แชร์

บทที่ 10

ผู้เขียน: Me.Daisy
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-28 14:04:42

              เครื่องพ่นไฟที่ฝ่ายหัวหน้านักเรียนเอามาแจกมีสองส่วน  ส่วนหนึ่งเป็นทรงกระบอกสำหรับปล่อยให้ไฟออกมา  มีด้ามจับทำมาจากหนังเทียมกันความร้อน  อีกส่วนหนึ่งสามารถสะพายได้  เป็นทรงกลมเอาไว้เก็บแก๊สข้างใน  มีชายคนหนึ่งออกมายืนหน้าห้องประชุมเพื่อสาธิตอุปกรณ์ให้ดู

              "ถ้าผมเป็นคุณ  ผมจะเปิดแก๊สตรงนี้"  เขาเปิดวาล์วให้ดูด้วยการบิดไปทางขวา  "แล้วก็กดไกตรงนี้สำหรับจุดไฟให้ติด    ถ้าผมเป็นคุณ  ผมจะไม่หันกระบอกส่งไฟเข้าหน้าตัวเอง  เพราะไกค่อนข้างอ่อนทีเดียว  มันอาจจุดไฟขึ้นมาโดยบังเอิญได้ 

              เรื่องที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ  เนื่องจากเพื่อให้พกพาเครื่องได้สะดวก  เราเลยออกแบบให้ที่บรรจุแก๊สมีขนาดเล็ก  ดังนั้นถ้าเปิดไฟเต็มแรงก็จะใช้เครื่องพ่นไฟได้ราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น  แล้วคุณก็ต้องกลับมาเติมแก๊สใหม่ที่นี่นะครับ   อย่าเพิ่งทำหน้าไม่พอใจครับ  ถ้าแก๊สเยอะไป  คุณก็จะหลบตั๊กแตนตำข้าวไม่สะดวกนะครับ  เพราะงั้นเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว

              สัญญาณไฟสีแดงจะขึ้นตรงที่บรรจุแก๊ส  ถ้าเหลือแก๊สให้ใช้อีกไม่เกินสิบห้านาทีนะครับ  ถ้าผมเป็นคุณผมจะรีบวิ่งกลับมาที่โรงเรียน  เอาล่ะเดี๋ยวผมจะลองจุดไฟให้ดูนะครับ"

              เด็กหนุ่มสำรวจหน้าห้องประชุมอีกครั้ง  แน่ใจว่าบริเวณนั้นไม่มีอะไรที่ติดไฟได้จึงเริ่มสาธิตเครื่องมือ  เขาเปิดวาล์วแก๊สแล้วกดไกปืน  จากนั้นลำเพลิงก็พุ่งออกมาเมตรกว่า  อัศวินทำเสียงทึ่งในพลังของไฟ  เขารีบปิดวาล์วแก๊สแล้วหัวเราะแห้งๆ ประตูเป็นรอยไหม้เกรียม

              "ขอโทษทีครับ"

              "ขอบคุณสำหรับการสาธิตครับ"  เทพทัตเอ่ยกับช่าง    การซ่อมประตูไม่ใช่เรื่องใหญ่เท่ากับว่าเวลานี้อัศวินมีขวัญและกำลังใจที่เกิดจากอาวุธดีๆ  "เวลามีไม่มากแล้ว  เราแยกย้ายกันเลยดีกว่า"

              อัศวินลุกขึ้นพร้อมๆกัน  ชูครีมและมนสิชาเดินไปรับอาวุธ

              "เธอไม่ควรปล่อยให้มนสิชาไปคนเดียวนะชูครีม"  ครูดวงใจเตือน  "เธอยังเป็นมือใหม่อยู่  เพราะฉะนั้นคอยดูเพื่อนด้วยนะ"

              "เข้าใจแล้วค่ะครู"  ชูครีมรับคำสั้นๆ  ก่อนออกวิ่งไปพร้อมมนสิชา

              "พวกเราไปตามบ้านคนก่อนเถอะ  ฉันเห็นพวกมันชอบเกาะตามบ้านคน"  มนสิชาบอก  พวกเธอวิ่งไปที่หมู่บ้านใกล้โรงเรียน  ตั๊กแตนตำข้าวกลุ่มหนึ่งเกาะอยู่บนทาวน์เฮาส์ที่เรียงกันเป็นแถว  เธอเห็นตั๊กแตนตำข้าวคู่หนึ่งกำลังผสมพันธุ์กัน  แต่ตัวโตกว่ากำลังกินตัวเล็กกว่า

              "มันกินพวกเดียวกันด้วย"  ชูครีมรู้สึกสะอิดสะเอียน  ส่วนตั๊กแตนตำข้าวตัวอื่นก็กำลังสู้กัน  ใช้หมัดหาจังหวะต่อยอีกฝ่าย    เข้าคลุกวงในกัน  ตัวเล็กกว่าใช้ขาหน้าฟันขาอีกฝ่ายจนขาด  ชูครีมเปิดวาล์วจนสุดแล้วกดไกปืน  ไฟพุ่งปรี๊ดใส่  เพียงสามวินาทีมันก็ตกลงมาตาย  ทั้งสองคนช่วยกันย่างสดมอสเตอร์จนพวกมันร่อยหรอ

              มนสิชาเผาตัวแล้วตัวเล่า  จนแก๊สโชว์ไฟสีแดงนานแล้ว

 เธออยากจะรีบกลับไปโรงเรียนแต่ชูครีมกำลังติดพัน  มนสิชาเข้าไปช่วยชูครีมอย่างลืมกลัว  จนตั๊กแตนตายไปอีกสองโหล 

