[7]
สิ่งที่ติดตามมาในความมืด "วันนี้ผมคงไปช่วยหลวงปู่บิณฑบาตไม่ไหวแล้วล่ะ" ฟีฟ่าเดินเดี้ยงออกมายังชานหน้าบ้านทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนตัวเก่ง เวลาตีห้ากว่าแล้วแต่ท้องฟ้ายังคงมืดสนิทและไม่มีวี่แววว่าพระอาทิตย์จะขึ้นสักนิด ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เหมือนเวลากลางคืนจะยาวนานกว่าปกติ "ไม่ไหวก็ไม่ต้องไป ไม่มีนายหลวงปู่ยังมีลูกศิษย์อีกเยอะ" "ชิ!" ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้สักทองและมองออกไปรอบตัวบ้าน กิ่งไผ่สูงท่วมหัวโอนเอนไปตามสายลมดูน่ากลัวจนต้องลุกไปนั่งอยู่ใกล้ ๆ กับภพภูมิ "เป็นอะไรอีกล่ะ" "ตะ..ต้นไผ่มันโยกไปโยกมา น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้" ดวงตาคู่คมมองออกไปตามที่ฟีฟ่าบอก แม้ไม่เห็นเป็นตัวเป็นตนแต่ก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ในเมื่อต่างคนต่างอยู่เขาจึงไม่ทำอะไร และบริเวณเรือนไม้สีขาวก็ได้ทำการลงอาคมเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้เอาไว้แล้ว "ถ้ากลัวแล้วจะมองทำไม กลัวมากก็มานั่งสมาธินี่" เอะอะก็จะให้นั่งสมาธิอยู่เรื่อย ไอ้ฟ่าไม่เอาด้วยหรอก แต่อีกคนไม่สนใจหลังก้มกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าสู่สมาธิโดยมีฟีฟ่านั่งอยู่ข้าง ๆ คนไม่มีอะไรทำก็เริ่มง่วงขึ้นมาสุดท้ายก็ฟุบหลับไปบนตักของภพภูมิ เปลือกตาสีอ่อนเปิดขึ้น รู้สึกจิตใจสงบกว่าที่ผ่านมา ดวงตาคู่คมเหลือบมองร่างเล็กที่นอนหนุนตักอยู่พลันขมวดคิ้วแน่น เพราะไอ้โรคจิตนี่เหรอ ไม่ใช่หรอกมั้ง.. คิดพลางจับคอเสื้อของฟีฟ่าเอาไว้ตั้งใจจะโยนตัวออกไปเหมือนทุกครั้ง แต่สายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปเห็นแก้มก้นขาวโผล่ออกมาจากกางเกงวิ่งตัวเดิมถึงกับต้องเปลี่ยนมากุมขมับแทน พลันให้นึกถึงร่างเปลือยที่เคยขยับโยกอยู่บนกายแกร่งในคืนที่แสนจะเร่าร้อนนั้น "แม่งเอ๊ย.." ภพภูมิจับศีรษะทุยยกขึ้นและขยับตัวออกโดยเอาเบาะรองนั่งมาหนุนให้แทน ร่างสูงลุกกลับไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและลงจากเรือนไป โดยทิ้งฟีฟ่าให้นอนอยู่ลำพัง เวลาใกล้หกโมงเช้าแต่บริเวณเรือนไม้สีขาวยังคงมืด ทั้งที่โดยรอบเริ่มมีแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาแล้ว ภพภูมิเดินหายเข้าไปในป่าไผ่ที่สูงท่วมหัว ตรงไปยังจุดนัดหมายกับลูกน้องคนสนิท "ของที่คุณภพสั่งได้แล้วครับ" ภพภูมิรับถุงใส่อาหารที่สั่งให้ลูกน้องคนสนิทเอามาส่ง เปิดดูได้ของครบตามที่สั่ง จากนั้นจึงถามถึงความคืบหน้าของงานที่ให้ไปทำ "มีอะไรคืบหน้าบ้างมั้ย" "ครับ สายรายงานมาว่าระยะนี้คุณภีมมีการติดต่อกับหัวหน้าสาขาที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของอดีตนายใหญ่ ส่วนคุณเท็นมะกำลังจับตาดูคุณคิมอยู่ ถ้ามีอะไรคืนหน้ามากกว่านี้คุณเท็นมะบอกว่าจะคุยกับคุณภพเองครับ" แม้จะไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติมมากนักแค่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ตัวเขาตอนนี้ยังทำอะไรมากไม่ได้นอกจากรอฟังข่าวจากคนที่ไว้ใจได้ พร้อมเมื่อไหร่เขาจะจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตัวเองอีกครั้ง "นายกลับไปได้แล้ว และอย่าให้ใครรู้ว่าฉันอยู่ที่นี่" "ครับ" ชายหนุ่มโน้มตัวเล็กน้อยเพื่อทำความเคารพก่อนหมุนตัวเดินออกจากป่าไผ่ไป ภพภูมิยืนมองลูกน้องคนสนิทจนพ้นสายตา จากนั้นจึงหันหลังและเดินกลับไปยังเรือนไม้สีขาวโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกจับตามองโดยใครบางคนที่แอบซ่อนอยู่ในที่ลับตา พอกลับขึ้นเรือนก็เห็นร่างเล็กยังนอนอยู่ที่เดิม ภพภูมิจึงนำอาหารที่สั่งมาไปวางบนโต๊ะ เพียงแค่หยิบแก้วกาแฟขึ้นมากลิ่นหอมก็ลอยฟุ้งไปทั่ว จมูกรั้นขยับฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นหอมจากกาแฟราคาแพงจึงลืมตาตื่นขึ้นทันที "ขี้งก! แอบกินกาแฟคนเดียวอีกแล้วนะ" คนอยากกินโวยวายโดยที่ไม่มองบนโต๊ะให้ดีก่อนว่ามีแก้วกาแฟอีกใบวางอยู่ด้วย "ดูท่านายคงอยากจะนอนไปตลอดชีวิตใช่มั้ย โน่น..