ฉันนั่งอยู่บนเตียงในห้องพักที่เงียบสงบ สายตาของฉันจับจ้องไปที่กระดาษแผ่นหนึ่งในมือ มันคือกฎระเบียบของโรงเรียนเซนต์เอมิลี่ ซึ่งฉันได้รับมาเมื่อตอนเข้ามาใหม่ ฉันควรจะอ่านมันตั้งแต่วันแรก แต่ด้วยเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ฉันกลับลืมไปเสียสนิท กระดาษแผ่นนี้เหมือนเป็นเตือนความจำของสิ่งที่ควรและไม่ควรทำ
ฉันค่อยๆ พลิกกระดาษไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าสุดท้าย สายตาของฉันก็สะดุดกับกฎข้อที่ 10 ที่ถูกเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือสีเข้มกว่าปกติ ฉันรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทันทีเมื่ออ่านมัน
กฎข้อที่ 10: ห้ามมิให้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เกินขอบเขตของความเป็นครูและนักเรียน หากพบว่ามีการกระทำเช่นนี้ จะมีการสอบสวนและลงโทษอย่างเคร่งครัดทั้งครูและนักเรียนที่เกี่ยวข้อง
ฉันอ่านประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ใจของฉันเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับครูพีท ความสัมพันธ์ของเรานั้นข้ามเส้นที่ถูกเขียนไว้ในกฎระเบียบนี้อย่างชัดเจน และฉันก็รู้ดีว่าถ้ามีใครรู้เรื่องนี้ ผลที่ตามมาอาจจะไม่ดีเลย
เสียงเปิดประตูดังขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าง เธอเพิ่งกลับจากห้องสมุด ดูมีความสุขกับหนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งยืมมา ซาร่าเป็นคนที่ร่าเริงเสมอ และฉันรู้สึกดีที่มีเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นและเพื่อนร่วมห้อง
“เธอกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?” ซาร่าถามพลางวางกระเป๋าลงบนโต๊ะข้างเตียงของเธอ น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความสนใจและความอบอุ่นตามแบบฉบับของเธอ
“ฉันกำลังอ่านกฎระเบียบของโรงเรียนอยู่”
“กฎระเบียบ? โอ้ พระเจ้า น่าเบื่อแย่เลย!” ซาร่าหัวเราะออกมา แต่เมื่อเห็นสีหน้าของฉันที่ดูไม่ค่อยดีนัก เธอก็หยุดหัวเราะและถามอย่างสงสัย “มีอะไรหรือเปล่า ทำไมดูเคร่งเครียดจัง?”
“กฎข้อ 10 เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างครูกับนักเรียน...”
“อ้อ เรื่องนั้น” ซาร่าพูดเสียงเบาลงทันที
“โรงเรียนนี้เข้มงวดมากเรื่องพวกนี้ พวกเขากลัวว่าถ้าครูและนักเรียนมีความสัมพันธ์ที่เกินขอบเขต มันจะทำให้สภาพแวดล้อมการเรียนเสียหายได้ง่าย”
“ซาร่า... เคยมีเหตุการณ์อะไรเกี่ยวกับกฎข้อนี้มาก่อนไหม?” ฉันอยากรู้
ซาร่าทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดออกมา “จริงๆ แล้วก็มีนะ มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อประมาณสองปีก่อน เหมือนว่าเคยมีนักเรียนคนหนึ่งที่เข้ามาเรียนที่นี่ แล้วเธอก็มีความสัมพันธ์กับครูของเธอ”
หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นอีกครั้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น “แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?”
