Share

บทที่ 9

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2024-12-26 18:26:55

              มนสิชาทำหน้าเป็นกังวล  ไม่พอใจ  ถอนหายใจ  ไม่ยอมพูดกับใครตลอดทั้งวัน  ปุยฝ้ายรู้สึกว่าอารมณ์คราวนี้เป็นของจริง  จึงไม่กล้าแหย่  หันมามองชูครีมและเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนถาม

              "เธอเหมาะกว่า"

              "เธอนั่นแหละ  เหมาะกว่า"

              สองสาวดันอีกคนให้เดินเข้าไป  มนสิชาเท้าคางอยู่ในห้อง  มองออกไปริมหน้าต่าง  ใจลอยจนไม่ได้ยินเพื่อนสาวเลย  ปุยฝ้ายดันชูครีม  แต่อีกฝ่ายพลิกตัวกลับแล้วดันปุยฝ้ายเข้าไป    ชูครีมเผลอใช้แรงมากไปหน่อย  ปุยฝ้ายจึงพุ่งถลาเข้าหามนสิชา  สีข้างเธอไปโดนขอบโต๊ะเข้าอย่างจัง  เธอจึงอยู่ในท่าคุดคู้  กุมสีข้างไว้แน่น

              "เจ็บนะ"  ปุยฝ้ายหันมาทำตาเขียวใส่

              "ขอโทษค่ะ"  ชูครีมรู้สึกผิด  เสียงดังโครมนั่นทำให้มนสิชากลับมาขณะปัจจุบันได้

              "แล้วเธอเป็นอะไรไหม  ชูครีม"  มนสิชาถาม

              "ไม่ยุติธรรมจริงๆ  ฉันเป็นคนที่ล้มนะ"  ปุยฝ้ายประท้วง

              "แหงล่ะ  เพราะเธอมันซนนี่"  มนสิชาหันหน้าไปอีกทาง  ชูครีมทำสัญญาณมือให้ปุยฝ้ายเป็นคนถาม

              "ก็ได้ๆ  ฉันถามเองก็ได้"  ปุยฝ้ายรับอย่างรำคาญ  ลุกขึ้นยืนต่อหน้ามนสิชา  "เธอเป็นอะไรหรือเปล่า  ทำไมถึงซึมไป"

              "เป็นห่วงที่บ้านน่ะ  ไหนจะค่ารักษาฉัน  ค่าเทอมน้อง  แล้วพวกเขายังต้องมาเฝ้าฉันอีก"  มนสิชาคอตก  "ยิ่งอยู่ในนี้นานเท่าไหร่  ครอบครัวฉันยิ่งลำบาก"

              "พวกเราเองก็ไม่ได้สบายใจนักหรอกนะคะ"  ชูครีมนั่งลงที่โต๊ะข้างๆ

              "ฉันว่าตอนนี้แขนขาฉันคงลีบหมดแล้วล่ะ  นอนติดเตียงมาสองปีแล้วนี่นะ"  ปุยฝ้ายนึกภาพตัวเองนอนนิ่งบนเตียง  แขนขาไร้เรี่ยวแรง

              "งั้นพวกเราต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะ"  มนสิชาเสนอ 

"เราลองหาทางออกไปจากที่นี่กันไหม"

              "ยังไงล่ะ"  ปุยฝ้ายถาม

              "ลองสำรวจปลายขอบของที่นี่ดูไหม"  มนสิชาถาม

              "คงไม่ได้หมายถึง"  ปุยฝ้ายยกมือปิดปาก

              "อันตรายเกินไปค่ะ  ยังไงก็เราก็ไม่ควร.."  ชูครีมยังพูดไม่จบ  มนสิชาก็แย่งอธิบาย

              "เราก็รีบไปรีบกลับก็ได้  ขี่บลูฮาร์ทข้ามกำแพงไป  แล้วถ้าเกิดประตูมิติบังเอิญเปิดออกมีมอนสเตอร์ออกมา  เราก็ขี่บลูฮาร์ทกลับเท่านั้นเอง"  มนสิชาครุ่นคิด  เคาะโต๊ะด้วยนิ้ว

              "มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอคะ"  ชูครีมไม่เห็นด้วย 

              "ลองดูกันเถอะ"  ปุยฝ้ายเข้าข้างมนสิชา  "ฉันเองก็เบื่อที่นี่แล้วเหมือนกัน"

              "ถ้าอย่างนั้นก่อนจะไปที่เขตแดน  ก็ลองบินไปดูด้านบนสุดดูก่อนไหม"  มนสิชาเสนอ

              "ไปก็ไปค่ะ"  ชูครีมรับปาก

              พวกเขาเดินมายังหน้าอาคารเรียน  นาฬิกาบอกเวลาห้าโมงกว่าแล้ว  แต่ท้องฟ้ายังคงสว่างเหมือนเดิม  มีนักเรียนเดินเล่นทั่วไป  บางคนสนุกกับการเตะฟุตบอลอยู่ในสนาม  และบางคนกำลังกลับบ้าน  ไม่มีใครสังเกตว่าพวกเธอกำลังทำภารกิจลับกันอยู่

              "สเลฟจงออกมา"  ชูครีมตะโกนเสียงเข้มแข็ง  บลูฮาร์ทออกมาจากประตูมิติ  มันเอาร่างกายอันใหญ่โตเข้ามาคลอเคลียกับเจ้านาย  ชูครีมเองก็ตอบรับอาการแสนรักนั้น  "เอาไว้ก่อนนะ  บลูฮาร์ท  วันนี้เราต้องไปทำธุระกัน  อาจจะเป็นธุระสุดท้ายของฉันกับแกก็ได้"

              บลูฮาร์ทยืนเฉยๆ  มองหน้าชูครีม ก่อนก้มลงให้เจ้านายขึ้นมาบนหลัง 

              "ขอโทษนะบลูฮาร์ท  แต่เพื่อนฉันจะขึ้นไปด้วยนะ"  มังกรน้ำเงินพยักหน้าก่อนยอมให้อีกสองคนขึ้นมาด้วย  พวกเธอขึ้นไปกอดเอวต่อกัน  บลูฮาร์ทบินขึ้นไปเหนือท้องฟ้า  "บินขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดเลยนะ"

