่หน้าผาก“ปะ..เปล่า” ฉันรีบปฏิเสธทันที“ครูพีทใช้งานหนักเหรอ?” ซาร่าพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ“ก็...ไม่นะ..”“วันนี้ต้องไปช่วยครูอีกมั้ยอะ?”“อะ..ไม่แน่ใจอะ” ฉันแบ่งรับแบ่งสู้“ฉันไปช่วยมั้ย?” ซาร่าเสนอตัวเอง“ไหวเหรอ มีแต่บทเรียนวรรณคดีทั้งนั้นเลยนะ” ฉันเอียงคอถามเพื่อน เพราะร
ฉันนั่งอยู่บนเตียงในห้องพักที่เงียบสงบ สายตาของฉันจับจ้องไปที่กระดาษแผ่นหนึ่งในมือ มันคือกฎระเบียบของโรงเรียนเซนต์เอมิลี่ ซึ่งฉันได้รับมาเมื่อตอนเข้ามาใหม่ ฉันควรจะอ่านมันตั้งแต่วันแรก แต่ด้วยเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ฉันกลับลืมไปเสียสนิท กระดาษแผ่นนี้เหมือนเป็นเตือนความจำของสิ่งที่ควรและไม่ควรทำฉันค่อยๆ พลิกกระดาษไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าสุดท้าย สายตาของฉันก็สะดุดกับกฎข้อที่ 10 ที่ถูกเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือสีเข้มกว่าปกติ ฉันรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทันทีเมื่ออ่านมันกฎข้อที่ 10: ห้ามมิให้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เกินขอบเขตของความเป็นครูและนักเรียน หากพบว่ามีการกระทำเช่นนี้ จะมีการสอบสวนและลงโทษอย่างเคร่งครัดทั้งครูและนักเรียนที่เกี่ยวข้องฉันอ่านประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ใจของฉันเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับครูพีท ความสัมพันธ์ของเรานั้นข้ามเส้นที่ถูกเขียนไว้ในกฎระเบียบนี้อย่างชัดเจน และฉันก็รู้ดีว่าถ้ามีใครรู้เรื่องนี้ ผลที่ตามมาอาจจะไม่ดีเลยเสียงเปิดประตูดังขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าง เธอเพิ่งกลับจา
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ รู้สึกเหมือนหัวของฉันหนักอึ้งและร่างกายของฉันอ่อนล้าอย่างประหลาด ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อพยายามระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความงุนงงว่าฉันกลับมาถึงหอพักได้อย่างไรขณะที่ฉันกำลังพยายามเรียกสติกลับมา ประตูห้องพักก็เปิดออกอย่างเบามือ ฉันหันไปมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ลิลลี่ เธอโอเคหรือเปล่า?” ซาร่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล“ฉันเห็นเธอดูไม่ค่อยดีเลยเมื่อคืนนี้ ตอนที่ครูพีทอุ้มเธอกลับมาที่หอพัก”ฉันชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซาร่า“ครูพีท... อุ้มฉันกลับมาที่หอพักงั้นเหรอ?”ฉันถามกลับด้วยเสียงที่ยังคงแหบพร่า หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ครูพีท’ ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานค่อยๆ ทยอยกลับมาในหัวของฉันทีละเล็กทีละน้อย“ใช่ เธอสลบไป ฉันตกใจมากเลยอะ” ซาร่าพูดพลางนั่งลงข้างเตียงของฉัน“ฉัน... ฉันไม่ค่อยแน่ใจ” ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน“ฉันคงรู้สึกเหนื่อยมากน่ะ...”“เธอแน่ใจนะ เมื่อวานเธอ
ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมหรูใจกลางลอนดอนเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการ บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและบทสนทนาอันอบอุ่นของผู้คนที่แต่งกายอย่างสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวเรียบหรูตัดกับแสงไฟระยิบระยับ พ่อเฮนรี่และพ่อของครูพีทยืนอยู่ด้านหน้าเวที ทั้งสองทักทายแขกเหรื่อด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจเสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ จากวงออร์เคสตราที่มุมห้อง เพิ่มความหรูหราให้กับบรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แขกที่มาร่วมงานล้วนแต่งกายงดงามในชุดทางการ ผู้หญิงในชุดราตรียาวสวยหรู ส่วนผู้ชายในสูทตัดเย็บอย่างประณีตฉันยืนอยู่ด้านหลังม่านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นระคนประหม่า สวมชุดราตรีสีขาวงาช้างที่ออกแบบมาเพื่อฉันโดยเฉพาะ ผ้าซาตินเนื้อดีจับเดรปอย่างประณีต โอบรับช่วงเอวให้ดูคอด ก่อนชายกระโปรงจะบานออกเล็กน้อยอย่างอ่อนช้อย ผมยาวของฉันถูกเกล้าเป็นมวยต่ำ ประดับด้วยไข่มุกเล็กๆ ที่จัดวางอย่างละเมียดละไม ต่างหูเพชรระยิบระยับที่แม่เลือกให้อย่างพิถีพิถัน ยิ่งช่วยขับความงดงามของลุคนี้ให้สมบูรณ์แบบฉันสูดลมหายใจลึก พยายามสงบจิตใจขณะเสียงพูดคุยจากห้องจัดเลี้ยงดังแว่วเข้ามาเสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบาๆ ของแขก
“พี่พีท!!”เสียงอุทานของลิลลี่ดังขึ้น ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นผมยืนอยู่ตรงหน้าผมกลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าทั้งงุนงงและไม่เชื่อสายตาของเธอ“ว่าไงครับ?คู่หมั้นของผม” ผมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ พลางส่งยิ้มให้เธอ“ทะ...ทำไม?” ลิลลี่ยังคงอึ้งจนแทบพูดไม่ออก คำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยปรากฏชัดในสายตาของเธอ“ยังจะปฏิเสธผมอีกมั้ย?” ผมถามยั่วเย้า รอยยิ้มของผมยิ่งกว้างขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าที่แดงซ่านของเธอผมยื่นมือขึ้น ลูบแก้มเธอเบาๆ ราวกับต้องการย้ำเตือนให้เธอรู้ว่านี่คือความจริง ปลายนิ้วสัมผัสกับผิวอ่อนนุ่มของเธอ ความคิดถึงที่เก็บสะสมมานานพลุ่งพล่านขึ้นมาจนผมแทบระงับไว้ไม่อยู่“คิดถึงจะแย่แล้ว เธอล่ะ คิดถึงฉันมั้ย?”“คือ...หนู...งงไปหมดแล้ว...” ลิลลี่ยังคงมึนงง เธอพึมพำเหมือนยังไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น“หนูไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยคะ?” ดวงตาคู่สวยจ้องมองผมด้วยความไม่แน่ใจ มือเรียวเล็กเอื้อมมาสัมผัสที่ตัวผมเบาๆ ราวกับต้องการพิสูจน์ผมยิ้มอ่อนให้เธอ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้ กดจูบลงบนริมฝีปากบางของเธอด้วยความอ่อนโยน ความคิดถึงทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านจูบนั้นริมฝีปากของเราส
