ภาคินรู้สึกถึงความอบอุ่นของลลนาที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา เดรสแดงของเธอทำให้เขาสัมผัสถึงความเซ็กซี่ที่เกินวัย เธอซบลงกับอกกว้างของเขา ในขณะที่ภาคินเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน เขารู้สึกถึงความหนักหน่วงของความรู้สึกที่ต้องควบคุม
เมื่อเขาถึงห้องนอน เขาพาเธอเข้ามาในห้องและวางเธอลงบนเตียงกว้างอย่างนุ่มนวล เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่จะมองเห็นเดรสแดงที่เผยให้เห็นส่วนโค้งของร่างกายเธออย่างชัดเจน ขณะที่เธอเริ่มหลับตาลง ภาคินนั่งลงข้างเตียงและมองดูเธอด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความห่วงใยและความอดกลั้น
“นอนพักเถอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “ลุงจะอยู่ใกล้ๆ ถ้าต้องการอะไรเรียกได้เสมอ”
เขานั่งอยู่ข้างเตียงด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ภาคินยืนอยู่ตรงหน้าลลนาที่นอนหลับบนเตียงด้วยท่าทางที่อ่อนโยนและน่าเป็นห่วงในขณะเดียวกัน เขาต้องการที่จะเป็นผู้ปกครองที่ดีให้กับสาวน้อยวัยสิบหกที่ก๋ากั่นและดูเหมือนจะมีความเป็นผู้ใหญ่เกินวัยขนาดนี้ แต่เขารู้ดีว่านี่คือบททดสอบที่ใหญ่หลวงสำหรับเขา
ลลนาในวัยสิบหกปีมีบุคลิกที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและแรงดึงดูดที่เป็นอันตรายต่อผู้ใหญ่รอบตัวเธอ รวมถึงภาคินด้วย เขารู้ดีว่าการจัดการกับเธอไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะความดื้อรั้นและความเป็นสาวก๋ากั่นของเธอสามารถทำให้เขาสับสนและต้องทำงานหนักในการควบคุมความรู้สึกของตัวเอง
ภาคินคิดถึงการต้องรับผิดชอบต่อการที่เธอเข้ามาอยู่ภายใต้การปกครองของเขา เขามีความรู้สึกว่าต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ลลนาได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม แม้ว่าเขาจะรู้สึกถึงความท้าทายที่ต้องจัดการกับพฤติกรรมที่ดึงดูดและมีเสน่ห์ของเธอ แต่เขายังคงมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่นี้อย่างดีที่สุด
เขาต้องพยายามสร้างระเบียบและขอบเขตให้กับลลนา เพื่อให้เธอรู้สึกถึงความปลอดภัยและได้รับการดูแลที่ดี แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องทำให้แน่ใจว่าเขาจะไม่เสียการควบคุมของตัวเองไป
ภาคินตัดสินใจว่าจะใช้วิธีการที่เคร่งครัดและเป็นธรรมในการจัดการกับสถานการณ์นี้ เขาจะต้องพยายามให้ความสำคัญกับการสื่อสารที่เปิดเผยและซื่อสัตย์กับลลนา เพื่อให้เธอเข้าใจถึงความจำเป็นในการตั้งขอบเขตและการปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม
เขาหวังว่าด้วยความอดทนและความเข้าใจ เขาจะสามารถช่วยลลนาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบและรู้จักการควบคุมตัวเองได้อย่างดี
................................................................................
ในห้องทำงานกว้างขวางของบริษัทที่มีหน้าต่างบานใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติเต็มที่ ภาคินนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานที่ตกแต่งอย่างหรูหรา จมอยู่กับเอกสารกองโต เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น เขาเงยหน้ามองก่อนจะเห็นเพื่อนสนิทอีกคนเดินเข้ามาในห้อง
"เป็นยังไงบ้างครับคุณลุง?"
เคนเพื่อนของภาคินแซวเข้ามาด้วยรอยยิ้มบางๆ
"ต้องมาเป็นผู้ปกครองให้เด็กสาววัยสิบหก คงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหม?"
ภาคินถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอนตัวพิงเก้าอี้และกอดอกด้วยท่าทางเหนื่อยล้า
“บอกตามตรง มันไม่ง่ายเลย” เขาพูดเสียงขรึม
“ลลนาเป็นเด็กที่ไม่เหมือนใคร...ทั้งมั่นใจ ทั้งก๋ากั่น และบางครั้งก็ดื้อรั้นเกินกว่าจะควบคุมได้”
เคนหัวเราะเบาๆ ขณะเดินเข้ามาใกล้
“ก็แน่ล่ะ เธอเป็นวัยรุ่นนี่นา แถมยังโตมาในสังคมที่เปิดกว้างแบบฝรั่งอีก เธอคงไม่คุ้นชินกับการถูกควบคุมหรือมีขอบเขตอย่างที่เธอพยายามตั้งไว้”
“ใช่ แต่ปัญหาคือ...เธอยังเด็กมาก”
ภาคินกล่าวพลางพยักหน้าเบาๆ
“ฉันต้องระมัดระวังทุกอย่างที่ทำ เพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกว่าผมเป็นแค่คนควบคุมเธอ แต่ในขณะเดียวกัน ฉันก็ต้องให้ความมั่นใจว่าเธอปลอดภัยและได้รับการดูแลที่ดี”
เพื่อนของเขานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“นั่นล่ะสิ่งที่ยากที่สุด การหาสมดุลระหว่างการเป็นผู้ปกครองที่ดีและการเป็นคนที่เธอไว้ใจ นายอาจต้องใช้ความอดทนมากหน่อย ”
“หวังว่าฉันจะทำได้”
ภาคินตอบเสียงหนักแน่น แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความกังวลเกี่ยวกับความรับผิดชอบครั้งใหญ่ที่เขาต้องแบกรับ
"สวัสดีค่าาาา หนุ่มๆ!"
สาวิตรีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส พลางเดินนวยนาถเข้ามาในห้องทำงานกว้าง ใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มและความมั่นใจ เธอเป็นสาวไฮโซที่เคยเข้ามาติดพันภาคินมานาน แต่ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขายังไม่เคยลงรอยกันอย่างที่เธอหวัง
เคนหันไปทางประตูเมื่อเห็นสาวิตรีเข้ามา เขาก้มหน้าลงเล็กน้อย กระซิบแซวภาคินเบาๆ
"หรือว่านายจะหาคุณป้าให้หลานสาวคนใหม่ดีวะเพื่อน?" เขาพูดด้วยรอยยิ้มขี้เล่น สายตายังจับจ้องไปที่ภาคินอย่างสนุกสนาน
ภาคินเหลือบมองสาวิตรีที่กำลังเดินตรงเข้ามา แล้วก็หันไปสบตากับเคน พลางยิ้มบางๆ
"ขอบใจมากสำหรับความหวังดีของนายเคน แต่ฉันว่าเป็นนายมากกว่านะที่ต้องการใครสักคนตอนนี้"
สาวิตรีที่ได้ยินเสียงพูดคุย ก็รีบเสริมขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น
"คุยอะไรกันอยู่คะหนุ่มๆ? มีอะไรที่ดิฉันพอจะช่วยได้ไหม?"
เธอเอ่ยพลางยิ้มหวานให้ภาคิน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ใกล้ๆ กับเขา
……………………………………………………………….
ลลนาในวัยสิบหกที่มีบุคลิกก๋ากั่นและมั่นใจตามแบบเด็กอินเตอร์ทั่วไป มักจะเลือกใส่เสื้อผ้าสบายๆ ตามใจตัวเองอยู่เสมอ เมื่ออยู่ที่บ้าน เธอจะชอบใส่กางเกงขาสั้นที่สั้นเกินไป จนเผยให้เห็นเรียวขาที่เนียนขาว และเสื้อรัดรูปตัวเล็กที่พอดีตัวเน้นรูปร่าง ทำให้ทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน ภาคินต้องเผลอสังเกตด้วยความไม่ตั้งใจ เขารู้ดีว่าสไตล์การแต่งตัวของเธอเป็นเรื่องปกติในสังคมที่เธอเติบโตมา แต่สำหรับเขาแล้ว มันทำให้เขาต้องพยายามควบคุมตัวเองอย่างมากขึ้นทุกวัน
อาหารค่ำคืนนี้ก็ไม่ต่างจากทุกครั้งที่ผ่านมาภาคินนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารใหญ่กลางห้อง โคมไฟสว่างไสวแต่บรรยากาศกลับเงียบเชียบ รอให้คนรับใช้ไปตามลลนามาทานอาหารด้วยกัน ไม่กี่อึดใจหลังจากที่ได้รับแจ้ง ลลนาก็วิ่งลงบันไดมาและเมื่อเสียงฝีเท้าดังขึ้นบนบันได เขาก็เงยหน้าขึ้นมองทันที
ลลนาเดินลงมาด้วยชุดเสื้อสายเดี่ยวรัดรูปสีดำและกางเกงขาสั้นที่แทบจะปกปิดอะไรไม่ได้ ผิวขาวเนียนตัดกับเนื้อผ้าที่แนบเนื้อ เธอรู้ดีว่าเสื้อผ้าชิ้นนี้ทำให้เขาต้องหันมามองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ภาคินยังคงพยายามรักษาสีหน้าขรึมและคุมอารมณ์ไม่ให้แสดงออก แม้จะรู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทุกครั้งที่เห็นเธอในสภาพเช่นนี้
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ที่ใกล้กับเขามากที่สุด ขาเรียวยาวของเธอขยับเบาๆ ทำให้ชายกางเกงยิ่งเลิกขึ้นจนเกือบถึงโคนขา ภาคินพยายามไม่มอง แต่ความเซ็กซี่ที่เย้ายวนก็ทำให้เขาต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
"น้อย ตักข้าวเถอะ" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะคงความปกติ น้อย สาวใช้คนสนิทรีบเดินเข้ามาตักอาหารใส่จานให้ทั้งคู่ แต่บรรยากาศที่ร้อนระอุอยู่ระหว่างเขากับลลนานั้นยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ลลนาหยิบส้อมขึ้นมา ทานอาหารไปพลาง ส่งสายตาลึกลับไปยังภาคินเป็นระยะ เธอรู้ว่าเขาพยายามควบคุมตัวเองอยู่ แต่เธอก็อยากจะทดสอบความอดทนของเขามากขึ้นเรื่อยๆ ความเงียบที่แผ่ซ่านอยู่รอบตัวนั้นไม่ได้ลดความเร้าใจลงแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม มันกลับทำให้ทุกอย่างดูเหมือนจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ
“ลุงว่าเราควรไปเรียนต่อต่างประเทศ”
ภาคินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่น สายตาเขามองตรงไปยังลลนาที่นั่งอยู่
“ลุงดูที่เรียนให้แล้ว พร้อมเมื่อไหร่ไปได้เลย”
ลลนาชะงัก หยุดช้อนที่กำลังตักอาหารไว้กลางอากาศ ก่อนจะวางมันลงเบาๆ เธอมองภาคินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและตกใจ ราวกับไม่ได้คาดคิดว่าคำพูดนี้จะหลุดออกมาจากปากของเขา
“คุณลุงคะ...”
เธอพยายามจะเอ่ยอะไรสักอย่าง แต่กลับไม่สามารถหาคำพูดได้ ลลนารู้สึกถึงบางอย่างที่หนักอึ้งทับอยู่ในอก ความหมายของคำพูดนั้นชัดเจนว่าเขาต้องการให้เธอไปไกลจากที่นี่ ไกลจากเขา
แต่ภาคินไม่ละสายตาจากเธอ ใบหน้าของเขายังคงเคร่งขรึมและนิ่งเฉย ราวกับกำลังทำสิ่งที่ถูกต้อง
“หนูไม่ไปค่ะ ยังไงก็ไม่ไป!”
ลลนาโพล่งออกมาอย่างขัดใจ ขณะที่เธอวางช้อนบนโต๊ะอาหารด้วยแรงที่ทำให้เกิดเสียงดัง “ปึง!” ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว
เธอเดินหนีไปทางบันไดอย่างไม่สนใจ ภาคินเห็นเพียงแค่หลังของเธอที่หายไป พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นจนเกือบจะเป็นเสียงตะโกน เมื่อเธอวิ่งขึ้นไปยังห้องของตัวเองและปิดประตูด้วยเสียงดัง “ปัง!”
ภาคินนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารด้วยท่าทีที่เรียบเฉย แต่ความผิดหวังและความเครียดที่ทับถมอยู่ในใจเขาไม่สามารถปกปิดได้ เขาหยิบขวดไวน์ขึ้นมา ริน ใส่แก้วของตัวเอง ในขณะที่มองไปที่บันไดอย่างรู้สึกสับสนและเหนื่อยใจ
เขาพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่ออนาคตที่ดีของลลนา แต่ดูเหมือนว่าความตั้งใจของเขาจะไม่เป็นที่ยอมรับจากเธอเลยแม้แต่น้อย ภาคินถอนหายใจยาวและเงียบงันไปในความคิดของเขา เผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า การพยายามควบคุมสิ่งที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ กลับทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่ที่จุดที่ไม่มีทางออก
Lallana:Anna, he’s about to send me away from here. I don’t want to go, not now and not ever.แอนนา เขากำลังจะส่งฉันออกไปจากที่นี่ ฉันไม่อยากไปเลย ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่เคยคิดจะไปAnna:You must really be in love with him, huh? But maybe it’s time to move on, don’t you think?แอนนา: เธอคงจะหลงรักเขามากเลยนะ แต่ฉันว่าตัดใจเถอะ เธอคิดว่ายังไง? ลลนา วางโทรศัพท์ลงอย่างหนักใจ น้ำตาซึม เธอเอนตัวลงบนเตียง บรรยากาศในห้องเงียบสงัด แต่เสียงหัวใจที่เต้นรัวของเธอกลับดังขึ้นในหู เธอคิดถึงคำพูดของแอนนา “ตัดใจเถอะ” คำเหล่านั้นกลับก้องอยู่ในหัวของเธอลลนา นอนพลิกไปมาบนเตียง ความรู้สึกที่มีต่อภาคินท่วมท้นจนทำให้เธอไม่สามารถสงบลงได้ ความรักของเธอช่างร้อนแรงและไม่ยอมที่จะหายไปง่ายๆ“ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?” เธอครางออกมา ความรู้สึกที่ปั่นป่วนในหัวใจทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เธอรู้ดีว่าเขาไม่ใช่ญาติทางสายเลือดของเธอ ความห่างของอายุสิบสี่ปีไม่ควรจะเป็นปัญหา แต่ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ยิ่ง? เธอจินตนาการถึงภาพของภาคิน ว่าด้วยความหล่อเหลาของเขา ความอบ
ภาคินนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องที่สลัวเพียงแสงจากโคมไฟสลัวบนโต๊ะทำงานเขา ดื่มไวน์อย่างช้าๆ เพื่อคลายความเครียดจากวันที่ยาวนาน และพยายามปล่อยให้ความคิดของเขาหลุดลอยไปจากเรื่องที่รบกวนจิตใจเสียงเปิดประตูเบาๆ ทำให้เขาหันไปมอง ร่างเด็กสาวในชุดนอนสุดเซ็กซี่และเย้ายวนใจเดินเข้ามาในห้องอย่างมั่นใจ ชุดนอนที่เธอสวมใส่สั้นและเผยให้เห็นผิวเนียนสวยของเธออย่างชัดเจน สร้างความรู้สึกตื่นเต้นให้กับภาคินที่นั่งอยู่ตรงนั้น“ลลนา” ภาคินเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่ต่ำและไม่ค่อยเชื่อมั่น เขารู้ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเธอเป็นสิ่งที่เขาต้องควบคุม แต่ตอนนี้มันเริ่มยากเกินไปลลนายิ้มให้เขาอย่างมีเสน่ห์ เดินเข้ามาใกล้เธอ และท่าทางของเธอช่างเต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ทำไมลุงยังไม่หลับคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงหวานที่แฝงไปด้วยความท้าทาย ภาคินพยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนไป การมาของลลนาในสภาพนี้ทำให้เขารู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เขาพยายามจะควบคุม ความร้อนที่เกิดขึ้นในตัวเขามันเพิ่มขึ้นจนแทบจะทนไม่ไหว“มันดึกแล้วลลนา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ฟังดูสงบ แต่ลึกๆ แล้วมันเต็มไปด้
หลังจากค่ำคืนนั้นที่ลลนาแสนผิดหวัง เธอหลบหน้าภาคินด้วยการหนีเที่ยวแทบทุกคืน เพื่อปกปิดความรู้สึกที่บอบช้ำ เธอใช้ชีวิตในแบบที่เธอไม่เคยใช้มาก่อน ดื่มด่ำกับการปาร์ตี้และสังสรรค์กับเพื่อนๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ช่วงเย็นของทุกวัน เธอมักจะอาศัยช่วงเวลาที่เหลืออยู่เพื่อเดินทางไปยังผับหรือคลับสุดฮิตในเมือง หรือไม่ก็ออกไปพบปะกับกลุ่มเพื่อนที่มีชีวิตชีวาในงานเลี้ยงต่างๆ การที่เธอหลบหน้าและตัดขาดจากความสัมพันธ์ที่เคยใกล้ชิดกับภาคินนั้นทำให้เธอรู้สึกว่าการใช้ชีวิตอย่างไม่คิดอะไรมากอาจจะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากความรู้สึกที่เจ็บปวดได้ในขณะที่เธอหลีกเลี่ยงการกลับบ้านและการพบปะกับภาคิน เธอรู้สึกถึงความสับสนและความรู้สึกผิดหวังที่ยังคงค้างคาในใจ แม้ว่าการเที่ยวไปทุกคืนจะช่วยให้เธอเบี่ยงเบนความสนใจจากสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวด แต่เธอก็รู้ดีว่าในที่สุด ความรู้สึกที่แท้จริงและความเจ็บปวดที่เธอพยายามหลบหนีจะต้องตามกลับมาทำให้เธอต้องเผชิญหน้าอีกครั้งท่ามกลางเสียงเพลงและความสนุกสนาน เธออาจจะหลงลืมความเจ็บปวดในชั่วขณะ แต่ลึกลงไปในใจ เธอกลับรู้สึกถึงความโหยหาต่อความรักและการยอมรับที่เธอไม่สามารถหาได้จากการ
การเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศของลลนา เขาเริ่มวางแผนตั้งแต่ก่อนจะเอ่ยปากกับเธอเสียอีก ทุกขั้นตอนถูกคำนวณมาอย่างดี ไม่ใช่แค่เรื่องที่พักอาศัยหรือการสมัครเข้าเรียนเท่านั้นที่เขาจัดการให้เสร็จสรรพ แต่ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่เขาไม่อยากให้ลลนาต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย ภาคินเลือกเมืองที่ลลนาจะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระแต่ปลอดภัย เลือกมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับเธอที่สุด จากนั้นเขาก็เตรียมผู้ช่วยส่วนตัวที่ไว้ใจได้ ไว้คอยดูแลเธอตลอดเวลา ผู้ช่วยคนนี้ไม่เพียงแต่จะจัดการเรื่องเอกสารการเรียน การใช้ชีวิตในต่างแดน หรือการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ แต่ยังถูกฝึกมาให้รู้ใจลลนา รู้ว่าความต้องการของเธอคืออะไร แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ชนิดของกาแฟที่เธอชอบทานตอนเช้า หรือร้านเสื้อผ้าโปรดที่เธออาจอยากไปเยือน ภาคินรู้ดีว่าลลนาอาจจะรู้สึกโดดเดี่ยวในต่างแดน เขาจึงให้ผู้ช่วยคนนี้เป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาในทุกเรื่อง แต่แม้ว่าผู้ช่วยจะดูแลเธออย่างใกล้ชิด รายงานทุกความเคลื่อนไหวของเธอก็จะถูกส่งตรงกลับมาหาเขาอย่างสม่ำเสมอโดยที่ลลนาไม่รู้ตัว เพื่อให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัยและมีความสุ
ภาคินได้เตรียมบ้านหลังใหญ่ไว้ให้ลลนาในย่านคนรวยของกรุงลอนดอน บ้านหลังนี้มีขนาดใหญ่โอ่อ่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวมาก เนื่องจากหมู่บ้านนี้เป็นที่อยู่อาศัยของคนมีฐานะ มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาและเข้มงวด ทำให้ลลนาสามารถรู้สึกปลอดภัยและสบายใจได้อย่างเต็มที่ ตัวบ้านเองมีการตกแต่งอย่างหรูหราและครบครัน ภายในห้องต่างๆ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นดีที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง มีหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติและลมเย็นจากสวนหลังบ้าน สวนดอกไม้ที่ภาคินให้คนมาจัดแต่งไว้อย่างสวยงามนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันที่ผลิบานในทุกฤดูกาล มีมุมพักผ่อนหลายมุมที่ลลนาสามารถนั่งจิบชาอ่านหนังสือได้อย่างสบายใจ ที่พิเศษที่สุดคือสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หลังบ้าน ขอบสระล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีและดอกไม้ที่หอมกรุ่น สระนี้ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี น้ำใสสะอาด สามารถมองเห็นพื้นสระได้ชัดเจน ช่วงเย็นๆ ลลนาสามารถลงเล่นน้ำเพื่อผ่อนคลาย หรือเลือกนอนอาบแดดที่เก้าอี้ริมสระ พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว บ้านหลังนี้ไม่เพีย
มินนี่ส่งรายงานมาพร้อมกับกำหนดการวันรับปริญญาของลลนา รายงานระบุถึงวันที่สำคัญและรายละเอียดทั้งหมดของพิธีรับปริญญา แต่สิ่งที่ทำให้ภาคินรู้สึกเจ็บปวดอย่างแท้จริงคือบันทึกที่ถูกเน้นไว้ในตอนท้ายของรายงาน:“คุณลลนาไม่ต้องการให้คุณภาคินเข้าร่วมการรับปริญญาค่ะ”เมื่อภาคินอ่านข้อความนี้ เขารู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนและเจ็บปวด เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมลลนาถึงตัดสินใจเช่นนี้ สิ่งที่เคยคิดว่ามันอาจจะเป็นโอกาสในการแสดงให้เธอเห็นถึงความใส่ใจและความรักของเขากลับกลายเป็นเรื่องที่เขาต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่เจ็บปวดเขาหยิบรายงานขึ้นมาอีกครั้งและอ่านซ้ำอย่างใจหาย การไม่สามารถร่วมยินดีในวันสำคัญของลลนาเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ภาพของเธอในวันรับปริญญา กลายเป็นสิ่งที่เขาหลับตานึกถึงอย่างรุนแรงและโหยหาภาคินรู้สึกถึงความห่างเหินที่เพิ่มขึ้นระหว่างพวกเขา ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังสูญเสียสิ่งที่เขารักไป การตัดสินใจของลลนา ทำให้เขาเริ่มรู้สึกถึงความว่างเปล่าและความเจ็บปวดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเขาเคารพการตัดสินใจของลลนา แต่ในขณะเดียวกัน เขากลับรู้สึกถึง
เมื่อเวลาผ่านไปหกปี ภาคินได้รับรายงานล่าสุดจากมินนี่ที่ยังคงติดตามข่าวสารเกี่ยวกับลลนาอยู่เป็นระยะ แม้เขาจะไม่แสดงออกให้ใครเห็น แต่ใจของเขากลับสั่นคลอนเมื่ออ่านข้อความที่แจ้งว่า ลลนากำลังคบกับใครบางคนอย่างจริงจัง ลลนาเริ่มต้นความสัมพันธ์กับไมเคิล ชายหนุ่มที่มีอายุห่างจากเธอเกือบแปดปี ความต่างของอายุกลับเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจเธออย่างประหลาด ไมเคิลมีความเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคงและสง่างาม ซึ่งทำให้ลลนารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นในทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขาเธอเองก็ไม่อาจอธิบายได้ชัดเจนว่าทำไมถึงมีความรู้สึกเช่นนี้ แต่มันชัดเจนว่าเธอมีความชอบเป็นพิเศษในผู้ชายที่มีอายุมากกว่า ราวกับว่าความเป็นผู้ใหญ่และประสบการณ์ชีวิตของไมเคิลเป็นเสน่ห์ที่เธอไม่สามารถต้านทานได้ มันทำให้เธอรู้สึกมั่นใจและเต็มใจที่จะเปิดใจรับไมเคิลเข้ามาในชีวิตอย่างเต็มที่ ลลนาที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟเงียบๆ ในลอนดอน มองออกไปยังถนนที่คึกคัก แอนนา เพื่อนรักที่ย้ายมาอยู่เรียนที่เดียวกันได้สองปี เริ่มต้นบทสนทนา“เธอไม่คิดว่าสเปคของเธอมันแปลกเหรอ? ผู้ชายอายุมาก… ฉันไม่อยากทำร้ายน้ำใจเธอนะ” แอนนาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ลลนาในวัยยี่สิบสี่ ปีนี้เธอสวยสะพรั่งอย่างเต็มตัว ทั้งรูปร่างและความมั่นใจในตัวเองทำให้เธอเปล่งประกายยิ่งขึ้น เธอเลือกรับชีวิตใหม่ในลอนดอนอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะต้องอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดลลนาเคยตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไม่กลับไปเมืองไทยอีกแล้ว ความรักครั้งแรกที่เคยเป็นความรักในวัยสิบหก ปีที่เต็มไปด้วยความสับสนและความรู้สึกผิดพลาด ตอนนี้มันยังตามหลอกหลอนเธออยู่เสมอในความเป็นจริง เธอพยายามจะลืมความรู้สึกที่เจ็บปวดนั้น แต่ความทรงจำและความรู้สึกที่เคยมีมันยังคงติดอยู่ในใจ ไม่ว่าจะพยายามปกปิดมันอย่างไรก็ไม่สามารถลบล้างมันได้หมด ลลนาใช้ชีวิตในปัจจุบันเพื่อหนีจากอดีตที่เธอไม่ต้องการให้มันกลับมาเป็นอุปสรรคในการสร้างชีวิตใหม่ของเธอเธอใช้เวลาทั้งหมดที่มีในการทำงานและสนุกกับชีวิตในต่างประเทศ พร้อมกับการเปิดใจรับความรักใหม่จากไมเคิลที่เป็นที่พอใจ แต่ยังคงมีส่วนลึกในใจของเธอที่ไม่สามารถลืมความรู้สึกเก่าๆ ได้ การตัดสินใจที่จะไม่กลับไปยังเมืองไทยคือการเลือกที่จะหนีจากความทรงจำที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอในอดีตเสียงข้อความจากแอนนาAnna: Lalna, I need you here with me. Mom’s really sick, and the doctors
เสียงลมหายใจหนักขึ้นเมื่อทั้งสองเข้ามาใกล้กันมากขึ้น แสงสลัวจากหน้าต่างส่องผ่านเข้ามาในรถ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความปรารถนา เขาใช้ปลายนิ้วไล้เบาๆ ไปตามลำคอของเธอ ความร้อนจากผิวกายของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดเธอหลับตาลง หายใจติดขัดเล็กน้อยเมื่อเขาโน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับเธอเบาๆ ในตอนแรก ก่อนที่ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อร่างทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น ภาคินดึงลลนาเข้ามาใกล้ ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ เขาจับเธอไว้แน่น จูบเร่าร้อนที่ไม่ต้องการคำพูดใดๆ เสียงลมหายใจถี่ๆ ดังสอดคล้องกันในความเงียบของรถที่หยุดนิ่ง ลลนาตอบรับจูบของภาคินอย่างเผลอไผล เธอรู้สึกได้ถึงความกระหายและความต้องการในท่าทีของเขา ริมฝีปากของพวกเขาเคลื่อนไหวรุนแรงและเต็มไปด้วยความปรารถนา มือของภาคินลูบไล้ไปตามร่างกายของลลนา ขณะที่เขาเริ่มปลดชุดของเธอออกช้าๆ ลลนาหอบหายใจแรง ขณะที่ความรู้สึกเร่าร้อนจากจูบและสัมผัสของเขาเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ“คุณลุงคะ...” เธอพึมพำเบาๆ แต่เขาไม่ตอบ เพียงแต่จูบลึกลงไปอีก เสียงหายใจและสัมผัสร้อนแรงปกคลุมทั้งคันรถ ภาคินยังคงกดริมฝีปากจูบลลนา
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามคนก้าวออกมาและเข้าสู่ผับหรูที่ตั้งอยู่บนยอดตึกสูง ดีเจที่อยู่หลังโต๊ะเปิดแผ่นกำลังเล่นเพลงมันส์ที่เต็มไปด้วยจังหวะที่กระฉับกระเฉงและเบสที่หนักหน่วง ทำให้บรรยากาศของผับเต็มไปด้วยพลังและชีวิตชีวา ทุกคนในร้านกำลังเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนานขณะที่เพลงมันส์จากดีเจและแสงไฟที่หมุนเวียนไปทั่วร้านเพิ่มความรู้สึกเซ็กซี่และเต็มไปด้วยพลัง เฟอร์นิเจอร์หนังสีดำและทองคำถูกจัดวางอย่างมีสไตล์ เพิ่มความหรูหราให้กับสถานที่ ผนังของร้านประดับด้วยไฟสีทองที่สลัว ส่องสว่างไปที่โต๊ะและบาร์ ทำให้บรรยากาศดูลึกลับและน่าหลงใหลคีธเดินนำหน้าในชุดสูทสีเข้มที่ดูเนี๊ยบแต่เต็มไปด้วยสไตล์ เขาไม่ผูกเน็กไทและปล่อยให้เชิ้ตด้านในเปิดลงสามเม็ด ทำให้เห็นความเซ็กซี่และมั่นใจในรูปร่างของเขา ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์ในแบบที่ไม่พยายามแอนนาและลลนาเดินตามมาในเดรสสั้นสีดำที่โดดเด่นและเซ็กซี่ แอนนาในเดรสที่เน้นการตัดเย็บเรียบหรูและตกแต่งด้วยลายละเอียดที่เพิ่มความมีเสน่ห์ ขณะที่ลลนาในเดรสที่ท้าทายและทันสมัย ชุดของเธอเน้นรูปร่างได้อย่างดี ทำให้เธอดูเซ็กซี่และสง่างามอย่างเห็นได้ชัด เครื่องป
บรรยากาศในร้านอาหารหรูสไตล์โมเดิร์นที่ทั้งสามนั่งกันนั้นเต็มไปด้วยความทันสมัยและความเรียบหรู ร้านตกแต่งด้วยเส้นสายที่คมชัดและเน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงความสง่างามไว้ได้อย่างดี โทนสีหลักของร้านคือสีขาว ดำ และเทาเข้ม ตัดด้วยแสงไฟนีออนสลัวที่ส่องจากเพดานและผนังกระจกขนาดใหญ่ที่เปิดรับวิวทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนโต๊ะที่พวกเขานั่งเป็นโต๊ะไม้เรียบๆ ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สดสไตล์มินิมอล พร้อมกับเก้าอี้ที่ออกแบบมาให้ดูหรูหราแต่ยังคงความสบาย เมนูที่เสิร์ฟบนโต๊ะเป็นอาหารฟิวชั่นที่จัดเรียงอย่างประณีตในจานเซรามิกเรียบหรู เครื่องดื่มค็อกเทลหลากสีถูกเสิร์ฟมาในแก้วคริสตัลดีไซน์เก๋ ที่โต๊ะริมหน้าต่างบานใหญ่ในร้านอาหารหรูบนยอดตึกสูง สามเพื่อนรัก คีธ แอนนา และลลนา นั่งอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของพวกเขาดังขึ้นเป็นระยะ ขณะที่พวกเขาเล่าเรื่องราวเก่าๆ และแซวกันด้วยความสนิทสนม วิวด้านนอกเผยให้เห็นแสงไฟของเมืองที่ระยิบระยับใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน สะท้อนกับกระจกบานใหญ่ที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังลอยอยู่เหนือเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาพวกเขาพูดคุยถึงเรื่
เคนนั่งหลังพวงมาลัย บึ่งรถหรูของเขากลับบ้าน แต่คำถามของภาคินยังคงก้องอยู่ในหัว "นายกับแอนนา... ไปถึงไหนกันแล้ว?" แม้จะตอบไปแบบคร่าวๆ แต่เขายังคงคิดถึงเหตุการณ์ที่ทะเล ความทรงจำนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในใจเขา เขาหันกลับมานึกถึงค่ำคืนนั้น ภาพของแอนนาภายใต้แสงจันทร์ที่สะท้อนบนผิวน้ำ เสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง กับแรงปรารถนาที่ทั้งสองต่างไม่อาจต้านทานได้ เคนขบกรามแน่นเล็กน้อย ขณะที่ความรู้สึกที่เขามีต่อแอนนาค่อยๆ ทวีความซับซ้อนมากขึ้น เขาหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ภาพแอนนาท่ามกลางแสงจันทร์ริมทะเล แทบจะไม่สวมอะไรเลย ยังคงติดตรึงในหัวเขา คืนที่เร่าร้อนและไม่มีใครลืมได้ง่ายๆ เคนไม่ใช่คนที่จะติดใจใครง่ายๆ แต่กับแอนนา เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ท้าทายและยั่วยวนเกินจะต้านทาน……………………………………………………..ค่ำคืนนั้น........ แอนนาที่ดื่มจนได้ที่ รู้สึกถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทุกวินาที ค่ำคืนนี้เธอตัดสินใจไม่ยับยั้งความรู้สึกของตัวเอง สวมชุดชั้นในสีดำบางเบาที่แสนวาบหวิว รัดรูปเผยให้เห็นทุกสัดส่วนของร่างกายอย่างยั่วยวน เธอเดินช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ตรงไปที่ห้องของเ
เคนเดินวนไปวนมาด้วยความร้อนใจในห้องทำงานของภาคิน พอได้ฟังเรื่องทั้งหมด เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง“ห๊ะ? สารภาพรักแล้วจูบกันนิดหน่อย แล้วก็แค่กอดกันทั้งคืนเหรอ?” เคนพูดเสียงหลง ก่อนจะทำท่าจะบ้าตาย “ภาคิน ไอ้บ้านี่ อายุอานามเท่าไหร่แล้ววะ? มาเล่นบทหนุ่มน้อยอยู่ได้ บอกว่าให้จัดการให้อยู่หมัดไงวะ!”เขาส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ “เดี๋ยวเธอก็หนีไปอีกหรอก อย่ามาทำแบบนี้! ต้องทำอะไรให้ชัดเจนสิ ไม่งั้นจะกลายเป็นเรื่องไม่จบไม่สิ้น”เคนเดินไปมาเหมือนเป็นคนขาดสติ เขามองภาคินด้วยความคาดหวังและความผิดหวังในเวลาเดียวกัน “เอาให้เด็ดขาด! อย่ามาเล่นตัวแบบนี้ ถ้ารักจริงต้องทำให้เธอเห็นสิ!”ภาคินยิ้มให้กับความร้อนใจของเคน แต่เขาก็รู้ดีว่าเคนพูดถูก ในใจเขายังคงรู้สึกถึงความไม่มั่นคงและความหวั่นใจ แต่เขาต้องหาทางจัดการกับความรู้สึกนี้ให้ได้“ขอบใจที่เตือน” ภาคินพูดเบาๆ “แต่บางครั้งก็ต้องให้เวลาหัวใจตัวเองได้คิดบ้าง”เออ แล้ววันนั้นแกกับแอนนาไปพักที่ไหน ไม่ใช่ว่าแกทำอะไรเกินไปแล้วนะเว้ย พูดมา ภาคินคาดคั้น เคนละล่ำละลักจะปฏิเสธ แต่โดนเพื่อนรักไล่ต้อนจนในที่สุดก็เล่าถึงสถานการณ์ของเขากับแอนนาให้ภาคินฟัง ภาคินฟังแ
ภาคินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากมื้อค่ำและการโต้เถียงกับลลนา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นชื่อ "เคน" ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เขากดรับสายด้วยความรู้สึกหนักหน่วง"อย่าปล่อยโอกาสนี้เสียเปล่าไปนะเพื่อน" เคนพูดขึ้น เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและแรงกระตุ้นภาคินถอนหายใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เขาพยายามควบคุมความรู้สึกของตัวเอง"ปล้ำเลยสิ" เคนพูดอีกครั้งอย่างเร่งรีบภาคินส่ายหัวเบา ๆ ในใจ เขาไม่อยากทำร้ายลลนา เขารู้ว่าเรื่องนี้ต้องใช้ความระมัดระวัง"หรือจะยอมปล่อยไปล่ะ" เคนกล่าวต่อ"ไม่" ภาคินตอบกลับสั้น ๆ"อาทิตย์หน้าเขาก็จะหนีไปตลอดกาลเลยนะ คิดดูดี ๆ ถ้ารักก็ทำเลย" เคนบีบให้ภาคินคิดให้รอบคอบ ภาคินนิ่งเงียบในขณะที่เสียงของเคนสิ้นสุดลง เขารู้ว่าเคนพูดถูก แต่ความรู้สึกที่แสนสับสนและความกดดันทำให้เขายังไม่สามารถตัดสินใจได้ เขากดวางสายโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ ก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเพื่อพยายามปลอบประโลมตัวเองในขณะที่ความคิดวิ่งวนในหัว………………………………………..ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลลนาเดินไปเปิดประตูและพบกับชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านนอก ภาคินที่ดูไม่ค่อยเหมือนค
ความเงียบก่อตัวขึ้นในวิลล่าหรูหรา มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ที่แฝงความอึดอัดระหว่างทั้งสองคน ภาคินยืนพิงผนัง มองไปยังลลนาอย่างไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นการสนทนายังไงดี ส่วนลลนานั่งอยู่ริมหน้าต่าง เบือนหน้าออกไปชมทิวทัศน์ภายนอกที่เงียบสงบ เธอค่อย ๆ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างเรียบเฉย แต่ในใจกลับว้าวุ่น ราวกับพยายามหลบหนีความรู้สึกที่ทับถมอยู่ภายในบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง ความใกล้ชิดของทั้งสองที่เคยคุ้นเคยกลับกลายเป็นเหมือนเขตแดนที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ง่าย ๆ ภาคินลอบถอนหายใจ หวังว่าการพูดอะไรบางอย่างอาจจะช่วยทำลายความเงียบนี้ภาคินเดินอย่างเงียบเชียบไปที่โต๊ะวางขวดไวน์ ก่อนรินของเหลวสีแดงเข้มลงในแก้วคริสตัล เสียงไวน์ไหลกระทบแก้วแผ่วเบาแต่ชัดเจนท่ามกลางความเงียบ เขายกแก้วขึ้นจิบช้า ๆ แล้วเดินกลับไปนั่งทอดยาวบนโซฟา เบือนสายตาไปยังลลนาที่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างเธอยังคงถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ร่างบางของเธอยืนในแสงสลัวที่สะท้อนเข้ามาจากภายนอก ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ภาคินมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความหลงใหลและความคาดหวัง สาวน้อยของเขาช่างดูสวยสง่า แ
แอนนาตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงการไปเที่ยวทะเลในวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอจึงไม่รีรอที่จะชวนลลนาเพื่อนรักของเธอไปด้วย “ลลนา ไปทะเลกันเถอะ! เราไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้วนะ” แอนนาพูดอย่างกระตือรือร้นเมื่อโทรหาเพื่อนสาวของเธอลลนายิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงสดใสของแอนนา “เอาสิ! ฉันก็กำลังอยากจะไปพักผ่อนเหมือนกัน”วันรุ่งขึ้น แอนนาก็ขับรถมารับลลนาที่บ้าน ตั้งใจจะออกเดินทางแต่เช้าตรู่เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในเมือง แอนนายื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถพร้อมรอยยิ้มสดใส “พร้อมยังจ๊ะ สาวน้อย?”ลลนาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ “พร้อมแล้วจ้า ไปกันเลย!”ทั้งคู่จึงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังทะเลด้วยกัน ทิ้งความกังวลและเรื่องวุ่นวายทั้งหมดไว้เบื้องหลัง ตั้งใจจะใช้เวลาสนุกสนานด้วยกันอย่างเต็มที่………………………………………….ภาคินเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางสงสัย เมื่อเขาไม่เห็นลลนาอยู่ตามปกติ เขาจึงถามคนรับใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ "น้อย คุณลิสไปไหนหรือ?"น้อยเงยหน้าขึ้นตอบอย่างสุภาพ "คุณลิสไปทะเลกับคุณแอนนาค่ะ พวกเขาออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ""น้อย โทรหาคุณลิสหน่อยสิ ถามว่าพวกเขาไปที่ไหนกันแน่"น้อยทำหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าถามเ
ในผับหรูแห่งหนึ่งที่มีแสงไฟสลัวและเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ แอนนานั่งอยู่ที่บาร์หรูข้างๆ ลลนา สาวสวยในชุดที่ดูสง่างาม ยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อคขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วด้วยความเครียดและปวดร้าวในใจลลนาหลุบตาลงมองแก้วที่ว่างเปล่า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจ Anna, what? Oh my God, this is insane.แอนนา อะไรนะ โอ้ พระเจ้า มันบ้ามากLalana: "I'm going back to England."ลลนา: "ฉันจะกลับอังกฤษ"แอนนาเฝ้ามองลลนาด้วยความห่วงใย เอื้อมมือไปจับมือของลลนาอย่างปลอบโยน และเอ่ยถาม "How long are you going to run away from your own feelings? If you love him, just admit it!""เธอจะหนีความรู้สึกตัวเองไปถึงเมื่อไหร่ รักก็รักสิ" ไม่มีคำพูดใดอีกในท่ามกลางแสงสีสลัว สองสาวยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ไม่นานลลนาก็เริ่มเบลอเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ส่วนแอนนายังพอมีสติอยู่บ้าง แต่ก็มึนเมาไม่ต่างกันมากนักแอนนาที่เริ่มเบลอเห็นร่างสูงใหญ่ของชายสองคนเดินตรงมาที่เธอกับลลนาที่เมาฟุบลงกับบาร์เรียบร้อยแล้ว เธอเขย่าแขนเพื่อนรักเบา ๆ “ลิสๆ คนนั้นหน้าเหมือนคุณลุงเธอเลย หล่อเข้มจัง”