[8]
เพื่อนรักเพื่อนเลิฟ รถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าตึกสูงและได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก รปภ. ร่างสูงในชุดฉูดฉาดลงจากรถออกมายืนด้วยท่าทีสง่างาม มือหนาขยับแว่นตากันแดดให้เข้าที่พลางยกยิ้มด้วยความมั่นใจ ไม่สนว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ช่วงขายาวก้าวเข้าไปในตึกอย่างมาดมั่นตรงไปยังลิฟต์สำหรับผู้บริหารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุด "แต่งตัวอะไรของมึงวะไอ้เท็น ระหว่างทางหมาไม่เห่าบ้างหรือไงวะ" ผู้บริหารหนุ่มถึงกับวางมือจากเอกสารที่กำลังเซ็นอยู่และลุกขึ้นมาหาชายหนุ่ม ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามมองอีกฝ่ายตั้งหัวจดเท้าอีกครั้ง "ทำไม? กูก็แต่งธรรมดานี่ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย" "เออ..ไม่แปลกก็ไม่แปลก และมึงก็เลิกสูบบุหรี่ในห้องกูได้แล้ว แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทีไรก็นึกว่ามีขโมยเข้ามาในห้องกูอยู่เรื่อย" ดวงตาเรียวเหยียดมองสูทลำลองสีแดงเข้มเข้าชุดกับกางเกง และไหนจะเสื้อยืดคอกว้างและลึกโชว์ขนหยิกหย็อยบนกล้ามหน้าอกกับรอยสักบนร่างกายด้านซ้าย ใครเห็นต่างก็วิ่งหนีกันหมด ถ้าลูกค้ามาเห็นว่ามีคนแบบนี้ในบริษัทของเขามีหวังความน่าเชื่อถือคงไม่เหลือ "เรื่องมากฉิบหาย ต่อให้กูไม่สูบบริษัทมึงก็ไม่น่าเชื่อถืออยู่แล้วมั้ยวะ" เท็นมะพ่นควันลอยสูงขึ้นก่อนขยี้บุหรี่ที่เพิ่งจุดลงบนที่เขี่ยด้านหน้า ร่างสูงนั่งกางขากว้าง เท้าแขนและเอนตัวพิงไปกับโซฟา ท่าทางอย่างกับนักเลงมาทวงหนี้แบบนี้ถึงว่าไม่มีบริษัทไหนกล้ารับเข้าทำงาน ชายหนุ่มที่กล้าพูดเช่นนี้กับเท็นมะมีชื่อว่าเจย์ เขาเป็นถึงทายาทนักธุรกิจใหญ่ระดับโลก เบื้องหน้าที่ใครเห็นว่าขาวสะอาดนั้นย่อมมีเบื้องหลังที่เป็นสีเทาเช่นกัน พวกเขาคบเป็นเพื่อนกันมาเกินสิบปี จนแทบไม่มีเรื่องปิดบังกันแล้ว "ว่าแต่ช่วงนี้ไอ้ภพเป็นไงบ้าง มึงได้เจอมันบ้างมั้ย" "มันไปถือศีลที่วัดกูเลยไม่อยากไปรบกวน หนุ่มซิงก็แบบนี้แหละ เอาผู้หญิงไม่ได้เลยต้องไปนอนวัดแทน" "มึงก็พูดไป ระวังนรกจะกินกระบาลเอาล่ะ" นอกจากนายใหญ่ที่เสียชีวิตไปแล้วก็มีเท็นทะกับเจย์ที่รู้เรื่องความสามารถพิเศษของภพภูมิ และยังรู้ด้วยว่าหลังเกิดอุบัติเหตุรถตกเหวเมื่อตอนถูกไล่ยิงพลังนี้ก็ได้หายไปด้วย "ใครจะรู้ ว่าคนหล่อเหี้ย ๆ แบบไอ้ภพจะยังเวอร์จิ้นวะ เสียทีที่เกิดเป็นผู้ชาย ฮ่า ๆ ๆ" เท็นมะว่าพลางหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ เพราะพลังพิเศษทำให้ภพภูมิต้องรักษาพรหมจรรย์มาจนถึงตอนนี้ มีที่ไหนที่ผู้ชายอายุจะสามสิบแต่ยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง ถ้าถึงเวลาต้องเอากันจริง ๆ ไม่รู้จะทำเป็นหรือเปล่า ยิ่งคิดเท็นมะก็ยิ่งขำ "ถ้าไอ้ภพหล่อเหี้ย ๆ มึงก็หล่อสัด ๆ แล้วล่ะไอ้เท็น ไม่งั้นจะคบกันมาได้นานขนาดนี้เหรอ" เจย์ว่ากลับไปเพราะรำคาญเสียงหัวเราะที่ดังจนปวดประสาท ก่อนจะถามถึงเรื่องที่ภพภูมิไหว้วานให้ช่วย "เลิกพูดมากได้แล้ว เรื่องพี่ชายของไอ้ภพที่มึงให้กูช่วยสืบ เห็นว่าตอนนี้ไปร่วมมือกับคู่แข่งประมูลงานก่อสร้างทางเหนืออยู่" "พี่ภีมนะเหรอ" นินทาเพื่อนจนพอใจแล้วทั้งคู่จึงเริ่มเข้าสู่โหมดจริงจังกันบ้าง นอกจากเท็นมะแล้วก็มีเจย์นี่แหละที่ช่วยสืบหาคนบงการฆ่าคุณพ่อของภพภูมิอยู่เงียบ ๆ ขณะคุยกันเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นก่อนคนข้างนอกจะเปิดเข้ามา ทั้งคู่มองหน้ากันเครียดเพราะพนักงานที่นี่ต่างรู้กันว่าถ้าเท็นมะมาที่นี่ ห้ามทุกคนเข้ามารบกวนเด็ดขาด ทั้งคู่หันไปมองคนมาใหม่เป็นตาเดียว "คุณเข้ามาทำไม ไม่มีใครบอกหรือว่าไงห้ามรบกวน!" น้ำเสียงขุ่นเคืองถามด้วยความไม่พอใจและมองอีกฝ่ายด้วยสายตาตำหนิ "ขะ..ขอโทษครับ พอดีผมเห็นว่าคุณเจย์มีแขกแต่ไม่มีใครชงกาแฟมาให้ ผมก็เลย.." ดวงตาเรียวเล็กภายใต้กรอบแว่นสีเงินก้มมองต่ำเพื่อหลบสายตาเฉียบคมที่จ้องเขม็งของผู้เป็นนาย แค่นี้มือไม้ก็อ่อนแรงจนแทบจะทำถาดในมือหล่นแล้ว ขาเจ้ากรรมยังจะสั่นอีก "ออกไป!" เพล้ง!! เสียงตวาดทำเอาชายหนุ่มตกใจจนถาดหลุดจากมือ ทำให้แก้วเครื่องดื่มที่อยู่บนนั้นหล่นกระแทกพื้นแตกกระจาย "ขะ..ขอโทษครับ" เขารีบก้มลงเก็บเศษแก้วบนพื้นใส่ถาดก่อนที่เจย์จะโมโหไปมากกว่านี้ "เสียงดังแบบนี้เขาก็ตกใจหมดสิวะไอ้เจย์ ดูสิสั่นไปทั้งตัวแล้ว" เท็นมะลุกขึ้นไปนั่งยอง ๆ เบื้องหน้าเลขาหนุ่ม รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดดูน่ากลัว แต่ไม่เท่ารอยสักบนหน้าอกด้านซ้ายที่มีขนหยิกหย็อยขึ้นอยู่ ดวงตาเรียวเล็กมองจากข้างล่างไล่ขึ้นมาถึงใบหน้าหล่อเกลี้ยงเกลาขัดกับรูปร่างและสะดุดเข้ากับรอยยิ้มแสยะน่าขนลุก เจอแบบนี้เป็นใครก็กลัววะ เลขาหนุ่มถึงกับตกใจจนต้องทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น "คะ..