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ความคิดถึงคำพูดของแม่เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ราวกับภาพยนตร์ที่ถูกฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่อยากเชื่อว่าตัวเองกำลังถูกบังคับให้พบกับว่าที่คู่หมั้น และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปฏิเสธเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ขัดจังหวะความคิดในหัว ก่อนที่แม่บ้านจะเปิดประตูเข้ามา พร้อมสาวใช้ประจำตัวของฉันที่เดินตามหลัง“คุณหนูคะ คุณหญิงสั่งให้เราเตรียมตัวให้คุณดูดีที่สุดค่ะ” แม่บ้านพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยความนอบน้อม“ดูดีที่สุด?” ฉันทวนคำในใจอย่างขมขื่น ราวกับคำสั่งนี้ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกที่กำลังต่อต้าน“วันนี้คุณหญิงบอกว่ามีแขกคนสำคัญจะมาเยี่ยมค่ะ”สาวใช้พูดเสริม ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และหยิบชุดเดรสผ้าซาตินสีขาวออกมาชุดที่พวกเธอเลือกเป็นเดรสที่ดูเรียบหรู ตัดเย็บอย่างประณีต พร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีเงินที่เข้ากัน ทุกอย่างดูงดงามและเหมาะสมเกินกว่าจะปฏิเสธพวกเธอช่วยฉันแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน เส้นผมยาวสลวยถูกจัดเป็นลอนคลายอย่างอ่อนหวาน และเกล้าครึ่งศีรษะอย่างประณีต ใบหน้าของฉันได้รับการแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง
ชีวิตฉันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเหมือนตกอยู่ในฝันที่ทั้งสวยงามและวุ่นวายไปพร้อมกัน หลังจากได้รับรางวัลนักเขียนบทวรรณคดีดีเด่น งานเขียนและโปรเจกต์ใหม่ๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฉันพยายามจัดการทุกอย่างอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ตัวเองและแสดงให้แม่เห็นว่าฉันสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองเวลาผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือการติดต่อกับครูพีท เรายังคงแลกเปลี่ยนข้อความและวิดีโอคอลกันเสมอ ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อยล้าหรือรู้สึกท้อแท้ คำพูดที่แสนอบอุ่นของเขาก็เหมือนแรงผลักดันที่ช่วยให้ฉันยืนหยัดต่อไปแต่แล้ววันที่ฉันไม่เคยคาดคิดก็มาถึง...เย็นวันศุกร์ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ฉันเพิ่งกลับมาจากงานสัมมนาวรรณกรรม ใบหน้าฉันยังคงประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ จากคำชื่นชมที่ได้รับในวันนี้ แต่เมื่อฉันเปิดประตูห้องพักเข้าไป ฉันต้องชะงัก“แม่?” ฉันเรียกด้วยความประหลาดใจ“แม่มาได้ไงคะ?”“ลิลลี่ ไปกับแม่เดี๋ยวนี้” แม่พูดเสียงนิ่ง แต่หนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกจากห้องพักไป ทิ้งฉันไว้กับความงุนงง แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามไปไม่นานนัก แม่ก็พาฉันมาถึงบ้านของพ่อเฮนรี่ บ้านหล
ทันทีที่ฉันเปิดประตู ใบหน้าคุ้นเคยก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของฉัน“พี่พีท!!”เสียงของฉันแทบจะหลุดเป็นเสียงกรี๊ดด้วยความตกใจและดีใจสุดขีด ราวกับว่าเวลาในตอนนั้นหยุดนิ่ง มีเพียงสายตาของเราที่สบกัน และหัวใจของฉันที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาครูพีทโน้มตัวลงมาจูบฉันอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากร้อนทาบลงอย่างแนบแน่น มือใหญ่ประคองใบหน้าฉันไว้มั่น ก่อนจะดันตัวฉันเข้ามาในห้องพร้อมปิดและล็อคประตูเขาดันฉันไปชิดกับผนัง ริมฝีปากกดจูบอย่างเร่าร้อนและเต็มไปด้วยความปรารถนา ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก ไล่ต้อนและดูดดุนลิ้นของฉันอย่างลึกซึ้ง จนหัวใจฉันเต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะมือของเขาสอดเข้ามาใต้เสื้อของฉัน ปลดตะขอบราออกด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือเลื่อนขึ้นมาสัมผัสอกอวบอิ่ม คลึงเบา ๆ จนยอดถันชูชันตอบรับต่อสัมผัสอันร้อนแรง“อื้ม..”