ภาคิน หนุ่มใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความเคร่งขรึม เขาเป็นชายโสดที่มีชีวิตเรียบง่ายและทุ่มเทให้กับธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ด้วยความเป็นคนสุขุมและจริงจัง ทำให้เขาไม่เคยมีใครเข้ามาในชีวิตอย่างจริงจัง แต่แล้วโชคชะตาก็พลิกผันเมื่อเขาต้องรับ ลลนา สาวน้อยลูกสาวของเพื่อนรักที่เสียชีวิตอย่างกระทันหันเข้ามาอยู่ในการปกครองของเขา ลลนาที่อายุเพียงสิบหกปี ไม่มีญาติพี่น้องหรือใครในชีวิต ทำให้ภาคินต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอ
การย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของภาคิน ลลนาพยายามเก็บงำความรู้สึกที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ แม้จะอยู่ในห้องส่วนตัวที่ภาคินเตรียมไว้ให้ เธอก็ไม่อาจหยุดคิดถึงสายตาและรอยยิ้มของเขาได้ มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกสะกด ความรู้สึกนี้เธอไม่เคยพบมาก่อน เธอรู้สึกทั้งตื่นเต้นและอึดอัดในเวลาเดียวกัน
ภาคิน ชายหนุ่มใหญ่ที่เธอเพิ่งรู้จัก แต่กลับมีอิทธิพลต่อหัวใจเธออย่างรุนแรง ตั้งแต่ย้ายเข้ามาในบ้านหลังนี้ ลลนารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและการดูแลอย่างดีจากภาคิน แต่ลึกๆ ในใจเธอกลับรู้สึกไม่พอใจที่จะเป็นเพียงแค่เด็กสาวในสายตาของเขา เธออยากให้เขามองเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเสน่ห์และความปรารถนา
ในคืนแรกที่เธออยู่ที่นี่ ลลนายืนอยู่หน้ากระจก มองดูตัวเองในชุดนอนสีขาวบางเบา เธอเริ่มสำรวจตัวเองอย่างลึกซึ้ง ทบทวนถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อภาคิน ความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความหลงใหลและความหวาดหวั่น เธอรู้ดีว่าภาคินเป็นคนมีวุฒิภาวะ เขามีความสุขุมและสง่างามในแบบที่เธอไม่เคยพบเจอจากใครมาก่อน
“ฉันจะต้องทำให้เขามองฉันในแบบที่ฉันต้องการ” ลลนาพูดกับตัวเองเบาๆ ในกระจก
เช้าวันต่อมา ลลนาตื่นขึ้นมาพร้อมกับแผนการที่เธอตั้งใจไว้ เธอต้องการให้ภาคินมองเห็นเธอเป็นผู้หญิงที่น่าหลงใหล เธอเลือกสวมชุดที่เน้นให้เห็นถึงความงามตามวัยของเธอ
............................................................................
"คุณลุงคะ ลิสเอากาแฟมาให้ค่ะ"
ลลนาเอ่ยเสียงหวาน ขณะที่เธอเดินเข้ามาในห้องทำงานของภาคินพร้อมกับแก้วกาแฟในมือ ดวงตาของเธอเปล่งประกายแวววาวขณะที่มองตรงไปที่เขา หัวใจของเธอเต้นแรงเมื่อเห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมและดูเย็นชาของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เธอหลงใหลตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ
ภาคินรู้ดีว่าลลนากำลังตั้งใจยั่วยวนเขา ถึงแม้เขาจะพยายามเพิกเฉยและรักษามาตรฐานของการเป็นผู้ปกครอง แต่ทุกครั้งที่เธอเข้ามาใกล้ ความรู้สึกที่เขาควบคุมไว้มานานก็เริ่มรุนแรงขึ้น เขาพยายามรวบรวมความแข็งแกร่งในใจเพื่อไม่ให้ความรู้สึกของเขาส่งผลต่อการปกครองของเขา
“ขอบใจนะ”
เขาพูดเสียงเรียบ ขณะที่เขาเอื้อมมือไปรับแก้วกาแฟจากลลนา ข้อมือของเขาสัมผัสกับมือของเธอแค่แวบเดียว แต่มันทำให้เขารู้สึกถึงความร้อนแรงที่มากกว่าที่คาดคิด
ลลนายิ้มอย่างมีเสน่ห์ขณะวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะของเขา แล้วหันมองเขาด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความปรารถนา เธอรู้ดีว่าภาคินพยายามจะไม่มองมาที่เธอ แต่เธอก็อดที่จะทดสอบความอดกลั้นของเขาไม่ได้
"ลิสจะออกไปข้างนอกนะคะ มีอะไรให้ลิสช่วยอีกไหมคะ คุณลุง"
เธอเอ่ยเสียงหวานใส่ขณะที่โน้มตัวเข้ามาใกล้เขาอีกนิด
ภาคินรู้สึกถึงลมหายใจที่เป่าลงบนต้นคอของเขา หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น
ภาคินพยายามบังคับตัวเองให้มองไปที่เอกสารบนโต๊ะ เขาหมายมั่นที่จะไม่ให้ลลนาเห็นเขาสั่นคลอน แต่เขารู้ดีว่ามันยากเพียงใดที่จะรักษาระยะห่างจากความรู้สึกที่เธอก่อขึ้นในใจเขา
และเขาต้องอดทนให้มากที่สุด เพื่อไม่ให้ความรู้สึกนี้เป็นอุปสรรคต่อการปกครองของเขาและความรับผิดชอบที่เขามีต่อลลนา เพราะเขาไม่อาจปล่อยให้ความรู้สึกส่วนตัวมาครอบงำความเป็นผู้ปกครองที่เขาต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
......................................................................................