              ท้องฟ้าสูงขึ้นไปเรื่อยๆ  แสงสว่างจ้าจนแสบตา  พวกเขามองเห็นโรงเรียนทั้งสี่ทิศเป็นเพียงมดตัวกระจ้อยร่อย  และยังเห็นกำแพงที่ล้อมรอบโรงเรียนเอาไว้เหมือนเส้นด้าย  บลูฮาร์ทบินสูงขึ้นๆ  จนในที่สุดก็รักษาความสูงเอาไว้

              "ไม่บินแล้วเหรอ"  มนสิชาถาม

              "สงสัยจะสูงสุดแค่นี้แหละค่ะ"  ชูครีมบอก  เธอยืนขึ้นอย่างระมัดระวังแล้วเอื้อมไปจับเหนือหัวตัวเอง  มีแรงผลักอ่อนๆระหว่างเธอกับเพดาน  เพดานไม่มีสีหรือรูปร่างใดๆ  มีแต่แสงสว่างสีเหลืองทอง  ชูครีมนั่งลงแล้วจับบังเหียนเอาไว้  "ไปที่เขตแดนของทิศเหนือเลยบลูฮาร์ท"

              มังกรน้ำเงินลดระดับลง  มันกางปีกเอาไว้เฉยๆแล้วรอให้ตัวเองตกลงสู่พื้นเบื้องล่าง  เอียงตัวให้เข้าใกล้ชายขอบของโรงเรียนทิศเหนือ  ลมแรงประทะหน้าสาวๆจนยู่ยี่  มนสิชาหันมามองปุยฝ้าย  ปุยฝ้ายทำตาเหล่แล้วแลบลิ้น  มนสิชาหัวเราะแล้ว

เรียกให้ชูครีมดู  แต่เด็กสาวทำหน้าเป็นกังวล

              "ยังไม่แน่หรอก  อาจจะมีทางออกก็ได้"  ปุยฝ้ายตะโกนให้กำลังใจ

              บลูฮาร์ทบินเข้าใกล้กำแพงเขตแดนมากขึ้นเรื่อยๆ  จากตรงนี้พวกเธอเห็นป้ายตรงกำแพงเขียนว่าอันตรายเด่นชัด  พวกเธอใจเต้นแรงด้วยความหวาดกลัว  มังกรน้ำเงินบินข้ามกำแพงอย่างง่ายดาย  มันกระแทกผนังที่มองไม่เห็นแล้วกระเด้งกลับมาชนกำแพง

"ทางตันเหมือนกัน  เรากลับกันเถอะ"  มนสิชาก้มหน้างุด  ผิดหวังที่โอกาสสุดท้ายหลุดลอยไป

              เสียงไซเรนดังขึ้นทั่วโรงเรียนทิศเหนือ  พวกเธอคิดว่าเป็นเพราะตัวเองไปแตะเขตแดน  แต่เมื่อมองไปที่กำแพงก็เจอมอนสเตอร์ตั๊กแตนตำข้าวตัวขนาดเท่าแมวบินข้ามกำแพงมา  ตั๊กแตนตำข้าวบินมาเกาะแกะบลูฮาร์ท  มันร้องคำรามแต่ไม่อาจสู้ได้เต็มที่  เพราะรับน้ำหนักเกินความสามารถของมันอยู่

              "ชูครีม  เอาพี่ลงเถอะ  เดี๋ยวจะเรียกฟ้าลั่นออกมาช่วย" มนสิชาบอก

              "รับทราบค่ะ"  ชูครีมบังคับให้บลูฮาร์ทลงจอด

              "สเลฟจงออกมา"  มนสิชาร้อง

              ฟ้าลั่นออกมาหาเจ้านายของมัน  หญิงสาวรีบกระโดดขึ้นขี่  ตอนนี้ฟ้าลั่นใส่บังเหียนแล้ว  จึงทำให้ควบคุมง่ายขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก  เธอบังคับฟ้าลั่นเข้าใกล้ตั๊กแตนตำข้าวตัวหนึ่ง

              ตั๊กแตนตำข้าวประจันหน้ากับม้าดำ  ขาหน้าที่เหมือนเคียวยกขึ้นในระดับอก  สองขากางออกแล้วเต้นฟุตเวิร์คก่อนกระโดดเข้าโจมตี  ฟ้าลั่นใช้สองเท้าหน้าดีดตั๊กแตนตำข้าว  แรงถีบของม้าทรงพลังทำให้ตัวมันบุบ  เลือดไหลออกจากตัว  นอนหงายเสียชีวิตอยู่ใกล้กำแพง  มนสิชาบังคับม้าให้เข้าไปดูใกล้ๆ  จู่ๆ ตั๊กแตนตำข้าวอีกตัวบินมาเกาะที่ตัวหญิงสาว 

              "กรี๊ด"  เธอร้องอย่างตกใจ  ใช้มือปัดออกจากตัว  แต่มือไปโดนปลายขาคู่หน้า  แขนของมนสิชาจึงโดนบาดลึก  เลือดสีแดงเปรอะชุดนักเรียน  มันบินเข้าหาหญิงสาวอีกครั้ง      เธอบังคับฟ้าลั่นให้วิ่งหนี  แต่ตั๊กแตนตำข้าวตัวนั้นก็บินตามอย่างไม่ลดละ  มือข้างหนึ่งของมนสิชากุมมือที่มีเลือดออก  มือที่โดนบาดสั่นอย่างควบคุมไม่ได้  เธอไม่กล้าเรียกให้เพื่อนช่วย  เพราะดูท่าทาง ชูครีมก็ตกที่นั่งลำบาก  มีทางเดียวคือควบม้าไปเรื่อยๆ  จนกว่าจะพ้นจากแมลงพวกนี้

