ฉันนั่งอยู่บนเตียงในห้องพักที่เงียบสงบ สายตาของฉันจับจ้องไปที่กระดาษแผ่นหนึ่งในมือ มันคือกฎระเบียบของโรงเรียนเซนต์เอมิลี่ ซึ่งฉันได้รับมาเมื่อตอนเข้ามาใหม่ ฉันควรจะอ่านมันตั้งแต่วันแรก แต่ด้วยเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ฉันกลับลืมไปเสียสนิท กระดาษแผ่นนี้เหมือนเป็นเตือนความจำของสิ่งที่ควรและไม่ควรทำ
ฉันค่อยๆ พลิกกระดาษไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าสุดท้าย สายตาของฉันก็สะดุดกับกฎข้อที่ 10 ที่ถูกเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือสีเข้มกว่าปกติ ฉันรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทันทีเมื่ออ่านมัน
กฎข้อที่ 10: ห้ามมิให้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เกินขอบเขตของความเป็นครูและนักเรียน หากพบว่ามีการกระทำเช่นนี้ จะมีการสอบสวนและลงโทษอย่างเคร่งครัดทั้งครูและนักเรียนที่เกี่ยวข้อง
ฉันอ่านประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ใจของฉันเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับครูพีท ความสัมพันธ์ของเรานั้นข้ามเส้นที่ถูกเขียนไว้ในกฎระเบียบนี้อย่างชัดเจน และฉันก็รู้ดีว่าถ้ามีใครรู้เรื่องนี้ ผลที่ตามมาอาจจะไม่ดีเลย
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าง เธอเพิ่งกลับจากห้องสมุด ดูมีความสุขกับหนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งยืมมา ซาร่าเป็นคนที่ร่าเริงเสมอ และฉันรู้สึกดีที่มีเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนร่วมห้อง
“เธอกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?” ซาร่าถามพลางวางกระเป๋าลงบนโต๊ะข้างเตียงของเธอ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสนใจและความอบอุ่นตามแบบฉบับของเธอ
“ฉันกำลังอ่านกฎระเบียบของโรงเรียนอยู่”
“กฎระเบียบ? โอ้ พระเจ้า น่าเบื่อแย่เลย!” ซาร่าหัวเราะออกมา แต่เมื่อเห็นสีหน้าของฉันที่ดูไม่ค่อยดีนัก เธอก็หยุดหัวเราะและถามอย่างสงสัย “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเคร่งเครียดจัง?”
“กฎข้อ 10 เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน...”
“อ้อ เรื่องนั้น” ซาร่าพูดเสียงเบาลงทันที
“โรงเรียนนี้เข้มงวดมากเรื่องพวกนี้ พวกเขากลัวว่าถ้าครูและนักเรียนมีความสัมพันธ์ที่เกินขอบเขต มันจะทำให้สภาพแวดล้อมการเรียนเสียหายได้ง่าย”
“ซาร่า... เคยมีเหตุการณ์อะไรเกี่ยวกับกฎข้อนี้มาก่อนไหม?” ฉันอยากรู้
ซาร่าทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา “จริงๆ แล้วก็มีนะ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณสองปีก่อน เหมือนว่าเคยมีนักเรียนคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่ แล้วเธอก็มีความสัมพันธ์กับครูของเธอ”
หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น “แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”
ซาร่าถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่อง “นักเรียนคนนั้นชื่อเอมิลี่ เธอเป็นนักเรียนที่เก่งมาก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไปตกหลุมรักครูคนหนึ่งที่สอนวิชาวิทยาศาสตร์ ทั้งสองคนเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีคนในโรงเรียนเริ่มสงสัย”
“พวกเขาถูกจับได้เหรอ?” ฉันถามด้วยความกังวล รู้สึกว่าหัวใจของฉันหนักอึ้ง
“ใช่” ซาร่าพยักหน้า
“มีคนเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันนอกเวลาเรียน แล้วเรื่องก็มาถึงหูผู้บริหารโรงเรียน พวกเขาถูกเรียกไปสอบสวน ครูคนนั้นถูกไล่ออกทันที ส่วนเอมิลี่ก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเหมือนกัน เธอต้องย้ายไปเรียนที่อื่น เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่มีใครลืมได้เลย”
“อย่ากังวลมากไปเลยนะลิลลี่ แค่ทำตามกฎระเบียบทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหาอะไร” ซาร่ายิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น
‘ขอโทษ ฉันฝ่าฝืนระเบียบไปแล้วล่ะ’ ฉันได้แต่คิดในใจ
ซาร่าเห็นฉันเงียบไปนานก็เริ่มหันเหความสนใจไปที่หนังสือเล่มใหม่ของเธอ ซึ่งเป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอเพิ่งยืมมาจากห้องสมุด เธอเริ่มเล่าเรื่องราวในหนังสือให้ฉันฟังด้วยความตื่นเต้น
ฉันพยายามฟังเธอ แต่หัวใจของฉันกลับล่องลอยไปกับความคิดเกี่ยวกับครูพีทและความสัมพันธ์ที่เสี่ยงจะถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนเชือกเส้นเล็กๆ ที่พร้อมจะขาดลงได้ทุกเมื่อ ความสัมพันธ์ของเรามันเป็นเหมือนเปลวไฟที่สวยงามและร้อนแรง แต่ก็พร้อมจะเผาผลาญทุกอย่างที่อยู่รอบตัว
“ลิลลี่ เธอเป็นอะไรไปหรือเปล่า? ทำไมดูเหม่อลอยจัง?” ซาร่าถามขึ้นหลังจากเห็นฉันไม่ได้ตอบสนองต่อเรื่องราวที่เธอเล่า
“ไม่มีอะไรหรอก ซาร่า” ฉันตอบพลางยิ้มบางๆ แต่ในใจกลับรู้สึกหวาดหวั่น “ฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“ถ้าเธอมีอะไรก็บอกฉันนะ” ซาร่าพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเป็นห่วง
“อื้ม” ฉันพยักหน้า แต่ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถบอกความจริงกับเธอได้ ความลับของฉันและครูพีท
เสียงกระดิ่งบอกเวลาเริ่มคาบเรียนดังขึ้น ทุกคนในห้องเรียนต่างรีบเปิดหนังสือและเตรียมอุปกรณ์เพื่อเริ่มเรียน ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง ใจของฉันเต้นแรงเมื่อเห็นครูพีทเดินเข้ามาในห้อง เขาดูสงบนิ่งเหมือนทุกครั้ง แต่ฉันรู้ดีว่าเบื้องหลังท่าทีที่นิ่งสงบนี้มีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่
ครูพีทเริ่มสอนบทเรียนด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง เขาอธิบายเนื้อหาด้วยความชัดเจนและน่าสนใจ ทุกคนในห้องต่างตั้งใจฟัง แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนว่าเสียงของเขากำลังดังก้องอยู่ในใจฉันมากกว่าที่ควรจะเป็น
ขณะที่เขาสอน ฉันพยายามจดบันทึกและทำความเข้าใจกับเนื้อหาที่เขาพูด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตัวเองถูกสายตาของเขาจับจ้องอยู่เป็นระยะ ๆ
ทุกครั้งที่เขามองมาทางฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ราวกับว่าในห้องเรียนนี้มีเพียงเราสองคนเท่านั้น
“ลิลลี่” เสียงของครูพีทเรียกชื่อฉัน ขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้โต๊ะของฉัน
“ค่ะ ครู?” หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นเมื่อเขาเข้ามาใกล้จนฉันสามารถรับรู้ถึงความอบอุ่นจากตัวเขาได้
“เธอเข้าใจเนื้อหาที่ฉันอธิบายหรือเปล่า?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่กลับเต็มไปด้วยความเข้มงวด ดวงตาคมกริบจ้องมองฉันราวกับหมาป่าเจ้าเล่ห์จ้องมองเหยื่อ
“เอ่อ...ค่ะ...แต่บางส่วนหนูก็...ยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะ”
ฉันตอบออกไปอย่างสั่นไหว รู้สึกว่าตัวเองเริ่มพูดติดขัดเพราะความใกล้ชิดของเขา
“ดูเหมือนเธอไม่เข้าใจนะ” ครูพีทยิ้มเล็กน้อย เมื่อก้มลงมองหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะของฉัน
“ฉันจะอธิบายอีกครั้งนะ”
เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น ร่างกายของเขาเกือบจะแนบชิดกับฉัน ฉันรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่อยู่ใกล้ข้างแก้มของฉัน ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งห้องเรียนกำลังหมุนไปรอบ ๆ เราสองคน
ขณะที่เขาอธิบายเนื้อหาอย่างละเอียด มือของเขาก็เคลื่อนมาใกล้กับมือของฉันที่วางอยู่บนโต๊ะ ฉันรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ไม่สามารถต้านทานได้ ความคิดที่จะขยับตัวหนีหายไปทันทีเมื่อสัมผัสของเขาแตะเข้ากับมือของฉันอย่างแผ่วเบา
“เนื้อหานี้ค่อนข้างซับซ้อน เธอควรตั้งใจให้มากนะ” เขาพูดเบา ๆ ขณะที่ยังคงโน้มตัวอยู่ใกล้ ๆ
“ค่ะ... หนูจะพยายาม” ฉันตอบกลับด้วยเสียงที่แทบจะกระซิบ หัวใจของฉันเต้นแรงจนรู้สึกว่ามันจะหลุดออกมาจากอก ความตึงเครียดและความตื่นเต้นที่ปะปนกันอยู่ในใจทำให้ฉันรู้สึกสับสน
ครูพีทยังคงอธิบายเนื้อหาให้ฉันฟัง แต่ในขณะเดียวกัน การสัมผัสของเขาที่แตะกับมือของฉันก็ยังคงอยู่ ความอบอุ่นจากมือของเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันกำลังถูกล้อมรอบด้วยความปรารถนา ตอนนี้ในหัวสมองฉันไม่มีเนื้อหาที่เขาสอนเลยสักนิด
“ลิลลี่”
“คะ!” ฉันสะดุ้ง
“ดูเหมือนเธอมีปัญหากับการเรียนวันนี้นะ” ครูพีทถอนหายใจราวกับเหนื่อยหน่าย แต่แววตาที่เขามองฉันกลับเป็นประกายและเต็มไปด้วยความปรารถนา
“หลังเลิกเรียนมาที่ห้องพักครูด้วย” ครูพีทยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสอนนักเรียนคนอื่นต่อ
หัวใจฉันเต้นแรง ฉันรู้ความหมายของคำพูดนั้นดี ครูพีทมักสอนบทเรียนหลังเลิกเรียนให้ฉันแทบทุกวัน ร่างกายของฉันถูกครูพีทสัมผัสแทบทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก พวงแก้ม ซอกคอ เนินอก หน้าท้อง ต้นขา ขาอ่อน หรือแม้แต่...
ฉันเผลอยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความอาย เพียงแค่คิดใบหน้าของฉันก็ร้อนผ่าวไปหมด
หลังจากเสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น นักเรียนคนอื่นๆ ทยอยกันออกจากห้องเรียนไปทีละคน ขณะที่ฉันยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ รวบรวมความกล้าที่กำลังสั่นไหวในใจ ฉันรู้ว่าการไปหาครูพีทที่ห้องพักครูหลังเลิกเรียนอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกตื่นเต้นได้
“ลิลลี่ วันนี้ไปร้านคาเฟ่กัน ได้ข่าวว่ามีร้านเปิดใหม่ล่ะ” ซาร่าชวนฉันขณะที่กำลังเก็บของลงกระเป๋า
“ขอโทษนะ...ฉันมีเรียนเสริมน่ะ..” ฉันตอบพร้อมกับค่อยๆ เก็บของ
“ห๊ะ? ครูพีทเหรอ?”
