การเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศของลลนา เขาเริ่มวางแผนตั้งแต่ก่อนจะเอ่ยปากกับเธอเสียอีก ทุกขั้นตอนถูกคำนวณมาอย่างดี ไม่ใช่แค่เรื่องที่พักอาศัยหรือการสมัครเข้าเรียนเท่านั้นที่เขาจัดการให้เสร็จสรรพ แต่ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่เขาไม่อยากให้ลลนาต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย
ภาคินเลือกเมืองที่ลลนาจะได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระแต่ปลอดภัย เลือกมหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับเธอที่สุด จากนั้นเขาก็เตรียมผู้ช่วยส่วนตัวที่ไว้ใจได้ ไว้คอยดูแลเธอตลอดเวลา ผู้ช่วยคนนี้ไม่เพียงแต่จะจัดการเรื่องเอกสารการเรียน การใช้ชีวิตในต่างแดน หรือการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ แต่ยังถูกฝึกมาให้รู้ใจลลนา รู้ว่าความต้องการของเธอคืออะไร แม้แต่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น ชนิดของกาแฟที่เธอชอบทานตอนเช้า หรือร้านเสื้อผ้าโปรดที่เธออาจอยากไปเยือน
ภาคินรู้ดีว่าลลนาอาจจะรู้สึกโดดเดี่ยวในต่างแดน เขาจึงให้ผู้ช่วยคนนี้เป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาในทุกเรื่อง แต่แม้ว่าผู้ช่วยจะดูแลเธออย่างใกล้ชิด รายงานทุกความเคลื่อนไหวของเธอก็จะถูกส่งตรงกลับมาหาเขาอย่างสม่ำเสมอโดยที่ลลนาไม่รู้ตัว เพื่อให้แน่ใจว่าเธอปลอดภัยและมีความสุข
แม้ว่าลลนาจะไม่ได้อยู่ใกล้เขาแล้ว แต่ภาคินก็ยังรู้สึกว่าเธออยู่ในสายตาของเขาเสมอ มันเป็นการดูแลจากระยะไกลที่เขาจัดการไว้ด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด แม้ว่าเขาจะต้องยอมรับว่าความสัมพันธ์ของพวกเขากำลังเปลี่ยนไป แต่เขาก็ยังไม่สามารถละทิ้งความห่วงใยที่มีต่อเธอได้
ลลนายืนอยู่หน้าเกตด้วยดวงตาที่แฝงความเศร้า เธอหันกลับมามองภาคินเป็นครั้งสุดท้าย
“ขอบคุณสำหรับทุกๆ อย่างค่ะคุณลุง... หนูคิดว่าการลาครั้งนี้ หนูอาจจะไม่กลับมาอีก”
คำพูดของเธอทำให้หัวใจของภาคินสั่นไหว ความรู้สึกหวาดหวั่นแผ่ซ่านเข้ามาทันทีที่ได้ยิน เขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เสียงของเขากลับติดขัด ไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยคำใดออกมา ลลนาก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างแน่วแน่ ทิ้งเขาไว้เพียงลำพังกับความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายได้ เธอจากไปพร้อมกับความรู้สึกที่เหมือนจะพรากบางสิ่งสำคัญไปจากเขาอย่างไม่มีวันหวนกลับ
………………………………………………….