              บลูฮาร์ทบินอยู่เหนือกำแพงขึ้นไปอีกสามเมตร  มันพ่นไฟตามคำสั่งของเจ้านาย  ตั๊กแตนตำข้าวตกลงบนพื้นฝูงใหญ่  หลายตัวบินมาเกาะปุยฝ้ายและชูครีม  ทั้งสองทำได้เพียงปัดป้องด้วยมือเท่านั้น

              อัศวินกลุ่มใหญ่เร่งรุดมาตามเสียงไซเรน  พวกเขาเข้าตะลุมบอนกับเหล่ามอสเตอร์ที่ออกมา  บางคนไม่เรียกสเลฟออกมาด้วยซ้ำ  แต่ใช้ไม้เบสบอลฟาดแทน  มนสิชาเห็นมนุษย์วานรเข้ามาช่วยเธอ  มันใช้สัญชาตญาณและความเร็วจับตั๊กแตนตำข้าวแล้วฉีกปีกออก  จากนั้นก็หักตัวเป็นสองท่อน  มนสิชาเห็นภาพสยองแล้วรู้สึกคลื่นเหียน  เธอเกลียดการต่อสู้ขึ้นมาจับใจ

              แม้ว่าในสมรภูมิฝ่ายมนุษย์จะได้เปรียบ  แต่ตั๊กแตนตำข้าวพวกนั้นมีจำนวนมากกว่า  พวกมันบินออกมาจนท้องฟ้ากลายเป็นสีเขียว  ฝูงแมลงบินเข้าไปในเมือง  ชาวเมืองแตกตื่นวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น   ทุกบ้านปิดประตูลงกลอน  มอสเตอร์จึงทำได้แต่บินชนประตู

              เทพทัตรับฟังปัญหาจากอัศวิน  เขาเรียกตัวอัศวินกลับมาที่โรงเรียนเพื่อรักษาตัวและประชุมเร่งด่วน  ชูครีมและมนสิชาเข้าร่วมประชุมด้วย  ในห้องประชุมมีโต๊ะประชุมตัวยาวเหมือนองค์กรใหญ่  แต่มีเหล่านักเรียนมารวมตัวกัน  อัศวินที่เข้าประชุมมีสีหน้าอิดโรย  แขนและขาล้าเต็มกำลัง 

              "ผมรู้ว่าพวกคุณเหนื่อย  แต่ตอนนี้สถานการณ์กำลังวิกฤต  พวกนักเรียนออกจากบ้านไม่ได้  นั่นหมายความว่าพวกเขามีเวลาจำกัด  เพราะอาหารในบ้านคงทำให้อยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่"  เทพทัตเล่าเชิงขอร้อง

              "ผมคิดว่าเราต้องใช้แผนครับ  อาจจะล่อพวกมันมาที่เดียวกันแล้วฆ่าทีละเยอะๆ"  อัศวินคนหนึ่งบอก 

              "ตั๊กแตนตำข้าวมันชอบกินอะไร  มีใครรู้บ้างไหมครับ"  เทพทัตถาม

              "ผมเคยเลี้ยงมันตอนยังเด็ก  พวกมันเป็นนักล่า  อาหารต้องเป็นสัตว์ที่ยังมีชีวิตเท่านั้นถึงจะยอมกิน  หรือเป็นชิ้นเนื้อที่มีคนป้อนเข้าปากครับ"  อัศวินอีกคนบอก

              "พวกแมลงมักจะทนไฟแรงๆไม่ได้  ถ้าเราหาเครื่องพ่นไฟขนาดใหญ่ได้  แล้วให้คนเดินไปพ่นใส่ตั๊กแตน  น่าจะฆ่าได้ทีละหลายตัวนะคะ  โดยเฉพาะตอนที่มันอยู่เป็นฝูง"  มนสิชาเสนอไอเดีย

              "เป็นความคิดที่ดีมาก  เดี๋ยวเลขาเจนช่วยติดต่อฝ่ายสร้างอุปกรณ์ด้วยนะครับ  เราจะจัดการภายในวันนี้เลย"  เทพทัตสั่งงานทันที

              "ค่ะ  คุณเทพทัต"  เธอรับคำแล้วเดินออกไปจัดการทันที

              "พวกคุณพักผ่อนกันสักพักนะครับ  เดี๋ยวอุปกรณ์เตรียมเสร็จแล้วไปลุยกันได้เลย"  เทพทัตบอกอย่างเป็นกันเอง  "อ๋อ  ผมจะเตรียมอาหารไว้ให้ด้วย  เชิญเลยนะครับ"

              ทุกคนลุกออกจากโต๊ะไปทานอาหารกัน

Related chapters

  • เมืองนิทรา   บทที่ 10

    เครื่องพ่นไฟที่ฝ่ายหัวหน้านักเรียนเอามาแจกมีสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นทรงกระบอกสำหรับปล่อยให้ไฟออกมา มีด้ามจับทำมาจากหนังเทียมกันความร้อน อีกส่วนหนึ่งสามารถสะพายได้ เป็นทรงกลมเอาไว้เก็บแก๊สข้างใน มีชายคนหนึ่งออกมายืนหน้าห้องประชุมเพื่อสาธิตอุปกรณ์ให้ดู "ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเปิดแก๊สตรงนี้" เขาเปิดวาล์วให้ดูด้วยการบิดไปทางขวา "แล้วก็กดไกตรงนี้สำหรับจุดไฟให้ติด ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่หันกระบอกส่งไฟเข้าหน้าตัวเอง เพราะไกค่อนข้างอ่อนทีเดียว มันอาจจุดไฟขึ้นมาโดยบังเอิญได้ เรื่องที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เนื่องจากเพื่อให้พกพาเครื่องได้สะดวก เราเลยออกแบบให้ที่บรรจุแก๊สมีขนาดเล็ก ดังนั้นถ้าเปิดไฟเต็มแรงก็จะใช้เครื่องพ่นไฟได้ราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วคุณก็ต้องกลับมาเติมแก๊สใหม่ที่นี่นะครับ อย่าเพิ่งทำหน้าไม่พอใจครับ ถ้าแก๊สเยอะไป คุณก็จะหลบตั๊กแตนตำข้าวไม่สะดวกนะครับ เพราะงั้นเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว สัญญาณไฟสีแดงจะขึ้นตรงที่บรรจุแก๊ส ถ้าเหลือแก๊สให้ใช้อีกไม่เกินสิบห้านาทีนะครับ ถ้าผมเป็นคุณผมจะรีบวิ่งกลับมาที่โรงเรียน

