Share

บทที่ 11

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2024-12-31 09:29:14

              ฝูงตั๊กแตนตำข้าวถูกนำไปแลกเงินได้มากพอจะซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนได้อีกแห่งหนึ่ง  แต่เทพทัตแบ่งเงินให้กับนักเรียนและอีกส่วนหนึ่งเขาก็เอามาทำให้มีวันนี้  นักเรียนทิศเหนือมารวมตัวที่สนามฟุตบอล  โต๊ะยาวหลายตัวนำมาเรียงตัวกันเพื่อวางอาหารน่ากินหลายอย่าง  มีพระเอกของงานเป็นเค้กครีมสดขนาดยักษ์  เขาจัดเวทีสำหรับมินิคอนเสิร์ตให้นักดนตรีและนักร้องอาชีพ  แม้จะอยู่ในคราบนักเรียนมัธยมปลาย  แต่พวกเขาก็ทำงานในระดับมืออาชีพกันมาก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา

              นักเรียนโรงเรียนทิศเหนือจับกลุ่มคุยเป็นกลุ่มๆไป  มนสิชามองชุดนักเรียนอย่างเบื่อหน่าย  เธอคิดว่าพวกเขาควรงดเว้นไม่ใส่ชุดนี้มาบ้าง  ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่านี้  เธอดึงเก้าอี้หน้าเวทีออกมาแล้วนั่งไขว่ห้างเท้าคาง  ชูครีมเดินวนอยู่ที่ซุ่มของกินกับเพื่อนอัศวิน  ส่วนปุยฝ้ายคุยฟุ้งได้กับทุกคน

              นักดนตรีหันมาเล่นดนตรีแนวแอบรัก  มีนักเรียนชายตัดผมรองทรงต่ำ  เดินเข้ามาหามนสิชา  เขาดูเป็นนักเรี๊ยนนักเรียนในสายตาของหญิงสาว  เด็กหนุ่มยิ้มเอียงอายให้หล่อนก่อนเอ่ย

              "มีคนนั่งตรงนี้ไหมครับ"  เขาหมายถึงเก้าอี้ตัวที่ติดกับเธอ

              "ไม่มีค่ะ  ตามสบายเลย"  มนสิชาสงสัยว่าทำไมต้องเลือกนั่งตัวที่ติดกับเธอด้วย  ห่างออกไปสักตัวสองตัวไม่ได้หรือยังไง

              "ผมชื่อปาครับ  เธอชื่ออะไร"  เขาแนะนำตัวหน้าแดงก่ำ  ไม่ยอมสบตาคู่โต

              "มนค่ะ"  มนสิชาตอบแล้วโยกตัวตามเพลง  "มีแฟนแล้วค่ะ"

              "ครับ?"  เขาทำเสียงสูง  แล้วตะกุกตะกักทันที  "คือ..ผมไม่ได้ถามให้ตัวเองนะครับ  เอ๊ะ  ผมถามแล้วเหรอครับ  ขอโทษครับ"

              เด็กหนุ่มเด้งตัวขึ้นเหมือนติดสปริงที่ก้น  เขาเดินตัวแข็งทื่อออกจากสมรภูมิรัก  มนสิชาหัวเราะเบาๆที่เขาไม่ประสาเรื่องจีบหญิง  คงเป็นเด็กวัยรุ่นจริงๆนั่นแหละ 

              เธอดื่มน้ำส้มในมือ  มองไปที่นักร้อง  เธอมีเสียงที่นุ่มทำให้บรรยากาศน่าผ่อนคลาย  ปุยฝ้ายเดินมานั่งถัดจากเธอไปหน่อยหนึ่ง

              "ไม่กินอะไรหน่อยเหรอ  กินแต่น้ำเอง"  ปุยฝ้ายถามห้วนๆ เหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน

              "เดี๋ยวจะไป..."

              มนสิชากำลังจะตอบ  แต่มีนักเรียนชายกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา  มีเด็กหนุ่มที่ชื่อปาเดินเข้ามาด้วย  แต่หัวโจกไม่ใช่เขา เป็นเด็กชายหัวเกรียนท่าทางเหมือนนักเลง

              "ชื่อมนเหรอครับ"  เขาถาม

              "ค่ะ  แล้วนี่"  มนสิชาเว้นให้เขาตอบ

              "เจ็มครับ  ลูกน้อง  เอ๊ย  เพื่อนผมมันบอกว่ามนมีแฟนแล้วเหรอครับ"  เขาถามด้วยท่าทางยียวน  กลุ่มเด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังอีกสี่คนทำให้เจ็มดูน่าเกรงขาม  เขาสังเกตเห็นปุยฝ้ายจึงทักเธอ  "เพื่อนปุยฝ้ายเองเหรอครับ  ถ้าอย่างนั้นขอร่วมวงด้วยคนได้เปล่า"

              "อยากนั่งก็นั่งเลยค่ะ  พวกเรากำลังจะไปพอดี"  มนสิชาตอบแบบไม่รักษาน้ำใจ  เธอไม่ชอบพวกนักเลง  ดูท่าทางเหมือนปาจะเป็นเหยื่อให้พวกเขาด้วย

              "ไม่ให้เกียรติผมแบบนี้จะดีหรือครับ"  เขาเดินมาขวางหน้ามนสิชา

              "นั่งก่อนๆ"  ปุยฝ้ายดึงมนสิชาให้มานั่งด้วย  เธอไม่ได้กลัวเขาแต่มีเหตุผลอย่างอื่นมากกว่า  "เจ็มอยากรู้จักมนเหรอ  นั่งก่อนๆ"