เวลาที่ลลนาใช้ชีวิตในบ้านหลังนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้ตัว นี่ก็ครบสามเดือนแล้วที่เธอเข้ามาอยู่กับภาคิน แต่ถึงแม้จะพยายามแค่ไหน เธอกลับรู้สึกว่าตัวเองยังไม่ก้าวหน้าไปไหนเลยในแผนการที่จะชนะใจเขา
เธอยังคงได้รับแค่ความเป็นห่วงเป็นใยแบบผู้ปกครองทั่วไปจากภาคินเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลย ไม่มีอะไรที่บ่งบอกว่าเขารับรู้ถึงความรู้สึกที่เธอมีต่อเขา หรืออาจจะเขารับรู้ แต่เขาพยายามเพิกเฉยต่อมัน
ลลนามองออกไปนอกหน้าต่าง ขณะที่ความท้อแท้เริ่มเข้ามาครอบงำ เธอตั้งใจจะทำให้ภาคินหันมามองเธอในแบบที่ผู้ชายมองผู้หญิง แต่จนถึงตอนนี้เขากลับยังคงมองเธอเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งเสมอ
“มันต้องมีวิธีสิ” เธอบอกกับตัวเอง เธอไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เธอรู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อภาคินนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ มันเป็นความรัก ความหลงใหลที่ยิ่งใหญ่มากเกินกว่าที่เธอจะละทิ้งไปได้ง่ายๆ
และลลนาก็ตัดสินใจว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกนานเท่าไหร่ เธอก็จะไม่หยุดพยายาม เธอจะไม่ยอมให้เวลาที่ผ่านไปสูญเปล่าอีกต่อไป
เธอคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรีบส่งข้อความหาแอนนา
Lallana: "Hey babe, let's hang out."
ลลนา: "เฮ้ ที่รัก ไปเจอกันหน่อย"
Anna “Yasss, babe! Where you wanna link up?”
แอนนา: “เยสส์ส ที่รัก! อยากเจอกันที่ไหน?”
Lallana “Tonight? Same spot?”
ลลนา: “คืนนี้เลย? ที่เดิมไหม?”
Anna “For sure! Can’t wait. See ya!”
แอนนา: “แน่นอน! รอไม่ไหวแล้ว เจอกัน!”
.........................................................................................
แอนนาและเพื่อนๆ เดินเข้ามาที่ผับสุดหรูที่ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมหรูหรา บรรยากาศในที่นี้เต็มไปด้วยความทันสมัยและหรูหรา แสงไฟจากเมืองที่ส่องประกายทำให้ทิวทัศน์จากหน้าต่างใหญ่ดูงดงามและลึกลับ
แอนนาแต่งตัวในเดรสสีดำเซ็กซี่ที่เผยให้เห็นรูปร่างที่สวยงามของเธอ เดรสนี้เน้นให้เห็นสัดส่วนและทำให้เธอดูมีเสน่ห์และน่าดึงดูด ตัดกับรองเท้าส้นสูงที่เธอสวมใส่ทำให้เธอเดินได้อย่างมั่นใจและสง่างาม การแต่งหน้าของเธอสะดุดตาด้วยปากสีแดงสดและขนตาที่ยาว
เพื่อนสองคนของเธอเป็นหนุ่มลูกครึ่งที่มีลุคทันสมัยและเซ็กซี่ เจมส์สวมสูทสีเข้มที่ตัดเย็บอย่างดีซึ่งทำให้เขาดูหล่อเหล่าและมีเสน่ห์ไม่น้อย ขณะที่ไมเคิลเลือกเสื้อเชิ้ตสีเทาที่มีดีไซน์เก๋ไก๋และดูสะอาดตา
ลลนานั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างที่มองเห็นวิวเมืองสวยงาม เธอสวมเดรสสีแดงเข้มที่เข้ารูปกับรูปร่างของเธอเผยให้เห็นสัดส่วนที่เซ็กซี่อย่างเต็มที่ เธอเลือกแต่งหน้าและทำผมอย่างดีให้เข้ากับบรรยากาศหรูหราของสถานที่
เมื่อแอนนาและเพื่อนๆ เดินเข้ามาที่โต๊ะ ลลนาเงยหน้าขึ้นยิ้มให้และยินดีต้อนรับ “Hey, Anna! Great to see you!” เธอพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและอารมณ์ดี
“Hey, Lislly! You look amazing!” แอนนาโต้ตอบด้วยรอยยิ้มกว้าง ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มทักทายและพูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง
เจมส์และไมเคิลแนะนำตัวเองด้วยความเป็นมิตร “Nice to meet you, Lallna,” เจมส์พูดด้วยท่าทางอบอุ่น ขณะที่ไมเคิลเสริม “Hello, it’s great to finally meet you.”
“Hi there!” ลลนาตอบด้วยรอยยิ้มสดใสและท่าทางเปิดเผย
ในบรรยากาศของผับหรูหราที่เต็มไปด้วยแสงไฟสีทองและเสียงเพลงที่สนุกสนาน ทุกคนดื่มไวน์และสนุกกับค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน แอนนา, ลลนา, เจมส์, และไมเคิลต่างนั่งอยู่ที่โต๊ะใกล้กันในชั้นบนของโรงแรมแห่งหนึ่ง
แอนนาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มและยิ้มให้กับลลนา
“ลิสลี่ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ?”
เธอถามอย่างสนุกสนาน เอียงคอเข้ามาใกล้พร้อมกับแววตาที่เจ้าเล่ห์
ลลนาที่รู้สึกเขินจากความใกล้ชิดและคำถามที่เปิดเผย หัวเราะเบาๆ ก่อนจะยิ้มตอบ
“โอ้ แอนนา มันซับซ้อนกว่านั้นนะ มันไม่ง่ายเหมือนที่คิด”
“เอาน่า อย่ามัวแต่รอ”
แอนนาพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “ถ้าเธอต้องการให้เขาเป็นคนที่เธออยากจะมี เธอต้องกล้าทำสิ่งที่ต้องทำ อย่ารอจนกว่าจะเจอช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ เพราะมันอาจจะไม่มาเลย”
ลลนาเอื้อมมือไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นดื่มเพื่อปรับอารมณ์ ก่อนจะตอบด้วยความตัดสินใจ
“ฉันรู้ แอนนา”
ค่ำคืนนี้ยังคงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสนุกสนาน ขณะที่ทุกคนดื่มและพูดคุยกันต่อไป
.................................................................................
เจมส์อาสาขับรถส่งลลนาไปที่บ้าน หลังจากที่ทั้งคู่ออกจากผับหรูและขับรถกลับมาเจอที่บ้านเจมส์เปิดประตูให้เธอเมื่อเธอออกจากรถ
ลลนาในสภาพเมานิดหน่อยลุกขึ้นจากที่นั่งและเซถลาไปข้างหน้าเล็กน้อย เธอสะดุดและไปขัดกับอ้อมแขนของเจมส์ที่ยื่นมือมารับไว้ทันที เจมส์พยายามช่วยเธอลงจากรถอย่างอ่อนโยน ขณะเดียวกัน ลลนาเองก็ยิ้มให้เขาอย่างขอบคุณ
“ขอบคุณมากนะเจมส์” เธอพูดเสียงเบาๆ
ภาคินคุณลุงหนุ่มในวัยสามสิบยืนรออยู่ที่ประตูหน้าบ้านจนดึกดื่น แสงไฟจากในบ้านส่องกระทบผิวของเขาอย่างชัดเจน เขายืนอยู่ที่ประตูด้วยความเคร่งขรึมและความกังวล เมื่อรถของเจมส์เข้ามาจอดที่หน้าบ้าน
เจมส์เปิดประตูรถและช่วยลลนาลงจากรถ ภาคินมองเห็นลลนาในสภาพที่เมานิดหน่อย เธอเซถลาลงจากรถอย่างไม่มั่นคง ก่อนที่จะเข้ามาในอ้อมแขนของเจมส์ ภาคินรู้สึกถึงความร้อนในใจและความจำเป็นที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว
เขาก้าวออกจากบ้านไปยังรถด้วยความรวดเร็วและมองไปที่เจมส์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงจัง เขาเรียกชื่อของลลนาอย่างอ่อนโยน
“ลลนา”
ภาคินยื่นมือไปที่เอวของลลนาและจับไว้ด้วยมือที่มั่นคง เขากระชากเธอออกจากอ้อมแขนของเจมส์อย่างรวดเร็ว เขาหยุดอยู่ข้างๆ เจมส์และกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
“ขอบคุณมากครับ ผมจะดูแลลลนาเอง”
เจมส์พยักหน้าอย่างเข้าใจและขับรถออกไป ภาคินรู้สึกถึงความหนักแน่นในอ้อมแขนของเขาขณะที่เขากอดลลนาไว้ เขาตวัดลลนาเข้ามาในอ้อมแขน เขาอุ้มเธออย่างเบามือและเดินเข้าบ้าน
ภาคินรู้สึกถึงความอบอุ่นของลลนาที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา เดรสแดงของเธอทำให้เขาสัมผัสถึงความเซ็กซี่ที่เกินวัย เธอซบลงกับอกกว้างของเขา ในขณะที่ภาคินเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน เขารู้สึกถึงความหนักหน่วงของความรู้สึกที่ต้องควบคุมเมื่อเขาถึงห้องนอน เขาพาเธอเข้ามาในห้องและวางเธอลงบนเตียงกว้างอย่างนุ่มนวล เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่จะมองเห็นเดรสแดงที่เผยให้เห็นส่วนโค้งของร่างกายเธออย่างชัดเจน ขณะที่เธอเริ่มหลับตาลง ภาคินนั่งลงข้างเตียงและมองดูเธอด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความห่วงใยและความอดกลั้น“นอนพักเถอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “ลุงจะอยู่ใกล้ๆ ถ้าต้องการอะไรเรียกได้เสมอ”เขานั่งอยู่ข้างเตียงด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ภาคินยืนอยู่ตรงหน้าลลนาที่นอนหลับบนเตียงด้วยท่าทางที่อ่อนโยนและน่าเป็นห่วงในขณะเดียวกัน เขาต้องการที่จะเป็นผู้ปกครองที่ดีให้กับสาวน้อยวัยสิบหกที่ก๋ากั่นและดูเหมือนจะมีความเป็นผู้ใหญ่เกินวัยขนาดนี้ แต่เขารู้ดีว่านี่คือบททดสอบที่ใหญ่หลวงสำหรับเขา ลลนาในวัยสิบหกปีมีบุคลิกที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและแรงดึงดูดที่เป็นอันตรายต่อผู้ใหญ่รอบตัวเธอ รวม
Lallana:Anna, he’s about to send me away from here. I don’t want to go, not now and not ever.แอนนา เขากำลังจะส่งฉันออกไปจากที่นี่ ฉันไม่อยากไปเลย ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่เคยคิดจะไปAnna:You must really be in love with him, huh? But maybe it’s time to move on, don’t you think?แอนนา: เธอคงจะหลงรักเขามากเลยนะ แต่ฉันว่าตัดใจเถอะ เธอคิดว่ายังไง? ลลนา วางโทรศัพท์ลงอย่างหนักใจ น้ำตาซึม เธอเอนตัวลงบนเตียง บรรยากาศในห้องเงียบสงัด แต่เสียงหัวใจที่เต้นรัวของเธอกลับดังขึ้นในหู เธอคิดถึงคำพูดของแอนนา “ตัดใจเถอะ” คำเหล่านั้นกลับก้องอยู่ในหัวของเธอลลนา นอนพลิกไปมาบนเตียง ความรู้สึกที่มีต่อภาคินท่วมท้นจนทำให้เธอไม่สามารถสงบลงได้ ความรักของเธอช่างร้อนแรงและไม่ยอมที่จะหายไปง่ายๆ“ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?” เธอครางออกมา ความรู้สึกที่ปั่นป่วนในหัวใจทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เธอรู้ดีว่าเขาไม่ใช่ญาติทางสายเลือดของเธอ ความห่างของอายุสิบสี่ปีไม่ควรจะเป็นปัญหา แต่ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ยิ่ง? เธอจินตนาการถึงภาพของภาคิน ว่าด้วยความหล่อเหลาของเขา ความอบ
ภาคินนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องที่สลัวเพียงแสงจากโคมไฟสลัวบนโต๊ะทำงานเขา ดื่มไวน์อย่างช้าๆ เพื่อคลายความเครียดจากวันที่ยาวนาน และพยายามปล่อยให้ความคิดของเขาหลุดลอยไปจากเรื่องที่รบกวนจิตใจเสียงเปิดประตูเบาๆ ทำให้เขาหันไปมอง ร่างเด็กสาวในชุดนอนสุดเซ็กซี่และเย้ายวนใจเดินเข้ามาในห้องอย่างมั่นใจ ชุดนอนที่เธอสวมใส่สั้นและเผยให้เห็นผิวเนียนสวยของเธออย่างชัดเจน สร้างความรู้สึกตื่นเต้นให้กับภาคินที่นั่งอยู่ตรงนั้น“ลลนา” ภาคินเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่ต่ำและไม่ค่อยเชื่อมั่น เขารู้ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเธอเป็นสิ่งที่เขาต้องควบคุม แต่ตอนนี้มันเริ่มยากเกินไปลลนายิ้มให้เขาอย่างมีเสน่ห์ เดินเข้ามาใกล้เธอ และท่าทางของเธอช่างเต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ทำไมลุงยังไม่หลับคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงหวานที่แฝงไปด้วยความท้าทาย ภาคินพยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนไป การมาของลลนาในสภาพนี้ทำให้เขารู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เขาพยายามจะควบคุม ความร้อนที่เกิดขึ้นในตัวเขามันเพิ่มขึ้นจนแทบจะทนไม่ไหว“มันดึกแล้วลลนา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ฟังดูสงบ แต่ลึกๆ แล้วมันเต็มไปด้
หลังจากค่ำคืนนั้นที่ลลนาแสนผิดหวัง เธอหลบหน้าภาคินด้วยการหนีเที่ยวแทบทุกคืน เพื่อปกปิดความรู้สึกที่บอบช้ำ เธอใช้ชีวิตในแบบที่เธอไม่เคยใช้มาก่อน ดื่มด่ำกับการปาร์ตี้และสังสรรค์กับเพื่อนๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ช่วงเย็นของทุกวัน เธอมักจะอาศัยช่วงเวลาที่เหลืออยู่เพื่อเดินทางไปยังผับหรือคลับสุดฮิตในเมือง หรือไม่ก็ออกไปพบปะกับกลุ่มเพื่อนที่มีชีวิตชีวาในงานเลี้ยงต่างๆ การที่เธอหลบหน้าและตัดขาดจากความสัมพันธ์ที่เคยใกล้ชิดกับภาคินนั้นทำให้เธอรู้สึกว่าการใช้ชีวิตอย่างไม่คิดอะไรมากอาจจะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากความรู้สึกที่เจ็บปวดได้ในขณะที่เธอหลีกเลี่ยงการกลับบ้านและการพบปะกับภาคิน เธอรู้สึกถึงความสับสนและความรู้สึกผิดหวังที่ยังคงค้างคาในใจ แม้ว่าการเที่ยวไปทุกคืนจะช่วยให้เธอเบี่ยงเบนความสนใจจากสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวด แต่เธอก็รู้ดีว่าในที่สุด ความรู้สึกที่แท้จริงและความเจ็บปวดที่เธอพยายามหลบหนีจะต้องตามกลับมาทำให้เธอต้องเผชิญหน้าอีกครั้งท่ามกลางเสียงเพลงและความสนุกสนาน เธออาจจะหลงลืมความเจ็บปวดในชั่วขณะ แต่ลึกลงไปในใจ เธอกลับรู้สึกถึงความโหยหาต่อความรักและการยอมรับที่เธอไม่สามารถหาได้จากการ
การเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศของลลนา เขาเริ่มวางแผนตั้งแต่ก่อนจะเอ่ยปากกับเธอเสียอีก ทุกขั้นตอนถูกคำนวณมาอย่างดี ไม่ใช่แค่เรื่องที่พักอาศัยหรือการสมัครเข้าเรียนเท่านั้นที่เขาจัดการให้เสร็จสรรพ แต่ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่เขาไม่อยากให้ลลนาต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย ภาคินเลือกเมืองที่ลลนาจะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระแต่ปลอดภัย เลือกมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับเธอที่สุด จากนั้นเขาก็เตรียมผู้ช่วยส่วนตัวที่ไว้ใจได้ ไว้คอยดูแลเธอตลอดเวลา ผู้ช่วยคนนี้ไม่เพียงแต่จะจัดการเรื่องเอกสารการเรียน การใช้ชีวิตในต่างแดน หรือการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ แต่ยังถูกฝึกมาให้รู้ใจลลนา รู้ว่าความต้องการของเธอคืออะไร แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ชนิดของกาแฟที่เธอชอบทานตอนเช้า หรือร้านเสื้อผ้าโปรดที่เธออาจอยากไปเยือน ภาคินรู้ดีว่าลลนาอาจจะรู้สึกโดดเดี่ยวในต่างแดน เขาจึงให้ผู้ช่วยคนนี้เป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาในทุกเรื่อง แต่แม้ว่าผู้ช่วยจะดูแลเธออย่างใกล้ชิด รายงานทุกความเคลื่อนไหวของเธอก็จะถูกส่งตรงกลับมาหาเขาอย่างสม่ำเสมอโดยที่ลลนาไม่รู้ตัว เพื่อให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัยและมีความสุ
ภาคินได้เตรียมบ้านหลังใหญ่ไว้ให้ลลนาในย่านคนรวยของกรุงลอนดอน บ้านหลังนี้มีขนาดใหญ่โอ่อ่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวมาก เนื่องจากหมู่บ้านนี้เป็นที่อยู่อาศัยของคนมีฐานะ มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาและเข้มงวด ทำให้ลลนาสามารถรู้สึกปลอดภัยและสบายใจได้อย่างเต็มที่ ตัวบ้านเองมีการตกแต่งอย่างหรูหราและครบครัน ภายในห้องต่างๆ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นดีที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง มีหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติและลมเย็นจากสวนหลังบ้าน สวนดอกไม้ที่ภาคินให้คนมาจัดแต่งไว้อย่างสวยงามนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันที่ผลิบานในทุกฤดูกาล มีมุมพักผ่อนหลายมุมที่ลลนาสามารถนั่งจิบชาอ่านหนังสือได้อย่างสบายใจ ที่พิเศษที่สุดคือสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หลังบ้าน ขอบสระล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีและดอกไม้ที่หอมกรุ่น สระนี้ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี น้ำใสสะอาด สามารถมองเห็นพื้นสระได้ชัดเจน ช่วงเย็นๆ ลลนาสามารถลงเล่นน้ำเพื่อผ่อนคลาย หรือเลือกนอนอาบแดดที่เก้าอี้ริมสระ พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว บ้านหลังนี้ไม่เพีย
มินนี่ส่งรายงานมาพร้อมกับกำหนดการวันรับปริญญาของลลนา รายงานระบุถึงวันที่สำคัญและรายละเอียดทั้งหมดของพิธีรับปริญญา แต่สิ่งที่ทำให้ภาคินรู้สึกเจ็บปวดอย่างแท้จริงคือบันทึกที่ถูกเน้นไว้ในตอนท้ายของรายงาน:“คุณลลนาไม่ต้องการให้คุณภาคินเข้าร่วมการรับปริญญาค่ะ”เมื่อภาคินอ่านข้อความนี้ เขารู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนและเจ็บปวด เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมลลนาถึงตัดสินใจเช่นนี้ สิ่งที่เคยคิดว่ามันอาจจะเป็นโอกาสในการแสดงให้เธอเห็นถึงความใส่ใจและความรักของเขากลับกลายเป็นเรื่องที่เขาต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่เจ็บปวดเขาหยิบรายงานขึ้นมาอีกครั้งและอ่านซ้ำอย่างใจหาย การไม่สามารถร่วมยินดีในวันสำคัญของลลนาเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ภาพของเธอในวันรับปริญญา กลายเป็นสิ่งที่เขาหลับตานึกถึงอย่างรุนแรงและโหยหาภาคินรู้สึกถึงความห่างเหินที่เพิ่มขึ้นระหว่างพวกเขา ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังสูญเสียสิ่งที่เขารักไป การตัดสินใจของลลนา ทำให้เขาเริ่มรู้สึกถึงความว่างเปล่าและความเจ็บปวดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเขาเคารพการตัดสินใจของลลนา แต่ในขณะเดียวกัน เขากลับรู้สึกถึง
เมื่อเวลาผ่านไปหกปี ภาคินได้รับรายงานล่าสุดจากมินนี่ที่ยังคงติดตามข่าวสารเกี่ยวกับลลนาอยู่เป็นระยะ แม้เขาจะไม่แสดงออกให้ใครเห็น แต่ใจของเขากลับสั่นคลอนเมื่ออ่านข้อความที่แจ้งว่า ลลนากำลังคบกับใครบางคนอย่างจริงจัง ลลนาเริ่มต้นความสัมพันธ์กับไมเคิล ชายหนุ่มที่มีอายุห่างจากเธอเกือบแปดปี ความต่างของอายุกลับเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจเธออย่างประหลาด ไมเคิลมีความเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคงและสง่างาม ซึ่งทำให้ลลนารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นในทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขาเธอเองก็ไม่อาจอธิบายได้ชัดเจนว่าทำไมถึงมีความรู้สึกเช่นนี้ แต่มันชัดเจนว่าเธอมีความชอบเป็นพิเศษในผู้ชายที่มีอายุมากกว่า ราวกับว่าความเป็นผู้ใหญ่และประสบการณ์ชีวิตของไมเคิลเป็นเสน่ห์ที่เธอไม่สามารถต้านทานได้ มันทำให้เธอรู้สึกมั่นใจและเต็มใจที่จะเปิดใจรับไมเคิลเข้ามาในชีวิตอย่างเต็มที่ ลลนาที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟเงียบๆ ในลอนดอน มองออกไปยังถนนที่คึกคัก แอนนา เพื่อนรักที่ย้ายมาอยู่เรียนที่เดียวกันได้สองปี เริ่มต้นบทสนทนา“เธอไม่คิดว่าสเปคของเธอมันแปลกเหรอ? ผู้ชายอายุมาก… ฉันไม่อยากทำร้ายน้ำใจเธอนะ” แอนนาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
เสียงลมหายใจหนักขึ้นเมื่อทั้งสองเข้ามาใกล้กันมากขึ้น แสงสลัวจากหน้าต่างส่องผ่านเข้ามาในรถ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความปรารถนา เขาใช้ปลายนิ้วไล้เบาๆ ไปตามลำคอของเธอ ความร้อนจากผิวกายของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดเธอหลับตาลง หายใจติดขัดเล็กน้อยเมื่อเขาโน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับเธอเบาๆ ในตอนแรก ก่อนที่ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อร่างทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น ภาคินดึงลลนาเข้ามาใกล้ ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ เขาจับเธอไว้แน่น จูบเร่าร้อนที่ไม่ต้องการคำพูดใดๆ เสียงลมหายใจถี่ๆ ดังสอดคล้องกันในความเงียบของรถที่หยุดนิ่ง ลลนาตอบรับจูบของภาคินอย่างเผลอไผล เธอรู้สึกได้ถึงความกระหายและความต้องการในท่าทีของเขา ริมฝีปากของพวกเขาเคลื่อนไหวรุนแรงและเต็มไปด้วยความปรารถนา มือของภาคินลูบไล้ไปตามร่างกายของลลนา ขณะที่เขาเริ่มปลดชุดของเธอออกช้าๆ ลลนาหอบหายใจแรง ขณะที่ความรู้สึกเร่าร้อนจากจูบและสัมผัสของเขาเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ“คุณลุงคะ...” เธอพึมพำเบาๆ แต่เขาไม่ตอบ เพียงแต่จูบลึกลงไปอีก เสียงหายใจและสัมผัสร้อนแรงปกคลุมทั้งคันรถ ภาคินยังคงกดริมฝีปากจูบลลนา
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามคนก้าวออกมาและเข้าสู่ผับหรูที่ตั้งอยู่บนยอดตึกสูง ดีเจที่อยู่หลังโต๊ะเปิดแผ่นกำลังเล่นเพลงมันส์ที่เต็มไปด้วยจังหวะที่กระฉับกระเฉงและเบสที่หนักหน่วง ทำให้บรรยากาศของผับเต็มไปด้วยพลังและชีวิตชีวา ทุกคนในร้านกำลังเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนานขณะที่เพลงมันส์จากดีเจและแสงไฟที่หมุนเวียนไปทั่วร้านเพิ่มความรู้สึกเซ็กซี่และเต็มไปด้วยพลัง เฟอร์นิเจอร์หนังสีดำและทองคำถูกจัดวางอย่างมีสไตล์ เพิ่มความหรูหราให้กับสถานที่ ผนังของร้านประดับด้วยไฟสีทองที่สลัว ส่องสว่างไปที่โต๊ะและบาร์ ทำให้บรรยากาศดูลึกลับและน่าหลงใหลคีธเดินนำหน้าในชุดสูทสีเข้มที่ดูเนี๊ยบแต่เต็มไปด้วยสไตล์ เขาไม่ผูกเน็กไทและปล่อยให้เชิ้ตด้านในเปิดลงสามเม็ด ทำให้เห็นความเซ็กซี่และมั่นใจในรูปร่างของเขา ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์ในแบบที่ไม่พยายามแอนนาและลลนาเดินตามมาในเดรสสั้นสีดำที่โดดเด่นและเซ็กซี่ แอนนาในเดรสที่เน้นการตัดเย็บเรียบหรูและตกแต่งด้วยลายละเอียดที่เพิ่มความมีเสน่ห์ ขณะที่ลลนาในเดรสที่ท้าทายและทันสมัย ชุดของเธอเน้นรูปร่างได้อย่างดี ทำให้เธอดูเซ็กซี่และสง่างามอย่างเห็นได้ชัด เครื่องป
บรรยากาศในร้านอาหารหรูสไตล์โมเดิร์นที่ทั้งสามนั่งกันนั้นเต็มไปด้วยความทันสมัยและความเรียบหรู ร้านตกแต่งด้วยเส้นสายที่คมชัดและเน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงความสง่างามไว้ได้อย่างดี โทนสีหลักของร้านคือสีขาว ดำ และเทาเข้ม ตัดด้วยแสงไฟนีออนสลัวที่ส่องจากเพดานและผนังกระจกขนาดใหญ่ที่เปิดรับวิวทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนโต๊ะที่พวกเขานั่งเป็นโต๊ะไม้เรียบๆ ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สดสไตล์มินิมอล พร้อมกับเก้าอี้ที่ออกแบบมาให้ดูหรูหราแต่ยังคงความสบาย เมนูที่เสิร์ฟบนโต๊ะเป็นอาหารฟิวชั่นที่จัดเรียงอย่างประณีตในจานเซรามิกเรียบหรู เครื่องดื่มค็อกเทลหลากสีถูกเสิร์ฟมาในแก้วคริสตัลดีไซน์เก๋ ที่โต๊ะริมหน้าต่างบานใหญ่ในร้านอาหารหรูบนยอดตึกสูง สามเพื่อนรัก คีธ แอนนา และลลนา นั่งอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของพวกเขาดังขึ้นเป็นระยะ ขณะที่พวกเขาเล่าเรื่องราวเก่าๆ และแซวกันด้วยความสนิทสนม วิวด้านนอกเผยให้เห็นแสงไฟของเมืองที่ระยิบระยับใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน สะท้อนกับกระจกบานใหญ่ที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังลอยอยู่เหนือเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาพวกเขาพูดคุยถึงเรื่
เคนนั่งหลังพวงมาลัย บึ่งรถหรูของเขากลับบ้าน แต่คำถามของภาคินยังคงก้องอยู่ในหัว "นายกับแอนนา... ไปถึงไหนกันแล้ว?" แม้จะตอบไปแบบคร่าวๆ แต่เขายังคงคิดถึงเหตุการณ์ที่ทะเล ความทรงจำนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในใจเขา เขาหันกลับมานึกถึงค่ำคืนนั้น ภาพของแอนนาภายใต้แสงจันทร์ที่สะท้อนบนผิวน้ำ เสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง กับแรงปรารถนาที่ทั้งสองต่างไม่อาจต้านทานได้ เคนขบกรามแน่นเล็กน้อย ขณะที่ความรู้สึกที่เขามีต่อแอนนาค่อยๆ ทวีความซับซ้อนมากขึ้น เขาหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ภาพแอนนาท่ามกลางแสงจันทร์ริมทะเล แทบจะไม่สวมอะไรเลย ยังคงติดตรึงในหัวเขา คืนที่เร่าร้อนและไม่มีใครลืมได้ง่ายๆ เคนไม่ใช่คนที่จะติดใจใครง่ายๆ แต่กับแอนนา เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ท้าทายและยั่วยวนเกินจะต้านทาน……………………………………………………..ค่ำคืนนั้น........ แอนนาที่ดื่มจนได้ที่ รู้สึกถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทุกวินาที ค่ำคืนนี้เธอตัดสินใจไม่ยับยั้งความรู้สึกของตัวเอง สวมชุดชั้นในสีดำบางเบาที่แสนวาบหวิว รัดรูปเผยให้เห็นทุกสัดส่วนของร่างกายอย่างยั่วยวน เธอเดินช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ตรงไปที่ห้องของเ
เคนเดินวนไปวนมาด้วยความร้อนใจในห้องทำงานของภาคิน พอได้ฟังเรื่องทั้งหมด เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง“ห๊ะ? สารภาพรักแล้วจูบกันนิดหน่อย แล้วก็แค่กอดกันทั้งคืนเหรอ?” เคนพูดเสียงหลง ก่อนจะทำท่าจะบ้าตาย “ภาคิน ไอ้บ้านี่ อายุอานามเท่าไหร่แล้ววะ? มาเล่นบทหนุ่มน้อยอยู่ได้ บอกว่าให้จัดการให้อยู่หมัดไงวะ!”เขาส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ “เดี๋ยวเธอก็หนีไปอีกหรอก อย่ามาทำแบบนี้! ต้องทำอะไรให้ชัดเจนสิ ไม่งั้นจะกลายเป็นเรื่องไม่จบไม่สิ้น”เคนเดินไปมาเหมือนเป็นคนขาดสติ เขามองภาคินด้วยความคาดหวังและความผิดหวังในเวลาเดียวกัน “เอาให้เด็ดขาด! อย่ามาเล่นตัวแบบนี้ ถ้ารักจริงต้องทำให้เธอเห็นสิ!”ภาคินยิ้มให้กับความร้อนใจของเคน แต่เขาก็รู้ดีว่าเคนพูดถูก ในใจเขายังคงรู้สึกถึงความไม่มั่นคงและความหวั่นใจ แต่เขาต้องหาทางจัดการกับความรู้สึกนี้ให้ได้“ขอบใจที่เตือน” ภาคินพูดเบาๆ “แต่บางครั้งก็ต้องให้เวลาหัวใจตัวเองได้คิดบ้าง”เออ แล้ววันนั้นแกกับแอนนาไปพักที่ไหน ไม่ใช่ว่าแกทำอะไรเกินไปแล้วนะเว้ย พูดมา ภาคินคาดคั้น เคนละล่ำละลักจะปฏิเสธ แต่โดนเพื่อนรักไล่ต้อนจนในที่สุดก็เล่าถึงสถานการณ์ของเขากับแอนนาให้ภาคินฟัง ภาคินฟังแ
ภาคินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากมื้อค่ำและการโต้เถียงกับลลนา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นชื่อ "เคน" ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เขากดรับสายด้วยความรู้สึกหนักหน่วง"อย่าปล่อยโอกาสนี้เสียเปล่าไปนะเพื่อน" เคนพูดขึ้น เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและแรงกระตุ้นภาคินถอนหายใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เขาพยายามควบคุมความรู้สึกของตัวเอง"ปล้ำเลยสิ" เคนพูดอีกครั้งอย่างเร่งรีบภาคินส่ายหัวเบา ๆ ในใจ เขาไม่อยากทำร้ายลลนา เขารู้ว่าเรื่องนี้ต้องใช้ความระมัดระวัง"หรือจะยอมปล่อยไปล่ะ" เคนกล่าวต่อ"ไม่" ภาคินตอบกลับสั้น ๆ"อาทิตย์หน้าเขาก็จะหนีไปตลอดกาลเลยนะ คิดดูดี ๆ ถ้ารักก็ทำเลย" เคนบีบให้ภาคินคิดให้รอบคอบ ภาคินนิ่งเงียบในขณะที่เสียงของเคนสิ้นสุดลง เขารู้ว่าเคนพูดถูก แต่ความรู้สึกที่แสนสับสนและความกดดันทำให้เขายังไม่สามารถตัดสินใจได้ เขากดวางสายโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ ก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเพื่อพยายามปลอบประโลมตัวเองในขณะที่ความคิดวิ่งวนในหัว………………………………………..ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลลนาเดินไปเปิดประตูและพบกับชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านนอก ภาคินที่ดูไม่ค่อยเหมือนค
ความเงียบก่อตัวขึ้นในวิลล่าหรูหรา มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ที่แฝงความอึดอัดระหว่างทั้งสองคน ภาคินยืนพิงผนัง มองไปยังลลนาอย่างไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นการสนทนายังไงดี ส่วนลลนานั่งอยู่ริมหน้าต่าง เบือนหน้าออกไปชมทิวทัศน์ภายนอกที่เงียบสงบ เธอค่อย ๆ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างเรียบเฉย แต่ในใจกลับว้าวุ่น ราวกับพยายามหลบหนีความรู้สึกที่ทับถมอยู่ภายในบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง ความใกล้ชิดของทั้งสองที่เคยคุ้นเคยกลับกลายเป็นเหมือนเขตแดนที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ง่าย ๆ ภาคินลอบถอนหายใจ หวังว่าการพูดอะไรบางอย่างอาจจะช่วยทำลายความเงียบนี้ภาคินเดินอย่างเงียบเชียบไปที่โต๊ะวางขวดไวน์ ก่อนรินของเหลวสีแดงเข้มลงในแก้วคริสตัล เสียงไวน์ไหลกระทบแก้วแผ่วเบาแต่ชัดเจนท่ามกลางความเงียบ เขายกแก้วขึ้นจิบช้า ๆ แล้วเดินกลับไปนั่งทอดยาวบนโซฟา เบือนสายตาไปยังลลนาที่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างเธอยังคงถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ร่างบางของเธอยืนในแสงสลัวที่สะท้อนเข้ามาจากภายนอก ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ภาคินมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความหลงใหลและความคาดหวัง สาวน้อยของเขาช่างดูสวยสง่า แ
แอนนาตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงการไปเที่ยวทะเลในวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอจึงไม่รีรอที่จะชวนลลนาเพื่อนรักของเธอไปด้วย “ลลนา ไปทะเลกันเถอะ! เราไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้วนะ” แอนนาพูดอย่างกระตือรือร้นเมื่อโทรหาเพื่อนสาวของเธอลลนายิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงสดใสของแอนนา “เอาสิ! ฉันก็กำลังอยากจะไปพักผ่อนเหมือนกัน”วันรุ่งขึ้น แอนนาก็ขับรถมารับลลนาที่บ้าน ตั้งใจจะออกเดินทางแต่เช้าตรู่เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในเมือง แอนนายื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถพร้อมรอยยิ้มสดใส “พร้อมยังจ๊ะ สาวน้อย?”ลลนาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ “พร้อมแล้วจ้า ไปกันเลย!”ทั้งคู่จึงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังทะเลด้วยกัน ทิ้งความกังวลและเรื่องวุ่นวายทั้งหมดไว้เบื้องหลัง ตั้งใจจะใช้เวลาสนุกสนานด้วยกันอย่างเต็มที่………………………………………….ภาคินเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางสงสัย เมื่อเขาไม่เห็นลลนาอยู่ตามปกติ เขาจึงถามคนรับใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ "น้อย คุณลิสไปไหนหรือ?"น้อยเงยหน้าขึ้นตอบอย่างสุภาพ "คุณลิสไปทะเลกับคุณแอนนาค่ะ พวกเขาออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ""น้อย โทรหาคุณลิสหน่อยสิ ถามว่าพวกเขาไปที่ไหนกันแน่"น้อยทำหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าถามเ
ในผับหรูแห่งหนึ่งที่มีแสงไฟสลัวและเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ แอนนานั่งอยู่ที่บาร์หรูข้างๆ ลลนา สาวสวยในชุดที่ดูสง่างาม ยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อคขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วด้วยความเครียดและปวดร้าวในใจลลนาหลุบตาลงมองแก้วที่ว่างเปล่า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจ Anna, what? Oh my God, this is insane.แอนนา อะไรนะ โอ้ พระเจ้า มันบ้ามากLalana: "I'm going back to England."ลลนา: "ฉันจะกลับอังกฤษ"แอนนาเฝ้ามองลลนาด้วยความห่วงใย เอื้อมมือไปจับมือของลลนาอย่างปลอบโยน และเอ่ยถาม "How long are you going to run away from your own feelings? If you love him, just admit it!""เธอจะหนีความรู้สึกตัวเองไปถึงเมื่อไหร่ รักก็รักสิ" ไม่มีคำพูดใดอีกในท่ามกลางแสงสีสลัว สองสาวยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ไม่นานลลนาก็เริ่มเบลอเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ส่วนแอนนายังพอมีสติอยู่บ้าง แต่ก็มึนเมาไม่ต่างกันมากนักแอนนาที่เริ่มเบลอเห็นร่างสูงใหญ่ของชายสองคนเดินตรงมาที่เธอกับลลนาที่เมาฟุบลงกับบาร์เรียบร้อยแล้ว เธอเขย่าแขนเพื่อนรักเบา ๆ “ลิสๆ คนนั้นหน้าเหมือนคุณลุงเธอเลย หล่อเข้มจัง”