    Last Updated : 2024-12-28
  • เมืองนิทรา   บทที่ 11

    ฝูงตั๊กแตนตำข้าวถูกนำไปแลกเงินได้มากพอจะซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนได้อีกแห่งหนึ่ง แต่เทพทัตแบ่งเงินให้กับนักเรียนและอีกส่วนหนึ่งเขาก็เอามาทำให้มีวันนี้ นักเรียนทิศเหนือมารวมตัวที่สนามฟุตบอล โต๊ะยาวหลายตัวนำมาเรียงตัวกันเพื่อวางอาหารน่ากินหลายอย่าง มีพระเอกของงานเป็นเค้กครีมสดขนาดยักษ์ เขาจัดเวทีสำหรับมินิคอนเสิร์ตให้นักดนตรีและนักร้องอาชีพ แม้จะอยู่ในคราบนักเรียนมัธยมปลาย แต่พวกเขาก็ทำงานในระดับมืออาชีพกันมาก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา นักเรียนโรงเรียนทิศเหนือจับกลุ่มคุยเป็นกลุ่มๆไป มนสิชามองชุดนักเรียนอย่างเบื่อหน่าย เธอคิดว่าพวกเขาควรงดเว้นไม่ใส่ชุดนี้มาบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่านี้ เธอดึงเก้าอี้หน้าเวทีออกมาแล้วนั่งไขว่ห้างเท้าคาง ชูครีมเดินวนอยู่ที่ซุ่มของกินกับเพื่อนอัศวิน ส่วนปุยฝ้ายคุยฟุ้งได้กับทุกคน นักดนตรีหันมาเล่นดนตรีแนวแอบรัก มีนักเรียนชายตัดผมรองทรงต่ำ เดินเข้ามาหามนสิชา เขาดูเป็นนักเรี๊ยนนักเรียนในสายตาของหญิงสาว เด็กหนุ่มยิ้มเอียงอายให้หล่อนก่อนเอ่ย "มีคนนั่งตรงนี้ไหมครับ" เขาหมายถึงเก้า

    Last Updated : 2024-12-31
  • เมืองนิทรา   บทที่ 12

    "เดี๋ยวชูครีมจัดการด้านบนเองค่ะ" ชูครีมเอ่ยกับพรรคพวกขณะขี่บลูฮาร์ท ไม่ไกลนักอัศวินคนหนึ่งกำลังขี่เทอราโนดอน นกไดโนเสาร์ยักษ์ผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราด มันร้องเสียงดังแล้วบินเข้าโจมตีเหยี่ยวยักษ์ที่ตัวพอๆกับมัน ที่เหลือจึงเริ่มหันเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น หลายตัวพุ่งลงใส่คน จากนั้นเมื่อคนกระโดดหมอบ พวกมันจึงเชิดหัวขึ้นแล้วชนเข้ากับกองอาหารบนโต๊ะ เสียงดังโครม อาหารกระจายเต็มพื้น ผู้คนหวีดร้อง วิ่งหนีเข้าไปในโรงยิม นกเหยี่ยวยักษ์บินฉวัดเฉวียนเหนือพวกเขา มันบินลงมาคาบมนุษย์แล้วปล่อยให้ตกลงมาจากท้องฟ้า บางคนโดนเด็ดหัว เลือดไหลจากคอเหมือนน้ำก๊อก "ใหญ่ ไม่นะใหญ่" เสียงเพื่อนหญิงของศพไร้หัวร้อง ศพเกิดไฟลุกท่วมแล้วสลายไป ไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี "เขาแค่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง เข้าไปหลบในโรงยิมก่อนเถอะค่ะ" ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่า นกเหยี่ยวยักษ์ยังบินเหนือท้องฟ้าไม่เลิก แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะยอมลุกไปไหน "ถ้าคุณต้องตายแล้วลืมว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็จะต้องแยกจากกั

    Last Updated : 2025-01-02
  • เมืองนิทรา   บทที่ 13

    ผ้าม่านถูกเปิดกว้าง ทำให้แสงสว่างสาดเข้ามาได้เต็มที่โดยไม่ต้องอาศัยหลอดไฟ เทพทัตนั่งรอสามสาวอย่างสบายใจ เขายกน้ำมะตูมขึ้นดื่ม และพบว่ารสของมันหวานอมขม เขาเป็นพวกพลังไม่เข้มแข็งเช่นกัน แต่อยู่ในจุดที่ไม่ต้องออกแรงเอง จึงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ ปุยฝ้ายเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เทพทัตตกใจจนสำลักน้ำมะตูม ไอจนหน้าแดงแล้วกลับมาวางมาดนิ่งตามปกติ ชูครีมมองสำรวจหัวหน้านักเรียนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เธอเองก็เกรงใจเขาเช่นกัน "เคาะประตูก่อนสิ ปุยฝ้าย" มนสิชาเป็นคนตำหนิเธอ "แหะๆ ขอโทษทีค่ะ หวังว่าคุณเทพทัตจะไม่เป็นอะไรนะคะ" ปุยฝ้ายยิ้มฝืดฝืน หน้าตาเกร็งไปหมด "ไม่เป็นไรครับ เชิญเด็กๆ เอ๊ย พวกคุณนั่งกันก่อนเลย" เทพทัตผายมือให้นั่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลานาน ดูเหมือนเทพทัตจะมีเรื่องบางอย่างในใจ ทำให้เขาไม่พูดอะไรเลย "คุณเทพทัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" มนสิชาตัดสินใจถาม "ครับ ขอโทษที ผมมีเรื่องอะไรต้องคิดเยอะ ปัญหาไม่ใช่น้อยๆเลย" เขาทำท่าเหมือนอยากระบาย