              "คุณมนนี่น่ารักนะครับ  ผมเห็นทีแรกไม่กล้าทักเลย"  เจ็มเอ่ย

              "ทำไมครับ"  เพื่อนคนหนึ่งถามให้

              "เดี๋ยวอะไรๆแข็ง"

              เสียงหัวเราะร่วนดังมาจากเหล่าเพื่อนของเขา

              "เขาหมายถึงกำมือแน่นจนมือแข็งน่ะครับ"  เพื่อนอีกคนแก้ให้

              มนสิชาทำหน้าเครียด  เธอไม่ชอบมุกสองแง่สองง่าม เพราะเป็นการไม่ให้เกียรติเธอ  และเธอได้ยินบ่อยมาทั้งชีวิตเพราะรูปร่างหน้าตาแบบนี้  ปุยฝ้ายหันมามองก็เข้าใจทันที

              "มนเขาบอกว่ามีแฟนแล้วน่ะ"  ปาบอกเสียงอ่อน  เกรงใจเจ็มและพรรคพวก

              "ถ้าบอกว่ามีแฟนในชีวิตจริง  ยังไงผมก็ยังมีหวัง  แต่ถ้ามีแฟนในฝัน  ผมอาจจะถอยให้ก็ได้"  เจ็มเอ่ยด้วยแววข่มขู่เล็กน้อย

              "ปุยฝ้ายไง  แฟนมน"  มนสิชาเดินไปนั่งตักปุยฝ้าย

              "อ้าว  ปุยฝ้ายไม่ได้เป็นแฟนชูครีมหรอกเหรอ"  เพื่อนคนหนึ่งถามขึ้นอย่างแปลกใจ

              "งั้นจุ๊บกันให้ดูหน่อย  ผมอยากเห็นทุ่งลิลลี่บานในรั้วโรงเรียน"  เจ็มบอก  "ถ้าดูดดื่มมากๆ  ผมจะถอยให้"

              "นายคิดว่านี่เป็นละครหรือไง  ใครๆถึงต้องมาทำตามที่นายขอ"  มนสิชาอดไม่ได้ที่จะสั่งสอนเด็กไม่รู้จักคิด  "ฉันไปหา  ชูครีมดีกว่า  อย่าทำให้ปาร์ตี้ต้องกร่อยเพราะความหื่นของนายเลยนะ"

              มนสิชาลุกออกจากตักปุยฝ้าย  แต่ปุยฝ้ายคว้าไว้แล้วหอมแก้มมนสิชาหนึ่งฟอด

              "โอเคนะ  แค่นี้ก็พอใจได้แล้วมั้ง"  ปุยฝ้ายเอ่ยกับเจ็ม  "อย่าให้เรื่องถึงหูชูครีมเลยนะ  นายเองก็จะลำบากนะเจ็ม"

              เมื่อชื่อชูครีมถูกเอามาอ้าง  เพื่อนเจ็มจึงกระซิบอะไรที่้ข้างหูเขาแล้วพวกเขาก็เดินจากไป  ปุยฝ้ายหันมาดูอาการของเพื่อนสาวที่ตอนนี้อารมณ์สงบลงแล้ว

              "ไปคุยกับชูครีมบ้างไหม  เธอไปนานแล้วเหมือนกัน"  มนสิชาถาม  ปุยฝ้ายหันไปมองชูครีมที่นั่งลงบนม้านั่งยาวกับเพื่อนอีกสองคน

              "เธอไม่อยากไปนั่งกับพวกอัศวินหรอก"  ปุยฝ้ายเอ่ยด้วยความเบื่อหน่าย  "ชูครีมเป็นยังไง  เพื่อนเขาก็นิสัยแบบนั้นเลย" 

              "แต่ถ้าเทียบกับนิสัยเธอแล้ว  ฉันว่าฉันทนคนแบบชูครีมได้นะ"

              นักร้องขอพักให้เพื่อนอีกคนขึ้นมาร้องแทน  เพราะเสียงเธอแหบหมดแล้ว  มนสิชาจึงอดไม่ได้ที่จะปรบมือให้นักร้อง  เพื่อยืนยันว่าน้ำเสียงเธอสุดยอดแค่ไหน  ส่วนคนใหม่ก็เสียงดีไม่แพ้กัน  เขามีเสียงแหบเอกลักษณ์ 

              มนสิชาเดินอ้อมไปด้านหลังชูครีมเพื่อเตรียมเซอร์ไพรส์  แต่เธอหยุดนิ่ง  เมื่อได้ยินสิ่งที่อัศวินทั้งสามคนคุยกัน

              "ดูซิ  พวกเรามันไม่มีใครคบ  มานั่งกันตั้งนานแล้ว  แต่ไม่มีใครเข้ามาทักเลย"  ชูครีมเอ่ยด้วยสีหน้าช้ำใจ  เธอเห็นปุยฝ้ายเข้าไปคุยกับมนสิชา  แล้วตามด้วยผู้ชายอีกหลายคน  แต่สองเพื่อนสาวไม่ได้อยากมาคุยกับเธอเลย

              "อย่าว่าแต่ชีวิตประจำวันจะแย่เลย  ตอนเป็นอัศวินก็เกือบตายหลายครั้งแล้ว  ฉันว่าฉันไม่มีพรสวรรค์เลย  ไม่รู้คุณเทพทัตเห็นอะไรในตัวพวกเรา  ถึงได้เลือกให้เป็นอัศวิน"  อัศวินชายเพียงคนเดียวในกลุ่มพูดขึ้น

              "ฉันว่าอีกไม่นานฉันคงลาออกแล้วล่ะ  ไม่งั้นก็ตายอยู่ในสนามรบ  ตอนอยู่ก็ไม่มีใครอยากอยู่ด้วย  ตอนตายก็คงไม่มีใครอยากนึกถึง"  อัศวินหญิงอีกคนพูด

