Share

บทที่ 12

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2025-01-02 08:05:23

              "เดี๋ยวชูครีมจัดการด้านบนเองค่ะ"  ชูครีมเอ่ยกับพรรคพวกขณะขี่บลูฮาร์ท

              ไม่ไกลนักอัศวินคนหนึ่งกำลังขี่เทอราโนดอน  นกไดโนเสาร์ยักษ์ผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราด  มันร้องเสียงดังแล้วบินเข้าโจมตีเหยี่ยวยักษ์ที่ตัวพอๆกับมัน  ที่เหลือจึงเริ่มหันเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น  หลายตัวพุ่งลงใส่คน  จากนั้นเมื่อคนกระโดดหมอบ  พวกมันจึงเชิดหัวขึ้นแล้วชนเข้ากับกองอาหารบนโต๊ะ  เสียงดังโครม  อาหารกระจายเต็มพื้น 

              ผู้คนหวีดร้อง  วิ่งหนีเข้าไปในโรงยิม  นกเหยี่ยวยักษ์บินฉวัดเฉวียนเหนือพวกเขา  มันบินลงมาคาบมนุษย์แล้วปล่อยให้ตกลงมาจากท้องฟ้า  บางคนโดนเด็ดหัว  เลือดไหลจากคอเหมือนน้ำก๊อก

              "ใหญ่  ไม่นะใหญ่"

              เสียงเพื่อนหญิงของศพไร้หัวร้อง  ศพเกิดไฟลุกท่วมแล้วสลายไป  ไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี

              "เขาแค่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง  เข้าไปหลบในโรงยิมก่อนเถอะค่ะ"  ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร้อนรน  เมื่อเห็นว่า นกเหยี่ยวยักษ์ยังบินเหนือท้องฟ้าไม่เลิก  แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะยอมลุกไปไหน  "ถ้าคุณต้องตายแล้วลืมว่าเคยรู้จักกัน  ทีนี้ก็จะต้องแยกจากกันถาวรเลยนะคะ"

              ดูเหมือนเหตุผลนั้นจะปักเข้ากลางใจหล่อน  เธอจึงปาดน้ำตาแล้ววิ่งเข้าโรงยิมกับปุยฝ้าย  ระหว่างที่วิ่งไปนั่นเอง  ปุยฝ้ายโดนคาบขาขึ้นแล้วลอยขึ้นเหนืออากาศ  เด็กสาวประสานมือ      ยกตัวขึ้น  แล้วทุบคอนกยักษ์  มันจึงอ้าปากออกแล้วปล่อยเธอร่วงลงมา  เธอจุกจนร้องไม่ออก  แต่รีบลุกขึ้นแล้วเดินเขย่งเข้าโรงยิมไป

              เทพทัตสำรวจคนรอดชีวิตอย่างใจเย็น  เขารู้ว่าคนที่ตายไม่ได้ตายไปจริงๆ  และตอนนี้อัศวินที่แข็งแกร่งกำลังทำหน้าที่ของตัวเอง  แต่จะต้านไว้ได้นานแค่ไหนไม่มีใครรู้  เมืองทั้งเมืองตกอยู่ใต้อำนาจของมอนสเตอร์อีกครั้ง

              "ฟังทางนี้หน่อยครับ"  เทพทัตยืนขึ้นเหนือเก้าอี้แล้วเอ่ยเสียงดังกับนักเรียนในปกครองของเขาทั้งหมด  "ผมคิดว่าตอนนี้เรากำลังอยู่ในภาวะวิกฤต  อัศวินที่พอจะสู้ได้กับฝูงเหยี่ยวยักษ์มีแต่อัศวินชั้นหนึ่งเท่านั้น  ผมอยากให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรกับสถานการณ์ตอนนี้ดี"

              "ไม่มีทางที่เราจะสู้กับเหยี่ยวตัวใหญ่ขนาดนั้นได้  พวกเราบินไม่ได้  แถมมันยังโจมตีพวกเราไม่เลือกหน้าอีก"  ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น 

              "ฉันเห็นด้วย  คุณเทพทัตควรเอากำลังมาคุ้มกันพวกเรา  ให้เราหนีออกจากโรงเรียนทิศเหนือได้อย่างปลอดภัย"  นักเรียนหญิงคนหนึ่งเอ่ยบ้าง  ตอนนี้มวลชนเห็นด้วยกับความคิดที่จะอพยพออกจากทิศเหนือ

              "กำลังเรามีน้อยมาก  เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะหนีออกจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย"  เทพทัตเอ่ยตามจริง  "ผมอยากให้เรารวมพลังเหมือนตอนที่สู้กับตั๊กแตน  แล้วเราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้      พวกคุณคิดจะทิ้งบ้านและทรัพย์สมบัติที่อุตส่าห์สร้างมาจริงๆเหรอครับ  ถ้าไปโรงเรียนอื่นก็ต้องเริ่มต้นใหม่  แถมแต่ละทิศก็มีวิถีชีวิตที่ไม่เหมือนกันด้วย"

              เสียงเริ่มแตกออกเป็นสองพวก  พวกที่คิดจะอยู่ต่อและพวกที่คิดจะหนีไปตายเอาดาบหน้า

              "แล้วถ้าเราร่วมมือกัน  เราจะเอาอะไรไปสู้กับพวกนกยักษ์นั่น"  ชายคนหนึ่งยกมือขึ้นถาม

              "เป็นคำถามที่ดีมากครับ"  เทพทัตชม  "ผมถึงอยากปรึกษาทุกคนในห้องนี้พร้อมกัน"

              "ไม่ไหวหรอก  ขนาดหัวหน้านักเรียนยังไม่รู้  แล้วพวกเราจะไปรู้ได้ไง"  นักเรียนคนหนึ่งเอ่ย  "ผมจะไปจากที่นี่  ใครจะไปกับผมก็ตามมาเลย"

              เขาลุกขึ้นยืน  มีนักเรียนอีกกว่าห้าสิบคนลุกขึ้นพร้อมกัน  เทพทัตทำสีหน้าเป็นกังวล

              "เดี๋ยวก่อนครับ  อย่างน้อยก็รอให้เหยี่ยวยักษ์มันหายไปจากเขตโรงเรียนก่อนดีกว่า  ไม่อย่างนั้นพวกคุณอาจจะไม่รอด"  เทพทัตขอร้อง

              "เพราะคุณกลัวว่าถ้าพวกเราออกไปจากทิศเหนือแล้ว 

คุณจะไม่ได้เป็นประธานนักเรียนใช่ไหม"  ชายคนหนึ่งเอ่ย   เสียงวิพากย์วิจารณ์ดังขึ้นระงม  เมื่อคิดว่าเทพทัตอาจจะไม่ได้หวังดีกับพวกเขาจากใจจริง

              "ไม่ใช่นะครับ  ทุกคนใจเย็นๆก่อน"  เทพทัตอับจนถ้อยคำ 

              "พวกเราไปกันเถอะ"  หัวโจกเมื่อสักครู่เอ่ยขึ้น

              กลุ่มนักเรียนที่อยากออกจากเมืองเดินไปรวมตัวกันตรงทางเข้า  แล้วก็วิ่งออกไปจากโรงเรียน  เป็นไปตามคาดเมื่อมีเหยื่อแสนเชื่องช้าออกไป  นักล่าจึงจู่โจมทันที  จำนวนคนห้าสิบคนเหลือชีวิตรอดเพียงยี่สิบคนเท่านั้น  คนตายกลายเป็นลูกไฟแล้วสลายไป  พวกเขาไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลาง

              "ที่นี่เราก็มาคุยเรื่องวิธีจัดการเหยี่ยวกันบ้างเถอะครับ"  เทพทัตเอ่ยกับคนที่เหลือ  "นกเหยี่ยวเป็นนกที่บินเร็วที่สุด  และสายตาดีมาก  แถมพวกมันก็ตัวโตพอๆกับพวกเรา  ดังนั้นถ้าจะสู้กันตัวต่อตัวคงจะไม่ไหว"

              "สเลฟของเราก็อาจจะกลายเป็นอาหารของพวกมันด้วยค่ะ"  เด็กสาวคนหนึ่งแสดงความเห็น

              ปุยฝ้ายยกมือขึ้นเสนอความเห็น  คนที่เหลือเห็นด้วยกับความเห็นเธอ  พวกเขาจึงเตรียมอาวุธและเริ่มปฏิบัติการในแทบจะทันที  เทพทัตจดจำปุยฝ้ายในฐานะนักวางแผน  เขาประทับใจในตัวเธอจนคิดจะชวนเธอมาช่วยงาน

              ฟ้าลั่นออกไปวิ่งเล่นในสนามฟุตบอล  เหยี่ยวยักษ์หลายตัวเกาะระเบียงอาคารเรียนมองดูมันตาเป็นมัน  ม้าคลั่งของมนสิชาร้องเสียงดังประกาศศักดิ์ดา  มอสเตอร์ตัวหนึ่งจึงบินออกจากที่เกาะแล้วมุ่งหน้าไปที่ฟ้าลั่น  นกยักษ์บินลงมาเหนือม้า  มันเตรียมฉก  แต่แล้วสนามหญ้าก็มีการเคลื่อนไหว  มีคนวิ่งออกมาจากผ้าใบสีเขียว  พวกเขาเอาหอกแทงนกแล้วกดช็อตไฟฟ้า  มันล้มลงตายต่อหน้าต่อตาทุกคน  เหยี่ยวตัวอื่นบินขึ้นเหนือน่านฟ้า  อัศวินวิ่งเข้าไปแอบใต้ร่มผ้าอีกครั้ง 

              เหยี่ยวยักษ์ฝูงใหญ่บินตามมา  แล้วรุมทึ้งฟ้าลั่น  ม้าลอยสูงขึ้นไปในอากาศ  มนสิชาร้องลั่น

              "ไม่นะ  ฟ้าลั่น" 

              มันถูกปล่อยให้ตกลงมา  ฟ้าลั่นดิ้นอยู่บนท้องฟ้า  กำลังจะเอาหลังลง  เหล่านักเรียนมองอย่างหมดหวัง  แล้วจู่ๆปีกของฟ้าลั่นก็งอกออกมา  เป็นปีกสีชาขับกับขนสีดำให้ยิ่งดำสนิท  มันบินขึ้นเผชิญหน้ากับเหยี่ยวแล้วใช้ขาคู่หลังเตะเข้าที่หน้าอกเหยี่ยว  นกยักษ์ร้องอย่างเจ็บปวดแล้วตกลงจากท้องฟ้า

              มนสิชาขึ้นขี่บนหลังสเลฟของเธอ  พร้อมกับอัศวินชั้นหนึ่งอีกสองคน  พวกเธอใช้หอกเสียบนกยักษ์ทีละตัวพร้อมช็อตไฟฟ้า  นกปีศาจตกจากอากาศลงมาตายเกลื่อน  ส่วนบางตัวที่ไม่ตายก็โดนอัศวินบนพื้นดินช่วยปาดคอจนหมดลม  ในตอนนี้โรงเรียนทิศเหนือปลอดภัยจากมอนสเตอร์แล้ว  นักเรียนทุกคนโห่ร้องอย่างดีใจ  ชื่อของมนสิชาเป็นที่รู้จักไปทั่ว

              เสียงเพลงทวิงเกิ้ล ทวิงเกิ้ล ลิตเติ้ล สตาร์ดังขึ้นหลังจากนั้นสองวัน  นักเรียนทั้งหมดเดินทางไปยังหอประชุม  ไม่มีใครรู้ว่าเรื่องที่จะประชุมเป็นเรื่องอะไร  จนกระทั่งหัวหน้านักเรียนทั้งสี่คนประจำตำแหน่ง

              "ผมเทพทัต  หัวหน้านักเรียนทิศเหนือเป็นคนเรียกประชุมในวันนี้ครับ"  เขาแนะนำตัวอย่างสุภาพ  ไม่มีท่าทีตื่นเวทีแต่อย่างใด  "เมื่องสามวันก่อนเราโดนฝูงตั๊กแตนตำข้าวโจมตี  แล้วตามด้วยนกเหยี่ยวยักษ์  มีนักเรียนตายและอพยพลี้ภัยหลายสิบคน    ซึ่งปกติแล้วเมื่อมอนสเตอร์โจมตี  เขาจะเว้นระยะไปอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์  แต่นี่กลับโจมตีเราในเวลาอันสั้นเท่านั้น  ผมคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีเบื้องหลังอย่างแน่นอน"

              "ถ้าท่านคิดว่าเรื่องนี้สมควรหารือกันกดใช่  ถ้าคิดว่าไม่สมควรกดไม่ครับ"  สุเมธรีบสรุป  ไม่อยากให้เทพทัตดูน่าสงสาร  เพราะใกล้วันเลือกตั้งขึ้นมาทุกที  แววตาเจ้าเล่ห์นั้นส่อแววพอใจเมื่อเห็นเทพทัตอารมณ์เสียที่ถูกขัดจังหวะ

              จอมอนิเตอร์ทำงานนับโหวตจากนักเรียนกว่าพันคน  และสรุปผลออกมา

              "ผลโหวตบอกว่าสมควรหารือ  เชิญคุณเทพทัตต่อเลยครับ"  สุเมธเอ่ย  เขาทำเสียงจุ๊ในลำคอ  แต่เพราะไมค์ปิดอยู่  จึงไม่มีใครได้ยินนอกจากบรรดาหัวหน้านักเรียนที่นั่งอยู่ใกล้ๆกัน

              "เราเจอตาข่ายขนาดใหญ่ที่มีขนนกสีดำติดอยู่  ซึ่งเป็นขนนกชนิดเดียวกันกับเหยี่ยวที่มาโจมตีเรา"  เทพทัตโชว์รูปถ่ายขนนกและซากนกผ่านทางจอมอนิเตอร์  "แถมนกยังบินมาจากทิศอื่นที่ไม่ใช่ทิศเหนือซึ่งเป็นประตูมิติ"

              เสียงคุยเซ็งแซ่ดังขึ้น  เมื่อหลักฐานชี้ชัดว่ามีคนไม่หวังดีจริงๆ

              "จากการสันนิษฐานของเรา  คิดว่าเรื่องจูงใจน่าจะมาจากการเลือกตั้งประธานนักเรียนที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้  ผมอยากให้นักเรียนทุกคนแจ้งเบาะแสมาที่เรา  แล้วเราจะให้รางวัลอย่างงามครับ"  เทพทัตเอ่ยก่อนปิดไมค์ตัวเอง

              "ขอคัดค้านครับ"  สุกฤตเอ่ยขึ้น  "การพูดเช่นนี้ไม่หมายความว่าเราในสามทิศที่เหลือเป็นคนร้ายหรือครับ  อาจเป็นการสร้างสถานการณ์ของตัวทิศเหนือเอง  หรือคนที่ไม่พอใจทิศเหนือก็ได้ครับ"

              "เห็นด้วยค่ะ"  กิ่งฟ้าเอ่ยบ้าง  "นอกจากเหตุจูงใจยังไม่แน่ชัดแล้ว  สถานการณ์ที่ร้ายแรงได้ก็เป็นเพราะทิศเหนือไม่มีการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ดีพอค่ะ"

              เทพทัตยังสงบนิ่งไม่โต้เถียง  แถมยังมองดูหัวหน้าทิศอื่นกล่าวหาเขาได้เป็นเวลานาน

              "ผมคงไม่ได้ข้อสรุปอะไรในวันนี้  แต่นักเรียนที่มีเบาะแสจะได้รับรางวัลอย่างงามแน่นอน  วันนี้ขอปิดประชุมเท่านี้  ขอบคุณครับ"  เทพทัตเอ่ยสรุปพร้อมปิดประชุม

              บรรดานักเรียนเดินออกจากหอประชุมเหมือนอย่างทุกที  ต่างไปจากปกติตรงที่ทุกคนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้อย่างออกรส  ไม่เว้นแม้แต่ปุยฝ้าย

              "ฉันเชื่อคุณเทพทัตนะว่าน่าจะเกิดเพราะการเลือกตั้ง  แล้วคนอื่นก็ดูร้อนตัวมากด้วย  ทั้งที่ไม่มีหลักฐานแต่ก็อารมณ์เสียเหมือนโดนจับได้เลยแหละ"

              "ชูครีมไม่อยากสรุปอะไรเลยค่ะ  คำพูดทุกคนดูมีน้ำหนักทั้งนั้น  แต่เราก็เห็นความใส่ใจของคุณเทพทัต  ชูครีมเชื่อไม่ลงเหมือนกัน  ถ้ามีใครมาบอกว่าคุณเทพทัตส่งเหยี่ยวมาทำร้ายตัวเอง"

              ก่อนชูครีมจะได้พูดอะไรต่อ  ครูดวงใจก็เดินแทรกฝูงชนเข้ามา

              "เด็กๆ"  ครูดวงใจเรียกสามสาว  "คุณเทพทัตเขาอยากคุยกับพวกเธอน่ะ  ไปถึงโรงเรียนแล้วไปที่ห้องประชุมสภานักเรียนด้วยนะ"

              "ค่ะ"  มนสิชารับปากอย่างงงๆ  คนสำคัญอย่างนั้นกำลังเรียกหาพวกเธอ  เขามีเรื่องอะไรกัน

Related chapters

  • เมืองนิทรา   บทที่ 13

    ผ้าม่านถูกเปิดกว้าง ทำให้แสงสว่างสาดเข้ามาได้เต็มที่โดยไม่ต้องอาศัยหลอดไฟ เทพทัตนั่งรอสามสาวอย่างสบายใจ เขายกน้ำมะตูมขึ้นดื่ม และพบว่ารสของมันหวานอมขม เขาเป็นพวกพลังไม่เข้มแข็งเช่นกัน แต่อยู่ในจุดที่ไม่ต้องออกแรงเอง จึงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ ปุยฝ้ายเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เทพทัตตกใจจนสำลักน้ำมะตูม ไอจนหน้าแดงแล้วกลับมาวางมาดนิ่งตามปกติ ชูครีมมองสำรวจหัวหน้านักเรียนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เธอเองก็เกรงใจเขาเช่นกัน "เคาะประตูก่อนสิ ปุยฝ้าย" มนสิชาเป็นคนตำหนิเธอ "แหะๆ ขอโทษทีค่ะ หวังว่าคุณเทพทัตจะไม่เป็นอะไรนะคะ" ปุยฝ้ายยิ้มฝืดฝืน หน้าตาเกร็งไปหมด "ไม่เป็นไรครับ เชิญเด็กๆ เอ๊ย พวกคุณนั่งกันก่อนเลย" เทพทัตผายมือให้นั่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลานาน ดูเหมือนเทพทัตจะมีเรื่องบางอย่างในใจ ทำให้เขาไม่พูดอะไรเลย "คุณเทพทัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" มนสิชาตัดสินใจถาม "ครับ ขอโทษที ผมมีเรื่องอะไรต้องคิดเยอะ ปัญหาไม่ใช่น้อยๆเลย" เขาทำท่าเหมือนอยากระบาย

    Last Updated : 2025-01-07
  • เมืองนิทรา   บทที่ 14

    ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีมอนสเตอร์ออกมาให้ปราบสองครั้ง นักเรียนคลาสเอสเดินกลับห้องเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ พวกอัศวินชั้นหนึ่งเดินนำหน้าพร้อมกับคุยกันเสียงดัง อัศวินชั้นสองเดินตามมาอย่างหงอยๆ "ชูครีมนี่สุดยอดไปเลยนะ เธอบังคับสเลฟแบบนั้นได้ยังไง บลูฮาร์ทนี่เชื่องสุดๆไปเลย" ใบเฟิร์นชมเปาะ "ตอนอยู่ทิศเหนือ บอกมาเถอะว่าเธอเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า" "เปล่าคะ ชูครีมไม่ได้เก่งถึงขนาดนั้น ถามคุณมนดูก็ได้" ชูครีมโยนให้เพื่อนสาวที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ไม่มีใครอยากรู้เรื่องจากปากมนสิชา จึงเงียบเสียงลง หญิงสาวอ้าปากเก้อ รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้น ก่อนก้มลงมองหนังสือในมือ "เดี๋ยวหลังเลิกเรียน เราจะจัดปาร์ตี้ฉลอง ชูครีมก็มากับพวกเราด้วยสิ" อัศวินชั้นหนึ่งอีกคนเดินเข้ามา "ถ้าคุณมนไป.." ชูครีมเอ่ยไม่ทันจบใบเฟิร์นก็แทรก "พวกเราอัศวินชั้นหนึ่งจองห้องจัดเลี้ยงได้เป็นพิเศษ ยังไงก็ไปกันเถอะนะ" คนเดิมเอ่ย มนสิชาพยักหน้าให้ชูครีมเข้าร่วม "ก็..ได้ค่ะ" หล

    Last Updated : 2025-01-07
  • เมืองนิทรา   บทที่ 15

    พวกเขาเดินเข้ามาในเขตโรงเรียนทิศตะวันตกได้สักพักแล้ว ไม่เจอนักเรียนเลยสักคน ทั้งที่เจอเมืองเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ไม่มีย่านชุมชน แต่สร้างหอนอนไว้ในโรงเรียน ตัวอาคารเรียนทาสีแดงดำเหมือนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นโรงเรียน "เอาไงดีอ่ะ" มนสิชาหันมาถามเพื่อนๆ "ลองขึ้นไปดูในห้องเรียนก่อนดีไหมคะ อาจจะมีห้องพักครูหรืออะไรแบบนั้น" ชูครีมเสนอ "ตามฉันมาเลย" ปุยฝ้ายร้องแล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคาร เธอไม่เจอห้องพักครูหรือสำนักงานอะไรเลย จนกระทั่งเข้ามาเจอห้องว่างห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วเจอบันไดให้เดินลงไปอีกครึ่งชั้น มีโคมไฟประดับอยู่ตามผนังห้องที่ทำสีดำสลับกับแดงเหมือนข้างนอก มีโต๊ะตัวเตี้ยๆกับเก้าอี้ให้นั่ง บาร์สำหรับชงเครื่องดื่ม และเวทีเล็กๆที่พอให้วางเครื่องดนตรี "นี่มันผับนี่นา" มนสิชาร้อง มีนักเรียนกำลังทำความสะอาดอยู่พอดี เขาหันมาทางพวกเธอทั้งสามคน ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ "มาใหม่เหรอครับ" เขาถาม "เอ่อ ใช่ค่ะ แล้วที่นี่ไม่มีห้องเรียนเหรอคะ" ชูครีมถามตรงๆ "มีสิคร

    Last Updated : 2025-01-09
  • เมืองนิทรา   บทที่ 16

    คทาเป็นชายอายุหกสิบปี ผมหงอกหมดทั้งหัว ผิวขาว ดูสะอาดสะอ้าน เขาเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทิ้งลูกสาวสองคนให้เขาดูแลตามลำพัง คนโตคือมนสิชาและคนเล็กคือกุมภา มนสิชาไม่เคยมีเรื่องให้เขาลำบากใจเพราะเธอตั้งใจเรียนและช่วยเขาทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ จะมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างก็ตรงที่เธอมีผู้ชายมาชอบเยอะ ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีชายแก่ร่ำรวยมากมายเข้ามาเสนอช่วยออก ค่าเทอมให้ ส่วนน้องคนเล็กนั้นแทบจะตรงข้าม เพราะเธอหน้าตาไม่รับแขก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ดังนั้นคนส่วนใหญ่รอบตัวเธอจึงมีแต่คนไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเรทำให้เขาต้องเป็นห่วง เขาเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดทุกคน ไม่อยากให้ใครโตขึ้นมาแบบไม่เอาจริงเอาจัง ทั้งดุจนร้องไห้แล้วค่อยปลอบทีหลังก็เคยมาแล้ว เขารู้ว่าลูกๆไม่เคยเกลียดเขา เพราะทุกครั้งที่ดุที่จะบอกเหตุผลทุกครั้ง คทาเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบพูดในสิ่งที่คิด ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนได้รับอิทธิพลเรื่องการพูดตรงจากเขาไปไม่น้อย แรกๆคนไม่ค่อยพอใจที่เขาพูดตรงๆ แต่คนที่รับได้

    Last Updated : 2025-01-16
  • เมืองนิทรา   บทที่ 17

    "นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วนะ แต่เรายังหามนไม่เจอเลย" ปุยฝ้ายบ่นอย่างเซ็งๆ เธอโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำแก้เบื่อ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่สวนดอกไม้ของส่วนกลาง ที่ลับของพวกเธอสามคน ดอกไม้กลับมาบานสดใสเหมือนเดิม สีขาว สีแดง และสีเหลืองตัดกันสุดลูกหูลูกตา "ชูครีมว่าคงมีใครช่วยเธอไว้ค่ะ" ชูครีมตอบ นั่งยืดขาจนสุดบนพื้นหญ้าแสนนิ่ม "พวกเราไปทิศตะวันออกกันเลยไหมคะ ไม่แน่ว่าอาจเจอคุณมนที่นั่น" "แต่ว่า" ปุยฝ้ายคัดค้าน สีหน้าเป็นกังวล "การเอาใจคุณมนที่ดีที่สุด ก็คือการเข้าใกล้ทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะคะ" ชูครีมให้ความเห็น "ชูครีมเชื่อว่าคุณมนต้องเข้าใจคุณปุยฝ้ายแน่ๆค่ะ" "แล้วคราวนี้เราจะสืบยังไงดีล่ะ" ปุยฝ้ายถาม สมองเค้นคิดทางออกอย่างหนัก ชูครีมเองก็คิดทางออกอย่างวกวน ไม่มีคำตอบหลุดออกจากปากเธอ "เราไปถามหัวหน้านักเรียนตรงๆเลยดีไหม" ปุยฝ้ายเสนอ "หา ถามคุณกิ่งฟ้านี่นะ" ชูครีมแปลกใจ "ถามแล้วก็ดูปฏิกิริยาของเธอ ถ้าเธอทำ ต้องแสดงอาการอะไรออกมาแน่

    Last Updated : 2025-01-16
  • เมืองนิทรา   บทที่ 18

    ชูครีมและปุยฝ้ายเดินไปย่านร้านค้า เวลานั้นเป็นช่วงสายของวันหยุด มีร้านกาแฟโบราณเปิดอยู่ ไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าที่นี่อีกแล้ว โต๊ะในร้านให้บริการคนในท้องถิ่นมานั่งคุยกัน เจ้าของร้านชงกาแฟแบบโบราณ รสชาติที่ทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะในโลกแห่งความเป็นจริงหรือโลกแห่งความฝัน พวกเขาไม่ได้ติดใจเพียงรสชาติ แต่ยังติดใจบรรยากาศการนั่งคุยฉันมิตรด้วย เด็กหนุ่มทั้งหมดสวมชุดนักเรียนมานั่งดื่มชาร้อนกันกว่าหกคน ชูครีมและปุยฝ้ายเลือกที่นั่งริมๆโต๊ะ แล้วสังเกตุการพูดคุยของพวกเขา แหล่งข่าวชั้นเยี่ยมก็คือสถานที่ๆ มีคนนั่งเม้าท์กันอย่างไม่ระวังนี่แหละ "ได้ยินมาว่าที่ทิศตะวันตกมีกบฏด้วยนะ" ชายคนหนึ่งเอ่ย สามสาวยังไม่ได้หันไปมองว่าใครพูด จึงไม่เห็นว่าเป็นใคร "แล้วปฏิวัติสำเร็จหรือเปล่าล่ะ" "ไม่เลย แถมคุณสุกฤตยังไม่เอาเรื่องด้วยนะ" คนที่เล่าตอบ "ไม่มีใครตาย แต่คนเจ็บเยอะอยู่" มนสิชาเงี่ยหูฟังเต็มที่ ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ดาวเหนือปลอดภัย "หัวหน้าทิศตะวันออกน่ะนะ" เด็กหนุ่มผมสีอ่อนเอ่ยเสียงเบาลง คนท

    Last Updated : 2025-01-16
  • เมืองนิทรา   บทที่ 1

    "ไปโรงเรียนวรรณวิลาศค่ะ" มนสิชาตะโกนบอกกับวินมอเตอร์ไซค์ที่นั่งอยู่ริมฟุตบาท ชายหนุ่มร่างผอมหันมาตามเสียง เจอสาววัยยี่สิบเจ็ดทรงโต ก้นงอน เอวบาง หุ่นระดับนางแบบของเธอทำเอาวินมอเตอร์ไซค์อ้าปากค้าง หญิงสาวสวมสูทสีเทาถือแฟ้มใส่เอกสารแนบอก มืออีกข้างแขวนกระเป๋าใบเล็กมาด้วย "เฮ้ย หน้าสวยด้วยว่ะ" เพื่อนวินอีกคนกระซิบ ทำเสียงซื๊ดซ๊าดในปาก มนสิชาทำเป็นไม่ใส่ใจ เธอเจอจนชิน เพราะทรงโตนี่แหละ เรียกสายตาหื่นได้ดีนัก บางครั้งก็เรียกความช่วยเหลือมาจากเสี่ย ผู้บริหาร ชายแปลกหน้าได้ดี แถมสายตาร้อนๆ จากเหล่าผู้หญิงรอบตัว แต่ถ้าเธอสนใจรวยทางลัด เธอคงไม่มาสอบสัมภาษณ์งานที่โรงเรียนเล็กๆอย่างนี้ "ไม่มีหมวกไม่ไปนะคะ" มนสิชาบอก "เบื่อเวลาตำรวจเรียก" "ไอ็น็อต ยืมหมวกหน่อยโว้ย" วินมอเตอร์ไซค์ผอมบางไม่พูดเปล่า แย่งหมวกกันน็อคมาจากตะกร้าหน้ารถเพื่อน เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงักแล้วส่งยิ้มเพ้อฝันมาให้หญิงสาว "ยินดีครับ ขอให้เป็นวันที่ดีนะครับ" น็อตจ้องเขม็งมาที่หล่อน น้ำลายแทบจะไหล มนสิชายิ้มต

    Last Updated : 2024-12-15
  • เมืองนิทรา   บทที่ 2

    ขณะเดียวกันในโลกแห่งความเป็นจริง ร่างของมนสิชาและหนุ่มวินมอเตอร์ไซค์ถูกเข็นเข้ามาในโรงพยาบาลกิตติวินท์ วินมอเตอร์ไซค์มีเลือดเปรอะลำตัวและใบหน้า ข้อศอกทำองศาบิดเบี้ยวอย่างคนแขนหัก มีแผลแตกตามตัว สัญญาณชีพของเขาหายไปจากหน้าจอ พยาบาลจึงกระโดดขึ้นบนเตียงเพื่อปั๊มหัวใจให้ชายหนุ่ม "สัญญาณชีพไม่มาเลยค่ะ" พยาบาลรายงานหมอเวรที่เดินกึ่งวิ่งเข้ามา "กระตุ้นหัวใจด้วยเครื่องช็อกไฟฟ้า" หมอเวรเอ่ยเสียงเรียบ พยาบาลติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้า หมอหนุ่มมองเครื่องช็อกไฟฟ้า ก่อนหันมาสั่งเสียงเฉียบขาด "กดปุ่มช็อก" หมอกดเครื่องช็อตไฟฟ้าลงไปบนหน้าอก แล้วกดหน้าอกต่อ ทำซ้ำหลายครั้ง ร่างของวินมอเตอร์ไซด์สงบนิ่ง ไม่ตอบสนองต่อการช่วยเหลือ "เวลาเสียชีวิต สิบเอ็ดนาฬิกายี่สิบเอ็ดนาที" พยาบาลถือชาร์ตคอยจดตามหลัง เสียงเขียนทำลายความเงียบในห้องฉุกเฉิน หมอเวรถอนหายใจเดินไปยังเตียงของมนสิชาซึ่งอยู่ถัดไป ตอนเกิดอุบัติเหตุมนสิชาโดนรถเก๋งสีดำกระแทกขาเข้าอย่างจัง ที่ขาเธอจึงมีเผือกชั่วคร

    Last Updated : 2024-12-15

Latest chapter

  • เมืองนิทรา   บทที่ 18

    ชูครีมและปุยฝ้ายเดินไปย่านร้านค้า เวลานั้นเป็นช่วงสายของวันหยุด มีร้านกาแฟโบราณเปิดอยู่ ไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าที่นี่อีกแล้ว โต๊ะในร้านให้บริการคนในท้องถิ่นมานั่งคุยกัน เจ้าของร้านชงกาแฟแบบโบราณ รสชาติที่ทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะในโลกแห่งความเป็นจริงหรือโลกแห่งความฝัน พวกเขาไม่ได้ติดใจเพียงรสชาติ แต่ยังติดใจบรรยากาศการนั่งคุยฉันมิตรด้วย เด็กหนุ่มทั้งหมดสวมชุดนักเรียนมานั่งดื่มชาร้อนกันกว่าหกคน ชูครีมและปุยฝ้ายเลือกที่นั่งริมๆโต๊ะ แล้วสังเกตุการพูดคุยของพวกเขา แหล่งข่าวชั้นเยี่ยมก็คือสถานที่ๆ มีคนนั่งเม้าท์กันอย่างไม่ระวังนี่แหละ "ได้ยินมาว่าที่ทิศตะวันตกมีกบฏด้วยนะ" ชายคนหนึ่งเอ่ย สามสาวยังไม่ได้หันไปมองว่าใครพูด จึงไม่เห็นว่าเป็นใคร "แล้วปฏิวัติสำเร็จหรือเปล่าล่ะ" "ไม่เลย แถมคุณสุกฤตยังไม่เอาเรื่องด้วยนะ" คนที่เล่าตอบ "ไม่มีใครตาย แต่คนเจ็บเยอะอยู่" มนสิชาเงี่ยหูฟังเต็มที่ ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ดาวเหนือปลอดภัย "หัวหน้าทิศตะวันออกน่ะนะ" เด็กหนุ่มผมสีอ่อนเอ่ยเสียงเบาลง คนท

  • เมืองนิทรา   บทที่ 17

    "นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วนะ แต่เรายังหามนไม่เจอเลย" ปุยฝ้ายบ่นอย่างเซ็งๆ เธอโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำแก้เบื่อ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่สวนดอกไม้ของส่วนกลาง ที่ลับของพวกเธอสามคน ดอกไม้กลับมาบานสดใสเหมือนเดิม สีขาว สีแดง และสีเหลืองตัดกันสุดลูกหูลูกตา "ชูครีมว่าคงมีใครช่วยเธอไว้ค่ะ" ชูครีมตอบ นั่งยืดขาจนสุดบนพื้นหญ้าแสนนิ่ม "พวกเราไปทิศตะวันออกกันเลยไหมคะ ไม่แน่ว่าอาจเจอคุณมนที่นั่น" "แต่ว่า" ปุยฝ้ายคัดค้าน สีหน้าเป็นกังวล "การเอาใจคุณมนที่ดีที่สุด ก็คือการเข้าใกล้ทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะคะ" ชูครีมให้ความเห็น "ชูครีมเชื่อว่าคุณมนต้องเข้าใจคุณปุยฝ้ายแน่ๆค่ะ" "แล้วคราวนี้เราจะสืบยังไงดีล่ะ" ปุยฝ้ายถาม สมองเค้นคิดทางออกอย่างหนัก ชูครีมเองก็คิดทางออกอย่างวกวน ไม่มีคำตอบหลุดออกจากปากเธอ "เราไปถามหัวหน้านักเรียนตรงๆเลยดีไหม" ปุยฝ้ายเสนอ "หา ถามคุณกิ่งฟ้านี่นะ" ชูครีมแปลกใจ "ถามแล้วก็ดูปฏิกิริยาของเธอ ถ้าเธอทำ ต้องแสดงอาการอะไรออกมาแน่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 16