    Last Updated : 2025-01-07
  • เมืองนิทรา   บทที่ 14

    ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีมอนสเตอร์ออกมาให้ปราบสองครั้ง นักเรียนคลาสเอสเดินกลับห้องเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ พวกอัศวินชั้นหนึ่งเดินนำหน้าพร้อมกับคุยกันเสียงดัง อัศวินชั้นสองเดินตามมาอย่างหงอยๆ "ชูครีมนี่สุดยอดไปเลยนะ เธอบังคับสเลฟแบบนั้นได้ยังไง บลูฮาร์ทนี่เชื่องสุดๆไปเลย" ใบเฟิร์นชมเปาะ "ตอนอยู่ทิศเหนือ บอกมาเถอะว่าเธอเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า" "เปล่าคะ ชูครีมไม่ได้เก่งถึงขนาดนั้น ถามคุณมนดูก็ได้" ชูครีมโยนให้เพื่อนสาวที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ไม่มีใครอยากรู้เรื่องจากปากมนสิชา จึงเงียบเสียงลง หญิงสาวอ้าปากเก้อ รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้น ก่อนก้มลงมองหนังสือในมือ "เดี๋ยวหลังเลิกเรียน เราจะจัดปาร์ตี้ฉลอง ชูครีมก็มากับพวกเราด้วยสิ" อัศวินชั้นหนึ่งอีกคนเดินเข้ามา "ถ้าคุณมนไป.." ชูครีมเอ่ยไม่ทันจบใบเฟิร์นก็แทรก "พวกเราอัศวินชั้นหนึ่งจองห้องจัดเลี้ยงได้เป็นพิเศษ ยังไงก็ไปกันเถอะนะ" คนเดิมเอ่ย มนสิชาพยักหน้าให้ชูครีมเข้าร่วม "ก็..ได้ค่ะ" หล

    Last Updated : 2025-01-07
  • เมืองนิทรา   บทที่ 15

    พวกเขาเดินเข้ามาในเขตโรงเรียนทิศตะวันตกได้สักพักแล้ว ไม่เจอนักเรียนเลยสักคน ทั้งที่เจอเมืองเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ไม่มีย่านชุมชน แต่สร้างหอนอนไว้ในโรงเรียน ตัวอาคารเรียนทาสีแดงดำเหมือนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นโรงเรียน "เอาไงดีอ่ะ" มนสิชาหันมาถามเพื่อนๆ "ลองขึ้นไปดูในห้องเรียนก่อนดีไหมคะ อาจจะมีห้องพักครูหรืออะไรแบบนั้น" ชูครีมเสนอ "ตามฉันมาเลย" ปุยฝ้ายร้องแล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคาร เธอไม่เจอห้องพักครูหรือสำนักงานอะไรเลย จนกระทั่งเข้ามาเจอห้องว่างห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วเจอบันไดให้เดินลงไปอีกครึ่งชั้น มีโคมไฟประดับอยู่ตามผนังห้องที่ทำสีดำสลับกับแดงเหมือนข้างนอก มีโต๊ะตัวเตี้ยๆกับเก้าอี้ให้นั่ง บาร์สำหรับชงเครื่องดื่ม และเวทีเล็กๆที่พอให้วางเครื่องดนตรี "นี่มันผับนี่นา" มนสิชาร้อง มีนักเรียนกำลังทำความสะอาดอยู่พอดี เขาหันมาทางพวกเธอทั้งสามคน ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ "มาใหม่เหรอครับ" เขาถาม "เอ่อ ใช่ค่ะ แล้วที่นี่ไม่มีห้องเรียนเหรอคะ" ชูครีมถามตรงๆ "มีสิคร

    Last Updated : 2025-01-09
  • เมืองนิทรา   บทที่ 16

    คทาเป็นชายอายุหกสิบปี ผมหงอกหมดทั้งหัว ผิวขาว ดูสะอาดสะอ้าน เขาเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทิ้งลูกสาวสองคนให้เขาดูแลตามลำพัง คนโตคือมนสิชาและคนเล็กคือกุมภา มนสิชาไม่เคยมีเรื่องให้เขาลำบากใจเพราะเธอตั้งใจเรียนและช่วยเขาทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ จะมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างก็ตรงที่เธอมีผู้ชายมาชอบเยอะ ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีชายแก่ร่ำรวยมากมายเข้ามาเสนอช่วยออก ค่าเทอมให้ ส่วนน้องคนเล็กนั้นแทบจะตรงข้าม เพราะเธอหน้าตาไม่รับแขก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ดังนั้นคนส่วนใหญ่รอบตัวเธอจึงมีแต่คนไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเรทำให้เขาต้องเป็นห่วง เขาเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดทุกคน ไม่อยากให้ใครโตขึ้นมาแบบไม่เอาจริงเอาจัง ทั้งดุจนร้องไห้แล้วค่อยปลอบทีหลังก็เคยมาแล้ว เขารู้ว่าลูกๆไม่เคยเกลียดเขา เพราะทุกครั้งที่ดุที่จะบอกเหตุผลทุกครั้ง คทาเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบพูดในสิ่งที่คิด ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนได้รับอิทธิพลเรื่องการพูดตรงจากเขาไปไม่น้อย แรกๆคนไม่ค่อยพอใจที่เขาพูดตรงๆ แต่คนที่รับได้