ซาร่าถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่อง “นักเรียนคนนั้นชื่อเอมิลี่ เธอเป็นนักเรียนที่เก่งมาก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไปตกหลุมรักครูคนหนึ่งที่สอนวิชาวิทยาศาสตร์ ทั้งสองคนเริ่มมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งมีคนในโรงเรียนเริ่มสงสัย”
“พวกเขาถูกจับได้เหรอ?” ฉันถามด้วยความกังวล รู้สึกว่าหัวใจของฉันหนักอึ้ง
“ใช่” ซาร่าพยักหน้า
“มีคนเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันนอกเวลาเรียน แล้วเรื่องก็มาถึงหูผู้บริหารโรงเรียน พวกเขาถูกเรียกไปสอบสวน ครูคนนั้นถูกไล่ออกทันที ส่วนเอมิลี่ก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียนเหมือนกัน เธอต้องย้ายไปเรียนที่อื่น เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ไม่มีใครลืมได้เลย”
“อย่ากังวลมากไปเลยนะลิลลี่ แค่ทำตามกฎระเบียบทุกอย่างก็จะไม่มีปัญหาอะไร” ซาร่ายิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น
‘ขอโทษ ฉันฝ่าฝืนระเบียบไปแล้วล่ะ’ ฉันได้แต่คิดในใจ
ซาร่าเห็นฉันเงียบไปนานก็เริ่มหันเหความสนใจไปที่หนังสือเล่มใหม่ของเธอ ซึ่งเป็นนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอเพิ่งยืมมาจากห้องสมุด เธอเริ่มเล่าเรื่องราวในหนังสือให้ฉันฟังด้วยความตื่นเต้น
ฉันพยายามฟังเธอ แต่หัวใจของฉันกลับล่องลอยไปกับความคิดเกี่ยวกับครูพีทและความสัมพันธ์ที่เสี่ยงจะถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนเชือกเส้นเล็กๆ ที่พร้อมจะขาดลงได้ทุกเมื่อ ความสัมพันธ์ของเรามันเป็นเหมือนเปลวไฟที่สวยงามและร้อนแรง แต่ก็พร้อมจะเผาผลาญทุกอย่างที่อยู่รอบตัว
“ลิลลี่ เธอเป็นอะไรไปหรือเปล่า? ทำไมดูเหม่อลอยจัง?” ซาร่าถามขึ้นหลังจากเห็นฉันไม่ได้ตอบสนองต่อเรื่องราวที่เธอเล่า
“ไม่มีอะไรหรอก ซาร่า” ฉันตอบพลางยิ้มบางๆ แต่ในใจกลับรู้สึกหวาดหวั่น “ฉันแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ”
“ถ้าเธอมีอะไรก็บอกฉันนะ” ซาร่าพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเป็นห่วง
“อื้ม” ฉันพยักหน้า แต่ฉันรู้ว่าฉันไม่สามารถบอกความจริงกับเธอได้ ความลับของฉันและครูพีท
เสียงกระดิ่งบอกเวลาเริ่มคาบเรียนดังขึ้น ทุกคนในห้องเรียนต่างรีบเปิดหนังสือและเตรียมอุปกรณ์เพื่อเริ่มเรียน ฉันนั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง ใจของฉันเต้นแรงเมื่อเห็นครูพีทเดินเข้ามาในห้อง เขาดูสงบนิ่งเหมือนทุกครั้ง แต่ฉันรู้ดีว่าเบื้องหลังท่าทีที่นิ่งสงบนี้มีอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่
ครูพีทเริ่มสอนบทเรียนด้วยน้ำเสียงที่มั่นคง เขาอธิบายเนื้อหาด้วยความชัดเจนและน่าสนใจ ทุกคนในห้องต่างตั้งใจฟัง แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนว่าเสียงของเขากำลังดังก้องอยู่ในใจฉันมากกว่าที่ควรจะเป็น
ขณะที่เขาสอน ฉันพยายามจดบันทึกและทำความเข้าใจกับเนื้อหาที่เขาพูด แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตัวเองถูกสายตาของเขาจับจ้องอยู่เป็นระยะ ๆ
ทุกครั้งที่เขามองมาทางฉัน ฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ราวกับว่าในห้องเรียนนี้มีเพียงเราสองคนเท่านั้น
“ลิลลี่” เสียงของครูพีทเรียกชื่อฉัน ขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้โต๊ะของฉัน