              "ฉันก็เหมือนกัน  ฉันมันห่วย"  อัศวินชายว่า

              "ฉันน่ะ  นอกจากเป็นอัศวินแล้วก็ไม่รู้จะไปเป็นอะไร ทำอะไรก็ไม่ดีไปสักอย่าง"  ชูครีมเอ่ยคอตก 

              มนสิชารู้สึกว่ามุมมองของพวกเธอช่างดำมืดซะจนไม่มีที่ให้ความเห็นธรรมดาๆจะเข้าไปแทรก  เธอจึงถอยหลังกลับแล้วเดินไปหาปุยฝ้ายที่นั่งกินเค้กอยู่

              "เห็นไหม  เธอไม่อยากเข้าไปคุยเวลาสามคนนั้นรวมตัวกันหรอก"  ปุยฝ้ายบอก 

              "พวกเขาต่อสู้แย่ขนาดนั้นเลยเหรอ"  มนสิชาถาม

              "ไม่เลยๆ  สามคนนั้นน่ะ  เก่งที่สุดเลยนะ"  ปุยฝ้ายบอก

              มนสิชาอึ้ง  ไม่รู้จะตลกหรือเศร้าใจดี

              ท้องฟ้ามืดครึ้ม  ทุกคนเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ  เห็นฝูงเหยี่ยวยักษ์บินมาเหนือหัว  นกบินมาจากทิศใต้และไม่มีเสียงไซเรนคอยเตือนพวกเขาเหมือนอย่างเคย  อัศวินเรียกสเลฟออกมาทันที  พวกที่ไม่มีปีกจึงทำได้แต่คอยคุ้มกันคนใกล้เคียง  ส่วนพวกมีปีกบินขึ้นไปควบคุมสถานการณ์

Related chapters

  • เมืองนิทรา   บทที่ 12

    "เดี๋ยวชูครีมจัดการด้านบนเองค่ะ" ชูครีมเอ่ยกับพรรคพวกขณะขี่บลูฮาร์ท ไม่ไกลนักอัศวินคนหนึ่งกำลังขี่เทอราโนดอน นกไดโนเสาร์ยักษ์ผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราด มันร้องเสียงดังแล้วบินเข้าโจมตีเหยี่ยวยักษ์ที่ตัวพอๆกับมัน ที่เหลือจึงเริ่มหันเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น หลายตัวพุ่งลงใส่คน จากนั้นเมื่อคนกระโดดหมอบ พวกมันจึงเชิดหัวขึ้นแล้วชนเข้ากับกองอาหารบนโต๊ะ เสียงดังโครม อาหารกระจายเต็มพื้น ผู้คนหวีดร้อง วิ่งหนีเข้าไปในโรงยิม นกเหยี่ยวยักษ์บินฉวัดเฉวียนเหนือพวกเขา มันบินลงมาคาบมนุษย์แล้วปล่อยให้ตกลงมาจากท้องฟ้า บางคนโดนเด็ดหัว เลือดไหลจากคอเหมือนน้ำก๊อก "ใหญ่ ไม่นะใหญ่" เสียงเพื่อนหญิงของศพไร้หัวร้อง ศพเกิดไฟลุกท่วมแล้วสลายไป ไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี "เขาแค่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง เข้าไปหลบในโรงยิมก่อนเถอะค่ะ" ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่า นกเหยี่ยวยักษ์ยังบินเหนือท้องฟ้าไม่เลิก แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะยอมลุกไปไหน "ถ้าคุณต้องตายแล้วลืมว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็จะต้องแยกจากกั

    Last Updated : 2025-01-02
  • เมืองนิทรา   บทที่ 13

    ผ้าม่านถูกเปิดกว้าง ทำให้แสงสว่างสาดเข้ามาได้เต็มที่โดยไม่ต้องอาศัยหลอดไฟ เทพทัตนั่งรอสามสาวอย่างสบายใจ เขายกน้ำมะตูมขึ้นดื่ม และพบว่ารสของมันหวานอมขม เขาเป็นพวกพลังไม่เข้มแข็งเช่นกัน แต่อยู่ในจุดที่ไม่ต้องออกแรงเอง จึงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ ปุยฝ้ายเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เทพทัตตกใจจนสำลักน้ำมะตูม ไอจนหน้าแดงแล้วกลับมาวางมาดนิ่งตามปกติ ชูครีมมองสำรวจหัวหน้านักเรียนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เธอเองก็เกรงใจเขาเช่นกัน "เคาะประตูก่อนสิ ปุยฝ้าย" มนสิชาเป็นคนตำหนิเธอ "แหะๆ ขอโทษทีค่ะ หวังว่าคุณเทพทัตจะไม่เป็นอะไรนะคะ" ปุยฝ้ายยิ้มฝืดฝืน หน้าตาเกร็งไปหมด "ไม่เป็นไรครับ เชิญเด็กๆ เอ๊ย พวกคุณนั่งกันก่อนเลย" เทพทัตผายมือให้นั่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลานาน ดูเหมือนเทพทัตจะมีเรื่องบางอย่างในใจ ทำให้เขาไม่พูดอะไรเลย "คุณเทพทัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" มนสิชาตัดสินใจถาม "ครับ ขอโทษที ผมมีเรื่องอะไรต้องคิดเยอะ ปัญหาไม่ใช่น้อยๆเลย" เขาทำท่าเหมือนอยากระบาย