“อื้อ”
“ทำไมครูเข้มงวดกับเธอจัง” ซาร่าเอียงคอมองด้วยความสงสัย
“ฉันเรียนแล้วไม่ค่อยเข้าใจน่ะ” ฉันยิ้มแหย
ซาร่าทำหน้าแบบไม่ค่อยเชื่อ “ใช่เหรอ? ฉันว่าเธอเก่งนะ อ๋อ ฉันรู้แล้ว”
“สงสัยครูอยากได้เธอไปร่วมแข่งขันการประกวดเขียนบทวรรณกรรมระหว่างโรงเรียนของปีนี้แน่เลย” ซาร่ายิ้มร่า
“แข่งขัน?” ฉันเลิกคิ้วงุนงง เพราะเพิ่งเคยได้ยิน
“ช่ายย ถ้างั้นสู้ๆ นะ ส่วนร้านคาเฟ่ วันหยุดเราค่อยไปกัน” ซาร่ายิ้มให้ฉัน
“อะ...อื้อ” ฉันพยักหน้ารับ
“เจอกันที่ห้องนะ” ซาร่าโบกมือให้ฉันแล้วเดินออกจากห้องเรียนไปอย่างร่าเริง
เมื่อห้องเรียนว่างเปล่า ฉันจึงลุกขึ้นและเดินไปยังห้องพักครู ความรู้สึกทั้งหลายปะปนกันจนทำให้ฉันรู้สึกหนักอึ้งในอก ทั้งตื่นเต้น กังวล และคาดหวัง ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความมั่นใจขณะเดินไปถึงหน้าประตูห้องพักครู
ฉันเคาะประตูเบาๆ และทันทีที่ได้ยินเสียงจากภายใน ฉันเปิดประตูเข้าไปเห็นครูพีทนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา สายตาของเขามองขึ้นมาเจอฉัน และฉันรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เหมือนมีบางสิ่งเชื่อมโยงเราไว้
“เข้ามาสิ ลิลลี่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ฉันปิดประตูและเดินเข้าไปหาเขา หัวใจของฉันเต้นแรงจนแทบจะได้ยิน
“หนูมาแล้วค่ะครู” ฉันพูดเสียงเบา ยิ้มบางๆ แม้จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังสั่นน้อยๆ จากความตื่นเต้น
ครูพีทยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปที่กองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ
“นี่คือเอกสารเกี่ยวกับบทเรียนวรรณคดีที่ฉันอยากให้เธอช่วยจัดเรียงและจัดเตรียมให้พร้อมสำหรับชั่วโมงเรียนวันพรุ่งนี้”
ฉันพยักหน้าและนั่งลงที่เก้าอี้ข้างโต๊ะ ทำงานตามที่เขาบอก ขณะที่มือของฉันจัดเรียงเอกสาร ความคิดของฉันกลับล่องลอยไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ความใกล้ชิด ความลับที่เราต่างเก็บซ่อน และความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจ
หลังจากทำงานไปได้สักพัก ฉันรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของครูพีท เขาลุกขึ้นและเดินเข้ามาใกล้ฉัน ฉันหยุดมือและเงยหน้าขึ้นมองเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าฉัน สายตาของเขามองฉันด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งและยากจะตีความ
“ลิลลี่...” เสียงของเขาเบาและลึกซึ้ง ราวกับว่าเขากำลังจะบอกอะไรบางอย่างที่สำคัญ
“เธอรู้ไหมว่าการศึกษาบทกวีและวรรณคดีนั้น ไม่ใช่แค่การเข้าใจคำพูด แต่เป็นการเข้าใจความรู้สึกด้วย”
ฉันมองเขาอย่างสงสัย แต่ก็รับรู้ได้ถึงความตั้งใจในคำพูดของเขา “ค่ะ... หนูเข้าใจว่าบทกวีมันสะท้อนความรู้สึกที่ลึกซึ้ง”
ครูพีทยิ้มเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวลงใกล้ฉัน ความใกล้ชิดนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่ง ลมหายใจของฉันติดขัดและหัวใจเต้นรัว เขายื่นมือมาสัมผัสที่แก้มของฉันเบาๆ ทำให้ฉันรู้สึกถึงร้อนวูบวาบที่เกิดขึ้นในร่างกาย
“บางครั้ง ความรู้สึกที่ลึกซึ้งนั้นต้องการการสื่อสารด้วยวิธีอื่น” เขากระซิบเบาๆ ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเข้ามาใกล้จนฉันสามารถรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่แตะผิวของฉัน
ฉันรู้สึกเหมือนถูกสะกดให้หยุดนิ่ง ริมฝีปากของครูพีทแตะที่ริมฝีปากของฉันอย่างนุ่มนวล ก่อนจะตวัดปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน และลิ้มรสความหวานจนฉันเริ่มหายใจไม่ทัน
“ครูคะ...”
“บทเรียนวันนี้....อาจจะทรมานหน่อยนะ”
ครูพีทกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของฉัน
“อื๊อ..ครูคะ..”
เขาจูบฉันอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง พร้อมกับดึงเนคไทออกจากคอเสื้อของเขา และใช้มันผูกรวบข้อมือของฉันทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ และดันตัวของฉันให้พิงกับพนักเก้าอี้
เขาจรดริมฝีปากไล่ไปตามลำคอ พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อของฉันออกจนมองเห็นบราเซียร์ลูกไม้สีชมพู เนินอกขาวกำลังยั่วให้เขาสัมผัส ลมหายใจอุ่นของเขาที่รดตามผิวกายของฉันทำให้ฉันรู้สึกร้อนรน ความปรารถนาบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ถูกปลุกเร้าขึ้นภายในตัวของฉัน
“ฉันยังไม่...หรอกนะ”
ครูพีทกระซิบเสียงกระเส่า มือของเขาสอดนิ้วเข้ามาใต้บรา และคลำจุดอ่อนไหวของฉัน
“อ๊ะ...” ฉันกัดริมฝีปากแน่นพยายามไม่ให้เสียงครางหลุดรอดออกมา
ครูพีทไม่ได้ถอดบราเซียร์ของฉันออก เพียงแต่รั้งดึงลง เพื่อหลีกทางให้ยอดอกทั้งสองเผยสู่สายตา เขาใช้ริมฝีปากเจ้าเล่ห์พรมจูบเรื่อยไปจนถึงตำแหน่งที่ตั้งชันสะดุดสายตา เขาพ่นลมหายใจรินรดยอดรวมเส้นประสาทคล้ายกับต้องการกลั่นแกล้ง ก่อนจะตวัดเรียวลิ้นร้ายกาจปลุกเร้าทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียม
“อี๊อ...” ฉันรู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก ทั้งเสียวและทรมานในเวลาเดียวกัน ครูพีทช้อนสายตาขึ้นมองปฏิกิริยาบนใบหน้าของฉัน เขายกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ
“ไหวมั้ย...”
“ครูคะ...หนู..อ๊า..”
ครูพีทกระซิบพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งเลื่อนต่ำไต่ลงไปตามต้นขาและล้วงเข้าไประหว่างเรียวขาที่แยกออกจากกันอัตโนมัติ เขาจู่โจมจุดอ่อนไหวสุดที่เบื้องล่าง ฉันกัดริมฝีปากแน่นความปรารถนาล้นปรี่
“อ๊า..ครู..” ฉันสะดุ้งเมื่อเขาแตะโดนตำแหน่งสำคัญ พร้อมกับแอ่นร่างกายแนบชิดกับเขาโดยที่มือของฉันยังโดนพันธนาการอยู่
“ว่าไง..ลิลลี่” ครูพีทยิ้มเจ้าเล่ห์
“ทะ..ทรมานค่ะ...” ฉันอยากหนีจากตรงนี้ แต่ร่างกายของฉันกลับทำตรงกันข้าม ทั้งแอ่นอกให้เขาลิ้มรสอย่างเต็มที่ หรือจะเป็นปลายนิ้วของเขาขยี้จุดกระสันจนฉันแทบทนไม่ไหว ฉันไม่คิดเลยว่า แค่นิ้วของเขาก็สามารถทำให้ฉันเป็นได้ถึงขนาดนี้
“พร้อมรึยัง?” ครูเจ้าเสน่ห์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักมือขยี้จุดอ่อนไหวของฉันให้มากขึ้น
“อ๊า...”
ฉันครางออกมา ท้องน้อยของฉันรู้สึกเกร็งวูบ ยิ่งเขาเพิ่มน้ำหนักตามเสียงครางของฉัน ความเสียวซ่านก็เพิ่มขึ้นจนสมองขาวโพลนไปหมด มือทั้งสองข้างที่โดนพันธนาการกำแน่น แต่ฉันไม่ร้องขอให้เขาหยุด แถมยังเคลื่อนเอวเข้าหาเขาด้วยซ้ำ เสียงหอบหายใจปะปนเสียงครางของฉัน จนกระทั่งในที่สุดฉันเกร็งไปทั้งตัว กล้ามเนื้อขาด้านในกระตุกสั่นระริก ช่างเป็นความทรมานที่ยาวนานที่สุดที่ฉันเคยเจอ
“หึหึ เด็กดีของฉัน น่ารักเสียจริง” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากปากของครูเจ้าเสน่ห์ ก่อนภาพจะตัดไป
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ รู้สึกเหมือนหัวของฉันหนักอึ้งและร่างกายของฉันอ่อนล้าอย่างประหลาด ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อพยายามระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความงุนงงว่าฉันกลับมาถึงหอพักได้อย่างไรขณะที่ฉันกำลังพยายามเรียกสติกลับมา ประตูห้องพักก็เปิดออกอย่างเบามือ ฉันหันไปมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ลิลลี่ เธอโอเคหรือเปล่า?” ซาร่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล“ฉันเห็นเธอดูไม่ค่อยดีเลยเมื่อคืนนี้ ตอนที่ครูพีทอุ้มเธอกลับมาที่หอพัก”ฉันชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซาร่า“ครูพีท... อุ้มฉันกลับมาที่หอพักงั้นเหรอ?”ฉันถามกลับด้วยเสียงที่ยังคงแหบพร่า หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ครูพีท’ ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานค่อยๆ ทยอยกลับมาในหัวของฉันทีละเล็กทีละน้อย“ใช่ เธอสลบไป ฉันตกใจมากเลยอะ” ซาร่าพูดพลางนั่งลงข้างเตียงของฉัน“ฉัน... ฉันไม่ค่อยแน่ใจ” ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน“ฉันคงรู้สึกเหนื่อยมากน่ะ...”“เธอแน่ใจนะ เมื่อวานเธอ
เช้าวันนี้ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างหอพัก เข้ามาทักทายฉันด้วยความอ่อนโยน ฉันรู้ดีว่าวันนี้จะไม่ใช่วันธรรมดา ครูพีทจะมารับฉันตอน 10 โมงเช้าเพื่อไปดูงานนิทรรศการภาพถ่ายวรรณคดีในเมือง และมันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึงการได้ใช้เวลาทั้งวันกับเขาขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ และซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันก็เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนทุกครั้ง“ลิลลี่ ตื่นแล้วเหรอ? วันนี้ฉันต้องกลับบ้านนะ” ซาร่าพูดขึ้นพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางของเธอเข้ามา“ที่บ้านมีธุระที่ต้องจัดการ ฉันคงจะกลับมาเรียนอีกทีวันจันทร์เลย”“เอ๊ะ วันจันทร์เลยเหรอ?” ฉันเงยหน้ามองซาร่า ความรู้สึกหวาดหวั่นเกิดขึ้นเมื่อฉันต้องอยู่หอพักเพียงลำพังคนเดียว“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเหงาแบบนั้นดิ วันจันทร์แค่แปปเดียวเอง” ซาร่ายื่นมือมาดึงแก้มฉัน“อื้อๆ รู้แล้ว” ฉันส่งยิ้มให้เธอหายกังวลใจ“ถ้ามีอะไรที่อยากคุย ก็โทรหาฉันนะ” ซาร่าย้ำ พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กไปหน้าประตูฉันพยักหน้าและส่งยิ้มให้เธอ ก่อนที่ซาร่าจะอ
