แอนนาตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงการไปเที่ยวทะเลในวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอจึงไม่รีรอที่จะชวนลลนาเพื่อนรักของเธอไปด้วย
“ลลนา ไปทะเลกันเถอะ! เราไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้วนะ”
แอนนาพูดอย่างกระตือรือร้นเมื่อโทรหาเพื่อนสาวของเธอ
ลลนายิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงสดใสของแอนนา
“เอาสิ! ฉันก็กำลังอยากจะไปพักผ่อนเหมือนกัน”
วันรุ่งขึ้น แอนนาก็ขับรถมารับลลนาที่บ้าน ตั้งใจจะออกเดินทางแต่เช้าตรู่เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในเมือง แอนนายื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถพร้อมรอยยิ้มสดใส
“พร้อมยังจ๊ะ สาวน้อย?”
ลลนาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ
“พร้อมแล้วจ้า ไปกันเลย!”
ทั้งคู่จึงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังทะเลด้วยกัน ทิ้งความกังวลและเรื่องวุ่นวายทั้งหมดไว้เบื้องหลัง ตั้งใจจะใช้เวลาสนุกสนานด้วยกันอย่างเต็มที่
………………………………………….
ภาคินเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางสงสัย เมื่อเขาไม่เห็นลลนาอยู่ตามปกติ เขาจึงถามคนรับใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ "น้อย คุณลิสไปไหนหรือ?"
น้อยเงยหน้าขึ้นตอบอย่างสุภาพ "คุณลิสไปทะเลกับคุณแอนนาค่ะ พวกเขาออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ"
"น้อย โทรหาคุณลิสหน่อยสิ ถามว่าพวกเขาไปที่ไหนกันแน่"
น้อยทำหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าถามเหตุผล หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์ของลลนาอย่างรวดเร็ว เสียงเรียกสายดังขึ้นไม่กี่ครั้งก่อนที่ลลนาจะรับสาย
"สวัสดีค่ะ คุณลิส น้อยเองนะคะ คุณภาคินถามว่าพวกคุณไปที่ไหนกันเหรอคะ?"
ลลนาที่กำลังนั่งในรถกับแอนนาได้ยินคำถามก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
"อ๋อ เรากำลังไปหาดนางรองกันน่ะค่ะ น้อยบอกคุณลุงภาคินด้วยนะคะว่าไม่ต้องเป็นห่วง ฉันจะดูแลตัวเองดีๆ"
น้อยพยักหน้ารับคำตอบของลลนา แม้ลลนาจะไม่ได้เห็นก็ตาม
"ได้ค่ะ คุณลิส เดี๋ยวน้อยจะบอกให้ค่ะ"
เมื่อวางสายแล้ว น้อยก็เดินไปบอกภาคินตามที่ลลนาฝากไว้ แม้จะงงๆ แต่เธอก็ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด ภาคินฟังแล้วก็พยักหน้า
………………………………………………….
ภาคินมาถึงพร้อมกับเคน ความประหลาดใจถาโถมใส่แอนนาทันทีเมื่อจำได้ว่าเคนคือชายที่เธอนอนด้วยที่โรงแรมคืนนั้น หัวใจเธอเต้นระรัว ความรู้สึกผสมผสานทั้งอึดอัดและกังวลแล่นพล่านในตัวเธอ
แต่สิ่งที่ทำให้แอนนาตกใจมากกว่านั้น คือการที่เคนไม่ได้เป็นแค่คนแปลกหน้าที่เธอบังเอิญเจอ เขาเป็นเพื่อนสนิทของภาคิน—คุณลุงของลลนา แอนนามองเคนอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี สายตาของเขามองกลับมาด้วยแววรู้ทัน แต่ก็ไม่แสดงอาการอะไรให้คนอื่นเห็น
เคนเดินตรงเข้ามาหาเธอโดยไม่รีรอ ดึงแขนของเธอเบาๆ แล้วพาเดินออกไปจากกลุ่มโดยไม่พูดอะไรมากนัก ระหว่างที่พวกเขาเดินห่างออกมา เคนกระซิบใกล้หูเธอด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม “ปล่อยให้ทั้งสองคนนั้นอยู่ด้วยกันตามลำพังก่อนนะ”
แอนนาพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร ความรู้สึกปะปนไปมาระหว่างความโล่งใจและความไม่แน่ใจ เธอเฝ้าคิดว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้จะนำพาไปสู่อะไรต่อไป แต่ก็เลือกที่จะปล่อยให้เคนเป็นคนนำทางในสถานการณ์นี้
สุดท้ายเคนพาแอนนามาที่อีกฝั่งของเกาะ สถานที่เงียบสงบและห่างไกลจากผู้คน วิลล่าหรูริมทะเลตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม ล้อมรอบไปด้วยทิวทัศน์ของผืนน้ำสีครามและหาดทรายขาวสะอาด เสียงคลื่นกระทบฝั่งอย่างแผ่วเบา สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและเป็นส่วนตัว