              "ต้องไปจริงๆแล้วนะ"  มนสิชาบอก  รับรู้ได้ถึงน้ำหนักแก๊สที่เบาหวิว

              ตั๊กแตนตำข้าวพุ่งเข้าใส่มนสิชาตอนเธอหันหลังให้  มันกัดเข้าที่ซอกคอหญิงสาว  แล้วใช้เคียวที่ขาหน้าตัดคอเธอ  แต่เจ้าตัวปัดออกอย่างรวดเร็ว  เธอหันกลับมาหวังจะแผดเผามัน  แต่แก๊สหมดพอดี  มนสิชาเหวี่ยงมันลงพื้นแล้วใช้เท้าบี้  สายตาตั๊กแตนตำข้าวจ้องมองเธออย่างว่างเปล่าจนหมดลมหายใจ  หญิงสาวรู้สึกไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย

              "ทางนี้ค่ะคุณมน"  ชูครีมตะโกนเมื่อเห็นหญิงสาวยังอยู่ที่เดิม

              "เธอใช้บลูฮาร์ทดีไหมชูครีม"  มนสิชาถามเมื่อเห็นว่าจำนวนมอสเตอร์ไม่ได้น้อยลงเท่าใดนัก

              "จำนวนเยอะขนาดนี้บลูฮาร์ทเอาไม่อยู่หรอกค่ะ  เก็บแรง

ไว้ใช้ยามจำเป็นดีกว่า  อีกอย่างถ้าให้บลูฮาร์ทพ่นไฟ  มีหวังหลังคาบ้านไหม้หมดแน่"

              "จริงด้วย"  มนสิชารับ  เอามือถูแผลที่ต้นคอ  โชคดีที่แผลไม่ลึกนัก

              "สวัสดีครับ  ผมหัวหน้านักเรียน  เทพทัตนะครับ"  เสียงตามสายดังขึ้นในตัวเมือง  มนสิชาเงยหน้าขึ้นเห็นลำโพงติดตั้งตามเสาไฟฟ้า  "ตอนนี้เราต้องการอาสาสมัครช่วยกำจัดตั๊กแตนตำข้าวด้วยเครื่องพ่นไฟ  หากท่านใดมีกำลังและความสนใจ  สามารถมาเจอพวกเราได้ที่โรงเรียนนะครับ"

              ชูครีมกับมนสิชาเดินมาถึงโรงเรียนในเวลาอันสั้น  มีป้ายชี้ไปโรงยิมแทน  เนื่องจากจำนวนคนเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ  ประชากรของโรงเรียนทิศเหนือมีอยู่สองร้อยสี่สิบเก้าคน  อาสาสมัครกลับมารวมกันที่โรงยิมกว่าสองร้อยคนเข้าไปแล้ว  ลึกๆแล้วทุกคนก็อยากเป็นฮีโร่ช่วยเหลือเมืองที่ตัวเองอยู่ทั้งนั้น  พวกเธอมองหาปุยฝ้ายอยู่นาน  จนในที่สุดก็เจอเธอเดินมาพร้อมเครื่องพ่นไฟ

              "โย่  สาวๆ"  เธอทักทายสีหน้าดูลำบากไม่น้อย  "ทำไมเครื่องมันถึงได้หนักจังนะ"

              "คุณปุยฝ้ายอย่าออกไปเลยนะคะ  รอพวกเราอยู่ในนี้ดีกว่า"  ชูครีมขอร้อง

              "ใช่  มันโจมตีเร็วมากเลยนะ  เธอน่ะช่วยเติมแก๊สให้อาสาสมัครในนี้ดีกว่านะ"  มนสิชาเห็นด้วย

              "ฉันก็อยากผจญภัยกับเขาบ้างนี่นา"  ปุยฝ้ายเริ่มน้อยใจ  "ยังไงก็จะไปล่ะ  ถ้าพวกเธอไม่อยากไปกับฉัน  ฉันไปคนเดียวก็ได้"

              มนสิชาจับแขนปุยฝ้ายไว้ก่อนที่เธอจะเตลิดไปไกล

              "เข้าใจแล้ว  เราไปกันเถอะ"  มนสิชายิ้มให้  ปุยฝ้ายดูพอใจเป็นอย่างยิ่ง  เธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไปตลอดทาง  ตั๊กแตนตำข้าวเริ่มเรียนรู้ว่าศัตรูอันดับหนึ่งของพวกมันคือมนุษย์นั่นเอง  ดังนั้นเมื่อมีคนเดินเข้าไปใกล้มันจะโจมตีทันที  ปุยฝ้ายเห็นพวกมันบินมาทางด้านหลังของชูครีม  เธอจึงพ่นไฟใส่  ไหม้เกรียมและตกลงบนพื้น  เธอไม่ได้สังเกตว่าข้างหลังตัวเองก็มี

บางตัวบินมา  มันจึงบินมาเกาะหัวปุยฝ้าย

              "กรี๊ด  มันมาเกาะหัวฉัน  ช่วยด้วยๆ"

              ชูครีมและมนสิชาวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาช่วย  มนสิชาเล็งไฟไปที่หัวของปุยฝ้าย

              "อย่านะ  เธอแม้แต่อย่าคิดเลยนะ"  ปุยฝ้ายทั้งร้องทั้งสั่งเสียงหลง

              "ใช้มือหยิบมันออกมาเถอะค่ะ"  ชูครีมบอกมนสิชา

              "แต่ว่า..ถ้ามันทำร้ายฉันล่ะ"  มนสิชาไม่มั่นใจ

              "เร็วเข้าสิ  มันน่าขยะแขยงจะตายไป"  ปุยฝ้ายร้องกรี๊ดๆ

              "เข้าใจแล้วๆ"  มนสิชาร้องบอก  หยิบตั๊กแตนตำข้าวออกมาทั้งที่กลัว  มันเกาะเกี่ยวผมของปุยฝ้ายเอาไว้แน่น  จนกลายเป็นตัดผมปุยฝ้ายเข้า  มนสิชาโยนตั๊กแตนไปไกล  ชูครีมเผามันทันที

              "เซฟ"  ชูครีมร้อง

              ตอนนี้พวกเธอเดินอยู่ในย่านร้านอาหาร  มีคนใช้ระเบิดกับตั๊กแตนที่บินกันเป็นฝูง  พวกมันจึงบินมาทางที่สาวๆอยู่อีกฝูงใหญ่ 