ของนายอยู่นั่นไง!" ดวงตาคู่คมมองไปยังแก้วกาแฟแบรนด์ดังอีกใบก่อนมองใบหน้าสะลึมสะลือของฟีฟ่า คนตัวเล็กยิ้มแหย ๆ พลางทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้สักทองอีกตัวและหยิบกาแฟขึ้นดื่มและยิ้มอย่างฟิน ของฟรีนี่มันอร่อยจริง ๆ สมัยทำงานเขาได้ดื่มแค่อาทิตย์ละแก้วเท่านั้นเพราะสู้ราคาไม่ไหว และถ้าเฮียยูโรรู้ว่าเขาฟุ่มเฟือยก็จะโดนดุอีก นอกจากกาแฟแล้วภพภูมิยังสั่งอาหารเช้าเผื่ออีก เขาบอกกับฟีฟ่าว่าต่อไปไม่ต้องแบ่งข้าววัดมาอีกเพราะกับข้าวส่วนใหญ่ฟีฟ่ากินไม่เป็น เมื่อวานก็เหลือทิ้งตั้งเยอะ เห็นแล้วเสียดายของ สู้เอาไปให้คนอื่นกินยังมีประโยชน์กว่า เวลาบ่าย.. คนมาปฏิบัติธรรมเพื่อสะเดาะเคราะห์ตอนนี้กำลังนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนแคร่ใต้ต้นลีลาวดีแทนที่จะไปนั่งสมาธิเจริญสติเหมือนคนอื่นเขา ฟีฟ่าถูกแยกตัวออกมาเพราะเหตุผลบางอย่างจึงไม่ได้เคร่งครัดมากนัก เขาได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องใส่ชุดขาวขณะอยู่ที่นี่ยกเว้นตอนไปช่วยหลวงปู่ถือของใส่บาตรและตอนเข้าไปในเขตวัด อย่างช่วงเย็นวันนี้หลวงปู่จะมีเทศนาให้ญาติธรรมฟัง ซึ่งฟีฟ่าต้องไปด้วย หลังทำวัตรเย็น ภพภูมิและฟีฟ่าซึ่งสวมชุดขาวด้วยกันทั้งคู่ได้พากันมายังจุดที่หลวงปู่ใช้เทศนาธรรมซึ่งเป็นลานกว้าง ขณะเดินออกจากป่าช้าฟีฟ่าได้แอบมองร่างสูงที่อยู่ในชุดเหมือนกัน อีกคนกลับดูมีสง่าราศีมากกว่านัก แต่ใบหน้าหล่อยังคงความน่าเกรงขามอยู่ไม่น้อย พอมาถึงที่หมายพวกเขากลับพบเพียงหลวงปู่และลูกศิษย์หนึ่งคนเท่านั้น จึงพากันเข้าไปก้มกราบท่าน "สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานอีกนะ" หลวงปู่เอ่ยทักภพภูมิ สีหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจก่อนจะหันมาทางฟีฟ่าและสนทนากันสั้น ๆ จากนั้นจึงเรียกให้ทั้งคู่ย้ายมานั่งด้านข้างโดยหันหน้าเข้าหาลานกว้าง "ได้เวลาแล้ว โยมทั้งสองย้ายมานั่งตรงนี้สิ" ภพภูมิและฟีฟ่าขยับไปนั่งด้านข้างหลวงปู่ พอหันกลับมาทางลานกว้างอีกครั้งก็พบผู้คนจำนวนไม่น้อยกว่าสามสิบคนมานั่งอยู่เบื้องหน้า ไม่รู้ว่ามากันตอนไหนเพราะไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าสักนิด ภพภูมิและลูกศิษย์ของหลวงปู่ดูไม่สงสัยอะไรยกเว้นฟีฟ่า อยากจะถามแต่ถูกภพภูมิห้ามไว้ ผู้ที่มาฟังธรรมในยามนี้ดูสำรวมนัก หลวงปู่เริ่มเทศนาโดยได้ยกเรื่องราวในพระไตรปิฎกตอนหนึ่งออกมาเทศนาให้ญาติธรรมฟัง ทุกคนล้วนนั่งก้มหน้านิ่งและฟังด้วยความตั้งใจ ไม่มีการพูดคุย ต่างไม่สนใจคนข้าง ๆ บรรยากาศรอบตัวมีเพียงเสียงของหลวงปู่ที่ดังก้องกังวานแม้ไม่ได้ใช้เครื่องขยายเสียง สลับกับเสียงหมาหอนดังมาเป็นระยะ "เป็นอะไร สำรวมหน่อยสิ" เสียงทุ้มพูดอยู่ข้างหูฟีฟ่าเมื่อมือเล็กบีบท่อนแขนแกร่งแน่น "ตะ..ตรงนั้น.." ฟีฟ่ามองเลยกลุ่มคนที่มาฟังธรรมออกไป เห็นเป็นเงาสูงกว่าต้นมะพร้าวโอนเอนไปมาในความมืด "อย่าไปมอง ไม่มีอะไรหรอก" "ตะ..แต่ฟ่ากลัว" "ถ้ากลัวก็หลับตา" มือหนาดันศีรษะฟีฟ่าแนบไปกับต้นแขนแกร่ง ร่างเล็กสั่นเทาด้วยความกลัวจนภพภูมิสัมผัสได้ ดวงตาคู่คมมองทอดไปเบื้องหน้ามองญาติธรรมแล้วหันกลับมามองฟีฟ่าอีกครั้งพลางถอนหายใจ ถ้าฟีฟ่ารู้ว่าคนพวกนี้เป็นใครมีหวังหัวใจวายตายก่อนแน่ เวลาผ่านไปนานเท่าไรไม่รู้ รู้แต่ตลอดเวลาที่หลวงปู่แสดงธรรมฟีฟ่าไม่กล้าลืมตามองไปข้างหน้า กระทั้งถูกเรียกด้วยเสียงทุ้มอีกครั้งจึงลืมตาขึ้นก็ไม่พบคนที่มาฟังธรรมสักคน "คนไปไหนหมดแล้วล่ะ?" "ก็กลับกันหมดแล้วนะสิ" ตอนนี้บริเวณลานกว้างนอกจากเขาและภพภูมิก็มีเพียงหลวงปู่กับลูกศิษย์หนึ่งคนเท่านั้น น่าแปลก..เขาก็ไม่ได้นอนหลับนี่นาทำไมถึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าสักนิดเลยล่ะ คนตั้งเยอะถ้าลุกเดินเขาน่าจะรู้สึกตัวบ้างสิ "ดึกแล้ว โยมสองคนกลับไปพักผ่อนเถอะ" หลวงปู่บอกกับทั้งคู่พร้อมลุกขึ้นจากอาสนะโดยมีลูกศิษย์ช่วยประคอง "อ้อ..ขากลับเดินระวังกันหน่อยนะ ทางมันมืด" และได้ย้ำกับทั้งสองคนอีกครั้งว่าให้เดินอย่างระมัดระวังเพราะทางมันมืด "ครับ หลวงปู่" ภพภูมิและฟีฟ่าก้มกราบลาหลวงปู่และพากันเดินกลับไปทางหลังวัด พอเข้าเขตป่าช้ารอบตัวก็มืดสนิทจนมองไม่เห็นทาง ไฟสักดวงก็ไม่มี มีเพียงแสงจากไฟฉายกระบอกเดียวในมือของภพภูมิที่สาดไปด้านหน้า "เดินดี ๆ สิ เกาะติดแบบนี้มันเดินไม่ถนัดรู้มั้ย!" ท่าเดินของฟีฟ่าไม่ปกติ ขาเขาสั่นยิ่งกว่าตอนอยู่ที่ลานแสดงธรรมเสียอีก จิตแข็งแค่ไหนลองมาเดินในป่าช้าตอนห้าทุ่มเที่ยงคืนต้องมีจิตหลุดกันบ้างล่ะ ยิ่งคนประสาทอ่อนอย่างฟีฟ่าไม่ต้องพูดถึง "ฮือ..พี่ภูมิอย่าทิ้งฟ่านะ ฟ่ากลัว" "ถ้านายไม่หยุดทำเสียงแปลก ๆ และเดินดี ๆ ฉันทิ้งนายแน่!" พอได้ยินว่าจะโดนทิ้งฟีฟ่าก็กลัวหนักกว่าเก่า แม้ภพภูมิจะใช้ทางที่สั้นกว่ากลับเรือนแต่ฟีฟ่ากลับรู้สึกเหมือนมันไกลขึ้นเป็นสิบกิโล ยิ่งใกล้ถึงเรือนไม้สีขาว อากาศกลับเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ แม้แต่ภพภูมิยังขนลุก ไม่ใช่ว่ากลัวแต่สัมผัสได้ถึงบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่รอบตัว ดวงตาคู่คมมองสำรวจไปรอบ ๆ ก่อนมือหนาจะกระชับตัวฟีฟ่าเข้ามาใกล้กว่าเดิม "มะ..