ครูพีทขับรถพาฉันไปที่คอนโดของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากสวนสาธารณะไม่ไกลนัก เมื่อเรามาถึง ฉันรู้สึกประทับใจกับความหรูหราและเรียบง่ายของสถานที่นี้ คอนโดของครูพีทอยู่ในอาคารสูงที่มองเห็นวิวเมืองกรุงเทพฯ จากที่สูง เขาพาฉันขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดของอาคาร ซึ่งเป็นที่พักของเขาเองเมื่อประตูคอนโดเปิดออก ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่อบอุ่นและสะดวกสบายภายในห้อง พื้นที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นและเฟอร์นิเจอร์ที่มีรสนิยม ทุกอย่างดูสะอาดและเป็นระเบียบ แสงจากโคมไฟที่นุ่มนวลทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น“นี่คือห้องน้ำ และนี่คือเสื้อของฉัน เธอไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดซะ”ครูพีทบอกขณะยื่นเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาให้ฉัน และชี้ไปที่ห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลฉันรับเสื้อคลุมจากเขา รู้สึกอุ่นใจและขอบคุณในความเอาใจใส่ของเขา“ขอบคุณค่ะ... หนูจะรีบเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูเบาๆ มองตัวเองในกระจก เห็นสภาพที่เปียกชื้นและผมที่ชุ่มน้ำ ฉันถอดเสื้อผ้า รวมถึงชุดชั้นในที่เปียกออกและอาบน้ำเพื่อล้างตัวที่เปียกฝน ก่อนจะเช็ดตัวและเป่าผมอย่างรีบเร่งให้แห้งหมาด ก่อนจะสวมเสื้อเชิ้ตของครูพีท“หอมจัง...” ฉันพึมพำเบาๆ เมื่อได้
แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดส่องเข้ามาผ่านม่านบางเบาในห้องของครูพีท ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น สัมผัสแรกที่รับรู้คือความอ่อนเพลียที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อของฉันรู้สึกเหมือนถูกใช้งานจนหมดแรงทุกส่วน ความรู้สึกนี้ทำให้ฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียงนุ่มๆ โดยไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวฉันหันหน้าไปมองรอบห้อง ทุกอย่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงนาฬิกาแขวนบนผนังที่บอกเวลาว่าเป็นเวลาบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันน่าจะมีพลังสดชื่น แต่ในวันนี้กลับต่างออกไปหัวของฉันหมุนเล็กน้อยขณะที่ฉันพยายามจะลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับไม่ยอมตามใจ รู้สึกเหนื่อยล้าและหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกอบอุ่นจากผ้าห่มที่คลุมร่างกายอยู่ทำให้ฉันอยากจะหลับต่อไปอีกหน่อย แต่ภาพความทรงจำจากเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไหลเวียนกลับเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็วครูพีท... เขากลั่นแกล้งฉันอย่างไร้ความปราณี ความรู้สึกของความสุขและความสุขสมที่เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์และตกอยู่ในห้วงแห่งความสุขไม่รู้กี่รอบ ร่างกายของฉันยังคงรู้สึกถึงสัมผัสที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังนั้น ความทรงจำเหล่านั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านอยู่ภายใน แต่ในขณะเดียวกันก็ท
หลังจากที่ฉันทานอาหารเสร็จ ความรู้สึกอบอุ่นและพึงพอใจจากอาหารที่ครูพีททำให้ยังคงอยู่ในใจ ฉันวางช้อนลงอย่างเบามือ ครูพีทยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นฉันทานจนหมดชาม“ขอบคุณค่ะ พี่พีท อาหารอร่อยมากเลยค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับยิ้มให้เขาก่อนที่ครูพีทจะตอบอะไร เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองตามเสียง ครูพีทยืนขึ้นจากเก้าอี้และหันมาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“น่าจะเป็นแม่บ้านน่ะ”ขณะที่ครูพีทเดินไปที่ประตูเพื่อรับชุดเดรส ฉันก็ลุกขึ้น เริ่มเก็บจานและชามไปที่ห้องครัว ฉันยกถาดอาหารและเดินไปที่ห้องครัว เบาๆ วางถาดบนเคาน์เตอร์ และเริ่มล้างจานในอ่างน้ำอุ่นที่ไหลผ่านมือทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย ล้างจานอย่างใจเย็น ความคิดของฉันยังคงวนเวียนถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับครูพีท ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้สัมผัสกับความใกล้ชิดและความอบอุ่นแบบนี้จากเขา มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งหวานและเต็มไปด้วยแรงปรารถนาเสียงประตูเปิดและปิดเบาๆ ฉันหันไปมองก็เห็นเขายืนอยู่ที่ประตูห้องครัว ในมือของเขามีชุดเดรสที่ถูกพับอย่างเรียบร้อยอยู่บนแขนของเขา“ลิลลี่ ไม่ต้องล้างจานหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ครูพีทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ
เช้าวันนี้ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกที่ผสมผสานกันระหว่างความเหนื่อยล้าและความอบอุ่นจากคืนที่ผ่านไป แสงแดดอ่อนๆ ส่องผ่านม่านหน้าต่างเข้ามาในห้องนอน ทำให้ห้องดูอบอุ่นและเงียบสงบ ฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียง รู้สึกถึงความอ่อนล้าที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกายฉันลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ สายตาหยุดอยู่ที่ห้องนอนซึ่งไม่ใช่ห้องของฉันเอง นี่คือห้องนอนของครูพีท ความจริงที่ว่าฉันตื่นขึ้นมาในห้องของเขาทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้น ภาพความทรงจำของเมื่อคืนยังคงชัดเจนอยู่ในความคิด ทั้งความใกล้ชิด ความอ่อนโยน และความรู้สึกที่เรามีต่อกัน มันทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่น แต่ก็แฝงไปด้วยความเขินอายหลังจากที่ฉันตั้งสติและพาตัวเองออกจากเตียง ฉันเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวสำหรับวันใหม่ แต่เมื่อเปิดประตูห้องน้ำออกมา ฉันพบว่าครูพีทกำลังยืนอยู่ในครัว พร้อมกับชุดลำลองที่ดูสบายๆ เขายิ้มให้ฉันและยื่นแก้วกาแฟอุ่นๆ มาให้“ตื่นแล้วเหรอ” ครูพีทถาม“ขอบคุณค่ะ” ฉันรับแก้วกาแฟมาและยิ้มตอบ รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย กลิ่นหอมของกาแฟสดทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นทันที ฉันนั่งลงที่โต๊ะอาหารขณะที่ครูพีทยังคงยืนมองฉันด้วยสายตาที่เต
เมื่อฉันกลับมาที่หอพัก ความเงียบสงบที่เคยทำให้ฉันรู้สึกสบายใจกลับทำให้ฉันรู้สึกเหงาในคืนนี้ เสียงประตูปิดเบาๆ หลังจากที่ฉันเข้ามาในห้อง และทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะชะลอตัวลง ฉันวางกระเป๋าลงบนเตียงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งอย่างช้าๆ หัวใจของฉันยังคงเต้นแรงจากเหตุการณ์ตลอดสามวันที่เกิดขึ้นความทรงจำที่มีร่วมกับครูพีทยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ตั้งแต่เช้าที่เราทำอาหารเช้าด้วยกัน การเดินเล่นในสวนสาธารณะที่เงียบสงบ และการดูหนังรักด้วยกันในช่วงบ่าย รวมไปถึงเรื่องบนเตียงที่เขาสอนฉัน ความรู้สึกของฉันที่มีต่อเขามันเพิ่มระดับความชอบมากขึ้นเรื่อยๆ แต่...“เฮ้อ...เรากำลังทำอะไรอยู่นะ” ฉันถอนหายใจและพึมพำเบาๆ กับตัวเองติ๊ง! เสียงของข้อความดังขึ้นPatrick: ถึงห้องแล้วใช่มั้ย พักผ่อนให้เต็มที่นะฉันอ่านข้อความนั้นและรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ความห่วงใยที่เขามีให้กับฉันทำให้ฉันยิ้มออกมา ฉันพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วLilly: ถึงแล้วค่ะ แล้วจะรีบนอนค่ะหลังจากที่ส่งข้อความไป ฉันนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งและซับซ้อนที่เกิดขึ้นในใจ ฉันไม่เคยคาดคิดว่าฉันจะรู้สึก
ย้อนกลับไปเมื่อหลายเดือนก่อน ผมนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้าน กำลังอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ทางวรรณคดีอยู่ภายใต้แสงไฟอ่อนๆ จากโคมไฟทำให้บรรยากาศรอบตัวดูอบอุ่น ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงที่ผมคิดถึงดังเข้ามาจากทางหน้าบ้าน“ว่าไงหนุ่มหล่อของแม่”“แม่ครับ มาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ผมรีบลุกขึ้นเดินไปหา“ลงเครื่องเมื่อเช้าก็ตรงมาหาลูกเลยไง”“ทำไมไม่บอกผมล่ะครับ ผมจะได้ไปรับ” ผมหอมแก้มแม่ด้วยความคิดถึง ไม่บ่อยนักที่แม่ของผมจะบินจากอังกฤษมาเยี่ยมผมที่นี่ ซึ่งหมายความว่า ต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้เธอต้องมาหาเขาแน่นอน“ถ้าแม่บอก เราก็หนีอีกน่ะสิ” แม่ของครูพีทบ่นแต่ใบหน้ายังคงยิ้มแย้ม“โห คุณหญิงสิริกานดาคร้าบบ ผมไม่กล้าหนีหรอกคร้าบบ” ผมคลอเคลียแม่เพื่อเอาใจ“ทำเป็นพูดดี คราวก่อนก็หนีแม่” คุณหญิงสิริกานดาบ่นแบบไม่เอาจริงเอาจัง“นั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมชงชาให้นะครับ” ผมรีบประจบก่อนจะพาแม่ไปนั่งที่โซฟา“แม่มีธุระหรือครับ ถึงมาเมืองไทย” ผมถามเกริ่นนำ“ธุระของแม่ก็คือเรื่องของเรานั่นล่ะ” พอแม่ของผมเริ่มพูด ผมก็ใจหายวาบ อย่าบอกนะว่า...“แม่เอารูปคู่หมั้นมาให้ลูกดู” คุณหญิงสิริกานดาหยิบแฟ้มสวยงามอ
ฉันยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง มองกระเป๋าเดินทางที่ยังไม่ได้เริ่มเก็บอะไรเลย ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ฉันจะต้องออกเดินทางไปอังกฤษตามคำสั่งของแม่ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนใหม่ ที่พัก หรือแม้กระทั่งกำหนดการเดินทาง ฉันไม่เคยรู้สึกถูกกำหนดชีวิตแบบนี้มาก่อน และมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหลุดจากทุกสิ่งที่ฉันรักแต่ก่อนที่จะจากไป ฉันมีสิ่งหนึ่งที่อยากทำ ฉันอยากใช้เวลาครั้งสุดท้ายกับเขา คนที่ฉันรักมากที่สุด คนที่ฉันไม่รู้ว่าจะได้พบอีกเมื่อไหร่“ซาร่า...” ฉันพูดขึ้นระหว่างที่เรานั่งคุยกันในมุมเงียบ ๆ ของห้องสมุดโรงเรียน“ช่วยฉันหน่อยได้มั้ย?”“อะไรอะ?” ซาร่าถามขณะยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย“ฉันอยากไปอยู่กับพี่พีทหนึ่งสัปดาห์ก่อนเดินทาง” ฉันพูดเสียงเบา แต่หนักแน่นซาร่ามองฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ“แม่เธอจะยอมเหรอ?”“ฉันจะบอกแม่ว่า จะไปค้างบ้านเธอช่วงที่ตรงกับวันหยุดของเทศกาลเซนต์เอมิลี่แห่งมิตรภาพ”“แม่คงไม่ว่าอะไรถ้าเธอช่วยพูดให้”ซาร่านิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มให้ฉัน“ได้สิ ฉันจะช่วยเธอเอง”“ขอบใจนะ ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงไม่รู้จะทำยังไงแน่เลย” ฉันจับมื