              "มันมาแล้ว"  ปุยฝ้ายตะโกนบอกเพื่อนๆ  ชูครีมกับมนสิชายืนเรียงหน้ากระดานต่อจากปุยฝ้าย  แล้วยิงลำเพลิงใส่ตั๊กแตนตำข้าวทั้งฝูง  พวกมันร่วงหล่นบนพื้น  ไร้พิษสง  และส่งกลิ่นไหม้  ตอนนี้ทั้งเมืองมีแต่คนถือเครื่องพ่นไฟ  มอสเตอร์ก็ทยอยตายไปเรื่อยๆ  จนแทบหาพวกมันไม่เจอแล้ว

              "จะเกิดอะไรขึ้นกับมอนสเตอร์ที่ไม่ตาย"  มนสิชาถาม

              "มันก็หลบอยู่ในธรรมชาติค่ะ  แล้วก็อาจจะแพร่พันธุ์ได้"  ชูครีมตอบ

              "งั้นเราก็ต้องกำจัดให้หมดให้ได้"  ปุยฝ้ายที่เหงื่อท่วมตัว ชูมือขึ้นไฟในมือเธอเฉียดตาของชูครีมไปนิดเดียว

              "เดี๋ยวเถอะปุยฝ้าย"  มนสิชาแหว

              "ขอโทษทีจ้า"  เด็กสาวลดมือลงอย่างระมัดระวัง

              พวกเธอเดินหาตั๊กแตนกันทั้งคืน  ชูครีมหายไปเพราะหลับไม่ฝัน  เมื่อกลับมาอีกทีก็พบว่าทุกคนมารวมตัวที่โรงยิมกันอีกครั้งเพื่อคืนอาวุธ  เธอเดินเข้าไปหาเพื่อนๆที่นั่งอยู่มุมหนึ่ง  ท่าทางอิดโรย

              "สรุปว่าเราหาทางออกจากฝันไม่ได้  จากนี้ก็ควรอยู่ที่นี่ตลอดไปสินะ"  มนสิชาเอ่ยกับเพื่อนทั้งสอง

              "ก็ไม่เชิงว่าไม่มีทางออกหรอก  เพราะความจริงแล้วฉันได้ยินข่าวลือมาว่ามีคนตื่นขึ้นจากฝัน  แต่เราแทบไม่รู้อะไรจากพวกนั้นเลย"  ปุยฝ้ายเป็นคนเอ่ย  "บางทีพวกครูคงมีข้อมูลมากกว่าเราละมั้ง"

              "ครูรู้อะไรที่เธออยากรู้หรือ  ปุยฝ้าย"  ดวงใจเดินผ่านมาพอดี

              "รู้ว่าคนที่ตื่นจากฝันเขาทำได้ยังไงคะ"  ปุยฝ้ายตอบ

              "เป็นคำถามที่ดีมาก  แต่คนที่ตอบได้คงเป็นหัวหน้านักเรียน  เพราะพวกเขาทั้งสี่คนเป็นคนติดต่อกับผู้สร้าง  ผู้สร้างก็คือคนที่สร้างเมืองนี้ขึ้นมา  แถมหัวหน้านักเรียนยังรับภารกิจดูแล

นักเรียนมาจากผู้สร้างด้วย"

              แผนผังความสัมพันธ์เริ่มปรากฏชัดในใจของพวกเด็กสาว  เรื่องนี้ลึกลับกว่าที่พวกเธอคิดไว้  ตอนแรกพวกเธอคิดว่าพวกเขาทำงานนี้เพราะจิตอาสา  แต่กลายเป็นว่ายังมีเรื่องราวเบื้องลึกที่น่าสืบสาวเข้าไปให้รู้ยิ่งขึ้นอีก

              "แล้วพวกเราจะเข้าถึงหัวหน้านักเรียนได้ยังไงคะ"  มนสิชาถาม

              "เร็วๆนี้จะมีการเลือกตั้งประธานนักเรียน  และคนที่ชนะจะได้รับรางวัลพิเศษจากผู้สร้าง  เป็นการดูแลร่างเนื้อจากทีมแพทย์ด้วย  นอกจากนี้ครูคิดว่าอาจจะไม่ใช่แค่การดูแลเพียงอย่างเดียว  น่าจะทำให้หัวหน้านักเรียนเข้าถึงข้อมูลที่ผู้สร้างมีด้วย  ทำไมเธอไม่ลองไปถามหัวหน้านักเรียนทิศเหนือของพวกเราดูล่ะ"

              มนสิชารู้สึกแปลกใจกับข้อมูลที่ดวงใจบอก

              "แล้วผู้สร้างรู้วิธีตื่นจากฝันหรือเปล่า  รู้สินะคะ  แต่ทำไมเขาถึงไม่บอกอะไรพวกเราเลย"  มนสิชาถามเมื่อตั้งสติได้แล้ว

              "ผู้สร้างอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็ได้  ถ้ามีโอกาสพวกเธอควรเข้าไปคุยกับเทพทัตดูนะ"  ดวงใจบอก  "งั้นครูขอตัวนะ"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมืองนิทรา   บทที่ 11

