Share

บทที่ 8

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2024-12-24 18:08:33

              เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น  ชูครีมจูงมือมนสิชาไปเข้าเรียน  ห้องเรียนเป็นห้องเรียนในอุดมคติ  มีนักเรียนสิบกว่าคนต่อครูคนเดียว  ครูที่นี่หน้าตาเหมือนเด็กมัธยม  สิ่งที่แยกพวกเขาได้คือชุดที่สวมเท่านั้น  ห้องเรียนประดับไปด้วยสายรุ้งแฟนซีและลูกโป่ง  ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มไม่เหมือนกำลังมาเรียนหนังสือแต่มาเล่นสนุกกันมากกว่า

              "ครูดวงใจคะ  วันนี้มีนักเรียนใหม่มาเรียนกับพวกเราด้วยค่ะ"  ชูครีมดันหลังมนสิชาให้เดินไปข้างหน้า

              "มนสิชา  ภูริเดโชค่ะ"  เธอแนะนำตัว

              "ยินดีต้อนรับนะ  นั่งก่อนสิค่ะ  แล้วปุยฝ้ายหายไปไหนอีกแล้ว"  ดวงใจเอ่ย  เธอดูสนิทกับนักเรียนทุกคน

              "หลับไม่ฝันค่ะ"  ชูครีมตอบสั้นๆ  ดูง่วนกับการหาขอบางอย่างในกระเป๋านักเรียน

              "แต่ก็ช่างเถอะ  เพราะวันนี้เราไม่ได้จะเรียนในห้องเรียน

กัน"  มนสิชามองสายรุ้งประดับอย่างเสียดาย  เธอชอบสีสันของมันแท้ๆ  "เมื่อวานสวนดอกไม้ส่วนกลางและสวนดอกไม้ของโรงเรียนเราแห้งเหี่ยวไปหมดเลย  ครูก็เลยจะพาพวกเราไปจัดการสักหน่อย"

              นักเรียนในห้องปรบมือกัน  มนสิชาไม่คิดว่าพวกเขาจะตบมือเพราะดีใจที่ดอกไม้เหี่ยว  แต่ดีใจที่ไม่ต้องเรียนมากกว่า พวกเธอลงจากอาคารเรียนมาหน้าอาคารเรียน  แปลงดอกไม้ยืนตายทั้งต้นเหมือนดอกไม้ส่วนกลางไม่ผิดเพี้ยน  นักเรียนส่วนหนึ่งไปเอาอุปกรณ์มาจากโรงเก็บอุปกรณ์  ส่วนอีกส่วนหนึ่งก็ไปเอาต้นกล้ามาจากโรงเพาะชำ  มนสิชาไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี  ชูครีมดึงดอกไม้ออกจากสวนด้วยมือเพียงข้างเดียว  แล้วหยิบจอบมาขุดรากดอกไม้ออกจนหมด  ทั้งเธอทำเพียงคนเดียวและทำอย่างว่องไว

              "สเลฟจงออกมา"

              ประตูมิติเปิดออกพร้อมมังกรน้ำเงินตัวโต  มันร้องคำรามอยู่เหนือหัวเหล่านักเรียน

              "บลูฮาร์ทช่วยขุดหน่อยสิ"  เธอสั่งมัน  มังกรตัวเขื่องจึงใช้หางแข็งแรงเจาะพื้นเป็นรูขนาดพอเหมาะทีละรูๆจนหมดทั้งแปลง  นักเรียนแปลงอื่นมองเธอทำงานอย่างอิจฉา  มนสิชารู้สึกว่าเธอจะยอมแพ้ไม่ได้  เธออยากมีคุณค่าต่อโรงเรียนแห่งนี้เช่นเดียวกับที่  ชูครีมมีคุณค่า  เธอจึงถอนดอกไม้ในแปลงตนเองบ้าง  ถึงจะไม่เบาหวิวเท่าชูครีม  แต่ก็ทำได้อย่างรวดเร็ว

              "สเลฟจงออกมาๆ"

              เสียงนักเรียนชายและหญิงร้องขึ้น  ประตูมิติส่งแมวขาวหน้าตาน่าเอ็นดูออกมา  อีกคนหนึ่งมีสเลฟเป็นนกแก้ว  และอีกคนเป็นหมูแคระ  พวกเจ้าของใช้เวลากับสเลฟของตัวเอง  มนสิชามองเห็นควันสีดำที่คลุมร่างของสเลฟอีกครั้ง  เธอสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วทำงานอย่างขะมักเขม้น  ครูดวงใจเดินมาดูแปลงดอกไม้ของมนสิชา

              "ว่าไงเด็กใหม่  เริ่มชินกับที่นี่หรือยัง"

              "ก็ดีขึ้นบ้างค่ะ"  มนสิชาตอบกลางๆ  เธอนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนตกลงใจถาม  "ครูดวงใจคะ"

              "ว่าไงจ๊ะ"

              "ควันหรือออร่าสีดำที่คลุมสเลฟอยู่คืออะไรเหรอคะ"

              "ช่างสังเกตดีนี่"  ครูดวงใจชม  "มันเกิดจากพลังของแต่ละคนจ้ะ  ครูเดาว่าโรงเรียนแห่งนี้สร้างขึ้นมาจากพลังงานบางอย่างที่ดึงเอาความเชื่อมโยงจากตัวพวกเราทุกคนไว้ด้วยกัน  แล้วพลังบางอย่างที่เกิดจากตัวเรานอกจากจะสร้างสเลฟที่รูปร่างไม่เหมือนกันแล้ว  พลังงานที่ดึงออกมานั้นได้สร้างออร่าสีดำนั้นออกมาด้วย  แต่พลังงานที่เราใช้นั้นมาจากส่วนไหนของเรา  ครูก็ไม่รู้เหมือนกันนะ"

              มนสิชางงและจับใจความได้ไม่กี่อย่าง  เธอเงียบไปเพราะมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องที่ครูดวงใจพูด  จึงไม่ได้เอ่ยอะไรมาอีก

              "ตั้งใจทำงานเข้าล่ะ  ดูจากการทำงานแล้ว  เธอมีพลังในระดับปานกลางนะ"

              "ครับผม"  มนสิชาตะเบ๊ะ

              "สาวๆ"  ปุยฝ้ายทักชูครีมและมนสิชา  ก่อนทิ้งตัวลงนั่ง

บนพื้นหญ้าใกล้ๆ  "ทำสวนอีกแล้วเหรอ"

              "ใช่  คุณปุยฝ้ายพอจะดูออกไหมคะ  ว่าทำไมดอกไม้เป็นแบบนี้"  ชูครีมถามเพื่อนสาว

              ปุยฝ้ายเงียบไปพักหนึ่งแล้วเดินไปสำรวจดอกไม้ที่ยังอยู่ในแปลง  ใช้มือแหวกดอกไม้ไปมาก่อนตอบคำถาม

              "ดอกกับใบเหี่ยวแล้วก็หงิก ส่วนต้นยังมีที่เขียวๆ อยู่บ้าง  น่าจะเป็นเหตุผลเดียวกับที่ฝนตก  ดอกไม้ก็คงเป็นโรคได้เหมือนกัน" 

              ทุกคนพยักหน้าอย่างช้าๆ  แปลกใจกับสิ่งที่ได้ฟัง  แต่ไม่มีใครรู้เบาะแสอะไรเลย

              พวกเธอทำงานอยู่เกือบสองชั่วโมงจึงเสร็จ  ชูครีมเดินไปบอกครูดวงใจแบบที่ได้ยินมาจากปุยฝ้าย  ก่อนกลับมาช่วยปุยฝ้ายที่ลงดอกไม้จนเกือบเสร็จแล้ว  พวกเธอรู้สึกร้อนและเหนื่อยกันมาก  มนสิชาเอามือเช็ดเหงื่อด้วยความเคยชิน  แต่ไม่มีเหงื่อออก  เธอดมเสื้อตัวเอง  ไม่มีกลิ่นตัวเช่นกัน

              "เก็บของแล้วไปอาบน้ำกันเถอะ"  ปุยฝ้ายชวน

              "สมจริงอีกแล้ว"  มนสิชาพึมพำ

              "ความจริงไม่ต้องอาบก็ได้นะ แต่ถ้าอาบแล้วจะรู้สึกดีมาก"  ปุยฝ้ายบอก

              "ตั้งแต่มาที่นี่ได้สองวัน  นี่ก็เพิ่งได้อาบน้ำครั้งแรกนี่แหละ  แล้วเราจะไปอาบที่ไหนกัน"  มนสิชาถาม

              "ที่โรงเรียนมีห้องอาบน้ำด้วยนะ  เราไปเอาชุดนักเรียนจากห้องสวัสดิการแล้วอาบน้ำกัน"  ปุยฝ้ายบอกด้วยเสียงร่าเริง  เธอวิ่งนำไปห้องสวัสดิการ  ดึงชุดนักเรียนออกมาแล้วโยนให้ทั้งสองคน  จากนั้นก็วิ่งขึ้นไปบนชั้นห้าซึ่งมีห้องอาบน้ำรวมอยู่

              มนสิชาเดินมาดูห้องอาบรวมที่ว่า  มีอ่างน้ำที่ทำมาจาก  ปูนซีเมนส์ก่อตัวสูงขึ้นมาจากพื้นในรูปทรงสี่เหลี่ยม  ขันน้ำวางไว้รอบๆอ่าง  มนสิชาไม่มีแม้แต่ผ้าขนหนู  เธอตรองว่าจะทำอย่างไรดี  จึงยักไหล่แล้ววางเสื้อผ้าไว้บนชั้นวางของใกล้ๆ  ปุยฝ้ายเดินออกไปจากห้อง  ส่วนชูครีมยังเดินมาไม่ถึงเพราะดูอะไรอยู่ข้างนอกห้องอาบน้ำ หญิงสาวจึงกลั้นใจถอดเสื้อผ้าทั้งหมดแล้วตักน้ำราดตัวเอง

              "บรึ๋ย  หนาวจัง"  เธอบ่นแต่ก็รีบอาบน้ำ  ความเย็นของน้ำแทรกซึมเข้าสู่ผิวกายเธอ

              "เฮ้ย  ใจร้อนจริง"  ปุยฝ้ายเดินเข้ามาพร้อมผ้าถุงในมือ  ส่ายหน้ามองมนสิชาเปลือยเปล่า

              "ใจกล้ามากด้วยค่ะ"  ชูครีมหัวเราะ  แอบสำรวจหุ่น      มนสิชา  "แหมๆ ชูครีมสังเกตมานานแล้ว  คุณมนนี่เซ็กซี่จริงๆ เลยนะคะ"

              "ถ้ามีผ้าถุงก็รีบๆบอกกันบ้างเซ่"  มนสิชาหน้าร้อนผ่าว  เดินไปหยิบผ้าถุงจากปุยฝ้ายมาใส่

              "ฉันให้เต็มสิบเลย"  ปุยฝ้ายรีบบอก

              "หุ่นเหรอคะ"  ชูครีมถาม

              "ความใจกล้า"  ปุยฝ้ายตอบ

              ปุยฝ้ายและชูครีมระเบิดเสียงหัวเราะออกมา

              "ยัยปุยฝ้าย!"  มนสิชาสาดน้ำใส่ปุยฝ้าย  ปุยฝ้ายสาดน้ำกลับ  แต่กลับโดนชูครีมแทน  เธอวิ่งไปเปลี่ยนชุดแล้วมาร่วมวงสงครามน้ำ

              พวกเธอเล่นกันจนพอใจ  แล้วจึงเดินไปสวมเสื้อผ้า

              "คุณครูดวงใจฝากบอกว่า  ตอนบ่ายนี้ให้คุณมนไปหาที่สนามฟุตบอลโรงเรียนด้วยนะคะ  คุณครูจะสอนให้เรียกสเลฟค่ะ  แล้วก็เปลี่ยนกระโปรงเป็นกางเกงด้วยค่ะ"

              ตอนบ่ายมนสิชาไปรอก่อนเวลาเล็กน้อย  ไม่มีใครเดินผ่านสนามฟุตบอลเพราะเป็นเวลาเรียน  ครูดวงใจเดินมาหา        มนสิชาที่ยืนรอกลางสนาม 

              "ขอโทษที่มาช้านะ  พอดีมีประชุมอาจารย์"   ครูดวงใจออกตัว

              "ไม่เป็นไรค่ะ"  มนสิชาบอก  "ที่นี่มีโรงเรียนแล้ว  ถ้ามีวิชาเกี่ยวกับสเลฟก็คงดีนะคะ"

              "ใครบอกว่าไม่มีจ๊ะ  มีสิ  เพียงแต่เพื่อให้เธอเรียนตาม

เพื่อนๆทัน  ครูก็เลยมาสอนแยกต่างหาก"

              "ขอบคุณมากค่ะ"  มนสิชายกมือไหว้คนเด็กกว่า  เธอตะขิดตะควงใจเล็กน้อย  แต่พอนึกว่าครูคนนี้เสียเวลาพักมาช่วยสอนเธอ  ก็รู้สึกขอบคุณไม่น้อยแล้ว

              "เริ่มเลยดีกว่า  ความจริงแล้ววิธีการเรียกสเลฟไม่ได้ยากอะไรเลย  แค่เธอสื่อใจถึงมันแล้วพูดว่าสเลฟจงออกมา  แค่นี้ก็ออกมาแล้วนะ"  ครูดวงใจอธิบาย  "ไหนลองดูซิ"

              "สเลฟจงออกมา"

              มนสิชาเรียกด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง  แต่ประตูมิติแค่ปรากฎเป็นรอยเส้นบางๆ  ไม่มีตัวอะไรออกมา

              "เธอต้องทำใจให้นิ่ง  ใช้ใจที่นิ่งตามหาพลังที่ซ่อนอยู่ในใจเธอ  จากนั้นก็เรียกมันออกมา"

              หญิงสาวทำตามที่อาจารย์บอก  เธอสงบใจแล้วก็พบว่ามีสายใยบางๆที่เชื่อมเธอไว้กับอะไรบางอย่าง  แล้วเธอก็เอ่ยด้วยเสียงดังลั่น

              "สเลฟจงออกมา"

              ประตูมิติเปิดกว้าง  แล้วม้าตัวโตก็ออกมา  มันร้องเสียงดังแล้วกระโดดไปมาด้วยอาการไม่พอใจ  มนสิชาเข้าไปลูบหัวม้าของเธอ  แต่ครูดวงใจดึงตัวเธอไว้

              "ดูลาดเลาอีกนิดดีกว่านะ  ดูมันยังไม่คุ้นกับเธอเลย"

              มนสิชายิ้มให้ม้า  เธอนึกถึงสายใยที่เชื่อมเธอกับม้าไว้ด้วยกัน  ส่งความปรารถนาดีให้ม้า  มันดูสงบลงอย่างประหลาด  แล้วม้าพยศก็ยอมให้เธอลูบหัวได้

              "เขาตั้งชื่อให้สเลฟกันด้วยใช่ไหมคะ"  มนสิชาถามดวงใจ

              "ใช่จ้ะ  ก็ดีนะ  จะได้สนิทกันมากขึ้น"

หญิงสาวนิ่งคิด  เธอสังเกตรายละเอียดของม้า  ม้าของเธอเป็นสีดำ  กล้ามเนื้อตรงแผงคอดูสวยงาม  ดูสง่าองอาจ  ท่าทางดุเอาเรื่องเหมือนม้าศึก 

              "ฟ้าลั่น  ฉันขอตั้งชื่อแกว่าฟ้าลั่นนะ"  มนสิชาเอ่ยกับมัน  เหมือนจะฟังรู้เรื่อง  เจ้าฟ้าลั่นขานรับชื่อของมัน  ชูสองขาหน้าขึ้นแล้วเอาตัวเข้ามาสีเจ้านายอย่างเอาใจ  หญิงสาวตีความท่าทางนั้นด้วยการถาม  "อะไร  อยากให้ฉันขึ้นขี่เหรอ"

              ฟ้าลั่นก้มหัวลงเป็นการยอมรับ  นายหญิงจับคอม้าไว้ให้แน่นแล้วยกตัวขึ้นขี่ม้า  ฟ้าลั่นร้องเบาๆ  แล้วเดินเยาะๆรอบสนามฟุตบอล  เสียงออดเปลี่ยนวิชาดังขึ้น  มันตกใจจึงวิ่งเตลิดไปข้างหน้า  มนสิชากอดคอม้าแน่นไม่กล้ามองไปข้างหน้า 

              ฟ้าลั่นเร่งความเร็ว  แถมยังสะบัดตัวเพื่อให้มนสิชาตกจากหลัง  เธอกอดคอม้าแน่น  แขนหญิงสาวเกร็งจนเริ่มอ่อนแรง  หากฟ้าลั่นยังไม่หยุดวิ่ง  เธอคงตกในไม่ช้า

              "สั่งให้ม้าหยุดซิมนสิชา"  ครูดวงใจตะโกนบอก

              "ไม่ไหวหรอก"  มนสิชาพูดเสียงเบาจนมีแต่เธอได้ยิน  เธอไม่มั่นใจว่าจะหยุดมันได้

              "เธอเป็นเจ้านายมันนะมนสิชา"  ครูดวงใจตะโกนเตือนสติมาจากที่ไกลๆ  "เธอต้องควบคุมมัน"

              "ฟ้าลั่น  หยุด!"  มนสิชาเอ่ยอย่างวางอำนาจ 

              เจ้าม้าพยศร้องเสียงดัง  ลดความเร็วลง  จนกลายเป็นเดิน  มนสิชาบังคับให้มันเดินกลับมาหาครูดวงใจ  ก่อนกระโดดลงมา

              "ทำได้ดีมาก"  ครูดวงใจจับมือเธออย่างชื่นชม  "ครูคิดว่าเธอน่าจะเป็นอัศวินกองหนุนได้  ถ้ามีอัศวินบาดเจ็บจนสู้ไม่ไหว  เราจะเรียกเธอไปสู้แทน"

Me.Daisy

รบกวน กดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และคอมเม้นท์ ให้กำลังใจนักเขียนด้วยนะคะ อยากให้เนื้อเรื่องเป็นยังไง ภาษาให้เป็นแบบไหน หรือชอบงานตรงไหน คอมเม้นท์มาได้นะคะ

| Like

Related chapters

  • เมืองนิทรา   บทที่ 9

    มนสิชาทำหน้าเป็นกังวล ไม่พอใจ ถอนหายใจ ไม่ยอมพูดกับใครตลอดทั้งวัน ปุยฝ้ายรู้สึกว่าอารมณ์คราวนี้เป็นของจริง จึงไม่กล้าแหย่ หันมามองชูครีมและเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนถาม "เธอเหมาะกว่า" "เธอนั่นแหละ เหมาะกว่า" สองสาวดันอีกคนให้เดินเข้าไป มนสิชาเท้าคางอยู่ในห้อง มองออกไปริมหน้าต่าง ใจลอยจนไม่ได้ยินเพื่อนสาวเลย ปุยฝ้ายดันชูครีม แต่อีกฝ่ายพลิกตัวกลับแล้วดันปุยฝ้ายเข้าไป ชูครีมเผลอใช้แรงมากไปหน่อย ปุยฝ้ายจึงพุ่งถลาเข้าหามนสิชา สีข้างเธอไปโดนขอบโต๊ะเข้าอย่างจัง เธอจึงอยู่ในท่าคุดคู้ กุมสีข้างไว้แน่น "เจ็บนะ" ปุยฝ้ายหันมาทำตาเขียวใส่ "ขอโทษค่ะ" ชูครีมรู้สึกผิด เสียงดังโครมนั่นทำให้มนสิชากลับมาขณะปัจจุบันได้ "แล้วเธอเป็นอะไรไหม ชูครีม" มนสิชาถาม "ไม่ยุติธรรมจริงๆ ฉันเป็นคนที่ล้มนะ" ปุยฝ้ายประท้วง "แหงล่ะ เพราะเธอมันซนนี่" มนสิชาหันหน้าไปอีกทาง ชูครีมทำสัญญาณมือให้ปุยฝ้ายเป็นคนถาม "ก็ได้ๆ ฉันถามเองก็ได้" ปุยฝ้ายรับอย่างรำคาญ ลุก

    Last Updated : 2024-12-26
  • เมืองนิทรา   บทที่ 10

    เครื่องพ่นไฟที่ฝ่ายหัวหน้านักเรียนเอามาแจกมีสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นทรงกระบอกสำหรับปล่อยให้ไฟออกมา มีด้ามจับทำมาจากหนังเทียมกันความร้อน อีกส่วนหนึ่งสามารถสะพายได้ เป็นทรงกลมเอาไว้เก็บแก๊สข้างใน มีชายคนหนึ่งออกมายืนหน้าห้องประชุมเพื่อสาธิตอุปกรณ์ให้ดู "ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเปิดแก๊สตรงนี้" เขาเปิดวาล์วให้ดูด้วยการบิดไปทางขวา "แล้วก็กดไกตรงนี้สำหรับจุดไฟให้ติด ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่หันกระบอกส่งไฟเข้าหน้าตัวเอง เพราะไกค่อนข้างอ่อนทีเดียว มันอาจจุดไฟขึ้นมาโดยบังเอิญได้ เรื่องที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เนื่องจากเพื่อให้พกพาเครื่องได้สะดวก เราเลยออกแบบให้ที่บรรจุแก๊สมีขนาดเล็ก ดังนั้นถ้าเปิดไฟเต็มแรงก็จะใช้เครื่องพ่นไฟได้ราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วคุณก็ต้องกลับมาเติมแก๊สใหม่ที่นี่นะครับ อย่าเพิ่งทำหน้าไม่พอใจครับ ถ้าแก๊สเยอะไป คุณก็จะหลบตั๊กแตนตำข้าวไม่สะดวกนะครับ เพราะงั้นเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว สัญญาณไฟสีแดงจะขึ้นตรงที่บรรจุแก๊ส ถ้าเหลือแก๊สให้ใช้อีกไม่เกินสิบห้านาทีนะครับ ถ้าผมเป็นคุณผมจะรีบวิ่งกลับมาที่โรงเรียน

    Last Updated : 2024-12-28
  • เมืองนิทรา   บทที่ 11

    ฝูงตั๊กแตนตำข้าวถูกนำไปแลกเงินได้มากพอจะซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนได้อีกแห่งหนึ่ง แต่เทพทัตแบ่งเงินให้กับนักเรียนและอีกส่วนหนึ่งเขาก็เอามาทำให้มีวันนี้ นักเรียนทิศเหนือมารวมตัวที่สนามฟุตบอล โต๊ะยาวหลายตัวนำมาเรียงตัวกันเพื่อวางอาหารน่ากินหลายอย่าง มีพระเอกของงานเป็นเค้กครีมสดขนาดยักษ์ เขาจัดเวทีสำหรับมินิคอนเสิร์ตให้นักดนตรีและนักร้องอาชีพ แม้จะอยู่ในคราบนักเรียนมัธยมปลาย แต่พวกเขาก็ทำงานในระดับมืออาชีพกันมาก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา นักเรียนโรงเรียนทิศเหนือจับกลุ่มคุยเป็นกลุ่มๆไป มนสิชามองชุดนักเรียนอย่างเบื่อหน่าย เธอคิดว่าพวกเขาควรงดเว้นไม่ใส่ชุดนี้มาบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่านี้ เธอดึงเก้าอี้หน้าเวทีออกมาแล้วนั่งไขว่ห้างเท้าคาง ชูครีมเดินวนอยู่ที่ซุ่มของกินกับเพื่อนอัศวิน ส่วนปุยฝ้ายคุยฟุ้งได้กับทุกคน นักดนตรีหันมาเล่นดนตรีแนวแอบรัก มีนักเรียนชายตัดผมรองทรงต่ำ เดินเข้ามาหามนสิชา เขาดูเป็นนักเรี๊ยนนักเรียนในสายตาของหญิงสาว เด็กหนุ่มยิ้มเอียงอายให้หล่อนก่อนเอ่ย "มีคนนั่งตรงนี้ไหมครับ" เขาหมายถึงเก้า

    Last Updated : 2024-12-31
  • เมืองนิทรา   บทที่ 12

    "เดี๋ยวชูครีมจัดการด้านบนเองค่ะ" ชูครีมเอ่ยกับพรรคพวกขณะขี่บลูฮาร์ท ไม่ไกลนักอัศวินคนหนึ่งกำลังขี่เทอราโนดอน นกไดโนเสาร์ยักษ์ผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราด มันร้องเสียงดังแล้วบินเข้าโจมตีเหยี่ยวยักษ์ที่ตัวพอๆกับมัน ที่เหลือจึงเริ่มหันเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น หลายตัวพุ่งลงใส่คน จากนั้นเมื่อคนกระโดดหมอบ พวกมันจึงเชิดหัวขึ้นแล้วชนเข้ากับกองอาหารบนโต๊ะ เสียงดังโครม อาหารกระจายเต็มพื้น ผู้คนหวีดร้อง วิ่งหนีเข้าไปในโรงยิม นกเหยี่ยวยักษ์บินฉวัดเฉวียนเหนือพวกเขา มันบินลงมาคาบมนุษย์แล้วปล่อยให้ตกลงมาจากท้องฟ้า บางคนโดนเด็ดหัว เลือดไหลจากคอเหมือนน้ำก๊อก "ใหญ่ ไม่นะใหญ่" เสียงเพื่อนหญิงของศพไร้หัวร้อง ศพเกิดไฟลุกท่วมแล้วสลายไป ไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี "เขาแค่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง เข้าไปหลบในโรงยิมก่อนเถอะค่ะ" ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่า นกเหยี่ยวยักษ์ยังบินเหนือท้องฟ้าไม่เลิก แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะยอมลุกไปไหน "ถ้าคุณต้องตายแล้วลืมว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็จะต้องแยกจากกั

    Last Updated : 2025-01-02
  • เมืองนิทรา   บทที่ 13

    ผ้าม่านถูกเปิดกว้าง ทำให้แสงสว่างสาดเข้ามาได้เต็มที่โดยไม่ต้องอาศัยหลอดไฟ เทพทัตนั่งรอสามสาวอย่างสบายใจ เขายกน้ำมะตูมขึ้นดื่ม และพบว่ารสของมันหวานอมขม เขาเป็นพวกพลังไม่เข้มแข็งเช่นกัน แต่อยู่ในจุดที่ไม่ต้องออกแรงเอง จึงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ ปุยฝ้ายเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เทพทัตตกใจจนสำลักน้ำมะตูม ไอจนหน้าแดงแล้วกลับมาวางมาดนิ่งตามปกติ ชูครีมมองสำรวจหัวหน้านักเรียนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เธอเองก็เกรงใจเขาเช่นกัน "เคาะประตูก่อนสิ ปุยฝ้าย" มนสิชาเป็นคนตำหนิเธอ "แหะๆ ขอโทษทีค่ะ หวังว่าคุณเทพทัตจะไม่เป็นอะไรนะคะ" ปุยฝ้ายยิ้มฝืดฝืน หน้าตาเกร็งไปหมด "ไม่เป็นไรครับ เชิญเด็กๆ เอ๊ย พวกคุณนั่งกันก่อนเลย" เทพทัตผายมือให้นั่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลานาน ดูเหมือนเทพทัตจะมีเรื่องบางอย่างในใจ ทำให้เขาไม่พูดอะไรเลย "คุณเทพทัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" มนสิชาตัดสินใจถาม "ครับ ขอโทษที ผมมีเรื่องอะไรต้องคิดเยอะ ปัญหาไม่ใช่น้อยๆเลย" เขาทำท่าเหมือนอยากระบาย

    Last Updated : 2025-01-07
  • เมืองนิทรา   บทที่ 14

    ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีมอนสเตอร์ออกมาให้ปราบสองครั้ง นักเรียนคลาสเอสเดินกลับห้องเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ พวกอัศวินชั้นหนึ่งเดินนำหน้าพร้อมกับคุยกันเสียงดัง อัศวินชั้นสองเดินตามมาอย่างหงอยๆ "ชูครีมนี่สุดยอดไปเลยนะ เธอบังคับสเลฟแบบนั้นได้ยังไง บลูฮาร์ทนี่เชื่องสุดๆไปเลย" ใบเฟิร์นชมเปาะ "ตอนอยู่ทิศเหนือ บอกมาเถอะว่าเธอเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า" "เปล่าคะ ชูครีมไม่ได้เก่งถึงขนาดนั้น ถามคุณมนดูก็ได้" ชูครีมโยนให้เพื่อนสาวที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ไม่มีใครอยากรู้เรื่องจากปากมนสิชา จึงเงียบเสียงลง หญิงสาวอ้าปากเก้อ รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้น ก่อนก้มลงมองหนังสือในมือ "เดี๋ยวหลังเลิกเรียน เราจะจัดปาร์ตี้ฉลอง ชูครีมก็มากับพวกเราด้วยสิ" อัศวินชั้นหนึ่งอีกคนเดินเข้ามา "ถ้าคุณมนไป.." ชูครีมเอ่ยไม่ทันจบใบเฟิร์นก็แทรก "พวกเราอัศวินชั้นหนึ่งจองห้องจัดเลี้ยงได้เป็นพิเศษ ยังไงก็ไปกันเถอะนะ" คนเดิมเอ่ย มนสิชาพยักหน้าให้ชูครีมเข้าร่วม "ก็..ได้ค่ะ" หล

    Last Updated : 2025-01-07
  • เมืองนิทรา   บทที่ 15

    พวกเขาเดินเข้ามาในเขตโรงเรียนทิศตะวันตกได้สักพักแล้ว ไม่เจอนักเรียนเลยสักคน ทั้งที่เจอเมืองเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ไม่มีย่านชุมชน แต่สร้างหอนอนไว้ในโรงเรียน ตัวอาคารเรียนทาสีแดงดำเหมือนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นโรงเรียน "เอาไงดีอ่ะ" มนสิชาหันมาถามเพื่อนๆ "ลองขึ้นไปดูในห้องเรียนก่อนดีไหมคะ อาจจะมีห้องพักครูหรืออะไรแบบนั้น" ชูครีมเสนอ "ตามฉันมาเลย" ปุยฝ้ายร้องแล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคาร เธอไม่เจอห้องพักครูหรือสำนักงานอะไรเลย จนกระทั่งเข้ามาเจอห้องว่างห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วเจอบันไดให้เดินลงไปอีกครึ่งชั้น มีโคมไฟประดับอยู่ตามผนังห้องที่ทำสีดำสลับกับแดงเหมือนข้างนอก มีโต๊ะตัวเตี้ยๆกับเก้าอี้ให้นั่ง บาร์สำหรับชงเครื่องดื่ม และเวทีเล็กๆที่พอให้วางเครื่องดนตรี "นี่มันผับนี่นา" มนสิชาร้อง มีนักเรียนกำลังทำความสะอาดอยู่พอดี เขาหันมาทางพวกเธอทั้งสามคน ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ "มาใหม่เหรอครับ" เขาถาม "เอ่อ ใช่ค่ะ แล้วที่นี่ไม่มีห้องเรียนเหรอคะ" ชูครีมถามตรงๆ "มีสิคร