มีอะไรเหรอ?" "ใกล้ถึงเรือนแล้ว เดินให้เร็วกว่านี้หน่อย" พูดนะง่ายแต่อย่าลืมสิว่าไอ้ฟ่าขาสั้น จู่ ๆ ภพภูมิก็สาวเท้าเร็วขึ้น ก้าวเดียวของเขาเท่ากับฟีฟ่าสองก้าวแล้วอย่างนี้จะไปตามทันได้ยังไง "พะ..พี่ภูมิช้าหน่อย ฟ่าตามไม่ทัน" เห็นเรือนไม้สีขาวอยู่ไม่ไกลขายาวก็จ้วงเดินเร็วขึ้น พื้นที่ไม่เรียบบวกกับรองเท้าแตะหนีบทำให้ฟีฟ่าเดินไม่ถนัดและสะดุดเข้าจนได้ มือที่จับชายเสื้อคนข้างหน้าหลุดออกทำให้ล้มหน้าคะมำ "ฟ่า!" ร่างสูงหันกลับมาดู ส่องไฟฉายเห็นฟีฟ่านอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นจึงเข้าไปช่วยดึงตัวขึ้น "เดินยังไงให้หกล้มวะ!" "ก็พี่เล่นก้าวยาวขนาดนั้น ฟ่าจะไปตามทันได้ยังไงเล่า!" ฟีฟ่าเถียงกลับไปและค่อย ๆ พาตัวเองลุกขึ้น ทันใดนั้น ได้มีเงาดำพุ่งมาจากทางด้านหลังของฟีฟ่าตรงเข้ามาหมายจะขย้ำ ภพภูมิจึงใช้ท่อนแขนปัดมันออกไปก่อนจะมาถึงตัว "มีอะไรหรือครับ?" ฟีฟ่ามองไม่เห็นเงาดำนั้น เขารู้สึกเหมือนมีลมวูบหนึ่งผ่านหลังไปเท่านั้น หลงเหลือเพียงกลิ่นเหม็นสาบที่ยังคละคลุ้งอยู่ ยิ่งทำให้ฟีฟ่าหลอนกว่าเก่า "ไม่มีอะไร รีบลุกขึ้นเร็ว" มือหนาหิ้วร่างของฟีฟ่าจนลอยจากพื้นและบอกให้รีบเดินตามมา ฟีฟ่าจับชายเสื้อคนข้างหน้าไว้แน่นและเดินตามติดแผ่นหลังกว้างจนถึงเรือนท่ามกลางสายตาแดงก่ำนับสิบคู่ที่จับจ้องมายังพวกเขาสองคน ครั้นพอย่างเท้าเข้าสู่บริเวณเรือนไม้สีขาวบรรยากาศที่แสนจะอึมครึมก็อันตรธานหายไปในทันที เหลือเพียงเสียงโหยหวนที่ดังไล่หลังของทั้งสองคนมา ซึ่งแม้แต่ฟีฟ่ายังได้ยิน ยิ่งทำให้คนตัวเล็กกลัวจนตัวสั่น ยังดีที่มันดังอยู่ไม่นานก็หายไปและทุกอย่างก็กลับเข้าสู่ความเงียบของรัตติกาลอีกครั้ง ภพภูมิรู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ติดตามเขาและฟีฟ่ามานั้นไม่สามารถเข้ามาในอาณาเขตของเรือนไม้สีขาวแห่งนี้ได้ เพราะนอกจากจะมีอาคมป้องกันแล้วสิ่งที่สถิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้ยังไม่ธรรมดาอีกด้วย "ไปอาบน้ำซะ" เสียงทุ้มออกคำสั่งเมื่อเห็นชุดขาวของฟีฟ่าเปื้อนดินตอนที่หกล้ม แต่คนกลัวผีไล่ให้ตายยังไงก็ไม่ไป "ผมอาบไปแล้วเมื่อตอนเย็น จะอาบทำไมอีก" นอกจากจะไม่ยอมอาบน้ำแล้วฟีฟ่ายังกระโดดขึ้นไปนอนบนฟูกก่อน ตั้งใจจะให้ภพภูมิเป็นคนปิดไฟเอง "เดี๋ยวนายต้องมานอนข้างฉัน มันสกปรก" "ไม่! ฟ่าไม่อาบ ถ้าพี่กลัวสกปรกคืนนี้พี่ก็ไม่ต้องมากอดฟ่าสิ" เรื่องอะไรจะยอม นอนกับฟีฟ่านอกจากจะหลับสนิทแล้วเหมือนดูเหมือนพลังพิเศษของเขาดูเหมือนจะค่อย ๆ กลับมาอีกด้วย แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมอาบน้ำจึงสั่งให้ไปเปลี่ยนชุดใหม่และเช็ดตัวให้สะอาดแทน โดยเขาต้องยอมลงไปเอาน้ำใส่กะละมังมาให้ "อย่าคิดว่าฉันพิศวาสนายนะ ถ้าตัวนายมีกลิ่นเหม็นฉันโยนนายลงเรือนแน่!" ขู่เขาแล้วยังจะนอนกอดเขาอีก คนอะไรหน้าไม่อายจริง ๆ หลังปิดไฟในห้องแล้วร่างสูงจึงกลับที่ไปฟูกและทิ้งตัวลงนอน แขนแกร่งดึงร่างเล็กเข้ามาแนบอก ตัวของฟีฟ่าไม่เหม็นกลิ่นเหงื่อให้หงุดหงิดกลับเป็นกลิ่นเฉพาะกายที่ชวนให้สบายใจ ใบหน้าหล่อน่าเกรงขามฝังปลายจมูกลงบนเรือนผมสีอ่อน ไม่นานก็เคลิ้มหลับไป มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีบางสิ่งมาถูไถกับต้นขาแกร่ง จึงลืมตาขึ้นมองเห็นฟีฟ่ากำลังใช้ลำท่อนขนาดน่ารักถูกับต้นขาอยู่ จากที่ง่วงถึงกับตาสว่างขึ้นทันที "อะ..ไอ้โรคจิต นี่มึงจะข่มขืนต้นขากูเหรอ!!" "มะ..ไม่ใช่นะ ฟังฟ่าก่อน!" คนพี่ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เขาจับคอเสื้อของฟีฟ่าด้วยมือเดียวและเหวี่ยงร่างเล็กไปกระแทกกับมุมห้อง จุดเดิมกับเมื่อครั้งก่อนเป๊ะ "โอ๊ย..ทำบ้าอะไรของพี่น่ะ!" "กูต้องเป็นฝ่ายถามมากกว่า มึงคิดจะลักหลับกูเหรอ!" "ใช่ที่ไหนกัน พี่ต่างหากล่ะที่ลักหลับฟ่า!" ภพภูมิเบิกตากว้างมองร่างเปลือยท่อนล่างของคนตัวเล็กก่อนเหลือบมองกางเกงขาสั้นที่หล่นอยู่บนฟูก เขาไม่เชื่อหรอกว่าตัวเองจะละเมอถอดกางเกงของอีกฝ่ายออก กลับกัน..น่าจะเป็นฟีฟ่านั่นแหละที่ถอดเองและพยายามจะลักหลับเขา[8]เพื่อนรักเพื่อนเลิฟรถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าตึกสูงและได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก รปภ. ร่างสูงในชุดฉูดฉาดลงจากรถออกมายืนด้วยท่าทีสง่างาม มือหนาขยับแว่นตากันแดดให้เข้าที่พลางยกยิ้มด้วยความมั่นใจ ไม่สนว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ช่วงขายาวก้าวเข้าไปในตึกอย่างมาดมั่นตรงไปยังลิฟต์สำหรับผู้บริหารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุด"แต่งตัวอะไรของมึงวะไอ้เท็น ระหว่างทางหมาไม่เห่าบ้างหรือไงวะ"ผู้บริหารหนุ่มถึงกับวางมือจากเอกสารที่กำลังเซ็นอยู่และลุกขึ้นมาหาชายหนุ่ม ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามมองอีกฝ่ายตั้งหัวจดเท้าอีกครั้ง"ทำไม? กูก็แต่งธรรมดานี่ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย""เออ..