    คทาเป็นชายอายุหกสิบปี ผมหงอกหมดทั้งหัว ผิวขาว ดูสะอาดสะอ้าน เขาเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทิ้งลูกสาวสองคนให้เขาดูแลตามลำพัง คนโตคือมนสิชาและคนเล็กคือกุมภา มนสิชาไม่เคยมีเรื่องให้เขาลำบากใจเพราะเธอตั้งใจเรียนและช่วยเขาทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ จะมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างก็ตรงที่เธอมีผู้ชายมาชอบเยอะ ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีชายแก่ร่ำรวยมากมายเข้ามาเสนอช่วยออก ค่าเทอมให้ ส่วนน้องคนเล็กนั้นแทบจะตรงข้าม เพราะเธอหน้าตาไม่รับแขก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ดังนั้นคนส่วนใหญ่รอบตัวเธอจึงมีแต่คนไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเรทำให้เขาต้องเป็นห่วง เขาเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดทุกคน ไม่อยากให้ใครโตขึ้นมาแบบไม่เอาจริงเอาจัง ทั้งดุจนร้องไห้แล้วค่อยปลอบทีหลังก็เคยมาแล้ว เขารู้ว่าลูกๆไม่เคยเกลียดเขา เพราะทุกครั้งที่ดุที่จะบอกเหตุผลทุกครั้ง คทาเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบพูดในสิ่งที่คิด ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนได้รับอิทธิพลเรื่องการพูดตรงจากเขาไปไม่น้อย แรกๆคนไม่ค่อยพอใจที่เขาพูดตรงๆ แต่คนที่รับได้

  • เมืองนิทรา   บทที่ 15

    พวกเขาเดินเข้ามาในเขตโรงเรียนทิศตะวันตกได้สักพักแล้ว ไม่เจอนักเรียนเลยสักคน ทั้งที่เจอเมืองเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ไม่มีย่านชุมชน แต่สร้างหอนอนไว้ในโรงเรียน ตัวอาคารเรียนทาสีแดงดำเหมือนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นโรงเรียน "เอาไงดีอ่ะ" มนสิชาหันมาถามเพื่อนๆ "ลองขึ้นไปดูในห้องเรียนก่อนดีไหมคะ อาจจะมีห้องพักครูหรืออะไรแบบนั้น" ชูครีมเสนอ "ตามฉันมาเลย" ปุยฝ้ายร้องแล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคาร เธอไม่เจอห้องพักครูหรือสำนักงานอะไรเลย จนกระทั่งเข้ามาเจอห้องว่างห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วเจอบันไดให้เดินลงไปอีกครึ่งชั้น มีโคมไฟประดับอยู่ตามผนังห้องที่ทำสีดำสลับกับแดงเหมือนข้างนอก มีโต๊ะตัวเตี้ยๆกับเก้าอี้ให้นั่ง บาร์สำหรับชงเครื่องดื่ม และเวทีเล็กๆที่พอให้วางเครื่องดนตรี "นี่มันผับนี่นา" มนสิชาร้อง มีนักเรียนกำลังทำความสะอาดอยู่พอดี เขาหันมาทางพวกเธอทั้งสามคน ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ "มาใหม่เหรอครับ" เขาถาม "เอ่อ ใช่ค่ะ แล้วที่นี่ไม่มีห้องเรียนเหรอคะ" ชูครีมถามตรงๆ "มีสิคร

  • เมืองนิทรา   บทที่ 14

    ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีมอนสเตอร์ออกมาให้ปราบสองครั้ง นักเรียนคลาสเอสเดินกลับห้องเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ พวกอัศวินชั้นหนึ่งเดินนำหน้าพร้อมกับคุยกันเสียงดัง อัศวินชั้นสองเดินตามมาอย่างหงอยๆ "ชูครีมนี่สุดยอดไปเลยนะ เธอบังคับสเลฟแบบนั้นได้ยังไง บลูฮาร์ทนี่เชื่องสุดๆไปเลย" ใบเฟิร์นชมเปาะ "ตอนอยู่ทิศเหนือ บอกมาเถอะว่าเธอเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า" "เปล่าคะ ชูครีมไม่ได้เก่งถึงขนาดนั้น ถามคุณมนดูก็ได้" ชูครีมโยนให้เพื่อนสาวที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ไม่มีใครอยากรู้เรื่องจากปากมนสิชา จึงเงียบเสียงลง หญิงสาวอ้าปากเก้อ รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้น ก่อนก้มลงมองหนังสือในมือ "เดี๋ยวหลังเลิกเรียน เราจะจัดปาร์ตี้ฉลอง ชูครีมก็มากับพวกเราด้วยสิ" อัศวินชั้นหนึ่งอีกคนเดินเข้ามา "ถ้าคุณมนไป.." ชูครีมเอ่ยไม่ทันจบใบเฟิร์นก็แทรก "พวกเราอัศวินชั้นหนึ่งจองห้องจัดเลี้ยงได้เป็นพิเศษ ยังไงก็ไปกันเถอะนะ" คนเดิมเอ่ย มนสิชาพยักหน้าให้ชูครีมเข้าร่วม "ก็..ได้ค่ะ" หล

  • เมืองนิทรา   บทที่ 13

    ผ้าม่านถูกเปิดกว้าง ทำให้แสงสว่างสาดเข้ามาได้เต็มที่โดยไม่ต้องอาศัยหลอดไฟ เทพทัตนั่งรอสามสาวอย่างสบายใจ เขายกน้ำมะตูมขึ้นดื่ม และพบว่ารสของมันหวานอมขม เขาเป็นพวกพลังไม่เข้มแข็งเช่นกัน แต่อยู่ในจุดที่ไม่ต้องออกแรงเอง จึงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ ปุยฝ้ายเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เทพทัตตกใจจนสำลักน้ำมะตูม ไอจนหน้าแดงแล้วกลับมาวางมาดนิ่งตามปกติ ชูครีมมองสำรวจหัวหน้านักเรียนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เธอเองก็เกรงใจเขาเช่นกัน "เคาะประตูก่อนสิ ปุยฝ้าย" มนสิชาเป็นคนตำหนิเธอ "แหะๆ ขอโทษทีค่ะ หวังว่าคุณเทพทัตจะไม่เป็นอะไรนะคะ" ปุยฝ้ายยิ้มฝืดฝืน หน้าตาเกร็งไปหมด "ไม่เป็นไรครับ เชิญเด็กๆ เอ๊ย พวกคุณนั่งกันก่อนเลย" เทพทัตผายมือให้นั่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลานาน ดูเหมือนเทพทัตจะมีเรื่องบางอย่างในใจ ทำให้เขาไม่พูดอะไรเลย "คุณเทพทัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" มนสิชาตัดสินใจถาม "ครับ ขอโทษที ผมมีเรื่องอะไรต้องคิดเยอะ ปัญหาไม่ใช่น้อยๆเลย" เขาทำท่าเหมือนอยากระบาย

  • เมืองนิทรา   บทที่ 12

    "เดี๋ยวชูครีมจัดการด้านบนเองค่ะ" ชูครีมเอ่ยกับพรรคพวกขณะขี่บลูฮาร์ท ไม่ไกลนักอัศวินคนหนึ่งกำลังขี่เทอราโนดอน นกไดโนเสาร์ยักษ์ผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราด มันร้องเสียงดังแล้วบินเข้าโจมตีเหยี่ยวยักษ์ที่ตัวพอๆกับมัน ที่เหลือจึงเริ่มหันเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น หลายตัวพุ่งลงใส่คน จากนั้นเมื่อคนกระโดดหมอบ พวกมันจึงเชิดหัวขึ้นแล้วชนเข้ากับกองอาหารบนโต๊ะ เสียงดังโครม อาหารกระจายเต็มพื้น ผู้คนหวีดร้อง วิ่งหนีเข้าไปในโรงยิม นกเหยี่ยวยักษ์บินฉวัดเฉวียนเหนือพวกเขา มันบินลงมาคาบมนุษย์แล้วปล่อยให้ตกลงมาจากท้องฟ้า บางคนโดนเด็ดหัว เลือดไหลจากคอเหมือนน้ำก๊อก "ใหญ่ ไม่นะใหญ่" เสียงเพื่อนหญิงของศพไร้หัวร้อง ศพเกิดไฟลุกท่วมแล้วสลายไป ไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี "เขาแค่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง เข้าไปหลบในโรงยิมก่อนเถอะค่ะ" ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่า นกเหยี่ยวยักษ์ยังบินเหนือท้องฟ้าไม่เลิก แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะยอมลุกไปไหน "ถ้าคุณต้องตายแล้วลืมว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็จะต้องแยกจากกั

  • เมืองนิทรา   บทที่ 11

    ฝูงตั๊กแตนตำข้าวถูกนำไปแลกเงินได้มากพอจะซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนได้อีกแห่งหนึ่ง แต่เทพทัตแบ่งเงินให้กับนักเรียนและอีกส่วนหนึ่งเขาก็เอามาทำให้มีวันนี้ นักเรียนทิศเหนือมารวมตัวที่สนามฟุตบอล โต๊ะยาวหลายตัวนำมาเรียงตัวกันเพื่อวางอาหารน่ากินหลายอย่าง มีพระเอกของงานเป็นเค้กครีมสดขนาดยักษ์ เขาจัดเวทีสำหรับมินิคอนเสิร์ตให้นักดนตรีและนักร้องอาชีพ แม้จะอยู่ในคราบนักเรียนมัธยมปลาย แต่พวกเขาก็ทำงานในระดับมืออาชีพกันมาก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา นักเรียนโรงเรียนทิศเหนือจับกลุ่มคุยเป็นกลุ่มๆไป มนสิชามองชุดนักเรียนอย่างเบื่อหน่าย เธอคิดว่าพวกเขาควรงดเว้นไม่ใส่ชุดนี้มาบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่านี้ เธอดึงเก้าอี้หน้าเวทีออกมาแล้วนั่งไขว่ห้างเท้าคาง ชูครีมเดินวนอยู่ที่ซุ่มของกินกับเพื่อนอัศวิน ส่วนปุยฝ้ายคุยฟุ้งได้กับทุกคน นักดนตรีหันมาเล่นดนตรีแนวแอบรัก มีนักเรียนชายตัดผมรองทรงต่ำ เดินเข้ามาหามนสิชา เขาดูเป็นนักเรี๊ยนนักเรียนในสายตาของหญิงสาว เด็กหนุ่มยิ้มเอียงอายให้หล่อนก่อนเอ่ย "มีคนนั่งตรงนี้ไหมครับ" เขาหมายถึงเก้า

  • เมืองนิทรา   บทที่ 10

    เครื่องพ่นไฟที่ฝ่ายหัวหน้านักเรียนเอามาแจกมีสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นทรงกระบอกสำหรับปล่อยให้ไฟออกมา มีด้ามจับทำมาจากหนังเทียมกันความร้อน อีกส่วนหนึ่งสามารถสะพายได้ เป็นทรงกลมเอาไว้เก็บแก๊สข้างใน มีชายคนหนึ่งออกมายืนหน้าห้องประชุมเพื่อสาธิตอุปกรณ์ให้ดู "ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเปิดแก๊สตรงนี้" เขาเปิดวาล์วให้ดูด้วยการบิดไปทางขวา "แล้วก็กดไกตรงนี้สำหรับจุดไฟให้ติด ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่หันกระบอกส่งไฟเข้าหน้าตัวเอง เพราะไกค่อนข้างอ่อนทีเดียว มันอาจจุดไฟขึ้นมาโดยบังเอิญได้ เรื่องที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เนื่องจากเพื่อให้พกพาเครื่องได้สะดวก เราเลยออกแบบให้ที่บรรจุแก๊สมีขนาดเล็ก ดังนั้นถ้าเปิดไฟเต็มแรงก็จะใช้เครื่องพ่นไฟได้ราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วคุณก็ต้องกลับมาเติมแก๊สใหม่ที่นี่นะครับ อย่าเพิ่งทำหน้าไม่พอใจครับ ถ้าแก๊สเยอะไป คุณก็จะหลบตั๊กแตนตำข้าวไม่สะดวกนะครับ เพราะงั้นเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว สัญญาณไฟสีแดงจะขึ้นตรงที่บรรจุแก๊ส ถ้าเหลือแก๊สให้ใช้อีกไม่เกินสิบห้านาทีนะครับ ถ้าผมเป็นคุณผมจะรีบวิ่งกลับมาที่โรงเรียน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status