แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: Me.Daisy
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-22 11:05:16

              "พวกเรากลับบ้านกันดีไหมคะ"

              ชูครีมที่กลับมาแข็งแรงอีกครั้งถามขึ้นตอนเดินเล่นในเมือง  มนสิชาพยักหน้า

              "ไปกันๆ"  ปุยฝ้ายตอบรับเหมือนเด็ก

              บ้านของชูครีมและปุยฝ้ายอยู่ในย่านบ้านคนมีอันจะกิน  เพราะชูครีมทำเงินได้มากจากการต่อสู้กับมอนสเตอร์  ส่วนปุยฝ้ายก็คอยช่วยเพื่อนดูแลบ้าน  บ้านของสองสาวเป็นบ้านเดี่ยวสูงสองชั้น  มีบริเวณเล็กๆให้เดินผ่อนคลายได้  สไตล์โมเดิร์นนั้นแทรกซึมไปทุกอณูของบ้าน  ของทุกอย่างในบ้านเป็นสีขาวดำ   ปุยฝ้ายทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาผ้าเนื้อนิ่ม  เธอเด้งดึ๋งบนโซฟาพักหนึ่งกว่าจะหยุด  วัสดุที่ใช้ทำโซฟาไม่เหมือนในโลกความเป็นจริง    มนสิชานั่งลงตามจึงได้รู้ว่าความนิ่มและสัมผัสแสนสบายนั้นเหมือนอยู่บนปุยเมฆ

              ชูครีมเดินไปหยิบน้ำมาเสิร์ฟ

              "จะดีเหรอที่ให้พี่มาพักอยู่ด้วย"  มนสิชาถาม

              "หอพักของโรงเรียนเตียงแข็งมากเลยนะคะ  แถมยังเสียงดังด้วย  มาอยู่กับพวกเราเถอะค่ะ  บ้านนี้ยังมีที่ว่างอีกเยอะ"   ชูครีมตอบพลางยกน้ำขึ้นดื่ม  กลิ่นมะลิที่เธอลอยไว้หอมกรุ่นอยู่ในน้ำ  ปุยฝ้ายยกน้ำขึ้นดื่มบ้าง

              "น้ำประปาอีกแล้วเหรอ"

              "น้ำกรองต่างหาก"  มนสิชาแย้งหลังชิม

              "พวกเราได้กลิ่นกันไปคนละแบบเลยนะคะ  ทั้งๆที่ชูครีมเอาน้ำแร่มาลอยดอกมะลิแท้ๆ"  เธอถอนหายใจ  ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็แก้ต่อมรับรู้ใครไม่ได้สักที

              "เพราะกินอะไรก็อร่อยแบบนี้ไง  เธอถึงได้ตัวอ้วนขนาดนี้"  ปุยฝ้ายเลือกที่จะล้อเลียนชูครีมเพื่อลบความรู้สึกอิจฉา

              "เปล่านะคะ  ชูครีมอ้วนมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว"  ชูครีมออกโรงปกป้องชั้นไขมันตัวเอง  "ว่าแต่ทำไมต้องว่าชูครีมอ้วนด้วยล่ะคะ  คำก็อ้วนสองคำก็อ้วนเลยนะคะ"

              "ก็อ้วนจริงๆ นี่  จะให้พูดว่าผอมได้ยังไง"

              "คุณมนดูสิคะ  ปากร้ายแล้วยังไม่ยอมขอโทษอีก"

              มนสิชาหัวเราะกับบทสนทนาพวกนั้น 

              "ขอบใจมากนะ  ที่ให้พี่มาอยู่ด้วย"

              "ค่ะ/ไม่เป็นไร"  ชูครีมและปุยฝ้ายพูดพร้อมกัน

              "ว่าแต่นี่ก็เย็นมากแล้ว  ทำไมถึงยังไม่มืดสักทีล่ะ"  มนสิชาถาม

              "ที่นี่สว่างตลอดแหละค่ะ  ท้องฟ้าเป็นสีฟ้ามีก้อนเมฆก็จริง  แต่ถ้าขึ้นไปข้างบนจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง  และไม่มีดวงอาทิตย์ด้วย"  ชูครีมตอบ

              "แล้วทิศมาจากไหนล่ะ"

              "พวกเราตั้งขึ้นมาเองทั้งนั้นแหละ"  ปุยฝ้ายบอกก่อนเปลี่ยนเรื่อง  "เปลี่ยนชุดแล้วไปเดินเที่ยวกันไหม  ไปดูสวนดอกไม้สวยๆของส่วนกลางกัน" 

              "ไปสิ"  มนสิชาเตรียมลุกขึ้น

              พวกเธอกลับมาสวมชุดนักเรียนกันอีกครั้ง  ในเมืองมีคนเดินพลุกพล่าน  โรงเรียนทิศเหนือเป็นสถานที่ที่สงบสุข  ถ้าไม่นับว่ามีคนต้องเป็นห่วงอยู่ข้างหลัง  การเป็นหนุ่มสาวอยู่ที่นี่ตลอดไปก็ไม่เลวเหมือนกัน  มนสิชาคิดกับตัวเอง  เธอคาดหวังว่าสวนดอกไม้แปลงสวยที่ปุยฝ้ายแนะนำจะสวยและคุ้มค่าให้ไปเยี่ยมชม

              เดินมาราวสิบห้านาทีก็ถึงส่วนกลาง  อาคารเรียนยังคงทำหน้าที่ของมันอยู่เหมือนเดิม

              "สวนนี่เป็นที่ลับนะคะ  ไม่ค่อยมีคนรู้จักหรอก"  ชูครีมบอกแล้วนำทางไปหลังอาคารประชุม  ทางเดินแคบ  มืดและไม่ใช่ทางผ่านไปโรงเรียนทิศไหน  ทำให้ไม่มีใครชอบเดินมาทางนี้นัก  มีเนินเล็กๆก่อนปรากฎเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่  สภาพของมันเหี่ยวเฉา  ยืนตายคาต้น  บอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งหนึ่งเคยมีสีอะไร