บรรยากาศในรถระหว่างทางกลับบ้านนั้นเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น บรรยากาศในรถอึดอัดจนฉันแทบหายใจไม่ออก แม่ของฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง ใบหน้าของเธอสงบนิ่ง แต่ฉันรับรู้ได้ถึงความโกรธที่เธอพยายามกดไว้ใต้เปลือกนอกที่ดูเหมือนไม่แสดงอารมณ์ใด ๆฉันหันไปมองนอกหน้าต่าง พยายามดึงความสนใจตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถหนีจากความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้ หัวใจของฉันเต้นแรง รู้สึกถึงพายุแห่งความกลัวและความไม่แน่นอนที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจเมื่อรถเลี้ยวเข้าประตูบ้าน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกพาเข้าไปในสนามรบ แม่เปิดประตูรถแล้วก้าวลงด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม ฉันเดินตามหลังเธอไปยังห้องรับแขก เสียงรองเท้าของเรากระทบพื้นหินอ่อนก้องสะท้อนในความเงียบงันของบ้านหลังใหญ่“นั่งลง” เสียงของแม่เยือกเย็น ฉันนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก เธอนั่งลงตรงข้ามกับฉัน สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธที่เธอไม่ปิดบัง“อลิสา วัฒนชัย” แม่เรียกชื่อเต็มของฉันด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ฉันรู้ดีว่าการที่แม่เรียกฉันด้วยชื่อเต็มแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ มันหมายความว่าเธอกำลังโมโห และฉันต้องเตรียมรับมือกับสิ
หลังจากลิลลี่กลับไปแล้ว บ้านพักเล็ก ๆ ของผมกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องทำงาน ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก้มมองเอกสารปึกใหญ่ที่นักสืบจากอังกฤษส่งมาให้เมื่อเช้านี้มันเป็นข้อมูลที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความจริงบางอย่างที่ผมไม่เคยคาดคิด และมันกำลังเปิดเผยภาพรวมของเกมที่ซับซ้อนที่กำลังดำเนินอยู่รอบตัวผม ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่เกี่ยวกับตัวผม แต่ยังเกี่ยวพันกับครอบครัวของผมในระดับที่ลึกซึ้งและน่ากลัวเอกสารหน้าแรกเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับอลิซเบธ อดีตคนรักของผม นักสืบที่ผมจ้างบอกว่าเธอกลับมาเมืองไทยหลังจากได้รับการว่าจ้างจากคู่แข่งทางธุรกิจของพ่อผม พวกเขาใช้ลิซเป็นเครื่องมือเพื่อพยายามดึงตัวผมเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งระหว่างธุรกิจ“ลิซ...” ผมพึมพำชื่อของเธอในความเงียบ รู้สึกเหมือนเธอที่ผมเคยรู้จักเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น ผู้หญิงที่เคยเดินเคียงข้างผมในช่วงเวลาที่เราใช้ชีวิตในอังกฤษ กลายเป็นคนที่พยายามใช้ความสัมพันธ์ในอดีตเพื่อเข้ามาทำลายทุกอย่างที่ผมสร้างขึ้นในเอกสารยังระบุว่า ลิซไม่ได้มาหาผมเพียงเพราะความรู้สึกในอดีต แต่เธอได้รับคำสั่งให้สร้างเรื่องราว
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ภายในห้องนอนของครูพีทเงียบสงบ ฉันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเขาอยู่บนเตียงแล้ว พอลองขยับตัวก็รู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด เป็นผลจากค่ำคืนที่เขาไม่ยอมให้ฉันได้นอนพักเลย ฉันแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง ผ้าห่มเลื่อนลงจากร่างกายเผยให้เห็นรอยจ้ำแดงเป็นคิสมาร์กที่กระจายอยู่เต็มเนินอกของฉัน“หือ...เป็นรอยเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ฉันพึมพำเบาๆ มองรอยแดงที่กระจายอยู่เต็มเนินอก ผลจากความเร่าร้อนของเขาเมื่อคืนที่ทำให้ฉันแทบจะหมดแรงฉันตัดสินใจก้าวลงจากเตียง เดินตรงไปยังห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว พออาบเสร็จฉันก็ไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขามาสวม มันโอเวอร์ไซส์จนคลุมมาถึงต้นขาของฉันหลังจากนั้นฉันเดินออกจากห้องนอน เพื่อจะตามหาเขา ไม่นานฉันก็เห็นครูพีทอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขากำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าอย่างตั้งใจ เสียงเบาๆ จากครัวและกลิ่นหอมของอาหารที่เขากำลังเตรียมอยู่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและดีใจที่ได้มาเจอเขาในเช้านี้เมื่อเขาหันกลับมา ฉันก็เห็นว่าเขาถือถาดอาหารที่มีขนมปังปิ้ง แพนเ
