ฉันชื่อ ลิลลี่ อายุ 18 ปี วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงมา เมื่อฉันต้องย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนประจำที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องมาอยู่ที่นี่ โรงเรียนแห่งนี้ชื่อว่า "เซนต์เอมิลี่" โรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านความเข้มงวดและกฎระเบียบที่เคร่งครัดที่สุดในประเทศ
ฉันยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หัวใจของฉันเต้นแรงจนรู้สึกถึงมันชัดเจน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเคยรู้จัก ทุกคนที่ฉันเคยสนิท ตอนนี้มันถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
"ลิลลี่ เธอต้องเข้มแข็ง" ฉันพยายามปลอบใจตัวเองก่อนที่จะก้าวเข้าไปในโรงเรียนแห่งนี้
ฉันเดินผ่านประตูใหญ่ที่ทำจากเหล็กสีดำสนิท เสาสูงที่ตั้งอยู่สองข้างประตูให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเข้าสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย เส้นทางที่ฉันเดินผ่านปูด้วยหินก้อนเล็กๆ เรียงตัวเป็นระเบียบ ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น แต่กลับรู้สึกเย็นยะเยือกและว่างเปล่า
ทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ ฉันก็ถูกทักทายโดยหญิงสูงวัยในชุดสูทสีเข้ม หน้าตาของเธอดูเคร่งขรึมและเข้มงวด เธอคือ มาร์ธา หัวหน้าอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนี้
"ยินดีต้อนรับสู่เซนต์เอมิลี่" มาร์ธาเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความอบอุ่น
"ฉันชื่อมาร์ธา เป็นหัวหน้าอาจารย์ใหญ่ที่นี่ หวังว่าเธอจะปรับตัวได้เร็วๆ นี้ เพราะที่นี่เรามีกฎระเบียบที่เข้มงวดมาก"
ฉันตอบกลับด้วยเสียงที่สั่นเล็กน้อย "ขอบคุณค่ะ... ฉันจะพยายามค่ะ"
"ดีมาก" มาร์ธาพยักหน้าเบาๆ
"ฉันจะให้ครูผู้ช่วยนำเธอไปที่ห้องพักของเธอ เธอจะมีเวลาสำรวจโรงเรียนในภายหลัง"
หลังจากนั้นฉันถูกพาไปที่ห้องพักของฉัน ซึ่งอยู่ในอาคารที่เรียกว่า "อาคารรัชนา" ห้องพักของฉันเป็นห้องเล็กๆ ที่มีเตียงเดี่ยว โต๊ะเขียนหนังสือ และตู้เสื้อผ้าหนึ่งใบ ทุกอย่างดูเรียบง่ายและเป็นระเบียบมาก มันแตกต่างจากห้องนอนที่บ้านของฉันที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและของตกแต่งที่ฉันรัก
“ที่นี่ค่อนข้างเงียบเหงาเนอะ” ฉันพูดกับตัวเองขณะที่เปิดกระเป๋าเดินทางและเริ่มจัดของเข้าที่ มันเป็นการเริ่มต้นที่แปลกและอึดอัด ฉันไม่รู้จักใครที่นี่เลย ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร ความคิดเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวฉันจนรู้สึกหนักอึ้ง
ระหว่างที่ฉันกำลังจัดของอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันหันไปมองและเห็นสาวผมยาวสีดำคนหนึ่งยืนอยู่ที่หน้าประตู เธอมีใบหน้าที่น่ารักและดูเป็นมิตร
"เธอคือลิลลี่ใช่ไหม?" เธอถามด้วยน้ำเสียงที่สดใสและเป็นมิตร
"ใช่แล้ว... ฉันลิลลี่ ยินดีที่ได้รู้จัก" ฉันตอบกลับพร้อมกับยิ้มให้เธอ
"ฉันชื่อซาร่า อยู่ห้องข้างๆ เธอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ" ซาร่าพูดพลางก้าวเข้ามาในห้อง ดวงตาของเธอสอดส่องไปรอบๆ ห้องที่ยังเต็มไปด้วยกระเป๋าและข้าวของที่ยังไม่ถูกจัดให้เข้าที่
"ขอบคุณที่มาทักทายนะ ฉันเพิ่งย้ายมาวันนี้เอง ยังไม่ค่อยชินกับที่นี่เท่าไหร่" ฉันบอกพลางวางหนังสือลงบนโต๊ะ ซาร่ามองฉันด้วยสายตาเห็นใจและเข้าใจ
"ไม่ต้องกังวลไปหรอก" ซาร่าพูดพร้อมกับนั่งลงบนเตียงของฉัน "ตอนฉันย้ายเข้ามาที่นี่ครั้งแรก ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกัน ที่นี่มีกฎระเบียบเยอะก็จริง แต่ถ้าเธอปรับตัวได้ ทุกอย่างก็จะโอเค"
"แล้วเธออยู่ที่นี่นานหรือยัง?" ฉันถามด้วยความสนใจ
"ฉันย้ายเข้ามาตั้งแต่ปีแรกเลย นี่ก็เป็นปีสุดท้ายของฉันแล้วล่ะ" ซาร่าตอบพร้อมกับยิ้มให้ฉันอย่างอ่อนโยน
"ถ้ามีอะไรสงสัย หรืออยากรู้อะไรเกี่ยวกับโรงเรียนนี้ มาถามฉันได้เลยนะ ฉันยินดีช่วย"
ฉันรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยที่ได้รู้จักกับซาร่า เธอทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันไม่ได้โดดเดี่ยวที่นี่อย่างน้อยก็มีคนที่พร้อมจะช่วยเหลือและเข้าใจฉัน