              มนสิชาเด็ดดอกไม้ขึ้นมาดอกหนึ่ง  ตอนแรกกลีบดอกยังชูสวยอยู่  แต่พอดึงออกมา  กลีบก็ร่วงหลุดไป  คราบสีเขียวของลำต้นที่เริ่มเปื่อยติดมือเธอขึ้นมา  หญิงสาวเช็ดมือกับผ้าเช็ดหน้าก่อนเดินตามเพื่อนๆไป

              "อะไรกัน  วันก่อนยังสวยอยู่เลย"  ปุยฝ้ายบ่น 

              ชูครีมเดินไปใต้ต้นไม้ต้นเดียวที่ยังเขียวสดอยู่  ปุยฝ้ายวิ่งตามมาหาชูครีม  ชูครีมเห็นว่าปุยฝ้ายจะต้องแกล้งชนเธอให้ล้มแน่  จึงหลบจากใต้ต้นไม้  แต่ปุยฝ้ายหลบไม่ทัน  ชนเข้ากับต้นไม้โครมใหญ่

              "ว้าย"  ปุยฝ้ายร้องกรี๊ดเสียงดัง  รังผึ้งตกลงมาใส่หัวเธอ  ฝูงผึ้งเกรี้ยวกราดโจมตีเหล่าเด็กสาว  มนสิชาวิ่งหนีไปทางหนึ่ง  ปุยฝ้ายและชูครีมวิ่งไปอีกทางหนึ่ง

              มนสิชาวิ่งไปทางลาด  ทำให้เธอเร่งความเร็วได้ดี  เธอวิ่งเข้าไปในป่าใหญ่  ต้นไม้ทำให้ผึ้งไขว้เขวได้บ้าง  จากนั้นเธอก็เจอบ่อเลี้ยงปลาสวยงาม  หญิงสาวไม่มีเวลาคิด  ดังนั้นเธอจึงโดดลงไปในน้ำ

              โครม!!

              มนสิชากลั้นหายใจได้แค่หนึ่งนาที  เธอโผล่พ้นน้ำขึ้นมาดูลาดเลา  ฝูงผึ้งบินผ่านไปแล้ว  เธอเตรียมขึ้นจากน้ำ  แต่ขาเธอติดสาหร่าย และขอบบ่อก็ไกลจนเอื้อมไม่ถึง  หญิงสาวพยายามลอยตัวให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้  แต่สาหร่ายก็ถ่วงขาเธอจนต้องร่วงกลับลงไปใต้น้ำอีก  เธอดันตัวขึ้นเหนือน้ำอีกครั้งก่อนตะโกน

              "ช่วยด้วย  ใครก็ได้ช่วยด้วย"

              มนสิชาตะโกนด้วยความหวัง  สองคนนั้นต้องได้ยินแน่ๆ

              ในฝันนี้อะไรๆก็สมจริงไปหมด  แม้แต่ตอนที่เธอจมน้ำก็ไม่มีอากาศให้หายใจจริงๆ  หญิงสาวถีบตัวขึ้นมาได้สำเร็จ  เพียงชั่วครู่ก็จมลงไปใหม่  จากนั้นมนสิชาก็รู้สึกเหนื่อย  หนังตาหย่อนลงจนปิดสนิท  ภาพทุกอย่างดับวูบ  เธอหลับไปทั้งที่อยู่ในน้ำ 

              ขณะเดียวกันปุยฝ้ายและครีมวิ่งมาทางอาคารส่วนกลาง  มีคนเดินเตร็ดเตร่อยู่นิดหน่อย  สองสาวร้องกรี๊ดไปตลอดทางจนคนหันมามอง  พอเห็นว่าเป็นฝูงผึ้งบินตามมา  ฝูงชนก็แตกตื่นหลีกทางให้สองสาวราวกับต้อนรับขบวนพาเหรด

              "เรียกสเลฟเถอะชูครีม"  ปุยฝ้ายเสนอพลางหอบหายใจ

              "สเลฟจงออกมา"  ชูครีมเรียกมังกรน้ำเงินของเธอ  "บลูฮาร์ทพ่นไฟใส่ผึ้งเร็ว"

              มังกรน้ำเงินพ่นไฟตามคำสั่งเจ้านาย  ฝูงผึ้งร่วงลงพื้น  แต่ยังมีบางตัวบินเกาะเกี่ยวใกล้หน้าชูครีมอยู่  มังกรแสนซื่อจึงหันมาเล็งตัวที่อยู่บนหน้าเธอ

              "อย่านะ  ว้ายยย"  ชูครีมร้องอย่างตกใจ  แล้วก็ได้กลิ่นไหม้บนหัว  ไฟสีฟ้ากำลังไหม้หัวเธอนั่นเอง  เด็กสาววิ่งเข้าห้องน้ำแล้วเอาหัวจุ่มลงอ่างล้างหน้า  ปุยฝ้ายวิ่งตามมาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง  เธอหัวเราะจนท้องเกร็งไปหมด

              "กะ..กลับไปตามหามนกันเถอะ"  ปุยฝ้ายพยายามหายใจให้ทันระหว่างที่ยังหยุดหัวเราะไม่ได้

              "เลิกหัวเราะได้หรือยังคะ"  ชูครีมพูดพลางสำรวจหัวตัวเอง กลิ่นไหม้ทำเธอเสียขวัญ

              สองสาวออกตามหามนสิชาโดยกลับไปที่เดิม  เดินเข้าป่า

ไปจนลึก  แต่ไม่เจอร่องรอยของหญิงสาวที่ไหนเลย

              "หรือว่าเธอจะกลับไปแล้วคะ"  ชูครีมถามปุยฝ้าย

              "อย่างแย่ที่สุด  เธอก็แค่ตายเท่านั้นเอง"  ปุยฝ้ายถอนหายใจ  เธอรู้สึกถูกชะตากับมนสิชาแท้ๆ  สองสาวเดินซึมกลับบ้าน