คะ..คุณ.." มะ..มะ..ไม่จริงใช่มั้ย นี่ก็แค่คนหน้าเหมือน ไม่ใช่ไอ้บ้ากามที่เขาเจอที่คลับเมื่อคืนนั้นหรอก!! "ใครวะ?" เท็นมะหันกลับไปถามเจย์ แสร้งทำเป็นไม่เคยพบเลขาหนุ่มมาก่อน "เลขาใหม่ เพิ่งมาทำงานได้สองเดือน ทำไม..มึงรู้จักเหรอ?" "เปล่า..บังเอิญว่าวันนี้กูอยากได้คนมาดูแลนิดหน่อย มึงคงไม่ว่าอะไรนะ" เจย์เงียบไปชั่วครู่ ไม่รู้ว่าไอ้เพื่อนบ้าคิดอะไรอยู่ ที่ผ่านมาไม่เห็นจะเคยสนใจพนักงานของเขาสักคน ที่สั่งห้ามใครรบกวนก็มันนี่แหละ "ตามใจ" เมื่อได้รับอนุญาตเท็นมะจึงพาเลขาหนุ่มมานั่งบนโซฟาด้วยกัน ท่อนแขนแกร่งโอบบ่าบางไว้ ทำเหมือนออฟฟิศเป็นบาร์โฮสต์ก็ไม่ปาน "น้องชื่ออะไรหรือครับ" มือหนาอยู่ไม่สุขหยิบบัตรคล้องคอขึ้นมาอ่านชื่อเองโดยไม่รอให้เจ้าตัวแนะนำ "นายทศวรรษ วรางค์นิธิธรรม ชื่อน่าเลิฟจังเลยนะครับ" เลขาหนุ่มสะดุ้ง เริ่มมั่นใจแล้วว่าไอ้ยักษ์คนนี้คือคนเดียวกับที่เจอคืนนั้นแน่ ๆ เท็นมะและเจย์เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่นแทนเพราะมีบุคคลที่สามอยู่ร่วมห้องด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นเท็นทะที่แกล้งพนักงานใหม่ของเจย์มากกว่า ทั้งขู่ว่าถ้าไม่ให้ความร่วมมือจะไม่ให้ผ่านโปร งานดีเงินเดือนสูงแบบนี้ใครจะกล้าปล่อยให้หลุดมือกัน เขาใช้เวลาถึงสองปีเชียวนะกว่าจะถูกเรียกตัว คิดว่าเป็นโชคดีในวัยเบญจเพสแต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้ว "วันนี้กูไม่ได้เอารถมา ให้เลขามึงขับรถไปส่งกูหน่อยได้มั้ยวะ" เจย์เงียบไปอีกครั้งก่อนจะบอกให้เลขาของตนขับรถไปส่งเท็นมะและอนุญาตให้เลิกงานก่อนเวลาได้ เขารู้อยู่แล้วว่าเท็นมะขับรถมาจอดไว้ด้านหน้าตึก ไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ถึงอยากให้เลขาคนใหม่ไปส่ง ส่วนเลิฟแม้ไม่อยากไปส่งไอ้บ้านี่แต่ก็ไม่อยากหางานใหม่ ยิ่งในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ด้วย จำต้องยอมทำตามคำสั่งของเจ้านาย เลิฟกลับไปเอากระเป๋าที่แผนก ออกมาก็เห็นร่างสูงยืนรออยู่หน้าลิฟต์ เขาไม่อยากอยู่ใกล้คนแบบนี้เลย เพราะนอกจากจะน่ากลัวแล้วแค่ยืนใกล้ก็รู้สึกอาย กล้าแต่งตัวแบบนี้ออกจากบ้านได้ยังไงกัน ไม่รู้ว่ามั่นใจหรือมั่นหน้ากันแน่ ติ๊ง! ประตูลิฟต์เปิดออก ร่างสูงหลีกทางให้เลิฟเข้าไปด้านในก่อน หนุ่มแว่นหลบเข้าไปยืนชิดมุมเพื่อให้อยู่ห่างจากเท็นทะมากที่สุด บรรยากาศโคตรจะอึดอัดเพราะอีกคนเอาแต่จ้องเขาด้วยสายตาน่าขนลุก "ทำไมยืนห่างขนาดนั้นล่ะ ขยับมานี่หน่อยสิ!" เสียงทุ้มออกคำสั่งทำให้เลิฟต้องขยับออกจากมุมมาก้าวหนึ่ง "จะกลัวอะไรฉันนักหนา ขยับเข้ามาอีก ถ้านายไม่เชื่อฟังฉันจะบอกให้ไอ้เจย์ไล่ออก ไม่รู้หรือไงว่ามีคนจ้องจะเสียบตำแหน่งนายตั้งเยอะ" โดนขู่จะไล่ออกเลิฟจำต้องเข้าไปยืนใกล้กับร่างสูง รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏบนใบหน้าหล่อเกลี้ยงเกลาทำเอาเขิน แต่พอเห็นลายสักบนหน้าอกหนาที่มีขนยุบยับก็เกิดกลัวขึ้นมา ไอ้หมอนี่มันหล่อแบบควรตัดหัวทิ้งจริง ๆ "ว่าง่าย ๆ จะได้อายุยืน ฮ่า ๆ ๆ" ท่อนแขนแกร่งวางลงบ่าไว้ทำเอาคนตัวบางกว่าบ่าแทบทรุด ยิ่งเสียงหัวเราะที่ชวนปวดประสาททำให้เลิฟอยากจะบ้าตาย เท็นมะเดินตามหลังเลิฟไปที่รถ สายตาเอาแต่จับจ้องสะโพกกลมกลึงที่ขยับตอนก้าวเท้า ถึงจะผอมแต่ก้นนี่สวยใช้ได้เลย "ละ..เลิกมองสักทีได้มั้ย.." มือเรียวเอื้อมมาปิดที่ก้นเมื่อรู้สึกถึงสายตาคุกคาม "ก็ตูดนายสวย ฉันชอบ" "สะ..สวยอะไรกัน อย่ามาพูดจาแบบนี้กับผมนะ" ใบหน้าขาวแดงฉานและรีบเดินไปที่รถ พอเปิดประตูก็ถูกแย่งกุญแจไป เท็นมะบอกจะเป็นคนขับให้เอง "ฉันขับเอง" "ผมขับให้ดีกว่าครับ" เลิฟว่าพลางจับมือหนาที่ตะบปก้นและบีบเล่นอย่างสนุกมือออก รีบเข้าไปนั่งในรถและสตาร์ทเครื่องทันที ถ้าอยู่ใกล้หมอนี่มีแต่จะยิ่งอันตราย รีบไปส่งและรีบกลับบ้านดีกว่า เท็นมะไหวไหล่และเบะปากก่อนเดินอ้อมไปนั่งอีกฝั่ง ช่วงขาที่ยาวกว่าชาวบ้านทำให้เขาต้องถอยเบาะไปจนสุดและบ่นไปด้วย "รถนายแคบชะมัด" ก็รถอีโคคาร์ราคาไม่กี่ถึงล้าน จะเอาที่ไหนมากว้างล่ะ เขากับฟีฟ่ายังนั่งกันได้สบายเลย เลิฟเพียงแค่คิดในใจและรีบขับรถไปส่งเท็นมะโดยไม่ถามทางเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายพักอยู่ที่ไหน "นี่!" เท็นมะพูดขึ้นขณะรถติดไฟแดงและเลิฟก็เอาแต่นั่งเงียบตลอดทาง "ครับ" "แวะโรงแรมกันเถอะ เห็นก้นนายแล้วฉันเกิดอารมณ์ว่ะ" "คะ..