    ฝูงตั๊กแตนตำข้าวถูกนำไปแลกเงินได้มากพอจะซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนได้อีกแห่งหนึ่ง แต่เทพทัตแบ่งเงินให้กับนักเรียนและอีกส่วนหนึ่งเขาก็เอามาทำให้มีวันนี้ นักเรียนทิศเหนือมารวมตัวที่สนามฟุตบอล โต๊ะยาวหลายตัวนำมาเรียงตัวกันเพื่อวางอาหารน่ากินหลายอย่าง มีพระเอกของงานเป็นเค้กครีมสดขนาดยักษ์ เขาจัดเวทีสำหรับมินิคอนเสิร์ตให้นักดนตรีและนักร้องอาชีพ แม้จะอยู่ในคราบนักเรียนมัธยมปลาย แต่พวกเขาก็ทำงานในระดับมืออาชีพกันมาก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา นักเรียนโรงเรียนทิศเหนือจับกลุ่มคุยเป็นกลุ่มๆไป มนสิชามองชุดนักเรียนอย่างเบื่อหน่าย เธอคิดว่าพวกเขาควรงดเว้นไม่ใส่ชุดนี้มาบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่านี้ เธอดึงเก้าอี้หน้าเวทีออกมาแล้วนั่งไขว่ห้างเท้าคาง ชูครีมเดินวนอยู่ที่ซุ่มของกินกับเพื่อนอัศวิน ส่วนปุยฝ้ายคุยฟุ้งได้กับทุกคน นักดนตรีหันมาเล่นดนตรีแนวแอบรัก มีนักเรียนชายตัดผมรองทรงต่ำ เดินเข้ามาหามนสิชา เขาดูเป็นนักเรี๊ยนนักเรียนในสายตาของหญิงสาว เด็กหนุ่มยิ้มเอียงอายให้หล่อนก่อนเอ่ย "มีคนนั่งตรงนี้ไหมครับ" เขาหมายถึงเก้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-31
  • เมืองนิทรา   บทที่ 12

    "เดี๋ยวชูครีมจัดการด้านบนเองค่ะ" ชูครีมเอ่ยกับพรรคพวกขณะขี่บลูฮาร์ท ไม่ไกลนักอัศวินคนหนึ่งกำลังขี่เทอราโนดอน นกไดโนเสาร์ยักษ์ผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราด มันร้องเสียงดังแล้วบินเข้าโจมตีเหยี่ยวยักษ์ที่ตัวพอๆกับมัน ที่เหลือจึงเริ่มหันเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น หลายตัวพุ่งลงใส่คน จากนั้นเมื่อคนกระโดดหมอบ พวกมันจึงเชิดหัวขึ้นแล้วชนเข้ากับกองอาหารบนโต๊ะ เสียงดังโครม อาหารกระจายเต็มพื้น ผู้คนหวีดร้อง วิ่งหนีเข้าไปในโรงยิม นกเหยี่ยวยักษ์บินฉวัดเฉวียนเหนือพวกเขา มันบินลงมาคาบมนุษย์แล้วปล่อยให้ตกลงมาจากท้องฟ้า บางคนโดนเด็ดหัว เลือดไหลจากคอเหมือนน้ำก๊อก "ใหญ่ ไม่นะใหญ่" เสียงเพื่อนหญิงของศพไร้หัวร้อง ศพเกิดไฟลุกท่วมแล้วสลายไป ไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี "เขาแค่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง เข้าไปหลบในโรงยิมก่อนเถอะค่ะ" ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่า นกเหยี่ยวยักษ์ยังบินเหนือท้องฟ้าไม่เลิก แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะยอมลุกไปไหน "ถ้าคุณต้องตายแล้วลืมว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็จะต้องแยกจากกั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-02
  • เมืองนิทรา   บทที่ 13

    ผ้าม่านถูกเปิดกว้าง ทำให้แสงสว่างสาดเข้ามาได้เต็มที่โดยไม่ต้องอาศัยหลอดไฟ เทพทัตนั่งรอสามสาวอย่างสบายใจ เขายกน้ำมะตูมขึ้นดื่ม และพบว่ารสของมันหวานอมขม เขาเป็นพวกพลังไม่เข้มแข็งเช่นกัน แต่อยู่ในจุดที่ไม่ต้องออกแรงเอง จึงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ ปุยฝ้ายเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เทพทัตตกใจจนสำลักน้ำมะตูม ไอจนหน้าแดงแล้วกลับมาวางมาดนิ่งตามปกติ ชูครีมมองสำรวจหัวหน้านักเรียนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เธอเองก็เกรงใจเขาเช่นกัน "เคาะประตูก่อนสิ ปุยฝ้าย" มนสิชาเป็นคนตำหนิเธอ "แหะๆ ขอโทษทีค่ะ หวังว่าคุณเทพทัตจะไม่เป็นอะไรนะคะ" ปุยฝ้ายยิ้มฝืดฝืน หน้าตาเกร็งไปหมด "ไม่เป็นไรครับ เชิญเด็กๆ เอ๊ย พวกคุณนั่งกันก่อนเลย" เทพทัตผายมือให้นั่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลานาน ดูเหมือนเทพทัตจะมีเรื่องบางอย่างในใจ ทำให้เขาไม่พูดอะไรเลย "คุณเทพทัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" มนสิชาตัดสินใจถาม "ครับ ขอโทษที ผมมีเรื่องอะไรต้องคิดเยอะ ปัญหาไม่ใช่น้อยๆเลย" เขาทำท่าเหมือนอยากระบาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • เมืองนิทรา   บทที่ 14

    ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีมอนสเตอร์ออกมาให้ปราบสองครั้ง นักเรียนคลาสเอสเดินกลับห้องเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ พวกอัศวินชั้นหนึ่งเดินนำหน้าพร้อมกับคุยกันเสียงดัง อัศวินชั้นสองเดินตามมาอย่างหงอยๆ "ชูครีมนี่สุดยอดไปเลยนะ เธอบังคับสเลฟแบบนั้นได้ยังไง บลูฮาร์ทนี่เชื่องสุดๆไปเลย" ใบเฟิร์นชมเปาะ "ตอนอยู่ทิศเหนือ บอกมาเถอะว่าเธอเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า" "เปล่าคะ ชูครีมไม่ได้เก่งถึงขนาดนั้น ถามคุณมนดูก็ได้" ชูครีมโยนให้เพื่อนสาวที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ไม่มีใครอยากรู้เรื่องจากปากมนสิชา จึงเงียบเสียงลง หญิงสาวอ้าปากเก้อ รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้น ก่อนก้มลงมองหนังสือในมือ "เดี๋ยวหลังเลิกเรียน เราจะจัดปาร์ตี้ฉลอง ชูครีมก็มากับพวกเราด้วยสิ" อัศวินชั้นหนึ่งอีกคนเดินเข้ามา "ถ้าคุณมนไป.." ชูครีมเอ่ยไม่ทันจบใบเฟิร์นก็แทรก "พวกเราอัศวินชั้นหนึ่งจองห้องจัดเลี้ยงได้เป็นพิเศษ ยังไงก็ไปกันเถอะนะ" คนเดิมเอ่ย มนสิชาพยักหน้าให้ชูครีมเข้าร่วม "ก็..ได้ค่ะ" หล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • เมืองนิทรา   บทที่ 15