    Last Updated : 2025-01-16
  • เมืองนิทรา   บทที่ 17

    "นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วนะ แต่เรายังหามนไม่เจอเลย" ปุยฝ้ายบ่นอย่างเซ็งๆ เธอโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำแก้เบื่อ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่สวนดอกไม้ของส่วนกลาง ที่ลับของพวกเธอสามคน ดอกไม้กลับมาบานสดใสเหมือนเดิม สีขาว สีแดง และสีเหลืองตัดกันสุดลูกหูลูกตา "ชูครีมว่าคงมีใครช่วยเธอไว้ค่ะ" ชูครีมตอบ นั่งยืดขาจนสุดบนพื้นหญ้าแสนนิ่ม "พวกเราไปทิศตะวันออกกันเลยไหมคะ ไม่แน่ว่าอาจเจอคุณมนที่นั่น" "แต่ว่า" ปุยฝ้ายคัดค้าน สีหน้าเป็นกังวล "การเอาใจคุณมนที่ดีที่สุด ก็คือการเข้าใกล้ทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะคะ" ชูครีมให้ความเห็น "ชูครีมเชื่อว่าคุณมนต้องเข้าใจคุณปุยฝ้ายแน่ๆค่ะ" "แล้วคราวนี้เราจะสืบยังไงดีล่ะ" ปุยฝ้ายถาม สมองเค้นคิดทางออกอย่างหนัก ชูครีมเองก็คิดทางออกอย่างวกวน ไม่มีคำตอบหลุดออกจากปากเธอ "เราไปถามหัวหน้านักเรียนตรงๆเลยดีไหม" ปุยฝ้ายเสนอ "หา ถามคุณกิ่งฟ้านี่นะ" ชูครีมแปลกใจ "ถามแล้วก็ดูปฏิกิริยาของเธอ ถ้าเธอทำ ต้องแสดงอาการอะไรออกมาแน่

    Last Updated : 2025-01-16

Latest chapter

  • เมืองนิทรา   บทที่ 28

    วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที นักเรียนทุกคนรอการหาเสียงจากแต่ละทิศอย่างตื่นเต้น เริ่มต้นจากทิศใต้ที่เน้นการศึกษา พวกเขารู้ดีว่านักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนปัจจุบันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนก็รู้ว่าหากอยากเรียนมากๆให้ไปทิศใต้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามหานักเรียนที่สนใจการศึกษาได้มากไปกว่านี้ สุกฤตจึงใช้เรื่องอื่นจูงใจนักเรียนแทน เขาสั่งให้อัศวินลอบไปทิศอื่นเพื่อปิดป้ายประกาศเสนอคูปองกินฟรีตลอดหนึ่งเดือนสำหรับนักเรียนใหม่ เพียงย้ายที่อยู่ไปในทิศใต้ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น นักเรียนชายร่างท้วมเดินไปดูป้ายอย่างสนใจ พลางกอดคอเพื่อนหุ่นพอๆกับเขาไปด้วย พวกเขาอยู่ทิศตะวันออก ที่นี่ช่างสดใสเมื่อได้ปรับปรุงที่อยู่ใหม่ ส่วนคนที่ย้ายไปก็เริ่มกลับมาบ้างแล้ว "สมุทร นายว่าเราย้ายโรงเรียนกันสักเดือนดีไหม" ลำธารเพื่อนรักเอ่ยให้ฟังด้วยแผนการ "นายหมายถึง ย้ายไปเพื่อรับอาหารฟรีงั้นเหรอ" สมุทรหัวเราะในลำคอ "ก็ไม่มีใครตามมาบังคับให้เราต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปนี่นา แถมพวกเรายังเป็นแรงงานไร้ฝีมื

  • เมืองนิทรา   บทที่ 27

    กิ่งฟ้านั่งพักในห้องหัวหน้านักเรียน มีเฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษดูคลาสสิคทั่วทั้งห้อง เธอกัดเล็บเพื่อระบายความกระวนกระวาย ในหัวหาทางทำทุกอย่างให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม ยิ่งคิดยิ่งเหมือนเจอทางตันเข้าไปทุกที เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ "เชิญค่ะ" กิ่งฟ้าเอ่ยด้วยเสียงอ่อนหวาน ทั้งที่ใจรำคาญ "คุณกิ่งต้องรีบหนีแล้วค่ะ พวกกบฏจู่โจมพวกเราอีกแล้ว" อัศวินสาวรายงาน เธอเป็นมือขวาที่ดีที่สุดของกิ่งฟ้าชื่อตีตี้ "มากันเยอะไหมตีตี้" กิ่งฟ้าถาม "เยอะค่ะ แต่ตราบใดที่ยังรักษาชีวิตคุณกิ่งไว้ได้ เราก็ยังรักษาอำนาจไว้ได้ค่ะ" ตีตี้ตอบ กิ่งฟ้าแทบจะกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ พวกเธอวิ่งออกจากประตู เจออัศวินของเธอกำลังต่อสู้กับกบฏ เสียงคำรามของเหล่าสเลฟดังไปทั่วโรงเรียน พวกเธอกำลังจะวิ่งไปทางประตูหลัง แต่กบฏอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งมาล้อมกิ่งฟ้าไว้ "สเลฟจงออกมา" ตีตี้ร้อง จระเข้เผือกตัวใหญ่กว่าสามเมตรเดินไปประจันหน้ากับกลุ่มกบฏ พวกเขาตกใจกับขนาดตัวของมัน คมเขี้ยวสีเหลืองสกปรกเตรียมจู่โจมเต็มที่ "ทอง ใครเ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 26

    ปริญเดินทางมายังโฮมออฟฟิซแห่งหนึ่งบริเวณชานเมือง เขากดกริ่งหน้าบ้านพักหนึ่ง ก็มีเด็กหนุ่มวัยรุ่นผมยาว สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คทรงกระบอกเดินออกมาเปิดประตูบ้าน "ผู้ปกครองอยู่ไหมครับน้อง" ปริญถามพลางยิ้มอย่างอัธยาศัยดี "มาหาแม่ผมเหรอครับ เชิญเข้ามาก่อนสิฮะ" เด็กหนุ่มเปิดประตูบ้านให้ ข้างในห้องรับแขกเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ตัดกับอากาศร้อนข้างนอกบ้าน เด็กหนุ่มเอาน้ำเย็นมาเสิร์ฟก่อน หน้าตายิ้มแย้มรับแขกเป็นอย่างดี "เดี๋ยวผมไปตามมาแม่มาให้นะครับ" "พี่คิดว่าไม่ใช่แม่หรอกนะครับ น่าจะเป็นพี่ชายหรือพ่อมากกว่า" ปริญบอกอย่างไม่แน่ใจ แต่ก็สบายใจที่เด็กวัยรุ่นไม่ได้กำลังอารมณ์เสีย "เดี๋ยวนะ น้องคงไม่ใช่นักเวทวิชาการหรอกใช่ไหม" "น่าแปลกนะครับ แต่ผมนี่แหละนักเวทวิชาการ หรือคุณจะเป็นคนทีส่งอีเมลมาหาผม" เด็กหนุ่มถามพลางขมวดคิ้ว เขาเริ่มไม่พอใจที่โดนประเมินต่ำไป เอามือกอดอกแล้วมองปริญตั้งแต่ตัวจรดเท้า "ขอโทษที่เด็กไปหน่อย จะไม่ปรึกษาก็ได้นะ" ทั้งท่าทางเอาเรื่อง ทั้งน้ำเสียงไม

