แชร์

ตอนที่ 10 ใต้ผ้าห่มแห่งราตรี (1)

แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดส่องเข้ามาผ่านม่านบางเบาในห้องของครูพีท ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น สัมผัสแรกที่รับรู้คือความอ่อนเพลียที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อของฉันรู้สึกเหมือนถูกใช้งานจนหมดแรงทุกส่วน ความรู้สึกนี้ทำให้ฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียงนุ่มๆ โดยไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัว

ฉันหันหน้าไปมองรอบห้อง ทุกอย่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงนาฬิกาแขวนบนผนังที่บอกเวลาว่าเป็นเวลาบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันน่าจะมีพลังสดชื่น แต่ในวันนี้กลับต่างออกไป

หัวของฉันหมุนเล็กน้อยขณะที่ฉันพยายามจะลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับไม่ยอมตามใจ รู้สึกเหนื่อยล้าและหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกอบอุ่นจากผ้าห่มที่คลุมร่างกายอยู่ทำให้ฉันอยากจะหลับต่อไปอีกหน่อย แต่ภาพความทรงจำจากเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไหลเวียนกลับเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว

ครูพีท... เขากลั่นแกล้งฉันอย่างไร้ความปราณี ความรู้สึกของความสุขและความสุขสมที่เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์และตกอยู่ในห้วงแห่งความสุขไม่รู้กี่รอบ ร่างกายของฉันยังคงรู้สึกถึงสัมผัสที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังนั้น ความทรงจำเหล่านั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านอยู่ภายใน แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ฉันอ่อนแรงจนแทบไม่อยากขยับตัว

ฉันหันหน้าไปมองรอบๆ ห้องนอน รู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของครูพีท มันทำให้ฉันรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาอัตโนมัติ

เสียงประตูเปิดเบาๆ ทำให้ฉันหันไปมอง ครูพีทเดินเข้ามาในห้องนอน ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ฉันคุ้นเคย เขามองมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและย้อมไปด้วยความปรารถนา ทำให้ฉันรู้สึกปั่นป่วนในใจ

"ตื่นแล้วเหรอ ลิลลี่?" เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยเจตนาที่ซ่อนอยู่

ฉันพยายามจะตอบเขา แต่เสียงของฉันกลับแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน เหมือนฉันฟังเขาพูดแต่ที่จริงแล้ว คำพูดของเขาไม่เข้าหัวฉันเอาเสียเลย ในสมองฉันกลับคิดถึงแต่เรื่องนั้น....

ครูพีทยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ เขานั่งลงข้างเตียงและลูบไล้เส้นผมของฉันอย่างอ่อนโยน

“ยังไม่อยากลุกเหรอ?” เขาถามอีกครั้งด้วยเสียงที่เหมือนจะรู้คำตอบอยู่แล้ว

ก่อนที่ฉันจะตอบอะไรออกไป เขาโอบอุ้มฉันขึ้นจากเตียง ร่างกายของฉันเบาหวิวในอ้อมแขนของเขา ฉันซบหน้าเข้ากับอกของเขา รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของเขา

ครูพีทยกตัวฉันขึ้นอย่างง่ายดาย พาฉันเดินออกจากห้องนอนไปยังห้องนั่งเล่น ขณะที่เราสองคนเคลื่อนย้ายออกมาจากห้องนั้น หัวใจฉันเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ความรุ่มร้อนแผ่ซ่านทั่วร่างกาย

เมื่อเรามาถึงห้องนั่งเล่น ครูพีทค่อยๆ วางฉันลงบนโซฟานุ่มๆ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งคุกเข่าจับมือของฉันขึ้นมาจุมพิตที่หลังมือเบาๆ

"หิวไหม? เดี๋ยวฉันหาอะไรให้ทานนะ"

เขากระซิบเบาๆ ใกล้หูของฉัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงประดับบนใบหน้าของเขา และในตอนนั้นเอง ฉันรู้สึกได้ว่าแม้ว่าจะผ่านการกลั่นแกล้งที่แสนหวานจนเหนื่อยล้า แต่ฉันก็ไม่อาจต้านทานเกลียวคลื่นแห่งความปรารถนาที่ส่งผ่านสายตาของเขาได้

“ค่ะ” ฉันตอบเบาๆ

ครูพีทยิ้มกริ่ม จากนั้นจึงลุกขึ้นและเดินไปที่ครัว ฉันมองตามหลังเขาไป รู้สึกหวั่นไหวกับสิ่งที่เขาทำ ฉันไม่รู้เลยว่า ครูพีทรู้สึกยังไงกับฉัน ภายนอกของเขาดูเย็นชา เฮี้ยบ สุขุม แต่ยามเขาอยู่กับฉันกลับกลายเป็นคนขี้เล่น และชอบแกล้งฉัน ยิ่งเรื่องนั้น ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะเอ่อ...ดุดันและดิบเถื่อนพอตัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของทำให้ฉันรู้สึกอยากครอบครองไว้เพียงคนเดียว

“อ๊า..น่าอายจริงๆ เลย” ฉันร้องออกมาเบาๆ และเอามือปิดหน้าตัวเองที่กำลังร้อนผ่าว

“เป็นอะไร?”

เสียงครูพีทถามขึ้นมาขณะเขากลับเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับถาดอาหารที่จัดไว้อย่างเรียบร้อย บนถาดนั้นมีชามซุปไก่หอมกรุ่นที่ดูน่ารับประทาน ซุปใสสีทองมีไก่ฉีกชิ้นเล็กๆ ลอยอยู่บนผิวน้ำพร้อมกับแครอทและมันฝรั่งที่ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เส้นผักชีเขียวอ่อนโรยหน้าอย่างเบาบาง ทำให้ชามซุปดูสวยงามและมีกลิ่นหอมที่ชวนให้อยากลิ้มลอง

ข้างๆ ชามซุปไก่เป็นถ้วยข้าวต้มที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มละมุน ข้าวเม็ดสวยถูกเคี่ยวจนกลายเป็นเนื้อเนียนละเอียด มีหมูสับเล็กๆ และขิงซอยบางๆ โรยหน้าเบาๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าวต้มที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายและหิวขึ้นมาทันที

นอกจากนี้ ยังมีแก้วน้ำส้มคั้นสดที่วางอยู่ข้างๆ น้ำส้มสีสวยใสในแก้วแก้วนั้นทำให้รู้สึกสดชื่นเพียงแค่มอง แถมยังช่วยเพิ่มพลังงานหลังจากที่ฉันรู้สึกเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน

“เปล่าค่ะ” ฉันส่ายหน้า

“ลองทานดูสิ” ครูพีทยิ้มและพูดเบาๆ ก่อนจะวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างๆ โซฟาที่ฉันนั่งอยู่

ฉันค่อยๆ ยกช้อนขึ้นตักซุปไก่หอมกรุ่นในชาม ใส่เข้าปากและรับรู้ถึงความอบอุ่นที่ไหลผ่านลงไปในลำคอ รสชาติของซุปนั้นอ่อนโยนและกลมกล่อม น้ำซุปใสที่ครูพีททำเองนั้นมีรสชาติที่เข้มข้นแต่ไม่จัดจ้านจนเกินไป เนื้อไก่ที่นุ่มละลายในปาก แครอทและมันฝรั่งที่ต้มจนสุกกำลังดี ละลายความอ่อนเพลียของฉันไปทีละน้อย ความรู้สึกอบอุ่นนั้นทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

ต่อมา ฉันตักข้าวต้มที่เนียนนุ่มและอุ่นกำลังดีเข้าปาก รสชาติของข้าวต้มกับหมูสับและขิงซอยที่ครูพีทโรยหน้าไว้นั้นทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นและอิ่มเอม มันเป็นอาหารที่เรียบง่าย แต่กลับอร่อยอย่างน่าประหลาด ทุกคำที่ฉันทานเข้าไปเต็มไปด้วยความรักและความเอาใจใส่ที่ครูพีทใส่ลงไปในทุกๆ รายละเอียด

“เป็นไง” เขายิ้มและถามฉัน

“อร่อยมากเลยค่ะ” ฉันส่งยิ้มกว้างให้เขา

“เธอชอบก็ดีแล้ว”

ขณะที่ฉันทานอาหาร ครูพีทก็เดินไปหยิบโน้ตบุ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะข้างโซฟา เขาเปิดเครื่องขึ้นมาและตั้งมันไว้บนโต๊ะเล็กๆ ที่อยู่หน้าฉัน แล้วเขาก็นั่งลงข้างๆ ฉัน

“ปีที่แล้วมีงานประกวดการเขียนบทวรรณคดี ฉันอยากให้เธอดูบรรยากาศของงาน คิดว่าเธอน่าจะชอบ” ครูพีทพูดพร้อมกับยิ้ม

ฉันพยักหน้าเบาๆ รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นงานที่เขาพูดถึง ครูพีทคลิกเปิดไฟล์วิดีโอ และภาพบรรยากาศของงานประกวดการเขียนบทวรรณคดีเมื่อปีที่แล้วก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ ในพื้นหลัง เสียงผู้คนที่คุยกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศของงานนั้นเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความหลงใหลในศิลปะการเขียน

“งานนี้มีผู้เข้าร่วมมากมาย ทั้งนักเขียนรุ่นใหม่และนักเขียนที่มีชื่อเสียง ฉันจำได้ว่าตอนนั้นมีบทวรรณคดีหลายชิ้นที่น่าประทับใจมาก” ครูพีทเล่าให้ฉันฟัง ขณะที่เขานั่งอธิบายเกี่ยวกับงานประกวดและผลงานที่เขาประทับใจ ฉันมองภาพในวิดีโอที่ฉายออกมา พร้อมกับฟังเสียงของเขาที่เล่าเรื่องราวอย่างตั้งใจ

ครูพีทชี้ไปที่หน้าจอเมื่อเห็นภาพของผู้เขียนที่กำลังนำเสนอบทวรรณคดีของตัวเอง

“นี่เป็นผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในปีนั้น เป็นบทกวีที่มีความหมายลึกซึ้งและเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ เธอน่าจะชอบ”

ฉันมองดูวิดีโอและฟังเรื่องราวที่ครูพีทเล่า ความรู้สึกของฉันผสมผสานระหว่างความสุขจากอาหารที่เขาทำให้ และความสนใจในงานวรรณคดีที่ครูพีทแบ่งปันให้ฉันฟัง มันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสงบและความสุขที่ฉันจะจดจำไปอีกนาน

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status