แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: Me.Daisy
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-22 11:05:36

              ชูครีมวางเครื่องเจาะคอนกรีตลงแล้ววิ่งไปยังจุดเกิดเหตุ  ปุยฝ้ายดึงมนสิชาออกมาจากบริเวณนั้นพร้อมๆกับคนอื่น             ฝูงอสูรกายติดปีกบินเขามาเหนือกำแพงเมือง  แล้วฟาดกำแพงจนถล่มลงมาอีกระลอก  พวกมันมีสองขาและสองแขนเหมือนมนุษย์  ลำตัวหนาและสูงใหญ่เกือบสองเมตร  ผิวหนังสีดำสนิท  กล้ามเนื้อแน่นเป็นมัด  ดวงตาสีแดงไร้แสงสะท้อน

              "สเลฟ*จงออกมา"  เสียงตะโกนจากเหล่าอัศวินดังขึ้น  ประตูมิติขนาดเล็กเปิดออก  มีสัตว์ทยอยกันออกมา  สเลฟของ     ชูครีมใหญ่กว่าคนหลายเท่า  ผิวหนังสากหยาบกระด้าง  ดวงตาสีทอง  ปากใหญ่นั้นเต็มไปด้วยฟันแหลมคมซี่โต  ชูครีมถีบตัวขึ้นไปบนหลังมังกรของเธอ

(คำอ่าน Slave นั้น ถ้าเป็นภาษาเขียนจะเขียนว่า สแลฟ หรือสลาฟ  แต่พอคนเขียนกดฟังภาษาจากต้นตำรับ เขาออกเสียงว่า สเลฟ ดังนั้นในเรื่องจึงเขียนว่า สเลฟ ทุกคำนะคะ)

              อสูรกายติดปีกตัวหนึ่งบินเข้ามาปะทะ  ชูครีมดึงบังเหียนให้มังกรหลบไปด้านข้าง  แต่ช้าไป  โดนกระแทกเข้าเต็มแรง  มังกรของชูครีมกระเด็นไปหลายเมตร  กางปีกก่อนบินขึ้นมาได้อีก  เด็กสาวตั้งลำมังกรใหม่  เธอรู้สึกเจ็บแปลบที่แขนขวา  เมื่อก้มมองก็แทบหมดสติเพราะแผลยาวและลึกจนทำให้ขยับแขนไม่ได้

              “ฟาดหาง!!”

              เธอบังคับมังกรให้ฟาดหาง  อสูรกายติดปีกเสียหลักพุ่งโหม่งพื้นโลก  ปีกของมันหักลู่ลงข้างหนึ่ง  มันร้องครวญคราง  แล้วเปลี่ยนเป้าหมายจากมังกรน้ำเงินเป็นฝูงชนแทน  ทุกคนวิ่งหนีกันจ้าละหวั่น  ชูครีมกำลังจะลงไปจัดการให้สิ้นซาก  แต่อสูรกายติดปีกตัวต่อไปก็บินเข้ามาหาเธอ  เธอบังคับบังเหียนให้พุ่งเข้าใส่ทันที  เด็กสาวเร่งตัวเองไปช่วยคนข้างล่างแทน  แต่ราวกับอสูรกายตัวใหม่จะรู้ทัน  มันเกาะเธอเหนียวแน่นไม่ยอมปล่อย

              ปุยฝ้ายดึงแขนมนสิชาให้วิ่งตามเธอมา  แต่ตัวเองกลับสะดุดก้อนหินจึงพามนสิชาล้มลงด้วย  อสูรกายปีกหักคำรามก้องแล้วเดินเข้ามาหาเธอ

              "สเลฟของเธอล่ะปุยฝ้าย  เรียกสเลฟของเธอออกมาสิ" 

มนสิชาร้อง

              "ไม่ได้  สเลฟฉันอ่อนแอเกินไป"

              "ชูครีม!!"  มนสิชาร้องลั่น

              มังกรน้ำเงินพ่นไฟลงมาใส่  กลิ่นเนื้อสุกลอยมาเตะจมูกของทุกคน  มนสิชาผะอืดผะอมกลิ่นชวนเวียนหัวและหน้าตาน่าสยดสยองนั่น  ชูครีมมองร่างไร้พิษสงก่อนบินขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง

              "บลูฮาร์ทกัดคอมัน"  เธอสั่ง

              มังกรน้ำเงินจู่โจมจุดตายของมอนสเตอร์  เลือดสีแดงกระเซ็นไปทั่ว  ชูครีมยกหลังมือปาดเอาเลือดสีแดงออกจากหน้าเธอ  แล้วจู่โจมอสุรกายตัวต่อไป

              อัศวินกลุ่มหนึ่งมีสเลฟขนาดไม่ใหญ่นัก  พวกเขาจึงรวมกลุ่มกันต่อสู้  อสูรกายติดปีกตัวหนึ่งเดินเข้ามาในวงล้อม  สเลฟสามตัวนั้นได้แก่  มนุษย์วานร  งูยักษ์  และเสือ  ทั้งสามตัวสีสันไม่สดใสเหมือนมีกลุ่มพลังงานมืดครอบงำอยู่  แต่พวกมันกลับเชื่อฟังกับอัศวินทั้งสามเป็นอย่างดี  เมื่อลองสังเกตสเลฟของคนอื่นก็มีพลังงานดำมืดครอบร่างอยู่ด้วยทุกตัว  หากไม่มีใครบอกว่าเป็นฝ่ายมนุษย์  พวกเขาอาจคิดว่าสเลฟพวกนี้คือเหล่าร้ายไปแล้ว

              อสูรกายติดปีกกระโดดกัดมนุษย์วานรที่มีผิวบอบบาง  เมื่อปัดป้องไม่ทันจึงโดนกัดเป็นแผลลึก  มนุษย์วานรเสียเลือดมากจึงล้มลงกับพื้น 

              "ช่วยสเลฟฉันด้วย"  อัศวินหญิงขอร้องเพื่อนๆ

              "โจมตีมันตะวัน"  สิ้นเสียงสั่ง  เสือก็กระโดดเข้าใส่     อสูรกายติดปีก  รอยเขี้ยวเสือดูจะสร้างความบอบช้ำให้อีกฝ่ายได้ดี  มันล้มลงกับพื้น  งูยักษ์จึงเข้าไปบีบรัดร่างอสูรกายติดปีกจนแหลกเหลว  มีเสียงดังกร๊อบตามมา  อสูรกายติดปีกดิ้นพล่านจนหยุดเคลื่อนไหวไปในที่สุด

              "ห้ามกินเด็ดขาดเลยนะช้องนาง"  อัศวินชายคนหนึ่งตะโกนสั่งงูยักษ์  เขาเกรงว่างูจะนอนแน่นิ่งหลังต้องใช้ท้องย่อยอาหาร

              อัศวินอีกกลุ่มหนึ่งก็จัดการอสูรร้ายติดปีกได้ดี  พวกมัน

ทยอยล้มตายไปจนหมด  เทพทัตสั่งคนให้เตรียมเปลมาหามคนเจ็บ  เอารถเข็นมาใส่มอนสเตอร์ทั้งหมดเพื่อนำไปแลกเป็นเงิน 

              "เคยมีคนตายเพราะสู้กับมอนสเตอร์ด้วยหรือเปล่า"      มนสิชาถามปุยฝ้าย

              "มีบ้าง  แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่เป็นไร  คราวนี้มอนสเตอร์แข็งแกร่งมากทีเดียว" 

              "พอตายแล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับคนๆนั้นเหรอ"  มนสิชาถามอีก

              "ก็ไม่มีอันตรายอะไรหรอก  แค่คนนั้นจะลืมความทรงจำในฝันไปทั้งหมด  แล้วก็ไปเริ่มต้นที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง"

              "ค่อยยังชั่ว"  มนสิชาตอบลอยๆ  เธอมองชูครีมที่เดินเข้ามาพร้อมตัวเปรอะเลือด

              "บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า"  ปุยฝ้ายถามด้วยความเป็นห่วง

              ก่อนที่ชูครีมจะทันตอบอะไร ทุกอย่างพลันดับวูบ  เธอหมดสติล้มลงกับพื้นซะก่อน  ร่างหนาถูกสองสาวพยุงไปเพราะเปลถูกใช้จนหมดแล้ว  จะรอความช่วยเหลือก็อาจไม่ทันการ   ปุยฝ้ายรู้สึกเหมือนชูครีมน้ำหนักเท่ากับนักซูโม่ตัวโตๆ  จึงแทบจะออกแรงช่วยเพื่อนสาวไม่ไหว  งานหลักจึงเป็นของมนสิชาแทน

