แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดส่องเข้ามาผ่านม่านบางเบาในห้องของครูพีท ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น สัมผัสแรกที่รับรู้คือความอ่อนเพลียที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อของฉันรู้สึกเหมือนถูกใช้งานจนหมดแรงทุกส่วน ความรู้สึกนี้ทำให้ฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียงนุ่มๆ โดยไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัว
ฉันหันหน้าไปมองรอบห้อง ทุกอย่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงนาฬิกาแขวนบนผนังที่บอกเวลาว่าเป็นเวลาบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันน่าจะมีพลังสดชื่น แต่ในวันนี้กลับต่างออกไป
หัวของฉันหมุนเล็กน้อยขณะที่ฉันพยายามจะลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับไม่ยอมตามใจ รู้สึกเหนื่อยล้าและหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกอบอุ่นจากผ้าห่มที่คลุมร่างกายอยู่ทำให้ฉันอยากจะหลับต่อไปอีกหน่อย แต่ภาพความทรงจำจากเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไหลเวียนกลับเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว
ครูพีท... เขากลั่นแกล้งฉันอย่างไร้ความปราณี ความรู้สึกของความสุขและความสุขสมที่เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์และตกอยู่ในห้วงแห่งความสุขไม่รู้กี่รอบ ร่างกายของฉันยังคงรู้สึกถึงสัมผัสที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังนั้น ความทรงจำเหล่านั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านอยู่ภายใน แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้ฉันอ่อนแรงจนแทบไม่อยากขยับตัว
ฉันหันหน้าไปมองรอบๆ ห้องนอน รู้สึกถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของครูพีท มันทำให้ฉันรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาอัตโนมัติ
เสียงประตูเปิดเบาๆ ทำให้ฉันหันไปมอง ครูพีทเดินเข้ามาในห้องนอน ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ฉันคุ้นเคย เขามองมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนและย้อมไปด้วยความปรารถนา ทำให้ฉันรู้สึกปั่นป่วนในใจ
"ตื่นแล้วเหรอ ลิลลี่?" เขาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไว้ด้วยเจตนาที่ซ่อนอยู่
ฉันพยายามจะตอบเขา แต่เสียงของฉันกลับแผ่วเบาจนแทบจะไม่ได้ยิน เหมือนฉันฟังเขาพูดแต่ที่จริงแล้ว คำพูดของเขาไม่เข้าหัวฉันเอาเสียเลย ในสมองฉันกลับคิดถึงแต่เรื่องนั้น....
ครูพีทยิ้มมุมปากก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ เขานั่งลงข้างเตียงและลูบไล้เส้นผมของฉันอย่างอ่อนโยน
“ยังไม่อยากลุกเหรอ?” เขาถามอีกครั้งด้วยเสียงที่เหมือนจะรู้คำตอบอยู่แล้ว
ก่อนที่ฉันจะตอบอะไรออกไป เขาโอบอุ้มฉันขึ้นจากเตียง ร่างกายของฉันเบาหวิวในอ้อมแขนของเขา ฉันซบหน้าเข้ากับอกของเขา รู้สึกถึงความแข็งแกร่งของเขา
ครูพีทยกตัวฉันขึ้นอย่างง่ายดาย พาฉันเดินออกจากห้องนอนไปยังห้องนั่งเล่น ขณะที่เราสองคนเคลื่อนย้ายออกมาจากห้องนั้น หัวใจฉันเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ความรุ่มร้อนแผ่ซ่านทั่วร่างกาย
เมื่อเรามาถึงห้องนั่งเล่น ครูพีทค่อยๆ วางฉันลงบนโซฟานุ่มๆ ก่อนจะย่อตัวลงนั่งคุกเข่าจับมือของฉันขึ้นมาจุมพิตที่หลังมือเบาๆ