“ค่ะ ครู?” หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นเมื่อเขาเข้ามาใกล้จนฉันสามารถรับรู้ถึงความอบอุ่นจากตัวเขาได้
“เธอเข้าใจเนื้อหาที่ฉันอธิบายหรือเปล่า?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล แต่กลับเต็มไปด้วยความเข้มงวด ดวงตาคมกริบจ้องมองฉันราวกับหมาป่าเจ้าเล่ห์จ้องมองเหยื่อ
“เอ่อ...ค่ะ...แต่บางส่วนหนูก็...ยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะ”
ฉันตอบออกไปอย่างสั่นไหว รู้สึกว่าตัวเองเริ่มพูดติดขัดเพราะความใกล้ชิดของเขา
“ดูเหมือนเธอไม่เข้าใจนะ” ครูพีทยิ้มเล็กน้อย เมื่อก้มลงมองหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะของฉัน
“ฉันจะอธิบายอีกครั้งนะ”
เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้มากขึ้น ร่างกายของเขาเกือบจะแนบชิดกับฉัน ฉันรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่อยู่ใกล้ข้างแก้มของฉัน ความอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากตัวเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งห้องเรียนกำลังหมุนไปรอบ ๆ เราสองคน
ขณะที่เขาอธิบายเนื้อหาอย่างละเอียด มือของเขาก็เคลื่อนมาใกล้กับมือของฉันที่วางอยู่บนโต๊ะ ฉันรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ไม่สามารถต้านทานได้ ความคิดที่จะขยับตัวหนีหายไปทันทีเมื่อสัมผัสของเขาแตะเข้ากับมือของฉันอย่างแผ่วเบา
“เนื้อหานี้ค่อนข้างซับซ้อน เธอควรตั้งใจให้มากนะ” เขาพูดเบา ๆ ขณะที่ยังคงโน้มตัวอยู่ใกล้ ๆ
“ค่ะ... หนูจะพยายาม” ฉันตอบกลับด้วยเสียงที่แทบจะกระซิบ หัวใจของฉันเต้นแรงจนรู้สึกว่ามันจะหลุดออกมาจากอก ความตึงเครียดและความตื่นเต้นที่ปะปนกันอยู่ในใจทำให้ฉันรู้สึกสับสน
ครูพีทยังคงอธิบายเนื้อหาให้ฉันฟัง แต่ในขณะเดียวกัน การสัมผัสของเขาที่แตะกับมือของฉันก็ยังคงอยู่ ความอบอุ่นจากมือของเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าฉันกำลังถูกล้อมรอบด้วยความปรารถนา ตอนนี้ในหัวสมองฉันไม่มีเนื้อหาที่เขาสอนเลยสักนิด
“ลิลลี่”
“คะ!” ฉันสะดุ้ง
“ดูเหมือนเธอมีปัญหากับการเรียนวันนี้นะ” ครูพีทถอนหายใจราวกับเหนื่อยหน่าย แต่แววตาที่เขามองฉันกลับเป็นประกายและเต็มไปด้วยความปรารถนา
“หลังเลิกเรียนมาที่ห้องพักครูด้วย” ครูพีทยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสอนนักเรียนคนอื่นต่อ
หัวใจฉันเต้นแรง ฉันรู้ความหมายของคำพูดนั้นดี ครูพีทมักสอนบทเรียนหลังเลิกเรียนให้ฉันแทบทุกวัน ร่างกายของฉันถูกครูพีทสัมผัสแทบทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นริมฝีปาก พวงแก้ม ซอกคอ เนินอก หน้าท้อง ต้นขา ขาอ่อน หรือแม้แต่...
ฉันเผลอยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความอาย เพียงแค่คิดใบหน้าของฉันก็ร้อนผ่าวไปหมด
หลังจากเสียงออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น นักเรียนคนอื่นๆ ทยอยกันออกจากห้องเรียนไปทีละคน ขณะที่ฉันยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะ รวบรวมความกล้าที่กำลังสั่นไหวในใจ ฉันรู้ว่าการไปหาครูพีทที่ห้องพักครูหลังเลิกเรียนอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้รู้สึกตื่นเต้นได้
“ลิลลี่ วันนี้ไปร้านคาเฟ่กัน ได้ข่าวว่ามีร้านเปิดใหม่ล่ะ” ซาร่าชวนฉันขณะที่กำลังเก็บของลงกระเป๋า
“ขอโทษนะ...ฉันมีเรียนเสริมน่ะ..” ฉันตอบพร้อมกับค่อยๆ เก็บของ
“ห๊ะ? ครูพีทเหรอ?”