แอนนามองไปรอบ ๆ ด้วยความประหลาดใจ สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนจะอยู่คนละโลกกับความวุ่นวายที่เธอเจอเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า ทุกอย่างที่นี่ทั้งสงบและเรียบง่าย แต่ก็แฝงไว้ด้วยความหรูหรา เคนหยุดยืนอยู่ตรงระเบียง วิลล่าหลังใหญ่ที่สามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจน
“ที่นี่คือที่ที่เราจะพัก” เคนพูดพลางหันมายิ้มให้เธอ “ฉันคิดว่าเธอน่าจะต้องการเวลาเพื่อพักผ่อนและลืมเรื่องที่เกิดขึ้นสักพัก”
แอนนารู้สึกขอบคุณ แม้จะมีคำถามหลายอย่างที่ยังไม่ได้คำตอบ แต่บรรยากาศที่นี่ช่วยให้เธอรู้สึกสงบลงได้บ้าง เธอมองหน้าเคนแวบหนึ่ง รู้สึกถึงความเอาใจใส่ที่เขามอบให้ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในวิลล่า ปล่อยให้เธอมีเวลาส่วนตัว
แอนนายอมหลีกทางให้ลลนาและภาคินได้ปรับความเข้าใจกันตามคำขอร้องของเคน แม้ว่าใจหนึ่งเธอจะรู้สึกถึงความขัดแย้งในความรู้สึกของตัวเอง แต่ในที่สุดก็เลือกที่จะปล่อยให้ทั้งคู่ได้แก้ไขปัญหาของพวกเขาเอง
เช้านี้ที่หาดส่วนตัวอีกฝั่งของวิลล่า แอนนาปลดปล่อยทุกความคิดออกจากหัว นอนเปลือยเปล่าอาบแดดอยู่บนผืนทรายสีขาว ร่างกายที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของเธอถูกแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องลงมา ทำให้ผิวของเธอระยิบระยับเหมือนกับทองที่ถูกเคลือบด้วยแสงแดด
เสียงคลื่นกระทบฝั่งเบาๆ และลมทะเลที่พัดผ่านทำให้เธอรู้สึกสงบ เธอหลับตา ปล่อยให้ความอบอุ่นของแสงแดดซึมซับลงไปในผิว พร้อมกับหายใจลึกเพื่อผ่อนคลายความเครียดจากเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมา
"บางที...การปล่อยให้พวกเขาแก้ปัญหาของตัวเอง อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด" แอนนาพึมพำกับตัวเองในขณะที่แสงแดดแผดจ้าทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้ชำระล้างทุกความกังวล
เคนเดินตามหาแอนนาอยู่สักพัก จนสายตาของเขาสะดุดเข้ากับภาพเย้ายวนตรงหน้าที่หาดทราย แอนนานอนอยู่เพียงลำพัง ผิวกายเปล่งประกายภายใต้แสงแดดยามเช้า ร่างของเธอมีเพียงผ้าบาง ๆ ที่คลุมส่วนล่างไว้ แต่ท่อนบนกลับเปลือยเปล่าอย่างยั่วยวน
สายตาของเคนหยุดนิ่งอยู่ที่ภาพตรงหน้า หัวใจเต้นแรงขณะที่เขากลืนน้ำลายลงคอ ร่างของแอนนาที่นอนเอนกายอย่างเป็นธรรมชาติ แต่กลับดึงดูดทุกสายตาได้อย่างไม่อาจปฏิเสธ ผิวเนียนนุ่มเปล่งประกายราวกับทองคำที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์
เคนยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง ปล่อยให้ภาพนั้นซึมซับเข้ามาในจิตใจ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปใกล้ ร่างกายของเขารู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้ และทุกย่างก้าวของเขาราวกับถูกชักนำไปด้วยความปรารถนา
“แอนนา...” เขาเอ่ยเบาๆ เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย ขณะที่สายตายังจับจ้องภาพที่อยู่ตรงหน้า
…………………………………………………………..
ภาคินพาลลนาไปอีกฟากของเกาะ ซึ่งแตกต่างจากที่ที่เคนพาแอนนา วิลล่าหรูหราของพวกเขาตั้งอยู่บนหน้าผาสูงตระหง่านเหนือทะเล กระจกบานใหญ่ที่ล้อมรอบตัวบ้านเปิดมุมมองกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ทะเลสีฟ้าเข้มที่ทอดยาวออกไปจนสุดขอบฟ้า เสียงคลื่นซัดกระทบกับโขดหินเบื้องล่างสร้างบรรยากาศที่ทั้งสงบและยิ่งใหญ่
ลลนายืนอยู่ริมกระจก มองออกไปยังวิวทะเลด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย สายลมทะเลพัดแผ่วเบาผ่านหน้าต่างที่เปิดกว้าง เธอรู้สึกถึงความเย็นสดชื่นของธรรมชาติที่เข้ามาปะทะใบหน้า แม้ที่นี่จะงดงามเกินบรรยาย แต่ในใจเธอยังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและภาคิน
ภาคินเดินเข้ามาใกล้เธอ สายตาของเขามองไปยังวิวเบื้องหน้า แต่ลลนาสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่แฝงอยู่ในบรรยากาศรอบตัวพวกเขา
"ที่นี่เป็นสถานที่ที่ฉันชอบมาพักใจเวลาที่ต้องการความสงบ"
ภาคินพูดเบา ๆ ขณะที่เขาเอื้อมมือไปแตะบ่าของลลนาเบา ๆ
ลลนาพยักหน้า รู้สึกถึงความอึดอัดที่พวกเขาต้องเผชิญ