    Last Updated : 2025-01-07
  • เมืองนิทรา   บทที่ 14

    ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีมอนสเตอร์ออกมาให้ปราบสองครั้ง นักเรียนคลาสเอสเดินกลับห้องเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ พวกอัศวินชั้นหนึ่งเดินนำหน้าพร้อมกับคุยกันเสียงดัง อัศวินชั้นสองเดินตามมาอย่างหงอยๆ "ชูครีมนี่สุดยอดไปเลยนะ เธอบังคับสเลฟแบบนั้นได้ยังไง บลูฮาร์ทนี่เชื่องสุดๆไปเลย" ใบเฟิร์นชมเปาะ "ตอนอยู่ทิศเหนือ บอกมาเถอะว่าเธอเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า" "เปล่าคะ ชูครีมไม่ได้เก่งถึงขนาดนั้น ถามคุณมนดูก็ได้" ชูครีมโยนให้เพื่อนสาวที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ไม่มีใครอยากรู้เรื่องจากปากมนสิชา จึงเงียบเสียงลง หญิงสาวอ้าปากเก้อ รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้น ก่อนก้มลงมองหนังสือในมือ "เดี๋ยวหลังเลิกเรียน เราจะจัดปาร์ตี้ฉลอง ชูครีมก็มากับพวกเราด้วยสิ" อัศวินชั้นหนึ่งอีกคนเดินเข้ามา "ถ้าคุณมนไป.." ชูครีมเอ่ยไม่ทันจบใบเฟิร์นก็แทรก "พวกเราอัศวินชั้นหนึ่งจองห้องจัดเลี้ยงได้เป็นพิเศษ ยังไงก็ไปกันเถอะนะ" คนเดิมเอ่ย มนสิชาพยักหน้าให้ชูครีมเข้าร่วม "ก็..ได้ค่ะ" หล

    Last Updated : 2025-01-07
  • เมืองนิทรา   บทที่ 15

    พวกเขาเดินเข้ามาในเขตโรงเรียนทิศตะวันตกได้สักพักแล้ว ไม่เจอนักเรียนเลยสักคน ทั้งที่เจอเมืองเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ไม่มีย่านชุมชน แต่สร้างหอนอนไว้ในโรงเรียน ตัวอาคารเรียนทาสีแดงดำเหมือนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นโรงเรียน "เอาไงดีอ่ะ" มนสิชาหันมาถามเพื่อนๆ "ลองขึ้นไปดูในห้องเรียนก่อนดีไหมคะ อาจจะมีห้องพักครูหรืออะไรแบบนั้น" ชูครีมเสนอ "ตามฉันมาเลย" ปุยฝ้ายร้องแล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคาร เธอไม่เจอห้องพักครูหรือสำนักงานอะไรเลย จนกระทั่งเข้ามาเจอห้องว่างห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วเจอบันไดให้เดินลงไปอีกครึ่งชั้น มีโคมไฟประดับอยู่ตามผนังห้องที่ทำสีดำสลับกับแดงเหมือนข้างนอก มีโต๊ะตัวเตี้ยๆกับเก้าอี้ให้นั่ง บาร์สำหรับชงเครื่องดื่ม และเวทีเล็กๆที่พอให้วางเครื่องดนตรี "นี่มันผับนี่นา" มนสิชาร้อง มีนักเรียนกำลังทำความสะอาดอยู่พอดี เขาหันมาทางพวกเธอทั้งสามคน ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ "มาใหม่เหรอครับ" เขาถาม "เอ่อ ใช่ค่ะ แล้วที่นี่ไม่มีห้องเรียนเหรอคะ" ชูครีมถามตรงๆ "มีสิคร

    Last Updated : 2025-01-09
  • เมืองนิทรา   บทที่ 16

    คทาเป็นชายอายุหกสิบปี ผมหงอกหมดทั้งหัว ผิวขาว ดูสะอาดสะอ้าน เขาเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทิ้งลูกสาวสองคนให้เขาดูแลตามลำพัง คนโตคือมนสิชาและคนเล็กคือกุมภา มนสิชาไม่เคยมีเรื่องให้เขาลำบากใจเพราะเธอตั้งใจเรียนและช่วยเขาทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ จะมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างก็ตรงที่เธอมีผู้ชายมาชอบเยอะ ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีชายแก่ร่ำรวยมากมายเข้ามาเสนอช่วยออก ค่าเทอมให้ ส่วนน้องคนเล็กนั้นแทบจะตรงข้าม เพราะเธอหน้าตาไม่รับแขก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ดังนั้นคนส่วนใหญ่รอบตัวเธอจึงมีแต่คนไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเรทำให้เขาต้องเป็นห่วง เขาเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดทุกคน ไม่อยากให้ใครโตขึ้นมาแบบไม่เอาจริงเอาจัง ทั้งดุจนร้องไห้แล้วค่อยปลอบทีหลังก็เคยมาแล้ว เขารู้ว่าลูกๆไม่เคยเกลียดเขา เพราะทุกครั้งที่ดุที่จะบอกเหตุผลทุกครั้ง คทาเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบพูดในสิ่งที่คิด ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนได้รับอิทธิพลเรื่องการพูดตรงจากเขาไปไม่น้อย แรกๆคนไม่ค่อยพอใจที่เขาพูดตรงๆ แต่คนที่รับได้

