ทั้งๆ ที่อากาศในคืนนี้ค่อนข้างเย็น แต่ฉันกลับรู้สึกร้อนขึ้นเรี่อยๆ อาจจะเป็นเพราะความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา สายตาของเขาที่มองมาทำให้ฉันไม่อาจห้ามใจได้แล้วจู่ๆ ฉันก็รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆ บนริมฝีปากของฉัน มันเป็นสัมผัสที่อ่อนโยน หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นอีกเท่าตัว ก่อนที่ฉันจะทันตั้งตัว ริมฝีปากของเขาก็เริ่มกดแนบสนิทขึ้น ความหวานซึ้งที่ก่อตัวขึ้นในอากาศทำให้ฉันรู้สึกเคลิ้มคล้อยตามไปขณะที่ฉันกำลังเคลิบเคลิ้มกับรสจูบที่หวาบหวาน ครูพีทก็แทรกลิ้นเข้ามาในปาก พร้อมกับดันร่างของฉันติดกับต้นไม้ใหญ่ที่บดบังเราได้มิด จูบของเขาเริ่มหนักหน่วงเพิ่มระดับความเร่าร้อน มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกาย สติของฉันเริ่มกระเจิดกระเจิง“ไม่ได้นอนด้วย อย่าคิดถึงล่ะ..” ครูพีทกระซิบหลังจากที่ถอนจูบออก“อึก!” ฉันหน้าแดง“รึอยากให้ฉันนอนด้วย?” เขายักคิ้วและส่งยิ้มเจ้าเล่ห์“พอเลยค่ะ” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะจับมือฉันพาเดินออกจากสวนดอกไม้ที่เงียบสงบขณะที่เรากำลังเดินเพื่อกลับเข้าไปยังที่พัก ฉันรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวเล็กๆ บางอย่าง หางตาของฉันคล้ายกับเห็นร่างของซาร่า แต่เมื่อหันไปมองกลับพบแต่ความว่างเปล่าฉันคงค
“ก๊อก ก๊อก”ฉันสะดุ้งเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้งทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ฉันไม่รู้ว่าใครจะมาในเวลานี้ แต่สัญชาตญาณของฉันบอกว่าน่าจะเป็นคนที่ฉันรู้จักดี ขณะที่ซาร่าเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตู“ใครหว่า?”ซาร่าลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ประตู เมื่อเธอเปิดประตูออกมา ฉันเห็นเธอหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองฉันด้วยสายตาล้อเลียน ฉันรู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะเดาได้แล้วว่าใครที่ยืนอยู่ตรงนั้นและก็จริงดังคาด...คือ..ครูพีทในมือของเขาถือหนังสือเล่มหนึ่ง ฉันจำได้ทันทีว่ามันคือหนังสือสอนการเขียนบทความวรรณคดีเล่มล่าสุดที่ฉันเคยเห็นในห้องสมุด ครูพีทยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้ม แต่ในแววตาของเขากลับแฝงไปด้วยความลึกลับบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่อาจหันหนีได้“ลิลลี่อยู่ไหม?” ครูพีทถามซาร่าหันมามองฉันอีกครั้ง เธอหรี่ตามองฉัน ฉันรู้สึกหน้าร้อนขึ้นทันทีเมื่อสบตากับเธอ ฉันพยายามทำตัวให้ปกติ“อยู่ค่ะ” ซาร่าตอบก่อนจะเปิดประตูให้กว้างพอที่ครูพีทจะเห็นฉันนั่งอยู่บนเตียง“เธอคงไม่ลืมว่าต้องมาเรียนเสริมกับฉันหรอกนะ?”เฮือก!!“มะ..ไม่.ลืมค่ะ..” ฉันตอบแผ่วเบา ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองมาที่ฉันนิ่ง“เอ้า งั้นก็รีบไปสิ”
ในที่สุด วันที่ฉันเฝ้ารอมานานก็มาถึง—การแข่งขันเขียนบทความด้านวรรณคดีครั้งสำคัญ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ฉันและเพื่อนๆ ได้พยายามอย่างหนักมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ครูพีทคอยเคี่ยวเข็ญฉันทุกวัน ให้ฝึกเขียนบทความซ้ำแล้วซ้ำอีก แก้ไขจนกว่าทุกอย่างจะลงตัว แม้จะเหนื่อยจนบางครั้งฉันแทบจะถอดใจ แต่ฉันก็รู้ว่าฉันต้องทำให้ดีที่สุด เพราะการแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่การพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง แต่ยังเป็นการทำให้ความฝันของฉันเป็นจริงการแข่งขันนี้มีชื่อว่า "งานวรรณกรรมแห่งชาติ" ซึ่งเป็นเวทีใหญ่สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถด้านการเขียนจากทั่วประเทศ มีนักเรียนหลายร้อยคนที่ถูกคัดเลือกเข้าร่วม และพวกเราจากโรงเรียนเซนต์เอมิลี่เป็นหนึ่งในนั้น ครูพีทพาฉันและเพื่อนๆ ตัวแทนทั้งหมด 5 คนไปยังสนามการแข่งขัน บรรยากาศที่นั่นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เรามองเห็นตัวแทนจากโรงเรียนอื่นๆ ที่ต่างก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเช่นกันการแข่งขันประกอบไปด้วย 5 รอบ แต่ละรอบล้วนมีความยากในแบบของมันเอง ฉันรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การแข่งขันง่ายๆ แต่ฉันตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดรอบที่ 1: การเขียนบทความจากหัวข้อที่กำหนด (เปิดโจทย์)รอบแรกเริ่มต้นด้วยหั
หลังจากการแข่งขันการเขียนบทความผ่านพ้นไปพร้อมกับชัยชนะที่ทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจ บรรยากาศที่โรงเรียนเซนต์เอมิลี่ก็เปลี่ยนเป็นสีสันของคริสต์มาสทันที การแข่งขันที่เหน็ดเหนื่อยได้กลายเป็นความทรงจำอันหอมหวาน แต่สิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดในช่วงเวลานี้กลับเป็นเทศกาลคริสต์มาสที่ทุกคนรอคอยบรรยากาศในโรงเรียนเซนต์เอมิลี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสดใสยิ่งขึ้น โรงเรียนดูราวกับถูกเนรมิตให้เป็นดินแดนมหัศจรรย์ ทุกหนแห่งถูกตกแต่งด้วยไฟหลากสี ต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ที่ลานหน้าห้องโถงเป็นจุดดึงดูดสายตาของทุกคน เสียงเพลงคริสต์มาสคลอเบาๆ ทั่วห้องโถง ทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นแม้จะอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวของเดือนธันวาคม ทุกๆ ปี โรงเรียนจะจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสอย่างยิ่งใหญ่ และปีนี้ก็ไม่แตกต่างกันกิจกรรมคริสต์มาสของเซนต์เอมิลี่เป็นที่รอคอยของนักเรียนทุกคน งานจะเริ่มตั้งแต่การแสดงละครคริสต์มาสที่นักเรียนแต่ละชั้นปีได้เตรียมมาอย่างพิถีพิถัน การแข่งขันประดับต้นคริสต์มาสระหว่างห้องเรียน และการจัดตลาดนัดคริสต์มาสที่มีทั้งของขวัญและอาหารน่าทานเต็มไปหมดแต่กิจกรรมที่สำคัญในปีนี้คือการประมูลของขวัญคริสต์มาส เพื่อนำรายได้ไปบ
วันหยุดปีใหม่ของโรงเรียนเซนต์เอมิลี่มาถึงพร้อมกับบรรยากาศของความหนาวเย็นและความตื่นเต้นในใจของฉัน หลังจากที่ได้ใช้เวลาฉลองคริสต์มาสกันในโรงเรียน ฉันไม่เคยคาดคิดเลยว่าช่วงปีใหม่นี้จะกลายเป็นสัปดาห์ที่พิเศษที่สุดในชีวิตฉัน เพราะครูพีทวางแผนพาฉันไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันหนึ่งสัปดาห์เต็มแน่นอนว่าฉันไม่สามารถบอกพ่อแม่ได้ตรงๆ ว่าฉันจะไปเที่ยวกับครูพีท ดังนั้น ฉันจึงบอกทางบ้านว่าฉันจะไปเที่ยวกับซาร่า และแน่นอนว่า ซาร่าให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เธอยินดีช่วยฉันปกปิดเรื่องนี้ เราสองคนตกลงกันว่าเธอจะช่วยพูดคุยกับพ่อแม่ฉันหากมีใครถามถึง และฉันก็รู้สึกขอบคุณเธอมากที่เข้าใจฉันวันแรกของการเดินทาง ครูพีทพาฉันไปยัง ทะเลสาบริมภูเขา ที่อยู่ห่างจากเมืองไปไม่ไกลมากนัก บรรยากาศที่นั่นเงียบสงบและโรแมนติกอย่างที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน ทะเลสาบมีน้ำใสสะท้อนเงาของภูเขาและท้องฟ้าสีคราม เราพักกันที่รีสอร์ตเล็กๆ ริมทะเลสาบ ห้องพักที่มีระเบียงมองเห็นวิวทิวทัศน์ของน้ำและภูเขา ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอีกใบที่มีเพียงเราสองคนในตอนเช้า ครูพีทพาฉันไป พายเรือคายัค ในทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบใสจนสามารถมองเห็นปลาว่ายอยู่ใต้
สัปดาห์แรกของการเปิดเรียนหลังปีใหม่เป็นสัปดาห์ที่ฉันไม่อยากมาโรงเรียนเลย ความเหนื่อยล้าจากการไปเที่ยวกับครูพีทยังคงติดอยู่ในร่างกายทุกอณู การเดินทางตลอดสัปดาห์ทำให้ฉันสนุกและมีความสุขมากก็จริง แต่ก็ทำให้ฉันเสียพลังงานมากจนอยากจะขอนอนต่อสักอีกวันสองวัน แต่เมื่อครูพีทโทรมาปลุกแต่เช้า พร้อมกับบอกให้ฉันลุกไปเรียน ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยเขาคงไม่รู้ตัวสินะ ว่าเป็นคนที่ทำให้ฉันเหนื่อยล้าขนาดนี้… เหตุผลที่ฉันรู้สึกอ่อนล้าไม่ใช่แค่เพราะการเดินทางเท่านั้น แต่เพราะเขาไม่เคยให้ฉันได้หยุดพักตอนกลางคืนเลย นั่นก็เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หัวใจฉันเต้นไม่หยุดตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อฉันเดินเข้ามาในโรงเรียน รู้สึกได้ว่าบรรยากาศกลับสู่ความคุ้นเคย เด็กนักเรียนต่างพากันเดินพลุกพล่านทั่วโรงเรียน และครูพีทก็เดินมาหาฉันตามปกติ พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ฉันอุ่นใจเสมอ"เหนื่อยไหมลิลลี่?" เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะที่เราสองคนเดินไปด้วยกัน ฉันพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับยิ้มตอบกลับ"ก็เหนื่อยนะคะ แต่คงไม่เท่ากับคนที่ทำให้หนูเหนื่อยหรอกค่ะ" ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงล้อเล่นเล็กน้อยเขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดว่า "เดี๋ยว
ผมยังจำวันแรกที่ผมพบอลิซาเบธ หรือลิซได้อย่างชัดเจน มันเป็นบ่ายวันหนึ่งที่เงียบสงบในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกระดาษหนังสือเก่า ๆ และเสียงพลิกหน้ากระดาษเบา ๆ ของนักศึกษาที่ตั้งใจอ่านหนังสือ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ผมชื่นชอบเสมอ และนั่นคือวันที่ผมพบเธอ ผู้หญิงที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมอย่างไม่คาดคิดลิซนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องสมุด สวมเสื้อโค้ทสีเทาอ่อนและหมวกที่ปกปิดใบหน้าของเธอบางส่วน เธอถือหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือ ใบหน้าของเธอมีสมาธิแต่ดูสบายใจในเวลาเดียวกัน แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างสะท้อนเข้ากับผมสีบลอนด์ของเธอ ทำให้เธอดูโดดเด่นท่ามกลางคนอื่น ๆ ผมอดไม่ได้ที่จะสนใจเธอ ทั้งในแง่ของท่าทางที่ดูสง่างาม และความหลงใหลในหนังสือเล่มหนาที่เธอถือ“อ่านเรื่องอะไรอยู่ครับ?” ผมเอ่ยถามออกไปโดยไม่ทันคิดลิซเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ ใบหน้าของเธอมีแววสงสัยเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มบางๆ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“คุณคงรู้จักดีอยู่แล้ว” เธอตอบกลับพร้อมกับชูปกหนังสือขึ้นมา "Wuthering Heights" ของ Emily Brontë หนึ่งในนิย
บรรยากาศในโรงเรียนเซนต์เอมิลี่เช้าวันนี้ดูเงียบผิดปกติ หรืออาจจะเป็นแค่ความรู้สึกของฉันเอง ฉันยังไม่แน่ใจ แต่ทุกอย่างรอบตัวเหมือนจะเปลี่ยนไปนับตั้งแต่ที่ฉันได้ยินเรื่องของ “ครูคนใหม่” ที่ย้ายมาจากอังกฤษฉันพยายามเก็บความคิดเหล่านั้นไว้ในใจ พยายามไม่ให้มันรบกวนการเรียนของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน มันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ ลางสังหรณ์นี้มันหนักอึ้งในใจฉันตั้งแต่ได้ยินเพื่อน ๆ ซุบซิบกันในห้องโถงว่า ครูคนใหม่ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก ลิซ อลิซาเบธ แฟนเก่าของครูพีทคำว่า ‘แฟนเก่า’ มันก้องอยู่ในหัวฉัน แม้พยายามไม่ให้คิดถึงมัน แต่ทุกครั้งที่ฉันหลับตา ฉันก็ยังเห็นภาพของครูพีทกับผู้หญิงอีกคนที่เคยมีชีวิตร่วมกัน ช่วยกันสอนหนังสือ ช่วยกันสร้างฝัน ความรู้สึกหวาดกลัวว่าอดีตของครูพีทอาจหวนกลับมาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรามันกัดกินใจฉันอย่างไม่อาจปฏิเสธได้หลังจากหมดชั่วโมงเรียนในช่วงเช้า ฉันเดินไปที่ล็อกเกอร์เพื่อหยิบหนังสือสำหรับคาบบ่าย ขณะที่กำลังเปิดล็อกเกอร์ ฉันได้ยินเสียงเพื่อน ๆ คุยกันไม่ไกลจากที่ฉันยืนอยู่“ได้ข่าวว่าเธอเป็นคนสวยมากนะ แล้วก็เคยคบกับครูพีทนานหลายปีด้วย”“ใช่
ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมหรูใจกลางลอนดอนเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติจากหลากหลายวงการ บรรยากาศอบอวลไปด้วยเสียงหัวเราะและบทสนทนาอันอบอุ่นของผู้คนที่แต่งกายอย่างสง่างาม ผ้าปูโต๊ะสีขาวเรียบหรูตัดกับแสงไฟระยิบระยับ พ่อเฮนรี่และพ่อของครูพีทยืนอยู่ด้านหน้าเวที ทั้งสองทักทายแขกเหรื่อด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความภาคภูมิใจเสียงดนตรีบรรเลงเบาๆ จากวงออร์เคสตราที่มุมห้อง เพิ่มความหรูหราให้กับบรรยากาศในห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ แขกที่มาร่วมงานล้วนแต่งกายงดงามในชุดทางการ ผู้หญิงในชุดราตรียาวสวยหรู ส่วนผู้ชายในสูทตัดเย็บอย่างประณีตฉันยืนอยู่ด้านหลังม่านด้วยความรู้สึกตื่นเต้นระคนประหม่า สวมชุดราตรีสีขาวงาช้างที่ออกแบบมาเพื่อฉันโดยเฉพาะ ผ้าซาตินเนื้อดีจับเดรปอย่างประณีต โอบรับช่วงเอวให้ดูคอด ก่อนชายกระโปรงจะบานออกเล็กน้อยอย่างอ่อนช้อย ผมยาวของฉันถูกเกล้าเป็นมวยต่ำ ประดับด้วยไข่มุกเล็กๆ ที่จัดวางอย่างละเมียดละไม ต่างหูเพชรระยิบระยับที่แม่เลือกให้อย่างพิถีพิถัน ยิ่งช่วยขับความงดงามของลุคนี้ให้สมบูรณ์แบบฉันสูดลมหายใจลึก พยายามสงบจิตใจขณะเสียงพูดคุยจากห้องจัดเลี้ยงดังแว่วเข้ามาเสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบาๆ ของแขก
“พี่พีท!!”เสียงอุทานของลิลลี่ดังขึ้น ดวงตาคู่สวยของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นผมยืนอยู่ตรงหน้าผมกลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่ เมื่อเห็นสีหน้าทั้งงุนงงและไม่เชื่อสายตาของเธอ“ว่าไงครับ?คู่หมั้นของผม” ผมเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ พลางส่งยิ้มให้เธอ“ทะ...ทำไม?” ลิลลี่ยังคงอึ้งจนแทบพูดไม่ออก คำถามที่เต็มไปด้วยความสงสัยปรากฏชัดในสายตาของเธอ“ยังจะปฏิเสธผมอีกมั้ย?” ผมถามยั่วเย้า รอยยิ้มของผมยิ่งกว้างขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าที่แดงซ่านของเธอผมยื่นมือขึ้น ลูบแก้มเธอเบาๆ ราวกับต้องการย้ำเตือนให้เธอรู้ว่านี่คือความจริง ปลายนิ้วสัมผัสกับผิวอ่อนนุ่มของเธอ ความคิดถึงที่เก็บสะสมมานานพลุ่งพล่านขึ้นมาจนผมแทบระงับไว้ไม่อยู่“คิดถึงจะแย่แล้ว เธอล่ะ คิดถึงฉันมั้ย?”“คือ...หนู...งงไปหมดแล้ว...” ลิลลี่ยังคงมึนงง เธอพึมพำเหมือนยังไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น“หนูไม่ได้ฝันไปใช่มั้ยคะ?” ดวงตาคู่สวยจ้องมองผมด้วยความไม่แน่ใจ มือเรียวเล็กเอื้อมมาสัมผัสที่ตัวผมเบาๆ ราวกับต้องการพิสูจน์ผมยิ้มอ่อนให้เธอ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงไปใกล้ กดจูบลงบนริมฝีปากบางของเธอด้วยความอ่อนโยน ความคิดถึงทั้งหมดถูกถ่ายทอดผ่านจูบนั้นริมฝีปากของเราส
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันตื่นขึ้นมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง ความคิดถึงคำพูดของแม่เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ราวกับภาพยนตร์ที่ถูกฉายซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า ฉันไม่อยากเชื่อว่าตัวเองกำลังถูกบังคับให้พบกับว่าที่คู่หมั้น และสิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือ ฉันไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะปฏิเสธเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ ขัดจังหวะความคิดในหัว ก่อนที่แม่บ้านจะเปิดประตูเข้ามา พร้อมสาวใช้ประจำตัวของฉันที่เดินตามหลัง“คุณหนูคะ คุณหญิงสั่งให้เราเตรียมตัวให้คุณดูดีที่สุดค่ะ” แม่บ้านพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล แต่เต็มไปด้วยความนอบน้อม“ดูดีที่สุด?” ฉันทวนคำในใจอย่างขมขื่น ราวกับคำสั่งนี้ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกที่กำลังต่อต้าน“วันนี้คุณหญิงบอกว่ามีแขกคนสำคัญจะมาเยี่ยมค่ะ”สาวใช้พูดเสริม ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า และหยิบชุดเดรสผ้าซาตินสีขาวออกมาชุดที่พวกเธอเลือกเป็นเดรสที่ดูเรียบหรู ตัดเย็บอย่างประณีต พร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีเงินที่เข้ากัน ทุกอย่างดูงดงามและเหมาะสมเกินกว่าจะปฏิเสธพวกเธอช่วยฉันแต่งตัวอย่างพิถีพิถัน เส้นผมยาวสลวยถูกจัดเป็นลอนคลายอย่างอ่อนหวาน และเกล้าครึ่งศีรษะอย่างประณีต ใบหน้าของฉันได้รับการแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง
ชีวิตฉันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเหมือนตกอยู่ในฝันที่ทั้งสวยงามและวุ่นวายไปพร้อมกัน หลังจากได้รับรางวัลนักเขียนบทวรรณคดีดีเด่น งานเขียนและโปรเจกต์ใหม่ๆ ก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฉันพยายามจัดการทุกอย่างอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ตัวเองและแสดงให้แม่เห็นว่าฉันสามารถประสบความสำเร็จได้ด้วยตัวเองเวลาผ่านไปเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือการติดต่อกับครูพีท เรายังคงแลกเปลี่ยนข้อความและวิดีโอคอลกันเสมอ ทุกครั้งที่ฉันเหนื่อยล้าหรือรู้สึกท้อแท้ คำพูดที่แสนอบอุ่นของเขาก็เหมือนแรงผลักดันที่ช่วยให้ฉันยืนหยัดต่อไปแต่แล้ววันที่ฉันไม่เคยคาดคิดก็มาถึง...เย็นวันศุกร์ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิ ฉันเพิ่งกลับมาจากงานสัมมนาวรรณกรรม ใบหน้าฉันยังคงประดับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ จากคำชื่นชมที่ได้รับในวันนี้ แต่เมื่อฉันเปิดประตูห้องพักเข้าไป ฉันต้องชะงัก“แม่?” ฉันเรียกด้วยความประหลาดใจ“แม่มาได้ไงคะ?”“ลิลลี่ ไปกับแม่เดี๋ยวนี้” แม่พูดเสียงนิ่ง แต่หนักแน่น ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกจากห้องพักไป ทิ้งฉันไว้กับความงุนงง แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามไปไม่นานนัก แม่ก็พาฉันมาถึงบ้านของพ่อเฮนรี่ บ้านหล
ทันทีที่ฉันเปิดประตู ใบหน้าคุ้นเคยก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของฉัน“พี่พีท!!”เสียงของฉันแทบจะหลุดเป็นเสียงกรี๊ดด้วยความตกใจและดีใจสุดขีด ราวกับว่าเวลาในตอนนั้นหยุดนิ่ง มีเพียงสายตาของเราที่สบกัน และหัวใจของฉันที่เต้นแรงจนแทบหลุดออกมาครูพีทโน้มตัวลงมาจูบฉันอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากร้อนทาบลงอย่างแนบแน่น มือใหญ่ประคองใบหน้าฉันไว้มั่น ก่อนจะดันตัวฉันเข้ามาในห้องพร้อมปิดและล็อคประตูเขาดันฉันไปชิดกับผนัง ริมฝีปากกดจูบอย่างเร่าร้อนและเต็มไปด้วยความปรารถนา ลิ้นของเขาสอดแทรกเข้ามาในโพรงปาก ไล่ต้อนและดูดดุนลิ้นของฉันอย่างลึกซึ้ง จนหัวใจฉันเต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะมือของเขาสอดเข้ามาใต้เสื้อของฉัน ปลดตะขอบราออกด้วยมือเพียงข้างเดียว อีกมือเลื่อนขึ้นมาสัมผัสอกอวบอิ่ม คลึงเบา ๆ จนยอดถันชูชันตอบรับต่อสัมผัสอันร้อนแรง“อื้ม..”ฉันครางเบา ๆ ในลำคอ ความเสียวซ่านพุ่งผ่านทุกอณูเมื่อปลายนิ้วของเขาบีบคลึงยอดถันกระตุ้นอารมณ์ให้พลุ่งพล่านฉันดึงเสื้อของเขาออกจากศีรษะอย่างรวดเร็ว มือบางลูบไล้ไปตามลอนกล้ามเนื้อที่เรียงตัวสวยงามของเขา เราสบตากันชั่วครู่ก่อนริมฝีปากจะประกบกันอีกครั้ง จูบกันอย่างดูดดื่ม ราวกับไม่มีสิ่งใดในโ
เสียงปรบมือดังก้องไปทั่วห้องโถงใหญ่ของโรงแรมหรูใจกลางลอนดอน ผู้คนในชุดทางการต่างลุกขึ้นยืนปรบมือแสดงความยินดี ฉันยืนอยู่บนเวทีด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ มือข้างหนึ่งถือรางวัล “นักเขียนบทวรรณคดีดีเด่นแห่งปี” ส่วนอีกข้างยกขึ้นโบกมือให้กับผู้คนที่มาร่วมงานฉันไม่เคยคิดเลยว่า ชีวิตในวัยเพียง 19 ปี จะพาฉันมายืนอยู่ตรงจุดนี้ ในฐานะนักเขียนรุ่นใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งผู้อ่านและนักวิจารณ์ นิตยสารชื่อดังต่างพูดถึงฉันในฐานะคนรุ่นใหม่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนในเจเนอเรชันเดียวกันหลังจากการมอบรางวัลสิ้นสุดลง ฉันเดินลงจากเวทีด้วยรอยยิ้ม ทีมงานของผู้จัดงานพาฉันไปยังห้องรับรองเพื่อเตรียมตัวสำหรับการสัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างเดิน ฉันพยายามหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติและเสริมความมั่นใจให้ตัวเอง บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความคึกคัก แต่ในใจของฉันกลับรู้สึกสงบนิ่ง พร้อมที่จะเล่าถึงเส้นทางที่พาฉันมาถึงจุดนี้“คุณลิลลี่ อลิสา วัฒนชัย” มิเชล ผู้สัมภาษณ์คนแรกจาก The London Chronicle สำนักข่าววรรณกรรมชื่อดังแห่งลอนดอนกล่าวขึ้น ขณะนั่งลงตรงข้ามฉันในห้องรับรองที่ตกแต่งอย่างหรูหรา“คุณกลายเป็นบุคค
เวลาล่วงเลยเข้าสู่ค่ำคืนในลอนดอน ฉันนั่งอยู่บนเตียงเล็ก ๆ ในหอพักของโรงเรียน โรเซนฮิลล์ อินเตอร์เนชันแนล อะคาเดมี โรงเรียนประจำที่แม่ส่งฉันมาเรียนในอังกฤษ ห้องนี้เป็นห้องพักรวม มีเพื่อนร่วมห้องอีกสองคนที่ตอนนี้หลับสนิทไปแล้ว หลังจากที่ใช้พลังงานหมดไปกับกิจกรรมในโรงเรียนฉันสวมเสื้อกันหนาวนุ่ม ๆ และเปิดวิดีโอคอลกับซาร่าในมือถือ แสงไฟจากโคมเล็ก ๆ บนหัวเตียงช่วยให้ฉันมองเห็นใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น“ซาร่า มีอะไรเหรอ?” ฉันถามพร้อมกับยิ้มบาง ๆ ความรู้สึกคิดถึงเธอท่วมท้นขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้า“ฉันมีเรื่องเด็ดมาบอก! เธอไม่เชื่อแน่ว่าเกิดอะไรขึ้นที่เซนต์เอมิลี่!” ซาร่าพูดพลางกระซิบเสียงเบา แต่สีหน้าของเธอดูเหมือนกำลังระเบิดด้วยความตื่นเต้น“อะไรอะ?” ฉันถามพร้อมกับขยับตัวให้นั่งสบายขึ้นซาร่ากระซิบ “เกี่ยวกับครูลิซ!”แค่ได้ยินชื่อ หัวใจของฉันก็เต้นรัว ความทรงจำที่ไม่อยากจดจำพุ่งกลับมาทันที ความหวาดหวั่นยังคงหลอกหลอนฉัน แม้ตอนนี้จะอยู่ไกลจากเธอแล้วก็ตาม“ครูลิซ? เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”ซาร่ายิ้มกว้างก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงความสะใจจนฉันรู้สึกได้“ครูลิซโดนไล่ออกแล้ว!!!”“ห๊ะ? ทำไมโดน
บ้านของครอบครัววิลเลียมส์ตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบของลอนดอน ตัวบ้านโอ่อ่าและหรูหราตามแบบฉบับของครอบครัวชนชั้นสูงในอังกฤษ แสงไฟสีอบอุ่นที่ส่องลอดออกมาจากหน้าต่างช่วยเติมเต็มบรรยากาศของค่ำคืนนี้ที่เย็นสบายผมหยุดยืนอยู่หน้าประตูบ้าน มือกำแน่นรอบแฟ้มเอกสารที่ถือมาด้วย ความรู้สึกเหมือนมีน้ำหนักบางอย่างกดทับอยู่ในใจหลังจากการพูดคุยกับคุณเฮนรี่ แต่ในขณะเดียวกัน ผมก็มั่นใจว่าสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่คือทางที่ถูกต้องเมื่อผมเปิดประตูเข้าไป กลิ่นหอมของชาดำอ่อนๆ ลอยมาแตะจมูก เสียงพูดคุยเบาๆ ดังมาจากห้องนั่งเล่น ขณะที่ผมเดินเข้าไป ภาพของพ่อและแม่ที่กำลังนั่งจิบชาและพูดคุยกันอย่างผ่อนคลาย ทำให้บรรยากาศในบ้านดูอบอุ่นอย่างประหลาด“พีท!?” เสียงของแม่ผม คุณหญิงสิริกานดา ดังขึ้นทันทีที่เธอเห็นผมเดินเข้ามา ใบหน้าของเธอแสดงความประหลาดใจ แต่แฝงไว้ด้วยความยินดี“ทำไมไม่บอกก่อนว่าจะมา แม่จะได้ส่งคนไปรับที่สนามบิน” เธอรีบลุกจากเก้าอี้ เดินตรงมาหาผม พร้อมทั้งกอดและหอมแก้มผมอย่างรวดเร็ว“เซอร์ไพรส์ไงครับ” ผมพูดพลางยิ้มกริ่ม ก่อนจะโน้มตัวไปหอมแก้มเธอกลับด้วยความคิดถึงแม่หัวเราะเบาๆ ขณะที่จับมือผมไว้แน่น“ไม่เจอตั้
ผมยืนอยู่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านในย่านชานเมืองของลอนดอน บ้านของคุณเฮนรี่ แบล็ควูด พ่อของลิลลี่ ผู้เป็นนักธุรกิจชื่อดังในวงการการเงินระดับโลก ทุกอย่างที่นี่ดูเคร่งขรึมและเป็นระเบียบเรียบร้อย สะท้อนถึงบุคลิกของชายผู้ดูแลสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดีผมหันไปมองลิลลี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอดูลังเลเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล แม้จะพยายามเก็บอาการ แต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความไม่มั่นใจที่ฉายออกมาจากท่าทางของเธอ“พร้อมมั้ย?” ผมถามเบา ๆ พลางมองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยนลิลลี่พยักหน้าช้า ๆ แต่สายตาเธอยังคงสั่นไหว“ค่ะ แต่...หนูกลัวว่าพ่อจะไม่พอใจ”ผมยิ้มบาง ๆ“อย่ากังวล ฉันจะคุยกับเขาเอง”ในขณะที่เรายืนรออยู่ ประตูบ้านเปิดออก เผยให้เห็นแม่บ้านคนหนึ่งที่ดูสุภาพและเคร่งขรึม เธอพยักหน้าให้เราเล็กน้อย ก่อนจะเชิญเข้าไปด้านในบ้านของคุณเฮนรี่ แบล็ควูดเป็นบ้านที่ใหญ่โตและเต็มไปด้วยความสง่างาม ทุกมุมของที่นี่สะท้อนถึงความสมบูรณ์แบบและรสนิยมอันพิถีพิถัน ตัวบ้านตกแต่งด้วยสไตล์คลาสสิกที่เรียบหรู แต่ก็ให้ความรู้สึกเย็นชาในเวลาเดียวกัน เฟอร์นิเจอร์ไม้สลักลวดลายประณีตตั้งเรียงรายอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะเจา