[11]
พี่ภูมิ..ฟ่าอยู่นี่ ภพภูมิกลับมายังจุดนัดหมายพร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ เขาบีบยาจากหลอดใส่ปลายนิ้วและป้ายลงบนแก้มแดงอย่างเบามือ "ยิ่งขี้เหร่อยู่ ระวังอย่าให้มีแผลสิ" "ฟ่าไม่ได้หาเรื่องนะ ก็ไอ้ลุงนั่นอยู่ดี ๆ ก็มาดึงแขนฟ่าไว้ เจ็บจะตาย" พอได้ยินว่าชายวัยกลางคนที่มีเรื่องกับฟีฟ่านอกจากตบหน้าแล้วยังจับแขนเอาไว้อีกก็ยิ่งโมโห อยากจะโทรหาลูกน้องคนสนิทให้ตัดมือมันทิ้งไปด้วยเลย "จะซื้ออะไรมั้ย?" "ไม่ล่ะ" ฟีฟ่าปฏิเสธเพราะราคาสินค้าของที่นี่แต่ละอย่างไอ้ฟ่าเอื้อมไม่ถึงจริง ๆ ไม่รู้ภพภูมิคิดยังไงถึงพาเขามาที่แบบนี้ "อยากได้อะไรก็ไปดู เดี๋ยวฉันซื้อให้เอง" ภพภูมิเหมือนจะรู้ความคิดของฟีฟ่า เขาจึงเสนอเป็นเจ้าภาพจ่ายเงินให้ คิดว่าเป็นค่าตอบแทนให้กับหมอนข้าง ทำเอาคนน้องตาโต คิดว่าตัวเองหูฝาดไปซะอีกจนต้องถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ "จริงเหรอ ได้ทุกอย่างเลยเหรอ!" "จริงสิ" ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเปย์ให้ขนาดนี้ มีเหรอที่ไอ้ฟ่าจะพลาดโอกาสทอง ที่นี่มีของที่เขาอยากได้ตั้งหลายอย่าง ตั้งใจจะถล่มให้กระเป๋าฉีกเลย "พูดเองนะ อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน" ฟีฟ่าเดินนำหน้าเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่าเล่นโดยมีภพภูมิเดินตามไปรูดบัตรให้ จากถุงใบเดียวก็เริ่มเยอะขึ้นจนภพภูมิต้องช่วยถือ ลืมไปหรือเปล่านะว่ามารถมอเตอร์ไซค์ ของเยอะแบบนี้สงสัยต้องให้ส่งตามหลังแล้ว ช้อปปิ้งจนหนำใจฟีฟ่าจึงขอขึ้นไปเล่นเกมและร้องคาราโอเกะต่อ ภพภูมิเลือกห้องวีไอพีให้ เครื่องเสียงของที่นี่คุณภาพดีกว่าที่ฟีฟ่าเคยไปตามร้านทั่วไปซะอีก เขาทั้งร้องทั้งเต้นด้วยท่าพิลึกจนภพภูมิถึงกับต้องเบือนสายตาไปทางอื่น เพราะทนดูอีกฝ่ายส่ายสะโพกไปมาไม่ไหว หลังร้องเพลงจนเบื่อฟีฟ่าเกิดอยากขึ้นไปยังชั้นที่สูงกว่านี้แต่ภพภูมิไม่อนุญาต "เย็นมากแล้ว ไปหาอะไรกินแล้วกลับวัดเถอะ" เที่ยวเล่นจนเพลิน เวลาตอนนี้ก็ปาไปหกโมงเย็นแล้ว ภพภูมิเอาของที่ฟีฟ่าซื้อมาถือไว้บอกจะให้ขนส่งส่งตามไปให้ที่วัด แต่ที่จริงเขาได้เอาไปให้ชายหนุ่มคนหนึ่งจัดการ จากนั้นจึงได้พาฟีฟ่าซ้อนท้ายบิ๊กไบค์ไปยังร้านอาหารที่อยู่ริมแม่น้ำ แม้บริเวณโดยรอบจะเป็นท่าเรือและโกดังเก็บสินค้าแต่ไม่ได้บดบังวิวที่สวยงาม โดยเฉพาะโต๊ะที่ภพภูมิเลือกอยู่ในโซนที่ชมความงามได้มากที่สุด "นายกินไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา" ภพภูมิบอกกับฟีฟ่าหลังสั่งอาหารมาจนเต็มโต๊ะ มั่นใจว่าฟีฟ่ากินหมดแน่นอน "พี่จะไปไหน เล่นสั่งแต่ของแพงมาแบบนี้ ฟ่าไม่มีเงินจ่ายหรอกนะ" ฟีฟ่ากลัวอีกฝ่ายจะชิ่งหนีจึงพูดดักขึ้นมาก่อน ภพภูมิถอนหายใจก่อนล้วงเอาบัตรเครดิตมาวางไว้บนโต๊ะ แม้จะไม่ใช่แบล็กการ์ด แต่วงเงินพอให้ซื้อบ้านหลักสิบล้านได้เลยทีเดียว "อยากกินอะไรเพิ่มก็สั่งเอา เสร็จแล้วให้รอฉันอยู่ที่นี่ อย่าไปเพ่นพ่านที่ไหน เข้าใจมั้ย" เขาย้ำอีกครั้ง "รู้แล้วน่า พูดมากจริง ๆ และอีกอย่างฟ่าไม่ใช่หมาสักหน่อยจะได้เพ่นพ่านไปเรื่อย" ฟีฟ่าบ่นอุบพลางเอื้อมมือไปหยิบบัตรเครดิตมาใส่กระเป๋าไว้ กลัวอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจเอาคืน "ไปดีมาดีนะครับ" หลังภพภูมิไปแล้วฟีฟ่าจึงสั่งไวน์มาดื่ม เปรี้ยวปากมานานแล้วขอสักหน่อยเถอะ ยังไม่ทันเปิดขวดลูกค้าต่างทยอยพากันออกจากร้านไปทีละโต๊ะ ทีแรกก็ไม่ได้สนใจกระทั่งผู้จัดการร้านเดินมาที่โต๊ะของฟีฟ่าและบอกกับเขาว่ามีคนเหมาทั้งร้านไว้แล้วขอให้ฟีฟ่าออกไป โดยทางร้านจะไม่คิดค่าอาหารมื้อนี้ ฟีฟ่าไม่ได้สนใจเรื่องค่าอาหารเพราะภพภูมิให้บัตรเครดิตไว้แล้ว และพวกเขานัดกันไว้ที่นี่หากออกไปรอที่อื่นเดี๋ยวจะโดนโกรธเอาอีก "ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน ผมก็ลูกค้าเหมือนกันนะ" ฟีฟ่าลุกขึ้นยืนพลางต่อว่ากลับไป "ต้องขอประทานโทษคุณผู้ชายด้วยนะครับ แต่ทางร้านมีความจำเป็นต้องขอให้คุณออกไปจริง ๆ" "ถ้าเป็นคุณคนนี้อนุญาตให้อยู่ได้เป็นพิเศษครับ" เสียงทุ้มพูดขึ้นก่อนร่างสูงจะเดินยิ้มกรุ้มกริ่มมาที่โต๊ะของฟีฟ่า ด้านหลังมีชายฉกรรจ์สวมสูทผูกเนกไทเดินตามมากลุ่มหนึ่ง ฟีฟ่าจำได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่เขาเพิ่งเจอที่ตึกไนท์ไดมอนด์เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมานี้เอง "ครับ" ผู้จัดการร้านอาหารก้มศีรษะให้ร่างสูงและเดินปลีกตัวออกไป "ให้ผมดื่มเป็นเพื่อนนะครับ" มือเรียวผายออกเบื้องหน้าเพื่อเชิญให้ฟีฟ่านั่งลงตามเดิมก่อนเข้าไปนั่งตรงข้าม ชายฉกรรจ์ที่ติดตามมาแยกย้ายกันไปยืนรอบ ๆ เพื่ออารักขาชายหนุ่มโดยมีโต๊ะของฟีฟ่าเป็นศูนย์กลาง ทางด้านภพภูมิกำลังขี่รถด้วยความเร็ว เขาใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็มาถึงยังท่าเรือที่อยู่ตรงข้ามกับร้านอาหาร จากมุมนี้สามารถมองเห็นจุดที่ฟีฟ่ากำลังนั่งอยู่ทั้งยังได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงแว่วมาแต่ไกล ร่างสูงยืนอยู่หน้าโกดังเก็บสินค้าแห่งหนึ่ง ด้านหน้ามีชายร่างกำยำเฝ้าอยู่สามคน พอเห็นภพภูมิทั้งหมดก็ทิ้งบุหรี่ในมือและออกมาต้อนรับทันทึ "ไอ้เท็นมะล่ะ?" เสียงทุ้มถามขึ้น "อยู่ข้างในครับ" ชายหนุ่มเดินไปเปิดประตูให้ หลังภพภูมิเข้าไปด้านในจึงปิดประตูตามเดิมและยืนเฝ้าด้านหน้าไว้ "ทำไมมาช้านักวะไอ้ภพ" เท็นมะเข้ามาโอบบ่าเพื่อนและพาไปยืนต่อหน้าชายฉกรรจ์ที่ถูกมัดไว้กับเสาในภาพสะบักสะบอม ไม่บอกก็รู้ว่าโดนซ้อมมาหนักแค่ไหน "เค้นพวกมันได้ความว่ายังไงบ้าง" "พวกแม่งปากหนักน่าดู ถ้าสารภาพช้ากว่านี้กูว่าจะถอดเล็บมันทีละนิ้วอยู่แล้ว" เท็นมะว่าพลางเล่าให้ฟังว่าพวกมันได้รับคำสั่งจากคนมีอำนาจในพรรคให้มาทำร้ายภพภูมิ พวกมันแค่จะขู่ไม่ได้กะให้ถึงตาย บังเอิญว่าวันนั้นเท็นมะเอารถของภพภูมิไปใช้พวกมันจึงเข้าใจผิดทำให้ทำร้ายผิดตัว ดีที่คนของเจย์เข้ามาช่วยไว้ทันและจับมาขังไว้ที่นี่เพื่อเค้นหาตัวบงการ กว่าจะยอมพูดก็โดนซ้อมจนมีสภาพอย่างที่เห็น "หน็อย.." มือหนากำแน่นจนเส้นเลือดปูด ไม่อยากเชื่อว่าสายเลือดเดียวกันจะคิดฆ่ากันเองได้ "ใจเย็นก่อนไอ้ภพ กูว่าอาจจะไม่ใช่พี่คินก็ได้นะ" ทุกคนในพรรคต่างรู้ว่าภพภูมิรอดจากอุบัติเหตุรถตกเหวแต่ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนยกเว้นเท็นมะและเจย์ เพราะหลังรักษาตัวจนอาการดีขึ้นเขาได้ออกจากบ้านโดยไม่ได้บอกใคร ภพภูมิเดินมองใบหน้าของชายฉกรรจ์ที่ถูกมัดอยู่กับเสาทีละคน คิดว่าคงเป็นพวกนักเลงปลายแถวที่เพิ่งเข้ามาทำงานในพรรคไม่นานเพราะไม่คุ้นหน้า อีกอย่างลูกน้องของภาคินก็มีไม่น้อย ไม่แปลกที่เขาจะจำไม่ได้ แต่จากพลังงานที่แผ่ออกมาจากตัวพวกมัน แม้จะเบาบางแต่ก็เป็นสีดำ "แล้วมึงจะเอายังไงกับพวกมันต่อวะ จะให้กูปล่อยไปเลยมั้ย เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์" "นั่งยางพวกมัน อย่าให้เหลือซาก" ดวงตาคู่คมฉายแววอำมหิตออกมาแวบหนึ่ง ทำเอาทุกคนที่อยู่ในโกดังเสียวสันหลังวาบ ภพภูมิจัดว่าเป็นคนที่นิ่งที่สุดในพรรคแล้ว แต่ถ้าโกรธขึ้นมาแม้แต่รุ่นอาวุโสก็ไม่เคยละเว้น "พูดอะไรของมึงวะไอ้ภพ ถ้าพวกมันตายก็เดือดร้อนกูอีก อย่าลืมสิว่าพ่อมึงต้องการทำให้พรรคขาวสะอาดนะโว้ย!" "กูรู้น่า!" สุดท้ายภพภูมิก็ให้เท็นมะใช้กฎหมายมาจัดการกับพวกมัน แต่ก่อนจะส่งตัวให้กับตำรวจ ขอเค้นข้อมูลจากพวกมันเพิ่มอีกสักหน่อยก็แล้วกัน "ว่าแต่สีหน้ามึงดีขึ้นมากเลยนะ ขอบตาก็ไม่ดำแล้ว มึงไปทำอะไรมาวะ" เท็นมะยื่นหน้าเข้าไปเพื่อเพ่งพินิจใบหน้าหล่อในระยะประชิด จึงโดนผลักศีรษะให้ออกห่าง "เรื่องของกู" ตัดกลับมาทางร้านอาหารริมแม่น้ำที่มองเห็นแสงไฟระยิบระยับจากอีกฝั่ง ร่างสูงนั่งอยู่ตรงข้ามกับฟีฟ่าโดยมีคนสนิทรินไวน์ใส่แก้วให้ "ไม่ดื่มด้วยกันสักหน่อยหรือครับ" "ดื่มแอลกอฮอล์ตอนท้องว่างมันไม่ดีต่อกระเพาะ" ฟีฟ่าว่าพลางกินอาหารตรงหน้าด้วยความเสียดาย ภพภูมิอุตส่าห์สั่งแต่ของชอบของเขามาให้ตั้งเยอะ แทนที่จะโกรธอีกฝ่ายกลับยิ้มชอบใจ และดื่มไวน์ที่ฟีฟ่าสั่งมาจนหมดแก้ว "ผมชื่อภาคิน ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรหรือครับ" คุยกันมาตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อกันเลย ชายหนุ่มจึงแนะนำตัวและถามชื่อของฟีฟ่ากลับไป "ฟีฟ่า" "ชื่อน่ารักจังเลยนะครับ" น่ารักกับผีนะสิ ชื่อของเขาออกจะแมน ฟีฟ่าเหลือกตามองบน ไม่สนใจคำชมของคนตรงหน้า พอเห็นว่าชายหนุ่มดื่มไวน์หมดแก้วแล้วก็เอ่ยปากไล่ทันที ที่ตรงนั้นเป็นของภพภูมิ ถ้าเขากลับมาเห็นว่ามีคนอื่นนั่งอยู่จะไม่พอใจ ฟีฟ่าไม่อยากมีปัญหาเพราะอีกฝ่ายยิ่งเป็นคนเรื่องมากอยู่ด้วย "ถ้าดื่มเสร็จแล้วก็ลุกไปได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก" ลูกน้องของภาคินได้ยินฟีฟ่าไล่เจ้านายของตนก็ไม่พอใจจึงเข้ามาต่อว่าและถูกตบจนหน้าหัน "อย่าเสียมารยาท!" ภาคินตำหนิลูกน้องเสียงเข้ม มองด้วยแววตาที่ทำให้ฟีฟ่าขนลุก สายตาแบบนี้เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ "นั่นคุณภาคินไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ" นี่มันใครอีกเนี่ย? ฟีฟ่าเหลือบมองชายวัยกลางคนที่เดินยิ้มเข้ามาทักทายภาคิน ด้านหลังก็มีชายฉกรรจ์ติดตามมาเช่นเดียวกัน ทำไมวันนี้ถึงเจอแต่คนแปลก ๆ นะ และยังเป็นคนที่เขาไม่รู้จักมาก่อนทั้งนั้น อยู่ ๆ มารวมตัวกันแบบนี้ชักรู้สึกไม่ปลอดภัยแล้วสิ ฟีฟ่าวางช้อนในมือและหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มแก้ฝืดคอ ตั้งใจจะออกไปรอภพภูมิที่นอกร้านทั้งที่ตอนนี้ยังกินไม่อิ่ม เอาไว้ค่อยไปกินบะหมี่ถ้วยที่วัดก็ได้ "ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถาม หัวหน้าพรรคระดับอาวุโสอย่างคุณธีร์ไม่น่าจะมาอยู่ที่นี่ได้นะครับ" ภาคินลุกขึ้นยืนและพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่คำพูดฟังแหม่ง ๆ เหมือนกำลังประชดประชันอีกฝ่ายอยู่ "ทำไมพูดจาห่างเหินกันแบบนั้นล่ะครับ เมื่อก่อนพวกคุณสามพี่น้องยังเรียกอาว่าอาธีร์อยู่เลยนะ" ธีร์ เป็นหัวหน้าระดับอาวุโสที่เริ่มก่อตั้งพรรคร่วมมากับนายใหญ่หรือก็คือคุณพ่อของภาคิน เรียกได้ว่าเป็นมือขวาคนสนิทเลยทีเดียว ไม่ว่านายใหญ่จะทำอะไรเขามักสนับสนุนเต็มที่ ร่วมถึงการทำพรรคให้โปร่งใส ท่ามกลางเสียงคัดค้านของสมาชิกคนอื่น ๆ ธีร์ได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าอยู่ข้างนายใหญ่ วันนี้เขาได้ยินมาว่าภาคินจะมาทานอาหารที่นี่จึงได้ตามมา นอกจากพูดคุยเรื่องพรรคที่กำลังขาดผู้นำแล้วก็เพื่อถามถึงที่อยู่ของภพภูมิ ภาคินกระตุกยิ้มมุมปากก่อนทิ้งตัวลงนั่งตามเดิม มองฟีฟ่าที่กำลังลุกขึ้น ฟีฟ่าได้แต่ยิ้มแหย ๆ และบอกว่าขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ที่จริงเขาใช้เป็นข้ออ้างเพื่อหาทางหลบออกไปนอกร้านเท่านั้น "ผมว่าฟีฟ่าอย่าเพิ่งไปไหนดีกว่านะครับ เพราะแถวนี้ชักจะไม่ปลอดภัยแล้ว" "เอ๊ะ?" ปัง! ปัง! ปัง! พูดไม่ทันขาดคำเสียงปืนก็ดังขึ้นติดต่อกันหลายนัด ชายที่ยืนคุ้มกันภาคินต่างรีบเข้ามายืนบังเขาไว้และชักปืนออกมา ในขณะที่คนยืนปิดพื้นที่โดยรอบได้ยิงต่อสู้กับกลุ่มชายที่สวมหมวกไอ้โม่งที่กำลังบุกเข้ามา กะ..เกิดอะไรขึ้น!!? จู่ ๆ ทำไมถึงมีเสียงปืนล่ะ อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะอาถรรพ์เบญจเพส เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนในชีวิตจึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ร่างเล็กจึงมุดเข้าไปแอบใต้โต๊ะเพราะคิดว่าปลอดภัยที่สุดแล้ว ระหว่างนั้นก็สวดมนต์ไปด้วย แต่เป็นเพราะตอนอยู่วัดไม่ตั้งใจสวดมนต์ทำให้สวดผิด ๆ ถูก ๆ "พะ..พุทโธ ธัมโม สังโฆ อะไรต่อวะ..อิติปิโส.." ..ถ้ารอดชีวิตกลับไปคราวนี้น้องฟ่าจะตั้งใจสวดมนต์นะครับหลวงปู่..ฟีฟ่าอธิษฐานในใจและสวดภาวนาให้ภพภูมิรีบมาช่วยไว ๆ "ระวังนะครับคุณคิน" ธีร์เข้ามายืนรวมกับภาคินในขณะที่ลูกน้องที่ติดตามมาได้ยิงปืนใส่ไอ้โม่งที่ลอบเข้ามาภายในร้าน เป้าหมายของมันไม่พ้นภาคินหรือธีร์หรือไม่ก็ทั้งสองคน เสียงปืนดังสนั่นทำเอาฟีฟ่าที่แอบอยู่ใต้โต๊ะสะดุ้งจนต้องใช้มือปิดหูทั้งสองข้างไว้ ด้วยความที่ร้านอาหารกับโกดังเก็บสินค้าอยู่ไม่ไกลกันทำให้เสียงปืนดังไปถึง ภพภูมิที่กำลังคุยกับเท็นมะอยู่จึงรีบวิ่งออกมาดู เท็นมะส่งกล้องส่องทางไกลเล็ก ๆ ที่เอาไว้สอดแนมให้กับภพภูมิ พอรับมาส่องไปทางร้านอาหารก็พบว่ามีการยิงกันที่นั่น "แม่งเอ๊ย!!" "เกิดอะไรขึ้นวะไอ้ภพ!" ภพภูมิส่งกล้องคืนให้เท็นมะและรีบวิ่งไปที่รถบิ๊กไบค์ ก่อนไปได้บอกกับเท็นมะให้จัดการกับไอ้คนที่จับตัวมาให้เรียบร้อย จากนั้นก็รีบบิดรถตรงไปยังร้านอาหารทันที โชคดีที่อยู่ไม่ไกลกัน ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง ร่างสูงในชุดหนังสีดำสวมหมวกกันน็อกเพื่อปิดบังใบหน้าจอดรถอยู่ด้านหน้าของร้านอาหาร ดวงตาคู่คมมองเข้าไปด้านในพลางขมวดคิ้วเพื่อใช้ความคิด บรึ้มม..บรึ้มม.. มือขาวกำคันเร่งแน่นและบิดเร่งเครื่องอยู่สองสามครั้งก่อนพุ่งตัวเข้าไปด้วยความเร็ว ดีที่ฟีฟ่าเลือกโต๊ะที่ชั้นล่างเพราะขี้เกียจเดินขึ้นบันได ทำให้ฝ่าทะลวงเข้าไปได้อย่างง่ายดาย ภพภูมิขี่รถบิ๊กไบค์ผ่าดงกระสุนเข้าไปยังจุดที่นัดกับฟีฟ่า ชนกลุ่มชายที่กำลังยิงต่อสู้กันโดยไม่สนว่าเป็นฝ่ายไหนจนแตกกระเจิง พอไปถึงกลับพบภาคินกับธีร์ยืนอยู่แต่ไม่เห็นฟีฟ่าตรงนั้น หายไปไหนนะหรือว่าจะออกไปแล้ว ดวงตาคู่คมมองไปรอบตัวและมาหยุดอยู่ที่ทั้งสองคนอีกครั้งเพราะไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่ อีกฝ่ายก็มองมาทางเขาไม่วางตาเช่นกัน "ฟีฟ่า นายอยู่หรือเปล่า!" ภพภูมิตะโกนขึ้นเสียงดัง อย่างน้อยก็ขอลองเรียกดูก่อนแล้วกัน เพื่อความชัวร์ ภพภูมิตะโกนเรียกชื่อฟีฟ่าอยู่สองสามครั้งแต่ไม่มีเสียงขานรับเพราะอีกฝ่ายปิดหูและซ่อนตัวอยู่ กำลังจะถอดใจบังเอิญว่าภพภูมิเห็นกลุ่มควันสีขาวจาง ๆ ลอยออกมาจากใต้โต๊ะ จึงบิดเร่งเครื่องเป็นจังหวะเพื่อให้ฟีฟ่าได้ยิน บรึ้มม..บรึ้มม.. เสียงเครื่องของรถบิ๊กไบค์ดังไปเข้าหูของฟีฟ่า เขาจำได้ว่าเป็นภพภูมิจึงรีบมุดออกมาจากใต้โต๊ะและตะโกนเรียกด้วยความดีใจ "พี่ภูมิ ฟ่าอยู่นี่!!"[1] บทนำ ณ สถานบันเทิงที่ลักลอบเปิดให้บริการจนถึงเช้า ภายในเต็มไปด้วยแสงสีและเสียงเพลงดังกระหึ่มจนต้องแหกปากตะโกนคุยกัน กลิ่นเหล้าและควันบุหรี่ลอยคละคลุ้ง แต่เหล่าบรรดานักท่องราตรียังคงสนุกกับการดื่มกินจนลืมเวลา รวมถึงฟีฟ่าที่อยู่ในอาการเมามายจนแทบจำชื่อตัวเองไม่ได้ เขากำลังวาดลีลาอยู่บนฟลอร์ด้วยท่าทางที่ดูจะแรดเกินชายไปหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรักนวลสงวนตัวไม่ยอมให้ผู้ชายที่ไหนลากไปง่าย ๆ ฟีฟ่า ชายหนุ่มผู้มีอายุย่างจะเข้าสู่เบญจเพสในไม่ช้า คิดว่าตัวเองจะรอดจากอาถรรพ์แล้ว ที่ไหนได้ พอยิ่งใกล้วันเกิดความซวยก็ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งตกงาน รถจอดอยู่เฉย ๆ ก็ถูกชนจนพังยับ ไหนจะถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกเงินไปเป็นแสนอีก ที่หนักสุดคือถูกแฟนสาวที่คบมาครึ่งปีบอกเลิกด้วยเหตุผลที่ว่าเข้ากันไม่ได้ มันไม่ได้ตรงไหนวะ! ก็ตอนเอาโคยเสียบเข้าเสียบออกหล่อนยังร้องครวญครางว่าเสียวอย่างกับจะขาดใจตายอยู่เลย แต่นั่นไม่น่าเจ็บใจเท่าตอนไปหล่อนยังขโมยของมีค่าของเขาไปอีก เจอแบบนี้จะไม่เจ็บยังไงไหว ยิ่งคิดก็ยิ่งคลุ้มคลั่งจากท่าเต้นยั่วยวนก็กลายเป็นเต้นยั่วตีนไปเสียแล้ว หลายครั้งที่ฟีฟ่าเหยียบเข้ากับเท้าข
[2] ค่ำคืนที่แสนเร่าร้อน รถสปอร์ตคันหรูขับด้วยความเร็วกว่าปกติ ในขณะที่ดวงตาคู่คมก็มองหาโรงแรมที่อยู่ใกล้ที่สุดไปด้วย ครั้นพอเจอที่หมายก็เลี้ยวเข้าไปโดยไม่ลังเล ถึงจะเป็นแค่ม่านรูดแต่สมัยนี้ก็ตกแต่งอย่างดี ทั้งยังมีของเล่นและอุปกรณ์ครบครันแถมยังสะอาดอีกด้วย เอี๊ยดดดด!!! เสียงเหยียบเบรกดังสนั่นไปแปดห้องสิบห้องจนคนข้างในต้องแง้มประตูออกมาดูว่าใครมันมาทำให้ตกใจจนเกือบแทงผิดรู แม้แต่ฟีฟ่ายังตกใจจนนั่งอ้าปากค้าง ยาที่เขากรอกใส่ปากไอ้กล้ามโตออกฤทธิ์เร็วอย่างที่เพื่อนเลิฟบอกไว้จริง ๆ หลังม่านถูกรูดปิดสนิทฟีฟ่าก็ถูกท่อนแขนกล้ามเป็นมัดแบกเข้าเอวกระเตงลงจากรถและพาเข้าไปในห้องทันที ร่างเล็กผอมบางถูกโยนลงบนเตียงสปริงจนกระเด้งกระดอนไปสามสี่ตลบถึงหยุดอยู่ในท่าขาชี้ฟ้า ทำเอาคนเมาแทบอ้วกออกมาดีที่กลืนลงคอไปได้ทัน ฟีฟ่ามองใบหน้าที่เริ่มไร้สติของอีกฝ่าย ขอบตาดำคล้ำราวคนอดนอนทำให้ดวงตาคู่คมดูน่ากลัว ลมหายใจหอบเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย จ้องมองเขาด้วยสายตาที่ราวกับจะกลืนกินลงคอซะเดี๋ยวนั้น ทำเอาฟีฟ่ากลัวจนจู๋แทบหด "จะ..ใจเย็นก่อน เดี๋ยวกูจะพามึงไปสวรรค์เองนะ" เขาพยายามพูดอย่างใจเย็นแต่ดูเหมือนอีกฝ่
[3] คนดวงตก "ว่าไงนะป๊า..ไม่! ฟ่าไม่ไปเด็ดขาด!" เสียงฟีฟ่าโวยวายลั่นบ้านเมื่อรู้ว่าผู้เป็นพ่อและพี่ชายจะส่งตนไปอยู่วัด เพราะเห็นว่ายิ่งใกล้เบญจเพสดวงของฟีฟ่าไม่ดีเอาเสียเลย พวกเขาจึงเอาดวงของฟีฟ่าไปให้ซินแสที่นับถือช่วยตรวจดูให้ ปรากฏว่าชะตาของฟีฟ่ากำลังจะขาด แต่ถ้าผ่านไปได้เขาจะได้โชคอันใหญ่อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว "อย่าดื้อกับป๊านะฟ่า!" เสียงดุของพี่ชายทำฟีฟ่าสะดุ้ง และเงียบปากลงอัตโนมัติ ครอบครัวของฟีฟ่ามีกันสามคนพ่อลูก คุณแม่เสียไปตั้งแต่เขายังแบเบาะผู้เป็นพ่อจึงรักและตามใจเขามากเพื่อชดเชยที่ขาดแม่ไป ยูโร คือพี่ชายของฟีฟ่าและมีอายุห่างกันถึงห้าปี เขามีนิสัยตรงกันข้ามกับฟีฟ่าแทบจะทุกอย่างและเป็นคนเดียวในบ้านที่ฟีฟ่ากลัว เฮียยูโรทำงานอยู่บริษัทเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและส่งฟีฟ่าเรียนจนจบมหาลัย ส่วนป๊าเกษียณออกมาอยู่บ้านแล้ว นอกจากเงินผู้สูงอายุก็มีรายได้เล็ก ๆ น้อยจากการปลูกต้นไม้ขาย ทั้งที่อยู่เฉย ๆ ก็ไม่ลำบาก "เชื่อป๊านะฟ่า ที่ป๊ากับเฮียทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับฟ่านะ" "ไม่นะป๊า! ไม่นะเฮีย! ทั้งสองคนก็รู้นี่ว่าฟ่ากลัวผี ป๊ากับเฮียยังจะให้ฟ่าไปอยู่วัดอีกเหรอ ถ้าป๊ากับเฮียบังค
[4] คนดวงตกสองคน เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของหลวงปู่ภูมิก็ขัดไม่ได้ จำต้องให้ฟีฟ่าอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ในฐานะคนมาก่อนจึงออกกฎให้ฟีฟ่าปฏิบัติตาม มิฉะนั้นจะไม่ให้อยู่ด้วย "มึงชื่ออะไร" เสียงทุ้มถามขึ้น "ฟะ..ฟีฟ่า" "พูดกับคนอายุมากกว่าให้มันดี ๆ หน่อย ถ้าไม่เชื่อฟังก็กลับไปซะ" คนอะไรแม่งขู่เก่งชะมัด สงสัยจะมีญาติเป็นงูแน่ ๆ ฟีฟ่าบ่นอุบอิบก่อนแนะนำตัวเองอีกครั้ง แม้น้ำเสียงจะไม่ได้รื่นหูแต่ก็ใช้คำที่ฟังแล้วทำให้ปลายตีนของอีกฝ่ายกระตุกน้อยสุดเป็นพอ และยังบอกคนเป็นผู้ใหญ่ว่าถ้าอยากให้คนอื่นพูดดีด้วยตัวเองก็ต้องพูดก่อนสิ โดนตอกหน้ากลับคนเป็นผู้ใหญ่ถึงกับกัดฟันกรอด เถียงไม่ออกเพราะเด็กมันพูดจริง "ว่าแต่มึง เอ๊ย! ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองบ้างหรือไง เอาแค่ถามคนอื่นแต่ชื่อตัวเองกลับไม่ยอมบอกมันเสียมารยาทนะไม่รู้หรือไง" ฟีฟ่าถือโอกาสว่ากลับไปบ้าง "ฉันชื่อภูมิ ให้นายเรียกฉันว่าพี่ภูมิ เพราะถึงยังไงฉันก็อายุมากกว่านายหลายปี" พอคำพูดเปลี่ยนก็ทำให้คนตรงหน้าดูดีขึ้นมา น้ำเสียงห้วนไม่น่าฟังก็มีเสน่ห์ขึ้น เสียงทุ้มต่ำติดแหบนิดหน่อยทำให้ฟีฟ่านึกถึงเสียงกระซิบข้างใบหูเมื่อคืนนั้นก็เกิดหน
[5] มาเฟียหนุ่ม "ไอ้โรคจิต ทำไมถึงไม่ใส่กางเกงใน ฮะ!" ภูมิพูดขึ้นเสียงดังพลางชี้นิ้วไปยังร่างเล็กที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามกัน ทั้งพยายามละสายตาจากสิ่งตรงหน้าด้วยการมองเลยไปทางด้านหลังของฟีฟ่า "แล้วพี่จะตกใจทำไมล่ะ ก็เมื่อคืนพี่เป็นคนเร่งฟ่าให้เร็ว ๆ เองนี่ ฟ่าก็ใส่ไม่ทันนะสิ แต่โล่ง ๆ แบบนี้ก็สบายดีนะ" ฟีฟ่าสวมกางเกงวิ่งขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่งซึ่งเจ้าตัวมองยังไงก็เรียบร้อย เขาลุกถกขากางเกงขึ้นจนแก้มก้นขาวโผล่ คนพี่ทนดูไม่ไหวต้องสั่งให้รีบเอาลง "อย่าถก เอาลงเดี๋ยวนี้!" เมื่อคืนฟีฟ่ากลัวโดนทิ้งจึงรีบแต่งตัวเลยไม่ทันได้สวมกางเกงชั้นใน และกางเกงวิ่งสมัยนี้ก็สั้นเหลือเกิน ขนาดไข่เล็ก ๆ ของไอ้ฟ่าก็ปิดแทบไม่มิด ไหนจะด้านข้างก็เป็นเพียงผ้าซ้อนทับกันไว้เพื่อความคล่องตัวของนักวิ่ง ตัวหนึ่งก็ไม่ใช่ถูก ๆ ซับในก็เสือกไม่มีอีก นั่งทีก็เปิดจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว "ที่จริงมันมีกางเกงซับในนะ แต่ฟ่ารำคาญมันสีกับไข่เลยไปเอาออก" "ฉันไม่ได้ถาม ถ้านายจะใส่ไอ้กางเกงขาสั้นแบบนี้ก็สู้แก้ผ้าไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ไข่เล็ก ๆ ยังปิดไม่มิดเลย" "เสียมารยาท ไข่ฟ่าไม่ได้เล็ก ๆ สักหน่อย และอีกอย่างชุดนี้ก็ของ
[6]นายต้องเป็นหมอนข้างให้ฉันฟีฟ่าย่องขึ้นเรือนโดยมีเป้าหมายอยู่ที่กล่องแซนด์วิชบนโต๊ะไม้สักทอง เจ้าของนั่งหันหลังให้แบบนี้ยังไงก็ไม่มีทางเห็นแน่นอน เสร็จไอ้ฟ่าล่ะมือเล็กคว้ากล่องแซนด์วิชได้สำเร็จ ตั้งใจจะเอาลงไปกินข้างล่างเป็นมื้อเที่ยง บังเอิญเหลือบไปเห็นเห็นอกไก่ไร้ไขมันชิ้นใหญ่ในกล่องอาหารคลีนก็เกิดอยากกินขึ้นมา คิดว่าเอาไปแค่ชิ้นเดียวอีกฝ่ายคงไม่รู้หรอก "เสร็จโจร อิอิ.."มัวแต่ย่ามใจค่อย ๆ เปิดกล่องจึงไม่รู้สึกตัวว่าร่างสูงได้มายืนอยู่ด้านหลังแล้ว และกำลังมองพฤติกรรมของเขาอยู่"ทำอะไรน่ะ!"เสียงทุ้มดังขึ้นทำเอาฟีฟ่าตกใจจนแทบทำของในมือร่วง ดีที่ว่าคว้าเอาไว้ได้ทัน เขาหันกลับมามองร่างสูงและยิ้มแหย ๆ"นะ.. นั่งสมาธิเสร็จแล้วหรือครับ แฮะ ๆ""ถ้ายังไม่เสร็จฉันจะจับขโมยได้เหรอ"ร่างสูงโน้มลงต่ำและยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ดวงตาคู่คมมองกล่องแซนด์วิชที่อยู่ในมือของฟีฟ่าและยิ้มเหี้ยม..วิ่งสิครับจะรออะไร!!ฟีฟ่าถอยหลังหนีและรีบวิ่งลงจากเรือน ยังไม่พ้นบันไดขั้นแรกก็ถูกมือหนาคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้ นี่สินะ..ข้อเสียเปรียบของคนขาสั้น ฟีฟ่าถูกคนตัวใหญ่กว่าเหวี่ยงกระเด็นกลับขึ้นไปบนเรือน แผ่นหลังบาง
[7]สิ่งที่ติดตามมาในความมืด"วันนี้ผมคงไปช่วยหลวงปู่บิณฑบาตไม่ไหวแล้วล่ะ"ฟีฟ่าเดินเดี้ยงออกมายังชานหน้าบ้านทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนตัวเก่ง เวลาตีห้ากว่าแล้วแต่ท้องฟ้ายังคงมืดสนิทและไม่มีวี่แววว่าพระอาทิตย์จะขึ้นสักนิด ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เหมือนเวลากลางคืนจะยาวนานกว่าปกติ"ไม่ไหวก็ไม่ต้องไป ไม่มีนายหลวงปู่ยังมีลูกศิษย์อีกเยอะ""ชิ!"ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้สักทองและมองออกไปรอบตัวบ้าน กิ่งไผ่สูงท่วมหัวโอนเอนไปตามสายลมดูน่ากลัวจนต้องลุกไปนั่งอยู่ใกล้ ๆ กับภพภูมิ"เป็นอะไรอีกล่ะ""ตะ..ต้นไผ่มันโยกไปโยกมา น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้"ดวงตาคู่คมมองออกไปตามที่ฟีฟ่าบอก แม้ไม่เห็นเป็นตัวเป็นตนแต่ก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ในเมื่อต่างคนต่างอยู่เขาจึงไม่ทำอะไร และบริเวณเรือนไม้สีขาวก็ได้ทำการลงอาคมเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้เอาไว้แล้ว"ถ้ากลัวแล้วจะมองทำไม กลัวมากก็มานั่งสมาธินี่"เอะอะก็จะให้นั่งสมาธิอยู่เรื่อย ไอ้ฟ่าไม่เอาด้วยหรอก แต่อีกคนไม่สนใจหลังก้มกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าสู่สมาธิโดยมีฟีฟ่านั่งอยู่ข้าง ๆ คนไม่มีอะไรทำก็เริ่มง่วงขึ้นมาสุดท้ายก็ฟุบหลับไปบนตักของภพภูมิเ
[8]เพื่อนรักเพื่อนเลิฟรถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าตึกสูงและได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก รปภ. ร่างสูงในชุดฉูดฉาดลงจากรถออกมายืนด้วยท่าทีสง่างาม มือหนาขยับแว่นตากันแดดให้เข้าที่พลางยกยิ้มด้วยความมั่นใจ ไม่สนว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ช่วงขายาวก้าวเข้าไปในตึกอย่างมาดมั่นตรงไปยังลิฟต์สำหรับผู้บริหารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุด"แต่งตัวอะไรของมึงวะไอ้เท็น ระหว่างทางหมาไม่เห่าบ้างหรือไงวะ"ผู้บริหารหนุ่มถึงกับวางมือจากเอกสารที่กำลังเซ็นอยู่และลุกขึ้นมาหาชายหนุ่ม ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามมองอีกฝ่ายตั้งหัวจดเท้าอีกครั้ง"ทำไม? กูก็แต่งธรรมดานี่ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย""เออ..ไม่แปลกก็ไม่แปลก และมึงก็เลิกสูบบุหรี่ในห้องกูได้แล้ว แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทีไรก็นึกว่ามีขโมยเข้ามาในห้องกูอยู่เรื่อย"ดวงตาเรียวเหยียดมองสูทลำลองสีแดงเข้มเข้าชุดกับกางเกง และไหนจะเสื้อยืดคอกว้างและลึกโชว์ขนหยิกหย็อยบนกล้ามหน้าอกกับรอยสักบนร่างกายด้านซ้าย ใครเห็นต่างก็วิ่งหนีกันหมด ถ้าลูกค้ามาเห็นว่ามีคนแบบนี้ในบริษัทของเขามีหวังความน่าเชื่อถือคงไม่เหลือ"เรื่องมากฉิบหาย ต่อให้กูไม่สูบบริษัทมึงก็ไม่น่าเ
[11] พี่ภูมิ..ฟ่าอยู่นี่ ภพภูมิกลับมายังจุดนัดหมายพร้อมกับยาทาแก้ฟกช้ำ เขาบีบยาจากหลอดใส่ปลายนิ้วและป้ายลงบนแก้มแดงอย่างเบามือ "ยิ่งขี้เหร่อยู่ ระวังอย่าให้มีแผลสิ" "ฟ่าไม่ได้หาเรื่องนะ ก็ไอ้ลุงนั่นอยู่ดี ๆ ก็มาดึงแขนฟ่าไว้ เจ็บจะตาย" พอได้ยินว่าชายวัยกลางคนที่มีเรื่องกับฟีฟ่านอกจากตบหน้าแล้วยังจับแขนเอาไว้อีกก็ยิ่งโมโห อยากจะโทรหาลูกน้องคนสนิทให้ตัดมือมันทิ้งไปด้วยเลย "จะซื้ออะไรมั้ย?" "ไม่ล่ะ" ฟีฟ่าปฏิเสธเพราะราคาสินค้าของที่นี่แต่ละอย่างไอ้ฟ่าเอื้อมไม่ถึงจริง ๆ ไม่รู้ภพภูมิคิดยังไงถึงพาเขามาที่แบบนี้ "อยากได้อะไรก็ไปดู เดี๋ยวฉันซื้อให้เอง" ภพภูมิเหมือนจะรู้ความคิดของฟีฟ่า เขาจึงเสนอเป็นเจ้าภาพจ่ายเงินให้ คิดว่าเป็นค่าตอบแทนให้กับหมอนข้าง ทำเอาคนน้องตาโต คิดว่าตัวเองหูฝาดไปซะอีกจนต้องถามซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจ "จริงเหรอ ได้ทุกอย่างเลยเหรอ!" "จริงสิ" ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเปย์ให้ขนาดนี้ มีเหรอที่ไอ้ฟ่าจะพลาดโอกาสทอง ที่นี่มีของที่เขาอยากได้ตั้งหลายอย่าง ตั้งใจจะถล่มให้กระเป๋าฉีกเลย "พูดเองนะ อย่ามาบ่นทีหลังก็แล้วกัน" ฟีฟ่าเดินนำหน้าเข้าร้านนั้นออกร้านนี้เป็นว่
[10]คนหน้าคล้ายจากเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้ฟีฟ่าไม่อยากมองหน้าภพภูมิอีกเลย คนใจดำ รู้ทั้งรู้ว่าเขากลัวผียังบังคับให้เปิดโลงดูศพและยังถีบตกฟูกอีก คิดแล้วน่าโมโหจริง ๆ คนตัวเล็กนั่งหันหลังให้ ในมือถือแซนด์วิชไข่ ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ ไปด้วย"ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว คิดว่าน่ารักมากหรือไง"คนถูกว่าเพียงแค่เหลือกตามองและหันกลับไปกินแซนด์วิชต่อ คิดซะว่าได้ยินเสียงหมาเห่าหมาหอนละกันภพภูมินั่งไขว่ห้างพลางจิบกาแฟ มืออีกข้างก็ไถมือถือไปด้วย เห็นข้อความจากเท็นมะเข้ามา เมื่อคืนเพราะมีเรื่องวุ่นวายจึงไม่ทันสังเกตเห็น พอกดเข้าไปดูก็ขมวดคิ้วแน่น"ทำถึงขนาดนี้เชียวเหรอ"ร่างสูงลุกขึ้นและสั่งให้ฟีฟ่าไปเปลี่ยนชุดเพราะจะไปกราบหลวงปู่ด้วยกันฟีฟ่าดูดนิ้วหลังกินทุกอย่างหมดแล้ว แกล้งไปเช็ดมือกับเสื้อของภพภูมิและรีบวิ่งเข้าห้องก่อนโดนต่อย เขากลับออกมาในชุดขาวเหมือนอย่างทุกครั้ง แต่คราวนี้ภพภูมิกลับบอกให้เปลี่ยนเป็นชุดธรรมดาแทน"แล้วไม่บอกแต่แรก เสียเวลาชะมัด"ฟีฟ่าบ่นอุบและกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง คราวนี้ออกมาในชุดทันสมัย ยิ่งทำให้คนตัวเล็กดูเด็กกว่าเก่า จากนั้นจึงตามภพภูมิไปยังกุฏิของหลวงปู่ ซึ่งท่านได้นั่งรออยู่แ