“อื้อ”
“ทำไมครูเข้มงวดกับเธอจัง” ซาร่าเอียงคอมองด้วยความสงสัย
“ฉันเรียนแล้วไม่ค่อยเข้าใจน่ะ” ฉันยิ้มแหย
ซาร่าทำหน้าแบบไม่ค่อยเชื่อ “ใช่เหรอ? ฉันว่าเธอเก่งนะ อ๋อ ฉันรู้แล้ว”
“สงสัยครูอยากได้เธอไปร่วมแข่งขันการประกวดเขียนบทวรรณกรรมระหว่างโรงเรียนของปีนี้แน่เลย” ซาร่ายิ้มร่า
“แข่งขัน?” ฉันเลิกคิ้วงุนงง เพราะเพิ่งเคยได้ยิน
“ช่ายย ถ้างั้นสู้ๆ นะ ส่วนร้านคาเฟ่ วันหยุดเราค่อยไปกัน” ซาร่ายิ้มให้ฉัน
“อะ...อื้อ” ฉันพยักหน้ารับ
“เจอกันที่ห้องนะ” ซาร่าโบกมือให้ฉันแล้วเดินออกจากห้องเรียนไปอย่างร่าเริง
เมื่อห้องเรียนว่างเปล่า ฉันจึงลุกขึ้นและเดินไปยังห้องพักครู ความรู้สึกทั้งหลายปะปนกันจนทำให้ฉันรู้สึกหนักอึ้งในอก ทั้งตื่นเต้น กังวล และคาดหวัง ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความมั่นใจขณะเดินไปถึงหน้าประตูห้องพักครู
ฉันเคาะประตูเบาๆ และทันทีที่ได้ยินเสียงจากภายใน ฉันเปิดประตูเข้าไปเห็นครูพีทนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานของเขา สายตาของเขามองขึ้นมาเจอฉัน และฉันรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เหมือนมีบางสิ่งเชื่อมโยงเราไว้
“เข้ามาสิ ลิลลี่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ฉันปิดประตูและเดินเข้าไปหาเขา หัวใจของฉันเต้นแรงจนแทบจะได้ยิน
“หนูมาแล้วค่ะครู” ฉันพูดเสียงเบา ยิ้มบางๆ แม้จะรู้สึกว่าตัวเองกำลังสั่นน้อยๆ จากความตื่นเต้น
ครูพีทยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปที่กองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆ
“นี่คือเอกสารเกี่ยวกับบทเรียนวรรณคดีที่ฉันอยากให้เธอช่วยจัดเรียงและจัดเตรียมให้พร้อมสำหรับชั่วโมงเรียนวันพรุ่งนี้”
ฉันพยักหน้าและนั่งลงที่เก้าอี้ข้างโต๊ะ ทำงานตามที่เขาบอก ขณะที่มือของฉันจัดเรียงเอกสาร ความคิดของฉันกลับล่องลอยไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ความใกล้ชิด ความลับที่เราต่างเก็บซ่อน และความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจ
หลังจากทำงานไปได้สักพัก ฉันรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของครูพีท เขาลุกขึ้นและเดินเข้ามาใกล้ฉัน ฉันหยุดมือและเงยหน้าขึ้นมองเห็นเขายืนอยู่ตรงหน้าฉัน สายตาของเขามองฉันด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งและยากจะตีความ
“ลิลลี่...” เสียงของเขาเบาและลึกซึ้ง ราวกับว่าเขากำลังจะบอกอะไรบางอย่างที่สำคัญ
“เธอรู้ไหมว่าการศึกษาบทกวีและวรรณคดีนั้น ไม่ใช่แค่การเข้าใจคำพูด แต่เป็นการเข้าใจความรู้สึกด้วย”
ฉันมองเขาอย่างสงสัย แต่ก็รับรู้ได้ถึงความตั้งใจในคำพูดของเขา “ค่ะ... หนูเข้าใจว่าบทกวีมันสะท้อนความรู้สึกที่ลึกซึ้ง”
ครูพีทยิ้มเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวลงใกล้ฉัน ความใกล้ชิดนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดนิ่ง ลมหายใจของฉันติดขัดและหัวใจเต้นรัว เขายื่นมือมาสัมผัสที่แก้มของฉันเบาๆ ทำให้ฉันรู้สึกถึงร้อนวูบวาบที่เกิดขึ้นในร่างกาย
“บางครั้ง ความรู้สึกที่ลึกซึ้งนั้นต้องการการสื่อสารด้วยวิธีอื่น” เขากระซิบเบาๆ ก่อนที่ใบหน้าของเขาจะเข้ามาใกล้จนฉันสามารถรู้สึกถึงลมหายใจของเขาที่แตะผิวของฉัน
ฉันรู้สึกเหมือนถูกสะกดให้หยุดนิ่ง ริมฝีปากของครูพีทแตะที่ริมฝีปากของฉันอย่างนุ่มนวล ก่อนจะตวัดปลายลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน และลิ้มรสความหวานจนฉันเริ่มหายใจไม่ทัน
“ครูคะ...”