    Last Updated : 2025-01-16
  • เมืองนิทรา   บทที่ 17

    "นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วนะ แต่เรายังหามนไม่เจอเลย" ปุยฝ้ายบ่นอย่างเซ็งๆ เธอโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำแก้เบื่อ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่สวนดอกไม้ของส่วนกลาง ที่ลับของพวกเธอสามคน ดอกไม้กลับมาบานสดใสเหมือนเดิม สีขาว สีแดง และสีเหลืองตัดกันสุดลูกหูลูกตา "ชูครีมว่าคงมีใครช่วยเธอไว้ค่ะ" ชูครีมตอบ นั่งยืดขาจนสุดบนพื้นหญ้าแสนนิ่ม "พวกเราไปทิศตะวันออกกันเลยไหมคะ ไม่แน่ว่าอาจเจอคุณมนที่นั่น" "แต่ว่า" ปุยฝ้ายคัดค้าน สีหน้าเป็นกังวล "การเอาใจคุณมนที่ดีที่สุด ก็คือการเข้าใกล้ทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะคะ" ชูครีมให้ความเห็น "ชูครีมเชื่อว่าคุณมนต้องเข้าใจคุณปุยฝ้ายแน่ๆค่ะ" "แล้วคราวนี้เราจะสืบยังไงดีล่ะ" ปุยฝ้ายถาม สมองเค้นคิดทางออกอย่างหนัก ชูครีมเองก็คิดทางออกอย่างวกวน ไม่มีคำตอบหลุดออกจากปากเธอ "เราไปถามหัวหน้านักเรียนตรงๆเลยดีไหม" ปุยฝ้ายเสนอ "หา ถามคุณกิ่งฟ้านี่นะ" ชูครีมแปลกใจ "ถามแล้วก็ดูปฏิกิริยาของเธอ ถ้าเธอทำ ต้องแสดงอาการอะไรออกมาแน่

    Last Updated : 2025-01-16
  • เมืองนิทรา   บทที่ 18

    ชูครีมและปุยฝ้ายเดินไปย่านร้านค้า เวลานั้นเป็นช่วงสายของวันหยุด มีร้านกาแฟโบราณเปิดอยู่ ไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าที่นี่อีกแล้ว โต๊ะในร้านให้บริการคนในท้องถิ่นมานั่งคุยกัน เจ้าของร้านชงกาแฟแบบโบราณ รสชาติที่ทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะในโลกแห่งความเป็นจริงหรือโลกแห่งความฝัน พวกเขาไม่ได้ติดใจเพียงรสชาติ แต่ยังติดใจบรรยากาศการนั่งคุยฉันมิตรด้วย เด็กหนุ่มทั้งหมดสวมชุดนักเรียนมานั่งดื่มชาร้อนกันกว่าหกคน ชูครีมและปุยฝ้ายเลือกที่นั่งริมๆโต๊ะ แล้วสังเกตุการพูดคุยของพวกเขา แหล่งข่าวชั้นเยี่ยมก็คือสถานที่ๆ มีคนนั่งเม้าท์กันอย่างไม่ระวังนี่แหละ "ได้ยินมาว่าที่ทิศตะวันตกมีกบฏด้วยนะ" ชายคนหนึ่งเอ่ย สามสาวยังไม่ได้หันไปมองว่าใครพูด จึงไม่เห็นว่าเป็นใคร "แล้วปฏิวัติสำเร็จหรือเปล่าล่ะ" "ไม่เลย แถมคุณสุกฤตยังไม่เอาเรื่องด้วยนะ" คนที่เล่าตอบ "ไม่มีใครตาย แต่คนเจ็บเยอะอยู่" มนสิชาเงี่ยหูฟังเต็มที่ ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ดาวเหนือปลอดภัย "หัวหน้าทิศตะวันออกน่ะนะ" เด็กหนุ่มผมสีอ่อนเอ่ยเสียงเบาลง คนท

    Last Updated : 2025-01-16
  • เมืองนิทรา   บทที่ 19

    พวกเธอลงจากสเลฟแล้วก็เดินทางเข้าไปยังส่วนกลาง คนมากหน้าหลายตาเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่นั่น หลายคนไม่รู้ว่าต้องทำอะไรเมื่อมาที่นี่ เพราะจดจำเรื่องในฝันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ปุยฝ้ายและชูครีมพามนสิชาไปยังสวนดอกไม้ลับของพวกเธอ ทุ่งดอกไม้ยังคงสวยอยู่เหมือนเดิม พวกเธอนั่งลงใต้ร่มไม้ใหญ่ ปุยฝ้ายนอนแผ่บนพื้น ชูครีมพิงต้นไม้ ส่วนมนสิชานั่งอย่างเกร็งๆ "เล่าให้พวกเราฟังหน่อยสิคะ คุณมนไปเป็นอัศวินให้ คุณกิ่งฟ้าได้ยังไง" ชูครีมเป็นคนถาม "ตอนแรกจำได้ว่าจะมาสมัครงานที่โรงเรียนวรรณวิลาศ แล้วรถมาจอดที่อาคารบริหาร พี่เดินเข้ามาในส่วนกลางแล้วก็เดินไปเจอป้าย เลยสุ่มเดินไปทางทิศตะวันออก ตอนนั้นได้ยินเสียงเอะอะดังมา พี่เห็นกลุ่มเด็กนักเรียนปิดหน้ากำลังลอบโจมตีนักเรียนกลุ่มหนึ่ง มารู้ทีหลังว่าพวกนักเรียนปิดหน้าคือกบฏ" "ที่ไหนๆ ก็มีกบฏทั้งนั้นเนอะ" ปุยฝ้ายแทรก แล้วก็ทำมือให้เธอเล่าต่อ "พี่เห็นพวกกบฏได้เปรียบ แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีอาวุธกำลังจะโดนทำร้าย พี่เลยขว้างก้อนหินใส่คนร้าย แล้วรู้ทีหลังว่าคนที่ช่วยไว้คือคุณกิ่ง