หลังจากที่ซาร่าออกจากห้องไป ฉันก็เริ่มสำรวจรอบๆ โรงเรียน ฉันเดินผ่านห้องโถงที่เต็มไปด้วยภาพวาดโบราณของผู้ก่อตั้งโรงเรียนและอดีตนักเรียนที่มีชื่อเสียง ห้องเรียนที่จัดไว้อย่างเรียบร้อย ห้องสมุดที่ใหญ่โตและเงียบสงบเหมือนพิพิธภัณฑ์ ทุกอย่างในโรงเรียนนี้ให้ความรู้สึกเย็นชาและเคร่งขรึม มันไม่มีความอบอุ่นเหมือนที่ฉันเคยรู้จักมาก่อน
เมื่อถึงเวลาเรียน ฉันเดินเข้าไปในห้องเรียนใหม่ของฉันด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้นและกังวล ฉันเห็นนักเรียนคนอื่นๆ นั่งอยู่ในที่ของตัวเอง แต่ละคนดูเหมือนจะรู้จักกันหมดแล้ว ฉันเป็นเพียงคนเดียวที่ยังไม่รู้จักใครเลย นั่นทำให้ฉันรู้สึกแปลกแยกและไม่มั่นคง
ห้องเรียนนี้มีโต๊ะเรียนเรียงเป็นแถวๆ แบบที่ฉันคุ้นเคย แต่สิ่งที่ทำให้ฉันตื่นเต้นและตกใจมากก็คือครูหนุ่มคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในห้อง เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาและมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ผมของเขาสีน้ำตาลเข้มที่ถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย และดวงตาสีเข้มที่ดูคมกล้า ทำให้ฉันไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้
"สวัสดีครับ นักเรียนทุกคน ผมชื่อครูพีท จะเป็นครูสอนวิชาวรรณคดีของพวกคุณในเทอมนี้" เสียงของเขาทำให้ทุกคนในห้องเรียนหยุดสนทนาและหันมาสนใจเขา แม้แต่ฉันเองก็ยังรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดบางอย่างจากเขา
ครูพีทเริ่มต้นการสอนด้วยการแนะนำตัวเองอย่างเรียบง่าย แต่มีเสน่ห์และอารมณ์ขันที่ทำให้นักเรียนทุกคนรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น เขาพูดถึงประวัติการศึกษาและประสบการณ์การทำงานของเขาในด้านวรรณคดี และบอกเล่าถึงความสำคัญของการเรียนรู้วรรณคดีในฐานะศิลปะที่สะท้อนความรู้สึกและประสบการณ์ชีวิตของมนุษย์
ระหว่างที่ครูพีทกำลังบรรยาย ฉันก็รู้สึกได้ถึงสายตาของเขาที่มองตรงมาที่ฉันหลายครั้ง เขาไม่เคยละสายตาไปนาน แต่เพียงแค่สัมผัสเบาๆ ของสายตานั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างที่พิเศษเกิดขึ้น ฉันพยายามไม่ให้ใจของฉันลอยไปไกล แต่ก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงเขาได้
"ลิลลี่ใช่ไหม?" ครูพีทพูดขึ้นหลังจากที่เขามองตรงมาที่ฉันอีกครั้ง
"ใช่ค่ะ" ฉันตอบกลับพร้อมกับรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
"ยินดีต้อนรับสู่ห้องเรียนของผม" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแต่จริงจัง "ถ้ามีอะไรสงสัยเกี่ยวกับวิชานี้ สามารถมาถามได้ตลอดเวลา"
"ขอบคุณค่ะ ครูพีท" ฉันตอบกลับด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ทุกอย่างในใจฉันปั่นป่วนไปหมด ฉันไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงรู้สึกถึงแรงดึงดูดจากเขาอย่างชัดเจนขนาดนี้
หลังจากเลิกเรียน ฉันยังคงนั่งคิดถึงคำพูดและสายตาของครูพีท ความรู้สึกที่ฉันได้รับมันไม่เหมือนกับสิ่งที่เคยรู้สึกมาก่อน มันทั้งตื่นเต้นและสับสน ฉันพยายามหาคำตอบให้กับความรู้สึกนี้ แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งทำให้ฉันสับสนมากขึ้น
วันแรกของการย้ายมาเรียนที่นี่ทำให้ฉันรู้สึกว่า ฉันกำลังเข้าสู่โลกใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและความลึกลับที่ยังไม่ถูกเปิดเผย ฉันรู้ดีว่าฉันต้องพยายามปรับตัวและทำความเข้าใจกับสิ่งต่างๆ รอบตัว แต่บางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้กลับทำให้ฉันรู้สึกว่า มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด
หลังจากเลิกเรียน ฉันตัดสินใจเดินไปที่ห้องสมุดเพื่อหาที่สงบๆ ในการคิดและทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่เมื่อฉันเดินเข้าไปในห้องสมุด ฉันก็พบว่าครูพีทก็กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมหนึ่งของห้องสมุด ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะหนึ่ง ฉันยืนนิ่งอยู่หน้าประตูและไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้เขา
“ลิลลี่ เข้ามาสิ” ครูพีทเงยหน้าขึ้นจากหนังสือและส่งสายตาอบอุ่นมาให้ฉัน “เธอสนใจหนังสือเล่มไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า?”