  • เมืองนิทรา   บทที่ 25

    เสียงเคาะประตูทำให้ผอ.วัยกลางคนรู้สึกตัว ปริญเดินเข้าไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการดนุเดช ข้างในมีโต๊ะทำงานพร้อมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ปิดการใช้งาน ส่วนเจ้าของเครื่องนั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะรับแขก เขาดูใจเย็นผิดกับปริญที่เหงื่อออกตามฝ่ามือ ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น "เชิญนั่งก่อนครับคุณปริญ" ดนุเดชเชิญชวนให้นั่ง ไม่นานเลขาหน้าห้องก็นำกาแฟมาเสิร์ฟ "นอกจากญาติๆแล้ว ผมยังไม่เคยเจอใครที่ใช้เวทมนตร์ได้เลย บางทีผมน่าจะก่อตั้งสมาคมคนใช้เวทมนตร์ดูบ้างนะครับ" "ผมคิดว่าผอ.ไม่น่าจะใช่พวกที่หลงใหลในเวทมนตร์ แต่ใช้เวทมนตร์เพราะความจำเป็นมากกว่า" ปริญตอบอย่างเฉียบแหลม "ครับ การรักษาคนถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง แต่บางครั้งผมก็ต้องการที่ปรึกษาเหมือนกัน" ดนุเดชตอบ "เพียงแต่ว่าถ้ามีคนรู้แล้ว ความลับก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป แถมเดิมพันของผมก็คือโรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาล" "แล้วจะดีหรือครับที่ให้ผมมาเข้าร่วมด้วย" ปริญถาม ขยับคอที่เริ่มเกร็ง "ดีสิครับ อย่างน้อยพลังของคนรุ่นใหม่ ก็น่าทึ่งเ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 24

    ปัจจุบัน สุเมธออกไปดูข้างนอก เห็นครูชั้นเรียนเด็กเล็กและอาสาสมัครช่วยกันแจกน้ำให้กลุ่มนักเที่ยว คนที่ดื่มน้ำกลับมาได้สติอีกครั้ง หลายคนยังไม่รับรู้ว่ามีคนมาแจกน้ำด้วยซ้ำ ได้แต่เต้นอย่างไม่ลืมหูลืมตาบนฟลอร์เต้นรำ "นั่นไง ไอ้นักเวทลวงโลกอยู่นั่น" มีคนตะโกนออกมาจากฝูงชน "พวกเราไปจับมันกัน" คนที่ได้สติกรูกันเข้ามาหาสุเมธ หัวหน้านักเรียนคนก่อเรื่องยกสองมือขึ้นแล้วร่ายเวทมนตร์ คนที่เมามายอยู่มีดวงตาสีแดงก่ำ หันมาต่อสู้กับคนที่สร่างเมาแล้ว เกิดสงครามย่อมๆขึ้น มีคนเรียกสเลฟออกมา เสียงดังโครมครามไม่หยุด โต๊ะที่นั่งล้มระเนระนาด หลอดไฟแตก บรรดาเด็กสาวที่ได้สติแย่งกันวิ่งออกจากผับ มนสิชาหวังว่าจะไม่มีใครล้มและโดนเหยียบ อัศวินสองคนที่เป็นคนรับใช้แสนซื่อสัตย์ของสุเมธ หันมาทางหญิงสาวทั้งสามคน พวกเขาทุบขวดเหล้าแล้วประจันหน้าต่อพวกเธอ ปุยฝ้ายผลักมนสิชาให้พ้นทาง "ไม่ได้นะปุยฝ้าย เธอก็รู้ว่าฉันแข็งแกร่งกว่า" มนสิชาเตือน "แต่ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว" ปุยฝ้ายบอก นึกถึงเรื่องโชคร้ายที่อาจ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 23

    ปุยฝ้าย ชูครีม และมนสิชาเดินกลับมาที่โรงเรียนทิศตะวันตกอย่างไม่เต็มใจ พวกเธอเดินทางเข้ามาในช่วงเย็น เพราะเคยพบว่าตอนเช้านั้นยังไม่มีใครตื่นจากการเที่ยวผับ เดินเข้ามาโดยไม่มีใครห้าม เพราะไม่มียามเฝ้าประตู "คนที่ตื่นคนที่สองคือใครนะคะ" ชูครีมถามอย่างไม่อยากเชื่อ "ก็เป็นเด็กประถมในร่างเด็กมัธยม" มนสิชาตอบ "เธออ่านกระดาษที่คุณเทพทัตเขียนให้แล้วนี่" "ก็ยังไม่อยากเชื่อนี่คะ แล้วเราจะถามเพื่อนเด็กคนนี้ยังไง เด็กประถมจะคุยกันรู้เรื่องสักแค่ไหนกัน" ชูครีมบ่นออกมา "เราก็ไปถามเอาจากครูหรืออาสาสมัครซิจ๊ะ ชูครีมจ๋า" ปุยฝ้ายตอบทีเล่นทีจริง เอื้อมมือไปลูบพุงกลมๆของเพื่อน เสียงออดดังขึ้นพอดี กลุ่มนักเรียนกรูกันมาเข้าผับ มนสิชาขวางนักเรียนหญิงคนหนึ่งเอาไว้ไม่ให้เดินไปในผับได้ "อะไรของเธอ หลีกนะ" นักเรียนหญิงท่าทางโมโห "ขอโทษนะคะ แต่ช่วยบอกเราหน่อย ว่าห้องเรียนเด็กประถมอยู่ที่ไหน" มนสิชาถาม "คิดว่าอะไร" นักเรียนหญิงคนนั้นบอก "ชั้นห้าของตึกนี้มีห้องเรียนเด