คุณ!!" เลิฟทั้งโกรธทั้งอายจนอยากถอนเท้าที่เหยียบเบรกขึ้นมาถีบยอดหน้าคนข้าง ๆ มันไม่ได้พูดหน้าตาเฉยยังแอ่นเป้าให้เลิฟดูอีก กลัวไม่เชื่อว่ามันแข็งขึ้นมาแล้ว ดีที่ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียวซะก่อนเลิฟจึงเปลี่ยนมาเหยียบคันเร่งแทน รีบไปส่งหมอนี่ให้เสร็จ ๆ จะได้กลับบ้านไปพักสมองสักที งานนี้พาราต้องเข้าแล้ว เพราะเคยมาส่งเท็นมะที่คอนโดเลิฟจึงไม่ต้องถามทาง เขามุ่งหน้าไปยังที่หมายโดยไม่สนใจเสียงเร้าหรือของคนตัวใหญ่ ถ้ามันไม่ฉวยโอกาสลวนลามเขาก่อน อีกไม่เกินสิบกิโลก็จะถึงแล้ว อดทนไว้นะไอ้เลิฟ เอี๊ยดดด..โครม!! เสียงเบรกยาวดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงชนท้ายโครมใหญ่ รถคันเล็กพุ่งไปด้านหน้าทั้งที่คนขับเหยียบเบรกอยู่ รถคันหลังตั้งใจดันรถของเขาให้ไปชนกับเสาไฟข้างทาง ดีที่เท็นมะเอื้อมมือไปช่วยบังคับพวงมาลัยทำให้หักหลบได้ทัน "กะ..เกิดอะไรขึ้น!" "ใจเย็น คอยดูข้างหน้าเอาไว้นะ!" ด้วยความตกใจทำให้เลิฟบังคับรถไม่อยู่ เท็นมะจึงช่วยบังคับพวงมาลัยให้แทน ส่วนสายตาก็คอยมองไปยังรถที่อยู่ข้างหลังอยู่เป็นระยะ สีดำซีรีส์เจ็ด..ของพวกไหนกันนะ เท็นมะบังคับรถให้จอดเข้าข้างทางได้อย่างปลอดภัย ในขณะที่รถหรูชนยังชนท้ายอยู่ พวกมันใช้โอกาสที่ถนนโล่งตั้งใจขับเข้ามาชน สถานการณ์ตอนนี้ดูท่าจะไม่ดีซะแล้ว ร่างสูงเปิดประตูลงมาพร้อมกับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ลงมาจากรถคู่กรณี ในมือของพวกมันมีท่อเหล็กและไม้เบสบอลแต่ไม่มีปืน หมายความว่าพวกมันแค่มาขู่ให้กลัวไม่ได้กะให้ถึงตาย ไม่พูดพร่ำให้เสียเวลา เปิดก่อนย่อมได้เปรียบ เท็นมะพุ่งเข้าแลกหมัดกับพวกมันที่มีอาวุธครบมือ อาศัยเพียงร่างกายที่กำยำกับฝีมือก็เป็นต่อแล้ว เลิฟตั้งใจจะฉวยโอกาสที่พวกมันกำลังต่อสู่กับเท็นมะหลบหนี แต่ก็เป็นห่วงเพื่อนเจ้านาย ถ้าเจ้านายรู้ว่าเขาปล่อยให้เพื่อนถูกกระทืบตายข้างถนนมีหวังโดนไล่ออกจากงานแน่ ๆ จึงเปลี่ยนมาโทรแจ้งตำรวจแทน เจ้ากรรม..ยังไม่ทันกดตัวเลขครบพวกมันดันหันมาเห็นเข้าเสียก่อน หนึ่งในสี่คนตรงมาทางเขาใบหน้าถมึงทึง ด้วยความกลัวทำให้เลิฟก้าวขาไม่ออกและทรุดลงกับพื้น ตาย..ตายแน่ ๆ ไอ้เลิฟ นี่มันคราวซวยรับเบญจเพสหรือไงวะ รู้แบบนี้เขาเข้าวัดไปปฏิบัติธรรมเพื่อต่อชะตากับไอ้ฟ่าดีกว่า "ลุกขึ้น!" มือหนาฉุดแขนเลิฟให้ยืนขึ้นหลังใช้เท้าถีบชายที่ถือท่อเหล็กจะเข้ามาฟาดจนกระเด็นออกไปและดันตัวเลิฟให้ไปอยู่ด้านหลังเพื่อรับมือกับอีกสามคนที่พุ่งเข้ามาพร้อมกัน "นายไปมีเรื่องกับคนพวกนี้ได้ยังไงกัน" เท็นมะถามขึ้นในขณะปล่อยหมัดใส่หน้าชายฉกรรจ์อย่างแรง "ใช่ผมที่ไหนกัน คุณต่างหากล่ะ!" กล้าถาม..เด็กเนิร์ดอย่างเขาจะไปมีศัตรูที่ไหนได้ พวกมันคงตั้งใจมากระทืบนักเลงอย่างเท็นมะมากกว่า "ฮะ ๆ ๆ ๆ" เท็นมะหัวเราะด้วยน้ำเสียงเสียดแทงประสาท ดูเขาสนุกกับการต่อสู้กับกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ตั้งใจมาหาเรื่อง ยิ่งเห็นเลือดก็ดูจะยิ่งคลุ้มคลั่งเหมือนหมาบ้า ทั้งที่ใช้แค่มือเปล่ากลับสู้กับพวกมันได้อย่างสูสี กระทั่งมีรถตู้อัลพาร์ตสีดำติดฟิล์มมืดทั้งคันขับเข้ามาจอด และมีชายฉกรรจ์อีกกลุ่มลงมาล้อมเท็นมะไว้ เลิฟถึงกับจะเป็นลม คนเยอะขนาดนี้ไอ้ยักษ์นี่ไม่รอดแน่ ๆ แต่ไม่ใช่อย่างที่เลิฟเข้าใจ "เป็นยังไงบ้างครับคุณเท็นมะ" "ฉันไม่เป็นไร" เท็นมะว่าพลางปล่อยให้ชายฉกรรจ์อีกกลุ่มเข้าไปจัดการกับพวกที่มาดักทำร้ายและจับกุมตัวเอาไว้ได้ทั้งหมด "แล้วจะให้ทำยังไงกับพวกนี้ดีครับ" "เอาไปขังไว้ที่โกดัง แล้วค่อยจัดการอีกที" "ครับ" ชายหนุ่มรับคำสั่งและสั่งให้ลูกน้องพาตัวทั้งสี่คนใส่รถไป หลังจบเรื่องเลิฟถึงกับยืนไม่อยู่ คนตัวบางทรุดลงกับพื้นอย่างคนหมดแรง นะ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์แบบนี้เคยเห็นแต่ในหนังเท่านั้น ไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อน "เฮ้ย ๆ ๆ เป็นอะไรไป แค่นี้ก็ทนไม่ไหวแล้วเหรอ" เท็นมะดึงตัวเลิฟขึ้นมาอีกครั้ง "คะ..คุณเป็นใครกันแน่ นะ..นี่มันเกิดอะไรขึ้น" ทรงโจรแบบนี้ไม่แคล้วโดนคู่อริตามเก็บแน่ ๆ แค่คิดเลิฟก็รู้สึกชีวิตไม่ปลอดภัยซะแล้ว[9]ชายปริศนาในป่าไผ่"เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะ เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง"เสียงทุ้มว่าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน มองปากที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ แต่ตานี่ขวางเชียว ก็นะ..