บรรยากาศในร้านอาหารหรูสไตล์โมเดิร์นที่ทั้งสามนั่งกันนั้นเต็มไปด้วยความทันสมัยและความเรียบหรู ร้านตกแต่งด้วยเส้นสายที่คมชัดและเน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงความสง่างามไว้ได้อย่างดี โทนสีหลักของร้านคือสีขาว ดำ และเทาเข้ม ตัดด้วยแสงไฟนีออนสลัวที่ส่องจากเพดานและผนังกระจกขนาดใหญ่ที่เปิดรับวิวทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืน
โต๊ะที่พวกเขานั่งเป็นโต๊ะไม้เรียบๆ ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สดสไตล์มินิมอล พร้อมกับเก้าอี้ที่ออกแบบมาให้ดูหรูหราแต่ยังคงความสบาย เมนูที่เสิร์ฟบนโต๊ะเป็นอาหารฟิวชั่นที่จัดเรียงอย่างประณีตในจานเซรามิกเรียบหรู เครื่องดื่มค็อกเทลหลากสีถูกเสิร์ฟมาในแก้วคริสตัลดีไซน์เก๋
ที่โต๊ะริมหน้าต่างบานใหญ่ในร้านอาหารหรูบนยอดตึกสูง สามเพื่อนรัก คีธ แอนนา และลลนา นั่งอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของพวกเขาดังขึ้นเป็นระยะ ขณะที่พวกเขาเล่าเรื่องราวเก่าๆ และแซวกันด้วยความสนิทสนม วิวด้านนอกเผยให้เห็นแสงไฟของเมืองที่ระยิบระยับใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน สะท้อนกับกระจกบานใหญ่ที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังลอยอยู่เหนือเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา
พวกเขาพูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ทั้งเรื่องตลกในห้องเรียน ความซนที่เคยทำร่วมกัน และความฝันในอนาคต เสียงหัวเราะและการแซวกันเป็นสิ่งที่ทำให้บรรยากาศยิ่งดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความเป็นกันเอง แม้ว่าชีวิตจะพาพวกเขาไปต่างเส้นทาง แต่เมื่อได้กลับมานั่งร่วมโต๊ะกันอีกครั้ง มิตรภาพนั้นยังคงแน่นแฟ้นและเปี่ยมไปด้วยความรักและความห่วงใย
"Seriously?!"
"จริงเหรอ?!" คีธกับลลนาตะโกนพร้อมกัน
Lallana "Don't tell me you two at the beach...?"
ลลนา มองหน้าแอนนาแล้วถามว่า "อย่าบอกนะว่าที่ทะเลพวกเธอ...?"
Keith "Don't tell me the guy you were talking about in the group chat is the same one?"
คีธมองหน้าเพื่อนสาวทั้งสองแล้วพูดขึ้นว่า "อย่าบอกนะว่าผู้ชายที่พวกเธอเคยเล่าในแชทกลุ่มคนนั้นคือคนเดียวกัน?"
Lallana "Yep, he's my uncle's friend."
ลลนา "ใช่ เพื่อนของลุงฉันนั่นแหละ"
Keith and Anna "He's not your uncle anymore!" LOL
คีธกับแอนนาหันมาพูดพร้อมกันว่า "เขาไม่ใช่คุณลุงของเธออีกต่อไปแล้ว!" 5555555
Keith "Spill the details!"
คีธพูดว่า "เล่ามาให้หมดสิ!"
Anna "I have to say, he's absolutely smoking hot. The romance is insanely steamy and intense—I’ve never had anyone rock my world like this before."
แอนนา "ต้องบอกเลยว่าเขาแซ่บมาก! บทรักของเขามันร้อนแรงสุดๆ แบบที่ฉันไม่เคยเจอใครที่ทำให้รู้สึกขนาดนี้มาก่อนเลย"
Keith "So, are you guys some older guy fan club or what?"
คีธ "นี่พวกเธอเป็นแก๊งรักชายแก่กันหรือไงเนี่ย?"
ทั้งสามหัวเราะครื้นเครงพร้อมกันเมื่อคีธพูดจบ
ลลนาที่ง่วนกับโทรศัพท์มือถือของเธอและก้มลงกดบางอย่าง สักพักเธอก็หันไปทางทางเข้าของร้าน คีธที่หันตามไปก็อ้าปากค้าง ชายร่างสูงใหญ่สองคนในชุดสูทที่ดูภูมิฐานและหล่อเกินต้านกำลังเดินเข้ามาในร้าน พวกเขาดูดึงดูดความสนใจจากทุกคนในร้านที่หันไปมองตามอย่างประหลาดใจ
ความเงียบงันแทรกเข้ามาในร้านชั่วขณะเมื่อชายสองคนเดินเข้ามา ทำให้คีธรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังมองดูฉากในภาพยนตร์ ความหล่อเหลาและความสง่าของชายทั้งสองเป็นสิ่งที่ไม่อาจละสายตาได้ และเมื่อพวกเขาก้าวเข้ามาใกล้โต๊ะของพวกเขา
ลลนาเอ่ยขึ้นว่า
"คุณลุงคะ มาได้ยังไงคะ?"