ภาพการจูบระหว่างเธอกับภาคินเมื่อหลายวันก่อนยังคงติดอยู่ในใจลลนา มันเป็นจูบที่ไม่คาดฝันและทำให้เธอสับสน ไม่รู้ว่าความรู้สึกของเธอที่มีต่อภาคินคืออะไร การจูบนั้นเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว ความอ่อนโยนและความเร่าร้อนผสมปนเปกัน จนทำให้เธอไม่สามารถลบภาพนั้นออกจากหัวได้
ทุกครั้งที่อยู่ใกล้เขา เธอรู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงขึ้น และทำตัวไม่ถูก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเขา ความเขินอายที่ปะปนกับความรู้สึกผิดท่วมท้นขึ้นมาจนเธอไม่กล้าสบตาภาคิน
แม้ตอนนี้ที่พวกเขายืนอยู่ใกล้กันในวิลล่าหรูที่ตั้งตระหง่านเหนือทะเล ลลนาก็ยังรู้สึกถึงความอึดอัดที่ซ่อนอยู่ในความเงียบ เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นพูดอะไร หรือจะจัดการกับความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจตัวเองอย่างไร
ความเงียบก่อตัวขึ้นในวิลล่าหรูหรา มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ที่แฝงความอึดอัดระหว่างทั้งสองคน ภาคินยืนพิงผนัง มองไปยังลลนาอย่างไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นการสนทนายังไงดี ส่วนลลนานั่งอยู่ริมหน้าต่าง เบือนหน้าออกไปชมทิวทัศน์ภายนอกที่เงียบสงบ เธอค่อย ๆ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างเรียบเฉย แต่ในใจกลับว้าวุ่น ราวกับพยายามหลบหนีความรู้สึกที่ทับถมอยู่ภายในบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง ความใกล้ชิดของทั้งสองที่เคยคุ้นเคยกลับกลายเป็นเหมือนเขตแดนที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ง่าย ๆ ภาคินลอบถอนหายใจ หวังว่าการพูดอะไรบางอย่างอาจจะช่วยทำลายความเงียบนี้ภาคินเดินอย่างเงียบเชียบไปที่โต๊ะวางขวดไวน์ ก่อนรินของเหลวสีแดงเข้มลงในแก้วคริสตัล เสียงไวน์ไหลกระทบแก้วแผ่วเบาแต่ชัดเจนท่ามกลางความเงียบ เขายกแก้วขึ้นจิบช้า ๆ แล้วเดินกลับไปนั่งทอดยาวบนโซฟา เบือนสายตาไปยังลลนาที่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างเธอยังคงถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ร่างบางของเธอยืนในแสงสลัวที่สะท้อนเข้ามาจากภายนอก ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ภาคินมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความหลงใหลและความคาดหวัง สาวน้อยของเขาช่างดูสวยสง่า แ
ภาคินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากมื้อค่ำและการโต้เถียงกับลลนา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นชื่อ "เคน" ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เขากดรับสายด้วยความรู้สึกหนักหน่วง"อย่าปล่อยโอกาสนี้เสียเปล่าไปนะเพื่อน" เคนพูดขึ้น เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและแรงกระตุ้นภาคินถอนหายใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เขาพยายามควบคุมความรู้สึกของตัวเอง"ปล้ำเลยสิ" เคนพูดอีกครั้งอย่างเร่งรีบภาคินส่ายหัวเบา ๆ ในใจ เขาไม่อยากทำร้ายลลนา เขารู้ว่าเรื่องนี้ต้องใช้ความระมัดระวัง"หรือจะยอมปล่อยไปล่ะ" เคนกล่าวต่อ"ไม่" ภาคินตอบกลับสั้น ๆ"อาทิตย์หน้าเขาก็จะหนีไปตลอดกาลเลยนะ คิดดูดี ๆ ถ้ารักก็ทำเลย" เคนบีบให้ภาคินคิดให้รอบคอบ ภาคินนิ่งเงียบในขณะที่เสียงของเคนสิ้นสุดลง เขารู้ว่าเคนพูดถูก แต่ความรู้สึกที่แสนสับสนและความกดดันทำให้เขายังไม่สามารถตัดสินใจได้ เขากดวางสายโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ ก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเพื่อพยายามปลอบประโลมตัวเองในขณะที่ความคิดวิ่งวนในหัว………………………………………..ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลลนาเดินไปเปิดประตูและพบกับชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านนอก ภาคินที่ดูไม่ค่อยเหมือนค