ไม่แปลกก็ไม่แปลก และมึงก็เลิกสูบบุหรี่ในห้องกูได้แล้ว แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทีไรก็นึกว่ามีขโมยเข้ามาในห้องกูอยู่เรื่อย"ดวงตาเรียวเหยียดมองสูทลำลองสีแดงเข้มเข้าชุดกับกางเกง และไหนจะเสื้อยืดคอกว้างและลึกโชว์ขนหยิกหย็อยบนกล้ามหน้าอกกับรอยสักบนร่างกายด้านซ้าย ใครเห็นต่างก็วิ่งหนีกันหมด ถ้าลูกค้ามาเห็นว่ามีคนแบบนี้ในบริษัทของเขามีหวังความน่าเชื่อถือคงไม่เหลือ"เรื่องมากฉิบหาย ต่อให้กูไม่สูบบริษัทมึงก็ไม่น่าเ
[9]ชายปริศนาในป่าไผ่"เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะ เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง"เสียงทุ้มว่าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน มองปากที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ แต่ตานี่ขวางเชียว ก็นะ..ลองมาถูกเหวี่ยงดูบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าเจ็บแค่ไหน นอนด้วยกันมาอาทิตย์กว่าแต่ทั้งตัวไอ้ฟ่านี่มีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด"ไม่รู้ล่ะ ก็ใครใช้ให้พี่มาทำร้ายฟ่าก่อนล่ะ!""ก็นายอยากคิดไม่ดีกับฉันก่อนทำไม หน็อย..คิดจะลักหลับฉันเป็นครั้งที่สองเหรอ เอาไว้ชาติหน้าเถอะ วันนั้นถ้านายไม่ใช้ยาปลุก บอกไว้เลยนะว่าขนสักเส้นของฉันนายก็ไม่มีทางได้เห็นหรอก!""แหวะ..อยากเห็นตายล่ะ" ฟีฟ่าพึมพำเบา ๆ เพราะกลัวถูกเหวี่ยงลงจากเรือน ขี้เกียจเถียงด้วย ทั้งที่เมื่อคืนตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนถอดกางเกงของเขาออกแท้ ๆแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ กะอีแค่มีเซ็กซ์ครั้งเดียวทำไมต้องอาฆาตกันขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ ฟ่าไม่เข้าใจจริง ๆ เป็นผู้ชายซะเปล่า ตัวก็ใหญ่อย่างกับควายแต่ใจแคบชะมัด ทั้งที่ตอนนั้นตัวเองก็เป็นฝ่ายได้เสียบแท้ ๆ ไอ้หัวหยิกเอ๊ย..อ้อ..อีกอย่าง บอกไว้เลยนะถ้าคืนนั้นไม่เมาจนขาดสติคนอย่างฟีฟ่าไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้เด็ดขาดถึงจะงอนแต่ฟีฟ่าก็กินข้าวจนหมดเกลี้ยง
[10]คนหน้าคล้ายจากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฟีฟ่าไม่อยากมองหน้าภพภูมิอีกเลย คนใจดำ รู้ทั้งรู้ว่าเขากลัวผียังบังคับให้เปิดโลงดูศพและยังถีบตกฟูกอีก คิดแล้วน่าโมโหจริง ๆ คนตัวเล็กนั่งหันหลังให้ ในมือถือแซนด์วิชไข่ ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ ไปด้วย"ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว คิดว่าน่ารักมากหรือไง"คนถูกว่าเพียงแค่เหลือกตามองและหันกลับไปกินแซนด์วิชต่อ คิดซะว่าได้ยินเสียงหมาเห่าหมาหอนละกันภพภูมินั่งไขว่ห้างพลางจิบกาแฟ มืออีกข้างก็ไถมือถือไปด้วย เห็นข้อความจากเท็นมะเข้ามา เมื่อคืนเพราะมีเรื่องวุ่นวายจึงไม่ทันสังเกตเห็น พอกดเข้าไปดูก็ขมวดคิ้วแน่น"ทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ"ร่างสูงลุกขึ้นและสั่งให้ฟีฟ่าไปเปลี่ยนชุดเพราะจะไปกราบหลวงปู่ด้วยกันฟีฟ่าดูดนิ้วหลังกินทุกอย่างหมดแล้ว แกล้งไปเช็ดมือกับเสื้อของภพภูมิและรีบวิ่งเข้าห้องก่อนโดนต่อย เขากลับออกมาในชุดขาวเหมือนอย่างทุกครั้ง แต่คราวนี้ภพภูมิกลับบอกให้เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแทน"แล้วไม่บอกแต่แรก เสียเวลาชะมัด"ฟีฟ่าบ่นอุบและกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง คราวนี้ออกมาในชุดทันสมัย ยิ่งทำให้คนตัวเล็กดูเด็กกว่าเก่า จากนั้นจึงตามภพภูมิไปยังกุฏิของหลวงปู่ ซึ่งท่านได้นั่งรออยู่แ