ทำลายความงงงวยของคีธ ส่วนแอนนาก็ทักทาย
"สวัสดีค่ะคุณลุง"
แล้วดวงตาของแอนนาสะดุดกับคนข้างหลัง—เคน—ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ และแววตาของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด
"นัดคุยงานกับลูกค้าที่ร้านข้างบนน่ะ ถ้าทานกันเสร็จแล้วขึ้นไปบาร์ข้างบนนะ" ภาคินหันมาบอกลลนา
"อ๊ะ คีธ นี่คุณลุงของฉันกับลุงเคน"
คีธมองคุณลุงทั้งสองอย่างไม่ละสายตาก่อนที่จะเอ่ยทักทายว่า
"สวัสดีครับคุณลุง สวัสดีครับลุงเคน"
คีธที่ค่อยๆ หันมาทางเพื่อนสาวทั้งสองเมื่อคุณลุงสุดหล่อสองคนเดินออกไปแล้ว ทำท่าทางกรี๊ดแบบไม่มีเสียงพร้อมกับท่าทางตกตะลึง ยกมือขึ้นทาบอก
I’m joining the old-guy-lover club!
Oh my god, they were so hot!"
“ฉันขอถอนคำพูด ฉันขอเข้ากลุ่มรักชายแก่ด้วยคน โอ้ยตายๆๆ หล่อมากกก"
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามคนก้าวออกมาและเข้าสู่ผับหรูที่ตั้งอยู่บนยอดตึกสูง ดีเจที่อยู่หลังโต๊ะเปิดแผ่นกำลังเล่นเพลงมันส์ที่เต็มไปด้วยจังหวะที่กระฉับกระเฉงและเบสที่หนักหน่วง ทำให้บรรยากาศของผับเต็มไปด้วยพลังและชีวิตชีวา ทุกคนในร้านกำลังเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนานขณะที่เพลงมันส์จากดีเจและแสงไฟที่หมุนเวียนไปทั่วร้านเพิ่มความรู้สึกเซ็กซี่และเต็มไปด้วยพลัง เฟอร์นิเจอร์หนังสีดำและทองคำถูกจัดวางอย่างมีสไตล์ เพิ่มความหรูหราให้กับสถานที่ ผนังของร้านประดับด้วยไฟสีทองที่สลัว ส่องสว่างไปที่โต๊ะและบาร์ ทำให้บรรยากาศดูลึกลับและน่าหลงใหลคีธเดินนำหน้าในชุดสูทสีเข้มที่ดูเนี๊ยบแต่เต็มไปด้วยสไตล์ เขาไม่ผูกเน็กไทและปล่อยให้เชิ้ตด้านในเปิดลงสามเม็ด ทำให้เห็นความเซ็กซี่และมั่นใจในรูปร่างของเขา ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์ในแบบที่ไม่พยายามแอนนาและลลนาเดินตามมาในเดรสสั้นสีดำที่โดดเด่นและเซ็กซี่ แอนนาในเดรสที่เน้นการตัดเย็บเรียบหรูและตกแต่งด้วยลายละเอียดที่เพิ่มความมีเสน่ห์ ขณะที่ลลนาในเดรสที่ท้าทายและทันสมัย ชุดของเธอเน้นรูปร่างได้อย่างดี ทำให้เธอดูเซ็กซี่และสง่างามอย่างเห็นได้ชัด เครื่องป
เสียงลมหายใจหนักขึ้นเมื่อทั้งสองเข้ามาใกล้กันมากขึ้น แสงสลัวจากหน้าต่างส่องผ่านเข้ามาในรถ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความปรารถนา เขาใช้ปลายนิ้วไล้เบาๆ ไปตามลำคอของเธอ ความร้อนจากผิวกายของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดเธอหลับตาลง หายใจติดขัดเล็กน้อยเมื่อเขาโน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับเธอเบาๆ ในตอนแรก ก่อนที่ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อร่างทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น ภาคินดึงลลนาเข้ามาใกล้ ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ เขาจับเธอไว้แน่น จูบเร่าร้อนที่ไม่ต้องการคำพูดใดๆ เสียงลมหายใจถี่ๆ ดังสอดคล้องกันในความเงียบของรถที่หยุดนิ่ง ลลนาตอบรับจูบของภาคินอย่างเผลอไผล เธอรู้สึกได้ถึงความกระหายและความต้องการในท่าทีของเขา ริมฝีปากของพวกเขาเคลื่อนไหวรุนแรงและเต็มไปด้วยความปรารถนา มือของภาคินลูบไล้ไปตามร่างกายของลลนา ขณะที่เขาเริ่มปลดชุดของเธอออกช้าๆ ลลนาหอบหายใจแรง ขณะที่ความรู้สึกเร่าร้อนจากจูบและสัมผัสของเขาเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ“คุณลุงคะ...” เธอพึมพำเบาๆ แต่เขาไม่ตอบ เพียงแต่จูบลึกลงไปอีก เสียงหายใจและสัมผัสร้อนแรงปกคลุมทั้งคันรถ ภาคินยังคงกดริมฝีปากจูบลลนา