ฉันครางเบา ๆ ในลำคอ ความเสียวซ่านพุ่งผ่านทุกอณูเมื่อปลายนิ้วของเขาบีบคลึงยอดถันกระตุ้นอารมณ์ให้พลุ่งพล่านฉันดึงเสื้อของเขาออกจากศีรษะอย่างรวดเร็ว มือบางลูบไล้ไปตามลอนกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยงามของเขา เราสบตากันชั่วครู่ก่อนริมฝีปากจะประกบกันอีกครั้ง จูบกันอย่างดูดดื่ม ราวกับไม่มีสิ่งใดในโ
เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่ของโรงแรมหรูใจกลางลอนดอน ผู้คนในชุดทางการต่างลุกขึ้นยืนปรบมือแสดงความยินดี ฉันยืนอยู่บนเวทีด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ มือข้างหนึ่งถือรางวัล “นักเขียนบทวรรณคดีดีเด่นแห่งปี” ส่วนอีกข้างยกขึ้นโบกมือให้กับผู้คนที่มาร่วมงานฉันไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตในวัยเพียง 19 ปี จะพาฉันมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ในฐานะนักเขียนรุ่นใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งผู้อ่านและนักวิจารณ์ นิตยสารชื่อดังต่างพูดถึงฉันในฐานะคนรุ่นใหม่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนในเจเนอเรชันเดียวกันหลังจากการมอบรางวัลสิ้นสุดลง ฉันเดินลงจากเวทีด้วยรอยยิ้ม ทีมงานของผู้จัดงานพาฉันไปยังห้องรับรองเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างเดิน ฉันพยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติและเสริมความมั่นใจให้ตัวเอง บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่ในใจของฉันกลับรู้สึกสงบนิ่ง พร้อมที่จะเล่าถึงเส้นทางที่พาฉันมาถึงจุดนี้“คุณลิลลี่ อลิสา วัฒนชัย” มิเชล ผู้สัมภาษณ์คนแรกจาก The London Chronicle สำนักข่าววรรณกรรมชื่อดังแห่งลอนดอนกล่าวขึ้น ขณะนั่งลงตรงข้ามฉันในห้องรับรองที่ตกแต่งอย่างหรูหรา“คุณกลายเป็นบุคค
เวลาล่วงเลยเข้าสู่ค่ำคืนในลอนดอน ฉันนั่งอยู่บนเตียงเล็ก ๆ ในหอพักของโรงเรียน โรเซนฮิลล์ อินเตอร์เนชันแนล อะคาเดมี โรงเรียนประจำที่แม่ส่งฉันมาเรียนในอังกฤษ ห้องนี้เป็นห้องพักรวม มีเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนที่ตอนนี้หลับสนิทไปแล้ว หลังจากที่ใช้พลังงานหมดไปกับกิจกรรมในโรงเรียนฉันสวมเสื้อกันหนาวนุ่ม ๆ และเปิดวิดีโอคอลกับซาร่าในมือถือ แสงไฟจากโคมเล็ก ๆ บนหัวเตียงช่วยให้ฉันมองเห็นใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น“ซาร่า มีอะไรเหรอ?” ฉันถามพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ความรู้สึกคิดถึงเธอท่วมท้นขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้า“ฉันมีเรื่องเด็ดมาบอก! เธอไม่เชื่อแน่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่เซนต์เอมิลี่!” ซาร่าพูดพลางกระซิบเสียงเบา แต่สีหน้าของเธอดูเหมือนกำลังระเบิดด้วยความตื่นเต้น“อะไรอะ?” ฉันถามพร้อมกับขยับตัวให้นั่งสบายขึ้นซาร่ากระซิบ “เกี่ยวกับครูลิซ!”แค่ได้ยินชื่อ หัวใจของฉันก็เต้นรัว ความทรงจำที่ไม่อยากจดจำพุ่งกลับมาทันที ความหวาดหวั่นยังคงหลอกหลอนฉัน แม้ตอนนี้จะอยู่ไกลจากเธอแล้วก็ตาม“ครูลิซ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ซาร่ายิ้มกว้างก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสะใจจนฉันรู้สึกได้“ครูลิซโดนไล่ออกแล้ว!!!”“ห๊ะ? ทำไมโดน