"หิวไหม? เดี๋ยวฉันหาอะไรให้ทานนะ"
เขากระซิบเบาๆ ใกล้หูของฉัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงประดับบนใบหน้าของเขา และในตอนนั้นเอง ฉันรู้สึกได้ว่าแม้ว่าจะผ่านการกลั่นแกล้งที่แสนหวานจนเหนื่อยล้า แต่ฉันก็ไม่อาจต้านทานเกลียวคลื่นแห่งความปรารถนาที่ส่งผ่านสายตาของเขาได้
“ค่ะ” ฉันตอบเบาๆ
ครูพีทยิ้มกริ่ม จากนั้นจึงลุกขึ้นและเดินไปที่ครัว ฉันมองตามหลังเขาไป รู้สึกหวั่นไหวกับสิ่งที่เขาทำ ฉันไม่รู้เลยว่า ครูพีทรู้สึกยังไงกับฉัน ภายนอกของเขาดูเย็นชา เฮี้ยบ สุขุม แต่ยามเขาอยู่กับฉันกลับกลายเป็นคนขี้เล่น และชอบแกล้งฉัน ยิ่งเรื่องนั้น ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะเอ่อ...ดุดันและดิบเถื่อนพอตัว รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของทำให้ฉันรู้สึกอยากครอบครองไว้เพียงคนเดียว
“อ๊า..น่าอายจริงๆ เลย” ฉันร้องออกมาเบาๆ และเอามือปิดหน้าตัวเองที่กำลังร้อนผ่าว
“เป็นอะไร?”
เสียงครูพีทถามขึ้นมาขณะเขากลับเข้ามาที่ห้องนั่งเล่น พร้อมกับถาดอาหารที่จัดไว้อย่างเรียบร้อย บนถาดนั้นมีชามซุปไก่หอมกรุ่นที่ดูน่ารับประทาน ซุปใสสีทองมีไก่ฉีกชิ้นเล็กๆ ลอยอยู่บนผิวน้ำพร้อมกับแครอทและมันฝรั่งที่ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เส้นผักชีเขียวอ่อนโรยหน้าอย่างเบาบาง ทำให้ชามซุปดูสวยงามและมีกลิ่นหอมที่ชวนให้อยากลิ้มลอง
ข้างๆ ชามซุปไก่เป็นถ้วยข้าวต้มที่มีเนื้อสัมผัสนุ่มละมุน ข้าวเม็ดสวยถูกเคี่ยวจนกลายเป็นเนื้อเนียนละเอียด มีหมูสับเล็กๆ และขิงซอยบางๆ โรยหน้าเบาๆ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของข้าวต้มที่เพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ ทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายและหิวขึ้นมาทันที
นอกจากนี้ ยังมีแก้วน้ำส้มคั้นสดที่วางอยู่ข้างๆ น้ำส้มสีสวยใสในแก้วแก้วนั้นทำให้รู้สึกสดชื่นเพียงแค่มอง แถมยังช่วยเพิ่มพลังงานหลังจากที่ฉันรู้สึกเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวัน
“เปล่าค่ะ” ฉันส่ายหน้า
“ลองทานดูสิ” ครูพีทยิ้มและพูดเบาๆ ก่อนจะวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างๆ โซฟาที่ฉันนั่งอยู่
ฉันค่อยๆ ยกช้อนขึ้นตักซุปไก่หอมกรุ่นในชาม ใส่เข้าปากและรับรู้ถึงความอบอุ่นที่ไหลผ่านลงไปในลำคอ รสชาติของซุปนั้นอ่อนโยนและกลมกล่อม น้ำซุปใสที่ครูพีททำเองนั้นมีรสชาติที่เข้มข้นแต่ไม่จัดจ้านจนเกินไป เนื้อไก่ที่นุ่มละลายในปาก แครอทและมันฝรั่งที่ต้มจนสุกกำลังดี ละลายความอ่อนเพลียของฉันไปทีละน้อย ความรู้สึกอบอุ่นนั้นทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
ต่อมา ฉันตักข้าวต้มที่เนียนนุ่มและอุ่นกำลังดีเข้าปาก รสชาติของข้าวต้มกับหมูสับและขิงซอยที่ครูพีทโรยหน้าไว้นั้นทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นและอิ่มเอม มันเป็นอาหารที่เรียบง่าย แต่กลับอร่อยอย่างน่าประหลาด ทุกคำที่ฉันทานเข้าไปเต็มไปด้วยความรักและความเอาใจใส่ที่ครูพีทใส่ลงไปในทุกๆ รายละเอียด
“เป็นไง” เขายิ้มและถามฉัน
“อร่อยมากเลยค่ะ” ฉันส่งยิ้มกว้างให้เขา
“เธอชอบก็ดีแล้ว”