เสียงล้อรถหรูค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบ้านหลังใหญ่กลางสวนสวย ลลนา สาวน้อยวัยสิบหกปี ก้าวลงจากรถด้วยท่าทางมั่นใจ สวมกระโปรงสั้นและเสื้อแบรนด์เนม เธอสะพายกระเป๋าหรูข้างลำตัว ดวงตาสีน้ำตาลเข้มซ่อนแววท้าทายตามแบบเด็กสาวที่เติบโตในโรงเรียนอินเตอร์เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมองบ้านหลังใหม่ บ้านที่เธอจะต้องอยู่กับผู้ปกครองคนใหม่ ผู้ชายที่เคยเป็นเพื่อนรักของพ่อเธอ ภาคิน หนุ่มใหญ่ในวัยสามสิบยืนรออยู่ที่หน้าประตู เขามองสาวน้อยที่เพิ่งมาถึงอย่างพิจารณา ท่าทางมั่นใจของเธอไม่สอดคล้องกับวัยที่ยังอ่อนเยาว์“ยินดีต้อนรับลลนา” เสียงนุ่มลึกของภาคินทำลายความเงียบงันเธอพยักหน้า แต่ไม่อาจละสายตาจากเขาได้ ภาคินยิ้มเบาๆ ก่อนจะยื่นมือออกมา “ยินดีต้อนรับสู่บ้านของฉัน”มือของลลนาอุ่นขึ้นเมื่อสัมผัสกับมือของเขา ความรู้สึกที่เธอมีในตอนนี้ไม่ใช่แค่ความตื่นเต้นธรรมดา แต่เป็นความหลงใหลที่เธอไม่เคยรู้สึกมาก่อน หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง รู้สึกว่าทุกย่างก้าวของเธอต่อจากนี้ จะไม่มีวันเหมือนเดิม.ภาคินไม่รู้ตัวเลยว่าในเวลานี้เขาได้ปลุกความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในหัวใจของเด็กสาวผู้ที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขา ความสัมพันธ
ภาคิน หนุ่มใหญ่ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความเคร่งขรึม เขาเป็นชายโสดที่มีชีวิตเรียบง่ายและทุ่มเทให้กับธุรกิจยักษ์ใหญ่ที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ด้วยความเป็นคนสุขุมและจริงจัง ทำให้เขาไม่เคยมีใครเข้ามาในชีวิตอย่างจริงจัง แต่แล้วโชคชะตาก็พลิกผันเมื่อเขาต้องรับ ลลนา สาวน้อยลูกสาวของเพื่อนรักที่เสียชีวิตอย่างกระทันหันเข้ามาอยู่ในการปกครองของเขา ลลนาที่อายุเพียงสิบหกปี ไม่มีญาติพี่น้องหรือใครในชีวิต ทำให้ภาคินต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอการย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านของภาคิน ลลนาพยายามเก็บงำความรู้สึกที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ แม้จะอยู่ในห้องส่วนตัวที่ภาคินเตรียมไว้ให้ เธอก็ไม่อาจหยุดคิดถึงสายตาและรอยยิ้มของเขาได้ มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกสะกด ความรู้สึกนี้เธอไม่เคยพบมาก่อน เธอรู้สึกทั้งตื่นเต้นและอึดอัดในเวลาเดียวกันภาคิน ชายหนุ่มใหญ่ที่เธอเพิ่งรู้จัก แต่กลับมีอิทธิพลต่อหัวใจเธออย่างรุนแรง ตั้งแต่ย้ายเข้ามาในบ้านหลังนี้ ลลนารู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและการดูแลอย่างดีจากภาคิน แต่ลึกๆ ในใจเธอกลับรู้สึกไม่พอใจที่จะเป็นเพียงแค่เด็กสาวในสายตาของเขา เธออยากให้เขามองเธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีเสน่ห์และคว
