ทั้งๆ ที่อากาศในคืนนี้ค่อนข้างเย็น แต่ฉันกลับรู้สึกร้อนขึ้นเรี่อยๆ อาจจะเป็นเพราะความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างกายของเขา สายตาของเขาที่มองมาทำให้ฉันไม่อาจห้ามใจได้แล้วจู่ๆ ฉันก็รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆ บนริมฝีปากของฉัน มันเป็นสัมผัสที่อ่อนโยน หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นอีกเท่าตัว ก่อนที่ฉันจะทันตั้งตัว ริมฝีปากของเขาก็เริ่มกดแนบสนิทขึ้น ความหวานซึ้งที่ก่อตัวขึ้นในอากาศทำให้ฉันรู้สึกเคลิ้มคล้อยตามไปขณะที่ฉันกำลังเคลิบเคลิ้มกับรสจูบที่หวาบหวาน ครูพีทก็แทรกลิ้นเข้ามาในปาก พร้อมกับดันร่างของฉันติดกับต้นไม้ใหญ่ที่บดบังเราได้มิด จูบของเขาเริ่มหนักหน่วงเพิ่มระดับความเร่าร้อน มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกาย สติของฉันเริ่มกระเจิดกระเจิง“ไม่ได้นอนด้วย อย่าคิดถึงล่ะ..” ครูพีทกระซิบหลังจากที่ถอนจูบออก“อึก!” ฉันหน้าแดง“รึอยากให้ฉันนอนด้วย?” เขายักคิ้วและส่งยิ้มเจ้าเล่ห์“พอเลยค่ะ” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะจับมือฉันพาเดินออกจากสวนดอกไม้ที่เงียบสงบขณะที่เรากำลังเดินเพื่อกลับเข้าไปยังที่พัก ฉันรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวเล็กๆ บางอย่าง หางตาของฉันคล้ายกับเห็นร่างของซาร่า แต่เมื่อหันไปมองกลับพบแต่ความว่างเปล่าฉันคงค
“ก๊อก ก๊อก”ฉันสะดุ้งเล็กน้อย หัวใจเต้นแรงขึ้นอีกครั้งทันทีที่ได้ยินเสียงนั้น ฉันไม่รู้ว่าใครจะมาในเวลานี้ แต่สัญชาตญาณของฉันบอกว่าน่าจะเป็นคนที่ฉันรู้จักดี ขณะที่ซาร่าเงยหน้าขึ้นมองไปทางประตู“ใครหว่า?”ซาร่าลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่ประตู เมื่อเธอเปิดประตูออกมา ฉันเห็นเธอหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับมามองฉันด้วยสายตาล้อเลียน ฉันรู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะเดาได้แล้วว่าใครที่ยืนอยู่ตรงนั้นและก็จริงดังคาด...คือ..ครูพีทในมือของเขาถือหนังสือเล่มหนึ่ง ฉันจำได้ทันทีว่ามันคือหนังสือสอนการเขียนบทความวรรณคดีเล่มล่าสุดที่ฉันเคยเห็นในห้องสมุด ครูพีทยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้ม แต่ในแววตาของเขากลับแฝงไปด้วยความลึกลับบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่อาจหันหนีได้“ลิลลี่อยู่ไหม?” ครูพีทถามซาร่าหันมามองฉันอีกครั้ง เธอหรี่ตามองฉัน ฉันรู้สึกหน้าร้อนขึ้นทันทีเมื่อสบตากับเธอ ฉันพยายามทำตัวให้ปกติ“อยู่ค่ะ” ซาร่าตอบก่อนจะเปิดประตูให้กว้างพอที่ครูพีทจะเห็นฉันนั่งอยู่บนเตียง“เธอคงไม่ลืมว่าต้องมาเรียนเสริมกับฉันหรอกนะ?”เฮือก!!“มะ..ไม่.ลืมค่ะ..” ฉันตอบแผ่วเบา ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองมาที่ฉันนิ่ง“เอ้า งั้นก็รีบไปสิ”
ในที่สุด วันที่ฉันเฝ้ารอมานานก็มาถึง—การแข่งขันเขียนบทความด้านวรรณคดีครั้งสำคัญ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ฉันและเพื่อนๆ ได้พยายามอย่างหนักมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ครูพีทคอยเคี่ยวเข็ญฉันทุกวัน ให้ฝึกเขียนบทความซ้ำแล้วซ้ำอีก แก้ไขจนกว่าทุกอย่างจะลงตัว แม้จะเหนื่อยจนบางครั้งฉันแทบจะถอดใจ แต่ฉันก็รู้ว่าฉันต้องทำให้ดีที่สุด เพราะการแข่งขันนี้ไม่ใช่แค่การพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง แต่ยังเป็นการทำให้ความฝันของฉันเป็นจริงการแข่งขันนี้มีชื่อว่า "งานวรรณกรรมแห่งชาติ" ซึ่งเป็นเวทีใหญ่สำหรับนักเรียนที่มีความสามารถด้านการเขียนจากทั่วประเทศ มีนักเรียนหลายร้อยคนที่ถูกคัดเลือกเข้าร่วม และพวกเราจากโรงเรียนเซนต์เอมิลี่เป็นหนึ่งในนั้น ครูพีทพาฉันและเพื่อนๆ ตัวแทนทั้งหมด 5 คนไปยังสนามการแข่งขัน บรรยากาศที่นั่นเต็มไปด้วยความตื่นเต้น เรามองเห็นตัวแทนจากโรงเรียนอื่นๆ ที่ต่างก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นเช่นกันการแข่งขันประกอบไปด้วย 5 รอบ แต่ละรอบล้วนมีความยากในแบบของมันเอง ฉันรู้ดีว่านี่ไม่ใช่การแข่งขันง่ายๆ แต่ฉันตั้งใจจะทำให้ดีที่สุดรอบที่ 1: การเขียนบทความจากหัวข้อที่กำหนด (เปิดโจทย์)รอบแรกเริ่มต้นด้วยหั
หลังจากการแข่งขันการเขียนบทความผ่านพ้นไปพร้อมกับชัยชนะที่ทำให้ฉันรู้สึกภูมิใจ บรรยากาศที่โรงเรียนเซนต์เอมิลี่ก็เปลี่ยนเป็นสีสันของคริสต์มาสทันที การแข่งขันที่เหน็ดเหนื่อยได้กลายเป็นความทรงจำอันหอมหวาน แต่สิ่งที่ตื่นเต้นที่สุดในช่วงเวลานี้กลับเป็นเทศกาลคริสต์มาสที่ทุกคนรอคอยบรรยากาศในโรงเรียนเซนต์เอมิลี่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและสดใสยิ่งขึ้น โรงเรียนดูราวกับถูกเนรมิตให้เป็นดินแดนมหัศจรรย์ ทุกหนแห่งถูกตกแต่งด้วยไฟหลากสี ต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ที่ลานหน้าห้องโถงเป็นจุดดึงดูดสายตาของทุกคน เสียงเพลงคริสต์มาสคลอเบาๆ ทั่วห้องโถง ทำให้ทุกคนรู้สึกอบอุ่นแม้จะอยู่ท่ามกลางอากาศหนาวของเดือนธันวาคม ทุกๆ ปี โรงเรียนจะจัดงานเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสอย่างยิ่งใหญ่ และปีนี้ก็ไม่แตกต่างกันกิจกรรมคริสต์มาสของเซนต์เอมิลี่เป็นที่รอคอยของนักเรียนทุกคน งานจะเริ่มตั้งแต่การแสดงละครคริสต์มาสที่นักเรียนแต่ละชั้นปีได้เตรียมมาอย่างพิถีพิถัน การแข่งขันประดับต้นคริสต์มาสระหว่างห้องเรียน และการจัดตลาดนัดคริสต์มาสที่มีทั้งของขวัญและอาหารน่าทานเต็มไปหมดแต่กิจกรรมที่สำคัญในปีนี้คือการประมูลของขวัญคริสต์มาส เพื่อนำรายได้ไปบ
วันหยุดปีใหม่ของโรงเรียนเซนต์เอมิลี่มาถึงพร้อมกับบรรยากาศของความหนาวเย็นและความตื่นเต้นในใจของฉัน หลังจากที่ได้ใช้เวลาฉลองคริสต์มาสกันในโรงเรียน ฉันไม่เคยคาดคิดเลยว่าช่วงปีใหม่นี้จะกลายเป็นสัปดาห์ที่พิเศษที่สุดในชีวิตฉัน เพราะครูพีทวางแผนพาฉันไปเที่ยวค้างคืนด้วยกันหนึ่งสัปดาห์เต็มแน่นอนว่าฉันไม่สามารถบอกพ่อแม่ได้ตรงๆ ว่าฉันจะไปเที่ยวกับครูพีท ดังนั้น ฉันจึงบอกทางบ้านว่าฉันจะไปเที่ยวกับซาร่า และแน่นอนว่า ซาร่าให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เธอยินดีช่วยฉันปกปิดเรื่องนี้ เราสองคนตกลงกันว่าเธอจะช่วยพูดคุยกับพ่อแม่ฉันหากมีใครถามถึง และฉันก็รู้สึกขอบคุณเธอมากที่เข้าใจฉันวันแรกของการเดินทาง ครูพีทพาฉันไปยัง ทะเลสาบริมภูเขา ที่อยู่ห่างจากเมืองไปไม่ไกลมากนัก บรรยากาศที่นั่นเงียบสงบและโรแมนติกอย่างที่ฉันไม่เคยสัมผัสมาก่อน ทะเลสาบมีน้ำใสสะท้อนเงาของภูเขาและท้องฟ้าสีคราม เราพักกันที่รีสอร์ตเล็กๆ ริมทะเลสาบ ห้องพักที่มีระเบียงมองเห็นวิวทิวทัศน์ของน้ำและภูเขา ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกอีกใบที่มีเพียงเราสองคนในตอนเช้า ครูพีทพาฉันไป พายเรือคายัค ในทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบใสจนสามารถมองเห็นปลาว่ายอยู่ใต้
สัปดาห์แรกของการเปิดเรียนหลังปีใหม่เป็นสัปดาห์ที่ฉันไม่อยากมาโรงเรียนเลย ความเหนื่อยล้าจากการไปเที่ยวกับครูพีทยังคงติดอยู่ในร่างกายทุกอณู การเดินทางตลอดสัปดาห์ทำให้ฉันสนุกและมีความสุขมากก็จริง แต่ก็ทำให้ฉันเสียพลังงานมากจนอยากจะขอนอนต่อสักอีกวันสองวัน แต่เมื่อครูพีทโทรมาปลุกแต่เช้า พร้อมกับบอกให้ฉันลุกไปเรียน ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยเขาคงไม่รู้ตัวสินะ ว่าเป็นคนที่ทำให้ฉันเหนื่อยล้าขนาดนี้… เหตุผลที่ฉันรู้สึกอ่อนล้าไม่ใช่แค่เพราะการเดินทางเท่านั้น แต่เพราะเขาไม่เคยให้ฉันได้หยุดพักตอนกลางคืนเลย นั่นก็เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หัวใจฉันเต้นไม่หยุดตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อฉันเดินเข้ามาในโรงเรียน รู้สึกได้ว่าบรรยากาศกลับสู่ความคุ้นเคย เด็กนักเรียนต่างพากันเดินพลุกพล่านทั่วโรงเรียน และครูพีทก็เดินมาหาฉันตามปกติ พร้อมกับรอยยิ้มที่ทำให้ฉันอุ่นใจเสมอ"เหนื่อยไหมลิลลี่?" เขาถามฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะที่เราสองคนเดินไปด้วยกัน ฉันพยักหน้าเบาๆ พร้อมกับยิ้มตอบกลับ"ก็เหนื่อยนะคะ แต่คงไม่เท่ากับคนที่ทำให้หนูเหนื่อยหรอกค่ะ" ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงล้อเล่นเล็กน้อยเขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดว่า "เดี๋ยว
ผมยังจำวันแรกที่ผมพบอลิซาเบธ หรือลิซได้อย่างชัดเจน มันเป็นบ่ายวันหนึ่งที่เงียบสงบในห้องสมุดของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นกระดาษหนังสือเก่า ๆ และเสียงพลิกหน้ากระดาษเบา ๆ ของนักศึกษาที่ตั้งใจอ่านหนังสือ ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่ผมชื่นชอบเสมอ และนั่นคือวันที่ผมพบเธอ ผู้หญิงที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงชีวิตของผมอย่างไม่คาดคิดลิซนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของห้องสมุด สวมเสื้อโค้ทสีเทาอ่อนและหมวกที่ปกปิดใบหน้าของเธอบางส่วน เธอถือหนังสือเล่มหนาอยู่ในมือ ใบหน้าของเธอมีสมาธิแต่ดูสบายใจในเวลาเดียวกัน แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องเข้ามาทางหน้าต่างสะท้อนเข้ากับผมสีบลอนด์ของเธอ ทำให้เธอดูโดดเด่นท่ามกลางคนอื่น ๆ ผมอดไม่ได้ที่จะสนใจเธอ ทั้งในแง่ของท่าทางที่ดูสง่างาม และความหลงใหลในหนังสือเล่มหนาที่เธอถือ“อ่านเรื่องอะไรอยู่ครับ?” ผมเอ่ยถามออกไปโดยไม่ทันคิดลิซเงยหน้าขึ้นจากหนังสือ ใบหน้าของเธอมีแววสงสัยเล็กน้อย ก่อนจะเผยรอยยิ้มบางๆ ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ทำให้หัวใจของผมเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน“คุณคงรู้จักดีอยู่แล้ว” เธอตอบกลับพร้อมกับชูปกหนังสือขึ้นมา "Wuthering Heights" ของ Emily Brontë หนึ่งในนิย
บรรยากาศในโรงเรียนเซนต์เอมิลี่เช้าวันนี้ดูเงียบผิดปกติ หรืออาจจะเป็นแค่ความรู้สึกของฉันเอง ฉันยังไม่แน่ใจ แต่ทุกอย่างรอบตัวเหมือนจะเปลี่ยนไปนับตั้งแต่ที่ฉันได้ยินเรื่องของ “ครูคนใหม่” ที่ย้ายมาจากอังกฤษฉันพยายามเก็บความคิดเหล่านั้นไว้ในใจ พยายามไม่ให้มันรบกวนการเรียนของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน มันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ฉันไม่สบายใจ ลางสังหรณ์นี้มันหนักอึ้งในใจฉันตั้งแต่ได้ยินเพื่อน ๆ ซุบซิบกันในห้องโถงว่า ครูคนใหม่ไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก ลิซ อลิซาเบธ แฟนเก่าของครูพีทคำว่า ‘แฟนเก่า’ มันก้องอยู่ในหัวฉัน แม้พยายามไม่ให้คิดถึงมัน แต่ทุกครั้งที่ฉันหลับตา ฉันก็ยังเห็นภาพของครูพีทกับผู้หญิงอีกคนที่เคยมีชีวิตร่วมกัน ช่วยกันสอนหนังสือ ช่วยกันสร้างฝัน ความรู้สึกหวาดกลัวว่าอดีตของครูพีทอาจหวนกลับมาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรามันกัดกินใจฉันอย่างไม่อาจปฏิเสธได้หลังจากหมดชั่วโมงเรียนในช่วงเช้า ฉันเดินไปที่ล็อกเกอร์เพื่อหยิบหนังสือสำหรับคาบบ่าย ขณะที่กำลังเปิดล็อกเกอร์ ฉันได้ยินเสียงเพื่อน ๆ คุยกันไม่ไกลจากที่ฉันยืนอยู่“ได้ข่าวว่าเธอเป็นคนสวยมากนะ แล้วก็เคยคบกับครูพีทนานหลายปีด้วย”“ใช่
ฉันยืนอยู่หน้าประตูห้องนอนของตัวเอง มองกระเป๋าเดินทางที่ยังไม่ได้เริ่มเก็บอะไรเลย ในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ฉันจะต้องออกเดินทางไปอังกฤษตามคำสั่งของแม่ ทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนใหม่ ที่พัก หรือแม้กระทั่งกำหนดการเดินทาง ฉันไม่เคยรู้สึกถูกกำหนดชีวิตแบบนี้มาก่อน และมันทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหลุดจากทุกสิ่งที่ฉันรักแต่ก่อนที่จะจากไป ฉันมีสิ่งหนึ่งที่อยากทำ ฉันอยากใช้เวลาครั้งสุดท้ายกับเขา คนที่ฉันรักมากที่สุด คนที่ฉันไม่รู้ว่าจะได้พบอีกเมื่อไหร่“ซาร่า...” ฉันพูดขึ้นระหว่างที่เรานั่งคุยกันในมุมเงียบ ๆ ของห้องสมุดโรงเรียน“ช่วยฉันหน่อยได้มั้ย?”“อะไรอะ?” ซาร่าถามขณะยกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย“ฉันอยากไปอยู่กับพี่พีทหนึ่งสัปดาห์ก่อนเดินทาง” ฉันพูดเสียงเบา แต่หนักแน่นซาร่ามองฉันนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ“แม่เธอจะยอมเหรอ?”“ฉันจะบอกแม่ว่า จะไปค้างบ้านเธอช่วงที่ตรงกับวันหยุดของเทศกาลเซนต์เอมิลี่แห่งมิตรภาพ”“แม่คงไม่ว่าอะไรถ้าเธอช่วยพูดให้”ซาร่านิ่งไปอีกครั้ง ก่อนจะยิ้มให้ฉัน“ได้สิ ฉันจะช่วยเธอเอง”“ขอบใจนะ ถ้าไม่มีเธอ ฉันคงไม่รู้จะทำยังไงแน่เลย” ฉันจับมื
บรรยากาศในรถระหว่างทางกลับบ้านนั้นเงียบจนแทบจะได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้น บรรยากาศในรถอึดอัดจนฉันแทบหายใจไม่ออก แม่ของฉันนั่งอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรเลยตลอดทาง ใบหน้าของเธอสงบนิ่ง แต่ฉันรับรู้ได้ถึงความโกรธที่เธอพยายามกดไว้ใต้เปลือกนอกที่ดูเหมือนไม่แสดงอารมณ์ใด ๆฉันหันไปมองนอกหน้าต่าง พยายามดึงความสนใจตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถหนีจากความคิดที่วนเวียนอยู่ในหัวได้ หัวใจของฉันเต้นแรง รู้สึกถึงพายุแห่งความกลัวและความไม่แน่นอนที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจเมื่อรถเลี้ยวเข้าประตูบ้าน ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกพาเข้าไปในสนามรบ แม่เปิดประตูรถแล้วก้าวลงด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม ฉันเดินตามหลังเธอไปยังห้องรับแขก เสียงรองเท้าของเรากระทบพื้นหินอ่อนก้องสะท้อนในความเงียบงันของบ้านหลังใหญ่“นั่งลง” เสียงของแม่เยือกเย็น ฉันนั่งลงบนโซฟาในห้องรับแขก เธอนั่งลงตรงข้ามกับฉัน สายตาที่มองมานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและความโกรธที่เธอไม่ปิดบัง“อลิสา วัฒนชัย” แม่เรียกชื่อเต็มของฉันด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ฉันรู้ดีว่าการที่แม่เรียกฉันด้วยชื่อเต็มแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ มันหมายความว่าเธอกำลังโมโห และฉันต้องเตรียมรับมือกับสิ
หลังจากลิลลี่กลับไปแล้ว บ้านพักเล็ก ๆ ของผมกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง แสงอาทิตย์ยามบ่ายสาดส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาในห้องทำงาน ผมนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน ก้มมองเอกสารปึกใหญ่ที่นักสืบจากอังกฤษส่งมาให้เมื่อเช้านี้มันเป็นข้อมูลที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความจริงบางอย่างที่ผมไม่เคยคาดคิด และมันกำลังเปิดเผยภาพรวมของเกมที่ซับซ้อนที่กำลังดำเนินอยู่รอบตัวผม ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เพียงแค่เกี่ยวกับตัวผม แต่ยังเกี่ยวพันกับครอบครัวของผมในระดับที่ลึกซึ้งและน่ากลัวเอกสารหน้าแรกเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับอลิซเบธ อดีตคนรักของผม นักสืบที่ผมจ้างบอกว่าเธอกลับมาเมืองไทยหลังจากได้รับการว่าจ้างจากคู่แข่งทางธุรกิจของพ่อผม พวกเขาใช้ลิซเป็นเครื่องมือเพื่อพยายามดึงตัวผมเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งระหว่างธุรกิจ“ลิซ...” ผมพึมพำชื่อของเธอในความเงียบ รู้สึกเหมือนเธอที่ผมเคยรู้จักเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น ผู้หญิงที่เคยเดินเคียงข้างผมในช่วงเวลาที่เราใช้ชีวิตในอังกฤษ กลายเป็นคนที่พยายามใช้ความสัมพันธ์ในอดีตเพื่อเข้ามาทำลายทุกอย่างที่ผมสร้างขึ้นในเอกสารยังระบุว่า ลิซไม่ได้มาหาผมเพียงเพราะความรู้สึกในอดีต แต่เธอได้รับคำสั่งให้สร้างเรื่องราว
แสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ฉันค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้น ภายในห้องนอนของครูพีทเงียบสงบ ฉันมองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นเขาอยู่บนเตียงแล้ว พอลองขยับตัวก็รู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัวไปหมด เป็นผลจากค่ำคืนที่เขาไม่ยอมให้ฉันได้นอนพักเลย ฉันแทบจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าหลับไปตอนไหน“เฮ้อ...” ฉันถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ยันตัวขึ้นนั่ง ผ้าห่มเลื่อนลงจากร่างกายเผยให้เห็นรอยจ้ำแดงเป็นคิสมาร์กที่กระจายอยู่เต็มเนินอกของฉัน“หือ...เป็นรอยเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ฉันพึมพำเบาๆ มองรอยแดงที่กระจายอยู่เต็มเนินอก ผลจากความเร่าร้อนของเขาเมื่อคืนที่ทำให้ฉันแทบจะหมดแรงฉันตัดสินใจก้าวลงจากเตียง เดินตรงไปยังห้องน้ำแล้วรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว พออาบเสร็จฉันก็ไปหยิบเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ของเขามาสวม มันโอเวอร์ไซส์จนคลุมมาถึงต้นขาของฉันหลังจากนั้นฉันเดินออกจากห้องนอน เพื่อจะตามหาเขา ไม่นานฉันก็เห็นครูพีทอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขากำลังจัดโต๊ะอาหารเช้าอย่างตั้งใจ เสียงเบาๆ จากครัวและกลิ่นหอมของอาหารที่เขากำลังเตรียมอยู่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นและดีใจที่ได้มาเจอเขาในเช้านี้เมื่อเขาหันกลับมา ฉันก็เห็นว่าเขาถือถาดอาหารที่มีขนมปังปิ้ง แพนเ
เมื่อประตูบ้านปิดลง ครูพีทไม่รอช้า เขาดึงเอวฉันเข้ามาหา ใบหน้าของเขาโน้มลงมาประกบริมฝีปากอย่างแนบแน่น จูบของเขาลึกซึ้งและเร่าร้อน สอดแทรกลิ้นเข้ามาในโพรงปากของฉัน ตักตวงความหวานราวกับไม่มีที่สิ้นสุด มือใหญ่ดันท้ายทอยของฉันให้เข้าไปใกล้ จูบของเขารุนแรงจนฉันแทบลืมหายใจ ทั้งหมดที่ฉันทำได้คือปล่อยตัวเองให้จมอยู่ในอ้อมกอดของเขา“อื๊อ...พี่พีทคะ...” ฉันหอบครางเสียงสั่น ครูพีทผละริมฝีปากออกเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าฉันเริ่มหายใจไม่ทัน“คิดถึง" ครูพีทกระซิบเบา ๆ ก่อนจะบดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง เขาจูบฉันอย่างต่อเนื่อง ราวกับไม่ต้องการให้ฉันมีช่วงเวลาพักหายใจ พลันเขาอุ้มฉันขึ้นจนตัวลอย มือใหญ่รองใต้สะโพกฉันไว้ ฉันโอบแขนรอบคอเขาแน่น ขาทั้งสองเกี่ยวรัดเอวเขาไว้ไม่ให้ล่วงลงพื้นครูพีทก้าวเท้ายาว ๆ ตรงไปยังห้องนอน โดยที่ยังคงจูบฉันอย่างลึกซึ้ง ลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันไม่มีใครยอมใครตุบ!เขาวางฉันลงบนที่นอนอย่างนุ่มนวล ฉันเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความปรารถนาอันลึกซึ้งลุกโชนอยู่ในนั้น“ไม่เจอกันนาน ต้องชดเชยหน่อยนะ” ครูพีทพูดพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะก้มตัวลงมาจูบฉันอีกครั้ง เขาสอดล
เช้าวันนั้นฉันนั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะเรียน ขณะที่รอบตัวเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมชั้น แม้จะพยายามทำตัวให้ดูเป็นปกติเหมือนทุกวัน แต่ในใจฉันกลับเต็มไปด้วยความกังวลและความว่างเปล่าที่อธิบายไม่ถูกตั้งแต่ครูพีทถูกพักงานไป ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะขาดหาย ฉันไม่รู้ว่าจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ความคิดต่าง ๆ วนเวียนอยู่ในหัวฉันตลอดเวลาทันใดนั้น ฉันรู้สึกถึงแรงสะกิดเบา ๆ ที่ไหล่ หันไปมองก็พบกับรอยยิ้มของซาร่า เธอยื่นซองจดหมายสีขาวให้ฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกายระยิบระยับราวกับจะบอกว่านี่ไม่ใช่จดหมายธรรมดา“นี่ของเธอ” ซาร่ากระซิบพลางยิ้มให้ ฉันมองเธออย่างสงสัยก่อนจะเปิดซองจดหมายออกอย่างช้า ๆในซองจดหมายนั้นมีจดหมายที่เขียนด้วยลายมือที่ฉันคุ้นเคยดี หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นในทันที ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ครูพีท เขาฝากจดหมายมาให้ฉัน!มือของฉันสั่นเล็กน้อยขณะที่เปิดจดหมายออกมาอ่านข้อความข้างในลิลลี่ฉันรู้ดีว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ฉันเองก็คิดถึงและเป็นห่วงเธอมากเช่นกัน ช่วงนี้ฉันไม่ได้พักที่คอนโด ฉันกลับมาอยู่บ้าน แต่ฉันก็คิดถึงเธอจนทนไม่ไหวถ้าเธอสะดวก ฉันอยากให
ฉันยืนมองกระดานประกาศของโรงเรียนด้วยสายตาเรียบเฉย แต่ในใจกลับร้อนรุ่มเหมือนเปลวไฟที่กำลังลุกโชน ไม่ว่าจะอ่านซ้ำอีกกี่ครั้ง คำประกาศตรงหน้าก็ยังคงเหมือนเดิม ตัวอักษรแต่ละตัวชัดเจนราวกับตั้งใจตอกย้ำให้ความหวังในใจฉันสลายไปจนหมดสิ้น‘ประกาศพักงาน มิสเตอร์พีทริก วิลเลียมส์ ไม่มีกำหนด เพื่อพิจารณาและสอบสวนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับข้อร้องเรียนเรื่องความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติงาน’ข้อความนั้นเหมือนดาบที่กรีดลึกลงกลางใจ จนทุกสิ่งรอบตัวฉันพังทลายไปในพริบตา ฉันพยายามสูดหายใจเข้าลึก กลั้นความรู้สึกที่ถาโถมในอก และบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่หัวใจกลับเต้นรัวและสั่นไหว มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ปล่อยน้ำตาที่เอ่อล้นออกมาคำพูดของเขายังวนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด เสียงของเขาทุ้มอ่อนโยนและปลอบโยนอย่างที่เคย“ฉันอาจจะต้องหายไปสักพัก แต่ขอให้เธอเข้มแข็งไว้นะ เชื่อใจฉันนะ” เขาก้มลงจูบที่หน้าผากฉันเบา ๆ สัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนจนฉันไม่อาจห้ามความรู้สึกปั่นป่วนในใจได้“ค่ะ หนูเชื่อพี่ค่ะ” ฉันตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามเก็บความเจ็บปวดไว้ข้างใน และทำตัวให้เข้มแข็งอย่างที่เขาบอก“เด็กดีขอ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนมีแรงกดดันถาโถมเข้ามาจากทุกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้งของมินนี่ หรือการร้องเรียนของครูลิซที่อาจทำให้ความลับระหว่างฉันกับครูพีทถูกเปิดเผย ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างพร้อมจะพังลงในพริบตา และทุกครั้งที่คิดถึงมัน หัวใจของฉันก็เจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูกแต่ฉันยังคงมีคนที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ คนที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อปกป้องฉัน โดยไม่คิดถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับตัวเขาเลย นั่นคือครูพีทฉันรู้ว่าครูพีทเองก็รู้สึกกดดันไม่แพ้กัน แต่เขาไม่เคยแสดงความกลัวออกมาเลย เขายืนหยัดอยู่ตรงนั้น พร้อมเผชิญหน้ากับปัญหาทุกอย่างที่เข้ามา โดยเฉพาะเรื่องการร้องเรียนจากครูลิซ ฉันรู้ว่าเขาพยายามจะจัดการทุกอย่างให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับฉันฉันพยายามเตือนเขาว่าไม่ควรเสี่ยงมากเกินไป แต่เขากลับยิ้มให้ฉันเสมอ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ลิลลี่ ฉันบอกแล้วไงว่าจะปกป้องเธอ” เขาพูดทุกครั้งที่ฉันแสดงความกังวลแต่ลึก ๆ แล้ว ฉันเองก็รู้สึกผิด ฉันไม่อยากให้เขาต้องแบกรับภาระเพียงคนเดียว ฉันไม่อยากให้เขาต้องเผชิญกับปัญหาทั้งหมดเพียงลำพังในวันหนึ่ง ฉันสังเก
ในห้องเรียนที่แสนเงียบสงบ ฉันนั่งทำงานที่โต๊ะของตัวเอง ก้มหน้าลงมองสมุดบันทึก ขีดเขียนคำต่าง ๆ ลงไปอย่างตั้งใจ เสียงกระซิบและเสียงหัวเราะเบา ๆ รอบห้องทำให้บรรยากาศดูเหมือนวันธรรมดาที่ไม่มีอะไรพิเศษ แต่ในใจลึก ๆ ของฉันรู้สึกถึงบางอย่างที่แปลกไปทันใดนั้น ฉันได้ยินเสียงหัวเราะเย้ยหยันและเสียงก้าวเท้าที่ดังขึ้นไม่ไกลจากโต๊ะของฉัน หันไปมองทางต้นเสียง และภาพที่เห็นทำให้ฉันใจหายวูบลงไปในทันทีมินนี่...เธอยืนพิงโต๊ะด้วยท่าทางที่อวดดี ข้างหน้าเธอคือเด็กผู้หญิงที่ฉันจำได้ว่าเธอเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างเงียบและชอบอยู่คนเดียว ฉันไม่ค่อยรู้จักชื่อของเธอ แต่คิดว่าเธอชื่อ ฟ้า สายตาของฟ้าจ้องมองต่ำ สั่นเล็กน้อยเหมือนกลัวที่จะเผชิญหน้ากับมินนี่ฉันเห็นมินนี่หัวเราะขณะที่จ้องมองฟ้าด้วยสายตาเย้ยหยัน ท่าทางของเธอดูชัดเจนว่าเธอกำลังหาเรื่องและเล่นสนุกจากความกลัวของคนอื่น“นี่เธอ จะเงียบไปถึงไหน?หรือว่า...ไม่มีปาก?”มินนี่พูดขึ้นเสียงดัง พลางหัวเราะออกมาเหมือนสนุกสนานกับสิ่งที่เธอกำลังทำฟ้าขยับถอยหลังเล็กน้อย เหมือนพยายามจะหลบมินนี่ แต่ไม่มีทางให้หนี เธอเพียงแค่ก้มหน้าลงต่ำมากขึ้น ราวกับต้องการให้ตัวเองหาย