  • เมืองนิทรา   บทที่ 22

    รัตนะเป็นหมอเวรประจำแผนกห้องพิเศษ เขาเป็นหมอมานานกว่าสิบปี มีความมั่นใจในผลงานของตัวเอง สูสีกับฝีมือที่เก่งกาจขึ้นทุกวัน วันนี้มีเรื่องน่าอารมณ์เสียหลายอย่าง โดยเฉพาะการทำงานที่ล่าช้าของเจ้าหน้าที่ เขายังกลับไม่ได้เพราะรอผลเอ็กซเรย์คนไข้อยู่ "ยังไม่กลับเหรอคะหมอ" พยาบาลสาวเทียวมาเกี้ยวหมอ ในวัยสามสิบกว่าแต่ยังโสด รัตนะจึงเป็นที่หมายปองของใครหลายคน "ผมเองก็อยากกลับ แต่ยังกลับไม่ได้" เขาเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์เสีย "มีอะไรหรือเปล่าคะ นุชอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง" เธอเสนอตัว แอ่นหน้าอกหน้าใจเข้าไปใกล้ หมอหนุ่มแอบสำรวจหน้าอก แต่แล้วก็ทำเป็นขยับแว่น "เรื่องส่วนตัวคนไข้ ผมจะเอามาพูดได้ไง" เขาดูอ่อนลงนิดหนึ่ง พยาบาลสาวจึงรุกต่อ "แหม ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็บำบัดอารมณ์ได้นะคะ" เธอพูดให้เขาคิดลึกขึ้นไปอีก "ขอบคุณนะ" รัตนะเอามือไปจับไหล่เธอ เขาคิดว่าได้เล่นๆ ก็ดีกว่าอยู่คนเดียว "มาแล้วครับหมอ" เจ้าหน้าที่วิ่งมาที่แผนก พวกเขาผละออกจากกันทันที จากที่ลับสองคนจึงกลายเ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 21

    วันถัดมาชอปเปอร์ซื้อของกินมาฝากเด็กๆ เดินเข้าห้องพยาบาลที่ยังไม่มีคนอยู่ เขาลอดอุโมงค์เข้าไปหาเด็กๆ แต่ในห้องกลับว่างเปล่า ของเล่นของใช้ถูกเก็บออกไปหมด ชายหนุ่มอึ้ง รู้สึกเหมือนถูกหลอก อาสาสมัครรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นใคร หรือไม่ก็รู้หลังจากที่เขาลงชื่อไปแล้ว เขาโทษตัวเอง ไม่น่าเขียนชื่อจริงลงไป พวกนั้นคงรู้แล้วพาเด็กๆหนีไป ชอปเปอร์ทิ้งของในมือ แล้ววิ่งออกไปในเมือง ตอนนี้เป็นเวลาเย็น คนกำลังออกมาหาซื้ออะไรทาน หรือไม่ก็เตร็ดเตร่ก่อนกลับบ้าน เขาเรียกสเลฟที่ก้าวร้าวที่สุดออกมา มันคือทีเร็กซ์ หรือไทรันโนซอรัส ไดโนเสาร์กินเนื้อ นักล่าในยุคเกือบเจ็ดสิบล้านปีก่อน เสียงคำรามพร้อมฟันแหลมคม มันอ้าปากออกมาอย่างดุร้าย พอๆกับความรู้สึกเกรี้ยวกราดของชอปเปอร์ "หมอก ฆ่าได้หมด ไม่ต้องเหลือไว้สักคน" หมอกคำราม วิ่งเข้าชนร้านค้าข้างทางแล้วกัดหัวเจ้าของร้านอาหาร มันเคี้ยวจนร่างนั้นหยุดดิ้น ลำเพลิงพวยพุ่งออกมาแล้วร่างคนก็สลายไป เสียงกรี๊ดร้องดังขึ้นตลอดทางที่ ชอปเปอร์และหมอกเดินผ่าน หยดเลือดจากปากเจ้าทีเร็กซ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 20

    ห้องทำงานของหัวหน้านักเรียนมีขนาดกว้างขวาง เขามีโต๊ะทำงานตัวเขื่องสำหรับใช้งาน มันทำมาจากไม้สักแต่ดูเรียบง่าย ใกล้ๆมีชุดโซฟาสีดำพร้อมโต๊ะกระจกใส จากที่นั่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของโรงเรียนทิศเหนือได้ร้อยแปดสิบองศา เทพทัตนั่งบนโซฟานุ่มแล้วทอดมองทิวทัศน์อย่างเหม่อลอย เขามองนักเรียนทิศเหนือเดินเข้าอาคาร คิดถึงการกลับไปเป็นนักเรียนที่ไม่ต้องมีภาระให้หนักสมอง "เคาะประตูก่อนนะคะ" เสียงเด็กสาวดังขึ้น เขาคุ้นๆกับเสียงนั้นอย่างบอกไม่ถูก ประตูถูกเคาะแล้วเปิดเข้ามา ปุยฝ้าย มนสิชา และชูครีมเดินเข้ามา ความเซ็งเปลี่ยนเป็นความสดชื่นแทน เขาคงได้ข้อมูลอะไรบางอย่างเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุดแน่ "เชิญครับๆ" ปุยฝ้ายชูครีมและมนสิชานั่งลงบนโซฟา ตัวเกร็งเล็กน้อยเมื่อนั่งต่อหน้าหัวหน้านักเรียน ไม่อยากเชื่อว่าชายที่หน้าตารุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธอจะได้ห้องทำงานใหญ่โตขนาดนี้ "พวกเราทำตามที่ตกลงกับคุณเทพทัตได้แล้วค่ะ" ชูครีมเป็นฝ่ายเกริ่น "ผมได้ยินข่าวแล้ว แทนที่คุณจะเปิดโปงกิ่งฟ้า แต่กลับปล่อย

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status