ภาคินรู้สึกถึงความอบอุ่นของลลนาที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา เดรสแดงของเธอทำให้เขาสัมผัสถึงความเซ็กซี่ที่เกินวัย เธอซบลงกับอกกว้างของเขา ในขณะที่ภาคินเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน เขารู้สึกถึงความหนักหน่วงของความรู้สึกที่ต้องควบคุมเมื่อเขาถึงห้องนอน เขาพาเธอเข้ามาในห้องและวางเธอลงบนเตียงกว้างอย่างนุ่มนวล เขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ที่จะมองเห็นเดรสแดงที่เผยให้เห็นส่วนโค้งของร่างกายเธออย่างชัดเจน ขณะที่เธอเริ่มหลับตาลง ภาคินนั่งลงข้างเตียงและมองดูเธอด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความห่วงใยและความอดกลั้น“นอนพักเถอะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น “ลุงจะอยู่ใกล้ๆ ถ้าต้องการอะไรเรียกได้เสมอ”เขานั่งอยู่ข้างเตียงด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล ภาคินยืนอยู่ตรงหน้าลลนาที่นอนหลับบนเตียงด้วยท่าทางที่อ่อนโยนและน่าเป็นห่วงในขณะเดียวกัน เขาต้องการที่จะเป็นผู้ปกครองที่ดีให้กับสาวน้อยวัยสิบหกที่ก๋ากั่นและดูเหมือนจะมีความเป็นผู้ใหญ่เกินวัยขนาดนี้ แต่เขารู้ดีว่านี่คือบททดสอบที่ใหญ่หลวงสำหรับเขา ลลนาในวัยสิบหกปีมีบุคลิกที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและแรงดึงดูดที่เป็นอันตรายต่อผู้ใหญ่รอบตัวเธอ รวม
Lallana:Anna, he’s about to send me away from here. I don’t want to go, not now and not ever.แอนนา เขากำลังจะส่งฉันออกไปจากที่นี่ ฉันไม่อยากไปเลย ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่เคยคิดจะไปAnna:You must really be in love with him, huh? But maybe it’s time to move on, don’t you think?แอนนา: เธอคงจะหลงรักเขามากเลยนะ แต่ฉันว่าตัดใจเถอะ เธอคิดว่ายังไง? ลลนา วางโทรศัพท์ลงอย่างหนักใจ น้ำตาซึม เธอเอนตัวลงบนเตียง บรรยากาศในห้องเงียบสงัด แต่เสียงหัวใจที่เต้นรัวของเธอกลับดังขึ้นในหู เธอคิดถึงคำพูดของแอนนา “ตัดใจเถอะ” คำเหล่านั้นกลับก้องอยู่ในหัวของเธอลลนา นอนพลิกไปมาบนเตียง ความรู้สึกที่มีต่อภาคินท่วมท้นจนทำให้เธอไม่สามารถสงบลงได้ ความรักของเธอช่างร้อนแรงและไม่ยอมที่จะหายไปง่ายๆ“ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้?” เธอครางออกมา ความรู้สึกที่ปั่นป่วนในหัวใจทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะเป็นบ้า เธอรู้ดีว่าเขาไม่ใช่ญาติทางสายเลือดของเธอ ความห่างของอายุสิบสี่ปีไม่ควรจะเป็นปัญหา แต่ทำไมมันถึงรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ยิ่ง? เธอจินตนาการถึงภาพของภาคิน ว่าด้วยความหล่อเหลาของเขา ความอบ
ภาคินนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องที่สลัวเพียงแสงจากโคมไฟสลัวบนโต๊ะทำงานเขา ดื่มไวน์อย่างช้าๆ เพื่อคลายความเครียดจากวันที่ยาวนาน และพยายามปล่อยให้ความคิดของเขาหลุดลอยไปจากเรื่องที่รบกวนจิตใจเสียงเปิดประตูเบาๆ ทำให้เขาหันไปมอง ร่างเด็กสาวในชุดนอนสุดเซ็กซี่และเย้ายวนใจเดินเข้ามาในห้องอย่างมั่นใจ ชุดนอนที่เธอสวมใส่สั้นและเผยให้เห็นผิวเนียนสวยของเธออย่างชัดเจน สร้างความรู้สึกตื่นเต้นให้กับภาคินที่นั่งอยู่ตรงนั้น“ลลนา” ภาคินเรียกชื่อเธอด้วยเสียงที่ต่ำและไม่ค่อยเชื่อมั่น เขารู้ว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเธอเป็นสิ่งที่เขาต้องควบคุม แต่ตอนนี้มันเริ่มยากเกินไปลลนายิ้มให้เขาอย่างมีเสน่ห์ เดินเข้ามาใกล้เธอ และท่าทางของเธอช่างเต็มไปด้วยความมั่นใจและความตั้งใจ “ทำไมลุงยังไม่หลับคะ?” เธอถามด้วยน้ำเสียงหวานที่แฝงไปด้วยความท้าทาย ภาคินพยายามปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่กำลังเปลี่ยนไป การมาของลลนาในสภาพนี้ทำให้เขารู้สึกถึงแรงดึงดูดที่เขาพยายามจะควบคุม ความร้อนที่เกิดขึ้นในตัวเขามันเพิ่มขึ้นจนแทบจะทนไม่ไหว“มันดึกแล้วลลนา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้ฟังดูสงบ แต่ลึกๆ แล้วมันเต็มไปด้