    Last Updated : 2025-01-09
  • เมืองนิทรา   บทที่ 16

    คทาเป็นชายอายุหกสิบปี ผมหงอกหมดทั้งหัว ผิวขาว ดูสะอาดสะอ้าน เขาเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทิ้งลูกสาวสองคนให้เขาดูแลตามลำพัง คนโตคือมนสิชาและคนเล็กคือกุมภา มนสิชาไม่เคยมีเรื่องให้เขาลำบากใจเพราะเธอตั้งใจเรียนและช่วยเขาทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ จะมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างก็ตรงที่เธอมีผู้ชายมาชอบเยอะ ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีชายแก่ร่ำรวยมากมายเข้ามาเสนอช่วยออก ค่าเทอมให้ ส่วนน้องคนเล็กนั้นแทบจะตรงข้าม เพราะเธอหน้าตาไม่รับแขก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ดังนั้นคนส่วนใหญ่รอบตัวเธอจึงมีแต่คนไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเรทำให้เขาต้องเป็นห่วง เขาเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดทุกคน ไม่อยากให้ใครโตขึ้นมาแบบไม่เอาจริงเอาจัง ทั้งดุจนร้องไห้แล้วค่อยปลอบทีหลังก็เคยมาแล้ว เขารู้ว่าลูกๆไม่เคยเกลียดเขา เพราะทุกครั้งที่ดุที่จะบอกเหตุผลทุกครั้ง คทาเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบพูดในสิ่งที่คิด ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนได้รับอิทธิพลเรื่องการพูดตรงจากเขาไปไม่น้อย แรกๆคนไม่ค่อยพอใจที่เขาพูดตรงๆ แต่คนที่รับได้

    Last Updated : 2025-01-16

Latest chapter

  • เมืองนิทรา   บทที่ 18

    ชูครีมและปุยฝ้ายเดินไปย่านร้านค้า เวลานั้นเป็นช่วงสายของวันหยุด มีร้านกาแฟโบราณเปิดอยู่ ไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าที่นี่อีกแล้ว โต๊ะในร้านให้บริการคนในท้องถิ่นมานั่งคุยกัน เจ้าของร้านชงกาแฟแบบโบราณ รสชาติที่ทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะในโลกแห่งความเป็นจริงหรือโลกแห่งความฝัน พวกเขาไม่ได้ติดใจเพียงรสชาติ แต่ยังติดใจบรรยากาศการนั่งคุยฉันมิตรด้วย เด็กหนุ่มทั้งหมดสวมชุดนักเรียนมานั่งดื่มชาร้อนกันกว่าหกคน ชูครีมและปุยฝ้ายเลือกที่นั่งริมๆโต๊ะ แล้วสังเกตุการพูดคุยของพวกเขา แหล่งข่าวชั้นเยี่ยมก็คือสถานที่ๆ มีคนนั่งเม้าท์กันอย่างไม่ระวังนี่แหละ "ได้ยินมาว่าที่ทิศตะวันตกมีกบฏด้วยนะ" ชายคนหนึ่งเอ่ย สามสาวยังไม่ได้หันไปมองว่าใครพูด จึงไม่เห็นว่าเป็นใคร "แล้วปฏิวัติสำเร็จหรือเปล่าล่ะ" "ไม่เลย แถมคุณสุกฤตยังไม่เอาเรื่องด้วยนะ" คนที่เล่าตอบ "ไม่มีใครตาย แต่คนเจ็บเยอะอยู่" มนสิชาเงี่ยหูฟังเต็มที่ ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ดาวเหนือปลอดภัย "หัวหน้าทิศตะวันออกน่ะนะ" เด็กหนุ่มผมสีอ่อนเอ่ยเสียงเบาลง คนท

  • เมืองนิทรา   บทที่ 17

    "นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วนะ แต่เรายังหามนไม่เจอเลย" ปุยฝ้ายบ่นอย่างเซ็งๆ เธอโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำแก้เบื่อ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่สวนดอกไม้ของส่วนกลาง ที่ลับของพวกเธอสามคน ดอกไม้กลับมาบานสดใสเหมือนเดิม สีขาว สีแดง และสีเหลืองตัดกันสุดลูกหูลูกตา "ชูครีมว่าคงมีใครช่วยเธอไว้ค่ะ" ชูครีมตอบ นั่งยืดขาจนสุดบนพื้นหญ้าแสนนิ่ม "พวกเราไปทิศตะวันออกกันเลยไหมคะ ไม่แน่ว่าอาจเจอคุณมนที่นั่น" "แต่ว่า" ปุยฝ้ายคัดค้าน สีหน้าเป็นกังวล "การเอาใจคุณมนที่ดีที่สุด ก็คือการเข้าใกล้ทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะคะ" ชูครีมให้ความเห็น "ชูครีมเชื่อว่าคุณมนต้องเข้าใจคุณปุยฝ้ายแน่ๆค่ะ" "แล้วคราวนี้เราจะสืบยังไงดีล่ะ" ปุยฝ้ายถาม สมองเค้นคิดทางออกอย่างหนัก ชูครีมเองก็คิดทางออกอย่างวกวน ไม่มีคำตอบหลุดออกจากปากเธอ "เราไปถามหัวหน้านักเรียนตรงๆเลยดีไหม" ปุยฝ้ายเสนอ "หา ถามคุณกิ่งฟ้านี่นะ" ชูครีมแปลกใจ "ถามแล้วก็ดูปฏิกิริยาของเธอ ถ้าเธอทำ ต้องแสดงอาการอะไรออกมาแน่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 16