    Last Updated : 2025-02-04

Latest chapter

  • เมืองนิทรา   บทที่ 28

    วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที นักเรียนทุกคนรอการหาเสียงจากแต่ละทิศอย่างตื่นเต้น เริ่มต้นจากทิศใต้ที่เน้นการศึกษา พวกเขารู้ดีว่านักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนปัจจุบันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนก็รู้ว่าหากอยากเรียนมากๆให้ไปทิศใต้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามหานักเรียนที่สนใจการศึกษาได้มากไปกว่านี้ สุกฤตจึงใช้เรื่องอื่นจูงใจนักเรียนแทน เขาสั่งให้อัศวินลอบไปทิศอื่นเพื่อปิดป้ายประกาศเสนอคูปองกินฟรีตลอดหนึ่งเดือนสำหรับนักเรียนใหม่ เพียงย้ายที่อยู่ไปในทิศใต้ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น นักเรียนชายร่างท้วมเดินไปดูป้ายอย่างสนใจ พลางกอดคอเพื่อนหุ่นพอๆกับเขาไปด้วย พวกเขาอยู่ทิศตะวันออก ที่นี่ช่างสดใสเมื่อได้ปรับปรุงที่อยู่ใหม่ ส่วนคนที่ย้ายไปก็เริ่มกลับมาบ้างแล้ว "สมุทร นายว่าเราย้ายโรงเรียนกันสักเดือนดีไหม" ลำธารเพื่อนรักเอ่ยให้ฟังด้วยแผนการ "นายหมายถึง ย้ายไปเพื่อรับอาหารฟรีงั้นเหรอ" สมุทรหัวเราะในลำคอ "ก็ไม่มีใครตามมาบังคับให้เราต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปนี่นา แถมพวกเรายังเป็นแรงงานไร้ฝีมื

  • เมืองนิทรา   บทที่ 27

    กิ่งฟ้านั่งพักในห้องหัวหน้านักเรียน มีเฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษดูคลาสสิคทั่วทั้งห้อง เธอกัดเล็บเพื่อระบายความกระวนกระวาย ในหัวหาทางทำทุกอย่างให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม ยิ่งคิดยิ่งเหมือนเจอทางตันเข้าไปทุกที เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ "เชิญค่ะ" กิ่งฟ้าเอ่ยด้วยเสียงอ่อนหวาน ทั้งที่ใจรำคาญ "คุณกิ่งต้องรีบหนีแล้วค่ะ พวกกบฏจู่โจมพวกเราอีกแล้ว" อัศวินสาวรายงาน เธอเป็นมือขวาที่ดีที่สุดของกิ่งฟ้าชื่อตีตี้ "มากันเยอะไหมตีตี้" กิ่งฟ้าถาม "เยอะค่ะ แต่ตราบใดที่ยังรักษาชีวิตคุณกิ่งไว้ได้ เราก็ยังรักษาอำนาจไว้ได้ค่ะ" ตีตี้ตอบ กิ่งฟ้าแทบจะกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ พวกเธอวิ่งออกจากประตู เจออัศวินของเธอกำลังต่อสู้กับกบฏ เสียงคำรามของเหล่าสเลฟดังไปทั่วโรงเรียน พวกเธอกำลังจะวิ่งไปทางประตูหลัง แต่กบฏอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งมาล้อมกิ่งฟ้าไว้ "สเลฟจงออกมา" ตีตี้ร้อง จระเข้เผือกตัวใหญ่กว่าสามเมตรเดินไปประจันหน้ากับกลุ่มกบฏ พวกเขาตกใจกับขนาดตัวของมัน คมเขี้ยวสีเหลืองสกปรกเตรียมจู่โจมเต็มที่ "ทอง ใครเ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 26

    ปริญเดินทางมายังโฮมออฟฟิซแห่งหนึ่งบริเวณชานเมือง เขากดกริ่งหน้าบ้านพักหนึ่ง ก็มีเด็กหนุ่มวัยรุ่นผมยาว สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คทรงกระบอกเดินออกมาเปิดประตูบ้าน "ผู้ปกครองอยู่ไหมครับน้อง" ปริญถามพลางยิ้มอย่างอัธยาศัยดี "มาหาแม่ผมเหรอครับ เชิญเข้ามาก่อนสิฮะ" เด็กหนุ่มเปิดประตูบ้านให้ ข้างในห้องรับแขกเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ตัดกับอากาศร้อนข้างนอกบ้าน เด็กหนุ่มเอาน้ำเย็นมาเสิร์ฟก่อน หน้าตายิ้มแย้มรับแขกเป็นอย่างดี "เดี๋ยวผมไปตามมาแม่มาให้นะครับ" "พี่คิดว่าไม่ใช่แม่หรอกนะครับ น่าจะเป็นพี่ชายหรือพ่อมากกว่า" ปริญบอกอย่างไม่แน่ใจ แต่ก็สบายใจที่เด็กวัยรุ่นไม่ได้กำลังอารมณ์เสีย "เดี๋ยวนะ น้องคงไม่ใช่นักเวทวิชาการหรอกใช่ไหม" "น่าแปลกนะครับ แต่ผมนี่แหละนักเวทวิชาการ หรือคุณจะเป็นคนทีส่งอีเมลมาหาผม" เด็กหนุ่มถามพลางขมวดคิ้ว เขาเริ่มไม่พอใจที่โดนประเมินต่ำไป เอามือกอดอกแล้วมองปริญตั้งแต่ตัวจรดเท้า "ขอโทษที่เด็กไปหน่อย จะไม่ปรึกษาก็ได้นะ" ทั้งท่าทางเอาเรื่อง ทั้งน้ำเสียงไม