ลองมาถูกเหวี่ยงดูบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าเจ็บแค่ไหน นอนด้วยกันมาอาทิตย์กว่าแต่ทั้งตัวไอ้ฟ่านี่มีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด"ไม่รู้ล่ะ ก็ใครใช้ให้พี่มาทำร้ายฟ่าก่อนล่ะ!""ก็นายอยากคิดไม่ดีกับฉันก่อนทำไม หน็อย..คิดจะลักหลับฉันเป็นครั้งที่สองเหรอ เอาไว้ชาติหน้าเถอะ วันนั้นถ้านายไม่ใช้ยาปลุก บอกไว้เลยนะว่าขนสักเส้นของฉันนายก็ไม่มีทางได้เห็นหรอก!""แหวะ..อยากเห็นตายล่ะ" ฟีฟ่าพึมพำเบา ๆ เพราะกลัวถูกเหวี่ยงลงจากเรือน ขี้เกียจเถียงด้วย ทั้งที่เมื่อคืนตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนถอดกางเกงของเขาออกแท้ ๆแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ กะอีแค่มีเซ็กซ์ครั้งเดียวทำไมต้องอาฆาตกันขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ ฟ่าไม่เข้าใจจริง ๆ เป็นผู้ชายซะเปล่า ตัวก็ใหญ่อย่างกับควายแต่ใจแคบชะมัด ทั้งที่ตอนนั้นตัวเองก็เป็นฝ่ายได้เสียบแท้ ๆ ไอ้หัวหยิกเอ๊ย..อ้อ..อีกอย่าง บอกไว้เลยนะถ้าคืนนั้นไม่เมาจนขาดสติคนอย่างฟีฟ่าไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้เด็ดขาดถึงจะงอนแต่ฟีฟ่าก็กินข้าวจนหมดเกลี้ยง
[10]คนหน้าคล้ายจากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฟีฟ่าไม่อยากมองหน้าภพภูมิอีกเลย คนใจดำ รู้ทั้งรู้ว่าเขากลัวผียังบังคับให้เปิดโลงดูศพและยังถีบตกฟูกอีก คิดแล้วน่าโมโหจริง ๆ คนตัวเล็กนั่งหันหลังให้ ในมือถือแซนด์วิชไข่ ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ ไปด้วย"ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว คิดว่าน่ารักมากหรือไง"คนถูกว่าเพียงแค่เหลือกตามองและหันกลับไปกินแซนด์วิชต่อ คิดซะว่าได้ยินเสียงหมาเห่าหมาหอนละกันภพภูมินั่งไขว่ห้างพลางจิบกาแฟ มืออีกข้างก็ไถมือถือไปด้วย เห็นข้อความจากเท็นมะเข้ามา เมื่อคืนเพราะมีเรื่องวุ่นวายจึงไม่ทันสังเกตเห็น พอกดเข้าไปดูก็ขมวดคิ้วแน่น"ทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ"ร่างสูงลุกขึ้นและสั่งให้ฟีฟ่าไปเปลี่ยนชุดเพราะจะไปกราบหลวงปู่ด้วยกันฟีฟ่าดูดนิ้วหลังกินทุกอย่างหมดแล้ว แกล้งไปเช็ดมือกับเสื้อของภพภูมิและรีบวิ่งเข้าห้องก่อนโดนต่อย เขากลับออกมาในชุดขาวเหมือนอย่างทุกครั้ง แต่คราวนี้ภพภูมิกลับบอกให้เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแทน"แล้วไม่บอกแต่แรก เสียเวลาชะมัด"ฟีฟ่าบ่นอุบและกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง คราวนี้ออกมาในชุดทันสมัย ยิ่งทำให้คนตัวเล็กดูเด็กกว่าเก่า จากนั้นจึงตามภพภูมิไปยังกุฏิของหลวงปู่ ซึ่งท่านได้นั่งรออยู่แ
[11] พี่ภูมิ..ฟ่าอยู่นี่ ภพภูมิกลับมายังจุดนัดหมายพร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ เขาบีบยาจากหลอดใส่ปลายนิ้วและป้ายลงบนแก้มแดงอย่างเบามือ "ยิ่งขี้เหร่อยู่ ระวังอย่าให้มีแผลสิ" "ฟ่าไม่ได้หาเรื่องนะ ก็ไอ้ลุงนั่นอยู่ดี ๆ ก็มาดึงแขนฟ่าไว้ เจ็บจะตาย" พอได้ยินว่าชายวัยกลางคนที่มีเรื่องกับฟีฟ่านอกจากตบหน้าแล้วยังจับแขนเอาไว้อีกก็ยิ่งโมโห อยากจะโทรหาลูกน้องคนสนิทให้ตัดมือมันทิ้งไปด้วยเลย "จะซื้ออะไรมั้ย?" "ไม่ล่ะ" ฟีฟ่าปฏิเสธเพราะราคาสินค้าของที่นี่แต่ละอย่างไอ้ฟ่าเอื้อมไม่ถึงจริง ๆ ไม่รู้ภพภูมิคิดยังไงถึงพาเขามาที่แบบนี้ "อยากได้อะไรก็ไปดู เดี๋ยวฉันซื้อให้เอง" ภพภูมิเหมือนจะรู้ความคิดของฟีฟ่า เขาจึงเสนอเป็นเจ้าภาพจ่ายเงินให้ คิดว่าเป็นค่าตอบแทนให้กับหมอนข้าง ทำเอาคนน้องตาโต คิดว่าตัวเองหูฝาดไปซะอีกจนต้องถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ "จริงเหรอ ได้ทุกอย่างเลยเหรอ!" "จริงสิ" ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเปย์ให้ขนาดนี้ มีเหรอที่ไอ้ฟ่าจะพลาดโอกาสทอง ที่นี่มีของที่เขาอยากได้ตั้งหลายอย่าง ตั้งใจจะถล่มให้กระเป๋าฉีกเลย "พูดเองนะ อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน" ฟีฟ่าเดินนำหน้าเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่