    พวกเขาเดินเข้ามาในเขตโรงเรียนทิศตะวันตกได้สักพักแล้ว ไม่เจอนักเรียนเลยสักคน ทั้งที่เจอเมืองเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ไม่มีย่านชุมชน แต่สร้างหอนอนไว้ในโรงเรียน ตัวอาคารเรียนทาสีแดงดำเหมือนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นโรงเรียน "เอาไงดีอ่ะ" มนสิชาหันมาถามเพื่อนๆ "ลองขึ้นไปดูในห้องเรียนก่อนดีไหมคะ อาจจะมีห้องพักครูหรืออะไรแบบนั้น" ชูครีมเสนอ "ตามฉันมาเลย" ปุยฝ้ายร้องแล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคาร เธอไม่เจอห้องพักครูหรือสำนักงานอะไรเลย จนกระทั่งเข้ามาเจอห้องว่างห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วเจอบันไดให้เดินลงไปอีกครึ่งชั้น มีโคมไฟประดับอยู่ตามผนังห้องที่ทำสีดำสลับกับแดงเหมือนข้างนอก มีโต๊ะตัวเตี้ยๆกับเก้าอี้ให้นั่ง บาร์สำหรับชงเครื่องดื่ม และเวทีเล็กๆที่พอให้วางเครื่องดนตรี "นี่มันผับนี่นา" มนสิชาร้อง มีนักเรียนกำลังทำความสะอาดอยู่พอดี เขาหันมาทางพวกเธอทั้งสามคน ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ "มาใหม่เหรอครับ" เขาถาม "เอ่อ ใช่ค่ะ แล้วที่นี่ไม่มีห้องเรียนเหรอคะ" ชูครีมถามตรงๆ "มีสิคร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-09
  • เมืองนิทรา   บทที่ 16

    คทาเป็นชายอายุหกสิบปี ผมหงอกหมดทั้งหัว ผิวขาว ดูสะอาดสะอ้าน เขาเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทิ้งลูกสาวสองคนให้เขาดูแลตามลำพัง คนโตคือมนสิชาและคนเล็กคือกุมภา มนสิชาไม่เคยมีเรื่องให้เขาลำบากใจเพราะเธอตั้งใจเรียนและช่วยเขาทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ จะมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างก็ตรงที่เธอมีผู้ชายมาชอบเยอะ ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีชายแก่ร่ำรวยมากมายเข้ามาเสนอช่วยออก ค่าเทอมให้ ส่วนน้องคนเล็กนั้นแทบจะตรงข้าม เพราะเธอหน้าตาไม่รับแขก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ดังนั้นคนส่วนใหญ่รอบตัวเธอจึงมีแต่คนไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเรทำให้เขาต้องเป็นห่วง เขาเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดทุกคน ไม่อยากให้ใครโตขึ้นมาแบบไม่เอาจริงเอาจัง ทั้งดุจนร้องไห้แล้วค่อยปลอบทีหลังก็เคยมาแล้ว เขารู้ว่าลูกๆไม่เคยเกลียดเขา เพราะทุกครั้งที่ดุที่จะบอกเหตุผลทุกครั้ง คทาเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบพูดในสิ่งที่คิด ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนได้รับอิทธิพลเรื่องการพูดตรงจากเขาไปไม่น้อย แรกๆคนไม่ค่อยพอใจที่เขาพูดตรงๆ แต่คนที่รับได้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-16
  • เมืองนิทรา   บทที่ 17

    "นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วนะ แต่เรายังหามนไม่เจอเลย" ปุยฝ้ายบ่นอย่างเซ็งๆ เธอโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำแก้เบื่อ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่สวนดอกไม้ของส่วนกลาง ที่ลับของพวกเธอสามคน ดอกไม้กลับมาบานสดใสเหมือนเดิม สีขาว สีแดง และสีเหลืองตัดกันสุดลูกหูลูกตา "ชูครีมว่าคงมีใครช่วยเธอไว้ค่ะ" ชูครีมตอบ นั่งยืดขาจนสุดบนพื้นหญ้าแสนนิ่ม "พวกเราไปทิศตะวันออกกันเลยไหมคะ ไม่แน่ว่าอาจเจอคุณมนที่นั่น" "แต่ว่า" ปุยฝ้ายคัดค้าน สีหน้าเป็นกังวล "การเอาใจคุณมนที่ดีที่สุด ก็คือการเข้าใกล้ทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะคะ" ชูครีมให้ความเห็น "ชูครีมเชื่อว่าคุณมนต้องเข้าใจคุณปุยฝ้ายแน่ๆค่ะ" "แล้วคราวนี้เราจะสืบยังไงดีล่ะ" ปุยฝ้ายถาม สมองเค้นคิดทางออกอย่างหนัก ชูครีมเองก็คิดทางออกอย่างวกวน ไม่มีคำตอบหลุดออกจากปากเธอ "เราไปถามหัวหน้านักเรียนตรงๆเลยดีไหม" ปุยฝ้ายเสนอ "หา ถามคุณกิ่งฟ้านี่นะ" ชูครีมแปลกใจ "ถามแล้วก็ดูปฏิกิริยาของเธอ ถ้าเธอทำ ต้องแสดงอาการอะไรออกมาแน่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-16
  • เมืองนิทรา   บทที่ 18