เคนเดินวนไปวนมาด้วยความร้อนใจในห้องทำงานของภาคิน พอได้ฟังเรื่องทั้งหมด เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง“ห๊ะ? สารภาพรักแล้วจูบกันนิดหน่อย แล้วก็แค่กอดกันทั้งคืนเหรอ?” เคนพูดเสียงหลง ก่อนจะทำท่าจะบ้าตาย “ภาคิน ไอ้บ้านี่ อายุอานามเท่าไหร่แล้ววะ? มาเล่นบทหนุ่มน้อยอยู่ได้ บอกว่าให้จัดการให้อยู่หมัดไงวะ!”เขาส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ “เดี๋ยวเธอก็หนีไปอีกหรอก อย่ามาทำแบบนี้! ต้องทำอะไรให้ชัดเจนสิ ไม่งั้นจะกลายเป็นเรื่องไม่จบไม่สิ้น”เคนเดินไปมาเหมือนเป็นคนขาดสติ เขามองภาคินด้วยความคาดหวังและความผิดหวังในเวลาเดียวกัน “เอาให้เด็ดขาด! อย่ามาเล่นตัวแบบนี้ ถ้ารักจริงต้องทำให้เธอเห็นสิ!”ภาคินยิ้มให้กับความร้อนใจของเคน แต่เขาก็รู้ดีว่าเคนพูดถูก ในใจเขายังคงรู้สึกถึงความไม่มั่นคงและความหวั่นใจ แต่เขาต้องหาทางจัดการกับความรู้สึกนี้ให้ได้“ขอบใจที่เตือน” ภาคินพูดเบาๆ “แต่บางครั้งก็ต้องให้เวลาหัวใจตัวเองได้คิดบ้าง”เออ แล้ววันนั้นแกกับแอนนาไปพักที่ไหน ไม่ใช่ว่าแกทำอะไรเกินไปแล้วนะเว้ย พูดมา ภาคินคาดคั้น เคนละล่ำละลักจะปฏิเสธ แต่โดนเพื่อนรักไล่ต้อนจนในที่สุดก็เล่าถึงสถานการณ์ของเขากับแอนนาให้ภาคินฟัง ภาคินฟังแ
เคนนั่งหลังพวงมาลัย บึ่งรถหรูของเขากลับบ้าน แต่คำถามของภาคินยังคงก้องอยู่ในหัว "นายกับแอนนา... ไปถึงไหนกันแล้ว?" แม้จะตอบไปแบบคร่าวๆ แต่เขายังคงคิดถึงเหตุการณ์ที่ทะเล ความทรงจำนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในใจเขา เขาหันกลับมานึกถึงค่ำคืนนั้น ภาพของแอนนาภายใต้แสงจันทร์ที่สะท้อนบนผิวน้ำ เสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง กับแรงปรารถนาที่ทั้งสองต่างไม่อาจต้านทานได้ เคนขบกรามแน่นเล็กน้อย ขณะที่ความรู้สึกที่เขามีต่อแอนนาค่อยๆ ทวีความซับซ้อนมากขึ้น เขาหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ภาพแอนนาท่ามกลางแสงจันทร์ริมทะเล แทบจะไม่สวมอะไรเลย ยังคงติดตรึงในหัวเขา คืนที่เร่าร้อนและไม่มีใครลืมได้ง่ายๆ เคนไม่ใช่คนที่จะติดใจใครง่ายๆ แต่กับแอนนา เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ท้าทายและยั่วยวนเกินจะต้านทาน……………………………………………………..ค่ำคืนนั้น........ แอนนาที่ดื่มจนได้ที่ รู้สึกถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทุกวินาที ค่ำคืนนี้เธอตัดสินใจไม่ยับยั้งความรู้สึกของตัวเอง สวมชุดชั้นในสีดำบางเบาที่แสนวาบหวิว รัดรูปเผยให้เห็นทุกสัดส่วนของร่างกายอย่างยั่วยวน เธอเดินช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ตรงไปที่ห้องของเ
บรรยากาศในร้านอาหารหรูสไตล์โมเดิร์นที่ทั้งสามนั่งกันนั้นเต็มไปด้วยความทันสมัยและความเรียบหรู ร้านตกแต่งด้วยเส้นสายที่คมชัดและเน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงความสง่างามไว้ได้อย่างดี โทนสีหลักของร้านคือสีขาว ดำ และเทาเข้ม ตัดด้วยแสงไฟนีออนสลัวที่ส่องจากเพดานและผนังกระจกขนาดใหญ่ที่เปิดรับวิวทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนโต๊ะที่พวกเขานั่งเป็นโต๊ะไม้เรียบๆ ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สดสไตล์มินิมอล พร้อมกับเก้าอี้ที่ออกแบบมาให้ดูหรูหราแต่ยังคงความสบาย เมนูที่เสิร์ฟบนโต๊ะเป็นอาหารฟิวชั่นที่จัดเรียงอย่างประณีตในจานเซรามิกเรียบหรู เครื่องดื่มค็อกเทลหลากสีถูกเสิร์ฟมาในแก้วคริสตัลดีไซน์เก๋ ที่โต๊ะริมหน้าต่างบานใหญ่ในร้านอาหารหรูบนยอดตึกสูง สามเพื่อนรัก คีธ แอนนา และลลนา นั่งอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของพวกเขาดังขึ้นเป็นระยะ ขณะที่พวกเขาเล่าเรื่องราวเก่าๆ และแซวกันด้วยความสนิทสนม วิวด้านนอกเผยให้เห็นแสงไฟของเมืองที่ระยิบระยับใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน สะท้อนกับกระจกบานใหญ่ที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังลอยอยู่เหนือเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาพวกเขาพูดคุยถึงเรื่