“ฉันแค่...มาหาที่นั่งเงียบๆ ค่ะ” ฉันตอบกลับเบาๆ แต่ก็เดินเข้ามาใกล้เขามากขึ้น
“ที่นี่เงียบสงบดีนะ บางทีการอยู่คนเดียวกับหนังสือสักเล่มก็ช่วยให้เรามีสมาธิและได้คิดอะไรหลายๆ อย่าง” ครูพีทพูดพลางปิดหนังสือในมือและวางมันลงบนโต๊ะ “เธอสนใจวรรณกรรมประเภทไหนเป็นพิเศษไหม?”
“ฉันชอบอ่านนิยายค่ะ นิยายที่มีเนื้อเรื่องเข้มข้นและเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก” ฉันตอบไปตามความจริง
“ดีเลย” ครูพีทยิ้มออกมา “นิยายเป็นวรรณกรรมที่สะท้อนความเป็นมนุษย์ได้ดีมาก เธอจะได้เรียนรู้และเข้าใจตัวเองมากขึ้นผ่านการอ่านนิยาย และหวังว่าเธอจะสนุกกับวิชานี้”
“ขอบคุณค่ะ ฉันจะพยายามเต็มที่” ฉันพูดพร้อมกับรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความมั่นใจที่เขามอบให้ฉัน
หลังจากนั้น ฉันก็นั่งลงที่โต๊ะห่างออกไปจากเขา และเปิดหนังสือที่หยิบติดมือมาจากชั้นวาง แต่ไม่ว่าจะพยายามอ่านเท่าไหร่ ความคิดของฉันก็ยังคงวนเวียนอยู่ที่ครูพีท สายตาของเขา คำพูดของเขา และความรู้สึกที่ฉันไม่สามารถอธิบายได้
เมื่อพระอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า ฉันก็เก็บของและเตรียมตัวกลับไปที่ห้องพัก ขณะที่เดินผ่านห้องสมุด ฉันหันกลับไปมองครูพีทอีกครั้ง แต่เขาก็ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่หนังสือในมือ แต่เมื่อฉันเดินผ่านประตูออกไป ฉันรู้สึกได้ถึงสายตาของเขาที่มองตามฉันมาอย่างอ่อนโยนและเป็นห่วง
วันแรกที่โรงเรียนแห่งนี้จบลงด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ฉันรู้ดีว่าการมาเรียนที่นี่ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันกลับเป็นเรื่องที่ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า ฉันจะได้พบกับครูที่มีเสน่ห์และน่าหลงใหลอย่างครูพีท สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ฉันรู้สึกว่า นี่เป็นเพียงการเริ่มต้นของเรื่องราวที่ซับซ้อนและลึกซึ้งกว่าที่ฉันคิดไว้
เช้าวันใหม่ที่เซนต์เอมิลี่มาถึงแล้ว ฉันตื่นขึ้นมาในห้องพักเล็กๆ ที่ยังคงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมันเลยสักนิด แสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย ฉันลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเตรียมตัวไปเรียน ฉันหยิบชุดนักเรียนที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงจีบสีเทาออกมาจากตู้เสื้อผ้า และจัดผมให้เรียบร้อยตามระเบียบของโรงเรียน ความเคร่งครัดที่นี่ทำให้ฉันต้องระมัดระวังทุกการกระทำ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎที่ถูกวางไว้ แต่บางอย่างในใจฉันก็ยังรู้สึกว่า มีบางสิ่งที่ฉันกำลังท้าทายมันอยู่เมื่อฉันเดินออกมาจากห้องพัก ฉันก็เจอกับซาร่าที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนเหมือนกัน ซาร่าส่งยิ้มให้ฉันด้วยความเป็นมิตรเช่นเคย"พร้อมไปเรียนหรือยัง?" ซาร่าถามด้วยน้ำเสียงสดใส"พร้อมแล้วล่ะ" ฉันตอบกลับพร้อมกับยิ้ม "แต่ยังคงรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง""ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวเธอก็ชิน" ซาร่าพูดพร้อมกับพยักหน้าให้ฉัน "วันนี้มีเรียนวรรณคดีเป็นวิชาแรกด้วยนะ ฉันจำได้ว่าเธอสนใจวรรณคดีมากเลยใช่ไหม?""ใช่ ฉันชอบอ่านนิยาย มันทำให้ฉันได้หลบหนีจากความจริงบ้าง" ฉันตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่...ครูพีทเป็นครูสอนวรรณค
ฉันเดินออกจากห้องเรียนด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เสียงฝีเท้าของครูพีทยังคงก้องอยู่ในหู ราวกับว่าทุกก้าวที่เขาเดินออกจากห้องนั้นฝากอะไรบางอย่างไว้ในใจฉัน ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันทั้งตื่นเต้นและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ฉันพยายามสลัดความรู้สึกนี้ออกไป แต่ก็พบว่ามันติดแน่นอยู่ในหัวใจฉันเหมือนฝันร้ายที่ฉันไม่อาจหลีกหนีได้ฉันเดินไปตามทางเดินของโรงเรียนที่เงียบสงบเพราะยังเป็นช่วงพักกลางวัน นักเรียนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่ห้องอาหาร ฉันพยายามทำตัวให้ปกติ แต่ภายในใจกลับว้าวุ่นจนฉันรู้สึกว่าใครๆ ก็คงมองออกว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับฉันในที่สุดฉันก็กลับมาถึงห้องเรียนและนั่งลงที่โต๊ะของฉัน ฉันหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาเปิดอ่าน หวังว่าจะสามารถตั้งสมาธิได้ แต่ความคิดของฉันกลับพุ่งตรงไปยังครูพีทอีกครั้ง ความอบอุ่นจากการสัมผัสมือของเขายังคงติดอยู่ในความทรงจำ และฉันไม่อาจลบมันออกไปได้‘ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้?’ ฉันถามตัวเองในใจ แต่ไม่มีคำตอบใดที่สามารถตอบสนองความสงสัยของฉันได้ ฉันรู้ดีว่าครูและนักเรียนไม่ควรมีความสัมพันธ์เกินเลย แต่ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
หลังจากบทเรียนที่ไม่ธรรมดาของวันก่อน ฉันได้สัมผัสครูพีทในแบบที่ไม่เคยคาดคิด ภาพของเขาและการจูบที่ลึกซึ้งนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ฉันพยายามจะลืมมัน พยายามบอกตัวเองว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่ฉันหลับตา ภาพเหล่านั้นกลับชัดเจนยิ่งขึ้น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่คอยกระซิบบอกฉันว่าความสัมพันธ์แบบนี้เป็นสิ่งที่ผิด กลับถูกบดบังด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้เช้านี้ ฉันเดินเข้าสู่ห้องเรียนด้วยความรู้สึกสับสนในใจ ทันทีที่ฉันก้าวเข้าสู่ห้อง สายตาของฉันก็พบกับครูพีทที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียน เขามองฉันด้วยสายตาที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยความหมาย เพียงเสี้ยววินาทีที่เขามองมาที่ฉัน หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างกายของฉันรู้สึกราวกับถูกไฟส่องผ่านเมื่อเขามองมา สายตาของเขาช่างคมกริบและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ฉันรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่เพียงแค่ฉันที่รู้สึกเช่นนั้น ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่เริ่มก่อตัวในท้องของฉัน มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายตลอดชั่วโมงเรียน ฉันพยายามจะมีสมาธิกับบทเรียน แต่ความคิดของฉันกลับวกวนไปที่ครูพีท และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราครั้งก่อน ความ
ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ใจฉันก็เต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่ทำไมฉันถึงหยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่เราทำคือการท้าทายกฎระเบียบที่โรงเรียนเคร่งครัดที่สุด แต่ยิ่งฉันคิดถึงมัน ฉันก็ยิ่งรู้สึกถึงความเร่าร้อนที่ซ่อนอยู่ในใจฉันเช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาในหอพักเหมือนเช่นเคย แต่ความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในหัวใจทำให้ฉันไม่สามารถทำตัวเหมือนปกติได้ ฉันพยายามจะไม่คิดถึงเขา แต่ทุกครั้งที่ฉันปิดตา ภาพของครูพีทก็จะปรากฏขึ้นมาในหัว ความใกล้ชิดของเรามันผิด ฉันรู้ดี แต่ฉันก็ไม่สามารถหยุดความรู้สึกนี้ได้“เมื่อวานกลับดึกเหรอ” ซาร่าทักทายฉัน ขณะที่ฉันกำลังเดินไปยังห้องเรียน“เอ้อ...ก็นิดนึง” ฉันหน้าแดงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน“ไม่สบายรึเปล่า?” ซาร่าจ้องมองฉัน ก่อนจะเอามือมาอังที่หน้าผาก“ปะ..เปล่า” ฉันรีบปฏิเสธทันที“ครูพีทใช้งานหนักเหรอ?” ซาร่าพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ“ก็...ไม่นะ..”“วันนี้ต้องไปช่วยครูอีกมั้ยอะ?”“อะ..ไม่แน่ใจอะ” ฉันแบ่งรับแบ่งสู้“ฉันไปช่วยมั้ย?” ซาร่าเสนอตัวเอง“ไหวเหรอ มีแต่บทเรียนวรรณคดีทั้งนั้นเลยนะ” ฉันเอียงคอถามเพื่อน เพราะร