[11] พี่ภูมิ..ฟ่าอยู่นี่ ภพภูมิกลับมายังจุดนัดหมายพร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ เขาบีบยาจากหลอดใส่ปลายนิ้วและป้ายลงบนแก้มแดงอย่างเบามือ "ยิ่งขี้เหร่อยู่ ระวังอย่าให้มีแผลสิ" "ฟ่าไม่ได้หาเรื่องนะ ก็ไอ้ลุงนั่นอยู่ดี ๆ ก็มาดึงแขนฟ่าไว้ เจ็บจะตาย" พอได้ยินว่าชายวัยกลางคนที่มีเรื่องกับฟีฟ่านอกจากตบหน้าแล้วยังจับแขนเอาไว้อีกก็ยิ่งโมโห อยากจะโทรหาลูกน้องคนสนิทให้ตัดมือมันทิ้งไปด้วยเลย "จะซื้ออะไรมั้ย?" "ไม่ล่ะ" ฟีฟ่าปฏิเสธเพราะราคาสินค้าของที่นี่แต่ละอย่างไอ้ฟ่าเอื้อมไม่ถึงจริง ๆ ไม่รู้ภพภูมิคิดยังไงถึงพาเขามาที่แบบนี้ "อยากได้อะไรก็ไปดู เดี๋ยวฉันซื้อให้เอง" ภพภูมิเหมือนจะรู้ความคิดของฟีฟ่า เขาจึงเสนอเป็นเจ้าภาพจ่ายเงินให้ คิดว่าเป็นค่าตอบแทนให้กับหมอนข้าง ทำเอาคนน้องตาโต คิดว่าตัวเองหูฝาดไปซะอีกจนต้องถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ "จริงเหรอ ได้ทุกอย่างเลยเหรอ!" "จริงสิ" ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเปย์ให้ขนาดนี้ มีเหรอที่ไอ้ฟ่าจะพลาดโอกาสทอง ที่นี่มีของที่เขาอยากได้ตั้งหลายอย่าง ตั้งใจจะถล่มให้กระเป๋าฉีกเลย "พูดเองนะ อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน" ฟีฟ่าเดินนำหน้าเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่
[1] บทนำ ณ สถานบันเทิงที่ลักลอบเปิดให้บริการจนถึงเช้า ภายในเต็มไปด้วยแสงสีและเสียงเพลงดังกระหึ่มจนต้องแหกปากตะโกนคุยกัน กลิ่นเหล้าและควันบุหรี่ลอยคละคลุ้ง แต่เหล่าบรรดานักท่องราตรียังคงสนุกกับการดื่มกินจนลืมเวลา รวมถึงฟีฟ่าที่อยู่ในอาการเมามายจนแทบจำชื่อตัวเองไม่ได้ เขากำลังวาดลีลาอยู่บนฟลอร์ด้วยท่าทางที่ดูจะแรดเกินชายไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรักนวลสงวนตัวไม่ยอมให้ผู้ชายที่ไหนลากไปง่าย ๆ ฟีฟ่า ชายหนุ่มผู้มีอายุย่างจะเข้าสู่เบญจเพสในไม่ช้า คิดว่าตัวเองจะรอดจากอาถรรพ์แล้ว ที่ไหนได้ พอยิ่งใกล้วันเกิดความซวยก็ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งตกงาน รถจอดอยู่เฉย ๆ ก็ถูกชนจนพังยับ ไหนจะถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกเงินไปเป็นแสนอีก ที่หนักสุดคือถูกแฟนสาวที่คบมาครึ่งปีบอกเลิกด้วยเหตุผลที่ว่าเข้ากันไม่ได้ มันไม่ได้ตรงไหนวะ! ก็ตอนเอาโคยเสียบเข้าเสียบออกหล่อนยังร้องครวญครางว่าเสียวอย่างกับจะขาดใจตายอยู่เลย แต่นั่นไม่น่าเจ็บใจเท่าตอนไปหล่อนยังขโมยของมีค่าของเขาไปอีก เจอแบบนี้จะไม่เจ็บยังไงไหว ยิ่งคิดก็ยิ่งคลุ้มคลั่งจากท่าเต้นยั่วยวนก็กลายเป็นเต้นยั่วตีนไปเสียแล้ว หลายครั้งที่ฟีฟ่าเหยียบเข้ากับเท้าข
[2] ค่ำคืนที่แสนเร่าร้อน รถสปอร์ตคันหรูขับด้วยความเร็วกว่าปกติ ในขณะที่ดวงตาคู่คมก็มองหาโรงแรมที่อยู่ใกล้ที่สุดไปด้วย ครั้นพอเจอที่หมายก็เลี้ยวเข้าไปโดยไม่ลังเล ถึงจะเป็นแค่ม่านรูดแต่สมัยนี้ก็ตกแต่งอย่างดี ทั้งยังมีของเล่นและอุปกรณ์ครบครันแถมยังสะอาดอีกด้วย เอี๊ยดดดด!!! เสียงเหยียบเบรกดังสนั่นไปแปดห้องสิบห้องจนคนข้างในต้องแง้มประตูออกมาดูว่าใครมันมาทำให้ตกใจจนเกือบแทงผิดรู แม้แต่ฟีฟ่ายังตกใจจนนั่งอ้าปากค้าง ยาที่เขากรอกใส่ปากไอ้กล้ามโตออกฤทธิ์เร็วอย่างที่เพื่อนเลิฟบอกไว้จริง ๆ หลังม่านถูกรูดปิดสนิทฟีฟ่าก็ถูกท่อนแขนกล้ามเป็นมัดแบกเข้าเอวกระเตงลงจากรถและพาเข้าไปในห้องทันที ร่างเล็กผอมบางถูกโยนลงบนเตียงสปริงจนกระเด้งกระดอนไปสามสี่ตลบถึงหยุดอยู่ในท่าขาชี้ฟ้า ทำเอาคนเมาแทบอ้วกออกมาดีที่กลืนลงคอไปได้ทัน ฟีฟ่ามองใบหน้าที่เริ่มไร้สติของอีกฝ่าย ขอบตาดำคล้ำราวคนอดนอนทำให้ดวงตาคู่คมดูน่ากลัว ลมหายใจหอบเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย จ้องมองเขาด้วยสายตาที่ราวกับจะกลืนกินลงคอซะเดี๋ยวนั้น ทำเอาฟีฟ่ากลัวจนจู๋แทบหด "จะ..ใจเย็นก่อน เดี๋ยวกูจะพามึงไปสวรรค์เองนะ" เขาพยายามพูดอย่างใจเย็นแต่ดูเหมือนอีกฝ่
[3] คนดวงตก "ว่าไงนะป๊า..ไม่! ฟ่าไม่ไปเด็ดขาด!" เสียงฟีฟ่าโวยวายลั่นบ้านเมื่อรู้ว่าผู้เป็นพ่อและพี่ชายจะส่งตนไปอยู่วัด เพราะเห็นว่ายิ่งใกล้เบญจเพสดวงของฟีฟ่าไม่ดีเอาเสียเลย พวกเขาจึงเอาดวงของฟีฟ่าไปให้ซินแสที่นับถือช่วยตรวจดูให้ ปรากฏว่าชะตาของฟีฟ่ากำลังจะขาด แต่ถ้าผ่านไปได้เขาจะได้โชคอันใหญ่อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว "อย่าดื้อกับป๊านะฟ่า!" เสียงดุของพี่ชายทำฟีฟ่าสะดุ้ง และเงียบปากลงอัตโนมัติ ครอบครัวของฟีฟ่ามีกันสามคนพ่อลูก คุณแม่เสียไปตั้งแต่เขายังแบเบาะผู้เป็นพ่อจึงรักและตามใจเขามากเพื่อชดเชยที่ขาดแม่ไป ยูโร คือพี่ชายของฟีฟ่าและมีอายุห่างกันถึงห้าปี เขามีนิสัยตรงกันข้ามกับฟีฟ่าแทบจะทุกอย่างและเป็นคนเดียวในบ้านที่ฟีฟ่ากลัว เฮียยูโรทำงานอยู่บริษัทเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและส่งฟีฟ่าเรียนจนจบมหาลัย ส่วนป๊าเกษียณออกมาอยู่บ้านแล้ว นอกจากเงินผู้สูงอายุก็มีรายได้เล็ก ๆ น้อยจากการปลูกต้นไม้ขาย ทั้งที่อยู่เฉย ๆ ก็ไม่ลำบาก "เชื่อป๊านะฟ่า ที่ป๊ากับเฮียทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับฟ่านะ" "ไม่นะป๊า! ไม่นะเฮีย! ทั้งสองคนก็รู้นี่ว่าฟ่ากลัวผี ป๊ากับเฮียยังจะให้ฟ่าไปอยู่วัดอีกเหรอ ถ้าป๊ากับเฮียบังค