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามคนก้าวออกมาและเข้าสู่ผับหรูที่ตั้งอยู่บนยอดตึกสูง ดีเจที่อยู่หลังโต๊ะเปิดแผ่นกำลังเล่นเพลงมันส์ที่เต็มไปด้วยจังหวะที่กระฉับกระเฉงและเบสที่หนักหน่วง ทำให้บรรยากาศของผับเต็มไปด้วยพลังและชีวิตชีวา ทุกคนในร้านกำลังเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนานขณะที่เพลงมันส์จากดีเจและแสงไฟที่หมุนเวียนไปทั่วร้านเพิ่มความรู้สึกเซ็กซี่และเต็มไปด้วยพลัง เฟอร์นิเจอร์หนังสีดำและทองคำถูกจัดวางอย่างมีสไตล์ เพิ่มความหรูหราให้กับสถานที่ ผนังของร้านประดับด้วยไฟสีทองที่สลัว ส่องสว่างไปที่โต๊ะและบาร์ ทำให้บรรยากาศดูลึกลับและน่าหลงใหลคีธเดินนำหน้าในชุดสูทสีเข้มที่ดูเนี๊ยบแต่เต็มไปด้วยสไตล์ เขาไม่ผูกเน็กไทและปล่อยให้เชิ้ตด้านในเปิดลงสามเม็ด ทำให้เห็นความเซ็กซี่และมั่นใจในรูปร่างของเขา ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์ในแบบที่ไม่พยายามแอนนาและลลนาเดินตามมาในเดรสสั้นสีดำที่โดดเด่นและเซ็กซี่ แอนนาในเดรสที่เน้นการตัดเย็บเรียบหรูและตกแต่งด้วยลายละเอียดที่เพิ่มความมีเสน่ห์ ขณะที่ลลนาในเดรสที่ท้าทายและทันสมัย ชุดของเธอเน้นรูปร่างได้อย่างดี ทำให้เธอดูเซ็กซี่และสง่างามอย่างเห็นได้ชัด เครื่องป
เสียงลมหายใจหนักขึ้นเมื่อทั้งสองเข้ามาใกล้กันมากขึ้น แสงสลัวจากหน้าต่างส่องผ่านเข้ามาในรถ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความปรารถนา เขาใช้ปลายนิ้วไล้เบาๆ ไปตามลำคอของเธอ ความร้อนจากผิวกายของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดเธอหลับตาลง หายใจติดขัดเล็กน้อยเมื่อเขาโน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับเธอเบาๆ ในตอนแรก ก่อนที่ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อร่างทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น ภาคินดึงลลนาเข้ามาใกล้ ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ เขาจับเธอไว้แน่น จูบเร่าร้อนที่ไม่ต้องการคำพูดใดๆ เสียงลมหายใจถี่ๆ ดังสอดคล้องกันในความเงียบของรถที่หยุดนิ่ง ลลนาตอบรับจูบของภาคินอย่างเผลอไผล เธอรู้สึกได้ถึงความกระหายและความต้องการในท่าทีของเขา ริมฝีปากของพวกเขาเคลื่อนไหวรุนแรงและเต็มไปด้วยความปรารถนา มือของภาคินลูบไล้ไปตามร่างกายของลลนา ขณะที่เขาเริ่มปลดชุดของเธอออกช้าๆ ลลนาหอบหายใจแรง ขณะที่ความรู้สึกเร่าร้อนจากจูบและสัมผัสของเขาเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ“คุณลุงคะ...” เธอพึมพำเบาๆ แต่เขาไม่ตอบ เพียงแต่จูบลึกลงไปอีก เสียงหายใจและสัมผัสร้อนแรงปกคลุมทั้งคันรถ ภาคินยังคงกดริมฝีปากจูบลลนา
เสียงล้อรถหรูค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่กลางสวนสวย ลลนา สาวน้อยวัยสิบหกปี ก้าวลงจากรถด้วยท่าทางมั่นใจ สวมกระโปรงสั้นและเสื้อแบรนด์เนม เธอสะพายกระเป๋าหรูข้างลำตัว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มซ่อนแววท้าทายตามแบบเด็กสาวที่เติบโตในโรงเรียนอินเตอร์เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองบ้านหลังใหม่ บ้านที่เธอจะต้องอยู่กับผู้ปกครองคนใหม่ ผู้ชายที่เคยเป็นเพื่อนรักของพ่อเธอ ภาคิน หนุ่มใหญ่ในวัยสามสิบยืนรออยู่ที่หน้าประตู เขามองสาวน้อยที่เพิ่งมาถึงอย่างพิจารณา ท่าทางมั่นใจของเธอไม่สอดคล้องกับวัยที่ยังอ่อนเยาว์“ยินดีต้อนรับลลนา” เสียงนุ่มลึกของภาคินทำลายความเงียบงันเธอพยักหน้า แต่ไม่อาจละสายตาจากเขาได้ ภาคินยิ้มเบาๆ ก่อนจะยื่นมือออกมา “ยินดีต้อนรับสู่บ้านของฉัน”มือของลลนาอุ่นขึ้นเมื่อสัมผัสกับมือของเขา ความรู้สึกที่เธอมีในตอนนี้ไม่ใช่แค่ความตื่นเต้นธรรมดา แต่เป็นความหลงใหลที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง รู้สึกว่าทุกย่างก้าวของเธอต่อจากนี้ จะไม่มีวันเหมือนเดิม.ภาคินไม่รู้ตัวเลยว่าในเวลานี้เขาได้ปลุกความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของเด็กสาวผู้ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา ความสัมพันธ