    ชูครีมและปุยฝ้ายเดินไปย่านร้านค้า เวลานั้นเป็นช่วงสายของวันหยุด มีร้านกาแฟโบราณเปิดอยู่ ไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าที่นี่อีกแล้ว โต๊ะในร้านให้บริการคนในท้องถิ่นมานั่งคุยกัน เจ้าของร้านชงกาแฟแบบโบราณ รสชาติที่ทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะในโลกแห่งความเป็นจริงหรือโลกแห่งความฝัน พวกเขาไม่ได้ติดใจเพียงรสชาติ แต่ยังติดใจบรรยากาศการนั่งคุยฉันมิตรด้วย เด็กหนุ่มทั้งหมดสวมชุดนักเรียนมานั่งดื่มชาร้อนกันกว่าหกคน ชูครีมและปุยฝ้ายเลือกที่นั่งริมๆโต๊ะ แล้วสังเกตุการพูดคุยของพวกเขา แหล่งข่าวชั้นเยี่ยมก็คือสถานที่ๆ มีคนนั่งเม้าท์กันอย่างไม่ระวังนี่แหละ "ได้ยินมาว่าที่ทิศตะวันตกมีกบฏด้วยนะ" ชายคนหนึ่งเอ่ย สามสาวยังไม่ได้หันไปมองว่าใครพูด จึงไม่เห็นว่าเป็นใคร "แล้วปฏิวัติสำเร็จหรือเปล่าล่ะ" "ไม่เลย แถมคุณสุกฤตยังไม่เอาเรื่องด้วยนะ" คนที่เล่าตอบ "ไม่มีใครตาย แต่คนเจ็บเยอะอยู่" มนสิชาเงี่ยหูฟังเต็มที่ ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ดาวเหนือปลอดภัย "หัวหน้าทิศตะวันออกน่ะนะ" เด็กหนุ่มผมสีอ่อนเอ่ยเสียงเบาลง คนท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-16

บทล่าสุด

  • เมืองนิทรา   บทที่ 18

    ชูครีมและปุยฝ้ายเดินไปย่านร้านค้า เวลานั้นเป็นช่วงสายของวันหยุด มีร้านกาแฟโบราณเปิดอยู่ ไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าที่นี่อีกแล้ว โต๊ะในร้านให้บริการคนในท้องถิ่นมานั่งคุยกัน เจ้าของร้านชงกาแฟแบบโบราณ รสชาติที่ทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะในโลกแห่งความเป็นจริงหรือโลกแห่งความฝัน พวกเขาไม่ได้ติดใจเพียงรสชาติ แต่ยังติดใจบรรยากาศการนั่งคุยฉันมิตรด้วย เด็กหนุ่มทั้งหมดสวมชุดนักเรียนมานั่งดื่มชาร้อนกันกว่าหกคน ชูครีมและปุยฝ้ายเลือกที่นั่งริมๆโต๊ะ แล้วสังเกตุการพูดคุยของพวกเขา แหล่งข่าวชั้นเยี่ยมก็คือสถานที่ๆ มีคนนั่งเม้าท์กันอย่างไม่ระวังนี่แหละ "ได้ยินมาว่าที่ทิศตะวันตกมีกบฏด้วยนะ" ชายคนหนึ่งเอ่ย สามสาวยังไม่ได้หันไปมองว่าใครพูด จึงไม่เห็นว่าเป็นใคร "แล้วปฏิวัติสำเร็จหรือเปล่าล่ะ" "ไม่เลย แถมคุณสุกฤตยังไม่เอาเรื่องด้วยนะ" คนที่เล่าตอบ "ไม่มีใครตาย แต่คนเจ็บเยอะอยู่" มนสิชาเงี่ยหูฟังเต็มที่ ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ดาวเหนือปลอดภัย "หัวหน้าทิศตะวันออกน่ะนะ" เด็กหนุ่มผมสีอ่อนเอ่ยเสียงเบาลง คนท

  • เมืองนิทรา   บทที่ 17

    "นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วนะ แต่เรายังหามนไม่เจอเลย" ปุยฝ้ายบ่นอย่างเซ็งๆ เธอโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำแก้เบื่อ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่สวนดอกไม้ของส่วนกลาง ที่ลับของพวกเธอสามคน ดอกไม้กลับมาบานสดใสเหมือนเดิม สีขาว สีแดง และสีเหลืองตัดกันสุดลูกหูลูกตา "ชูครีมว่าคงมีใครช่วยเธอไว้ค่ะ" ชูครีมตอบ นั่งยืดขาจนสุดบนพื้นหญ้าแสนนิ่ม "พวกเราไปทิศตะวันออกกันเลยไหมคะ ไม่แน่ว่าอาจเจอคุณมนที่นั่น" "แต่ว่า" ปุยฝ้ายคัดค้าน สีหน้าเป็นกังวล "การเอาใจคุณมนที่ดีที่สุด ก็คือการเข้าใกล้ทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะคะ" ชูครีมให้ความเห็น "ชูครีมเชื่อว่าคุณมนต้องเข้าใจคุณปุยฝ้ายแน่ๆค่ะ" "แล้วคราวนี้เราจะสืบยังไงดีล่ะ" ปุยฝ้ายถาม สมองเค้นคิดทางออกอย่างหนัก ชูครีมเองก็คิดทางออกอย่างวกวน ไม่มีคำตอบหลุดออกจากปากเธอ "เราไปถามหัวหน้านักเรียนตรงๆเลยดีไหม" ปุยฝ้ายเสนอ "หา ถามคุณกิ่งฟ้านี่นะ" ชูครีมแปลกใจ "ถามแล้วก็ดูปฏิกิริยาของเธอ ถ้าเธอทำ ต้องแสดงอาการอะไรออกมาแน่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 16