[9]ชายปริศนาในป่าไผ่"เลิกทำหน้าแบบนั้นสักทีเถอะ เห็นแล้วกินข้าวไม่ลง"เสียงทุ้มว่าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างกัน มองปากที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ แต่ตานี่ขวางเชียว ก็นะ..ลองมาถูกเหวี่ยงดูบ้างมั้ยล่ะ จะได้รู้ว่าเจ็บแค่ไหน นอนด้วยกันมาอาทิตย์กว่าแต่ทั้งตัวไอ้ฟ่านี่มีแต่รอยช้ำเต็มไปหมด"ไม่รู้ล่ะ ก็ใครใช้ให้พี่มาทำร้ายฟ่าก่อนล่ะ!""ก็นายอยากคิดไม่ดีกับฉันก่อนทำไม หน็อย..คิดจะลักหลับฉันเป็นครั้งที่สองเหรอ เอาไว้ชาติหน้าเถอะ วันนั้นถ้านายไม่ใช้ยาปลุก บอกไว้เลยนะว่าขนสักเส้นของฉันนายก็ไม่มีทางได้เห็นหรอก!""แหวะ..อยากเห็นตายล่ะ" ฟีฟ่าพึมพำเบา ๆ เพราะกลัวถูกเหวี่ยงลงจากเรือน ขี้เกียจเถียงด้วย ทั้งที่เมื่อคืนตัวเองนั่นแหละที่เป็นคนถอดกางเกงของเขาออกแท้ ๆแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ กะอีแค่มีเซ็กซ์ครั้งเดียวทำไมต้องอาฆาตกันขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้ ฟ่าไม่เข้าใจจริง ๆ เป็นผู้ชายซะเปล่า ตัวก็ใหญ่อย่างกับควายแต่ใจแคบชะมัด ทั้งที่ตอนนั้นตัวเองก็เป็นฝ่ายได้เสียบแท้ ๆ ไอ้หัวหยิกเอ๊ย..อ้อ..อีกอย่าง บอกไว้เลยนะถ้าคืนนั้นไม่เมาจนขาดสติคนอย่างฟีฟ่าไม่มีทางทำเรื่องโง่ ๆ แบบนี้เด็ดขาดถึงจะงอนแต่ฟีฟ่าก็กินข้าวจนหมดเกลี้ยง
[8]เพื่อนรักเพื่อนเลิฟรถสปอร์ตคันหรูเลี้ยวเข้ามาจอดยังหน้าตึกสูงและได้รับการต้อนรับอย่างดีจาก รปภ. ร่างสูงในชุดฉูดฉาดลงจากรถออกมายืนด้วยท่าทีสง่างาม มือหนาขยับแว่นตากันแดดให้เข้าที่พลางยกยิ้มด้วยความมั่นใจ ไม่สนว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของผู้คนในบริเวณนั้น ช่วงขายาวก้าวเข้าไปในตึกอย่างมาดมั่นตรงไปยังลิฟต์สำหรับผู้บริหารเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุด"แต่งตัวอะไรของมึงวะไอ้เท็น ระหว่างทางหมาไม่เห่าบ้างหรือไงวะ"ผู้บริหารหนุ่มถึงกับวางมือจากเอกสารที่กำลังเซ็นอยู่และลุกขึ้นมาหาชายหนุ่ม ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามมองอีกฝ่ายตั้งหัวจดเท้าอีกครั้ง"ทำไม? กูก็แต่งธรรมดานี่ ไม่เห็นมีอะไรแปลกเลย""เออ..ไม่แปลกก็ไม่แปลก และมึงก็เลิกสูบบุหรี่ในห้องกูได้แล้ว แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดทีไรก็นึกว่ามีขโมยเข้ามาในห้องกูอยู่เรื่อย"ดวงตาเรียวเหยียดมองสูทลำลองสีแดงเข้มเข้าชุดกับกางเกง และไหนจะเสื้อยืดคอกว้างและลึกโชว์ขนหยิกหย็อยบนกล้ามหน้าอกกับรอยสักบนร่างกายด้านซ้าย ใครเห็นต่างก็วิ่งหนีกันหมด ถ้าลูกค้ามาเห็นว่ามีคนแบบนี้ในบริษัทของเขามีหวังความน่าเชื่อถือคงไม่เหลือ"เรื่องมากฉิบหาย ต่อให้กูไม่สูบบริษัทมึงก็ไม่น่าเ
[7]สิ่งที่ติดตามมาในความมืด"วันนี้ผมคงไปช่วยหลวงปู่บิณฑบาตไม่ไหวแล้วล่ะ"ฟีฟ่าเดินเดี้ยงออกมายังชานหน้าบ้านทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอนตัวเก่ง เวลาตีห้ากว่าแล้วแต่ท้องฟ้ายังคงมืดสนิทและไม่มีวี่แววว่าพระอาทิตย์จะขึ้นสักนิด ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าว่าตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เหมือนเวลากลางคืนจะยาวนานกว่าปกติ"ไม่ไหวก็ไม่ต้องไป ไม่มีนายหลวงปู่ยังมีลูกศิษย์อีกเยอะ""ชิ!"ร่างเล็กทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ไม้สักทองและมองออกไปรอบตัวบ้าน กิ่งไผ่สูงท่วมหัวโอนเอนไปตามสายลมดูน่ากลัวจนต้องลุกไปนั่งอยู่ใกล้ ๆ กับภพภูมิ"เป็นอะไรอีกล่ะ""ตะ..ต้นไผ่มันโยกไปโยกมา น่ากลัวยังไงก็ไม่รู้"ดวงตาคู่คมมองออกไปตามที่ฟีฟ่าบอก แม้ไม่เห็นเป็นตัวเป็นตนแต่ก็รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ในเมื่อต่างคนต่างอยู่เขาจึงไม่ทำอะไร และบริเวณเรือนไม้สีขาวก็ได้ทำการลงอาคมเพื่อป้องกันสิ่งเหล่านี้เอาไว้แล้ว"ถ้ากลัวแล้วจะมองทำไม กลัวมากก็มานั่งสมาธินี่"เอะอะก็จะให้นั่งสมาธิอยู่เรื่อย ไอ้ฟ่าไม่เอาด้วยหรอก แต่อีกคนไม่สนใจหลังก้มกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เข้าสู่สมาธิโดยมีฟีฟ่านั่งอยู่ข้าง ๆ คนไม่มีอะไรทำก็เริ่มง่วงขึ้นมาสุดท้ายก็ฟุบหลับไปบนตักของภพภูมิเ