เมื่อประตูบ้านปิดลง ครูพีทไม่รอช้า เขาดึงเอวฉันเข้ามาหา ใบหน้าของเขาโน้มลงมาประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่น จูบของเขาลึกซึ้งและเร่าร้อน สอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน ตักตวงความหวานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มือใหญ่ดันท้ายทอยของฉันให้เข้าไปใกล้ จูบของเขารุนแรงจนฉันแทบลืมหายใจ ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือปล่อยตัวเองให้จมอยู่ในอ้อมกอดของเขา“อื๊อ...พี่พีทคะ...” ฉันหอบครางเสียงสั่น ครูพีทผละริมฝีปากออกเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มหายใจไม่ทัน“คิดถึง" ครูพีทกระซิบเบา ๆ ก่อนจะบดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง เขาจูบฉันอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่ต้องการให้ฉันมีช่วงเวลาพักหายใจ พลันเขาอุ้มฉันขึ้นจนตัวลอย มือใหญ่รองใต้สะโพกฉันไว้ ฉันโอบแขนรอบคอเขาแน่น ขาทั้งสองเกี่ยวรัดเอวเขาไว้ไม่ให้ล่วงลงพื้นครูพีทก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังห้องนอน โดยที่ยังคงจูบฉันอย่างลึกซึ้ง ลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันไม่มีใครยอมใครตุบ!เขาวางฉันลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาอันลึกซึ้งลุกโชนอยู่ในนั้น“ไม่เจอกันนาน ต้องชดเชยหน่อยนะ” ครูพีทพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มตัวลงมาจูบฉันอีกครั้ง เขาสอดล
เช้าวันนั้นฉันนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะเรียน ขณะที่รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้น แม้จะพยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่ในใจฉันกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ถูกตั้งแต่ครูพีทถูกพักงานไป ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะขาดหาย ฉันไม่รู้ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ความคิดต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาทันใดนั้น ฉันรู้สึกถึงแรงสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่ หันไปมองก็พบกับรอยยิ้มของซาร่า เธอยื่นซองจดหมายสีขาวให้ฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับราวกับจะบอกว่านี่ไม่ใช่จดหมายธรรมดา“นี่ของเธอ” ซาร่ากระซิบพลางยิ้มให้ ฉันมองเธออย่างสงสัยก่อนจะเปิดซองจดหมายออกอย่างช้า ๆในซองจดหมายนั้นมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือที่ฉันคุ้นเคยดี หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นในทันที ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ครูพีท เขาฝากจดหมายมาให้ฉัน!มือของฉันสั่นเล็กน้อยขณะที่เปิดจดหมายออกมาอ่านข้อความข้างในลิลลี่ฉันรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ฉันเองก็คิดถึงและเป็นห่วงเธอมากเช่นกัน ช่วงนี้ฉันไม่ได้พักที่คอนโด ฉันกลับมาอยู่บ้าน แต่ฉันก็คิดถึงเธอจนทนไม่ไหวถ้าเธอสะดวก ฉันอยากให
ฉันยืนมองกระดานประกาศของโรงเรียนด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ในใจกลับร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่ครั้ง คำประกาศตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม ตัวอักษรแต่ละตัวชัดเจนราวกับตั้งใจตอกย้ำให้ความหวังในใจฉันสลายไปจนหมดสิ้น‘ประกาศพักงาน มิสเตอร์พีทริก วิลเลียมส์ ไม่มีกำหนด เพื่อพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน’ข้อความนั้นเหมือนดาบที่กรีดลึกลงกลางใจ จนทุกสิ่งรอบตัวฉันพังทลายไปในพริบตา ฉันพยายามสูดหายใจเข้าลึก กลั้นความรู้สึกที่ถาโถมในอก และบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่หัวใจกลับเต้นรัวและสั่นไหว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด เสียงของเขาทุ้มอ่อนโยนและปลอบโยนอย่างที่เคย“ฉันอาจจะต้องหายไปสักพัก แต่ขอให้เธอเข้มแข็งไว้นะ เชื่อใจฉันนะ” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบา ๆ สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนจนฉันไม่อาจห้ามความรู้สึกปั่นป่วนในใจได้“ค่ะ หนูเชื่อพี่ค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน และทำตัวให้เข้มแข็งอย่างที่เขาบอก“เด็กดีขอ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก
ในห้องเรียนที่แสนเงียบสงบ ฉันนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง ก้มหน้าลงมองสมุดบันทึก ขีดเขียนคำต่าง ๆ ลงไปอย่างตั้งใจ เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบา ๆ รอบห้องทำให้บรรยากาศดูเหมือนวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในใจลึก ๆ ของฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไปทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันและเสียงก้าวเท้าที่ดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะของฉัน หันไปมองทางต้นเสียง และภาพที่เห็นทำให้ฉันใจหายวูบลงไปในทันทีมินนี่...เธอยืนพิงโต๊ะด้วยท่าทางที่อวดดี ข้างหน้าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างเงียบและชอบอยู่คนเดียว ฉันไม่ค่อยรู้จักชื่อของเธอ แต่คิดว่าเธอชื่อ ฟ้า สายตาของฟ้าจ้องมองต่ำ สั่นเล็กน้อยเหมือนกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมินนี่ฉันเห็นมินนี่หัวเราะขณะที่จ้องมองฟ้าด้วยสายตาเย้ยหยัน ท่าทางของเธอดูชัดเจนว่าเธอกำลังหาเรื่องและเล่นสนุกจากความกลัวของคนอื่น“นี่เธอ จะเงียบไปถึงไหน?หรือว่า...ไม่มีปาก?”มินนี่พูดขึ้นเสียงดัง พลางหัวเราะออกมาเหมือนสนุกสนานกับสิ่งที่เธอกำลังทำฟ้าขยับถอยหลังเล็กน้อย เหมือนพยายามจะหลบมินนี่ แต่ไม่มีทางให้หนี เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำมากขึ้น ราวกับต้องการให้ตัวเองหาย