ขณะที่ฉันทานอาหาร ครูพีทก็เดินไปหยิบโน้ตบุ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะข้างโซฟา เขาเปิดเครื่องขึ้นมาและตั้งมันไว้บนโต๊ะเล็กๆ ที่อยู่หน้าฉัน แล้วเขาก็นั่งลงข้างๆ ฉัน
“ปีที่แล้วมีงานประกวดการเขียนบทวรรณคดี ฉันอยากให้เธอดูบรรยากาศของงาน คิดว่าเธอน่าจะชอบ” ครูพีทพูดพร้อมกับยิ้ม
ฉันพยักหน้าเบาๆ รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้เห็นงานที่เขาพูดถึง ครูพีทคลิกเปิดไฟล์วิดีโอ และภาพบรรยากาศของงานประกวดการเขียนบทวรรณคดีเมื่อปีที่แล้วก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ เสียงเพลงบรรเลงเบาๆ ในพื้นหลัง เสียงผู้คนที่คุยกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศของงานนั้นเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และความหลงใหลในศิลปะการเขียน
“งานนี้มีผู้เข้าร่วมมากมาย ทั้งนักเขียนรุ่นใหม่และนักเขียนที่มีชื่อเสียง ฉันจำได้ว่าตอนนั้นมีบทวรรณคดีหลายชิ้นที่น่าประทับใจมาก” ครูพีทเล่าให้ฉันฟัง ขณะที่เขานั่งอธิบายเกี่ยวกับงานประกวดและผลงานที่เขาประทับใจ ฉันมองภาพในวิดีโอที่ฉายออกมา พร้อมกับฟังเสียงของเขาที่เล่าเรื่องราวอย่างตั้งใจ
ครูพีทชี้ไปที่หน้าจอเมื่อเห็นภาพของผู้เขียนที่กำลังนำเสนอบทวรรณคดีของตัวเอง
“นี่เป็นผลงานที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในปีนั้น เป็นบทกวีที่มีความหมายลึกซึ้งและเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ เธอน่าจะชอบ”
ฉันมองดูวิดีโอและฟังเรื่องราวที่ครูพีทเล่า ความรู้สึกของฉันผสมผสานระหว่างความสุขจากอาหารที่เขาทำให้ และความสนใจในงานวรรณคดีที่ครูพีทแบ่งปันให้ฉันฟัง มันเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยความสงบและความสุขที่ฉันจะจดจำไปอีกนาน
หลังจากที่ฉันทานอาหารเสร็จ ความรู้สึกอบอุ่นและพึงพอใจจากอาหารที่ครูพีททำให้ยังคงอยู่ในใจ ฉันวางช้อนลงอย่างเบามือ ครูพีทยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นฉันทานจนหมดชาม“ขอบคุณค่ะ พี่พีท อาหารอร่อยมากเลยค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับยิ้มให้เขาก่อนที่ครูพีทจะตอบอะไร เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองตามเสียง ครูพีทยืนขึ้นจากเก้าอี้และหันมาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“น่าจะเป็นแม่บ้านน่ะ”ขณะที่ครูพีทเดินไปที่ประตูเพื่อรับชุดเดรส ฉันก็ลุกขึ้น เริ่มเก็บจานและชามไปที่ห้องครัว ฉันยกถาดอาหารและเดินไปที่ห้องครัว เบาๆ วางถาดบนเคาน์เตอร์ และเริ่มล้างจานในอ่างน้ำอุ่นที่ไหลผ่านมือทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย ล้างจานอย่างใจเย็น ความคิดของฉันยังคงวนเวียนถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับครูพีท ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้สัมผัสกับความใกล้ชิดและความอบอุ่นแบบนี้จากเขา มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งหวานและเต็มไปด้วยแรงปรารถนาเสียงประตูเปิดและปิดเบาๆ ฉันหันไปมองก็เห็นเขายืนอยู่ที่ประตูห้องครัว ในมือของเขามีชุดเดรสที่ถูกพับอย่างเรียบร้อยอยู่บนแขนของเขา“ลิลลี่ ไม่ต้องล้างจานหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ครูพีทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ
ฉันชื่อ ลิลลี่ อายุ 18 ปี วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงมา เมื่อฉันต้องย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนประจำที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องมาอยู่ที่นี่ โรงเรียนแห่งนี้ชื่อว่า "เซนต์เอมิลี่" โรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านความเข้มงวดและกฎระเบียบที่เคร่งครัดที่สุดในประเทศฉันยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หัวใจของฉันเต้นแรงจนรู้สึกถึงมันชัดเจน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเคยรู้จัก ทุกคนที่ฉันเคยสนิท ตอนนี้มันถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง"ลิลลี่ เธอต้องเข้มแข็ง" ฉันพยายามปลอบใจตัวเองก่อนที่จะก้าวเข้าไปในโรงเรียนแห่งนี้ฉันเดินผ่านประตูใหญ่ที่ทำจากเหล็กสีดำสนิท เสาสูงที่ตั้งอยู่สองข้างประตูให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเข้าสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย เส้นทางที่ฉันเดินผ่านปูด้วยหินก้อนเล็กๆ เรียงตัวเป็นระเบียบ ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น แต่กลับรู้สึกเย็นยะเยือกและว่างเปล่าทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ ฉันก็ถูกทักทายโดยหญิงสูงวัยในชุดสูทสีเข้ม หน้าตาของเธอดูเคร่งขรึมและเข้มงวด เธอคือ มาร์ธา หัวหน้าอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนี้"ยินดีต้อนรับสู่เซนต์เอมิลี่" มาร์ธาเอ่ยทักทายด้วยน้ำเส
เช้าวันใหม่ที่เซนต์เอมิลี่มาถึงแล้ว ฉันตื่นขึ้นมาในห้องพักเล็กๆ ที่ยังคงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมันเลยสักนิด แสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย ฉันลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเตรียมตัวไปเรียน ฉันหยิบชุดนักเรียนที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงจีบสีเทาออกมาจากตู้เสื้อผ้า และจัดผมให้เรียบร้อยตามระเบียบของโรงเรียน ความเคร่งครัดที่นี่ทำให้ฉันต้องระมัดระวังทุกการกระทำ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎที่ถูกวางไว้ แต่บางอย่างในใจฉันก็ยังรู้สึกว่า มีบางสิ่งที่ฉันกำลังท้าทายมันอยู่เมื่อฉันเดินออกมาจากห้องพัก ฉันก็เจอกับซาร่าที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนเหมือนกัน ซาร่าส่งยิ้มให้ฉันด้วยความเป็นมิตรเช่นเคย"พร้อมไปเรียนหรือยัง?" ซาร่าถามด้วยน้ำเสียงสดใส"พร้อมแล้วล่ะ" ฉันตอบกลับพร้อมกับยิ้ม "แต่ยังคงรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง""ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวเธอก็ชิน" ซาร่าพูดพร้อมกับพยักหน้าให้ฉัน "วันนี้มีเรียนวรรณคดีเป็นวิชาแรกด้วยนะ ฉันจำได้ว่าเธอสนใจวรรณคดีมากเลยใช่ไหม?""ใช่ ฉันชอบอ่านนิยาย มันทำให้ฉันได้หลบหนีจากความจริงบ้าง" ฉันตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่...ครูพีทเป็นครูสอนวรรณค