หลังจากค่ำคืนนั้นที่ลลนาแสนผิดหวัง เธอหลบหน้าภาคินด้วยการหนีเที่ยวแทบทุกคืน เพื่อปกปิดความรู้สึกที่บอบช้ำ เธอใช้ชีวิตในแบบที่เธอไม่เคยใช้มาก่อน ดื่มด่ำกับการปาร์ตี้และสังสรรค์กับเพื่อนๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ช่วงเย็นของทุกวัน เธอมักจะอาศัยช่วงเวลาที่เหลืออยู่เพื่อเดินทางไปยังผับหรือคลับสุดฮิตในเมือง หรือไม่ก็ออกไปพบปะกับกลุ่มเพื่อนที่มีชีวิตชีวาในงานเลี้ยงต่างๆ การที่เธอหลบหน้าและตัดขาดจากความสัมพันธ์ที่เคยใกล้ชิดกับภาคินนั้นทำให้เธอรู้สึกว่าการใช้ชีวิตอย่างไม่คิดอะไรมากอาจจะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากความรู้สึกที่เจ็บปวดได้ในขณะที่เธอหลีกเลี่ยงการกลับบ้านและการพบปะกับภาคิน เธอรู้สึกถึงความสับสนและความรู้สึกผิดหวังที่ยังคงค้างคาในใจ แม้ว่าการเที่ยวไปทุกคืนจะช่วยให้เธอเบี่ยงเบนความสนใจจากสิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวด แต่เธอก็รู้ดีว่าในที่สุด ความรู้สึกที่แท้จริงและความเจ็บปวดที่เธอพยายามหลบหนีจะต้องตามกลับมาทำให้เธอต้องเผชิญหน้าอีกครั้งท่ามกลางเสียงเพลงและความสนุกสนาน เธออาจจะหลงลืมความเจ็บปวดในชั่วขณะ แต่ลึกลงไปในใจ เธอกลับรู้สึกถึงความโหยหาต่อความรักและการยอมรับที่เธอไม่สามารถหาได้จากการ
เสียงลมหายใจหนักขึ้นเมื่อทั้งสองเข้ามาใกล้กันมากขึ้น แสงสลัวจากหน้าต่างส่องผ่านเข้ามาในรถ ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความปรารถนา เขาใช้ปลายนิ้วไล้เบาๆ ไปตามลำคอของเธอ ความร้อนจากผิวกายของเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจจะระเบิดเธอหลับตาลง หายใจติดขัดเล็กน้อยเมื่อเขาโน้มเข้ามาใกล้ ริมฝีปากของเขาสัมผัสกับเธอเบาๆ ในตอนแรก ก่อนที่ความร้อนแรงจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เมื่อร่างทั้งสองแนบชิดกันมากขึ้น ภาคินดึงลลนาเข้ามาใกล้ ขณะที่ทั้งสองนั่งอยู่ที่เบาะหลังของรถ เขาจับเธอไว้แน่น จูบเร่าร้อนที่ไม่ต้องการคำพูดใดๆ เสียงลมหายใจถี่ๆ ดังสอดคล้องกันในความเงียบของรถที่หยุดนิ่ง ลลนาตอบรับจูบของภาคินอย่างเผลอไผล เธอรู้สึกได้ถึงความกระหายและความต้องการในท่าทีของเขา ริมฝีปากของพวกเขาเคลื่อนไหวรุนแรงและเต็มไปด้วยความปรารถนา มือของภาคินลูบไล้ไปตามร่างกายของลลนา ขณะที่เขาเริ่มปลดชุดของเธอออกช้าๆ ลลนาหอบหายใจแรง ขณะที่ความรู้สึกเร่าร้อนจากจูบและสัมผัสของเขาเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ“คุณลุงคะ...” เธอพึมพำเบาๆ แต่เขาไม่ตอบ เพียงแต่จูบลึกลงไปอีก เสียงหายใจและสัมผัสร้อนแรงปกคลุมทั้งคันรถ ภาคินยังคงกดริมฝีปากจูบลลนา
เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ทั้งสามคนก้าวออกมาและเข้าสู่ผับหรูที่ตั้งอยู่บนยอดตึกสูง ดีเจที่อยู่หลังโต๊ะเปิดแผ่นกำลังเล่นเพลงมันส์ที่เต็มไปด้วยจังหวะที่กระฉับกระเฉงและเบสที่หนักหน่วง ทำให้บรรยากาศของผับเต็มไปด้วยพลังและชีวิตชีวา ทุกคนในร้านกำลังเคลื่อนไหวตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนานขณะที่เพลงมันส์จากดีเจและแสงไฟที่หมุนเวียนไปทั่วร้านเพิ่มความรู้สึกเซ็กซี่และเต็มไปด้วยพลัง เฟอร์นิเจอร์หนังสีดำและทองคำถูกจัดวางอย่างมีสไตล์ เพิ่มความหรูหราให้กับสถานที่ ผนังของร้านประดับด้วยไฟสีทองที่สลัว