    คทาเป็นชายอายุหกสิบปี ผมหงอกหมดทั้งหัว ผิวขาว ดูสะอาดสะอ้าน เขาเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทิ้งลูกสาวสองคนให้เขาดูแลตามลำพัง คนโตคือมนสิชาและคนเล็กคือกุมภา มนสิชาไม่เคยมีเรื่องให้เขาลำบากใจเพราะเธอตั้งใจเรียนและช่วยเขาทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ จะมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างก็ตรงที่เธอมีผู้ชายมาชอบเยอะ ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีชายแก่ร่ำรวยมากมายเข้ามาเสนอช่วยออก ค่าเทอมให้ ส่วนน้องคนเล็กนั้นแทบจะตรงข้าม เพราะเธอหน้าตาไม่รับแขก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ดังนั้นคนส่วนใหญ่รอบตัวเธอจึงมีแต่คนไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเรทำให้เขาต้องเป็นห่วง เขาเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดทุกคน ไม่อยากให้ใครโตขึ้นมาแบบไม่เอาจริงเอาจัง ทั้งดุจนร้องไห้แล้วค่อยปลอบทีหลังก็เคยมาแล้ว เขารู้ว่าลูกๆไม่เคยเกลียดเขา เพราะทุกครั้งที่ดุที่จะบอกเหตุผลทุกครั้ง คทาเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบพูดในสิ่งที่คิด ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนได้รับอิทธิพลเรื่องการพูดตรงจากเขาไปไม่น้อย แรกๆคนไม่ค่อยพอใจที่เขาพูดตรงๆ แต่คนที่รับได้

  • เมืองนิทรา   บทที่ 15

    พวกเขาเดินเข้ามาในเขตโรงเรียนทิศตะวันตกได้สักพักแล้ว ไม่เจอนักเรียนเลยสักคน ทั้งที่เจอเมืองเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ไม่มีย่านชุมชน แต่สร้างหอนอนไว้ในโรงเรียน ตัวอาคารเรียนทาสีแดงดำเหมือนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นโรงเรียน "เอาไงดีอ่ะ" มนสิชาหันมาถามเพื่อนๆ "ลองขึ้นไปดูในห้องเรียนก่อนดีไหมคะ อาจจะมีห้องพักครูหรืออะไรแบบนั้น" ชูครีมเสนอ "ตามฉันมาเลย" ปุยฝ้ายร้องแล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคาร เธอไม่เจอห้องพักครูหรือสำนักงานอะไรเลย จนกระทั่งเข้ามาเจอห้องว่างห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วเจอบันไดให้เดินลงไปอีกครึ่งชั้น มีโคมไฟประดับอยู่ตามผนังห้องที่ทำสีดำสลับกับแดงเหมือนข้างนอก มีโต๊ะตัวเตี้ยๆกับเก้าอี้ให้นั่ง บาร์สำหรับชงเครื่องดื่ม และเวทีเล็กๆที่พอให้วางเครื่องดนตรี "นี่มันผับนี่นา" มนสิชาร้อง มีนักเรียนกำลังทำความสะอาดอยู่พอดี เขาหันมาทางพวกเธอทั้งสามคน ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ "มาใหม่เหรอครับ" เขาถาม "เอ่อ ใช่ค่ะ แล้วที่นี่ไม่มีห้องเรียนเหรอคะ" ชูครีมถามตรงๆ "มีสิคร

  • เมืองนิทรา   บทที่ 14

    ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีมอนสเตอร์ออกมาให้ปราบสองครั้ง นักเรียนคลาสเอสเดินกลับห้องเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ พวกอัศวินชั้นหนึ่งเดินนำหน้าพร้อมกับคุยกันเสียงดัง อัศวินชั้นสองเดินตามมาอย่างหงอยๆ "ชูครีมนี่สุดยอดไปเลยนะ เธอบังคับสเลฟแบบนั้นได้ยังไง บลูฮาร์ทนี่เชื่องสุดๆไปเลย" ใบเฟิร์นชมเปาะ "ตอนอยู่ทิศเหนือ บอกมาเถอะว่าเธอเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า" "เปล่าคะ ชูครีมไม่ได้เก่งถึงขนาดนั้น ถามคุณมนดูก็ได้" ชูครีมโยนให้เพื่อนสาวที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ไม่มีใครอยากรู้เรื่องจากปากมนสิชา จึงเงียบเสียงลง หญิงสาวอ้าปากเก้อ รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้น ก่อนก้มลงมองหนังสือในมือ "เดี๋ยวหลังเลิกเรียน เราจะจัดปาร์ตี้ฉลอง ชูครีมก็มากับพวกเราด้วยสิ" อัศวินชั้นหนึ่งอีกคนเดินเข้ามา "ถ้าคุณมนไป.." ชูครีมเอ่ยไม่ทันจบใบเฟิร์นก็แทรก "พวกเราอัศวินชั้นหนึ่งจองห้องจัดเลี้ยงได้เป็นพิเศษ ยังไงก็ไปกันเถอะนะ" คนเดิมเอ่ย มนสิชาพยักหน้าให้ชูครีมเข้าร่วม "ก็..ได้ค่ะ" หล

  • เมืองนิทรา   บทที่ 13

    ผ้าม่านถูกเปิดกว้าง ทำให้แสงสว่างสาดเข้ามาได้เต็มที่โดยไม่ต้องอาศัยหลอดไฟ เทพทัตนั่งรอสามสาวอย่างสบายใจ เขายกน้ำมะตูมขึ้นดื่ม และพบว่ารสของมันหวานอมขม เขาเป็นพวกพลังไม่เข้มแข็งเช่นกัน แต่อยู่ในจุดที่ไม่ต้องออกแรงเอง จึงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ ปุยฝ้ายเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เทพทัตตกใจจนสำลักน้ำมะตูม ไอจนหน้าแดงแล้วกลับมาวางมาดนิ่งตามปกติ ชูครีมมองสำรวจหัวหน้านักเรียนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เธอเองก็เกรงใจเขาเช่นกัน "เคาะประตูก่อนสิ ปุยฝ้าย" มนสิชาเป็นคนตำหนิเธอ "แหะๆ ขอโทษทีค่ะ หวังว่าคุณเทพทัตจะไม่เป็นอะไรนะคะ" ปุยฝ้ายยิ้มฝืดฝืน หน้าตาเกร็งไปหมด "ไม่เป็นไรครับ เชิญเด็กๆ เอ๊ย พวกคุณนั่งกันก่อนเลย" เทพทัตผายมือให้นั่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลานาน ดูเหมือนเทพทัตจะมีเรื่องบางอย่างในใจ ทำให้เขาไม่พูดอะไรเลย "คุณเทพทัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" มนสิชาตัดสินใจถาม "ครับ ขอโทษที ผมมีเรื่องอะไรต้องคิดเยอะ ปัญหาไม่ใช่น้อยๆเลย" เขาทำท่าเหมือนอยากระบาย