เสียงลมหายใจหนักขึ้นเมื่อทั้งสองเข้ามาใกล้กันมากขึ้น แสงสลัวจากหน้าต่างส่องผ่านเข้ามาในรถ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความปรารถนา เขาใช้ปลายนิ้วไล้เบาๆ ไปตามลำคอของเธอ ความร้อนจากผิวกายของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดเธอหลับตาลง หายใจติดขัดเล็กน้อยเมื่อเขาโน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับเธอเบาๆ ในตอนแรก ก่อนที่ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อร่างทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น ภาคินดึงลลนาเข้ามาใกล้ ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ เขาจับเธอไว้แน่น จูบเร่าร้อนที่ไม่ต้องการคำพูดใดๆ เสียงลมหายใจถี่ๆ ดังสอดคล้องกันในความเงียบของรถที่หยุดนิ่ง ลลนาตอบรับจูบของภาคินอย่างเผลอไผล เธอรู้สึกได้ถึงความกระหายและความต้องการในท่าทีของเขา ริมฝีปากของพวกเขาเคลื่อนไหวรุนแรงและเต็มไปด้วยความปรารถนา มือของภาคินลูบไล้ไปตามร่างกายของลลนา ขณะที่เขาเริ่มปลดชุดของเธอออกช้าๆ ลลนาหอบหายใจแรง ขณะที่ความรู้สึกเร่าร้อนจากจูบและสัมผัสของเขาเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ“คุณลุงคะ...” เธอพึมพำเบาๆ แต่เขาไม่ตอบ เพียงแต่จูบลึกลงไปอีก เสียงหายใจและสัมผัสร้อนแรงปกคลุมทั้งคันรถ ภาคินยังคงกดริมฝีปากจูบลลนา
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามคนก้าวออกมาและเข้าสู่ผับหรูที่ตั้งอยู่บนยอดตึกสูง ดีเจที่อยู่หลังโต๊ะเปิดแผ่นกำลังเล่นเพลงมันส์ที่เต็มไปด้วยจังหวะที่กระฉับกระเฉงและเบสที่หนักหน่วง ทำให้บรรยากาศของผับเต็มไปด้วยพลังและชีวิตชีวา ทุกคนในร้านกำลังเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนานขณะที่เพลงมันส์จากดีเจและแสงไฟที่หมุนเวียนไปทั่วร้านเพิ่มความรู้สึกเซ็กซี่และเต็มไปด้วยพลัง เฟอร์นิเจอร์หนังสีดำและทองคำถูกจัดวางอย่างมีสไตล์ เพิ่มความหรูหราให้กับสถานที่ ผนังของร้านประดับด้วยไฟสีทองที่สลัว ส่องสว่างไปที่โต๊ะและบาร์ ทำให้บรรยากาศดูลึกลับและน่าหลงใหลคีธเดินนำหน้าในชุดสูทสีเข้มที่ดูเนี๊ยบแต่เต็มไปด้วยสไตล์ เขาไม่ผูกเน็กไทและปล่อยให้เชิ้ตด้านในเปิดลงสามเม็ด ทำให้เห็นความเซ็กซี่และมั่นใจในรูปร่างของเขา ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์ในแบบที่ไม่พยายามแอนนาและลลนาเดินตามมาในเดรสสั้นสีดำที่โดดเด่นและเซ็กซี่ แอนนาในเดรสที่เน้นการตัดเย็บเรียบหรูและตกแต่งด้วยลายละเอียดที่เพิ่มความมีเสน่ห์ ขณะที่ลลนาในเดรสที่ท้าทายและทันสมัย ชุดของเธอเน้นรูปร่างได้อย่างดี ทำให้เธอดูเซ็กซี่และสง่างามอย่างเห็นได้ชัด เครื่องป
บรรยากาศในร้านอาหารหรูสไตล์โมเดิร์นที่ทั้งสามนั่งกันนั้นเต็มไปด้วยความทันสมัยและความเรียบหรู ร้านตกแต่งด้วยเส้นสายที่คมชัดและเน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงความสง่างามไว้ได้อย่างดี โทนสีหลักของร้านคือสีขาว ดำ และเทาเข้ม ตัดด้วยแสงไฟนีออนสลัวที่ส่องจากเพดานและผนังกระจกขนาดใหญ่ที่เปิดรับวิวทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนโต๊ะที่พวกเขานั่งเป็นโต๊ะไม้เรียบๆ ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สดสไตล์มินิมอล พร้อมกับเก้าอี้ที่ออกแบบมาให้ดูหรูหราแต่ยังคงความสบาย เมนูที่เสิร์ฟบนโต๊ะเป็นอาหารฟิวชั่นที่จัดเรียงอย่างประณีตในจานเซรามิกเรียบหรู เครื่องดื่มค็อกเทลหลากสีถูกเสิร์ฟมาในแก้วคริสตัลดีไซน์เก๋ ที่โต๊ะริมหน้าต่างบานใหญ่ในร้านอาหารหรูบนยอดตึกสูง สามเพื่อนรัก คีธ แอนนา และลลนา นั่งอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของพวกเขาดังขึ้นเป็นระยะ ขณะที่พวกเขาเล่าเรื่องราวเก่าๆ และแซวกันด้วยความสนิทสนม วิวด้านนอกเผยให้เห็นแสงไฟของเมืองที่ระยิบระยับใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน สะท้อนกับกระจกบานใหญ่ที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังลอยอยู่เหนือเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาพวกเขาพูดคุยถึงเรื่
เคนนั่งหลังพวงมาลัย บึ่งรถหรูของเขากลับบ้าน แต่คำถามของภาคินยังคงก้องอยู่ในหัว "นายกับแอนนา... ไปถึงไหนกันแล้ว?" แม้จะตอบไปแบบคร่าวๆ แต่เขายังคงคิดถึงเหตุการณ์ที่ทะเล ความทรงจำนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในใจเขา เขาหันกลับมานึกถึงค่ำคืนนั้น ภาพของแอนนาภายใต้แสงจันทร์ที่สะท้อนบนผิวน้ำ เสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง กับแรงปรารถนาที่ทั้งสองต่างไม่อาจต้านทานได้ เคนขบกรามแน่นเล็กน้อย ขณะที่ความรู้สึกที่เขามีต่อแอนนาค่อยๆ ทวีความซับซ้อนมากขึ้น เขาหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ภาพแอนนาท่ามกลางแสงจันทร์ริมทะเล แทบจะไม่สวมอะไรเลย ยังคงติดตรึงในหัวเขา คืนที่เร่าร้อนและไม่มีใครลืมได้ง่ายๆ เคนไม่ใช่คนที่จะติดใจใครง่ายๆ แต่กับแอนนา เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ท้าทายและยั่วยวนเกินจะต้านทาน……………………………………………………..ค่ำคืนนั้น........ แอนนาที่ดื่มจนได้ที่ รู้สึกถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทุกวินาที ค่ำคืนนี้เธอตัดสินใจไม่ยับยั้งความรู้สึกของตัวเอง สวมชุดชั้นในสีดำบางเบาที่แสนวาบหวิว รัดรูปเผยให้เห็นทุกสัดส่วนของร่างกายอย่างยั่วยวน เธอเดินช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ตรงไปที่ห้องของเ
เคนเดินวนไปวนมาด้วยความร้อนใจในห้องทำงานของภาคิน พอได้ฟังเรื่องทั้งหมด เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง“ห๊ะ? สารภาพรักแล้วจูบกันนิดหน่อย แล้วก็แค่กอดกันทั้งคืนเหรอ?” เคนพูดเสียงหลง ก่อนจะทำท่าจะบ้าตาย “ภาคิน ไอ้บ้านี่ อายุอานามเท่าไหร่แล้ววะ? มาเล่นบทหนุ่มน้อยอยู่ได้ บอกว่าให้จัดการให้อยู่หมัดไงวะ!”เขาส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ “เดี๋ยวเธอก็หนีไปอีกหรอก อย่ามาทำแบบนี้! ต้องทำอะไรให้ชัดเจนสิ ไม่งั้นจะกลายเป็นเรื่องไม่จบไม่สิ้น”เคนเดินไปมาเหมือนเป็นคนขาดสติ เขามองภาคินด้วยความคาดหวังและความผิดหวังในเวลาเดียวกัน “เอาให้เด็ดขาด! อย่ามาเล่นตัวแบบนี้ ถ้ารักจริงต้องทำให้เธอเห็นสิ!”ภาคินยิ้มให้กับความร้อนใจของเคน แต่เขาก็รู้ดีว่าเคนพูดถูก ในใจเขายังคงรู้สึกถึงความไม่มั่นคงและความหวั่นใจ แต่เขาต้องหาทางจัดการกับความรู้สึกนี้ให้ได้“ขอบใจที่เตือน” ภาคินพูดเบาๆ “แต่บางครั้งก็ต้องให้เวลาหัวใจตัวเองได้คิดบ้าง”เออ แล้ววันนั้นแกกับแอนนาไปพักที่ไหน ไม่ใช่ว่าแกทำอะไรเกินไปแล้วนะเว้ย พูดมา ภาคินคาดคั้น เคนละล่ำละลักจะปฏิเสธ แต่โดนเพื่อนรักไล่ต้อนจนในที่สุดก็เล่าถึงสถานการณ์ของเขากับแอนนาให้ภาคินฟัง ภาคินฟังแ
ภาคินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากมื้อค่ำและการโต้เถียงกับลลนา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นชื่อ "เคน" ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เขากดรับสายด้วยความรู้สึกหนักหน่วง"อย่าปล่อยโอกาสนี้เสียเปล่าไปนะเพื่อน" เคนพูดขึ้น เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและแรงกระตุ้นภาคินถอนหายใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เขาพยายามควบคุมความรู้สึกของตัวเอง"ปล้ำเลยสิ" เคนพูดอีกครั้งอย่างเร่งรีบภาคินส่ายหัวเบา ๆ ในใจ เขาไม่อยากทำร้ายลลนา เขารู้ว่าเรื่องนี้ต้องใช้ความระมัดระวัง"หรือจะยอมปล่อยไปล่ะ" เคนกล่าวต่อ"ไม่" ภาคินตอบกลับสั้น ๆ"อาทิตย์หน้าเขาก็จะหนีไปตลอดกาลเลยนะ คิดดูดี ๆ ถ้ารักก็ทำเลย" เคนบีบให้ภาคินคิดให้รอบคอบ ภาคินนิ่งเงียบในขณะที่เสียงของเคนสิ้นสุดลง เขารู้ว่าเคนพูดถูก แต่ความรู้สึกที่แสนสับสนและความกดดันทำให้เขายังไม่สามารถตัดสินใจได้ เขากดวางสายโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ ก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเพื่อพยายามปลอบประโลมตัวเองในขณะที่ความคิดวิ่งวนในหัว………………………………………..ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลลนาเดินไปเปิดประตูและพบกับชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านนอก ภาคินที่ดูไม่ค่อยเหมือนค
ความเงียบก่อตัวขึ้นในวิลล่าหรูหรา มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ที่แฝงความอึดอัดระหว่างทั้งสองคน ภาคินยืนพิงผนัง มองไปยังลลนาอย่างไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นการสนทนายังไงดี ส่วนลลนานั่งอยู่ริมหน้าต่าง เบือนหน้าออกไปชมทิวทัศน์ภายนอกที่เงียบสงบ เธอค่อย ๆ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างเรียบเฉย แต่ในใจกลับว้าวุ่น ราวกับพยายามหลบหนีความรู้สึกที่ทับถมอยู่ภายในบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง ความใกล้ชิดของทั้งสองที่เคยคุ้นเคยกลับกลายเป็นเหมือนเขตแดนที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ง่าย ๆ ภาคินลอบถอนหายใจ หวังว่าการพูดอะไรบางอย่างอาจจะช่วยทำลายความเงียบนี้ภาคินเดินอย่างเงียบเชียบไปที่โต๊ะวางขวดไวน์ ก่อนรินของเหลวสีแดงเข้มลงในแก้วคริสตัล เสียงไวน์ไหลกระทบแก้วแผ่วเบาแต่ชัดเจนท่ามกลางความเงียบ เขายกแก้วขึ้นจิบช้า ๆ แล้วเดินกลับไปนั่งทอดยาวบนโซฟา เบือนสายตาไปยังลลนาที่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างเธอยังคงถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ร่างบางของเธอยืนในแสงสลัวที่สะท้อนเข้ามาจากภายนอก ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ภาคินมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความหลงใหลและความคาดหวัง สาวน้อยของเขาช่างดูสวยสง่า แ
แอนนาตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงการไปเที่ยวทะเลในวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอจึงไม่รีรอที่จะชวนลลนาเพื่อนรักของเธอไปด้วย “ลลนา ไปทะเลกันเถอะ! เราไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้วนะ” แอนนาพูดอย่างกระตือรือร้นเมื่อโทรหาเพื่อนสาวของเธอลลนายิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงสดใสของแอนนา “เอาสิ! ฉันก็กำลังอยากจะไปพักผ่อนเหมือนกัน”วันรุ่งขึ้น แอนนาก็ขับรถมารับลลนาที่บ้าน ตั้งใจจะออกเดินทางแต่เช้าตรู่เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในเมือง แอนนายื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถพร้อมรอยยิ้มสดใส “พร้อมยังจ๊ะ สาวน้อย?”ลลนาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ “พร้อมแล้วจ้า ไปกันเลย!”ทั้งคู่จึงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังทะเลด้วยกัน ทิ้งความกังวลและเรื่องวุ่นวายทั้งหมดไว้เบื้องหลัง ตั้งใจจะใช้เวลาสนุกสนานด้วยกันอย่างเต็มที่………………………………………….ภาคินเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางสงสัย เมื่อเขาไม่เห็นลลนาอยู่ตามปกติ เขาจึงถามคนรับใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ "น้อย คุณลิสไปไหนหรือ?"น้อยเงยหน้าขึ้นตอบอย่างสุภาพ "คุณลิสไปทะเลกับคุณแอนนาค่ะ พวกเขาออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ""น้อย โทรหาคุณลิสหน่อยสิ ถามว่าพวกเขาไปที่ไหนกันแน่"น้อยทำหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าถามเ
ในผับหรูแห่งหนึ่งที่มีแสงไฟสลัวและเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ แอนนานั่งอยู่ที่บาร์หรูข้างๆ ลลนา สาวสวยในชุดที่ดูสง่างาม ยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อคขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วด้วยความเครียดและปวดร้าวในใจลลนาหลุบตาลงมองแก้วที่ว่างเปล่า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจ Anna, what? Oh my God, this is insane.แอนนา อะไรนะ โอ้ พระเจ้า มันบ้ามากLalana: "I'm going back to England."ลลนา: "ฉันจะกลับอังกฤษ"แอนนาเฝ้ามองลลนาด้วยความห่วงใย เอื้อมมือไปจับมือของลลนาอย่างปลอบโยน และเอ่ยถาม "How long are you going to run away from your own feelings? If you love him, just admit it!""เธอจะหนีความรู้สึกตัวเองไปถึงเมื่อไหร่ รักก็รักสิ" ไม่มีคำพูดใดอีกในท่ามกลางแสงสีสลัว สองสาวยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ไม่นานลลนาก็เริ่มเบลอเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ส่วนแอนนายังพอมีสติอยู่บ้าง แต่ก็มึนเมาไม่ต่างกันมากนักแอนนาที่เริ่มเบลอเห็นร่างสูงใหญ่ของชายสองคนเดินตรงมาที่เธอกับลลนาที่เมาฟุบลงกับบาร์เรียบร้อยแล้ว เธอเขย่าแขนเพื่อนรักเบา ๆ “ลิสๆ คนนั้นหน้าเหมือนคุณลุงเธอเลย หล่อเข้มจัง”