ส่องสว่างไปที่โต๊ะและบาร์ ทำให้บรรยากาศดูลึกลับและน่าหลงใหลคีธเดินนำหน้าในชุดสูทสีเข้มที่ดูเนี๊ยบแต่เต็มไปด้วยสไตล์ เขาไม่ผูกเน็กไทและปล่อยให้เชิ้ตด้านในเปิดลงสามเม็ด ทำให้เห็นความเซ็กซี่และมั่นใจในรูปร่างของเขา ทำให้เขาดูหล่อเหลาและมีเสน่ห์ในแบบที่ไม่พยายามแอนนาและลลนาเดินตามมาในเดรสสั้นสีดำที่โดดเด่นและเซ็กซี่ แอนนาในเดรสที่เน้นการตัดเย็บเรียบหรูและตกแต่งด้วยลายละเอียดที่เพิ่มความมีเสน่ห์ ขณะที่ลลนาในเดรสที่ท้าทายและทันสมัย ชุดของเธอเน้นรูปร่างได้อย่างดี ทำให้เธอดูเซ็กซี่และสง่างามอย่างเห็นได้ชัด เครื่องป
บรรยากาศในร้านอาหารหรูสไตล์โมเดิร์นที่ทั้งสามนั่งกันนั้นเต็มไปด้วยความทันสมัยและความเรียบหรู ร้านตกแต่งด้วยเส้นสายที่คมชัดและเน้นความเรียบง่าย แต่ยังคงความสง่างามไว้ได้อย่างดี โทนสีหลักของร้านคือสีขาว ดำ และเทาเข้ม ตัดด้วยแสงไฟนีออนสลัวที่ส่องจากเพดานและผนังกระจกขนาดใหญ่ที่เปิดรับวิวทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืนโต๊ะที่พวกเขานั่งเป็นโต๊ะไม้เรียบๆ ตกแต่งด้วยแจกันดอกไม้สดสไตล์มินิมอล พร้อมกับเก้าอี้ที่ออกแบบมาให้ดูหรูหราแต่ยังคงความสบาย เมนูที่เสิร์ฟบนโต๊ะเป็นอาหารฟิวชั่นที่จัดเรียงอย่างประณีตในจานเซรามิกเรียบหรู เครื่องดื่มค็อกเทลหลากสีถูกเสิร์ฟมาในแก้วคริสตัลดีไซน์เก๋ ที่โต๊ะริมหน้าต่างบานใหญ่ในร้านอาหารหรูบนยอดตึกสูง สามเพื่อนรัก คีธ แอนนา และลลนา นั่งอยู่ด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง เสียงหัวเราะของพวกเขาดังขึ้นเป็นระยะ ขณะที่พวกเขาเล่าเรื่องราวเก่าๆ และแซวกันด้วยความสนิทสนม วิวด้านนอกเผยให้เห็นแสงไฟของเมืองที่ระยิบระยับใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน สะท้อนกับกระจกบานใหญ่ที่ล้อมรอบพวกเขาอยู่ ให้ความรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังลอยอยู่เหนือเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาพวกเขาพูดคุยถึงเรื่
เคนนั่งหลังพวงมาลัย บึ่งรถหรูของเขากลับบ้าน แต่คำถามของภาคินยังคงก้องอยู่ในหัว "นายกับแอนนา... ไปถึงไหนกันแล้ว?" แม้จะตอบไปแบบคร่าวๆ แต่เขายังคงคิดถึงเหตุการณ์ที่ทะเล ความทรงจำนั้นยังคงวนเวียนอยู่ในใจเขา เขาหันกลับมานึกถึงค่ำคืนนั้น ภาพของแอนนาภายใต้แสงจันทร์ที่สะท้อนบนผิวน้ำ เสียงคลื่นที่กระทบฝั่ง กับแรงปรารถนาที่ทั้งสองต่างไม่อาจต้านทานได้ เคนขบกรามแน่นเล็กน้อย ขณะที่ความรู้สึกที่เขามีต่อแอนนาค่อยๆ ทวีความซับซ้อนมากขึ้น เขาหัวเราะในลำคอ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ภาพแอนนาท่ามกลางแสงจันทร์ริมทะเล แทบจะไม่สวมอะไรเลย ยังคงติดตรึงในหัวเขา คืนที่เร่าร้อนและไม่มีใครลืมได้ง่ายๆ เคนไม่ใช่คนที่จะติดใจใครง่ายๆ แต่กับแอนนา เขาสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ท้าทายและยั่วยวนเกินจะต้านทาน……………………………………………………..ค่ำคืนนั้น........ แอนนาที่ดื่มจนได้ที่ รู้สึกถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นทุกวินาที ค่ำคืนนี้เธอตัดสินใจไม่ยับยั้งความรู้สึกของตัวเอง สวมชุดชั้นในสีดำบางเบาที่แสนวาบหวิว รัดรูปเผยให้เห็นทุกสัดส่วนของร่างกายอย่างยั่วยวน เธอเดินช้าๆ ด้วยท่วงท่าที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ตรงไปที่ห้องของเ