  • เมืองนิทรา   บทที่ 12

    "เดี๋ยวชูครีมจัดการด้านบนเองค่ะ" ชูครีมเอ่ยกับพรรคพวกขณะขี่บลูฮาร์ท ไม่ไกลนักอัศวินคนหนึ่งกำลังขี่เทอราโนดอน นกไดโนเสาร์ยักษ์ผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราด มันร้องเสียงดังแล้วบินเข้าโจมตีเหยี่ยวยักษ์ที่ตัวพอๆกับมัน ที่เหลือจึงเริ่มหันเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น หลายตัวพุ่งลงใส่คน จากนั้นเมื่อคนกระโดดหมอบ พวกมันจึงเชิดหัวขึ้นแล้วชนเข้ากับกองอาหารบนโต๊ะ เสียงดังโครม อาหารกระจายเต็มพื้น ผู้คนหวีดร้อง วิ่งหนีเข้าไปในโรงยิม นกเหยี่ยวยักษ์บินฉวัดเฉวียนเหนือพวกเขา มันบินลงมาคาบมนุษย์แล้วปล่อยให้ตกลงมาจากท้องฟ้า บางคนโดนเด็ดหัว เลือดไหลจากคอเหมือนน้ำก๊อก "ใหญ่ ไม่นะใหญ่" เสียงเพื่อนหญิงของศพไร้หัวร้อง ศพเกิดไฟลุกท่วมแล้วสลายไป ไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี "เขาแค่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง เข้าไปหลบในโรงยิมก่อนเถอะค่ะ" ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่า นกเหยี่ยวยักษ์ยังบินเหนือท้องฟ้าไม่เลิก แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะยอมลุกไปไหน "ถ้าคุณต้องตายแล้วลืมว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็จะต้องแยกจากกั

  • เมืองนิทรา   บทที่ 11

    ฝูงตั๊กแตนตำข้าวถูกนำไปแลกเงินได้มากพอจะซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนได้อีกแห่งหนึ่ง แต่เทพทัตแบ่งเงินให้กับนักเรียนและอีกส่วนหนึ่งเขาก็เอามาทำให้มีวันนี้ นักเรียนทิศเหนือมารวมตัวที่สนามฟุตบอล โต๊ะยาวหลายตัวนำมาเรียงตัวกันเพื่อวางอาหารน่ากินหลายอย่าง มีพระเอกของงานเป็นเค้กครีมสดขนาดยักษ์ เขาจัดเวทีสำหรับมินิคอนเสิร์ตให้นักดนตรีและนักร้องอาชีพ แม้จะอยู่ในคราบนักเรียนมัธยมปลาย แต่พวกเขาก็ทำงานในระดับมืออาชีพกันมาก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา นักเรียนโรงเรียนทิศเหนือจับกลุ่มคุยเป็นกลุ่มๆไป มนสิชามองชุดนักเรียนอย่างเบื่อหน่าย เธอคิดว่าพวกเขาควรงดเว้นไม่ใส่ชุดนี้มาบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่านี้ เธอดึงเก้าอี้หน้าเวทีออกมาแล้วนั่งไขว่ห้างเท้าคาง ชูครีมเดินวนอยู่ที่ซุ่มของกินกับเพื่อนอัศวิน ส่วนปุยฝ้ายคุยฟุ้งได้กับทุกคน นักดนตรีหันมาเล่นดนตรีแนวแอบรัก มีนักเรียนชายตัดผมรองทรงต่ำ เดินเข้ามาหามนสิชา เขาดูเป็นนักเรี๊ยนนักเรียนในสายตาของหญิงสาว เด็กหนุ่มยิ้มเอียงอายให้หล่อนก่อนเอ่ย "มีคนนั่งตรงนี้ไหมครับ" เขาหมายถึงเก้า

  • เมืองนิทรา   บทที่ 10

    เครื่องพ่นไฟที่ฝ่ายหัวหน้านักเรียนเอามาแจกมีสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นทรงกระบอกสำหรับปล่อยให้ไฟออกมา มีด้ามจับทำมาจากหนังเทียมกันความร้อน อีกส่วนหนึ่งสามารถสะพายได้ เป็นทรงกลมเอาไว้เก็บแก๊สข้างใน มีชายคนหนึ่งออกมายืนหน้าห้องประชุมเพื่อสาธิตอุปกรณ์ให้ดู "ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเปิดแก๊สตรงนี้" เขาเปิดวาล์วให้ดูด้วยการบิดไปทางขวา "แล้วก็กดไกตรงนี้สำหรับจุดไฟให้ติด ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่หันกระบอกส่งไฟเข้าหน้าตัวเอง เพราะไกค่อนข้างอ่อนทีเดียว มันอาจจุดไฟขึ้นมาโดยบังเอิญได้ เรื่องที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เนื่องจากเพื่อให้พกพาเครื่องได้สะดวก เราเลยออกแบบให้ที่บรรจุแก๊สมีขนาดเล็ก ดังนั้นถ้าเปิดไฟเต็มแรงก็จะใช้เครื่องพ่นไฟได้ราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วคุณก็ต้องกลับมาเติมแก๊สใหม่ที่นี่นะครับ อย่าเพิ่งทำหน้าไม่พอใจครับ ถ้าแก๊สเยอะไป คุณก็จะหลบตั๊กแตนตำข้าวไม่สะดวกนะครับ เพราะงั้นเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว สัญญาณไฟสีแดงจะขึ้นตรงที่บรรจุแก๊ส ถ้าเหลือแก๊สให้ใช้อีกไม่เกินสิบห้านาทีนะครับ ถ้าผมเป็นคุณผมจะรีบวิ่งกลับมาที่โรงเรียน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status