ฉันนั่งอยู่บนเตียงในห้องพักที่เงียบสงบ สายตาของฉันจับจ้องไปที่กระดาษแผ่นหนึ่งในมือ มันคือกฎระเบียบของโรงเรียนเซนต์เอมิลี่ ซึ่งฉันได้รับมาเมื่อตอนเข้ามาใหม่ ฉันควรจะอ่านมันตั้งแต่วันแรก แต่ด้วยเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ฉันกลับลืมไปเสียสนิท กระดาษแผ่นนี้เหมือนเป็นเตือนความจำของสิ่งที่ควรและไม่ควรทำฉันค่อยๆ พลิกกระดาษไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าสุดท้าย สายตาของฉันก็สะดุดกับกฎข้อที่ 10 ที่ถูกเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือสีเข้มกว่าปกติ ฉันรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทันทีเมื่ออ่านมันกฎข้อที่ 10: ห้ามมิให้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เกินขอบเขตของความเป็นครูและนักเรียน หากพบว่ามีการกระทำเช่นนี้ จะมีการสอบสวนและลงโทษอย่างเคร่งครัดทั้งครูและนักเรียนที่เกี่ยวข้องฉันอ่านประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ใจของฉันเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับครูพีท ความสัมพันธ์ของเรานั้นข้ามเส้นที่ถูกเขียนไว้ในกฎระเบียบนี้อย่างชัดเจน และฉันก็รู้ดีว่าถ้ามีใครรู้เรื่องนี้ ผลที่ตามมาอาจจะไม่ดีเลยเสียงเปิดประตูดังขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าง เธอเพิ่งกลับจา
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ รู้สึกเหมือนหัวของฉันหนักอึ้งและร่างกายของฉันอ่อนล้าอย่างประหลาด ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อพยายามระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความงุนงงว่าฉันกลับมาถึงหอพักได้อย่างไรขณะที่ฉันกำลังพยายามเรียกสติกลับมา ประตูห้องพักก็เปิดออกอย่างเบามือ ฉันหันไปมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ลิลลี่ เธอโอเคหรือเปล่า?” ซาร่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล“ฉันเห็นเธอดูไม่ค่อยดีเลยเมื่อคืนนี้ ตอนที่ครูพีทอุ้มเธอกลับมาที่หอพัก”ฉันชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซาร่า“ครูพีท... อุ้มฉันกลับมาที่หอพักงั้นเหรอ?”ฉันถามกลับด้วยเสียงที่ยังคงแหบพร่า หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ครูพีท’ ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานค่อยๆ ทยอยกลับมาในหัวของฉันทีละเล็กทีละน้อย“ใช่ เธอสลบไป ฉันตกใจมากเลยอะ” ซาร่าพูดพลางนั่งลงข้างเตียงของฉัน“ฉัน... ฉันไม่ค่อยแน่ใจ” ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน“ฉันคงรู้สึกเหนื่อยมากน่ะ...”“เธอแน่ใจนะ เมื่อวานเธอ
เช้าวันนี้ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างหอพัก เข้ามาทักทายฉันด้วยความอ่อนโยน ฉันรู้ดีว่าวันนี้จะไม่ใช่วันธรรมดา ครูพีทจะมารับฉันตอน 10 โมงเช้าเพื่อไปดูงานนิทรรศการภาพถ่ายวรรณคดีในเมือง และมันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึงการได้ใช้เวลาทั้งวันกับเขาขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ และซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันก็เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนทุกครั้ง“ลิลลี่ ตื่นแล้วเหรอ? วันนี้ฉันต้องกลับบ้านนะ” ซาร่าพูดขึ้นพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางของเธอเข้ามา“ที่บ้านมีธุระที่ต้องจัดการ ฉันคงจะกลับมาเรียนอีกทีวันจันทร์เลย”“เอ๊ะ วันจันทร์เลยเหรอ?” ฉันเงยหน้ามองซาร่า ความรู้สึกหวาดหวั่นเกิดขึ้นเมื่อฉันต้องอยู่หอพักเพียงลำพังคนเดียว“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเหงาแบบนั้นดิ วันจันทร์แค่แปปเดียวเอง” ซาร่ายื่นมือมาดึงแก้มฉัน“อื้อๆ รู้แล้ว” ฉันส่งยิ้มให้เธอหายกังวลใจ“ถ้ามีอะไรที่อยากคุย ก็โทรหาฉันนะ” ซาร่าย้ำ พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กไปหน้าประตูฉันพยักหน้าและส่งยิ้มให้เธอ ก่อนที่ซาร่าจะอ
ครูพีทขับรถพาฉันไปที่คอนโดของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากสวนสาธารณะไม่ไกลนัก เมื่อเรามาถึง ฉันรู้สึกประทับใจกับความหรูหราและเรียบง่ายของสถานที่นี้ คอนโดของครูพีทอยู่ในอาคารสูงที่มองเห็นวิวเมืองกรุงเทพฯ จากที่สูง เขาพาฉันขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดของอาคาร ซึ่งเป็นที่พักของเขาเองเมื่อประตูคอนโดเปิดออก ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่อบอุ่นและสะดวกสบายภายในห้อง พื้นที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นและเฟอร์นิเจอร์ที่มีรสนิยม ทุกอย่างดูสะอาดและเป็นระเบียบ แสงจากโคมไฟที่นุ่มนวลทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น“นี่คือห้องน้ำ และนี่คือเสื้อของฉัน เธอไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดซะ”ครูพีทบอกขณะยื่นเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาให้ฉัน และชี้ไปที่ห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลฉันรับเสื้อคลุมจากเขา รู้สึกอุ่นใจและขอบคุณในความเอาใจใส่ของเขา“ขอบคุณค่ะ... หนูจะรีบเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูเบาๆ มองตัวเองในกระจก เห็นสภาพที่เปียกชื้นและผมที่ชุ่มน้ำ ฉันถอดเสื้อผ้า รวมถึงชุดชั้นในที่เปียกออกและอาบน้ำเพื่อล้างตัวที่เปียกฝน ก่อนจะเช็ดตัวและเป่าผมอย่างรีบเร่งให้แห้งหมาด ก่อนจะสวมเสื้อเชิ้ตของครูพีท“หอมจัง...” ฉันพึมพำเบาๆ เมื่อได้
ฉันยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง มองกระเป๋าเดินทางที่ยังไม่ได้เริ่มเก็บอะไรเลย ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ฉันจะต้องออกเดินทางไปอังกฤษตามคำสั่งของแม่ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนใหม่ ที่พัก หรือแม้กระทั่งกำหนดการเดินทาง ฉันไม่เคยรู้สึกถูกกำหนดชีวิตแบบนี้มาก่อน และมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหลุดจากทุกสิ่งที่ฉันรักแต่ก่อนที่จะจากไป ฉันมีสิ่งหนึ่งที่อยากทำ ฉันอยากใช้เวลาครั้งสุดท้ายกับเขา คนที่ฉันรักมากที่สุด คนที่ฉันไม่รู้ว่าจะได้พบอีกเมื่อไหร่“ซาร่า...” ฉันพูดขึ้นระหว่างที่เรานั่งคุยกันในมุมเงียบ ๆ ของห้องสมุดโรงเรียน“ช่วยฉันหน่อยได้มั้ย?”“อะไรอะ?” ซาร่าถามขณะยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย“ฉันอยากไปอยู่กับพี่พีทหนึ่งสัปดาห์ก่อนเดินทาง” ฉันพูดเสียงเบา แต่หนักแน่นซาร่ามองฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ“แม่เธอจะยอมเหรอ?”“ฉันจะบอกแม่ว่า จะไปค้างบ้านเธอช่วงที่ตรงกับวันหยุดของเทศกาลเซนต์เอมิลี่แห่งมิตรภาพ”“แม่คงไม่ว่าอะไรถ้าเธอช่วยพูดให้”ซาร่านิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มให้ฉัน“ได้สิ ฉันจะช่วยเธอเอง”“ขอบใจนะ ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงไม่รู้จะทำยังไงแน่เลย” ฉันจับมื
บรรยากาศในรถระหว่างทางกลับบ้านนั้นเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น บรรยากาศในรถอึดอัดจนฉันแทบหายใจไม่ออก แม่ของฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง ใบหน้าของเธอสงบนิ่ง แต่ฉันรับรู้ได้ถึงความโกรธที่เธอพยายามกดไว้ใต้เปลือกนอกที่ดูเหมือนไม่แสดงอารมณ์ใด ๆฉันหันไปมองนอกหน้าต่าง พยายามดึงความสนใจตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถหนีจากความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้ หัวใจของฉันเต้นแรง รู้สึกถึงพายุแห่งความกลัวและความไม่แน่นอนที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจเมื่อรถเลี้ยวเข้าประตูบ้าน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกพาเข้าไปในสนามรบ แม่เปิดประตูรถแล้วก้าวลงด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม ฉันเดินตามหลังเธอไปยังห้องรับแขก เสียงรองเท้าของเรากระทบพื้นหินอ่อนก้องสะท้อนในความเงียบงันของบ้านหลังใหญ่“นั่งลง” เสียงของแม่เยือกเย็น ฉันนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก เธอนั่งลงตรงข้ามกับฉัน สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธที่เธอไม่ปิดบัง“อลิสา วัฒนชัย” แม่เรียกชื่อเต็มของฉันด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ฉันรู้ดีว่าการที่แม่เรียกฉันด้วยชื่อเต็มแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ มันหมายความว่าเธอกำลังโมโห และฉันต้องเตรียมรับมือกับสิ