บ้านของครอบครัววิลเลียมส์ตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบของลอนดอน ตัวบ้านโอ่อ่าและหรูหราตามแบบฉบับของครอบครัวชนชั้นสูงในอังกฤษ แสงไฟสีอบอุ่นที่ส่องลอดออกมาจากหน้าต่างช่วยเติมเต็มบรรยากาศของค่ำคืนนี้ที่เย็นสบายผมหยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้าน มือกำแน่นรอบแฟ้มเอกสารที่ถือมาด้วย ความรู้สึกเหมือนมีน้ำหนักบางอย่างกดทับอยู่ในใจหลังจากการพูดคุยกับคุณเฮนรี่ แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่คือทางที่ถูกต้องเมื่อผมเปิดประตูเข้าไป กลิ่นหอมของชาดำอ่อนๆ ลอยมาแตะจมูก เสียงพูดคุยเบาๆ ดังมาจากห้องนั่งเล่น ขณะที่ผมเดินเข้าไป ภาพของพ่อและแม่ที่กำลังนั่งจิบชาและพูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย ทำให้บรรยากาศในบ้านดูอบอุ่นอย่างประหลาด“พีท!?” เสียงของแม่ผม คุณหญิงสิริกานดา ดังขึ้นทันทีที่เธอเห็นผมเดินเข้ามา ใบหน้าของเธอแสดงความประหลาดใจ แต่แฝงไว้ด้วยความยินดี“ทำไมไม่บอกก่อนว่าจะมา แม่จะได้ส่งคนไปรับที่สนามบิน” เธอรีบลุกจากเก้าอี้ เดินตรงมาหาผม พร้อมทั้งกอดและหอมแก้มผมอย่างรวดเร็ว“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ผมพูดพลางยิ้มกริ่ม ก่อนจะโน้มตัวไปหอมแก้มเธอกลับด้วยความคิดถึงแม่หัวเราะเบาๆ ขณะที่จับมือผมไว้แน่น“ไม่เจอตั้
ผมยืนอยู่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านในย่านชานเมืองของลอนดอน บ้านของคุณเฮนรี่ แบล็ควูด พ่อของลิลลี่ ผู้เป็นนักธุรกิจชื่อดังในวงการการเงินระดับโลก ทุกอย่างที่นี่ดูเคร่งขรึมและเป็นระเบียบเรียบร้อย สะท้อนถึงบุคลิกของชายผู้ดูแลสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดีผมหันไปมองลิลลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอดูลังเลเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล แม้จะพยายามเก็บอาการ แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความไม่มั่นใจที่ฉายออกมาจากท่าทางของเธอ“พร้อมมั้ย?” ผมถามเบา ๆ พลางมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนลิลลี่พยักหน้าช้า ๆ แต่สายตาเธอยังคงสั่นไหว“ค่ะ แต่...หนูกลัวว่าพ่อจะไม่พอใจ”ผมยิ้มบาง ๆ“อย่ากังวล ฉันจะคุยกับเขาเอง”ในขณะที่เรายืนรออยู่ ประตูบ้านเปิดออก เผยให้เห็นแม่บ้านคนหนึ่งที่ดูสุภาพและเคร่งขรึม เธอพยักหน้าให้เราเล็กน้อย ก่อนจะเชิญเข้าไปด้านในบ้านของคุณเฮนรี่ แบล็ควูดเป็นบ้านที่ใหญ่โตและเต็มไปด้วยความสง่างาม ทุกมุมของที่นี่สะท้อนถึงความสมบูรณ์แบบและรสนิยมอันพิถีพิถัน ตัวบ้านตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิกที่เรียบหรู แต่ก็ให้ความรู้สึกเย็นชาในเวลาเดียวกัน เฟอร์นิเจอร์ไม้สลักลวดลายประณีตตั้งเรียงรายอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะเจา