ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ รู้สึกเหมือนหัวของฉันหนักอึ้งและร่างกายของฉันอ่อนล้าอย่างประหลาด ฉันขยับตัวเล็กน้อยเพื่อพยายามระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แต่ในหัวกลับเต็มไปด้วยความงุนงงว่าฉันกลับมาถึงหอพักได้อย่างไร
ขณะที่ฉันกำลังพยายามเรียกสติกลับมา ประตูห้องพักก็เปิดออกอย่างเบามือ ฉันหันไปมองเห็นซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“ลิลลี่ เธอโอเคหรือเปล่า?” ซาร่าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
“ฉันเห็นเธอดูไม่ค่อยดีเลยเมื่อคืนนี้ ตอนที่ครูพีทอุ้มเธอกลับมาที่หอพัก”
ฉันชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของซาร่า
“ครูพีท... อุ้มฉันกลับมาที่หอพักงั้นเหรอ?”
ฉันถามกลับด้วยเสียงที่ยังคงแหบพร่า หัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำว่า ‘ครูพีท’ ความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อวานค่อยๆ ทยอยกลับมาในหัวของฉันทีละเล็กทีละน้อย
“ใช่ เธอสลบไป ฉันตกใจมากเลยอะ” ซาร่าพูดพลางนั่งลงข้างเตียงของฉัน
“ฉัน... ฉันไม่ค่อยแน่ใจ” ฉันตอบกลับเสียงแผ่ว รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านไปทั่วใบหน้าเมื่อนึกถึงเหตุการณ์เมื่อวาน
“ฉันคงรู้สึกเหนื่อยมากน่ะ...”
“เธอแน่ใจนะ เมื่อวานเธอหน้าแดงมากเลยตอนที่ครูอุ้มเธอกลับมาน่ะ”
ฉันพยายามยิ้มเพื่อให้ซาร่าเบาใจ “ฉันสบายดี แค่เหนื่อยนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรหรอก”
แต่ในใจของฉันกลับเต็มไปด้วยความอาย ฉันเริ่มระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ได้ชัดเจนขึ้น ครูพีททำให้ฉันรู้สึกถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งและเร่าร้อนเกินกว่าที่ฉันเคยสัมผัส ร่างกายของฉันตอบสนองต่อการสัมผัสของเขาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่งฉันรู้สึกหมดแรงและทุกอย่างก็มืดลง
ฉันหน้าแดงขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น ราวกับว่าความรู้สึกที่ถูกเก็บกดไว้กำลังกลับมาเล่นงานฉันอีกครั้ง ฉันพยายามซ่อนความอายและปิดบังความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเขินอาย แต่มันกลับยากขึ้นเมื่อซาร่ายังคงมองฉันด้วยสายตาที่เป็นห่วง
“ลิลลี่ เธอดูเหมือนจะเป็นไข้เลยนะ” ซาร่าพูดพลางเอื้อมมือมาแตะหน้าผากของฉัน
“หน้าเธอแดงมาก วันนี้เธอควรพักผ่อนดีกว่ามั้ย?”
“ฉันไม่เป็นไร...” ฉันพยายามฝืนยิ้ม และพยายามลุกขึ้น
“นอนไปเลยนะ เดี๋ยวฉันลาครูให้” ซาร่าไม่ยอมและดันตัวฉันลงไปนอนบนเตียง
“เดี๋ยวบ่ายฉันมานะ” ซาร่าลุกขึ้น พร้อมกับหยิบกระเป๋านักเรียนเตรียมเดินออกจากห้อง
“ห้ามดื้อนะ!!” ซาร่าหันมาดุ ฉันยิ้มพร้อมกับพยักหน้า เธอจึงยอมปิดประตูห้อง
หลังจากเช้าที่เต็มไปด้วยความสับสน ฉันนอนพักอยู่ในห้องพยายามรวบรวมความคิดและฟื้นฟูร่างกายที่อ่อนล้าของตัวเอง
‘แค่เมื่อวานฉันยังแทบแย่ ถ้าบทเรียนสำคัญของครู...ฉันจะเป็นยังไงเนี่ย’
ฉันเผลอคิดฟุ้งซ่าน จนหน้าเริ่มร้อนระอุอีกครั้ง การสัมผัสของครูเมื่อคืนทิ้งร่องรอยไว้ในความทรงจำของฉันชัดเจนเกินกว่าทุกวัน
ในช่วงบ่าย ฉันได้ยินเสียงเคาะประตูเบาๆ ตามด้วยเสียงของซาร่าที่คุ้นเคย “ลิลลี่ ฉันเอาข้าวมาให้เธอ”
ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ รู้สึกได้ถึงความอ่อนแรงในร่างกายก่อนจะเดินไปเปิดประตู ซาร่ายืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับรอยยิ้มและถุงข้าวในมือ
“ขอบคุณมากเลย” ฉันพูดพลางรับถุงข้าวและขนมจากเธอ
“กินเยอะๆ นะจะได้มีแรง” ซาร่าพูดพร้อมกับยิ้มให้ฉัน ก่อนจะเข้ามานั่งบนเตียงข้างๆ ฉัน ขณะที่ฉันกำลังเปิดถุงข้าว
“จริงสิ เมื่อตอนบ่ายฉันเจอครูพีทด้วย” ซาร่าแกะถุงขนมมันฝรั่งออกและหยิบมันใส่ปาก
ฉันหยุดมือที่กำลังจะหยิบช้อน หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นทันทีเมื่อได้ยินชื่อของครูพีท
“ครูพีทเหรอ? เขาว่าอะไรฉันรึเปล่า?”
“ไม่นะ เขาดูเป็นห่วงเธอ ถามฉันว่าเธอเป็นยังไงบ้าง แล้วก็ขอไลน์เธอด้วย” ซาร่าเคี้ยวมันฝรั่งตุ้ยๆ
หัวใจของฉันกระตุกวูบเมื่อได้ยินคำว่า "ขอไลน์" ความคิดหลายอย่างพุ่งเข้ามาในหัว ฉันไม่แน่ใจว่าควรรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ ทั้งดีใจและกังวลปะปนกันไป
“แล้ว..เธอให้ไปรึเปล่า?” ฉันถามเสียงเบา รู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านขึ้นมาบนใบหน้า
“ฉันให้ไปนะ เพราะดูเหมือนครูอยากติดต่อกับเธอเรื่องงานประกวดบทวรรณคดีด้วยน่ะ” ซาร่าบอกด้วยท่าทางไม่เดือดร้อน
ฉันรู้สึกได้ถึงความร้อนที่มากขึ้นบนใบหน้า หัวใจของฉันเต้นรัวขึ้นเรื่อยๆ ฉันรู้ดีว่าครูพีทต้องการติดต่อฉันด้วยเหตุผลอะไร
“แต่ฉันบอกครูไปนะว่า ห้ามใช้งานเธอหนักจนเป็นลมเหมือนเมื่อวานอีก”
“ขอบคุณนะ ที่เป็นห่วงฉัน” ฉันพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ถ้ามีอะไรที่จะให้ช่วยก็บอกฉันนะ” ซาร่าฉีกยิ้มกว้างให้ฉัน ฉันพยักหน้าเบาๆ รู้สึกขอบคุณในความเป็นห่วงของเธอ
หลังจากซาร่าออกจากห้อง ฉันนั่งมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆ รู้สึกถึงความคาดหวังและความตึงเครียดที่ปะปนกันไป
เสียงเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น ฉันรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเห็นข้อความใหม่จากไลน์ที่ฉันไม่รู้จัก แต่ในใจฉันรู้ดีว่าเป็นใคร
“เป็นยังไงบ้างลิลลี่ ครูเป็นห่วงเธอมากหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ หวังว่าเธอจะรู้สึกดีขึ้นแล้วนะ”
ฉันอ่านข้อความนั้นซ้ำไปซ้ำมา หัวใจของฉันยังคงเต้นแรง ความรู้สึกทั้งหลายปะทุขึ้นในใจ ฉันไม่แน่ใจว่าควรตอบอย่างไร แต่ก็ไม่สามารถหยุดตัวเองจากการพิมพ์ตอบกลับไปได้
“ขอบคุณค่ะครู ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้วค่ะ” ฉันตอบกลับ
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงเตือนอีกครั้งจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ครูพีทตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
“ดีใจที่เธอรู้สึกดีขึ้นแล้ว วันเสาร์นี้ครูจะชวนเธอไปดูนิทรรศการภาพถ่ายวรรณคดีที่หอศิลป์ใน เธอว่างไหม?”
หัวใจของฉันเต้นแรงขึ้นเมื่ออ่านข้อความนั้น ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าครูพีทจะชวนฉันไปดูนิทรรศการด้วยกัน ความคิดหลายอย่างผุดขึ้นในหัว ทั้งความตื่นเต้นและความกังวล แต่ฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธความปรารถนาที่จะใช้เวลาใกล้ชิดกับเขาได้
“ว่างค่ะครู” ฉันพิมพ์ตอบกลับ
ครูพีทตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว “ดีมาก ครูจะมารับเธอที่หน้าหอพักเวลา 10 โมงเช้า อย่าลืมเตรียมตัวให้พร้อมนะ”
“ได้ค่ะครู” ฉันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ความรู้สึกที่อยากจะใช้เวลาอยู่กับครูพีทมีมากเกินกว่าจะห้ามตัวเองได้อีก
หลังจากที่ฉันส่งข้อความตอบกลับ ฉันนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์ที่มืดลง ความรู้สึกหลายอย่างท่วมท้นในใจ ทั้งความดีใจ ความตื่นเต้น และความกังวล ฉันรู้ว่าคำเชิญนี้อาจนำไปสู่บางสิ่งที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ไม่สามารถหันหลังกลับได้อีกแล้ว
วันเสาร์ที่จะถึงนี้ ฉันจะได้ใช้เวลาอยู่กับเขา ท่ามกลางศิลปะและวรรณคดีที่เราทั้งคู่หลงใหล ฉันไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ในขณะนี้ ฉันรู้แค่ว่าฉันต้องการที่จะได้อยู่ใกล้เขา... แม้ว่ามันจะเสี่ยงแค่ไหนก็ตาม
เช้าวันนี้ ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องลอดผ่านหน้าต่างหอพัก เข้ามาทักทายฉันด้วยความอ่อนโยน ฉันรู้ดีว่าวันนี้จะไม่ใช่วันธรรมดา ครูพีทจะมารับฉันตอน 10 โมงเช้าเพื่อไปดูงานนิทรรศการภาพถ่ายวรรณคดีในเมือง และมันทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงทุกครั้งที่คิดถึงการได้ใช้เวลาทั้งวันกับเขาขณะที่ฉันกำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ และซาร่า เพื่อนร่วมห้องของฉันก็เดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนทุกครั้ง“ลิลลี่ ตื่นแล้วเหรอ? วันนี้ฉันต้องกลับบ้านนะ” ซาร่าพูดขึ้นพร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางของเธอเข้ามา“ที่บ้านมีธุระที่ต้องจัดการ ฉันคงจะกลับมาเรียนอีกทีวันจันทร์เลย”“เอ๊ะ วันจันทร์เลยเหรอ?” ฉันเงยหน้ามองซาร่า ความรู้สึกหวาดหวั่นเกิดขึ้นเมื่อฉันต้องอยู่หอพักเพียงลำพังคนเดียว“ไม่เอาน่า อย่าทำหน้าเหงาแบบนั้นดิ วันจันทร์แค่แปปเดียวเอง” ซาร่ายื่นมือมาดึงแก้มฉัน“อื้อๆ รู้แล้ว” ฉันส่งยิ้มให้เธอหายกังวลใจ“ถ้ามีอะไรที่อยากคุย ก็โทรหาฉันนะ” ซาร่าย้ำ พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางขนาดเล็กไปหน้าประตูฉันพยักหน้าและส่งยิ้มให้เธอ ก่อนที่ซาร่าจะอ
ครูพีทขับรถพาฉันไปที่คอนโดของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากสวนสาธารณะไม่ไกลนัก เมื่อเรามาถึง ฉันรู้สึกประทับใจกับความหรูหราและเรียบง่ายของสถานที่นี้ คอนโดของครูพีทอยู่ในอาคารสูงที่มองเห็นวิวเมืองกรุงเทพฯ จากที่สูง เขาพาฉันขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นบนสุดของอาคาร ซึ่งเป็นที่พักของเขาเองเมื่อประตูคอนโดเปิดออก ฉันรู้สึกถึงบรรยากาศที่อบอุ่นและสะดวกสบายภายในห้อง พื้นที่ถูกตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นและเฟอร์นิเจอร์ที่มีรสนิยม ทุกอย่างดูสะอาดและเป็นระเบียบ แสงจากโคมไฟที่นุ่มนวลทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น“นี่คือห้องน้ำ และนี่คือเสื้อของฉัน เธอไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดซะ”ครูพีทบอกขณะยื่นเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาให้ฉัน และชี้ไปที่ห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกลฉันรับเสื้อคลุมจากเขา รู้สึกอุ่นใจและขอบคุณในความเอาใจใส่ของเขา“ขอบคุณค่ะ... หนูจะรีบเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”ฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำและปิดประตูเบาๆ มองตัวเองในกระจก เห็นสภาพที่เปียกชื้นและผมที่ชุ่มน้ำ ฉันถอดเสื้อผ้า รวมถึงชุดชั้นในที่เปียกออกและอาบน้ำเพื่อล้างตัวที่เปียกฝน ก่อนจะเช็ดตัวและเป่าผมอย่างรีบเร่งให้แห้งหมาด ก่อนจะสวมเสื้อเชิ้ตของครูพีท“หอมจัง...” ฉันพึมพำเบาๆ เมื่อได้
แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดส่องเข้ามาผ่านม่านบางเบาในห้องของครูพีท ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้น สัมผัสแรกที่รับรู้คือความอ่อนเพลียที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย กล้ามเนื้อของฉันรู้สึกเหมือนถูกใช้งานจนหมดแรงทุกส่วน ความรู้สึกนี้ทำให้ฉันนอนนิ่งอยู่บนเตียงนุ่มๆ โดยไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวฉันหันหน้าไปมองรอบห้อง ทุกอย่างเงียบสงบ มีเพียงเสียงนาฬิกาแขวนบนผนังที่บอกเวลาว่าเป็นเวลาบ่ายสี่โมงเย็นแล้ว มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันน่าจะมีพลังสดชื่น แต่ในวันนี้กลับต่างออกไปหัวของฉันหมุนเล็กน้อยขณะที่ฉันพยายามจะลุกขึ้น แต่ร่างกายกลับไม่ยอมตามใจ รู้สึกเหนื่อยล้าและหนักอึ้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกอบอุ่นจากผ้าห่มที่คลุมร่างกายอยู่ทำให้ฉันอยากจะหลับต่อไปอีกหน่อย แต่ภาพความทรงจำจากเมื่อก่อนหน้านี้ก็ไหลเวียนกลับเข้ามาในหัวอย่างรวดเร็วครูพีท... เขากลั่นแกล้งฉันอย่างไร้ความปราณี ความรู้สึกของความสุขและความสุขสมที่เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนอยู่บนสวรรค์และตกอยู่ในห้วงแห่งความสุขไม่รู้กี่รอบ ร่างกายของฉันยังคงรู้สึกถึงสัมผัสที่อ่อนโยนแต่ทรงพลังนั้น ความทรงจำเหล่านั้นทำให้ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ซ่านอยู่ภายใน แต่ในขณะเดียวกันก็ท
หลังจากที่ฉันทานอาหารเสร็จ ความรู้สึกอบอุ่นและพึงพอใจจากอาหารที่ครูพีททำให้ยังคงอยู่ในใจ ฉันวางช้อนลงอย่างเบามือ ครูพีทยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นฉันทานจนหมดชาม“ขอบคุณค่ะ พี่พีท อาหารอร่อยมากเลยค่ะ” ฉันพูดพร้อมกับยิ้มให้เขาก่อนที่ครูพีทจะตอบอะไร เสียงกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น ทำให้ฉันหันไปมองตามเสียง ครูพีทยืนขึ้นจากเก้าอี้และหันมาพูดกับฉันด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน“น่าจะเป็นแม่บ้านน่ะ”ขณะที่ครูพีทเดินไปที่ประตูเพื่อรับชุดเดรส ฉันก็ลุกขึ้น เริ่มเก็บจานและชามไปที่ห้องครัว ฉันยกถาดอาหารและเดินไปที่ห้องครัว เบาๆ วางถาดบนเคาน์เตอร์ และเริ่มล้างจานในอ่างน้ำอุ่นที่ไหลผ่านมือทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลาย ล้างจานอย่างใจเย็น ความคิดของฉันยังคงวนเวียนถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกับครูพีท ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีโอกาสได้สัมผัสกับความใกล้ชิดและความอบอุ่นแบบนี้จากเขา มันเป็นความรู้สึกที่ทั้งหวานและเต็มไปด้วยแรงปรารถนาเสียงประตูเปิดและปิดเบาๆ ฉันหันไปมองก็เห็นเขายืนอยู่ที่ประตูห้องครัว ในมือของเขามีชุดเดรสที่ถูกพับอย่างเรียบร้อยอยู่บนแขนของเขา“ลิลลี่ ไม่ต้องล้างจานหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง” ครูพีทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ
ฉันชื่อ ลิลลี่ อายุ 18 ปี วันนี้เป็นวันที่ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงมา เมื่อฉันต้องย้ายเข้ามาเรียนในโรงเรียนประจำที่ไม่เคยคิดฝันว่าจะต้องมาอยู่ที่นี่ โรงเรียนแห่งนี้ชื่อว่า "เซนต์เอมิลี่" โรงเรียนที่มีชื่อเสียงด้านความเข้มงวดและกฎระเบียบที่เคร่งครัดที่สุดในประเทศฉันยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ หัวใจของฉันเต้นแรงจนรู้สึกถึงมันชัดเจน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันเคยรู้จัก ทุกคนที่ฉันเคยสนิท ตอนนี้มันถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง"ลิลลี่ เธอต้องเข้มแข็ง" ฉันพยายามปลอบใจตัวเองก่อนที่จะก้าวเข้าไปในโรงเรียนแห่งนี้ฉันเดินผ่านประตูใหญ่ที่ทำจากเหล็กสีดำสนิท เสาสูงที่ตั้งอยู่สองข้างประตูให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเข้าสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย เส้นทางที่ฉันเดินผ่านปูด้วยหินก้อนเล็กๆ เรียงตัวเป็นระเบียบ ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่ให้ความร่มรื่น แต่กลับรู้สึกเย็นยะเยือกและว่างเปล่าทันทีที่ก้าวเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ ฉันก็ถูกทักทายโดยหญิงสูงวัยในชุดสูทสีเข้ม หน้าตาของเธอดูเคร่งขรึมและเข้มงวด เธอคือ มาร์ธา หัวหน้าอาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนนี้"ยินดีต้อนรับสู่เซนต์เอมิลี่" มาร์ธาเอ่ยทักทายด้วยน้ำเส
เช้าวันใหม่ที่เซนต์เอมิลี่มาถึงแล้ว ฉันตื่นขึ้นมาในห้องพักเล็กๆ ที่ยังคงรู้สึกไม่คุ้นเคยกับมันเลยสักนิด แสงแดดอ่อนๆ ที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างทำให้ฉันรู้สึกสดชื่นขึ้นเล็กน้อย ฉันลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการเตรียมตัวไปเรียน ฉันหยิบชุดนักเรียนที่เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงจีบสีเทาออกมาจากตู้เสื้อผ้า และจัดผมให้เรียบร้อยตามระเบียบของโรงเรียน ความเคร่งครัดที่นี่ทำให้ฉันต้องระมัดระวังทุกการกระทำ ทุกอย่างต้องถูกต้องตามกฎที่ถูกวางไว้ แต่บางอย่างในใจฉันก็ยังรู้สึกว่า มีบางสิ่งที่ฉันกำลังท้าทายมันอยู่เมื่อฉันเดินออกมาจากห้องพัก ฉันก็เจอกับซาร่าที่กำลังเตรียมตัวไปเรียนเหมือนกัน ซาร่าส่งยิ้มให้ฉันด้วยความเป็นมิตรเช่นเคย"พร้อมไปเรียนหรือยัง?" ซาร่าถามด้วยน้ำเสียงสดใส"พร้อมแล้วล่ะ" ฉันตอบกลับพร้อมกับยิ้ม "แต่ยังคงรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง""ไม่ต้องกังวลหรอก เดี๋ยวเธอก็ชิน" ซาร่าพูดพร้อมกับพยักหน้าให้ฉัน "วันนี้มีเรียนวรรณคดีเป็นวิชาแรกด้วยนะ ฉันจำได้ว่าเธอสนใจวรรณคดีมากเลยใช่ไหม?""ใช่ ฉันชอบอ่านนิยาย มันทำให้ฉันได้หลบหนีจากความจริงบ้าง" ฉันตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่...ครูพีทเป็นครูสอนวรรณค
ฉันเดินออกจากห้องเรียนด้วยหัวใจที่เต้นระรัว เสียงฝีเท้าของครูพีทยังคงก้องอยู่ในหู ราวกับว่าทุกก้าวที่เขาเดินออกจากห้องนั้นฝากอะไรบางอย่างไว้ในใจฉัน ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันทั้งตื่นเต้นและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน ฉันพยายามสลัดความรู้สึกนี้ออกไป แต่ก็พบว่ามันติดแน่นอยู่ในหัวใจฉันเหมือนฝันร้ายที่ฉันไม่อาจหลีกหนีได้ฉันเดินไปตามทางเดินของโรงเรียนที่เงียบสงบเพราะยังเป็นช่วงพักกลางวัน นักเรียนส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่ห้องอาหาร ฉันพยายามทำตัวให้ปกติ แต่ภายในใจกลับว้าวุ่นจนฉันรู้สึกว่าใครๆ ก็คงมองออกว่ามีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับฉันในที่สุดฉันก็กลับมาถึงห้องเรียนและนั่งลงที่โต๊ะของฉัน ฉันหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาเปิดอ่าน หวังว่าจะสามารถตั้งสมาธิได้ แต่ความคิดของฉันกลับพุ่งตรงไปยังครูพีทอีกครั้ง ความอบอุ่นจากการสัมผัสมือของเขายังคงติดอยู่ในความทรงจำ และฉันไม่อาจลบมันออกไปได้‘ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้?’ ฉันถามตัวเองในใจ แต่ไม่มีคำตอบใดที่สามารถตอบสนองความสงสัยของฉันได้ ฉันรู้ดีว่าครูและนักเรียนไม่ควรมีความสัมพันธ์เกินเลย แต่ทุกครั้งที่ฉันนึกถึงครูพีท ความรู้สึกที่ไม่ควรเกิดขึ้นกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น
หลังจากบทเรียนที่ไม่ธรรมดาของวันก่อน ฉันได้สัมผัสครูพีทในแบบที่ไม่เคยคาดคิด ภาพของเขาและการจูบที่ลึกซึ้งนั้นก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของฉัน ฉันพยายามจะลืมมัน พยายามบอกตัวเองว่ามันไม่ควรเกิดขึ้น แต่ทุกครั้งที่ฉันหลับตา ภาพเหล่านั้นกลับชัดเจนยิ่งขึ้น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่คอยกระซิบบอกฉันว่าความสัมพันธ์แบบนี้เป็นสิ่งที่ผิด กลับถูกบดบังด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่ฉันไม่สามารถควบคุมได้เช้านี้ ฉันเดินเข้าสู่ห้องเรียนด้วยความรู้สึกสับสนในใจ ทันทีที่ฉันก้าวเข้าสู่ห้อง สายตาของฉันก็พบกับครูพีทที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียน เขามองฉันด้วยสายตาที่เข้มข้นและเต็มไปด้วยความหมาย เพียงเสี้ยววินาทีที่เขามองมาที่ฉัน หัวใจของฉันก็เต้นแรงขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างกายของฉันรู้สึกราวกับถูกไฟส่องผ่านเมื่อเขามองมา สายตาของเขาช่างคมกริบและเต็มไปด้วยความปรารถนาที่ฉันรู้สึกได้ว่ามันไม่ใช่เพียงแค่ฉันที่รู้สึกเช่นนั้น ฉันรู้สึกถึงความร้อนที่เริ่มก่อตัวในท้องของฉัน มันเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายตลอดชั่วโมงเรียน ฉันพยายามจะมีสมาธิกับบทเรียน แต่ความคิดของฉันกลับวกวนไปที่ครูพีท และสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเราครั้งก่อน ความ