ฉันเดินออกจากห้องเรียนด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เสียงฝีเท้าของครูพีทยังคงก้องอยู่ในหู ราวกับว่าทุกก้าวที่เขาเดินออกจากห้องนั้นฝากอะไรบางอย่างไว้ในใจฉัน ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันทั้งตื่นเต้นและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ฉันพยายามสลัดความรู้สึกนี้ออกไป แต่ก็พบว่ามันติดแน่นอยู่ในหัวใจฉันเหมือนฝันร้ายที่ฉันไม่อาจหลีกหนีได้ฉันเดินไปตามทางเดินของโรงเรียนที่เงียบสงบเพราะยังเป็นช่วงพักกลางวัน นักเรียนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่ห้องอาหาร ฉันพยายามทำตัวให้ปกติ แต่ภายในใจกลับว้าวุ่นจนฉันรู้สึกว่าใครๆ ก็คงมองออกว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับฉันในที่สุดฉันก็กลับมาถึงห้องเรียนและนั่งลงที่โต๊ะของฉัน ฉันหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาเปิดอ่าน หวังว่าจะสามารถตั้งสมาธิได้ แต่ความคิดของฉันกลับพุ่งตรงไปยังครูพีทอีกครั้ง ความอบอุ่นจากการสัมผัสมือของเขายังคงติดอยู่ในความทรงจำ และฉันไม่อาจลบมันออกไปได้‘ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้?’ ฉันถามตัวเองในใจ แต่ไม่มีคำตอบใดที่สามารถตอบสนองความสงสัยของฉันได้ ฉันรู้ดีว่าครูและนักเรียนไม่ควรมีความสัมพันธ์เกินเลย แต่ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
หลังจากบทเรียนที่ไม่ธรรมดาของวันก่อน ฉันได้สัมผัสครูพีทในแบบที่ไม่เคยคาดคิด ภาพของเขาและการจูบที่ลึกซึ้งนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ฉันพยายามจะลืมมัน พยายามบอกตัวเองว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่ฉันหลับตา ภาพเหล่านั้นกลับชัดเจนยิ่งขึ้น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่คอยกระซิบบอกฉันว่าความสัมพันธ์แบบนี้เป็นสิ่งที่ผิด กลับถูกบดบังด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้เช้านี้ ฉันเดินเข้าสู่ห้องเรียนด้วยความรู้สึกสับสนในใจ ทันทีที่ฉันก้าวเข้าสู่ห้อง สายตาของฉันก็พบกับครูพีทที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียน เขามองฉันด้วยสายตาที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยความหมาย เพียงเสี้ยววินาทีที่เขามองมาที่ฉัน หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างกายของฉันรู้สึกราวกับถูกไฟส่องผ่านเมื่อเขามองมา สายตาของเขาช่างคมกริบและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ฉันรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่เพียงแค่ฉันที่รู้สึกเช่นนั้น ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่เริ่มก่อตัวในท้องของฉัน มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายตลอดชั่วโมงเรียน ฉันพยายามจะมีสมาธิกับบทเรียน แต่ความคิดของฉันกลับวกวนไปที่ครูพีท และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราครั้งก่อน ความ
ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ใจฉันก็เต้นรัวจนแทบจะหลุดออกมา ความสัมพันธ์ระหว่างเรามันไม่ควรจะเกิดขึ้น แต่ทำไมฉันถึงหยุดคิดถึงเขาไม่ได้เลย ฉันรู้ดีว่าสิ่งที่เราทำคือการท้าทายกฎระเบียบที่โรงเรียนเคร่งครัดที่สุด แต่ยิ่งฉันคิดถึงมัน ฉันก็ยิ่งรู้สึกถึงความเร่าร้อนที่ซ่อนอยู่ในใจฉันเช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาในหอพักเหมือนเช่นเคย แต่ความรู้สึกที่ติดค้างอยู่ในหัวใจทำให้ฉันไม่สามารถทำตัวเหมือนปกติได้ ฉันพยายามจะไม่คิดถึงเขา แต่ทุกครั้งที่ฉันปิดตา ภาพของครูพีทก็จะปรากฏขึ้นมาในหัว ความใกล้ชิดของเรามันผิด ฉันรู้ดี แต่ฉันก็ไม่สามารถหยุดความรู้สึกนี้ได้“เมื่อวานกลับดึกเหรอ” ซาร่าทักทายฉัน ขณะที่ฉันกำลังเดินไปยังห้องเรียน“เอ้อ...