[1] บทนำ ณ สถานบันเทิงที่ลักลอบเปิดให้บริการจนถึงเช้า ภายในเต็มไปด้วยแสงสีและเสียงเพลงดังกระหึ่มจนต้องแหกปากตะโกนคุยกัน กลิ่นเหล้าและควันบุหรี่ลอยคละคลุ้ง แต่เหล่าบรรดานักท่องราตรียังคงสนุกกับการดื่มกินจนลืมเวลา รวมถึงฟีฟ่าที่อยู่ในอาการเมามายจนแทบจำชื่อตัวเองไม่ได้ เขากำลังวาดลีลาอยู่บนฟลอร์ด้วยท่าทางที่ดูจะแรดเกินชายไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรักนวลสงวนตัวไม่ยอมให้ผู้ชายที่ไหนลากไปง่าย ๆ ฟีฟ่า ชายหนุ่มผู้มีอายุย่างจะเข้าสู่เบญจเพสในไม่ช้า คิดว่าตัวเองจะรอดจากอาถรรพ์แล้ว ที่ไหนได้ พอยิ่งใกล้วันเกิดความซวยก็ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งตกงาน รถจอดอยู่เฉย ๆ ก็ถูกชนจนพังยับ ไหนจะถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกเงินไปเป็นแสนอีก ที่หนักสุดคือถูกแฟนสาวที่คบมาครึ่งปีบอกเลิกด้วยเหตุผลที่ว่าเข้ากันไม่ได้ มันไม่ได้ตรงไหนวะ! ก็ตอนเอาโคยเสียบเข้าเสียบออกหล่อนยังร้องครวญครางว่าเสียวอย่างกับจะขาดใจตายอยู่เลย แต่นั่นไม่น่าเจ็บใจเท่าตอนไปหล่อนยังขโมยของมีค่าของเขาไปอีก เจอแบบนี้จะไม่เจ็บยังไงไหว ยิ่งคิดก็ยิ่งคลุ้มคลั่งจากท่าเต้นยั่วยวนก็กลายเป็นเต้นยั่วตีนไปเสียแล้ว หลายครั้งที่ฟีฟ่าเหยียบเข้ากับเท้าข
[2] ค่ำคืนที่แสนเร่าร้อน รถสปอร์ตคันหรูขับด้วยความเร็วกว่าปกติ ในขณะที่ดวงตาคู่คมก็มองหาโรงแรมที่อยู่ใกล้ที่สุดไปด้วย ครั้นพอเจอที่หมายก็เลี้ยวเข้าไปโดยไม่ลังเล ถึงจะเป็นแค่ม่านรูดแต่สมัยนี้ก็ตกแต่งอย่างดี ทั้งยังมีของเล่นและอุปกรณ์ครบครันแถมยังสะอาดอีกด้วย เอี๊ยดดดด!!! เสียงเหยียบเบรกดังสนั่นไปแปดห้องสิบห้องจนคนข้างในต้องแง้มประตูออกมาดูว่าใครมันมาทำให้ตกใจจนเกือบแทงผิดรู แม้แต่ฟีฟ่ายังตกใจจนนั่งอ้าปากค้าง ยาที่เขากรอกใส่ปากไอ้กล้ามโตออกฤทธิ์เร็วอย่างที่เพื่อนเลิฟบอกไว้จริง ๆ หลังม่านถูกรูดปิดสนิทฟีฟ่าก็ถูกท่อนแขนกล้ามเป็นมัดแบกเข้าเอวกระเตงลงจากรถและพาเข้าไปในห้องทันที ร่างเล็กผอมบางถูกโยนลงบนเตียงสปริงจนกระเด้งกระดอนไปสามสี่ตลบถึงหยุดอยู่ในท่าขาชี้ฟ้า ทำเอาคนเมาแทบอ้วกออกมาดีที่กลืนลงคอไปได้ทัน ฟีฟ่ามองใบหน้าที่เริ่มไร้สติของอีกฝ่าย ขอบตาดำคล้ำราวคนอดนอนทำให้ดวงตาคู่คมดูน่ากลัว ลมหายใจหอบเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย จ้องมองเขาด้วยสายตาที่ราวกับจะกลืนกินลงคอซะเดี๋ยวนั้น ทำเอาฟีฟ่ากลัวจนจู๋แทบหด "จะ..ใจเย็นก่อน เดี๋ยวกูจะพามึงไปสวรรค์เองนะ" เขาพยายามพูดอย่างใจเย็นแต่ดูเหมือนอีกฝ่
[3] คนดวงตก "ว่าไงนะป๊า..ไม่! ฟ่าไม่ไปเด็ดขาด!" เสียงฟีฟ่าโวยวายลั่นบ้านเมื่อรู้ว่าผู้เป็นพ่อและพี่ชายจะส่งตนไปอยู่วัด เพราะเห็นว่ายิ่งใกล้เบญจเพสดวงของฟีฟ่าไม่ดีเอาเสียเลย พวกเขาจึงเอาดวงของฟีฟ่าไปให้ซินแสที่นับถือช่วยตรวจดูให้ ปรากฏว่าชะตาของฟีฟ่ากำลังจะขาด แต่ถ้าผ่านไปได้เขาจะได้โชคอันใหญ่อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว "อย่าดื้อกับป๊านะฟ่า!" เสียงดุของพี่ชายทำฟีฟ่าสะดุ้ง และเงียบปากลงอัตโนมัติ ครอบครัวของฟีฟ่ามีกันสามคนพ่อลูก คุณแม่เสียไปตั้งแต่เขายังแบเบาะผู้เป็นพ่อจึงรักและตามใจเขามากเพื่อชดเชยที่ขาดแม่ไป ยูโร คือพี่ชายของฟีฟ่าและมีอายุห่างกันถึงห้าปี เขามีนิสัยตรงกันข้ามกับฟีฟ่าแทบจะทุกอย่างและเป็นคนเดียวในบ้านที่ฟีฟ่ากลัว เฮียยูโรทำงานอยู่บริษัทเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและส่งฟีฟ่าเรียนจนจบมหาลัย ส่วนป๊าเกษียณออกมาอยู่บ้านแล้ว นอกจากเงินผู้สูงอายุก็มีรายได้เล็ก ๆ น้อยจากการปลูกต้นไม้ขาย ทั้งที่อยู่เฉย ๆ ก็ไม่ลำบาก "เชื่อป๊านะฟ่า ที่ป๊ากับเฮียทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับฟ่านะ" "ไม่นะป๊า! ไม่นะเฮีย! ทั้งสองคนก็รู้นี่ว่าฟ่ากลัวผี ป๊ากับเฮียยังจะให้ฟ่าไปอยู่วัดอีกเหรอ ถ้าป๊ากับเฮียบังค
[4] คนดวงตกสองคน เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของหลวงปู่ภูมิก็ขัดไม่ได้ จำต้องให้ฟีฟ่าอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ในฐานะคนมาก่อนจึงออกกฎให้ฟีฟ่าปฏิบัติตาม มิฉะนั้นจะไม่ให้อยู่ด้วย "มึงชื่ออะไร" เสียงทุ้มถามขึ้น "ฟะ..ฟีฟ่า" "พูดกับคนอายุมากกว่าให้มันดี ๆ หน่อย ถ้าไม่เชื่อฟังก็กลับไปซะ" คนอะไรแม่งขู่เก่งชะมัด สงสัยจะมีญาติเป็นงูแน่ ๆ ฟีฟ่าบ่นอุบอิบก่อนแนะนำตัวเองอีกครั้ง แม้น้ำเสียงจะไม่ได้รื่นหูแต่ก็ใช้คำที่ฟังแล้วทำให้ปลายตีนของอีกฝ่ายกระตุกน้อยสุดเป็นพอ และยังบอกคนเป็นผู้ใหญ่ว่าถ้าอยากให้คนอื่นพูดดีด้วยตัวเองก็ต้องพูดก่อนสิ โดนตอกหน้ากลับคนเป็นผู้ใหญ่ถึงกับกัดฟันกรอด เถียงไม่ออกเพราะเด็กมันพูดจริง "ว่าแต่มึง เอ๊ย! ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองบ้างหรือไง เอาแค่ถามคนอื่นแต่ชื่อตัวเองกลับไม่ยอมบอกมันเสียมารยาทนะไม่รู้หรือไง" ฟีฟ่าถือโอกาสว่ากลับไปบ้าง "ฉันชื่อภูมิ ให้นายเรียกฉันว่าพี่ภูมิ เพราะถึงยังไงฉันก็อายุมากกว่านายหลายปี" พอคำพูดเปลี่ยนก็ทำให้คนตรงหน้าดูดีขึ้นมา น้ำเสียงห้วนไม่น่าฟังก็มีเสน่ห์ขึ้น เสียงทุ้มต่ำติดแหบนิดหน่อยทำให้ฟีฟ่านึกถึงเสียงกระซิบข้างใบหูเมื่อคืนนั้นก็เกิดหน