เคนเดินวนไปวนมาด้วยความร้อนใจในห้องทำงานของภาคิน พอได้ฟังเรื่องทั้งหมด เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเอง“ห๊ะ? สารภาพรักแล้วจูบกันนิดหน่อย แล้วก็แค่กอดกันทั้งคืนเหรอ?” เคนพูดเสียงหลง ก่อนจะทำท่าจะบ้าตาย “ภาคิน ไอ้บ้านี่ อายุอานามเท่าไหร่แล้ววะ? มาเล่นบทหนุ่มน้อยอยู่ได้ บอกว่าให้จัดการให้อยู่หมัดไงวะ!”เขาส่ายหัวด้วยความไม่พอใจ “เดี๋ยวเธอก็หนีไปอีกหรอก อย่ามาทำแบบนี้! ต้องทำอะไรให้ชัดเจนสิ ไม่งั้นจะกลายเป็นเรื่องไม่จบไม่สิ้น”เคนเดินไปมาเหมือนเป็นคนขาดสติ เขามองภาคินด้วยความคาดหวังและความผิดหวังในเวลาเดียวกัน “เอาให้เด็ดขาด! อย่ามาเล่นตัวแบบนี้ ถ้ารักจริงต้องทำให้เธอเห็นสิ!”ภาคินยิ้มให้กับความร้อนใจของเคน แต่เขาก็รู้ดีว่าเคนพูดถูก ในใจเขายังคงรู้สึกถึงความไม่มั่นคงและความหวั่นใจ แต่เขาต้องหาทางจัดการกับความรู้สึกนี้ให้ได้“ขอบใจที่เตือน” ภาคินพูดเบาๆ “แต่บางครั้งก็ต้องให้เวลาหัวใจตัวเองได้คิดบ้าง”เออ แล้ววันนั้นแกกับแอนนาไปพักที่ไหน ไม่ใช่ว่าแกทำอะไรเกินไปแล้วนะเว้ย พูดมา ภาคินคาดคั้น เคนละล่ำละลักจะปฏิเสธ แต่โดนเพื่อนรักไล่ต้อนจนในที่สุดก็เล่าถึงสถานการณ์ของเขากับแอนนาให้ภาคินฟัง ภาคินฟังแ
ภาคินนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากมื้อค่ำและการโต้เถียงกับลลนา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เห็นชื่อ "เคน" ปรากฏอยู่บนหน้าจอ เขากดรับสายด้วยความรู้สึกหนักหน่วง"อย่าปล่อยโอกาสนี้เสียเปล่าไปนะเพื่อน" เคนพูดขึ้น เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกังวลและแรงกระตุ้นภาคินถอนหายใจ ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร เขาพยายามควบคุมความรู้สึกของตัวเอง"ปล้ำเลยสิ" เคนพูดอีกครั้งอย่างเร่งรีบภาคินส่ายหัวเบา ๆ ในใจ เขาไม่อยากทำร้ายลลนา เขารู้ว่าเรื่องนี้ต้องใช้ความระมัดระวัง"หรือจะยอมปล่อยไปล่ะ" เคนกล่าวต่อ"ไม่" ภาคินตอบกลับสั้น ๆ"อาทิตย์หน้าเขาก็จะหนีไปตลอดกาลเลยนะ คิดดูดี ๆ ถ้ารักก็ทำเลย" เคนบีบให้ภาคินคิดให้รอบคอบ ภาคินนิ่งเงียบในขณะที่เสียงของเคนสิ้นสุดลง เขารู้ว่าเคนพูดถูก แต่ความรู้สึกที่แสนสับสนและความกดดันทำให้เขายังไม่สามารถตัดสินใจได้ เขากดวางสายโทรศัพท์อย่างเงียบ ๆ ก่อนยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มเพื่อพยายามปลอบประโลมตัวเองในขณะที่ความคิดวิ่งวนในหัว………………………………………..ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ลลนาเดินไปเปิดประตูและพบกับชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านนอก ภาคินที่ดูไม่ค่อยเหมือนค
ความเงียบก่อตัวขึ้นในวิลล่าหรูหรา มีเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ที่แฝงความอึดอัดระหว่างทั้งสองคน ภาคินยืนพิงผนัง มองไปยังลลนาอย่างไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นการสนทนายังไงดี ส่วนลลนานั่งอยู่ริมหน้าต่าง เบือนหน้าออกไปชมทิวทัศน์ภายนอกที่เงียบสงบ เธอค่อย ๆ ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างเรียบเฉย แต่ในใจกลับว้าวุ่น ราวกับพยายามหลบหนีความรู้สึกที่ทับถมอยู่ภายในบรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความหนักอึ้ง ความใกล้ชิดของทั้งสองที่เคยคุ้นเคยกลับกลายเป็นเหมือนเขตแดนที่ไม่สามารถข้ามผ่านได้ง่าย ๆ ภาคินลอบถอนหายใจ หวังว่าการพูดอะไรบางอย่างอาจจะช่วยทำลายความเงียบนี้ภาคินเดินอย่างเงียบเชียบไปที่โต๊ะวางขวดไวน์ ก่อนรินของเหลวสีแดงเข้มลงในแก้วคริสตัล เสียงไวน์ไหลกระทบแก้วแผ่วเบาแต่ชัดเจนท่ามกลางความเงียบ เขายกแก้วขึ้นจิบช้า ๆ แล้วเดินกลับไปนั่งทอดยาวบนโซฟา เบือนสายตาไปยังลลนาที่กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างเธอยังคงถือแก้วไวน์ไว้ในมือ ร่างบางของเธอยืนในแสงสลัวที่สะท้อนเข้ามาจากภายนอก ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียด ภาคินมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความหลงใหลและความคาดหวัง สาวน้อยของเขาช่างดูสวยสง่า แ
แอนนาตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงการไปเที่ยวทะเลในวันหยุดสุดสัปดาห์ เธอจึงไม่รีรอที่จะชวนลลนาเพื่อนรักของเธอไปด้วย “ลลนา ไปทะเลกันเถอะ! เราไม่ได้ไปด้วยกันนานแล้วนะ” แอนนาพูดอย่างกระตือรือร้นเมื่อโทรหาเพื่อนสาวของเธอลลนายิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงสดใสของแอนนา “เอาสิ! ฉันก็กำลังอยากจะไปพักผ่อนเหมือนกัน”วันรุ่งขึ้น แอนนาก็ขับรถมารับลลนาที่บ้าน ตั้งใจจะออกเดินทางแต่เช้าตรู่เพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรในเมือง แอนนายื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถพร้อมรอยยิ้มสดใส “พร้อมยังจ๊ะ สาวน้อย?”ลลนาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเปิดประตูขึ้นรถ “พร้อมแล้วจ้า ไปกันเลย!”ทั้งคู่จึงออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังทะเลด้วยกัน ทิ้งความกังวลและเรื่องวุ่นวายทั้งหมดไว้เบื้องหลัง ตั้งใจจะใช้เวลาสนุกสนานด้วยกันอย่างเต็มที่………………………………………….ภาคินเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางสงสัย เมื่อเขาไม่เห็นลลนาอยู่ตามปกติ เขาจึงถามคนรับใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ "น้อย คุณลิสไปไหนหรือ?"น้อยเงยหน้าขึ้นตอบอย่างสุภาพ "คุณลิสไปทะเลกับคุณแอนนาค่ะ พวกเขาออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ""น้อย โทรหาคุณลิสหน่อยสิ ถามว่าพวกเขาไปที่ไหนกันแน่"น้อยทำหน้าสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ไม่กล้าถามเ
ในผับหรูแห่งหนึ่งที่มีแสงไฟสลัวและเสียงเพลงบรรเลงเบาๆ แอนนานั่งอยู่ที่บาร์หรูข้างๆ ลลนา สาวสวยในชุดที่ดูสง่างาม ยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อคขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้วด้วยความเครียดและปวดร้าวในใจลลนาหลุบตาลงมองแก้วที่ว่างเปล่า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหนักใจ Anna, what? Oh my God, this is insane.แอนนา อะไรนะ โอ้ พระเจ้า มันบ้ามากLalana: "I'm going back to England."ลลนา: "ฉันจะกลับอังกฤษ"แอนนาเฝ้ามองลลนาด้วยความห่วงใย เอื้อมมือไปจับมือของลลนาอย่างปลอบโยน และเอ่ยถาม "How long are you going to run away from your own feelings? If you love him, just admit it!""เธอจะหนีความรู้สึกตัวเองไปถึงเมื่อไหร่ รักก็รักสิ" ไม่มีคำพูดใดอีกในท่ามกลางแสงสีสลัว สองสาวยกแก้วบรั่นดีออนเดอะร็อกขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ไม่นานลลนาก็เริ่มเบลอเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ส่วนแอนนายังพอมีสติอยู่บ้าง แต่ก็มึนเมาไม่ต่างกันมากนักแอนนาที่เริ่มเบลอเห็นร่างสูงใหญ่ของชายสองคนเดินตรงมาที่เธอกับลลนาที่เมาฟุบลงกับบาร์เรียบร้อยแล้ว เธอเขย่าแขนเพื่อนรักเบา ๆ “ลิสๆ คนนั้นหน้าเหมือนคุณลุงเธอเลย หล่อเข้มจัง”