              เช้าวันใหม่มนสิชาลืมตาขึ้นมา  เธออยู่หน้าโรงเรียน  นาฬิกาของโรงเรียนบอกเวลาแปดโมงเช้า  นักเรียนส่วนใหญ่กำลังเดินขึ้นอาคารเรียน  ปุยฝ้ายและชูครีมเดินมาโรงเรียนอย่างเอื่อยๆ  เธอเจอมนสิชาเข้าพอดี  เห็นเธอยืนสำรวจร่างกายตัวเองและทำหน้าแปลกใจ

              "มาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ  คุณมน  รู้ไหมพวกเราเป็นห่วงแค่ไหน"  ชูครีมเดินปรี่เข้ามา  เธอมองหน้าปุยฝ้ายแล้วก็พุ่งตัวเข้าไปกอดคอกันสามคน  ก่อนกระโดดเป็นวงกลมอีกครั้ง  "ดีใจนะคะที่กลับมาได้  ว่าแต่หายไปไหนมา"

              "ตอนแรกพี่ไปหลบในบ่อน้ำ  แต่ตอนที่กำลังจมน้ำจู่ๆก็ง่วง  พอตื่นขึ้นมาก็อยู่นี่แล้ว"  มนสิชาตอบ

              "คลื่นสมองของคนเราจะหลับฝันแบบที่เราเห็นโรงเรียนอยู่แบบนี้  แต่ก่อนหน้านั้นจะหลับไม่ฝันไม่เห็นอะไรไปพักหนึ่งหรือเรียกว่าหลับตื้น  แล้วเปลี่ยนไปหลับฝันซึ่งเป็นหลับที่ลึกกว่า แต่ว่าพอเกิดการหลับไม่ฝันทุกครั้งร่างกายในฝันก็จะหายไป  ดังนั้นมนก็เลยไม่ตายยังไงล่ะ"  ปุยฝ้ายอธิบาย  ทำตาปรือแล้วเธอก็ร้องออกมาเบาๆอย่างรู้ตัว จากนั้นก็หายตัวไป

              "อ้าว  ปุยฝ้าย"  มนสิชาเรียกหาเพื่อนที่จากไป

              "เป็นแบบนี้แหละค่ะ  เราไปนั่งเล่นหมากรุกกันดีกว่า"     ชูครีมจูงมือเมื่อเห็นปุยฝ้ายหลับไม่ฝันไปอีกคน

              "แล้วไม่ไปเรียนเหรอ"

              "เข้าเรียนเก้าโมงค่ะ"  ชูครีมตอบ

Me.Daisy

รบกวน กดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และคอมเม้นท์ ให้กำลังใจนักเขียนด้วยนะคะ อยากให้เนื้อเรื่องเป็นยังไง ภาษาให้เป็นแบบไหน หรือชอบงานตรงไหน คอมเม้นท์มาได้นะคะ

| ชอบ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมืองนิทรา   บทที่ 5

    ชูครีมวางเครื่องเจาะคอนกรีตลงแล้ววิ่งไปยังจุดเกิดเหตุ ปุยฝ้ายดึงมนสิชาออกมาจากบริเวณนั้นพร้อมๆกับคนอื่น ฝูงอสูรกายติดปีกบินเขามาเหนือกำแพงเมือง แล้วฟาดกำแพงจนถล่มลงมาอีกระลอก พวกมันมีสองขาและสองแขนเหมือนมนุษย์ ลำตัวหนาและสูงใหญ่เกือบสองเมตร ผิวหนังสีดำสนิท กล้ามเนื้อแน่นเป็นมัด ดวงตาสีแดงไร้แสงสะท้อน "สเลฟ*จงออกมา" เสียงตะโกนจากเหล่าอัศวินดังขึ้น ประตูมิติขนาดเล็กเปิดออก มีสัตว์ทยอยกันออกมา สเลฟของ ชูครีมใหญ่กว่าคนหลายเท่า ผิวหนังสากหยาบกระด้าง ดวงตาสีทอง ปากใหญ่นั้นเต็มไปด้วยฟันแหลมคมซี่โต ชูครีมถีบตัวขึ้นไปบนหลังมังกรของเธอ(คำอ่าน Slave นั้น ถ้าเป็นภาษาเขียนจะเขียนว่า สแลฟ หรือสลาฟ แต่พอคนเขียนกดฟังภาษาจากต้นตำรับ เขาออกเสียงว่า สเลฟ ดังนั้นในเรื่องจึงเขียนว่า สเลฟ ทุกคำนะคะ) อสูรกายติดปีกตัวหนึ่งบินเข้ามาปะทะ ชูครีมดึงบังเหียนให้มังกรหลบไปด้านข้าง แต่ช้าไป โดนกระแทกเข้าเต็มแรง มังกรของชูครีมกระเด็นไปหลายเมตร กางปีกก่อนบินขึ้นมาได้อีก เด็กสาวตั้งลำมังกรใหม่ เธอรู้สึกเจ็บแปลบที่แขนขวา เมื่อก้มมองก็แทบห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • เมืองนิทรา   บทที่ 7