ก็นิดนึง” ฉันหน้าแดงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน“ไม่สบายรึเปล่า?” ซาร่าจ้องมองฉัน ก่อนจะเอามือมาอังที่หน้าผาก“ปะ..เปล่า” ฉันรีบปฏิเสธทันที“ครูพีทใช้งานหนักเหรอ?” ซาร่าพึมพำด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ“ก็...ไม่นะ..”“วันนี้ต้องไปช่วยครูอีกมั้ยอะ?”“อะ..ไม่แน่ใจอะ” ฉันแบ่งรับแบ่งสู้“ฉันไปช่วยมั้ย?” ซาร่าเสนอตัวเอง“ไหวเหรอ มีแต่บทเรียนวรรณคดีทั้งนั้นเลยนะ” ฉันเอียงคอถามเพื่อน เพราะร
ฉันนั่งอยู่บนเตียงในห้องพักที่เงียบสงบ สายตาของฉันจับจ้องไปที่กระดาษแผ่นหนึ่งในมือ มันคือกฎระเบียบของโรงเรียนเซนต์เอมิลี่ ซึ่งฉันได้รับมาเมื่อตอนเข้ามาใหม่ ฉันควรจะอ่านมันตั้งแต่วันแรก แต่ด้วยเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น ฉันกลับลืมไปเสียสนิท กระดาษแผ่นนี้เหมือนเป็นเตือนความจำของสิ่งที่ควรและไม่ควรทำฉันค่อยๆ พลิกกระดาษไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าสุดท้าย สายตาของฉันก็สะดุดกับกฎข้อที่ 10 ที่ถูกเขียนไว้ด้วยตัวหนังสือสีเข้มกว่าปกติ ฉันรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทันทีเมื่ออ่านมันกฎข้อที่ 10: ห้ามมิให้มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เกินขอบเขตของความเป็นครูและนักเรียน หากพบว่ามีการกระทำเช่นนี้ จะมีการสอบสวนและลงโทษอย่างเคร่งครัดทั้งครูและนักเรียนที่เกี่ยวข้องฉันอ่านประโยคนั้นซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง ใจของฉันเริ่มเต้นแรงขึ้นเมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างฉันกับครูพีท ความสัมพันธ์ของเรานั้นข้ามเส้นที่ถูกเขียนไว้ในกฎระเบียบนี้อย่างชัดเจน และฉันก็รู้ดีว่าถ้ามีใครรู้เรื่องนี้ ผลที่ตามมาอาจจะไม่ดีเลยเสียงเปิดประตูดังขึ้น ฉันเงยหน้าขึ้นมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาพร้อมกับยิ้มกว้าง เธอเพิ่งกลับจา
ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ รู้สึกเหมือนหัวของฉันหนักอึ้งและร่างกายของฉันอ่อนล้าอย่างประหลาด ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อพยายามระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความงุนงงว่าฉันกลับมาถึงหอพักได้อย่างไรขณะที่ฉันกำลังพยายามเรียกสติกลับมา ประตูห้องพักก็เปิดออกอย่างเบามือ ฉันหันไปมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง“ลิลลี่ เธอโอเคหรือเปล่า?” ซาร่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล“ฉันเห็นเธอดูไม่ค่อยดีเลยเมื่อคืนนี้ ตอนที่ครูพีทอุ้มเธอกลับมาที่หอพัก”ฉันชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซาร่า“ครูพีท... อุ้มฉันกลับมาที่หอพักงั้นเหรอ?”ฉันถามกลับด้วยเสียงที่ยังคงแหบพร่า หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ครูพีท’ ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานค่อยๆ ทยอยกลับมาในหัวของฉันทีละเล็กทีละน้อย“ใช่ เธอสลบไป ฉันตกใจมากเลยอะ” ซาร่าพูดพลางนั่งลงข้างเตียงของฉัน“ฉัน... ฉันไม่ค่อยแน่ใจ” ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน“ฉันคงรู้สึกเหนื่อยมากน่ะ...”“เธอแน่ใจนะ เมื่อวานเธอ