หลังจากลิลลี่กลับไปแล้ว บ้านพักเล็ก ๆ ของผมกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องทำงาน ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก้มมองเอกสารปึกใหญ่ที่นักสืบจากอังกฤษส่งมาให้เมื่อเช้านี้มันเป็นข้อมูลที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความจริงบางอย่างที่ผมไม่เคยคาดคิด และมันกำลังเปิดเผยภาพรวมของเกมที่ซับซ้อนที่กำลังดำเนินอยู่รอบตัวผม ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่เกี่ยวกับตัวผม แต่ยังเกี่ยวพันกับครอบครัวของผมในระดับที่ลึกซึ้งและน่ากลัวเอกสารหน้าแรกเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับอลิซเบธ อดีตคนรักของผม นักสืบที่ผมจ้างบอกว่าเธอกลับมาเมืองไทยหลังจากได้รับการว่าจ้างจากคู่แข่งทางธุรกิจของพ่อผม พวกเขาใช้ลิซเป็นเครื่องมือเพื่อพยายามดึงตัวผมเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งระหว่างธุรกิจ“ลิซ...” ผมพึมพำชื่อของเธอในความเงียบ รู้สึกเหมือนเธอที่ผมเคยรู้จักเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น ผู้หญิงที่เคยเดินเคียงข้างผมในช่วงเวลาที่เราใช้ชีวิตในอังกฤษ กลายเป็นคนที่พยายามใช้ความสัมพันธ์ในอดีตเพื่อเข้ามาทำลายทุกอย่างที่ผมสร้างขึ้นในเอกสารยังระบุว่า ลิซไม่ได้มาหาผมเพียงเพราะความรู้สึกในอดีต แต่เธอได้รับคำสั่งให้สร้างเรื่องราว
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ภายในห้องนอนของครูพีทเงียบสงบ ฉันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเขาอยู่บนเตียงแล้ว พอลองขยับตัวก็รู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด เป็นผลจากค่ำคืนที่เขาไม่ยอมให้ฉันได้นอนพักเลย ฉันแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง ผ้าห่มเลื่อนลงจากร่างกายเผยให้เห็นรอยจ้ำแดงเป็นคิสมาร์กที่กระจายอยู่เต็มเนินอกของฉัน“หือ...เป็นรอยเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ฉันพึมพำเบาๆ มองรอยแดงที่กระจายอยู่เต็มเนินอก ผลจากความเร่าร้อนของเขาเมื่อคืนที่ทำให้ฉันแทบจะหมดแรงฉันตัดสินใจก้าวลงจากเตียง เดินตรงไปยังห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว พออาบเสร็จฉันก็ไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขามาสวม มันโอเวอร์ไซส์จนคลุมมาถึงต้นขาของฉันหลังจากนั้นฉันเดินออกจากห้องนอน เพื่อจะตามหาเขา ไม่นานฉันก็เห็นครูพีทอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขากำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าอย่างตั้งใจ เสียงเบาๆ จากครัวและกลิ่นหอมของอาหารที่เขากำลังเตรียมอยู่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและดีใจที่ได้มาเจอเขาในเช้านี้เมื่อเขาหันกลับมา ฉันก็เห็นว่าเขาถือถาดอาหารที่มีขนมปังปิ้ง แพนเ
เมื่อประตูบ้านปิดลง ครูพีทไม่รอช้า เขาดึงเอวฉันเข้ามาหา ใบหน้าของเขาโน้มลงมาประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่น จูบของเขาลึกซึ้งและเร่าร้อน สอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน ตักตวงความหวานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มือใหญ่ดันท้ายทอยของฉันให้เข้าไปใกล้ จูบของเขารุนแรงจนฉันแทบลืมหายใจ ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือปล่อยตัวเองให้จมอยู่ในอ้อมกอดของเขา“อื๊อ...พี่พีทคะ...” ฉันหอบครางเสียงสั่น ครูพีทผละริมฝีปากออกเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มหายใจไม่ทัน“คิดถึง" ครูพีทกระซิบเบา ๆ ก่อนจะบดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง เขาจูบฉันอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่ต้องการให้ฉันมีช่วงเวลาพักหายใจ พลันเขาอุ้มฉันขึ้นจนตัวลอย มือใหญ่รองใต้สะโพกฉันไว้ ฉันโอบแขนรอบคอเขาแน่น ขาทั้งสองเกี่ยวรัดเอวเขาไว้ไม่ให้ล่วงลงพื้นครูพีทก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังห้องนอน โดยที่ยังคงจูบฉันอย่างลึกซึ้ง ลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันไม่มีใครยอมใครตุบ!เขาวางฉันลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาอันลึกซึ้งลุกโชนอยู่ในนั้น“ไม่เจอกันนาน ต้องชดเชยหน่อยนะ” ครูพีทพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มตัวลงมาจูบฉันอีกครั้ง เขาสอดล