    ปริญถือช่อดอกไม้เดินเข้ามาในห้องพิเศษ เขาเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแน่นเพราะเข้าฟิตเนส จมูกเป็นสันเหมือนรูปปั้น ดวงตามีแววลึกซึ้งอย่างคนฉลาด เขาเดินมายังแผนกห้องพิเศษเพื่อตามหามนสิชา พยาบาลสาวๆ แอบร้องกรี๊ดเมื่อเขาเดินตรงมา หัวหน้าพยาบาลมองดูเด็กในปกครองของตัวเองออกอาการคลั่งหนุ่มหล่อจึงอดไม่ได้ที่จะปราม "นี่ๆ มากไปแล้วนะ" พวกเธอแตกฮือกันไปทำหน้าที่ของตน หัวหน้าพยาบาลส่งรอยยิ้มตามมารยาทให้ปริญ "ติดต่อสอบถามหรือคะ" "ครับ ผมกำลังตามหาห้องของมนสิชา ภูริเดโชครับ" "สักครู่นะคะ" เธอเคาะนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ เครือข่ายห้องผู้ป่วยทั่วทั้งโรงพยาบาลประมวลผลหาชื่อนี้ ชั่วครู่รายชื่อก็ปรากฎออกมา "ชั้นเก้า ห้องเก้าศูนย์สามค่ะ" "ขอบคุณมากครับ" เขาเดินจากไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่าทั้งแผนกปั่นป่วนหัวใจขนาดไหน แม้แต่หัวหน้าพยาบาลมาดมืออาชีพเมื่อสักครู่ก็หวั่นไหวกับความหล่อเขาเช่นกัน "ห้องเจ้าหญิงนิทรานี่คะ" พยาบาลสาวคนหนึ่งใจกล้าออกความเห็น "เพิ่งเข้าโรงพยาบาลได้สองวันเอง เดี๋ยวก็ฟื้น" หัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • เมืองนิทรา   บทที่ 8

    เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น ชูครีมจูงมือมนสิชาไปเข้าเรียน ห้องเรียนเป็นห้องเรียนในอุดมคติ มีนักเรียนสิบกว่าคนต่อครูคนเดียว ครูที่นี่หน้าตาเหมือนเด็กมัธยม สิ่งที่แยกพวกเขาได้คือชุดที่สวมเท่านั้น ห้องเรียนประดับไปด้วยสายรุ้งแฟนซีและลูกโป่ง ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มไม่เหมือนกำลังมาเรียนหนังสือแต่มาเล่นสนุกกันมากกว่า "ครูดวงใจคะ วันนี้มีนักเรียนใหม่มาเรียนกับพวกเราด้วยค่ะ" ชูครีมดันหลังมนสิชาให้เดินไปข้างหน้า "มนสิชา ภูริเดโชค่ะ" เธอแนะนำตัว "ยินดีต้อนรับนะ นั่งก่อนสิค่ะ แล้วปุยฝ้ายหายไปไหนอีกแล้ว" ดวงใจเอ่ย เธอดูสนิทกับนักเรียนทุกคน "หลับไม่ฝันค่ะ" ชูครีมตอบสั้นๆ ดูง่วนกับการหาขอบางอย่างในกระเป๋านักเรียน "แต่ก็ช่างเถอะ เพราะวันนี้เราไม่ได้จะเรียนในห้องเรียนกัน" มนสิชามองสายรุ้งประดับอย่างเสียดาย เธอชอบสีสันของมันแท้ๆ "เมื่อวานสวนดอกไม้ส่วนกลางและสวนดอกไม้ของโรงเรียนเราแห้งเหี่ยวไปหมดเลย ครูก็เลยจะพาพวกเราไปจัดการสักหน่อย" นักเรียนในห้องปรบมือกัน มนสิชาไม่คิดว่าพวกเขาจะตบมือเพราะดีใจที่ดอกไม้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • เมืองนิทรา   บทที่ 9

    มนสิชาทำหน้าเป็นกังวล ไม่พอใจ ถอนหายใจ ไม่ยอมพูดกับใครตลอดทั้งวัน ปุยฝ้ายรู้สึกว่าอารมณ์คราวนี้เป็นของจริง จึงไม่กล้าแหย่ หันมามองชูครีมและเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนถาม "เธอเหมาะกว่า" "เธอนั่นแหละ เหมาะกว่า" สองสาวดันอีกคนให้เดินเข้าไป มนสิชาเท้าคางอยู่ในห้อง มองออกไปริมหน้าต่าง ใจลอยจนไม่ได้ยินเพื่อนสาวเลย ปุยฝ้ายดันชูครีม แต่อีกฝ่ายพลิกตัวกลับแล้วดันปุยฝ้ายเข้าไป ชูครีมเผลอใช้แรงมากไปหน่อย ปุยฝ้ายจึงพุ่งถลาเข้าหามนสิชา สีข้างเธอไปโดนขอบโต๊ะเข้าอย่างจัง เธอจึงอยู่ในท่าคุดคู้ กุมสีข้างไว้แน่น "เจ็บนะ" ปุยฝ้ายหันมาทำตาเขียวใส่ "ขอโทษค่ะ" ชูครีมรู้สึกผิด เสียงดังโครมนั่นทำให้มนสิชากลับมาขณะปัจจุบันได้ "แล้วเธอเป็นอะไรไหม ชูครีม" มนสิชาถาม "ไม่ยุติธรรมจริงๆ ฉันเป็นคนที่ล้มนะ" ปุยฝ้ายประท้วง "แหงล่ะ เพราะเธอมันซนนี่" มนสิชาหันหน้าไปอีกทาง ชูครีมทำสัญญาณมือให้ปุยฝ้ายเป็นคนถาม "ก็ได้ๆ ฉันถามเองก็ได้" ปุยฝ้ายรับอย่างรำคาญ ลุก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-26
  • เมืองนิทรา   บทที่ 10