    คทาเป็นชายอายุหกสิบปี ผมหงอกหมดทั้งหัว ผิวขาว ดูสะอาดสะอ้าน เขาเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทิ้งลูกสาวสองคนให้เขาดูแลตามลำพัง คนโตคือมนสิชาและคนเล็กคือกุมภา มนสิชาไม่เคยมีเรื่องให้เขาลำบากใจเพราะเธอตั้งใจเรียนและช่วยเขาทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ จะมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างก็ตรงที่เธอมีผู้ชายมาชอบเยอะ ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีชายแก่ร่ำรวยมากมายเข้ามาเสนอช่วยออก ค่าเทอมให้ ส่วนน้องคนเล็กนั้นแทบจะตรงข้าม เพราะเธอหน้าตาไม่รับแขก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ดังนั้นคนส่วนใหญ่รอบตัวเธอจึงมีแต่คนไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเรทำให้เขาต้องเป็นห่วง เขาเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดทุกคน ไม่อยากให้ใครโตขึ้นมาแบบไม่เอาจริงเอาจัง ทั้งดุจนร้องไห้แล้วค่อยปลอบทีหลังก็เคยมาแล้ว เขารู้ว่าลูกๆไม่เคยเกลียดเขา เพราะทุกครั้งที่ดุที่จะบอกเหตุผลทุกครั้ง คทาเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบพูดในสิ่งที่คิด ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนได้รับอิทธิพลเรื่องการพูดตรงจากเขาไปไม่น้อย แรกๆคนไม่ค่อยพอใจที่เขาพูดตรงๆ แต่คนที่รับได้

  • เมืองนิทรา   บทที่ 15

    พวกเขาเดินเข้ามาในเขตโรงเรียนทิศตะวันตกได้สักพักแล้ว ไม่เจอนักเรียนเลยสักคน ทั้งที่เจอเมืองเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ไม่มีย่านชุมชน แต่สร้างหอนอนไว้ในโรงเรียน ตัวอาคารเรียนทาสีแดงดำเหมือนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นโรงเรียน "เอาไงดีอ่ะ" มนสิชาหันมาถามเพื่อนๆ "ลองขึ้นไปดูในห้องเรียนก่อนดีไหมคะ อาจจะมีห้องพักครูหรืออะไรแบบนั้น" ชูครีมเสนอ "ตามฉันมาเลย" ปุยฝ้ายร้องแล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคาร เธอไม่เจอห้องพักครูหรือสำนักงานอะไรเลย จนกระทั่งเข้ามาเจอห้องว่างห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วเจอบันไดให้เดินลงไปอีกครึ่งชั้น มีโคมไฟประดับอยู่ตามผนังห้องที่ทำสีดำสลับกับแดงเหมือนข้างนอก มีโต๊ะตัวเตี้ยๆกับเก้าอี้ให้นั่ง บาร์สำหรับชงเครื่องดื่ม และเวทีเล็กๆที่พอให้วางเครื่องดนตรี "นี่มันผับนี่นา" มนสิชาร้อง มีนักเรียนกำลังทำความสะอาดอยู่พอดี เขาหันมาทางพวกเธอทั้งสามคน ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ "มาใหม่เหรอครับ" เขาถาม "เอ่อ ใช่ค่ะ แล้วที่นี่ไม่มีห้องเรียนเหรอคะ" ชูครีมถามตรงๆ "มีสิคร

  • เมืองนิทรา   บทที่ 14

    ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีมอนสเตอร์ออกมาให้ปราบสองครั้ง นักเรียนคลาสเอสเดินกลับห้องเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ พวกอัศวินชั้นหนึ่งเดินนำหน้าพร้อมกับคุยกันเสียงดัง อัศวินชั้นสองเดินตามมาอย่างหงอยๆ "ชูครีมนี่สุดยอดไปเลยนะ เธอบังคับสเลฟแบบนั้นได้ยังไง บลูฮาร์ทนี่เชื่องสุดๆไปเลย" ใบเฟิร์นชมเปาะ "ตอนอยู่ทิศเหนือ บอกมาเถอะว่าเธอเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า" "เปล่าคะ ชูครีมไม่ได้เก่งถึงขนาดนั้น ถามคุณมนดูก็ได้" ชูครีมโยนให้เพื่อนสาวที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ไม่มีใครอยากรู้เรื่องจากปากมนสิชา จึงเงียบเสียงลง หญิงสาวอ้าปากเก้อ รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้น ก่อนก้มลงมองหนังสือในมือ "เดี๋ยวหลังเลิกเรียน เราจะจัดปาร์ตี้ฉลอง ชูครีมก็มากับพวกเราด้วยสิ" อัศวินชั้นหนึ่งอีกคนเดินเข้ามา "ถ้าคุณมนไป.." ชูครีมเอ่ยไม่ทันจบใบเฟิร์นก็แทรก "พวกเราอัศวินชั้นหนึ่งจองห้องจัดเลี้ยงได้เป็นพิเศษ ยังไงก็ไปกันเถอะนะ" คนเดิมเอ่ย มนสิชาพยักหน้าให้ชูครีมเข้าร่วม "ก็..ได้ค่ะ" หล

  • เมืองนิทรา   บทที่ 13

    ผ้าม่านถูกเปิดกว้าง ทำให้แสงสว่างสาดเข้ามาได้เต็มที่โดยไม่ต้องอาศัยหลอดไฟ เทพทัตนั่งรอสามสาวอย่างสบายใจ เขายกน้ำมะตูมขึ้นดื่ม และพบว่ารสของมันหวานอมขม เขาเป็นพวกพลังไม่เข้มแข็งเช่นกัน แต่อยู่ในจุดที่ไม่ต้องออกแรงเอง จึงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ ปุยฝ้ายเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เทพทัตตกใจจนสำลักน้ำมะตูม ไอจนหน้าแดงแล้วกลับมาวางมาดนิ่งตามปกติ ชูครีมมองสำรวจหัวหน้านักเรียนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เธอเองก็เกรงใจเขาเช่นกัน "เคาะประตูก่อนสิ ปุยฝ้าย" มนสิชาเป็นคนตำหนิเธอ "แหะๆ ขอโทษทีค่ะ หวังว่าคุณเทพทัตจะไม่เป็นอะไรนะคะ" ปุยฝ้ายยิ้มฝืดฝืน หน้าตาเกร็งไปหมด "ไม่เป็นไรครับ เชิญเด็กๆ เอ๊ย พวกคุณนั่งกันก่อนเลย" เทพทัตผายมือให้นั่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลานาน ดูเหมือนเทพทัตจะมีเรื่องบางอย่างในใจ ทำให้เขาไม่พูดอะไรเลย "คุณเทพทัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" มนสิชาตัดสินใจถาม "ครับ ขอโทษที ผมมีเรื่องอะไรต้องคิดเยอะ ปัญหาไม่ใช่น้อยๆเลย" เขาทำท่าเหมือนอยากระบาย