  • เมืองนิทรา   บทที่ 25

    เสียงเคาะประตูทำให้ผอ.วัยกลางคนรู้สึกตัว ปริญเดินเข้าไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการดนุเดช ข้างในมีโต๊ะทำงานพร้อมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ปิดการใช้งาน ส่วนเจ้าของเครื่องนั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะรับแขก เขาดูใจเย็นผิดกับปริญที่เหงื่อออกตามฝ่ามือ ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น "เชิญนั่งก่อนครับคุณปริญ" ดนุเดชเชิญชวนให้นั่ง ไม่นานเลขาหน้าห้องก็นำกาแฟมาเสิร์ฟ "นอกจากญาติๆแล้ว ผมยังไม่เคยเจอใครที่ใช้เวทมนตร์ได้เลย บางทีผมน่าจะก่อตั้งสมาคมคนใช้เวทมนตร์ดูบ้างนะครับ" "ผมคิดว่าผอ.ไม่น่าจะใช่พวกที่หลงใหลในเวทมนตร์ แต่ใช้เวทมนตร์เพราะความจำเป็นมากกว่า" ปริญตอบอย่างเฉียบแหลม "ครับ การรักษาคนถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง แต่บางครั้งผมก็ต้องการที่ปรึกษาเหมือนกัน" ดนุเดชตอบ "เพียงแต่ว่าถ้ามีคนรู้แล้ว ความลับก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป แถมเดิมพันของผมก็คือโรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาล" "แล้วจะดีหรือครับที่ให้ผมมาเข้าร่วมด้วย" ปริญถาม ขยับคอที่เริ่มเกร็ง "ดีสิครับ อย่างน้อยพลังของคนรุ่นใหม่ ก็น่าทึ่งเ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 24

    ปัจจุบัน สุเมธออกไปดูข้างนอก เห็นครูชั้นเรียนเด็กเล็กและอาสาสมัครช่วยกันแจกน้ำให้กลุ่มนักเที่ยว คนที่ดื่มน้ำกลับมาได้สติอีกครั้ง หลายคนยังไม่รับรู้ว่ามีคนมาแจกน้ำด้วยซ้ำ ได้แต่เต้นอย่างไม่ลืมหูลืมตาบนฟลอร์เต้นรำ "นั่นไง ไอ้นักเวทลวงโลกอยู่นั่น" มีคนตะโกนออกมาจากฝูงชน "พวกเราไปจับมันกัน" คนที่ได้สติกรูกันเข้ามาหาสุเมธ หัวหน้านักเรียนคนก่อเรื่องยกสองมือขึ้นแล้วร่ายเวทมนตร์ คนที่เมามายอยู่มีดวงตาสีแดงก่ำ หันมาต่อสู้กับคนที่สร่างเมาแล้ว เกิดสงครามย่อมๆขึ้น มีคนเรียกสเลฟออกมา เสียงดังโครมครามไม่หยุด โต๊ะที่นั่งล้มระเนระนาด หลอดไฟแตก บรรดาเด็กสาวที่ได้สติแย่งกันวิ่งออกจากผับ มนสิชาหวังว่าจะไม่มีใครล้มและโดนเหยียบ อัศวินสองคนที่เป็นคนรับใช้แสนซื่อสัตย์ของสุเมธ หันมาทางหญิงสาวทั้งสามคน พวกเขาทุบขวดเหล้าแล้วประจันหน้าต่อพวกเธอ ปุยฝ้ายผลักมนสิชาให้พ้นทาง "ไม่ได้นะปุยฝ้าย เธอก็รู้ว่าฉันแข็งแกร่งกว่า" มนสิชาเตือน "แต่ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว" ปุยฝ้ายบอก นึกถึงเรื่องโชคร้ายที่อาจ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 23

    ปุยฝ้าย ชูครีม และมนสิชาเดินกลับมาที่โรงเรียนทิศตะวันตกอย่างไม่เต็มใจ พวกเธอเดินทางเข้ามาในช่วงเย็น เพราะเคยพบว่าตอนเช้านั้นยังไม่มีใครตื่นจากการเที่ยวผับ เดินเข้ามาโดยไม่มีใครห้าม เพราะไม่มียามเฝ้าประตู "คนที่ตื่นคนที่สองคือใครนะคะ" ชูครีมถามอย่างไม่อยากเชื่อ "ก็เป็นเด็กประถมในร่างเด็กมัธยม" มนสิชาตอบ "เธออ่านกระดาษที่คุณเทพทัตเขียนให้แล้วนี่" "ก็ยังไม่อยากเชื่อนี่คะ แล้วเราจะถามเพื่อนเด็กคนนี้ยังไง เด็กประถมจะคุยกันรู้เรื่องสักแค่ไหนกัน" ชูครีมบ่นออกมา "เราก็ไปถามเอาจากครูหรืออาสาสมัครซิจ๊ะ ชูครีมจ๋า" ปุยฝ้ายตอบทีเล่นทีจริง เอื้อมมือไปลูบพุงกลมๆของเพื่อน เสียงออดดังขึ้นพอดี กลุ่มนักเรียนกรูกันมาเข้าผับ มนสิชาขวางนักเรียนหญิงคนหนึ่งเอาไว้ไม่ให้เดินไปในผับได้ "อะไรของเธอ หลีกนะ" นักเรียนหญิงท่าทางโมโห "ขอโทษนะคะ แต่ช่วยบอกเราหน่อย ว่าห้องเรียนเด็กประถมอยู่ที่ไหน" มนสิชาถาม "คิดว่าอะไร" นักเรียนหญิงคนนั้นบอก "ชั้นห้าของตึกนี้มีห้องเรียนเด