“บทเรียนวันนี้....อาจจะทรมานหน่อยนะ”
ครูพีทกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของฉัน
“อื๊อ..ครูคะ..”
เขาจูบฉันอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง พร้อมกับดึงเนคไทออกจากคอเสื้อของเขา และใช้มันผูกรวบข้อมือของฉันทั้งสองข้างขึ้นเหนือศีรษะ และดันตัวของฉันให้พิงกับพนักเก้าอี้
เขาจรดริมฝีปากไล่ไปตามลำคอ พร้อมกับปลดกระดุมเสื้อของฉันออกจนมองเห็นบราเซียร์ลูกไม้สีชมพู เนินอกขาวกำลังยั่วให้เขาสัมผัส ลมหายใจอุ่นของเขาที่รดตามผิวกายของฉันทำให้ฉันรู้สึกร้อนรน ความปรารถนาบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ถูกปลุกเร้าขึ้นภายในตัวของฉัน
“ฉันยังไม่...หรอกนะ”
ครูพีทกระซิบเสียงกระเส่า มือของเขาสอดนิ้วเข้ามาใต้บรา และคลำจุดอ่อนไหวของฉัน
“อ๊ะ...” ฉันกัดริมฝีปากแน่นพยายามไม่ให้เสียงครางหลุดรอดออกมา
ครูพีทไม่ได้ถอดบราเซียร์ของฉันออก เพียงแต่รั้งดึงลง เพื่อหลีกทางให้ยอดอกทั้งสองเผยสู่สายตา เขาใช้ริมฝีปากเจ้าเล่ห์พรมจูบเรื่อยไปจนถึงตำแหน่งที่ตั้งชันสะดุดสายตา เขาพ่นลมหายใจรินรดยอดรวมเส้นประสาทคล้ายกับต้องการกลั่นแกล้ง ก่อนจะตวัดเรียวลิ้นร้ายกาจปลุกเร้าทั้งสองข้างอย่างเท่าเทียม
“อี๊อ...” ฉันรู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก ทั้งเสียวและทรมานในเวลาเดียวกัน ครูพีทช้อนสายตาขึ้นมองปฏิกิริยาบนใบหน้าของฉัน เขายกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจ
“ไหวมั้ย...”
“ครูคะ...หนู..อ๊า..”
ครูพีทกระซิบพร้อมกับใช้มือข้างหนึ่งเลื่อนต่ำไต่ลงไปตามต้นขาและล้วงเข้าไประหว่างเรียวขาที่แยกออกจากกันอัตโนมัติ เขาจู่โจมจุดอ่อนไหวสุดที่เบื้องล่าง ฉันกัดริมฝีปากแน่นความปรารถนาล้นปรี่
“อ๊า..ครู..” ฉันสะดุ้งเมื่อเขาแตะโดนตำแหน่งสำคัญ พร้อมกับแอ่นร่างกายแนบชิดกับเขาโดยที่มือของฉันยังโดนพันธนาการอยู่
“ว่าไง..ลิลลี่” ครูพีทยิ้มเจ้าเล่ห์
“ทะ..ทรมานค่ะ...” ฉันอยากหนีจากตรงนี้ แต่ร่างกายของฉันกลับทำตรงกันข้าม ทั้งแอ่นอกให้เขาลิ้มรสอย่างเต็มที่ หรือจะเป็นปลายนิ้วของเขาขยี้จุดกระสันจนฉันแทบทนไม่ไหว ฉันไม่คิดเลยว่า แค่นิ้วของเขาก็สามารถทำให้ฉันเป็นได้ถึงขนาดนี้
“พร้อมรึยัง?” ครูเจ้าเสน่ห์หัวเราะในลำคอเบาๆ ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักมือขยี้จุดอ่อนไหวของฉันให้มากขึ้น
“อ๊า...”
