ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันใช้เวลาส่วนใหญ่กับครูพีทในการเตรียมบทความด้านวรรณคดีเพื่อส่งเข้าประกวดการแข่งขันระหว่างโรงเรียน การที่เขาตัดสินใจช่วยฉันในเรื่องนี้ ทำให้ฉันรู้สึกดีใจและมีกำลังใจมากขึ้นในทุกๆ วันครูพีทเป็นครูที่เก่งและมีความรู้ลึกซึ้งในด้านวรรณคดี การสนทนากับเขาทำให้ฉันได้เห็นมุมมองใหม่ๆ และวิธีการวิเคราะห์ที่ลึกซึ้งกว่าเดิมแต่ทุกครั้งที่เราพบกันในห้องพักครู บทเรียนที่ฉันได้รับกลับไม่ได้มีเพียงแค่การเขียนบทความวรรณคดีเท่านั้น ความใกล้ชิดและความหวาบหวามที่เกิดขึ้นระหว่างเรา มันกลายเป็นสิ่งที่ฉันไม่อาจปฏิเสธได้ทุกครั้งที่เขาโน้มตัวมาดูงานที่ฉันกำลังพิมพ์ในคอมพิวเตอร์ สัมผัสของเขาทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงไม่หยุด ราวกับว่าทุกสัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ซ่อนอยู่“ลิลลี่ ตรงนี้เธอควรขยายความอีกนิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร”ครูพีทพูดพร้อมกับโน้มตัวเข้ามาใกล้เพื่อดูเนื้อหาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ร่างกายของเขาใกล้ชิดกับฉันมากจนฉันรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่แผ่วเบาอยู่ใกล้ๆ“ค่ะ ครู” ฉันตอบด้วยเสียงที่แผ่วเบา แต่ภายในใจกลับรู้สึกหวั่นไหวและตื่นเต้นกับความใกล้ชิดที่เกิดขึ
เช้าวันรุ่งขึ้นที่โรงเรียนเซนต์เอมิลี่ บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อมีการประกาศให้นักเรียนภายในโรงเรียนสามารถไปร่วมงานเทศกาลศิลปะที่จัดขึ้นโดยโรงเรียนเซนต์ไมเคิลได้ งานนี้เป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทางศิลปะระหว่างนักเรียนจากทั้งสองโรงเรียนฉันและซาร่าตื่นเต้นกับโอกาสนี้มาก เราวางแผนที่จะใช้เวลาทั้งวันในการสำรวจงานเทศกาลและสัมผัสกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ หลังจากที่เรารวมตัวกับกลุ่มเพื่อนๆ และรับบัตรเข้างาน เราก็ออกเดินทางไปยังโรงเรียนเซนต์ไมเคิลที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเซนต์เอมิลี่เมื่อมาถึงงานเทศกาล บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีนักเรียนและผู้เข้าชมมากมายที่เดินชมผลงานศิลปะต่างๆ ที่จัดแสดงอยู่ทั่วพื้นที่ แสงแดดยามเช้าส่องลงมาทำให้ทุกอย่างดูสดใสและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น เสียงเพลงเบาๆ ที่เปิดคลอสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสนุกสนาน ฉันกับซาร่าแทบอดใจไม่ไหวที่จะเริ่มสำรวจงานนี้“ลิลลี่ ดูสิ! มีร้านอาหารสตรีทฟู้ดเต็มไปหมดเลย” ซาร่าพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมกับชี้ไปที่แถวร้านอาหารที่ตั้งเรียงรายอยู่ริมถนน“โห ฉันอยากลองทาน
เสียงดนตรีที่โรแมนติกยังคงบรรเลงอยู่เบาๆ ขณะที่ฉันกับวินทัตกำลังเต้นรำอย่างช้าๆ ในลานเต้นรำที่เต็มไปด้วยแสงไฟสลัวๆ บรรยากาศที่อบอุ่นและเงียบสงบทำให้ทุกอย่างดูเหมือนเป็นฉากจากนิยายรัก วินทัตเป็นคู่เต้นที่สุภาพและอ่อนโยน เขานำฉันเข้าสู่จังหวะเพลงอย่างนุ่มนวล มือของเขาประคองที่เอวของฉัน ขณะที่มืออีกข้างของฉันวางอยู่บนไหล่ของเขาแต่ในขณะเดียวกัน ที่มุมหนึ่งของลานเต้นรำ ครูพีทยืนมองดูพวกเราอยู่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ สายตาของเขาจับจ้องไปที่วินทัต ถ้าทำได้ เขาคงจะตรงเข้าไปกระชากวินทัตให้ออกห่างจากฉันทันที แต่เขากลับยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น พยายามสะกดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ครูพีทพยายามรักษาความสงบเอาไว้ แต่ความรู้สึกหวงแหนและความไม่พอใจที่เห็นวินทัตอยู่ใกล้ชิดกับฉันมากเกินไป ทำให้เขาไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขามองไปรอบๆ และเห็นซาร่าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เขาจึงตัดสินใจเดินตรงเข้าไปหาซาร่าและคว้าแขนเธอเบาๆ“ซาร่า มากับครูสิ” ครูพีทพูดสั้นๆ ก่อนจะลากเธอตรงมาหาฉันและวินทัต“ขอเปลี่ยนคู่เต้นหน่อยนะ” ครูพีทส่งยิ้มเย็นให้กับพวกเรา“เอ้อ..ได้สิครับครู” วินทัตชะงักเล็กน้อย ก่อนจะพยายามยิ้ม“ลิลลี่ มาเต้นกับค
“อ๊า...อื๊อ ช้าหน่อยค่ะ...อา..แฮ่กๆ พี่พีทพอแล้ว..หนูไม่ไหวแล้ว..อ๊ะ..อร๊ายย..”ฉันที่ร่างกายเปลือยเปล่าได้แต่ร้องครวญครางแทบขาดใจ เมื่อคนที่ซุกหน้าอยู่ตรงส่วนที่หวงแหนพริ้วลิ้นชื้นตวัดขึ้นลงที่จุดอ่อนไหวซ้ำๆ ราวกับไม่คิดจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ในขณะที่ฉันเกร็งร่างและครางสั่นจนเหนื่อยอ่อนเขาโมโหอะไรฉันเนี่ย นี่เขาลงลิ้นจนฉันเสร็จคาปากเขาไปห้ารอบแล้วนะ เกร็งจนขาสั่นไปหมดแล้ว เมื่อไหร่เขาจะหยุดทำเสียที“อื้ม..เธอพร้อมแล้วนี่” ครูพีทพึมพำ แล้วสอดนิ้วเรียวยาวกดแทรกเข้าไปในร่องนุ่มนั้น ขยับมันเข้าออกซ้ำๆ จนฉันต้องแอ่นร่างรับการขยับไหวตามนิ้วมือของเขา“อ๊ะ..พี่พีท..พอได้ยังคะ..อ๊า..อย่าบิดนิ้ว..พอแล้ว..แฮ่กๆ” ฉันครางเสียงพร่ากระเส่าบิดกายเล็กเร่าๆ เมื่อเขาเอาแต่รุกเรียวนิ้วเข้ามาไม่หยุด“ชอบเธอที่เป็นแบบนี้จัง” ครูพีทพูดพลางขยับตัวเข้าหา แล้วจับข้อเท้าฉันข้างหนึ่งวางพาดบนบ่าของเขา“พี่พีท...” ฉันได้แต่พึมพำเรียกชื่อเขาเสียงสั่น เมื่อเขาเริ่มดันส่วนล่างของเขาเข้ามา ฉันกัดริมฝีปากแน่นด้วยความรู้สึกเจ็บ มือคว้าท่อนแขนของเขา เมื่อเขาเริ่มดันเข้ามาเรื่อยๆ“ผ่อนคลายหน่อยนะ..” เขาครางออกมาเบาๆ แล
การประกาศออกค่ายภาษาของครูพีทสร้างความตื่นเต้นให้กับพวกเราทุกคนอย่างมาก โดยเฉพาะตัวฉันเองที่กำลังเผชิญกับความกดดันจากการแข่งขันการเขียนบทความด้านวรรณคดีที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นก่อนถึงวันงานแข่งขัน ซึ่งเป็นการแข่งขันที่สำคัญมาก เพราะมันไม่ใช่แค่การประลองฝีมือระหว่างนักเรียนต่างโรงเรียนเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ฉันได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่ ครูพีทเป็นคนแรกที่สนับสนุนให้ฉันเข้าร่วมแข่งขันนี้ และนั่นทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันต้องทำให้ดีที่สุดฉันจึงดีใจอย่างมากเมื่อครูพีทเสนอแผนการพิเศษนี้ขึ้นมา เขาขออนุมัติจากโรงเรียนให้นักเรียนกลุ่มเล็กๆ ของเขา ซึ่งประกอบด้วยตัวฉัน ซาร่า และเพื่อนๆ ในชมรมวรรณคดี ได้ออกไปพักและฝึกฝนทักษะการเขียนบทความในบรรยากาศที่แตกต่างจากเดิม เราจะไปพักที่โรงแรมมูนไลท์อินน์ ซึ่งตั้งอยู่นอกเมือง เป็นสถานที่ที่เงียบสงบ และเหมาะกับการทำงานสร้างสรรค์ นั่นทำให้ฉันรู้สึกว่าการไปค่ายครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นแรงบันดาลใจในการเขียนของฉันได้เป็นอย่างดีเมื่อถึงวันที่เดินทาง ฉันและเพื่อนๆ พร้อมด้วยครูพีทมุ่งหน้าสู่โรงแรมด้วยความตื่นเต้น
ทั้งๆ ที่อากาศในคืนนี้ค่อนข้างเย็น แต่ฉันกลับรู้สึกร้อนขึ้นเรี่อยๆ อาจจะเป็นเพราะความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา สายตาของเขาที่มองมาทำให้ฉันไม่อาจห้ามใจได้แล้วจู่ๆ ฉันก็รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆ บนริมฝีปากของฉัน มันเป็นสัมผัสที่อ่อนโยน หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นอีกเท่าตัว ก่อนที่ฉันจะทันตั้งตัว ริมฝีปากของเขาก็เริ่มกดแนบสนิทขึ้น ความหวานซึ้งที่ก่อตัวขึ้นในอากาศทำให้ฉันรู้สึกเคลิ้มคล้อยตามไปขณะที่ฉันกำลังเคลิบเคลิ้มกับรสจูบที่หวาบหวาน ครูพีทก็แทรกลิ้นเข้ามาในปาก พร้อมกับดันร่างของฉันติดกับต้นไม้ใหญ่ที่บดบังเราได้มิด จูบของเขาเริ่มหนักหน่วงเพิ่มระดับความเร่าร้อน มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกาย สติของฉันเริ่มกระเจิดกระเจิง“ไม่ได้นอนด้วย อย่าคิดถึงล่ะ..” ครูพีทกระซิบหลังจากที่ถอนจูบออก“อึก!” ฉันหน้าแดง“รึอยากให้ฉันนอนด้วย?” เขายักคิ้วและส่งยิ้มเจ้าเล่ห์“พอเลยค่ะ” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะจับมือฉันพาเดินออกจากสวนดอกไม้ที่เงียบสงบขณะที่เรากำลังเดินเพื่อกลับเข้าไปยังที่พัก ฉันรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวเล็กๆ บางอย่าง หางตาของฉันคล้ายกับเห็นร่างของซาร่า แต่เมื่อหันไปมองกลับพบแต่ความว่างเปล่าฉันคงค
“ก๊อก ก๊อก”ฉันสะดุ้งเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้งทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ฉันไม่รู้ว่าใครจะมาในเวลานี้ แต่สัญชาตญาณของฉันบอกว่าน่าจะเป็นคนที่ฉันรู้จักดี ขณะที่ซาร่าเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตู“ใครหว่า?”ซาร่าลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ประตู เมื่อเธอเปิดประตูออกมา ฉันเห็นเธอหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองฉันด้วยสายตาล้อเลียน ฉันรู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะเดาได้แล้วว่าใครที่ยืนอยู่ตรงนั้นและก็จริงดังคาด...คือ..ครูพีทในมือของเขาถือหนังสือเล่มหนึ่ง ฉันจำได้ทันทีว่ามันคือหนังสือสอนการเขียนบทความวรรณคดีเล่มล่าสุดที่ฉันเคยเห็นในห้องสมุด ครูพีทยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้ม แต่ในแววตาของเขากลับแฝงไปด้วยความลึกลับบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่อาจหันหนีได้“ลิลลี่อยู่ไหม?” ครูพีทถามซาร่าหันมามองฉันอีกครั้ง เธอหรี่ตามองฉัน ฉันรู้สึกหน้าร้อนขึ้นทันทีเมื่อสบตากับเธอ ฉันพยายามทำตัวให้ปกติ“อยู่ค่ะ” ซาร่าตอบก่อนจะเปิดประตูให้กว้างพอที่ครูพีทจะเห็นฉันนั่งอยู่บนเตียง“เธอคงไม่ลืมว่าต้องมาเรียนเสริมกับฉันหรอกนะ?”เฮือก!!“มะ..ไม่.ลืมค่ะ..” ฉันตอบแผ่วเบา ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองมาที่ฉันนิ่ง“เอ้า งั้นก็รีบไปสิ”
ในที่สุด วันที่ฉันเฝ้ารอมานานก็มาถึง—การแข่งขันเขียนบทความด้านวรรณคดีครั้งสำคัญ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ฉันและเพื่อนๆ ได้พยายามอย่างหนักมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ครูพีทคอยเคี่ยวเข็ญฉันทุกวัน ให้ฝึกเขียนบทความซ้ำแล้วซ้ำอีก แก้ไขจนกว่าทุกอย่างจะลงตัว แม้จะเหนื่อยจนบางครั้งฉันแทบจะถอดใจ แต่ฉันก็รู้ว่าฉันต้องทำให้ดีที่สุด เพราะการแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่การพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง แต่ยังเป็นการทำให้ความฝันของฉันเป็นจริงการแข่งขันนี้มีชื่อว่า "งานวรรณกรรมแห่งชาติ" ซึ่งเป็นเวทีใหญ่สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถด้านการเขียนจากทั่วประเทศ มีนักเรียนหลายร้อยคนที่ถูกคัดเลือกเข้าร่วม และพวกเราจากโรงเรียนเซนต์เอมิลี่เป็นหนึ่งในนั้น ครูพีทพาฉันและเพื่อนๆ ตัวแทนทั้งหมด 5 คนไปยังสนามการแข่งขัน บรรยากาศที่นั่นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เรามองเห็นตัวแทนจากโรงเรียนอื่นๆ ที่ต่างก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเช่นกันการแข่งขันประกอบไปด้วย 5 รอบ แต่ละรอบล้วนมีความยากในแบบของมันเอง ฉันรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การแข่งขันง่ายๆ แต่ฉันตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดรอบที่ 1: การเขียนบทความจากหัวข้อที่กำหนด (เปิดโจทย์)รอบแรกเริ่มต้นด้วยหั
ฉันยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง มองกระเป๋าเดินทางที่ยังไม่ได้เริ่มเก็บอะไรเลย ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ฉันจะต้องออกเดินทางไปอังกฤษตามคำสั่งของแม่ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนใหม่ ที่พัก หรือแม้กระทั่งกำหนดการเดินทาง ฉันไม่เคยรู้สึกถูกกำหนดชีวิตแบบนี้มาก่อน และมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหลุดจากทุกสิ่งที่ฉันรักแต่ก่อนที่จะจากไป ฉันมีสิ่งหนึ่งที่อยากทำ ฉันอยากใช้เวลาครั้งสุดท้ายกับเขา คนที่ฉันรักมากที่สุด คนที่ฉันไม่รู้ว่าจะได้พบอีกเมื่อไหร่“ซาร่า...” ฉันพูดขึ้นระหว่างที่เรานั่งคุยกันในมุมเงียบ ๆ ของห้องสมุดโรงเรียน“ช่วยฉันหน่อยได้มั้ย?”“อะไรอะ?” ซาร่าถามขณะยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย“ฉันอยากไปอยู่กับพี่พีทหนึ่งสัปดาห์ก่อนเดินทาง” ฉันพูดเสียงเบา แต่หนักแน่นซาร่ามองฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ“แม่เธอจะยอมเหรอ?”“ฉันจะบอกแม่ว่า จะไปค้างบ้านเธอช่วงที่ตรงกับวันหยุดของเทศกาลเซนต์เอมิลี่แห่งมิตรภาพ”“แม่คงไม่ว่าอะไรถ้าเธอช่วยพูดให้”ซาร่านิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มให้ฉัน“ได้สิ ฉันจะช่วยเธอเอง”“ขอบใจนะ ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงไม่รู้จะทำยังไงแน่เลย” ฉันจับมื
บรรยากาศในรถระหว่างทางกลับบ้านนั้นเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น บรรยากาศในรถอึดอัดจนฉันแทบหายใจไม่ออก แม่ของฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง ใบหน้าของเธอสงบนิ่ง แต่ฉันรับรู้ได้ถึงความโกรธที่เธอพยายามกดไว้ใต้เปลือกนอกที่ดูเหมือนไม่แสดงอารมณ์ใด ๆฉันหันไปมองนอกหน้าต่าง พยายามดึงความสนใจตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถหนีจากความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้ หัวใจของฉันเต้นแรง รู้สึกถึงพายุแห่งความกลัวและความไม่แน่นอนที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจเมื่อรถเลี้ยวเข้าประตูบ้าน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกพาเข้าไปในสนามรบ แม่เปิดประตูรถแล้วก้าวลงด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม ฉันเดินตามหลังเธอไปยังห้องรับแขก เสียงรองเท้าของเรากระทบพื้นหินอ่อนก้องสะท้อนในความเงียบงันของบ้านหลังใหญ่“นั่งลง” เสียงของแม่เยือกเย็น ฉันนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก เธอนั่งลงตรงข้ามกับฉัน สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธที่เธอไม่ปิดบัง“อลิสา วัฒนชัย” แม่เรียกชื่อเต็มของฉันด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ฉันรู้ดีว่าการที่แม่เรียกฉันด้วยชื่อเต็มแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ มันหมายความว่าเธอกำลังโมโห และฉันต้องเตรียมรับมือกับสิ
หลังจากลิลลี่กลับไปแล้ว บ้านพักเล็ก ๆ ของผมกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องทำงาน ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก้มมองเอกสารปึกใหญ่ที่นักสืบจากอังกฤษส่งมาให้เมื่อเช้านี้มันเป็นข้อมูลที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความจริงบางอย่างที่ผมไม่เคยคาดคิด และมันกำลังเปิดเผยภาพรวมของเกมที่ซับซ้อนที่กำลังดำเนินอยู่รอบตัวผม ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่เกี่ยวกับตัวผม แต่ยังเกี่ยวพันกับครอบครัวของผมในระดับที่ลึกซึ้งและน่ากลัวเอกสารหน้าแรกเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับอลิซเบธ อดีตคนรักของผม นักสืบที่ผมจ้างบอกว่าเธอกลับมาเมืองไทยหลังจากได้รับการว่าจ้างจากคู่แข่งทางธุรกิจของพ่อผม พวกเขาใช้ลิซเป็นเครื่องมือเพื่อพยายามดึงตัวผมเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งระหว่างธุรกิจ“ลิซ...” ผมพึมพำชื่อของเธอในความเงียบ รู้สึกเหมือนเธอที่ผมเคยรู้จักเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น ผู้หญิงที่เคยเดินเคียงข้างผมในช่วงเวลาที่เราใช้ชีวิตในอังกฤษ กลายเป็นคนที่พยายามใช้ความสัมพันธ์ในอดีตเพื่อเข้ามาทำลายทุกอย่างที่ผมสร้างขึ้นในเอกสารยังระบุว่า ลิซไม่ได้มาหาผมเพียงเพราะความรู้สึกในอดีต แต่เธอได้รับคำสั่งให้สร้างเรื่องราว
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ภายในห้องนอนของครูพีทเงียบสงบ ฉันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเขาอยู่บนเตียงแล้ว พอลองขยับตัวก็รู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด เป็นผลจากค่ำคืนที่เขาไม่ยอมให้ฉันได้นอนพักเลย ฉันแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง ผ้าห่มเลื่อนลงจากร่างกายเผยให้เห็นรอยจ้ำแดงเป็นคิสมาร์กที่กระจายอยู่เต็มเนินอกของฉัน“หือ...เป็นรอยเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ฉันพึมพำเบาๆ มองรอยแดงที่กระจายอยู่เต็มเนินอก ผลจากความเร่าร้อนของเขาเมื่อคืนที่ทำให้ฉันแทบจะหมดแรงฉันตัดสินใจก้าวลงจากเตียง เดินตรงไปยังห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว พออาบเสร็จฉันก็ไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขามาสวม มันโอเวอร์ไซส์จนคลุมมาถึงต้นขาของฉันหลังจากนั้นฉันเดินออกจากห้องนอน เพื่อจะตามหาเขา ไม่นานฉันก็เห็นครูพีทอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขากำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าอย่างตั้งใจ เสียงเบาๆ จากครัวและกลิ่นหอมของอาหารที่เขากำลังเตรียมอยู่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและดีใจที่ได้มาเจอเขาในเช้านี้เมื่อเขาหันกลับมา ฉันก็เห็นว่าเขาถือถาดอาหารที่มีขนมปังปิ้ง แพนเ
เมื่อประตูบ้านปิดลง ครูพีทไม่รอช้า เขาดึงเอวฉันเข้ามาหา ใบหน้าของเขาโน้มลงมาประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่น จูบของเขาลึกซึ้งและเร่าร้อน สอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน ตักตวงความหวานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มือใหญ่ดันท้ายทอยของฉันให้เข้าไปใกล้ จูบของเขารุนแรงจนฉันแทบลืมหายใจ ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือปล่อยตัวเองให้จมอยู่ในอ้อมกอดของเขา“อื๊อ...พี่พีทคะ...” ฉันหอบครางเสียงสั่น ครูพีทผละริมฝีปากออกเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มหายใจไม่ทัน“คิดถึง" ครูพีทกระซิบเบา ๆ ก่อนจะบดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง เขาจูบฉันอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่ต้องการให้ฉันมีช่วงเวลาพักหายใจ พลันเขาอุ้มฉันขึ้นจนตัวลอย มือใหญ่รองใต้สะโพกฉันไว้ ฉันโอบแขนรอบคอเขาแน่น ขาทั้งสองเกี่ยวรัดเอวเขาไว้ไม่ให้ล่วงลงพื้นครูพีทก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังห้องนอน โดยที่ยังคงจูบฉันอย่างลึกซึ้ง ลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันไม่มีใครยอมใครตุบ!เขาวางฉันลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาอันลึกซึ้งลุกโชนอยู่ในนั้น“ไม่เจอกันนาน ต้องชดเชยหน่อยนะ” ครูพีทพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มตัวลงมาจูบฉันอีกครั้ง เขาสอดล
เช้าวันนั้นฉันนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะเรียน ขณะที่รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้น แม้จะพยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่ในใจฉันกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ถูกตั้งแต่ครูพีทถูกพักงานไป ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะขาดหาย ฉันไม่รู้ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ความคิดต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาทันใดนั้น ฉันรู้สึกถึงแรงสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่ หันไปมองก็พบกับรอยยิ้มของซาร่า เธอยื่นซองจดหมายสีขาวให้ฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับราวกับจะบอกว่านี่ไม่ใช่จดหมายธรรมดา“นี่ของเธอ” ซาร่ากระซิบพลางยิ้มให้ ฉันมองเธออย่างสงสัยก่อนจะเปิดซองจดหมายออกอย่างช้า ๆในซองจดหมายนั้นมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือที่ฉันคุ้นเคยดี หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นในทันที ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ครูพีท เขาฝากจดหมายมาให้ฉัน!มือของฉันสั่นเล็กน้อยขณะที่เปิดจดหมายออกมาอ่านข้อความข้างในลิลลี่ฉันรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ฉันเองก็คิดถึงและเป็นห่วงเธอมากเช่นกัน ช่วงนี้ฉันไม่ได้พักที่คอนโด ฉันกลับมาอยู่บ้าน แต่ฉันก็คิดถึงเธอจนทนไม่ไหวถ้าเธอสะดวก ฉันอยากให
ฉันยืนมองกระดานประกาศของโรงเรียนด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ในใจกลับร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่ครั้ง คำประกาศตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม ตัวอักษรแต่ละตัวชัดเจนราวกับตั้งใจตอกย้ำให้ความหวังในใจฉันสลายไปจนหมดสิ้น‘ประกาศพักงาน มิสเตอร์พีทริก วิลเลียมส์ ไม่มีกำหนด เพื่อพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน’ข้อความนั้นเหมือนดาบที่กรีดลึกลงกลางใจ จนทุกสิ่งรอบตัวฉันพังทลายไปในพริบตา ฉันพยายามสูดหายใจเข้าลึก กลั้นความรู้สึกที่ถาโถมในอก และบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่หัวใจกลับเต้นรัวและสั่นไหว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด เสียงของเขาทุ้มอ่อนโยนและปลอบโยนอย่างที่เคย“ฉันอาจจะต้องหายไปสักพัก แต่ขอให้เธอเข้มแข็งไว้นะ เชื่อใจฉันนะ” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบา ๆ สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนจนฉันไม่อาจห้ามความรู้สึกปั่นป่วนในใจได้“ค่ะ หนูเชื่อพี่ค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน และทำตัวให้เข้มแข็งอย่างที่เขาบอก“เด็กดีขอ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก
ในห้องเรียนที่แสนเงียบสงบ ฉันนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง ก้มหน้าลงมองสมุดบันทึก ขีดเขียนคำต่าง ๆ ลงไปอย่างตั้งใจ เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบา ๆ รอบห้องทำให้บรรยากาศดูเหมือนวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในใจลึก ๆ ของฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไปทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันและเสียงก้าวเท้าที่ดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะของฉัน หันไปมองทางต้นเสียง และภาพที่เห็นทำให้ฉันใจหายวูบลงไปในทันทีมินนี่...เธอยืนพิงโต๊ะด้วยท่าทางที่อวดดี ข้างหน้าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างเงียบและชอบอยู่คนเดียว ฉันไม่ค่อยรู้จักชื่อของเธอ แต่คิดว่าเธอชื่อ ฟ้า สายตาของฟ้าจ้องมองต่ำ สั่นเล็กน้อยเหมือนกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมินนี่ฉันเห็นมินนี่หัวเราะขณะที่จ้องมองฟ้าด้วยสายตาเย้ยหยัน ท่าทางของเธอดูชัดเจนว่าเธอกำลังหาเรื่องและเล่นสนุกจากความกลัวของคนอื่น“นี่เธอ จะเงียบไปถึงไหน?หรือว่า...ไม่มีปาก?”มินนี่พูดขึ้นเสียงดัง พลางหัวเราะออกมาเหมือนสนุกสนานกับสิ่งที่เธอกำลังทำฟ้าขยับถอยหลังเล็กน้อย เหมือนพยายามจะหลบมินนี่ แต่ไม่มีทางให้หนี เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำมากขึ้น ราวกับต้องการให้ตัวเองหาย