สามเดือนผ่านไป รายงานเกี่ยวกับลลนาถูกส่งมาวางไว้บนโต๊ะภาคินอย่างสม่ำเสมอ เกือบทุกอาทิตย์ เขามักจะเปิดอ่านทันทีที่ได้รับ แต่ครั้งนี้เขาหยิบภาพถ่ายที่แนบมาด้วยขึ้นมาดูอย่างเงียบๆ ในภาพ ลลนาดูสดใส ร่าเริง หัวเราะท่ามกลางเพื่อนใหม่มากมาย มุมปากของภาคินยกขึ้นเล็กน้อยแต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไป เขาเฝ้ามองภาพถ่ายเหล่านั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สึกถึงความสุขที่เธอพบเจอในที่ห่างไกล
ขณะที่เขากำลังจมอยู่กับภาพเหล่านั้น เสียงประตูเปิดออกทำให้เขาสะดุ้ง เคนเดินเข้ามาในห้อง
“นายไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนะ ภาคิน”
เคนเอ่ยขึ้น พลางหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบ
“สาวน้อยสาวใหญ่มารุมล้อมก็ไม่เคยเห็นหวั่นไหวกับใคร อย่าบอกนะว่าคราวนี้โดนสาวน้อยวัยคราวลูกขโมยหัวใจเข้าให้แล้ว”
ภาคินเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาที่เคร่งขรึม เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่ได้ตอบอะไรออกมาทันที ความเงียบที่ปกคลุมระหว่างพวกเขาทำให้เคนยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตนเองพูด
“ไม่พูดอะไร แสดงว่าไม่ปฏิเสธสินะ” เคนพูดต่อด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “แบบนี้แสดงว่าลลนามีผลกับนายจริง ๆ”
ภาคินยังคงเงียบ แต่สายตาที่หลบไปเล็กน้อยก็บ่งบอกได้ชัดเจนว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจตัวเองได้ ไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้ง ความหวั่นไหวเมื่อได้อยู่ใกล้ลลนาก็ไม่เคยจางหาย มันกลับยิ่งชัดเจนขึ้นทุกวัน
“ฉันไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้”
ภาคินพูดออกมาเบา ๆ หลังจากเงียบไปนาน น้ำเสียงที่ราบเรียบแต่เจือความรู้สึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ทำให้เคนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเห็นใจเพื่อนรัก
“บางครั้ง ความรู้สึกมันก็ห้ามกันไม่ได้ นายก็รู้”
เคนพูดเบา ๆ และวางมือลงบนไหล่ของภาคิน
“แต่ยังไงก็อย่าลืมนะว่าลลนาเป็นใคร และนายเองก็เป็นใคร”
ภาคินพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้ว่าคำพูดของเคนจะย้ำเตือนถึงความเป็นจริงที่เขาไม่อาจมองข้ามได้ แต่ความรู้สึกในใจกลับไม่อาจจะปิดกั้นได้อีกต่อไปแล้ว
ภาคินได้เตรียมบ้านหลังใหญ่ไว้ให้ลลนาในย่านคนรวยของกรุงลอนดอน บ้านหลังนี้มีขนาดใหญ่โอ่อ่า ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัวมาก เนื่องจากหมู่บ้านนี้เป็นที่อยู่อาศัยของคนมีฐานะ มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาและเข้มงวด ทำให้ลลนาสามารถรู้สึกปลอดภัยและสบายใจได้อย่างเต็มที่ ตัวบ้านเองมีการตกแต่งอย่างหรูหราและครบครัน ภายในห้องต่างๆ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ชั้นดีที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ห้องนั่งเล่นกว้างขวาง มีหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดรับแสงธรรมชาติและลมเย็นจากสวนหลังบ้าน สวนดอกไม้ที่ภาคินให้คนมาจัดแต่งไว้อย่างสวยงามนั้นเต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสันที่ผลิบานในทุกฤดูกาล มีมุมพักผ่อนหลายมุมที่ลลนาสามารถนั่งจิบชาอ่านหนังสือได้อย่างสบายใจ ที่พิเศษที่สุดคือสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่หลังบ้าน ขอบสระล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีและดอกไม้ที่หอมกรุ่น สระนี้ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี น้ำใสสะอาด สามารถมองเห็นพื้นสระได้ชัดเจน ช่วงเย็นๆ ลลนาสามารถลงเล่นน้ำเพื่อผ่อนคลาย หรือเลือกนอนอาบแดดที่เก้าอี้ริมสระ พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว บ้านหลังนี้ไม่เพีย
มินนี่ส่งรายงานมาพร้อมกับกำหนดการวันรับปริญญาของลลนา รายงานระบุถึงวันที่สำคัญและรายละเอียดทั้งหมดของพิธีรับปริญญา แต่สิ่งที่ทำให้ภาคินรู้สึกเจ็บปวดอย่างแท้จริงคือบันทึกที่ถูกเน้นไว้ในตอนท้ายของรายงาน:“คุณลลนาไม่ต้องการให้คุณภาคินเข้าร่วมการรับปริญญาค่ะ”เมื่อภาคินอ่านข้อความนี้ เขารู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน ช่วงเวลานี้เต็มไปด้วยความรู้สึกที่สับสนและเจ็บปวด เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมลลนาถึงตัดสินใจเช่นนี้ สิ่งที่เคยคิดว่ามันอาจจะเป็นโอกาสในการแสดงให้เธอเห็นถึงความใส่ใจและความรักของเขากลับกลายเป็นเรื่องที่เขาต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่เจ็บปวดเขาหยิบรายงานขึ้นมาอีกครั้งและอ่านซ้ำอย่างใจหาย การไม่สามารถร่วมยินดีในวันสำคัญของลลนาเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน ภาพของเธอในวันรับปริญญา กลายเป็นสิ่งที่เขาหลับตานึกถึงอย่างรุนแรงและโหยหาภาคินรู้สึกถึงความห่างเหินที่เพิ่มขึ้นระหว่างพวกเขา ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังสูญเสียสิ่งที่เขารักไป การตัดสินใจของลลนา ทำให้เขาเริ่มรู้สึกถึงความว่างเปล่าและความเจ็บปวดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเขาเคารพการตัดสินใจของลลนา แต่ในขณะเดียวกัน เขากลับรู้สึกถึง
เมื่อเวลาผ่านไปหกปี ภาคินได้รับรายงานล่าสุดจากมินนี่ที่ยังคงติดตามข่าวสารเกี่ยวกับลลนาอยู่เป็นระยะ แม้เขาจะไม่แสดงออกให้ใครเห็น แต่ใจของเขากลับสั่นคลอนเมื่ออ่านข้อความที่แจ้งว่า ลลนากำลังคบกับใครบางคนอย่างจริงจัง ลลนาเริ่มต้นความสัมพันธ์กับไมเคิล ชายหนุ่มที่มีอายุห่างจากเธอเกือบแปดปี ความต่างของอายุกลับเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจเธออย่างประหลาด ไมเคิลมีความเป็นผู้ใหญ่ที่มั่นคงและสง่างาม ซึ่งทำให้ลลนารู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นในทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขาเธอเองก็ไม่อาจอธิบายได้ชัดเจนว่าทำไมถึงมีความรู้สึกเช่นนี้ แต่มันชัดเจนว่าเธอมีความชอบเป็นพิเศษในผู้ชายที่มีอายุมากกว่า ราวกับว่าความเป็นผู้ใหญ่และประสบการณ์ชีวิตของไมเคิลเป็นเสน่ห์ที่เธอไม่สามารถต้านทานได้ มันทำให้เธอรู้สึกมั่นใจและเต็มใจที่จะเปิดใจรับไมเคิลเข้ามาในชีวิตอย่างเต็มที่ ลลนาที่นั่งอยู่ในร้านกาแฟเงียบๆ ในลอนดอน มองออกไปยังถนนที่คึกคัก แอนนา เพื่อนรักที่ย้ายมาอยู่เรียนที่เดียวกันได้สองปี เริ่มต้นบทสนทนา“เธอไม่คิดว่าสเปคของเธอมันแปลกเหรอ? ผู้ชายอายุมาก… ฉันไม่อยากทำร้ายน้ำใจเธอนะ” แอนนาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ลลนาในวัยยี่สิบสี่ ปีนี้เธอสวยสะพรั่งอย่างเต็มตัว ทั้งรูปร่างและความมั่นใจในตัวเองทำให้เธอเปล่งประกายยิ่งขึ้น เธอเลือกรับชีวิตใหม่ในลอนดอนอย่างเต็มที่ แม้ว่าจะต้องอยู่ห่างไกลจากบ้านเกิดลลนาเคยตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไม่กลับไปเมืองไทยอีกแล้ว ความรักครั้งแรกที่เคยเป็นความรักในวัยสิบหก ปีที่เต็มไปด้วยความสับสนและความรู้สึกผิดพลาด ตอนนี้มันยังตามหลอกหลอนเธออยู่เสมอในความเป็นจริง เธอพยายามจะลืมความรู้สึกที่เจ็บปวดนั้น แต่ความทรงจำและความรู้สึกที่เคยมีมันยังคงติดอยู่ในใจ ไม่ว่าจะพยายามปกปิดมันอย่างไรก็ไม่สามารถลบล้างมันได้หมด ลลนาใช้ชีวิตในปัจจุบันเพื่อหนีจากอดีตที่เธอไม่ต้องการให้มันกลับมาเป็นอุปสรรคในการสร้างชีวิตใหม่ของเธอเธอใช้เวลาทั้งหมดที่มีในการทำงานและสนุกกับชีวิตในต่างประเทศ พร้อมกับการเปิดใจรับความรักใหม่จากไมเคิลที่เป็นที่พอใจ แต่ยังคงมีส่วนลึกในใจของเธอที่ไม่สามารถลืมความรู้สึกเก่าๆ ได้ การตัดสินใจที่จะไม่กลับไปยังเมืองไทยคือการเลือกที่จะหนีจากความทรงจำที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเธอในอดีตเสียงข้อความจากแอนนาAnna: Lalna, I need you here with me. Mom’s really sick, and the doctors
“ห๊ะ กำลังจะกลับมา?” เคนเอ่ยด้วยความแปลกใจ ก่อนจะหัวเราะเบาๆภาคินพยักหน้าเล็กน้อย สายตาของเขาดูเคร่งขรึมกว่าปกติ แม้จะไม่พูดอะไรออกมา แต่เคนก็รู้ดีว่าภาคินยอมรับสิ่งที่เขาพูด ทั้งสองต่างเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เคนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า“แน่ใจนะว่าจะชนะใจเธอได้เหมือนเดิม?” เคนถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจังขึ้น มองภาคินอย่างตั้งคำถามภาคินนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเบาๆ “ฉันไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง แต่ฉันรู้ว่าเธอสำคัญกับฉันมากเกินกว่าที่จะปล่อยเธอไปง่ายๆ”“ภาคิน นายรู้ใช่ไหมว่าคราวนี้มันไม่ง่ายเหมือนที่ผ่านมา” เคนเตือนด้วยความห่วงใยภาคินถอนหายใจ “ใช่ ฉันรู้… แต่ฉันก็พร้อมที่จะเสี่ยง”“คุณลุงครับ เด็กสาววัยยี่สิบสี่นี่ เขาจะยังมองคุณลุงวัยสามสิบแปดอยู่ไหมครับ?” เคนแกล้งหยอกด้วยรอยยิ้มกวนๆ แต่สายตายังคงมองเพื่อนอย่างสงสัยภาคินยิ้มบางๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามเก็บความกังวลไว้ “ฉันก็หวังว่าเธอจะมองฉันด้วยสายตาแบบเดิม... ถ้าไม่ใช่ ก็ขอแค่เธอให้โอกาสฉันได้อยู่ข้างๆ เธอก็พอ”เคนถอนหายใจเล็กน้อย “นายรู้ใช่ไหมว่ามันยากขึ้นทุกที ไม่เหมือนครั้งก่อนๆ”ภาคินพยักหน้า “ใช่ แต่ฉันก็พร้อมจ
ลลนาสวมกางเกงยีนส์กับเสื้อเชิ้ตสีขาว เดินลงบันไดมาเกือบเที่ยงวัน เธอแปลกใจที่เห็นภาคินยังนั่งดื่มกาแฟอยู่ที่ห้องนั่งเล่น ใบหน้าเขาสงบและครุ่นคิด ราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง“หนูจะไปหาแอนนาค่ะ” ลลนาเอ่ยขึ้นเพื่อทำลายความเงียบภาคินเงยหน้าขึ้นมองเธอ ดวงตาแฝงความอ่อนโยน "เดี๋ยวลุงพาไป"“วันนี้ไม่เข้าบริษัทเหรอคะ หนูไปเองก็ได้” ลลนาพยายามปฏิเสธอย่างนุ่มนวล เธอไม่อยากรบกวนเขาแต่ภาคินยังยืนยันด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นกว่าเดิม “เดี๋ยวลุงไปส่ง”คำย้ำของเขาไม่เปิดโอกาสให้เธอปฏิเสธอีก ลลนารู้สึกได้ถึงความห่วงใยที่ซ่อนอยู่ในท่าทางและน้ำเสียงนั้น แม้จะไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาถึงดูตั้งใจที่จะอยู่ใกล้ชิดเธอขนาดนี้ แต่เธอก็ยอมรับข้อเสนอของเขาอย่างไม่ขัดใจ"ตี๊ดด ตี๊ดดด" ลลนาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเบอร์ที่โชว์บนหน้าจอ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเธอ สายตาเธอเต็มไปด้วยความอ่อนโยน เขาเหลือบมองด้วยความสงสัยและใจที่กระวนกระวายเมื่อเห็นเธอยิ้มก่อนจะกดรับโทรศัพท์ "Hey babe, I just arrived. I’m heading out to see Anna now!""ค่ะที่รัก ฉันถึงแล้ว กำลังออกไปหาแอนนาเลย!"I’ll give you a call later. Don’t worry, I’m doing
ไม่ถึงอาทิตย์หลังจากที่ลลนามาถึง แม่ของแอนนาเพื่อนรักของเธอก็จากไป หลังจากการจัดงานศพที่เธอได้อยู่เคียงข้างแอนนาไม่เคยห่างตลอดทั้งวันและคืน ลลนาที่แทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลย กลับมาบ้านในบ่ายวันถัดไปด้วยสภาพที่เหนื่อยล้าอย่างที่สุดเมื่อเธอก้าวเข้าสู่บ้านที่คุ้นเคย เธอรู้สึกถึงความว่างเปล่าและความเงียบสงบที่ทำให้เธอรู้สึกท่วมท้น เธอวางกระเป๋าสะพายลงอย่างอ่อนล้า ก่อนจะเดินช้าๆ ไปที่ชานบ้านที่ทอดยาวออกไปยังสวนดอกไม้ที่เธอชอบในสภาพที่หมดแรงจากการดูแลเพื่อนรักและรับมือกับความสูญเสีย เธอนั่งลงบนเก้าอี้ยาวด้วยท่าทางที่แสดงถึงความเหนื่อยล้าอย่างแท้จริง เธอเอนกายลงและหลับตา ปล่อยให้ความรู้สึกอ่อนเพลียและความเครียดทั้งหมดหายไปลมเย็นๆ ที่พัดผ่านสวนทำให้เธอรู้สึกสบาย แต่ก็ไม่สามารถลบล้างความรู้สึกอ่อนล้าที่สั่งสมมานานได้ ภาคินที่กลับมาถึงบ้านเห็นลลนานอนหลับอยู่ที่ชานบ้าน จึงเดินเข้าไปใกล้เธออย่างเงียบๆ ด้วยความรู้สึกห่วงใยเขาพบเธอนอนหลับลึกด้วยสีหน้าที่บ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าภาคินหยิบผ้าห่มมาคลุมให้ลลนาอย่างเบามือ เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นและนุ่มนวล ทำให้เธอตื่นขึ้นจากการหลับที่เหน็ดเหนื่อย
ในผับหรูแห่งหนึ่งที่มีแสงไฟสลัวและเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ แอนนานั่งอยู่ที่บาร์หรูข้างๆ ลลนา สาวสวยในชุดที่ดูสง่างาม ยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อคขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วด้วยความเครียดและปวดร้าวในใจลลนาหลุบตาลงมองแก้วที่ว่างเปล่า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจ Anna, what? Oh my God, this is insane.แอนนา อะไรนะ โอ้ พระเจ้า มันบ้ามากLalana: "I'm going back to England."ลลนา: "ฉันจะกลับอังกฤษ"แอนนาเฝ้ามองลลนาด้วยความห่วงใย เอื้อมมือไปจับมือของลลนาอย่างปลอบโยน และเอ่ยถาม "How long are you going to run away from your own feelings? If you love him, just admit it!""เธอจะหนีความรู้สึกตัวเองไปถึงเมื่อไหร่ รักก็รักสิ" ไม่มีคำพูดใดอีกในท่ามกลางแสงสีสลัว สองสาวยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ไม่นานลลนาก็เริ่มเบลอเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ส่วนแอนนายังพอมีสติอยู่บ้าง แต่ก็มึนเมาไม่ต่างกันมากนักแอนนาที่เริ่มเบลอเห็นร่างสูงใหญ่ของชายสองคนเดินตรงมาที่เธอกับลลนาที่เมาฟุบลงกับบาร์เรียบร้อยแล้ว เธอเขย่าแขนเพื่อนรักเบา ๆ “ลิสๆ คนนั้นหน้าเหมือนคุณลุงเธอเลย หล่อเข้มจัง”
เสียงลมหายใจหนักขึ้นเมื่อทั้งสองเข้ามาใกล้กันมากขึ้น แสงสลัวจากหน้าต่างส่องผ่านเข้ามาในรถ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความปรารถนา เขาใช้ปลายนิ้วไล้เบาๆ ไปตามลำคอของเธอ ความร้อนจากผิวกายของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดเธอหลับตาลง หายใจติดขัดเล็กน้อยเมื่อเขาโน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับเธอเบาๆ ในตอนแรก ก่อนที่ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อร่างทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น ภาคินดึงลลนาเข้ามาใกล้ ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ เขาจับเธอไว้แน่น จูบเร่าร้อนที่ไม่ต้องการคำพูดใดๆ เสียงลมหายใจถี่ๆ ดังสอดคล้องกันในความเงียบของรถที่หยุดนิ่ง ลลนาตอบรับจูบของภาคินอย่างเผลอไผล เธอรู้สึกได้ถึงความกระหายและความต้องการในท่าทีของเขา ริมฝีปากของพวกเขาเคลื่อนไหวรุนแรงและเต็มไปด้วยความปรารถนา มือของภาคินลูบไล้ไปตามร่างกายของลลนา ขณะที่เขาเริ่มปลดชุดของเธอออกช้าๆ ลลนาหอบหายใจแรง ขณะที่ความรู้สึกเร่าร้อนจากจูบและสัมผัสของเขาเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ“คุณลุงคะ...” เธอพึมพำเบาๆ แต่เขาไม่ตอบ เพียงแต่จูบลึกลงไปอีก เสียงหายใจและสัมผัสร้อนแรงปกคลุมทั้งคันรถ ภาคินยังคงกดริมฝีปากจูบลลนา
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามคนก้าวออกมาและเข้าสู่ผับหรูที่ตั้งอยู่บนยอดตึกสูง ดีเจที่อยู่หลังโต๊ะเปิดแผ่นกำลังเล่นเพลงมันส์ที่เต็มไปด้วยจังหวะที่กระฉับกระเฉงและเบสที่หนักหน่วง ทำให้บรรยากาศของผับเต็มไปด้วยพลังและชีวิตชีวา ทุกคนในร้านกำลังเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนานขณะที่เพลงมันส์จากดีเจและแสงไฟที่หมุนเวียนไปทั่วร้านเพิ่มความรู้สึกเซ็กซี่และเต็มไปด้วยพลัง เฟอร์นิเจอร์หนังสีดำและทองคำถูกจัดวางอย่างมีสไตล์ เพิ่มความหรูหราให้กับสถานที่ ผนังของร้านประดับด้วยไฟสีทองที่สลัว ส่องสว่างไปที่โต๊ะและบาร์ ทำให้บรรยากาศดูลึกลับและน่าหลงใหลคีธเดินนำหน้าในชุดสูทสีเข้มที่ดูเนี๊ยบแต่เต็มไปด้วยสไตล์ เขาไม่ผูกเน็กไทและปล่อยให้เชิ้ตด้านในเปิดลงสามเม็ด ทำให้เห็นความเซ็กซี่และมั่นใจในรูปร่างของเขา ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์ในแบบที่ไม่พยายามแอนนาและลลนาเดินตามมาในเดรสสั้นสีดำที่โดดเด่นและเซ็กซี่ แอนนาในเดรสที่เน้นการตัดเย็บเรียบหรูและตกแต่งด้วยลายละเอียดที่เพิ่มความมีเสน่ห์ ขณะที่ลลนาในเดรสที่ท้าทายและทันสมัย ชุดของเธอเน้นรูปร่างได้อย่างดี ทำให้เธอดูเซ็กซี่และสง่างามอย่างเห็นได้ชัด เครื่องป
บรรยากาศในร้านอาหารหรูสไตล์โมเดิร์นที่ทั้งสามนั่งกันนั้นเต็มไปด้วยความทันสมัยและความเรียบหรู ร้านตกแต่งด้วยเส้นสายที่คมชัดและเน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงความสง่างามไว้ได้อย่างดี โทนสีหลักของร้านคือสีขาว ดำ และเทาเข้ม ตัดด้วยแสงไฟนีออนสลัวที่ส่องจากเพดานและผนังกระจกขนาดใหญ่ที่เปิดรับวิวทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนโต๊ะที่พวกเขานั่งเป็นโต๊ะไม้เรียบๆ ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สดสไตล์มินิมอล พร้อมกับเก้าอี้ที่ออกแบบมาให้ดูหรูหราแต่ยังคงความสบาย เมนูที่เสิร์ฟบนโต๊ะเป็นอาหารฟิวชั่นที่จัดเรียงอย่างประณีตในจานเซรามิกเรียบหรู เครื่องดื่มค็อกเทลหลากสีถูกเสิร์ฟมาในแก้วคริสตัลดีไซน์เก๋ ที่โต๊ะริมหน้าต่างบานใหญ่ในร้านอาหารหรูบนยอดตึกสูง สามเพื่อนรัก คีธ แอนนา และลลนา นั่งอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของพวกเขาดังขึ้นเป็นระยะ ขณะที่พวกเขาเล่าเรื่องราวเก่าๆ และแซวกันด้วยความสนิทสนม วิวด้านนอกเผยให้เห็นแสงไฟของเมืองที่ระยิบระยับใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน สะท้อนกับกระจกบานใหญ่ที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังลอยอยู่เหนือเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาพวกเขาพูดคุยถึงเรื่
เคนนั่งหลังพวงมาลัย บึ่งรถหรูของเขากลับบ้าน แต่คำถามของภาคินยังคงก้องอยู่ในหัว "นายกับแอนนา... ไปถึงไหนกันแล้ว?" แม้จะตอบไปแบบคร่าวๆ แต่เขายังคงคิดถึงเหตุการณ์ที่ทะเล ความทรงจำนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในใจเขา เขาหันกลับมานึกถึงค่ำคืนนั้น ภาพของแอนนาภายใต้แสงจันทร์ที่สะท้อนบนผิวน้ำ เสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง กับแรงปรารถนาที่ทั้งสองต่างไม่อาจต้านทานได้ เคนขบกรามแน่นเล็กน้อย ขณะที่ความรู้สึกที่เขามีต่อแอนนาค่อยๆ ทวีความซับซ้อนมากขึ้น เขาหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ภาพแอนนาท่ามกลางแสงจันทร์ริมทะเล แทบจะไม่สวมอะไรเลย ยังคงติดตรึงในหัวเขา คืนที่เร่าร้อนและไม่มีใครลืมได้ง่ายๆ เคนไม่ใช่คนที่จะติดใจใครง่ายๆ แต่กับแอนนา เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ท้าทายและยั่วยวนเกินจะต้านทาน……………………………………………………..ค่ำคืนนั้น........ แอนนาที่ดื่มจนได้ที่ รู้สึกถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทุกวินาที ค่ำคืนนี้เธอตัดสินใจไม่ยับยั้งความรู้สึกของตัวเอง สวมชุดชั้นในสีดำบางเบาที่แสนวาบหวิว รัดรูปเผยให้เห็นทุกสัดส่วนของร่างกายอย่างยั่วยวน เธอเดินช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ตรงไปที่ห้องของเ
เคนเดินวนไปวนมาด้วยความร้อนใจในห้องทำงานของภาคิน พอได้ฟังเรื่องทั้งหมด เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง“ห๊ะ? สารภาพรักแล้วจูบกันนิดหน่อย แล้วก็แค่กอดกันทั้งคืนเหรอ?” เคนพูดเสียงหลง ก่อนจะทำท่าจะบ้าตาย “ภาคิน ไอ้บ้านี่ อายุอานามเท่าไหร่แล้ววะ? มาเล่นบทหนุ่มน้อยอยู่ได้ บอกว่าให้จัดการให้อยู่หมัดไงวะ!”เขาส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ “เดี๋ยวเธอก็หนีไปอีกหรอก อย่ามาทำแบบนี้! ต้องทำอะไรให้ชัดเจนสิ ไม่งั้นจะกลายเป็นเรื่องไม่จบไม่สิ้น”เคนเดินไปมาเหมือนเป็นคนขาดสติ เขามองภาคินด้วยความคาดหวังและความผิดหวังในเวลาเดียวกัน “เอาให้เด็ดขาด! อย่ามาเล่นตัวแบบนี้ ถ้ารักจริงต้องทำให้เธอเห็นสิ!”ภาคินยิ้มให้กับความร้อนใจของเคน แต่เขาก็รู้ดีว่าเคนพูดถูก ในใจเขายังคงรู้สึกถึงความไม่มั่นคงและความหวั่นใจ แต่เขาต้องหาทางจัดการกับความรู้สึกนี้ให้ได้“ขอบใจที่เตือน” ภาคินพูดเบาๆ “แต่บางครั้งก็ต้องให้เวลาหัวใจตัวเองได้คิดบ้าง”เออ แล้ววันนั้นแกกับแอนนาไปพักที่ไหน ไม่ใช่ว่าแกทำอะไรเกินไปแล้วนะเว้ย พูดมา ภาคินคาดคั้น เคนละล่ำละลักจะปฏิเสธ แต่โดนเพื่อนรักไล่ต้อนจนในที่สุดก็เล่าถึงสถานการณ์ของเขากับแอนนาให้ภาคินฟัง ภาคินฟังแ
ภาคินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากมื้อค่ำและการโต้เถียงกับลลนา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นชื่อ "เคน" ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เขากดรับสายด้วยความรู้สึกหนักหน่วง"อย่าปล่อยโอกาสนี้เสียเปล่าไปนะเพื่อน" เคนพูดขึ้น เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและแรงกระตุ้นภาคินถอนหายใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เขาพยายามควบคุมความรู้สึกของตัวเอง"ปล้ำเลยสิ" เคนพูดอีกครั้งอย่างเร่งรีบภาคินส่ายหัวเบา ๆ ในใจ เขาไม่อยากทำร้ายลลนา เขารู้ว่าเรื่องนี้ต้องใช้ความระมัดระวัง"หรือจะยอมปล่อยไปล่ะ" เคนกล่าวต่อ"ไม่" ภาคินตอบกลับสั้น ๆ"อาทิตย์หน้าเขาก็จะหนีไปตลอดกาลเลยนะ คิดดูดี ๆ ถ้ารักก็ทำเลย" เคนบีบให้ภาคินคิดให้รอบคอบ ภาคินนิ่งเงียบในขณะที่เสียงของเคนสิ้นสุดลง เขารู้ว่าเคนพูดถูก แต่ความรู้สึกที่แสนสับสนและความกดดันทำให้เขายังไม่สามารถตัดสินใจได้ เขากดวางสายโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ ก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเพื่อพยายามปลอบประโลมตัวเองในขณะที่ความคิดวิ่งวนในหัว………………………………………..ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลลนาเดินไปเปิดประตูและพบกับชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านนอก ภาคินที่ดูไม่ค่อยเหมือนค
ความเงียบก่อตัวขึ้นในวิลล่าหรูหรา มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ที่แฝงความอึดอัดระหว่างทั้งสองคน ภาคินยืนพิงผนัง มองไปยังลลนาอย่างไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นการสนทนายังไงดี ส่วนลลนานั่งอยู่ริมหน้าต่าง เบือนหน้าออกไปชมทิวทัศน์ภายนอกที่เงียบสงบ เธอค่อย ๆ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างเรียบเฉย แต่ในใจกลับว้าวุ่น ราวกับพยายามหลบหนีความรู้สึกที่ทับถมอยู่ภายในบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง ความใกล้ชิดของทั้งสองที่เคยคุ้นเคยกลับกลายเป็นเหมือนเขตแดนที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ง่าย ๆ ภาคินลอบถอนหายใจ หวังว่าการพูดอะไรบางอย่างอาจจะช่วยทำลายความเงียบนี้ภาคินเดินอย่างเงียบเชียบไปที่โต๊ะวางขวดไวน์ ก่อนรินของเหลวสีแดงเข้มลงในแก้วคริสตัล เสียงไวน์ไหลกระทบแก้วแผ่วเบาแต่ชัดเจนท่ามกลางความเงียบ เขายกแก้วขึ้นจิบช้า ๆ แล้วเดินกลับไปนั่งทอดยาวบนโซฟา เบือนสายตาไปยังลลนาที่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างเธอยังคงถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ร่างบางของเธอยืนในแสงสลัวที่สะท้อนเข้ามาจากภายนอก ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ภาคินมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความหลงใหลและความคาดหวัง สาวน้อยของเขาช่างดูสวยสง่า แ
แอนนาตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงการไปเที่ยวทะเลในวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอจึงไม่รีรอที่จะชวนลลนาเพื่อนรักของเธอไปด้วย “ลลนา ไปทะเลกันเถอะ! เราไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้วนะ” แอนนาพูดอย่างกระตือรือร้นเมื่อโทรหาเพื่อนสาวของเธอลลนายิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงสดใสของแอนนา “เอาสิ! ฉันก็กำลังอยากจะไปพักผ่อนเหมือนกัน”วันรุ่งขึ้น แอนนาก็ขับรถมารับลลนาที่บ้าน ตั้งใจจะออกเดินทางแต่เช้าตรู่เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในเมือง แอนนายื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถพร้อมรอยยิ้มสดใส “พร้อมยังจ๊ะ สาวน้อย?”ลลนาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ “พร้อมแล้วจ้า ไปกันเลย!”ทั้งคู่จึงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังทะเลด้วยกัน ทิ้งความกังวลและเรื่องวุ่นวายทั้งหมดไว้เบื้องหลัง ตั้งใจจะใช้เวลาสนุกสนานด้วยกันอย่างเต็มที่………………………………………….ภาคินเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางสงสัย เมื่อเขาไม่เห็นลลนาอยู่ตามปกติ เขาจึงถามคนรับใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ "น้อย คุณลิสไปไหนหรือ?"น้อยเงยหน้าขึ้นตอบอย่างสุภาพ "คุณลิสไปทะเลกับคุณแอนนาค่ะ พวกเขาออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ""น้อย โทรหาคุณลิสหน่อยสิ ถามว่าพวกเขาไปที่ไหนกันแน่"น้อยทำหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าถามเ
ในผับหรูแห่งหนึ่งที่มีแสงไฟสลัวและเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ แอนนานั่งอยู่ที่บาร์หรูข้างๆ ลลนา สาวสวยในชุดที่ดูสง่างาม ยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อคขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วด้วยความเครียดและปวดร้าวในใจลลนาหลุบตาลงมองแก้วที่ว่างเปล่า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจ Anna, what? Oh my God, this is insane.แอนนา อะไรนะ โอ้ พระเจ้า มันบ้ามากLalana: "I'm going back to England."ลลนา: "ฉันจะกลับอังกฤษ"แอนนาเฝ้ามองลลนาด้วยความห่วงใย เอื้อมมือไปจับมือของลลนาอย่างปลอบโยน และเอ่ยถาม "How long are you going to run away from your own feelings? If you love him, just admit it!""เธอจะหนีความรู้สึกตัวเองไปถึงเมื่อไหร่ รักก็รักสิ" ไม่มีคำพูดใดอีกในท่ามกลางแสงสีสลัว สองสาวยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ไม่นานลลนาก็เริ่มเบลอเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ส่วนแอนนายังพอมีสติอยู่บ้าง แต่ก็มึนเมาไม่ต่างกันมากนักแอนนาที่เริ่มเบลอเห็นร่างสูงใหญ่ของชายสองคนเดินตรงมาที่เธอกับลลนาที่เมาฟุบลงกับบาร์เรียบร้อยแล้ว เธอเขย่าแขนเพื่อนรักเบา ๆ “ลิสๆ คนนั้นหน้าเหมือนคุณลุงเธอเลย หล่อเข้มจัง”