ฉันครางออกมา ท้องน้อยของฉันรู้สึกเกร็งวูบ ยิ่งเขาเพิ่มน้ำหนักตามเสียงครางของฉัน ความเสียวซ่านก็เพิ่มขึ้นจนสมองขาวโพลนไปหมด มือทั้งสองข้างที่โดนพันธนาการกำแน่น แต่ฉันไม่ร้องขอให้เขาหยุด แถมยังเคลื่อนเอวเข้าหาเขาด้วยซ้ำ เสียงหอบหายใจปะปนเสียงครางของฉัน จนกระทั่งในที่สุดฉันเกร็งไปทั้งตัว กล้ามเนื้อขาด้านในกระตุกสั่นระริก ช่างเป็นความทรมานที่ยาวนานที่สุดที่ฉันเคยเจอ
“หึหึ เด็กดีของฉัน น่ารักเสียจริง” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินจากปากของครูเจ้าเสน่ห์ ก่อนภาพจะตัดไป
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ รู้สึกเหมือนหัวของฉันหนักอึ้งและร่างกายของฉันอ่อนล้าอย่างประหลาด ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อพยายามระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความงุนงงว่าฉันกลับมาถึงหอพักได้อย่างไรขณะที่ฉันกำลังพยายามเรียกสติกลับมา ประตูห้องพักก็เปิดออกอย่างเบามือ ฉันหันไปมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ลิลลี่ เธอโอเคหรือเปล่า?” ซาร่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล“ฉันเห็นเธอดูไม่ค่อยดีเลยเมื่อคืนนี้ ตอนที่ครูพีทอุ้มเธอกลับมาที่หอพัก”ฉันชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซาร่า“ครูพีท... อุ้มฉันกลับมาที่หอพักงั้นเหรอ?”ฉันถามกลับด้วยเสียงที่ยังคงแหบพร่า หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ครูพีท’ ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานค่อยๆ ทยอยกลับมาในหัวของฉันทีละเล็กทีละน้อย“ใช่ เธอสลบไป ฉันตกใจมากเลยอะ” ซาร่าพูดพลางนั่งลงข้างเตียงของฉัน“ฉัน... ฉันไม่ค่อยแน่ใจ” ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน“ฉันคงรู้สึกเหนื่อยมากน่ะ...”“เธอแน่ใจนะ เมื่อวานเธอ
เช้าวันนี้ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างหอพัก เข้ามาทักทายฉันด้วยความอ่อนโยน ฉันรู้ดีว่าวันนี้จะไม่ใช่วันธรรมดา ครูพีทจะมารับฉันตอน 10 โมงเช้าเพื่อไปดูงานนิทรรศการภาพถ่ายวรรณคดีในเมือง และมันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึงการได้ใช้เวลาทั้งวันกับเขาขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ และซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันก็เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนทุกครั้ง“ลิลลี่ ตื่นแล้วเหรอ? วันนี้ฉันต้องกลับบ้านนะ” ซาร่าพูดขึ้นพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางของเธอเข้ามา“ที่บ้านมีธุระที่ต้องจัดการ ฉันคงจะกลับมาเรียนอีกทีวันจันทร์เลย”“เอ๊ะ วันจันทร์เลยเหรอ?” ฉันเงยหน้ามองซาร่า ความรู้สึกหวาดหวั่นเกิดขึ้นเมื่อฉันต้องอยู่หอพักเพียงลำพังคนเดียว“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเหงาแบบนั้นดิ วันจันทร์แค่แปปเดียวเอง” ซาร่ายื่นมือมาดึงแก้มฉัน“อื้อๆ รู้แล้ว” ฉันส่งยิ้มให้เธอหายกังวลใจ“ถ้ามีอะไรที่อยากคุย ก็โทรหาฉันนะ” ซาร่าย้ำ พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กไปหน้าประตูฉันพยักหน้าและส่งยิ้มให้เธอ ก่อนที่ซาร่าจะอ
ครูพีทขับรถพาฉันไปที่คอนโดของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากสวนสาธารณะไม่ไกลนัก เมื่อเรามาถึง ฉันรู้สึกประทับใจกับความหรูหราและเรียบง่ายของสถานที่นี้ คอนโดของครูพีทอยู่ในอาคารสูงที่มองเห็นวิวเมืองกรุงเทพฯ จากที่สูง เขาพาฉันขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดของอาคาร ซึ่งเป็นที่พักของเขาเองเมื่อประตูคอนโดเปิดออก ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่อบอุ่นและสะดวกสบายภายในห้อง พื้นที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นและเฟอร์นิเจอร์ที่มีรสนิยม ทุกอย่างดูสะอาดและเป็นระเบียบ แสงจากโคมไฟที่นุ่มนวลทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น“นี่คือห้องน้ำ และนี่คือเสื้อของฉัน เธอไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดซะ”ครูพีทบอกขณะยื่นเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาให้ฉัน และชี้ไปที่ห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลฉันรับเสื้อคลุมจากเขา รู้สึกอุ่นใจและขอบคุณในความเอาใจใส่ของเขา“ขอบคุณค่ะ... หนูจะรีบเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูเบาๆ มองตัวเองในกระจก เห็นสภาพที่เปียกชื้นและผมที่ชุ่มน้ำ ฉันถอดเสื้อผ้า รวมถึงชุดชั้นในที่เปียกออกและอาบน้ำเพื่อล้างตัวที่เปียกฝน ก่อนจะเช็ดตัวและเป่าผมอย่างรีบเร่งให้แห้งหมาด ก่อนจะสวมเสื้อเชิ้ตของครูพีท“หอมจัง...” ฉันพึมพำเบาๆ เมื่อได้
แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดส่องเข้ามาผ่านม่านบางเบาในห้องของครูพีท ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น สัมผัสแรกที่รับรู้คือความอ่อนเพลียที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อของฉันรู้สึกเหมือนถูกใช้งานจนหมดแรงทุกส่วน ความรู้สึกนี้ทำให้ฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียงนุ่มๆ โดยไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวฉันหันหน้าไปมองรอบห้อง ทุกอย่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงนาฬิกาแขวนบนผนังที่บอกเวลาว่าเป็นเวลาบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันน่าจะมีพลังสดชื่น แต่ในวันนี้กลับต่างออกไปหัวของฉันหมุนเล็กน้อยขณะที่ฉันพยายามจะลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับไม่ยอมตามใจ รู้สึกเหนื่อยล้าและหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกอบอุ่นจากผ้าห่มที่คลุมร่างกายอยู่ทำให้ฉันอยากจะหลับต่อไปอีกหน่อย แต่ภาพความทรงจำจากเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไหลเวียนกลับเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็วครูพีท... เขากลั่นแกล้งฉันอย่างไร้ความปราณี ความรู้สึกของความสุขและความสุขสมที่เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์และตกอยู่ในห้วงแห่งความสุขไม่รู้กี่รอบ ร่างกายของฉันยังคงรู้สึกถึงสัมผัสที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังนั้น ความทรงจำเหล่านั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านอยู่ภายใน แต่ในขณะเดียวกันก็ท
หลังจากที่ฉันทานอาหารเสร็จ ความรู้สึกอบอุ่นและพึงพอใจจากอาหารที่ครูพีททำให้ยังคงอยู่ในใจ ฉันวางช้อนลงอย่างเบามือ ครูพีทยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นฉันทานจนหมดชาม“ขอบคุณค่ะ พี่พีท อาหารอร่อยมากเลยค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับยิ้มให้เขาก่อนที่ครูพีทจะตอบอะไร เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองตามเสียง ครูพีทยืนขึ้นจากเก้าอี้และหันมาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“น่าจะเป็นแม่บ้านน่ะ”ขณะที่ครูพีทเดินไปที่ประตูเพื่อรับชุดเดรส ฉันก็ลุกขึ้น เริ่มเก็บจานและชามไปที่ห้องครัว ฉันยกถาดอาหารและเดินไปที่ห้องครัว เบาๆ วางถาดบนเคาน์เตอร์ และเริ่มล้างจานในอ่างน้ำอุ่นที่ไหลผ่านมือทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย ล้างจานอย่างใจเย็น ความคิดของฉันยังคงวนเวียนถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับครูพีท ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้สัมผัสกับความใกล้ชิดและความอบอุ่นแบบนี้จากเขา มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งหวานและเต็มไปด้วยแรงปรารถนาเสียงประตูเปิดและปิดเบาๆ ฉันหันไปมองก็เห็นเขายืนอยู่ที่ประตูห้องครัว ในมือของเขามีชุดเดรสที่ถูกพับอย่างเรียบร้อยอยู่บนแขนของเขา“ลิลลี่ ไม่ต้องล้างจานหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ครูพีทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ
ฉันชื่อ ลิลลี่ อายุ 18 ปี วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงมา เมื่อฉันต้องย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนประจำที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องมาอยู่ที่นี่ โรงเรียนแห่งนี้ชื่อว่า "เซนต์เอมิลี่" โรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านความเข้มงวดและกฎระเบียบที่เคร่งครัดที่สุดในประเทศฉันยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หัวใจของฉันเต้นแรงจนรู้สึกถึงมันชัดเจน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเคยรู้จัก ทุกคนที่ฉันเคยสนิท ตอนนี้มันถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง"ลิลลี่ เธอต้องเข้มแข็ง" ฉันพยายามปลอบใจตัวเองก่อนที่จะก้าวเข้าไปในโรงเรียนแห่งนี้ฉันเดินผ่านประตูใหญ่ที่ทำจากเหล็กสีดำสนิท เสาสูงที่ตั้งอยู่สองข้างประตูให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเข้าสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย เส้นทางที่ฉันเดินผ่านปูด้วยหินก้อนเล็กๆ เรียงตัวเป็นระเบียบ ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น แต่กลับรู้สึกเย็นยะเยือกและว่างเปล่าทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ ฉันก็ถูกทักทายโดยหญิงสูงวัยในชุดสูทสีเข้ม หน้าตาของเธอดูเคร่งขรึมและเข้มงวด เธอคือ มาร์ธา หัวหน้าอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนี้"ยินดีต้อนรับสู่เซนต์เอมิลี่" มาร์ธาเอ่ยทักทายด้วยน้ำเส
เช้าวันใหม่ที่เซนต์เอมิลี่มาถึงแล้ว ฉันตื่นขึ้นมาในห้องพักเล็กๆ ที่ยังคงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมันเลยสักนิด แสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย ฉันลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเตรียมตัวไปเรียน ฉันหยิบชุดนักเรียนที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงจีบสีเทาออกมาจากตู้เสื้อผ้า และจัดผมให้เรียบร้อยตามระเบียบของโรงเรียน ความเคร่งครัดที่นี่ทำให้ฉันต้องระมัดระวังทุกการกระทำ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎที่ถูกวางไว้ แต่บางอย่างในใจฉันก็ยังรู้สึกว่า มีบางสิ่งที่ฉันกำลังท้าทายมันอยู่เมื่อฉันเดินออกมาจากห้องพัก ฉันก็เจอกับซาร่าที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนเหมือนกัน ซาร่าส่งยิ้มให้ฉันด้วยความเป็นมิตรเช่นเคย"พร้อมไปเรียนหรือยัง?" ซาร่าถามด้วยน้ำเสียงสดใส"พร้อมแล้วล่ะ" ฉันตอบกลับพร้อมกับยิ้ม "แต่ยังคงรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง""ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวเธอก็ชิน" ซาร่าพูดพร้อมกับพยักหน้าให้ฉัน "วันนี้มีเรียนวรรณคดีเป็นวิชาแรกด้วยนะ ฉันจำได้ว่าเธอสนใจวรรณคดีมากเลยใช่ไหม?""ใช่ ฉันชอบอ่านนิยาย มันทำให้ฉันได้หลบหนีจากความจริงบ้าง" ฉันตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่...ครูพีทเป็นครูสอนวรรณค
ฉันเดินออกจากห้องเรียนด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เสียงฝีเท้าของครูพีทยังคงก้องอยู่ในหู ราวกับว่าทุกก้าวที่เขาเดินออกจากห้องนั้นฝากอะไรบางอย่างไว้ในใจฉัน ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันทั้งตื่นเต้นและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ฉันพยายามสลัดความรู้สึกนี้ออกไป แต่ก็พบว่ามันติดแน่นอยู่ในหัวใจฉันเหมือนฝันร้ายที่ฉันไม่อาจหลีกหนีได้ฉันเดินไปตามทางเดินของโรงเรียนที่เงียบสงบเพราะยังเป็นช่วงพักกลางวัน นักเรียนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่ห้องอาหาร ฉันพยายามทำตัวให้ปกติ แต่ภายในใจกลับว้าวุ่นจนฉันรู้สึกว่าใครๆ ก็คงมองออกว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับฉันในที่สุดฉันก็กลับมาถึงห้องเรียนและนั่งลงที่โต๊ะของฉัน ฉันหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาเปิดอ่าน หวังว่าจะสามารถตั้งสมาธิได้ แต่ความคิดของฉันกลับพุ่งตรงไปยังครูพีทอีกครั้ง ความอบอุ่นจากการสัมผัสมือของเขายังคงติดอยู่ในความทรงจำ และฉันไม่อาจลบมันออกไปได้‘ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้?’ ฉันถามตัวเองในใจ แต่ไม่มีคำตอบใดที่สามารถตอบสนองความสงสัยของฉันได้ ฉันรู้ดีว่าครูและนักเรียนไม่ควรมีความสัมพันธ์เกินเลย แต่ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น