  • เมืองนิทรา   บทที่ 12

    "เดี๋ยวชูครีมจัดการด้านบนเองค่ะ" ชูครีมเอ่ยกับพรรคพวกขณะขี่บลูฮาร์ท ไม่ไกลนักอัศวินคนหนึ่งกำลังขี่เทอราโนดอน นกไดโนเสาร์ยักษ์ผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราด มันร้องเสียงดังแล้วบินเข้าโจมตีเหยี่ยวยักษ์ที่ตัวพอๆกับมัน ที่เหลือจึงเริ่มหันเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น หลายตัวพุ่งลงใส่คน จากนั้นเมื่อคนกระโดดหมอบ พวกมันจึงเชิดหัวขึ้นแล้วชนเข้ากับกองอาหารบนโต๊ะ เสียงดังโครม อาหารกระจายเต็มพื้น ผู้คนหวีดร้อง วิ่งหนีเข้าไปในโรงยิม นกเหยี่ยวยักษ์บินฉวัดเฉวียนเหนือพวกเขา มันบินลงมาคาบมนุษย์แล้วปล่อยให้ตกลงมาจากท้องฟ้า บางคนโดนเด็ดหัว เลือดไหลจากคอเหมือนน้ำก๊อก "ใหญ่ ไม่นะใหญ่" เสียงเพื่อนหญิงของศพไร้หัวร้อง ศพเกิดไฟลุกท่วมแล้วสลายไป ไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี "เขาแค่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง เข้าไปหลบในโรงยิมก่อนเถอะค่ะ" ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่า นกเหยี่ยวยักษ์ยังบินเหนือท้องฟ้าไม่เลิก แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะยอมลุกไปไหน "ถ้าคุณต้องตายแล้วลืมว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็จะต้องแยกจากกั

  • เมืองนิทรา   บทที่ 11

    ฝูงตั๊กแตนตำข้าวถูกนำไปแลกเงินได้มากพอจะซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนได้อีกแห่งหนึ่ง แต่เทพทัตแบ่งเงินให้กับนักเรียนและอีกส่วนหนึ่งเขาก็เอามาทำให้มีวันนี้ นักเรียนทิศเหนือมารวมตัวที่สนามฟุตบอล โต๊ะยาวหลายตัวนำมาเรียงตัวกันเพื่อวางอาหารน่ากินหลายอย่าง มีพระเอกของงานเป็นเค้กครีมสดขนาดยักษ์ เขาจัดเวทีสำหรับมินิคอนเสิร์ตให้นักดนตรีและนักร้องอาชีพ แม้จะอยู่ในคราบนักเรียนมัธยมปลาย แต่พวกเขาก็ทำงานในระดับมืออาชีพกันมาก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา นักเรียนโรงเรียนทิศเหนือจับกลุ่มคุยเป็นกลุ่มๆไป มนสิชามองชุดนักเรียนอย่างเบื่อหน่าย เธอคิดว่าพวกเขาควรงดเว้นไม่ใส่ชุดนี้มาบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่านี้ เธอดึงเก้าอี้หน้าเวทีออกมาแล้วนั่งไขว่ห้างเท้าคาง ชูครีมเดินวนอยู่ที่ซุ่มของกินกับเพื่อนอัศวิน ส่วนปุยฝ้ายคุยฟุ้งได้กับทุกคน นักดนตรีหันมาเล่นดนตรีแนวแอบรัก มีนักเรียนชายตัดผมรองทรงต่ำ เดินเข้ามาหามนสิชา เขาดูเป็นนักเรี๊ยนนักเรียนในสายตาของหญิงสาว เด็กหนุ่มยิ้มเอียงอายให้หล่อนก่อนเอ่ย "มีคนนั่งตรงนี้ไหมครับ" เขาหมายถึงเก้า

  • เมืองนิทรา   บทที่ 10

    เครื่องพ่นไฟที่ฝ่ายหัวหน้านักเรียนเอามาแจกมีสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นทรงกระบอกสำหรับปล่อยให้ไฟออกมา มีด้ามจับทำมาจากหนังเทียมกันความร้อน อีกส่วนหนึ่งสามารถสะพายได้ เป็นทรงกลมเอาไว้เก็บแก๊สข้างใน มีชายคนหนึ่งออกมายืนหน้าห้องประชุมเพื่อสาธิตอุปกรณ์ให้ดู "ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเปิดแก๊สตรงนี้" เขาเปิดวาล์วให้ดูด้วยการบิดไปทางขวา "แล้วก็กดไกตรงนี้สำหรับจุดไฟให้ติด ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่หันกระบอกส่งไฟเข้าหน้าตัวเอง เพราะไกค่อนข้างอ่อนทีเดียว มันอาจจุดไฟขึ้นมาโดยบังเอิญได้ เรื่องที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เนื่องจากเพื่อให้พกพาเครื่องได้สะดวก เราเลยออกแบบให้ที่บรรจุแก๊สมีขนาดเล็ก ดังนั้นถ้าเปิดไฟเต็มแรงก็จะใช้เครื่องพ่นไฟได้ราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วคุณก็ต้องกลับมาเติมแก๊สใหม่ที่นี่นะครับ อย่าเพิ่งทำหน้าไม่พอใจครับ ถ้าแก๊สเยอะไป คุณก็จะหลบตั๊กแตนตำข้าวไม่สะดวกนะครับ เพราะงั้นเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว สัญญาณไฟสีแดงจะขึ้นตรงที่บรรจุแก๊ส ถ้าเหลือแก๊สให้ใช้อีกไม่เกินสิบห้านาทีนะครับ ถ้าผมเป็นคุณผมจะรีบวิ่งกลับมาที่โรงเรียน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status