[4] คนดวงตกสองคน เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของหลวงปู่ภูมิก็ขัดไม่ได้ จำต้องให้ฟีฟ่าอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ในฐานะคนมาก่อนจึงออกกฎให้ฟีฟ่าปฏิบัติตาม มิฉะนั้นจะไม่ให้อยู่ด้วย "มึงชื่ออะไร" เสียงทุ้มถามขึ้น "ฟะ..ฟีฟ่า" "พูดกับคนอายุมากกว่าให้มันดี ๆ หน่อย ถ้าไม่เชื่อฟังก็กลับไปซะ" คนอะไรแม่งขู่เก่งชะมัด สงสัยจะมีญาติเป็นงูแน่ ๆ ฟีฟ่าบ่นอุบอิบก่อนแนะนำตัวเองอีกครั้ง แม้น้ำเสียงจะไม่ได้รื่นหูแต่ก็ใช้คำที่ฟังแล้วทำให้ปลายตีนของอีกฝ่ายกระตุกน้อยสุดเป็นพอ และยังบอกคนเป็นผู้ใหญ่ว่าถ้าอยากให้คนอื่นพูดดีด้วยตัวเองก็ต้องพูดก่อนสิ โดนตอกหน้ากลับคนเป็นผู้ใหญ่ถึงกับกัดฟันกรอด เถียงไม่ออกเพราะเด็กมันพูดจริง "ว่าแต่มึง เอ๊ย! ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองบ้างหรือไง เอาแค่ถามคนอื่นแต่ชื่อตัวเองกลับไม่ยอมบอกมันเสียมารยาทนะไม่รู้หรือไง" ฟีฟ่าถือโอกาสว่ากลับไปบ้าง "ฉันชื่อภูมิ ให้นายเรียกฉันว่าพี่ภูมิ เพราะถึงยังไงฉันก็อายุมากกว่านายหลายปี" พอคำพูดเปลี่ยนก็ทำให้คนตรงหน้าดูดีขึ้นมา น้ำเสียงห้วนไม่น่าฟังก็มีเสน่ห์ขึ้น เสียงทุ้มต่ำติดแหบนิดหน่อยทำให้ฟีฟ่านึกถึงเสียงกระซิบข้างใบหูเมื่อคืนนั้นก็เกิดหน
[11] พี่ภูมิ..ฟ่าอยู่นี่ ภพภูมิกลับมายังจุดนัดหมายพร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ เขาบีบยาจากหลอดใส่ปลายนิ้วและป้ายลงบนแก้มแดงอย่างเบามือ "ยิ่งขี้เหร่อยู่ ระวังอย่าให้มีแผลสิ" "ฟ่าไม่ได้หาเรื่องนะ ก็ไอ้ลุงนั่นอยู่ดี ๆ ก็มาดึงแขนฟ่าไว้ เจ็บจะตาย" พอได้ยินว่าชายวัยกลางคนที่มีเรื่องกับฟีฟ่านอกจากตบหน้าแล้วยังจับแขนเอาไว้อีกก็ยิ่งโมโห อยากจะโทรหาลูกน้องคนสนิทให้ตัดมือมันทิ้งไปด้วยเลย "จะซื้ออะไรมั้ย?" "ไม่ล่ะ" ฟีฟ่าปฏิเสธเพราะราคาสินค้าของที่นี่แต่ละอย่างไอ้ฟ่าเอื้อมไม่ถึงจริง ๆ ไม่รู้ภพภูมิคิดยังไงถึงพาเขามาที่แบบนี้ "อยากได้อะไรก็ไปดู เดี๋ยวฉันซื้อให้เอง" ภพภูมิเหมือนจะรู้ความคิดของฟีฟ่า เขาจึงเสนอเป็นเจ้าภาพจ่ายเงินให้ คิดว่าเป็นค่าตอบแทนให้กับหมอนข้าง ทำเอาคนน้องตาโต คิดว่าตัวเองหูฝาดไปซะอีกจนต้องถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ "จริงเหรอ ได้ทุกอย่างเลยเหรอ!" "จริงสิ" ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเปย์ให้ขนาดนี้ มีเหรอที่ไอ้ฟ่าจะพลาดโอกาสทอง ที่นี่มีของที่เขาอยากได้ตั้งหลายอย่าง ตั้งใจจะถล่มให้กระเป๋าฉีกเลย "พูดเองนะ อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน" ฟีฟ่าเดินนำหน้าเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่
[10]คนหน้าคล้ายจากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฟีฟ่าไม่อยากมองหน้าภพภูมิอีกเลย คนใจดำ รู้ทั้งรู้ว่าเขากลัวผียังบังคับให้เปิดโลงดูศพและยังถีบตกฟูกอีก คิดแล้วน่าโมโหจริง ๆ คนตัวเล็กนั่งหันหลังให้ ในมือถือแซนด์วิชไข่ ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ ไปด้วย"ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว คิดว่าน่ารักมากหรือไง"คนถูกว่าเพียงแค่เหลือกตามองและหันกลับไปกินแซนด์วิชต่อ คิดซะว่าได้ยินเสียงหมาเห่าหมาหอนละกันภพภูมินั่งไขว่ห้างพลางจิบกาแฟ มืออีกข้างก็ไถมือถือไปด้วย เห็นข้อความจากเท็นมะเข้ามา เมื่อคืนเพราะมีเรื่องวุ่นวายจึงไม่ทันสังเกตเห็น พอกดเข้าไปดูก็ขมวดคิ้วแน่น"ทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ"ร่างสูงลุกขึ้นและสั่งให้ฟีฟ่าไปเปลี่ยนชุดเพราะจะไปกราบหลวงปู่ด้วยกันฟีฟ่าดูดนิ้วหลังกินทุกอย่างหมดแล้ว แกล้งไปเช็ดมือกับเสื้อของภพภูมิและรีบวิ่งเข้าห้องก่อนโดนต่อย เขากลับออกมาในชุดขาวเหมือนอย่างทุกครั้ง แต่คราวนี้ภพภูมิกลับบอกให้เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแทน"แล้วไม่บอกแต่แรก เสียเวลาชะมัด"ฟีฟ่าบ่นอุบและกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง คราวนี้ออกมาในชุดทันสมัย ยิ่งทำให้คนตัวเล็กดูเด็กกว่าเก่า จากนั้นจึงตามภพภูมิไปยังกุฏิของหลวงปู่ ซึ่งท่านได้นั่งรออยู่แ