    เครื่องพ่นไฟที่ฝ่ายหัวหน้านักเรียนเอามาแจกมีสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นทรงกระบอกสำหรับปล่อยให้ไฟออกมา มีด้ามจับทำมาจากหนังเทียมกันความร้อน อีกส่วนหนึ่งสามารถสะพายได้ เป็นทรงกลมเอาไว้เก็บแก๊สข้างใน มีชายคนหนึ่งออกมายืนหน้าห้องประชุมเพื่อสาธิตอุปกรณ์ให้ดู "ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเปิดแก๊สตรงนี้" เขาเปิดวาล์วให้ดูด้วยการบิดไปทางขวา "แล้วก็กดไกตรงนี้สำหรับจุดไฟให้ติด ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่หันกระบอกส่งไฟเข้าหน้าตัวเอง เพราะไกค่อนข้างอ่อนทีเดียว มันอาจจุดไฟขึ้นมาโดยบังเอิญได้ เรื่องที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เนื่องจากเพื่อให้พกพาเครื่องได้สะดวก เราเลยออกแบบให้ที่บรรจุแก๊สมีขนาดเล็ก ดังนั้นถ้าเปิดไฟเต็มแรงก็จะใช้เครื่องพ่นไฟได้ราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วคุณก็ต้องกลับมาเติมแก๊สใหม่ที่นี่นะครับ อย่าเพิ่งทำหน้าไม่พอใจครับ ถ้าแก๊สเยอะไป คุณก็จะหลบตั๊กแตนตำข้าวไม่สะดวกนะครับ เพราะงั้นเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว สัญญาณไฟสีแดงจะขึ้นตรงที่บรรจุแก๊ส ถ้าเหลือแก๊สให้ใช้อีกไม่เกินสิบห้านาทีนะครับ ถ้าผมเป็นคุณผมจะรีบวิ่งกลับมาที่โรงเรียน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-28
  • เมืองนิทรา   บทที่ 11

    ฝูงตั๊กแตนตำข้าวถูกนำไปแลกเงินได้มากพอจะซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนได้อีกแห่งหนึ่ง แต่เทพทัตแบ่งเงินให้กับนักเรียนและอีกส่วนหนึ่งเขาก็เอามาทำให้มีวันนี้ นักเรียนทิศเหนือมารวมตัวที่สนามฟุตบอล โต๊ะยาวหลายตัวนำมาเรียงตัวกันเพื่อวางอาหารน่ากินหลายอย่าง มีพระเอกของงานเป็นเค้กครีมสดขนาดยักษ์ เขาจัดเวทีสำหรับมินิคอนเสิร์ตให้นักดนตรีและนักร้องอาชีพ แม้จะอยู่ในคราบนักเรียนมัธยมปลาย แต่พวกเขาก็ทำงานในระดับมืออาชีพกันมาก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา นักเรียนโรงเรียนทิศเหนือจับกลุ่มคุยเป็นกลุ่มๆไป มนสิชามองชุดนักเรียนอย่างเบื่อหน่าย เธอคิดว่าพวกเขาควรงดเว้นไม่ใส่ชุดนี้มาบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่านี้ เธอดึงเก้าอี้หน้าเวทีออกมาแล้วนั่งไขว่ห้างเท้าคาง ชูครีมเดินวนอยู่ที่ซุ่มของกินกับเพื่อนอัศวิน ส่วนปุยฝ้ายคุยฟุ้งได้กับทุกคน นักดนตรีหันมาเล่นดนตรีแนวแอบรัก มีนักเรียนชายตัดผมรองทรงต่ำ เดินเข้ามาหามนสิชา เขาดูเป็นนักเรี๊ยนนักเรียนในสายตาของหญิงสาว เด็กหนุ่มยิ้มเอียงอายให้หล่อนก่อนเอ่ย "มีคนนั่งตรงนี้ไหมครับ" เขาหมายถึงเก้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-31
  • เมืองนิทรา   บทที่ 12

    "เดี๋ยวชูครีมจัดการด้านบนเองค่ะ" ชูครีมเอ่ยกับพรรคพวกขณะขี่บลูฮาร์ท ไม่ไกลนักอัศวินคนหนึ่งกำลังขี่เทอราโนดอน นกไดโนเสาร์ยักษ์ผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราด มันร้องเสียงดังแล้วบินเข้าโจมตีเหยี่ยวยักษ์ที่ตัวพอๆกับมัน ที่เหลือจึงเริ่มหันเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น หลายตัวพุ่งลงใส่คน จากนั้นเมื่อคนกระโดดหมอบ พวกมันจึงเชิดหัวขึ้นแล้วชนเข้ากับกองอาหารบนโต๊ะ เสียงดังโครม อาหารกระจายเต็มพื้น ผู้คนหวีดร้อง วิ่งหนีเข้าไปในโรงยิม นกเหยี่ยวยักษ์บินฉวัดเฉวียนเหนือพวกเขา มันบินลงมาคาบมนุษย์แล้วปล่อยให้ตกลงมาจากท้องฟ้า บางคนโดนเด็ดหัว เลือดไหลจากคอเหมือนน้ำก๊อก "ใหญ่ ไม่นะใหญ่" เสียงเพื่อนหญิงของศพไร้หัวร้อง ศพเกิดไฟลุกท่วมแล้วสลายไป ไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี "เขาแค่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง เข้าไปหลบในโรงยิมก่อนเถอะค่ะ" ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่า นกเหยี่ยวยักษ์ยังบินเหนือท้องฟ้าไม่เลิก แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะยอมลุกไปไหน "ถ้าคุณต้องตายแล้วลืมว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็จะต้องแยกจากกั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-02
  • เมืองนิทรา   บทที่ 13

    ผ้าม่านถูกเปิดกว้าง ทำให้แสงสว่างสาดเข้ามาได้เต็มที่โดยไม่ต้องอาศัยหลอดไฟ เทพทัตนั่งรอสามสาวอย่างสบายใจ เขายกน้ำมะตูมขึ้นดื่ม และพบว่ารสของมันหวานอมขม เขาเป็นพวกพลังไม่เข้มแข็งเช่นกัน แต่อยู่ในจุดที่ไม่ต้องออกแรงเอง จึงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ ปุยฝ้ายเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เทพทัตตกใจจนสำลักน้ำมะตูม ไอจนหน้าแดงแล้วกลับมาวางมาดนิ่งตามปกติ ชูครีมมองสำรวจหัวหน้านักเรียนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เธอเองก็เกรงใจเขาเช่นกัน "เคาะประตูก่อนสิ ปุยฝ้าย" มนสิชาเป็นคนตำหนิเธอ "แหะๆ ขอโทษทีค่ะ หวังว่าคุณเทพทัตจะไม่เป็นอะไรนะคะ" ปุยฝ้ายยิ้มฝืดฝืน หน้าตาเกร็งไปหมด "ไม่เป็นไรครับ เชิญเด็กๆ เอ๊ย พวกคุณนั่งกันก่อนเลย" เทพทัตผายมือให้นั่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลานาน ดูเหมือนเทพทัตจะมีเรื่องบางอย่างในใจ ทำให้เขาไม่พูดอะไรเลย "คุณเทพทัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" มนสิชาตัดสินใจถาม "ครับ ขอโทษที ผมมีเรื่องอะไรต้องคิดเยอะ ปัญหาไม่ใช่น้อยๆเลย" เขาทำท่าเหมือนอยากระบาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07

บทล่าสุด

  • เมืองนิทรา   บทที่ 18

    ชูครีมและปุยฝ้ายเดินไปย่านร้านค้า เวลานั้นเป็นช่วงสายของวันหยุด มีร้านกาแฟโบราณเปิดอยู่ ไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าที่นี่อีกแล้ว โต๊ะในร้านให้บริการคนในท้องถิ่นมานั่งคุยกัน เจ้าของร้านชงกาแฟแบบโบราณ รสชาติที่ทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะในโลกแห่งความเป็นจริงหรือโลกแห่งความฝัน พวกเขาไม่ได้ติดใจเพียงรสชาติ แต่ยังติดใจบรรยากาศการนั่งคุยฉันมิตรด้วย เด็กหนุ่มทั้งหมดสวมชุดนักเรียนมานั่งดื่มชาร้อนกันกว่าหกคน ชูครีมและปุยฝ้ายเลือกที่นั่งริมๆโต๊ะ แล้วสังเกตุการพูดคุยของพวกเขา แหล่งข่าวชั้นเยี่ยมก็คือสถานที่ๆ มีคนนั่งเม้าท์กันอย่างไม่ระวังนี่แหละ "ได้ยินมาว่าที่ทิศตะวันตกมีกบฏด้วยนะ" ชายคนหนึ่งเอ่ย สามสาวยังไม่ได้หันไปมองว่าใครพูด จึงไม่เห็นว่าเป็นใคร "แล้วปฏิวัติสำเร็จหรือเปล่าล่ะ" "ไม่เลย แถมคุณสุกฤตยังไม่เอาเรื่องด้วยนะ" คนที่เล่าตอบ "ไม่มีใครตาย แต่คนเจ็บเยอะอยู่" มนสิชาเงี่ยหูฟังเต็มที่ ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ดาวเหนือปลอดภัย "หัวหน้าทิศตะวันออกน่ะนะ" เด็กหนุ่มผมสีอ่อนเอ่ยเสียงเบาลง คนท

  • เมืองนิทรา   บทที่ 17

    "นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วนะ แต่เรายังหามนไม่เจอเลย" ปุยฝ้ายบ่นอย่างเซ็งๆ เธอโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำแก้เบื่อ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่สวนดอกไม้ของส่วนกลาง ที่ลับของพวกเธอสามคน ดอกไม้กลับมาบานสดใสเหมือนเดิม สีขาว สีแดง และสีเหลืองตัดกันสุดลูกหูลูกตา "ชูครีมว่าคงมีใครช่วยเธอไว้ค่ะ" ชูครีมตอบ นั่งยืดขาจนสุดบนพื้นหญ้าแสนนิ่ม "พวกเราไปทิศตะวันออกกันเลยไหมคะ ไม่แน่ว่าอาจเจอคุณมนที่นั่น" "แต่ว่า" ปุยฝ้ายคัดค้าน สีหน้าเป็นกังวล "การเอาใจคุณมนที่ดีที่สุด ก็คือการเข้าใกล้ทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะคะ" ชูครีมให้ความเห็น "ชูครีมเชื่อว่าคุณมนต้องเข้าใจคุณปุยฝ้ายแน่ๆค่ะ" "แล้วคราวนี้เราจะสืบยังไงดีล่ะ" ปุยฝ้ายถาม สมองเค้นคิดทางออกอย่างหนัก ชูครีมเองก็คิดทางออกอย่างวกวน ไม่มีคำตอบหลุดออกจากปากเธอ "เราไปถามหัวหน้านักเรียนตรงๆเลยดีไหม" ปุยฝ้ายเสนอ "หา ถามคุณกิ่งฟ้านี่นะ" ชูครีมแปลกใจ "ถามแล้วก็ดูปฏิกิริยาของเธอ ถ้าเธอทำ ต้องแสดงอาการอะไรออกมาแน่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 16

    คทาเป็นชายอายุหกสิบปี ผมหงอกหมดทั้งหัว ผิวขาว ดูสะอาดสะอ้าน เขาเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทิ้งลูกสาวสองคนให้เขาดูแลตามลำพัง คนโตคือมนสิชาและคนเล็กคือกุมภา มนสิชาไม่เคยมีเรื่องให้เขาลำบากใจเพราะเธอตั้งใจเรียนและช่วยเขาทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ จะมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างก็ตรงที่เธอมีผู้ชายมาชอบเยอะ ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีชายแก่ร่ำรวยมากมายเข้ามาเสนอช่วยออก ค่าเทอมให้ ส่วนน้องคนเล็กนั้นแทบจะตรงข้าม เพราะเธอหน้าตาไม่รับแขก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ดังนั้นคนส่วนใหญ่รอบตัวเธอจึงมีแต่คนไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเรทำให้เขาต้องเป็นห่วง เขาเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดทุกคน ไม่อยากให้ใครโตขึ้นมาแบบไม่เอาจริงเอาจัง ทั้งดุจนร้องไห้แล้วค่อยปลอบทีหลังก็เคยมาแล้ว เขารู้ว่าลูกๆไม่เคยเกลียดเขา เพราะทุกครั้งที่ดุที่จะบอกเหตุผลทุกครั้ง คทาเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบพูดในสิ่งที่คิด ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนได้รับอิทธิพลเรื่องการพูดตรงจากเขาไปไม่น้อย แรกๆคนไม่ค่อยพอใจที่เขาพูดตรงๆ แต่คนที่รับได้

  • เมืองนิทรา   บทที่ 15

    พวกเขาเดินเข้ามาในเขตโรงเรียนทิศตะวันตกได้สักพักแล้ว ไม่เจอนักเรียนเลยสักคน ทั้งที่เจอเมืองเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ไม่มีย่านชุมชน แต่สร้างหอนอนไว้ในโรงเรียน ตัวอาคารเรียนทาสีแดงดำเหมือนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นโรงเรียน "เอาไงดีอ่ะ" มนสิชาหันมาถามเพื่อนๆ "ลองขึ้นไปดูในห้องเรียนก่อนดีไหมคะ อาจจะมีห้องพักครูหรืออะไรแบบนั้น" ชูครีมเสนอ "ตามฉันมาเลย" ปุยฝ้ายร้องแล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคาร เธอไม่เจอห้องพักครูหรือสำนักงานอะไรเลย จนกระทั่งเข้ามาเจอห้องว่างห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วเจอบันไดให้เดินลงไปอีกครึ่งชั้น มีโคมไฟประดับอยู่ตามผนังห้องที่ทำสีดำสลับกับแดงเหมือนข้างนอก มีโต๊ะตัวเตี้ยๆกับเก้าอี้ให้นั่ง บาร์สำหรับชงเครื่องดื่ม และเวทีเล็กๆที่พอให้วางเครื่องดนตรี "นี่มันผับนี่นา" มนสิชาร้อง มีนักเรียนกำลังทำความสะอาดอยู่พอดี เขาหันมาทางพวกเธอทั้งสามคน ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ "มาใหม่เหรอครับ" เขาถาม "เอ่อ ใช่ค่ะ แล้วที่นี่ไม่มีห้องเรียนเหรอคะ" ชูครีมถามตรงๆ "มีสิคร

  • เมืองนิทรา   บทที่ 14

    ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีมอนสเตอร์ออกมาให้ปราบสองครั้ง นักเรียนคลาสเอสเดินกลับห้องเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ พวกอัศวินชั้นหนึ่งเดินนำหน้าพร้อมกับคุยกันเสียงดัง อัศวินชั้นสองเดินตามมาอย่างหงอยๆ "ชูครีมนี่สุดยอดไปเลยนะ เธอบังคับสเลฟแบบนั้นได้ยังไง บลูฮาร์ทนี่เชื่องสุดๆไปเลย" ใบเฟิร์นชมเปาะ "ตอนอยู่ทิศเหนือ บอกมาเถอะว่าเธอเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า" "เปล่าคะ ชูครีมไม่ได้เก่งถึงขนาดนั้น ถามคุณมนดูก็ได้" ชูครีมโยนให้เพื่อนสาวที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ไม่มีใครอยากรู้เรื่องจากปากมนสิชา จึงเงียบเสียงลง หญิงสาวอ้าปากเก้อ รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้น ก่อนก้มลงมองหนังสือในมือ "เดี๋ยวหลังเลิกเรียน เราจะจัดปาร์ตี้ฉลอง ชูครีมก็มากับพวกเราด้วยสิ" อัศวินชั้นหนึ่งอีกคนเดินเข้ามา "ถ้าคุณมนไป.." ชูครีมเอ่ยไม่ทันจบใบเฟิร์นก็แทรก "พวกเราอัศวินชั้นหนึ่งจองห้องจัดเลี้ยงได้เป็นพิเศษ ยังไงก็ไปกันเถอะนะ" คนเดิมเอ่ย มนสิชาพยักหน้าให้ชูครีมเข้าร่วม "ก็..ได้ค่ะ" หล

  • เมืองนิทรา   บทที่ 13

    ผ้าม่านถูกเปิดกว้าง ทำให้แสงสว่างสาดเข้ามาได้เต็มที่โดยไม่ต้องอาศัยหลอดไฟ เทพทัตนั่งรอสามสาวอย่างสบายใจ เขายกน้ำมะตูมขึ้นดื่ม และพบว่ารสของมันหวานอมขม เขาเป็นพวกพลังไม่เข้มแข็งเช่นกัน แต่อยู่ในจุดที่ไม่ต้องออกแรงเอง จึงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ ปุยฝ้ายเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เทพทัตตกใจจนสำลักน้ำมะตูม ไอจนหน้าแดงแล้วกลับมาวางมาดนิ่งตามปกติ ชูครีมมองสำรวจหัวหน้านักเรียนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เธอเองก็เกรงใจเขาเช่นกัน "เคาะประตูก่อนสิ ปุยฝ้าย" มนสิชาเป็นคนตำหนิเธอ "แหะๆ ขอโทษทีค่ะ หวังว่าคุณเทพทัตจะไม่เป็นอะไรนะคะ" ปุยฝ้ายยิ้มฝืดฝืน หน้าตาเกร็งไปหมด "ไม่เป็นไรครับ เชิญเด็กๆ เอ๊ย พวกคุณนั่งกันก่อนเลย" เทพทัตผายมือให้นั่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลานาน ดูเหมือนเทพทัตจะมีเรื่องบางอย่างในใจ ทำให้เขาไม่พูดอะไรเลย "คุณเทพทัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" มนสิชาตัดสินใจถาม "ครับ ขอโทษที ผมมีเรื่องอะไรต้องคิดเยอะ ปัญหาไม่ใช่น้อยๆเลย" เขาทำท่าเหมือนอยากระบาย

  • เมืองนิทรา   บทที่ 12

    "เดี๋ยวชูครีมจัดการด้านบนเองค่ะ" ชูครีมเอ่ยกับพรรคพวกขณะขี่บลูฮาร์ท ไม่ไกลนักอัศวินคนหนึ่งกำลังขี่เทอราโนดอน นกไดโนเสาร์ยักษ์ผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราด มันร้องเสียงดังแล้วบินเข้าโจมตีเหยี่ยวยักษ์ที่ตัวพอๆกับมัน ที่เหลือจึงเริ่มหันเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น หลายตัวพุ่งลงใส่คน จากนั้นเมื่อคนกระโดดหมอบ พวกมันจึงเชิดหัวขึ้นแล้วชนเข้ากับกองอาหารบนโต๊ะ เสียงดังโครม อาหารกระจายเต็มพื้น ผู้คนหวีดร้อง วิ่งหนีเข้าไปในโรงยิม นกเหยี่ยวยักษ์บินฉวัดเฉวียนเหนือพวกเขา มันบินลงมาคาบมนุษย์แล้วปล่อยให้ตกลงมาจากท้องฟ้า บางคนโดนเด็ดหัว เลือดไหลจากคอเหมือนน้ำก๊อก "ใหญ่ ไม่นะใหญ่" เสียงเพื่อนหญิงของศพไร้หัวร้อง ศพเกิดไฟลุกท่วมแล้วสลายไป ไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี "เขาแค่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง เข้าไปหลบในโรงยิมก่อนเถอะค่ะ" ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่า นกเหยี่ยวยักษ์ยังบินเหนือท้องฟ้าไม่เลิก แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะยอมลุกไปไหน "ถ้าคุณต้องตายแล้วลืมว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็จะต้องแยกจากกั

  • เมืองนิทรา   บทที่ 11

    ฝูงตั๊กแตนตำข้าวถูกนำไปแลกเงินได้มากพอจะซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนได้อีกแห่งหนึ่ง แต่เทพทัตแบ่งเงินให้กับนักเรียนและอีกส่วนหนึ่งเขาก็เอามาทำให้มีวันนี้ นักเรียนทิศเหนือมารวมตัวที่สนามฟุตบอล โต๊ะยาวหลายตัวนำมาเรียงตัวกันเพื่อวางอาหารน่ากินหลายอย่าง มีพระเอกของงานเป็นเค้กครีมสดขนาดยักษ์ เขาจัดเวทีสำหรับมินิคอนเสิร์ตให้นักดนตรีและนักร้องอาชีพ แม้จะอยู่ในคราบนักเรียนมัธยมปลาย แต่พวกเขาก็ทำงานในระดับมืออาชีพกันมาก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา นักเรียนโรงเรียนทิศเหนือจับกลุ่มคุยเป็นกลุ่มๆไป มนสิชามองชุดนักเรียนอย่างเบื่อหน่าย เธอคิดว่าพวกเขาควรงดเว้นไม่ใส่ชุดนี้มาบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่านี้ เธอดึงเก้าอี้หน้าเวทีออกมาแล้วนั่งไขว่ห้างเท้าคาง ชูครีมเดินวนอยู่ที่ซุ่มของกินกับเพื่อนอัศวิน ส่วนปุยฝ้ายคุยฟุ้งได้กับทุกคน นักดนตรีหันมาเล่นดนตรีแนวแอบรัก มีนักเรียนชายตัดผมรองทรงต่ำ เดินเข้ามาหามนสิชา เขาดูเป็นนักเรี๊ยนนักเรียนในสายตาของหญิงสาว เด็กหนุ่มยิ้มเอียงอายให้หล่อนก่อนเอ่ย "มีคนนั่งตรงนี้ไหมครับ" เขาหมายถึงเก้า

  • เมืองนิทรา   บทที่ 10

    เครื่องพ่นไฟที่ฝ่ายหัวหน้านักเรียนเอามาแจกมีสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นทรงกระบอกสำหรับปล่อยให้ไฟออกมา มีด้ามจับทำมาจากหนังเทียมกันความร้อน อีกส่วนหนึ่งสามารถสะพายได้ เป็นทรงกลมเอาไว้เก็บแก๊สข้างใน มีชายคนหนึ่งออกมายืนหน้าห้องประชุมเพื่อสาธิตอุปกรณ์ให้ดู "ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเปิดแก๊สตรงนี้" เขาเปิดวาล์วให้ดูด้วยการบิดไปทางขวา "แล้วก็กดไกตรงนี้สำหรับจุดไฟให้ติด ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่หันกระบอกส่งไฟเข้าหน้าตัวเอง เพราะไกค่อนข้างอ่อนทีเดียว มันอาจจุดไฟขึ้นมาโดยบังเอิญได้ เรื่องที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เนื่องจากเพื่อให้พกพาเครื่องได้สะดวก เราเลยออกแบบให้ที่บรรจุแก๊สมีขนาดเล็ก ดังนั้นถ้าเปิดไฟเต็มแรงก็จะใช้เครื่องพ่นไฟได้ราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วคุณก็ต้องกลับมาเติมแก๊สใหม่ที่นี่นะครับ อย่าเพิ่งทำหน้าไม่พอใจครับ ถ้าแก๊สเยอะไป คุณก็จะหลบตั๊กแตนตำข้าวไม่สะดวกนะครับ เพราะงั้นเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว สัญญาณไฟสีแดงจะขึ้นตรงที่บรรจุแก๊ส ถ้าเหลือแก๊สให้ใช้อีกไม่เกินสิบห้านาทีนะครับ ถ้าผมเป็นคุณผมจะรีบวิ่งกลับมาที่โรงเรียน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status