[6]นายต้องเป็นหมอนข้างให้ฉันฟีฟ่าย่องขึ้นเรือนโดยมีเป้าหมายอยู่ที่กล่องแซนด์วิชบนโต๊ะไม้สักทอง เจ้าของนั่งหันหลังให้แบบนี้ยังไงก็ไม่มีทางเห็นแน่นอน เสร็จไอ้ฟ่าล่ะมือเล็กคว้ากล่องแซนด์วิชได้สำเร็จ ตั้งใจจะเอาลงไปกินข้างล่างเป็นมื้อเที่ยง บังเอิญเหลือบไปเห็นเห็นอกไก่ไร้ไขมันชิ้นใหญ่ในกล่องอาหารคลีนก็เกิดอยากกินขึ้นมา คิดว่าเอาไปแค่ชิ้นเดียวอีกฝ่ายคงไม่รู้หรอก "เสร็จโจร อิอิ.."มัวแต่ย่ามใจค่อย ๆ เปิดกล่องจึงไม่รู้สึกตัวว่าร่างสูงได้มายืนอยู่ด้านหลังแล้ว และกำลังมองพฤติกรรมของเขาอยู่"ทำอะไรน่ะ!"เสียงทุ้มดังขึ้นทำเอาฟีฟ่าตกใจจนแทบทำของในมือร่วง ดีที่ว่าคว้าเอาไว้ได้ทัน เขาหันกลับมามองร่างสูงและยิ้มแหย ๆ"นะ.. นั่งสมาธิเสร็จแล้วหรือครับ แฮะ ๆ""ถ้ายังไม่เสร็จฉันจะจับขโมยได้เหรอ"ร่างสูงโน้มลงต่ำและยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ ดวงตาคู่คมมองกล่องแซนด์วิชที่อยู่ในมือของฟีฟ่าและยิ้มเหี้ยม..วิ่งสิครับจะรออะไร!!ฟีฟ่าถอยหลังหนีและรีบวิ่งลงจากเรือน ยังไม่พ้นบันไดขั้นแรกก็ถูกมือหนาคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้ นี่สินะ..ข้อเสียเปรียบของคนขาสั้น ฟีฟ่าถูกคนตัวใหญ่กว่าเหวี่ยงกระเด็นกลับขึ้นไปบนเรือน แผ่นหลังบาง
[5] มาเฟียหนุ่ม "ไอ้โรคจิต ทำไมถึงไม่ใส่กางเกงใน ฮะ!" ภูมิพูดขึ้นเสียงดังพลางชี้นิ้วไปยังร่างเล็กที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงข้ามกัน ทั้งพยายามละสายตาจากสิ่งตรงหน้าด้วยการมองเลยไปทางด้านหลังของฟีฟ่า "แล้วพี่จะตกใจทำไมล่ะ ก็เมื่อคืนพี่เป็นคนเร่งฟ่าให้เร็ว ๆ เองนี่ ฟ่าก็ใส่ไม่ทันนะสิ แต่โล่ง ๆ แบบนี้ก็สบายดีนะ" ฟีฟ่าสวมกางเกงวิ่งขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่งซึ่งเจ้าตัวมองยังไงก็เรียบร้อย เขาลุกถกขากางเกงขึ้นจนแก้มก้นขาวโผล่ คนพี่ทนดูไม่ไหวต้องสั่งให้รีบเอาลง "อย่าถก เอาลงเดี๋ยวนี้!" เมื่อคืนฟีฟ่ากลัวโดนทิ้งจึงรีบแต่งตัวเลยไม่ทันได้สวมกางเกงชั้นใน และกางเกงวิ่งสมัยนี้ก็สั้นเหลือเกิน ขนาดไข่เล็ก ๆ ของไอ้ฟ่าก็ปิดแทบไม่มิด ไหนจะด้านข้างก็เป็นเพียงผ้าซ้อนทับกันไว้เพื่อความคล่องตัวของนักวิ่ง ตัวหนึ่งก็ไม่ใช่ถูก ๆ ซับในก็เสือกไม่มีอีก นั่งทีก็เปิดจนเห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว "ที่จริงมันมีกางเกงซับในนะ แต่ฟ่ารำคาญมันสีกับไข่เลยไปเอาออก" "ฉันไม่ได้ถาม ถ้านายจะใส่ไอ้กางเกงขาสั้นแบบนี้ก็สู้แก้ผ้าไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ไข่เล็ก ๆ ยังปิดไม่มิดเลย" "เสียมารยาท ไข่ฟ่าไม่ได้เล็ก ๆ สักหน่อย และอีกอย่างชุดนี้ก็ของ
[4] คนดวงตกสองคน เมื่อได้ยินว่าเป็นคำสั่งของหลวงปู่ภูมิก็ขัดไม่ได้ จำต้องให้ฟีฟ่าอาศัยอยู่ด้วยกัน แต่ในฐานะคนมาก่อนจึงออกกฎให้ฟีฟ่าปฏิบัติตาม มิฉะนั้นจะไม่ให้อยู่ด้วย "มึงชื่ออะไร" เสียงทุ้มถามขึ้น "ฟะ..ฟีฟ่า" "พูดกับคนอายุมากกว่าให้มันดี ๆ หน่อย ถ้าไม่เชื่อฟังก็กลับไปซะ" คนอะไรแม่งขู่เก่งชะมัด สงสัยจะมีญาติเป็นงูแน่ ๆ ฟีฟ่าบ่นอุบอิบก่อนแนะนำตัวเองอีกครั้ง แม้น้ำเสียงจะไม่ได้รื่นหูแต่ก็ใช้คำที่ฟังแล้วทำให้ปลายตีนของอีกฝ่ายกระตุกน้อยสุดเป็นพอ และยังบอกคนเป็นผู้ใหญ่ว่าถ้าอยากให้คนอื่นพูดดีด้วยตัวเองก็ต้องพูดก่อนสิ โดนตอกหน้ากลับคนเป็นผู้ใหญ่ถึงกับกัดฟันกรอด เถียงไม่ออกเพราะเด็กมันพูดจริง "ว่าแต่มึง เอ๊ย! ว่าแต่นายเถอะ ไม่คิดจะบอกชื่อตัวเองบ้างหรือไง เอาแค่ถามคนอื่นแต่ชื่อตัวเองกลับไม่ยอมบอกมันเสียมารยาทนะไม่รู้หรือไง" ฟีฟ่าถือโอกาสว่ากลับไปบ้าง "ฉันชื่อภูมิ ให้นายเรียกฉันว่าพี่ภูมิ เพราะถึงยังไงฉันก็อายุมากกว่านายหลายปี" พอคำพูดเปลี่ยนก็ทำให้คนตรงหน้าดูดีขึ้นมา น้ำเสียงห้วนไม่น่าฟังก็มีเสน่ห์ขึ้น เสียงทุ้มต่ำติดแหบนิดหน่อยทำให้ฟีฟ่านึกถึงเสียงกระซิบข้างใบหูเมื่อคืนนั้นก็เกิดหน
[3] คนดวงตก "ว่าไงนะป๊า..ไม่! ฟ่าไม่ไปเด็ดขาด!" เสียงฟีฟ่าโวยวายลั่นบ้านเมื่อรู้ว่าผู้เป็นพ่อและพี่ชายจะส่งตนไปอยู่วัด เพราะเห็นว่ายิ่งใกล้เบญจเพสดวงของฟีฟ่าไม่ดีเอาเสียเลย พวกเขาจึงเอาดวงของฟีฟ่าไปให้ซินแสที่นับถือช่วยตรวจดูให้ ปรากฏว่าชะตาของฟีฟ่ากำลังจะขาด แต่ถ้าผ่านไปได้เขาจะได้โชคอันใหญ่อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว "อย่าดื้อกับป๊านะฟ่า!" เสียงดุของพี่ชายทำฟีฟ่าสะดุ้ง และเงียบปากลงอัตโนมัติ ครอบครัวของฟีฟ่ามีกันสามคนพ่อลูก คุณแม่เสียไปตั้งแต่เขายังแบเบาะผู้เป็นพ่อจึงรักและตามใจเขามากเพื่อชดเชยที่ขาดแม่ไป ยูโร คือพี่ชายของฟีฟ่าและมีอายุห่างกันถึงห้าปี เขามีนิสัยตรงกันข้ามกับฟีฟ่าแทบจะทุกอย่างและเป็นคนเดียวในบ้านที่ฟีฟ่ากลัว เฮียยูโรทำงานอยู่บริษัทเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งและส่งฟีฟ่าเรียนจนจบมหาลัย ส่วนป๊าเกษียณออกมาอยู่บ้านแล้ว นอกจากเงินผู้สูงอายุก็มีรายได้เล็ก ๆ น้อยจากการปลูกต้นไม้ขาย ทั้งที่อยู่เฉย ๆ ก็ไม่ลำบาก "เชื่อป๊านะฟ่า ที่ป๊ากับเฮียทำไปทั้งหมดก็เพราะหวังดีกับฟ่านะ" "ไม่นะป๊า! ไม่นะเฮีย! ทั้งสองคนก็รู้นี่ว่าฟ่ากลัวผี ป๊ากับเฮียยังจะให้ฟ่าไปอยู่วัดอีกเหรอ ถ้าป๊ากับเฮียบังค