[5] มาเฟียหนุ่ม "ไอ้โรคจิต ทำไมถึงไม่ใส่กางเกงใน ฮะ!" ภูมิพูดขึ้นเสียงดังพลางชี้นิ้วไปยังร่างเล็กที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามกัน ทั้งพยายามละสายตาจากสิ่งตรงหน้าด้วยการมองเลยไปทางด้านหลังของฟีฟ่า "แล้วพี่จะตกใจทำไมล่ะ ก็เมื่อคืนพี่เป็นคนเร่งฟ่าให้เร็ว ๆ เองนี่ ฟ่าก็ใส่ไม่ทันนะสิ แต่โล่ง ๆ แบบนี้ก็สบายดีนะ" ฟีฟ่าสวมกางเกงวิ่งขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่งซึ่งเจ้าตัวมองยังไงก็เรียบร้อย เขาลุกถกขากางเกงขึ้นจนแก้มก้นขาวโผล่ คนพี่ทนดูไม่ไหวต้องสั่งให้รีบเอาลง "อย่าถก เอาลงเดี๋ยวนี้!" เมื่อคืนฟีฟ่ากลัวโดนทิ้งจึงรีบแต่งตัวเลยไม่ทันได้สวมกางเกงชั้นใน และกางเกงวิ่งสมัยนี้ก็สั้นเหลือเกิน ขนาดไข่เล็ก ๆ ของไอ้ฟ่าก็ปิดแทบไม่มิด ไหนจะด้านข้างก็เป็นเพียงผ้าซ้อนทับกันไว้เพื่อความคล่องตัวของนักวิ่ง ตัวหนึ่งก็ไม่ใช่ถูก ๆ ซับในก็เสือกไม่มีอีก นั่งทีก็เปิดจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว "ที่จริงมันมีกางเกงซับในนะ แต่ฟ่ารำคาญมันสีกับไข่เลยไปเอาออก" "ฉันไม่ได้ถาม ถ้านายจะใส่ไอ้กางเกงขาสั้นแบบนี้ก็สู้แก้ผ้าไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ไข่เล็ก ๆ ยังปิดไม่มิดเลย" "เสียมารยาท ไข่ฟ่าไม่ได้เล็ก ๆ สักหน่อย และอีกอย่างชุดนี้ก็ของ
[11] พี่ภูมิ..ฟ่าอยู่นี่ ภพภูมิกลับมายังจุดนัดหมายพร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ เขาบีบยาจากหลอดใส่ปลายนิ้วและป้ายลงบนแก้มแดงอย่างเบามือ "ยิ่งขี้เหร่อยู่ ระวังอย่าให้มีแผลสิ" "ฟ่าไม่ได้หาเรื่องนะ ก็ไอ้ลุงนั่นอยู่ดี ๆ ก็มาดึงแขนฟ่าไว้ เจ็บจะตาย" พอได้ยินว่าชายวัยกลางคนที่มีเรื่องกับฟีฟ่านอกจากตบหน้าแล้วยังจับแขนเอาไว้อีกก็ยิ่งโมโห อยากจะโทรหาลูกน้องคนสนิทให้ตัดมือมันทิ้งไปด้วยเลย "จะซื้ออะไรมั้ย?" "ไม่ล่ะ" ฟีฟ่าปฏิเสธเพราะราคาสินค้าของที่นี่แต่ละอย่างไอ้ฟ่าเอื้อมไม่ถึงจริง ๆ ไม่รู้ภพภูมิคิดยังไงถึงพาเขามาที่แบบนี้ "อยากได้อะไรก็ไปดู เดี๋ยวฉันซื้อให้เอง" ภพภูมิเหมือนจะรู้ความคิดของฟีฟ่า เขาจึงเสนอเป็นเจ้าภาพจ่ายเงินให้ คิดว่าเป็นค่าตอบแทนให้กับหมอนข้าง ทำเอาคนน้องตาโต คิดว่าตัวเองหูฝาดไปซะอีกจนต้องถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ "จริงเหรอ ได้ทุกอย่างเลยเหรอ!" "จริงสิ" ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเปย์ให้ขนาดนี้ มีเหรอที่ไอ้ฟ่าจะพลาดโอกาสทอง ที่นี่มีของที่เขาอยากได้ตั้งหลายอย่าง ตั้งใจจะถล่มให้กระเป๋าฉีกเลย "พูดเองนะ อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน" ฟีฟ่าเดินนำหน้าเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่
[10]คนหน้าคล้ายจากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฟีฟ่าไม่อยากมองหน้าภพภูมิอีกเลย คนใจดำ รู้ทั้งรู้ว่าเขากลัวผียังบังคับให้เปิดโลงดูศพและยังถีบตกฟูกอีก คิดแล้วน่าโมโหจริง ๆ คนตัวเล็กนั่งหันหลังให้ ในมือถือแซนด์วิชไข่ ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ ไปด้วย"ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว คิดว่าน่ารักมากหรือไง"คนถูกว่าเพียงแค่เหลือกตามองและหันกลับไปกินแซนด์วิชต่อ คิดซะว่าได้ยินเสียงหมาเห่าหมาหอนละกันภพภูมินั่งไขว่ห้างพลางจิบกาแฟ มืออีกข้างก็ไถมือถือไปด้วย เห็นข้อความจากเท็นมะเข้ามา เมื่อคืนเพราะมีเรื่องวุ่นวายจึงไม่ทันสังเกตเห็น พอกดเข้าไปดูก็ขมวดคิ้วแน่น"ทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ"ร่างสูงลุกขึ้นและสั่งให้ฟีฟ่าไปเปลี่ยนชุดเพราะจะไปกราบหลวงปู่ด้วยกันฟีฟ่าดูดนิ้วหลังกินทุกอย่างหมดแล้ว แกล้งไปเช็ดมือกับเสื้อของภพภูมิและรีบวิ่งเข้าห้องก่อนโดนต่อย เขากลับออกมาในชุดขาวเหมือนอย่างทุกครั้ง แต่คราวนี้ภพภูมิกลับบอกให้เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแทน"แล้วไม่บอกแต่แรก เสียเวลาชะมัด"ฟีฟ่าบ่นอุบและกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง คราวนี้ออกมาในชุดทันสมัย ยิ่งทำให้คนตัวเล็กดูเด็กกว่าเก่า จากนั้นจึงตามภพภูมิไปยังกุฏิของหลวงปู่ ซึ่งท่านได้นั่งรออยู่แ
[9]ชายปริศนาในป่าไผ่"เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะ เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง"เสียงทุ้มว่าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน มองปากที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ แต่ตานี่ขวางเชียว ก็นะ..ลองมาถูกเหวี่ยงดูบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าเจ็บแค่ไหน นอนด้วยกันมาอาทิตย์กว่าแต่ทั้งตัวไอ้ฟ่านี่มีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด"ไม่รู้ล่ะ ก็ใครใช้ให้พี่มาทำร้ายฟ่าก่อนล่ะ!""ก็นายอยากคิดไม่ดีกับฉันก่อนทำไม หน็อย..คิดจะลักหลับฉันเป็นครั้งที่สองเหรอ เอาไว้ชาติหน้าเถอะ วันนั้นถ้านายไม่ใช้ยาปลุก บอกไว้เลยนะว่าขนสักเส้นของฉันนายก็ไม่มีทางได้เห็นหรอก!""แหวะ..อยากเห็นตายล่ะ" ฟีฟ่าพึมพำเบา ๆ เพราะกลัวถูกเหวี่ยงลงจากเรือน ขี้เกียจเถียงด้วย ทั้งที่เมื่อคืนตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนถอดกางเกงของเขาออกแท้ ๆแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ กะอีแค่มีเซ็กซ์ครั้งเดียวทำไมต้องอาฆาตกันขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ ฟ่าไม่เข้าใจจริง ๆ เป็นผู้ชายซะเปล่า ตัวก็ใหญ่อย่างกับควายแต่ใจแคบชะมัด ทั้งที่ตอนนั้นตัวเองก็เป็นฝ่ายได้เสียบแท้ ๆ ไอ้หัวหยิกเอ๊ย..อ้อ..อีกอย่าง บอกไว้เลยนะถ้าคืนนั้นไม่เมาจนขาดสติคนอย่างฟีฟ่าไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้เด็ดขาดถึงจะงอนแต่ฟีฟ่าก็กินข้าวจนหมดเกลี้ยง
[8]เพื่อนรักเพื่อนเลิฟรถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าตึกสูงและได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก รปภ. ร่างสูงในชุดฉูดฉาดลงจากรถออกมายืนด้วยท่าทีสง่างาม มือหนาขยับแว่นตากันแดดให้เข้าที่พลางยกยิ้มด้วยความมั่นใจ ไม่สนว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ช่วงขายาวก้าวเข้าไปในตึกอย่างมาดมั่นตรงไปยังลิฟต์สำหรับผู้บริหารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุด"แต่งตัวอะไรของมึงวะไอ้เท็น ระหว่างทางหมาไม่เห่าบ้างหรือไงวะ"ผู้บริหารหนุ่มถึงกับวางมือจากเอกสารที่กำลังเซ็นอยู่และลุกขึ้นมาหาชายหนุ่ม ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามมองอีกฝ่ายตั้งหัวจดเท้าอีกครั้ง"ทำไม? กูก็แต่งธรรมดานี่ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย""เออ..ไม่แปลกก็ไม่แปลก และมึงก็เลิกสูบบุหรี่ในห้องกูได้แล้ว แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทีไรก็นึกว่ามีขโมยเข้ามาในห้องกูอยู่เรื่อย"ดวงตาเรียวเหยียดมองสูทลำลองสีแดงเข้มเข้าชุดกับกางเกง และไหนจะเสื้อยืดคอกว้างและลึกโชว์ขนหยิกหย็อยบนกล้ามหน้าอกกับรอยสักบนร่างกายด้านซ้าย ใครเห็นต่างก็วิ่งหนีกันหมด ถ้าลูกค้ามาเห็นว่ามีคนแบบนี้ในบริษัทของเขามีหวังความน่าเชื่อถือคงไม่เหลือ"เรื่องมากฉิบหาย ต่อให้กูไม่สูบบริษัทมึงก็ไม่น่าเ
[7]สิ่งที่ติดตามมาในความมืด"วันนี้ผมคงไปช่วยหลวงปู่บิณฑบาตไม่ไหวแล้วล่ะ"ฟีฟ่าเดินเดี้ยงออกมายังชานหน้าบ้านทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนตัวเก่ง เวลาตีห้ากว่าแล้วแต่ท้องฟ้ายังคงมืดสนิทและไม่มีวี่แววว่าพระอาทิตย์จะขึ้นสักนิด ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เหมือนเวลากลางคืนจะยาวนานกว่าปกติ"ไม่ไหวก็ไม่ต้องไป ไม่มีนายหลวงปู่ยังมีลูกศิษย์อีกเยอะ""ชิ!"ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้สักทองและมองออกไปรอบตัวบ้าน กิ่งไผ่สูงท่วมหัวโอนเอนไปตามสายลมดูน่ากลัวจนต้องลุกไปนั่งอยู่ใกล้ ๆ กับภพภูมิ"เป็นอะไรอีกล่ะ""ตะ..ต้นไผ่มันโยกไปโยกมา น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้"ดวงตาคู่คมมองออกไปตามที่ฟีฟ่าบอก แม้ไม่เห็นเป็นตัวเป็นตนแต่ก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ในเมื่อต่างคนต่างอยู่เขาจึงไม่ทำอะไร และบริเวณเรือนไม้สีขาวก็ได้ทำการลงอาคมเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้เอาไว้แล้ว"ถ้ากลัวแล้วจะมองทำไม กลัวมากก็มานั่งสมาธินี่"เอะอะก็จะให้นั่งสมาธิอยู่เรื่อย ไอ้ฟ่าไม่เอาด้วยหรอก แต่อีกคนไม่สนใจหลังก้มกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าสู่สมาธิโดยมีฟีฟ่านั่งอยู่ข้าง ๆ คนไม่มีอะไรทำก็เริ่มง่วงขึ้นมาสุดท้ายก็ฟุบหลับไปบนตักของภพภูมิเ
[6]นายต้องเป็นหมอนข้างให้ฉันฟีฟ่าย่องขึ้นเรือนโดยมีเป้าหมายอยู่ที่กล่องแซนด์วิชบนโต๊ะไม้สักทอง เจ้าของนั่งหันหลังให้แบบนี้ยังไงก็ไม่มีทางเห็นแน่นอน เสร็จไอ้ฟ่าล่ะมือเล็กคว้ากล่องแซนด์วิชได้สำเร็จ ตั้งใจจะเอาลงไปกินข้างล่างเป็นมื้อเที่ยง บังเอิญเหลือบไปเห็นเห็นอกไก่ไร้ไขมันชิ้นใหญ่ในกล่องอาหารคลีนก็เกิดอยากกินขึ้นมา คิดว่าเอาไปแค่ชิ้นเดียวอีกฝ่ายคงไม่รู้หรอก "เสร็จโจร อิอิ.."มัวแต่ย่ามใจค่อย ๆ เปิดกล่องจึงไม่รู้สึกตัวว่าร่างสูงได้มายืนอยู่ด้านหลังแล้ว และกำลังมองพฤติกรรมของเขาอยู่"ทำอะไรน่ะ!"เสียงทุ้มดังขึ้นทำเอาฟีฟ่าตกใจจนแทบทำของในมือร่วง ดีที่ว่าคว้าเอาไว้ได้ทัน เขาหันกลับมามองร่างสูงและยิ้มแหย ๆ"นะ.. นั่งสมาธิเสร็จแล้วหรือครับ แฮะ ๆ""ถ้ายังไม่เสร็จฉันจะจับขโมยได้เหรอ"ร่างสูงโน้มลงต่ำและยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ดวงตาคู่คมมองกล่องแซนด์วิชที่อยู่ในมือของฟีฟ่าและยิ้มเหี้ยม..วิ่งสิครับจะรออะไร!!ฟีฟ่าถอยหลังหนีและรีบวิ่งลงจากเรือน ยังไม่พ้นบันไดขั้นแรกก็ถูกมือหนาคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้ นี่สินะ..ข้อเสียเปรียบของคนขาสั้น ฟีฟ่าถูกคนตัวใหญ่กว่าเหวี่ยงกระเด็นกลับขึ้นไปบนเรือน แผ่นหลังบาง