[9]ชายปริศนาในป่าไผ่"เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะ เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง"เสียงทุ้มว่าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน มองปากที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ แต่ตานี่ขวางเชียว ก็นะ..ลองมาถูกเหวี่ยงดูบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าเจ็บแค่ไหน นอนด้วยกันมาอาทิตย์กว่าแต่ทั้งตัวไอ้ฟ่านี่มีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด"ไม่รู้ล่ะ ก็ใครใช้ให้พี่มาทำร้ายฟ่าก่อนล่ะ!""ก็นายอยากคิดไม่ดีกับฉันก่อนทำไม หน็อย..คิดจะลักหลับฉันเป็นครั้งที่สองเหรอ เอาไว้ชาติหน้าเถอะ วันนั้นถ้านายไม่ใช้ยาปลุก บอกไว้เลยนะว่าขนสักเส้นของฉันนายก็ไม่มีทางได้เห็นหรอก!""แหวะ..อยากเห็นตายล่ะ" ฟีฟ่าพึมพำเบา ๆ เพราะกลัวถูกเหวี่ยงลงจากเรือน ขี้เกียจเถียงด้วย ทั้งที่เมื่อคืนตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนถอดกางเกงของเขาออกแท้ ๆแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ กะอีแค่มีเซ็กซ์ครั้งเดียวทำไมต้องอาฆาตกันขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ ฟ่าไม่เข้าใจจริง ๆ เป็นผู้ชายซะเปล่า ตัวก็ใหญ่อย่างกับควายแต่ใจแคบชะมัด ทั้งที่ตอนนั้นตัวเองก็เป็นฝ่ายได้เสียบแท้ ๆ ไอ้หัวหยิกเอ๊ย..อ้อ..อีกอย่าง บอกไว้เลยนะถ้าคืนนั้นไม่เมาจนขาดสติคนอย่างฟีฟ่าไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้เด็ดขาดถึงจะงอนแต่ฟีฟ่าก็กินข้าวจนหมดเกลี้ยง
[8]เพื่อนรักเพื่อนเลิฟรถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าตึกสูงและได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก รปภ. ร่างสูงในชุดฉูดฉาดลงจากรถออกมายืนด้วยท่าทีสง่างาม มือหนาขยับแว่นตากันแดดให้เข้าที่พลางยกยิ้มด้วยความมั่นใจ ไม่สนว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ช่วงขายาวก้าวเข้าไปในตึกอย่างมาดมั่นตรงไปยังลิฟต์สำหรับผู้บริหารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุด"แต่งตัวอะไรของมึงวะไอ้เท็น ระหว่างทางหมาไม่เห่าบ้างหรือไงวะ"ผู้บริหารหนุ่มถึงกับวางมือจากเอกสารที่กำลังเซ็นอยู่และลุกขึ้นมาหาชายหนุ่ม ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามมองอีกฝ่ายตั้งหัวจดเท้าอีกครั้ง"ทำไม? กูก็แต่งธรรมดานี่ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย""เออ..ไม่แปลกก็ไม่แปลก และมึงก็เลิกสูบบุหรี่ในห้องกูได้แล้ว แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทีไรก็นึกว่ามีขโมยเข้ามาในห้องกูอยู่เรื่อย"ดวงตาเรียวเหยียดมองสูทลำลองสีแดงเข้มเข้าชุดกับกางเกง และไหนจะเสื้อยืดคอกว้างและลึกโชว์ขนหยิกหย็อยบนกล้ามหน้าอกกับรอยสักบนร่างกายด้านซ้าย ใครเห็นต่างก็วิ่งหนีกันหมด ถ้าลูกค้ามาเห็นว่ามีคนแบบนี้ในบริษัทของเขามีหวังความน่าเชื่อถือคงไม่เหลือ"เรื่องมากฉิบหาย ต่อให้กูไม่สูบบริษัทมึงก็ไม่น่าเ
[7]สิ่งที่ติดตามมาในความมืด"วันนี้ผมคงไปช่วยหลวงปู่บิณฑบาตไม่ไหวแล้วล่ะ"ฟีฟ่าเดินเดี้ยงออกมายังชานหน้าบ้านทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนตัวเก่ง เวลาตีห้ากว่าแล้วแต่ท้องฟ้ายังคงมืดสนิทและไม่มีวี่แววว่าพระอาทิตย์จะขึ้นสักนิด ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เหมือนเวลากลางคืนจะยาวนานกว่าปกติ"ไม่ไหวก็ไม่ต้องไป ไม่มีนายหลวงปู่ยังมีลูกศิษย์อีกเยอะ""ชิ!"ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้สักทองและมองออกไปรอบตัวบ้าน กิ่งไผ่สูงท่วมหัวโอนเอนไปตามสายลมดูน่ากลัวจนต้องลุกไปนั่งอยู่ใกล้ ๆ กับภพภูมิ"เป็นอะไรอีกล่ะ""ตะ..ต้นไผ่มันโยกไปโยกมา น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้"ดวงตาคู่คมมองออกไปตามที่ฟีฟ่าบอก แม้ไม่เห็นเป็นตัวเป็นตนแต่ก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ในเมื่อต่างคนต่างอยู่เขาจึงไม่ทำอะไร และบริเวณเรือนไม้สีขาวก็ได้ทำการลงอาคมเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้เอาไว้แล้ว"ถ้ากลัวแล้วจะมองทำไม กลัวมากก็มานั่งสมาธินี่"เอะอะก็จะให้นั่งสมาธิอยู่เรื่อย ไอ้ฟ่าไม่เอาด้วยหรอก แต่อีกคนไม่สนใจหลังก้มกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าสู่สมาธิโดยมีฟีฟ่านั่งอยู่ข้าง ๆ คนไม่มีอะไรทำก็เริ่มง่วงขึ้นมาสุดท้ายก็ฟุบหลับไปบนตักของภพภูมิเ
[6]นายต้องเป็นหมอนข้างให้ฉันฟีฟ่าย่องขึ้นเรือนโดยมีเป้าหมายอยู่ที่กล่องแซนด์วิชบนโต๊ะไม้สักทอง เจ้าของนั่งหันหลังให้แบบนี้ยังไงก็ไม่มีทางเห็นแน่นอน เสร็จไอ้ฟ่าล่ะมือเล็กคว้ากล่องแซนด์วิชได้สำเร็จ ตั้งใจจะเอาลงไปกินข้างล่างเป็นมื้อเที่ยง บังเอิญเหลือบไปเห็นเห็นอกไก่ไร้ไขมันชิ้นใหญ่ในกล่องอาหารคลีนก็เกิดอยากกินขึ้นมา คิดว่าเอาไปแค่ชิ้นเดียวอีกฝ่ายคงไม่รู้หรอก "เสร็จโจร อิอิ.."มัวแต่ย่ามใจค่อย ๆ เปิดกล่องจึงไม่รู้สึกตัวว่าร่างสูงได้มายืนอยู่ด้านหลังแล้ว และกำลังมองพฤติกรรมของเขาอยู่"ทำอะไรน่ะ!"เสียงทุ้มดังขึ้นทำเอาฟีฟ่าตกใจจนแทบทำของในมือร่วง ดีที่ว่าคว้าเอาไว้ได้ทัน เขาหันกลับมามองร่างสูงและยิ้มแหย ๆ"นะ.. นั่งสมาธิเสร็จแล้วหรือครับ แฮะ ๆ""ถ้ายังไม่เสร็จฉันจะจับขโมยได้เหรอ"ร่างสูงโน้มลงต่ำและยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ดวงตาคู่คมมองกล่องแซนด์วิชที่อยู่ในมือของฟีฟ่าและยิ้มเหี้ยม..วิ่งสิครับจะรออะไร!!ฟีฟ่าถอยหลังหนีและรีบวิ่งลงจากเรือน ยังไม่พ้นบันไดขั้นแรกก็ถูกมือหนาคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้ นี่สินะ..ข้อเสียเปรียบของคนขาสั้น ฟีฟ่าถูกคนตัวใหญ่กว่าเหวี่ยงกระเด็นกลับขึ้นไปบนเรือน แผ่นหลังบาง
[5] มาเฟียหนุ่ม "ไอ้โรคจิต ทำไมถึงไม่ใส่กางเกงใน ฮะ!" ภูมิพูดขึ้นเสียงดังพลางชี้นิ้วไปยังร่างเล็กที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามกัน ทั้งพยายามละสายตาจากสิ่งตรงหน้าด้วยการมองเลยไปทางด้านหลังของฟีฟ่า "แล้วพี่จะตกใจทำไมล่ะ ก็เมื่อคืนพี่เป็นคนเร่งฟ่าให้เร็ว ๆ เองนี่ ฟ่าก็ใส่ไม่ทันนะสิ แต่โล่ง ๆ แบบนี้ก็สบายดีนะ" ฟีฟ่าสวมกางเกงวิ่งขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่งซึ่งเจ้าตัวมองยังไงก็เรียบร้อย เขาลุกถกขากางเกงขึ้นจนแก้มก้นขาวโผล่ คนพี่ทนดูไม่ไหวต้องสั่งให้รีบเอาลง "อย่าถก เอาลงเดี๋ยวนี้!" เมื่อคืนฟีฟ่ากลัวโดนทิ้งจึงรีบแต่งตัวเลยไม่ทันได้สวมกางเกงชั้นใน และกางเกงวิ่งสมัยนี้ก็สั้นเหลือเกิน ขนาดไข่เล็ก ๆ ของไอ้ฟ่าก็ปิดแทบไม่มิด ไหนจะด้านข้างก็เป็นเพียงผ้าซ้อนทับกันไว้เพื่อความคล่องตัวของนักวิ่ง ตัวหนึ่งก็ไม่ใช่ถูก ๆ ซับในก็เสือกไม่มีอีก นั่งทีก็เปิดจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว "ที่จริงมันมีกางเกงซับในนะ แต่ฟ่ารำคาญมันสีกับไข่เลยไปเอาออก" "ฉันไม่ได้ถาม ถ้านายจะใส่ไอ้กางเกงขาสั้นแบบนี้ก็สู้แก้ผ้าไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ไข่เล็ก ๆ ยังปิดไม่มิดเลย" "เสียมารยาท ไข่ฟ่าไม่ได้เล็ก ๆ สักหน่อย และอีกอย่างชุดนี้ก็ของ
[4] คนดวงตกสองคน เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของหลวงปู่ภูมิก็ขัดไม่ได้ จำต้องให้ฟีฟ่าอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ในฐานะคนมาก่อนจึงออกกฎให้ฟีฟ่าปฏิบัติตาม มิฉะนั้นจะไม่ให้อยู่ด้วย "มึงชื่ออะไร" เสียงทุ้มถามขึ้น "ฟะ..ฟีฟ่า" "พูดกับคนอายุมากกว่าให้มันดี ๆ หน่อย ถ้าไม่เชื่อฟังก็กลับไปซะ" คนอะไรแม่งขู่เก่งชะมัด สงสัยจะมีญาติเป็นงูแน่ ๆ ฟีฟ่าบ่นอุบอิบก่อนแนะนำตัวเองอีกครั้ง แม้น้ำเสียงจะไม่ได้รื่นหูแต่ก็ใช้คำที่ฟังแล้วทำให้ปลายตีนของอีกฝ่ายกระตุกน้อยสุดเป็นพอ และยังบอกคนเป็นผู้ใหญ่ว่าถ้าอยากให้คนอื่นพูดดีด้วยตัวเองก็ต้องพูดก่อนสิ โดนตอกหน้ากลับคนเป็นผู้ใหญ่ถึงกับกัดฟันกรอด เถียงไม่ออกเพราะเด็กมันพูดจริง "ว่าแต่มึง เอ๊ย! ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองบ้างหรือไง เอาแค่ถามคนอื่นแต่ชื่อตัวเองกลับไม่ยอมบอกมันเสียมารยาทนะไม่รู้หรือไง" ฟีฟ่าถือโอกาสว่ากลับไปบ้าง "ฉันชื่อภูมิ ให้นายเรียกฉันว่าพี่ภูมิ เพราะถึงยังไงฉันก็อายุมากกว่านายหลายปี" พอคำพูดเปลี่ยนก็ทำให้คนตรงหน้าดูดีขึ้นมา น้ำเสียงห้วนไม่น่าฟังก็มีเสน่ห์ขึ้น เสียงทุ้มต่ำติดแหบนิดหน่อยทำให้ฟีฟ่านึกถึงเสียงกระซิบข้างใบหูเมื่อคืนนั้นก็เกิดหน
[3] คนดวงตก "ว่าไงนะป๊า..ไม่! ฟ่าไม่ไปเด็ดขาด!" เสียงฟีฟ่าโวยวายลั่นบ้านเมื่อรู้ว่าผู้เป็นพ่อและพี่ชายจะส่งตนไปอยู่วัด เพราะเห็นว่ายิ่งใกล้เบญจเพสดวงของฟีฟ่าไม่ดีเอาเสียเลย พวกเขาจึงเอาดวงของฟีฟ่าไปให้ซินแสที่นับถือช่วยตรวจดูให้ ปรากฏว่าชะตาของฟีฟ่ากำลังจะขาด แต่ถ้าผ่านไปได้เขาจะได้โชคอันใหญ่อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว "อย่าดื้อกับป๊านะฟ่า!" เสียงดุของพี่ชายทำฟีฟ่าสะดุ้ง และเงียบปากลงอัตโนมัติ ครอบครัวของฟีฟ่ามีกันสามคนพ่อลูก คุณแม่เสียไปตั้งแต่เขายังแบเบาะผู้เป็นพ่อจึงรักและตามใจเขามากเพื่อชดเชยที่ขาดแม่ไป ยูโร คือพี่ชายของฟีฟ่าและมีอายุห่างกันถึงห้าปี เขามีนิสัยตรงกันข้ามกับฟีฟ่าแทบจะทุกอย่างและเป็นคนเดียวในบ้านที่ฟีฟ่ากลัว เฮียยูโรทำงานอยู่บริษัทเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและส่งฟีฟ่าเรียนจนจบมหาลัย ส่วนป๊าเกษียณออกมาอยู่บ้านแล้ว นอกจากเงินผู้สูงอายุก็มีรายได้เล็ก ๆ น้อยจากการปลูกต้นไม้ขาย ทั้งที่อยู่เฉย ๆ ก็ไม่ลำบาก "เชื่อป๊านะฟ่า ที่ป๊ากับเฮียทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับฟ่านะ" "ไม่นะป๊า! ไม่นะเฮีย! ทั้งสองคนก็รู้นี่ว่าฟ่ากลัวผี ป๊ากับเฮียยังจะให้ฟ่าไปอยู่วัดอีกเหรอ ถ้าป๊ากับเฮียบังค