เช้าวันนั้นฉันนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะเรียน ขณะที่รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้น แม้จะพยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่ในใจฉันกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ถูกตั้งแต่ครูพีทถูกพักงานไป ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะขาดหาย ฉันไม่รู้ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ความคิดต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาทันใดนั้น ฉันรู้สึกถึงแรงสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่ หันไปมองก็พบกับรอยยิ้มของซาร่า เธอยื่นซองจดหมายสีขาวให้ฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับราวกับจะบอกว่านี่ไม่ใช่จดหมายธรรมดา“นี่ของเธอ” ซาร่ากระซิบพลางยิ้มให้ ฉันมองเธออย่างสงสัยก่อนจะเปิดซองจดหมายออกอย่างช้า ๆในซองจดหมายนั้นมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือที่ฉันคุ้นเคยดี หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นในทันที ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ครูพีท เขาฝากจดหมายมาให้ฉัน!มือของฉันสั่นเล็กน้อยขณะที่เปิดจดหมายออกมาอ่านข้อความข้างในลิลลี่ฉันรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ฉันเองก็คิดถึงและเป็นห่วงเธอมากเช่นกัน ช่วงนี้ฉันไม่ได้พักที่คอนโด ฉันกลับมาอยู่บ้าน แต่ฉันก็คิดถึงเธอจนทนไม่ไหวถ้าเธอสะดวก ฉันอยากให
ฉันยืนมองกระดานประกาศของโรงเรียนด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ในใจกลับร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่ครั้ง คำประกาศตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม ตัวอักษรแต่ละตัวชัดเจนราวกับตั้งใจตอกย้ำให้ความหวังในใจฉันสลายไปจนหมดสิ้น‘ประกาศพักงาน มิสเตอร์พีทริก วิลเลียมส์ ไม่มีกำหนด เพื่อพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน’ข้อความนั้นเหมือนดาบที่กรีดลึกลงกลางใจ จนทุกสิ่งรอบตัวฉันพังทลายไปในพริบตา ฉันพยายามสูดหายใจเข้าลึก กลั้นความรู้สึกที่ถาโถมในอก และบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่หัวใจกลับเต้นรัวและสั่นไหว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด เสียงของเขาทุ้มอ่อนโยนและปลอบโยนอย่างที่เคย“ฉันอาจจะต้องหายไปสักพัก แต่ขอให้เธอเข้มแข็งไว้นะ เชื่อใจฉันนะ” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบา ๆ สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนจนฉันไม่อาจห้ามความรู้สึกปั่นป่วนในใจได้“ค่ะ หนูเชื่อพี่ค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน และทำตัวให้เข้มแข็งอย่างที่เขาบอก“เด็กดีขอ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก
ในห้องเรียนที่แสนเงียบสงบ ฉันนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง ก้มหน้าลงมองสมุดบันทึก ขีดเขียนคำต่าง ๆ ลงไปอย่างตั้งใจ เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบา ๆ รอบห้องทำให้บรรยากาศดูเหมือนวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในใจลึก ๆ ของฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไปทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันและเสียงก้าวเท้าที่ดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะของฉัน หันไปมองทางต้นเสียง และภาพที่เห็นทำให้ฉันใจหายวูบลงไปในทันทีมินนี่...เธอยืนพิงโต๊ะด้วยท่าทางที่อวดดี ข้างหน้าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างเงียบและชอบอยู่คนเดียว ฉันไม่ค่อยรู้จักชื่อของเธอ แต่คิดว่าเธอชื่อ ฟ้า สายตาของฟ้าจ้องมองต่ำ สั่นเล็กน้อยเหมือนกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมินนี่ฉันเห็นมินนี่หัวเราะขณะที่จ้องมองฟ้าด้วยสายตาเย้ยหยัน ท่าทางของเธอดูชัดเจนว่าเธอกำลังหาเรื่องและเล่นสนุกจากความกลัวของคนอื่น“นี่เธอ จะเงียบไปถึงไหน?หรือว่า...ไม่มีปาก?”มินนี่พูดขึ้นเสียงดัง พลางหัวเราะออกมาเหมือนสนุกสนานกับสิ่งที่เธอกำลังทำฟ้าขยับถอยหลังเล็กน้อย เหมือนพยายามจะหลบมินนี่ แต่ไม่มีทางให้หนี เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำมากขึ้น ราวกับต้องการให้ตัวเองหาย