[5] มาเฟียหนุ่ม "ไอ้โรคจิต ทำไมถึงไม่ใส่กางเกงใน ฮะ!" ภูมิพูดขึ้นเสียงดังพลางชี้นิ้วไปยังร่างเล็กที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามกัน ทั้งพยายามละสายตาจากสิ่งตรงหน้าด้วยการมองเลยไปทางด้านหลังของฟีฟ่า "แล้วพี่จะตกใจทำไมล่ะ ก็เมื่อคืนพี่เป็นคนเร่งฟ่าให้เร็ว ๆ เองนี่ ฟ่าก็ใส่ไม่ทันนะสิ แต่โล่ง ๆ แบบนี้ก็สบายดีนะ" ฟีฟ่าสวมกางเกงวิ่งขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่งซึ่งเจ้าตัวมองยังไงก็เรียบร้อย เขาลุกถกขากางเกงขึ้นจนแก้มก้นขาวโผล่ คนพี่ทนดูไม่ไหวต้องสั่งให้รีบเอาลง "อย่าถก เอาลงเดี๋ยวนี้!" เมื่อคืนฟีฟ่ากลัวโดนทิ้งจึงรีบแต่งตัวเลยไม่ทันได้สวมกางเกงชั้นใน และกางเกงวิ่งสมัยนี้ก็สั้นเหลือเกิน ขนาดไข่เล็ก ๆ ของไอ้ฟ่าก็ปิดแทบไม่มิด ไหนจะด้านข้างก็เป็นเพียงผ้าซ้อนทับกันไว้เพื่อความคล่องตัวของนักวิ่ง ตัวหนึ่งก็ไม่ใช่ถูก ๆ ซับในก็เสือกไม่มีอีก นั่งทีก็เปิดจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว "ที่จริงมันมีกางเกงซับในนะ แต่ฟ่ารำคาญมันสีกับไข่เลยไปเอาออก" "ฉันไม่ได้ถาม ถ้านายจะใส่ไอ้กางเกงขาสั้นแบบนี้ก็สู้แก้ผ้าไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ไข่เล็ก ๆ ยังปิดไม่มิดเลย" "เสียมารยาท ไข่ฟ่าไม่ได้เล็ก ๆ สักหน่อย และอีกอย่างชุดนี้ก็ของ
[4] คนดวงตกสองคน เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของหลวงปู่ภูมิก็ขัดไม่ได้ จำต้องให้ฟีฟ่าอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ในฐานะคนมาก่อนจึงออกกฎให้ฟีฟ่าปฏิบัติตาม มิฉะนั้นจะไม่ให้อยู่ด้วย "มึงชื่ออะไร" เสียงทุ้มถามขึ้น "ฟะ..ฟีฟ่า" "พูดกับคนอายุมากกว่าให้มันดี ๆ หน่อย ถ้าไม่เชื่อฟังก็กลับไปซะ" คนอะไรแม่งขู่เก่งชะมัด สงสัยจะมีญาติเป็นงูแน่ ๆ ฟีฟ่าบ่นอุบอิบก่อนแนะนำตัวเองอีกครั้ง แม้น้ำเสียงจะไม่ได้รื่นหูแต่ก็ใช้คำที่ฟังแล้วทำให้ปลายตีนของอีกฝ่ายกระตุกน้อยสุดเป็นพอ และยังบอกคนเป็นผู้ใหญ่ว่าถ้าอยากให้คนอื่นพูดดีด้วยตัวเองก็ต้องพูดก่อนสิ โดนตอกหน้ากลับคนเป็นผู้ใหญ่ถึงกับกัดฟันกรอด เถียงไม่ออกเพราะเด็กมันพูดจริง "ว่าแต่มึง เอ๊ย! ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองบ้างหรือไง เอาแค่ถามคนอื่นแต่ชื่อตัวเองกลับไม่ยอมบอกมันเสียมารยาทนะไม่รู้หรือไง" ฟีฟ่าถือโอกาสว่ากลับไปบ้าง "ฉันชื่อภูมิ ให้นายเรียกฉันว่าพี่ภูมิ เพราะถึงยังไงฉันก็อายุมากกว่านายหลายปี" พอคำพูดเปลี่ยนก็ทำให้คนตรงหน้าดูดีขึ้นมา น้ำเสียงห้วนไม่น่าฟังก็มีเสน่ห์ขึ้น เสียงทุ้มต่ำติดแหบนิดหน่อยทำให้ฟีฟ่านึกถึงเสียงกระซิบข้างใบหูเมื่อคืนนั้นก็เกิดหน
[3] คนดวงตก "ว่าไงนะป๊า..ไม่! ฟ่าไม่ไปเด็ดขาด!" เสียงฟีฟ่าโวยวายลั่นบ้านเมื่อรู้ว่าผู้เป็นพ่อและพี่ชายจะส่งตนไปอยู่วัด เพราะเห็นว่ายิ่งใกล้เบญจเพสดวงของฟีฟ่าไม่ดีเอาเสียเลย พวกเขาจึงเอาดวงของฟีฟ่าไปให้ซินแสที่นับถือช่วยตรวจดูให้ ปรากฏว่าชะตาของฟีฟ่ากำลังจะขาด แต่ถ้าผ่านไปได้เขาจะได้โชคอันใหญ่อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว "อย่าดื้อกับป๊านะฟ่า!" เสียงดุของพี่ชายทำฟีฟ่าสะดุ้ง และเงียบปากลงอัตโนมัติ ครอบครัวของฟีฟ่ามีกันสามคนพ่อลูก คุณแม่เสียไปตั้งแต่เขายังแบเบาะผู้เป็นพ่อจึงรักและตามใจเขามากเพื่อชดเชยที่ขาดแม่ไป ยูโร คือพี่ชายของฟีฟ่าและมีอายุห่างกันถึงห้าปี เขามีนิสัยตรงกันข้ามกับฟีฟ่าแทบจะทุกอย่างและเป็นคนเดียวในบ้านที่ฟีฟ่ากลัว เฮียยูโรทำงานอยู่บริษัทเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและส่งฟีฟ่าเรียนจนจบมหาลัย ส่วนป๊าเกษียณออกมาอยู่บ้านแล้ว นอกจากเงินผู้สูงอายุก็มีรายได้เล็ก ๆ น้อยจากการปลูกต้นไม้ขาย ทั้งที่อยู่เฉย ๆ ก็ไม่ลำบาก "เชื่อป๊านะฟ่า ที่ป๊ากับเฮียทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับฟ่านะ" "ไม่นะป๊า! ไม่นะเฮีย! ทั้งสองคนก็รู้นี่ว่าฟ่ากลัวผี ป๊ากับเฮียยังจะให้ฟ่าไปอยู่วัดอีกเหรอ ถ้าป๊ากับเฮียบังค