  • เมืองนิทรา   บทที่ 22

    รัตนะเป็นหมอเวรประจำแผนกห้องพิเศษ เขาเป็นหมอมานานกว่าสิบปี มีความมั่นใจในผลงานของตัวเอง สูสีกับฝีมือที่เก่งกาจขึ้นทุกวัน วันนี้มีเรื่องน่าอารมณ์เสียหลายอย่าง โดยเฉพาะการทำงานที่ล่าช้าของเจ้าหน้าที่ เขายังกลับไม่ได้เพราะรอผลเอ็กซเรย์คนไข้อยู่ "ยังไม่กลับเหรอคะหมอ" พยาบาลสาวเทียวมาเกี้ยวหมอ ในวัยสามสิบกว่าแต่ยังโสด รัตนะจึงเป็นที่หมายปองของใครหลายคน "ผมเองก็อยากกลับ แต่ยังกลับไม่ได้" เขาเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์เสีย "มีอะไรหรือเปล่าคะ นุชอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง" เธอเสนอตัว แอ่นหน้าอกหน้าใจเข้าไปใกล้ หมอหนุ่มแอบสำรวจหน้าอก แต่แล้วก็ทำเป็นขยับแว่น "เรื่องส่วนตัวคนไข้ ผมจะเอามาพูดได้ไง" เขาดูอ่อนลงนิดหนึ่ง พยาบาลสาวจึงรุกต่อ "แหม ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็บำบัดอารมณ์ได้นะคะ" เธอพูดให้เขาคิดลึกขึ้นไปอีก "ขอบคุณนะ" รัตนะเอามือไปจับไหล่เธอ เขาคิดว่าได้เล่นๆ ก็ดีกว่าอยู่คนเดียว "มาแล้วครับหมอ" เจ้าหน้าที่วิ่งมาที่แผนก พวกเขาผละออกจากกันทันที จากที่ลับสองคนจึงกลายเ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 21

    วันถัดมาชอปเปอร์ซื้อของกินมาฝากเด็กๆ เดินเข้าห้องพยาบาลที่ยังไม่มีคนอยู่ เขาลอดอุโมงค์เข้าไปหาเด็กๆ แต่ในห้องกลับว่างเปล่า ของเล่นของใช้ถูกเก็บออกไปหมด ชายหนุ่มอึ้ง รู้สึกเหมือนถูกหลอก อาสาสมัครรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นใคร หรือไม่ก็รู้หลังจากที่เขาลงชื่อไปแล้ว เขาโทษตัวเอง ไม่น่าเขียนชื่อจริงลงไป พวกนั้นคงรู้แล้วพาเด็กๆหนีไป ชอปเปอร์ทิ้งของในมือ แล้ววิ่งออกไปในเมือง ตอนนี้เป็นเวลาเย็น คนกำลังออกมาหาซื้ออะไรทาน หรือไม่ก็เตร็ดเตร่ก่อนกลับบ้าน เขาเรียกสเลฟที่ก้าวร้าวที่สุดออกมา มันคือทีเร็กซ์ หรือไทรันโนซอรัส ไดโนเสาร์กินเนื้อ นักล่าในยุคเกือบเจ็ดสิบล้านปีก่อน เสียงคำรามพร้อมฟันแหลมคม มันอ้าปากออกมาอย่างดุร้าย พอๆกับความรู้สึกเกรี้ยวกราดของชอปเปอร์ "หมอก ฆ่าได้หมด ไม่ต้องเหลือไว้สักคน" หมอกคำราม วิ่งเข้าชนร้านค้าข้างทางแล้วกัดหัวเจ้าของร้านอาหาร มันเคี้ยวจนร่างนั้นหยุดดิ้น ลำเพลิงพวยพุ่งออกมาแล้วร่างคนก็สลายไป เสียงกรี๊ดร้องดังขึ้นตลอดทางที่ ชอปเปอร์และหมอกเดินผ่าน หยดเลือดจากปากเจ้าทีเร็กซ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 20

    ห้องทำงานของหัวหน้านักเรียนมีขนาดกว้างขวาง เขามีโต๊ะทำงานตัวเขื่องสำหรับใช้งาน มันทำมาจากไม้สักแต่ดูเรียบง่าย ใกล้ๆมีชุดโซฟาสีดำพร้อมโต๊ะกระจกใส จากที่นั่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของโรงเรียนทิศเหนือได้ร้อยแปดสิบองศา เทพทัตนั่งบนโซฟานุ่มแล้วทอดมองทิวทัศน์อย่างเหม่อลอย เขามองนักเรียนทิศเหนือเดินเข้าอาคาร คิดถึงการกลับไปเป็นนักเรียนที่ไม่ต้องมีภาระให้หนักสมอง "เคาะประตูก่อนนะคะ" เสียงเด็กสาวดังขึ้น เขาคุ้นๆกับเสียงนั้นอย่างบอกไม่ถูก ประตูถูกเคาะแล้วเปิดเข้ามา ปุยฝ้าย มนสิชา และชูครีมเดินเข้ามา ความเซ็งเปลี่ยนเป็นความสดชื่นแทน เขาคงได้ข้อมูลอะไรบางอย่างเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุดแน่ "เชิญครับๆ" ปุยฝ้ายชูครีมและมนสิชานั่งลงบนโซฟา ตัวเกร็งเล็กน้อยเมื่อนั่งต่อหน้าหัวหน้านักเรียน ไม่อยากเชื่อว่าชายที่หน้าตารุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธอจะได้ห้องทำงานใหญ่โตขนาดนี้ "พวกเราทำตามที่ตกลงกับคุณเทพทัตได้แล้วค่ะ" ชูครีมเป็นฝ่ายเกริ่น "ผมได้ยินข่าวแล้ว แทนที่คุณจะเปิดโปงกิ่งฟ้า แต่กลับปล่อย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status