              ปุยฝ้ายนำทางมายังห้องพยาบาลซึ่งอยู่ตรงชั้นหนึ่งของอาคารเรียน  ห้องพยาบาลจุคนได้ราวยี่สิบคน  ตอนนี้แน่นขนัด  อัศวินหลายคนนอนร้องโอดโอย  เลือดเปรอะเตียงเป็นสีแดงฉาน  กลิ่นคาวเลือดฟุ้ง  ทุกคนหดหู่และหวาดกลัว  อาจารย์ประจำห้องพยาบาลที่มีใบหน้าเหมือนเด็กมัธยมเดินเข้ามา  เธอสวมเสื้อเชิ้ตและกระโปรงสีขาว เข้าไปให้กำลังใจและโปรยยิ้มให้นักเรียนที่นอนเจ็บอยู่

              ชูครีมได้สติขึ้นมา  เธอมองแขนที่มีแผลฉกรรจ์  แถมปวดตามเนื้อตัวไปหมด  เด็กสาวร้องไห้ออกมาอย่างลืมอาย

              "ร้องทำไม  ชูครีมเป็นอะไร"  มนสิชาถามด้วยน้ำเสียงอาทร

              "เจ็บจังเลย  ฮือ..ชูครีมไม่เก่งพอที่จะเป็นอัศวิน  บาดเจ็บทุกครั้งเลย  ฮือ..เป็นอัศวินแล้วมีแต่ต้องตาย  และลืมทุกคนจนหมด"   ชูครีมร้องไห้สะอึกสะอื้น

              "อย่าร้องเลย  เธอจะต้องไม่เป็นไร"  มนสิชาเอ่ยพลางลูบหัวเธอ

              "อย่าร้องเลย  เธอจะต้องไม่เป็นไร"  ปุยฝ้ายพูดตาม        มนสิชารู้สึกทะแม่งๆ ที่ปุยฝ้ายพูดตามเธอ

              "ถึงห้องพยาบาลแล้วเห็นไหม  อีกเดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว"  มนสิชาพูดต่อ

              "ถึงห้องพยาบาลแล้วเห็นไหม  อีกเดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว"  ปุยฝ้ายพูดตามอีก  แถมทำหน้าภูมิใจเหมือนคิดคำปลอบใจเอง

              "ปุยฝ้าย  อย่ามาพูดตามพี่นะ"  หญิงสาวแหว

              "ปุยฝ้าย  อย่ามาพูดตามพี่นะ"  ปุยฝ้ายยังไม่หยุด

              "ฟังนะ  ถ้าเธอไม่หยุด  พี่จะใช้สองนิ้วเสยจมูกให้เหมือนหมูเลย  แล้วจมูกเธอก็จะบานจนหุบไม่ได้ไปตลอดชีวิต"

              ปุยฝ้ายชะงัก  ไปต่อไม่ถูก  ชูครีมหัวเราะแล้วบอกว่า

              "ในที่สุดก็มีคนปราบปุยฝ้ายสำเร็จสักที"

            อาจารย์ห้องพยาบาลเดินดูจนครบทุกคน  เธอเดินมาตรงประตูทางเข้า  ที่มองเห็นทุกคนได้ถนัด  จากนั้นก็ยกสองมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เงียบ  ทุกคนเงียบเสียงลงอย่างรู้กัน

              "เขาจะทำอะไรน่ะ"  มนสิชาถาม  แต่ชูครีมทำเสียงจุ๊ให้เธอเงียบ

              อาจารย์สาวร้องเพลงด้วยเสียงอ่อนหวาน  ไม่มีดนตรีประกอบแต่เสียงหวานนั้นประโลมจิตคนฟัง  พวกเขารู้สึกสบายใจ  จิตใจที่รุ่มร้อนไปด้วยความเจ็บและความกลัวคลายตัวลง  เธอเปลี่ยนเพลงมาเป็นเพลงโทนเสียงต่ำ  แผลทำการสมานตัว  แม้แต่กระดูกที่หักก็ต่อกันดังเดิม  มนสิชาก้มมองแขนชูครีมที่กลับมาเป็นเนื้ออวบเหมือนเดิม  แม้แต่รอยช้ำก็หายไป  จากนั้นครูห้องพยาบาลก็เปลี่ยนมาร้องเพลงฮึกเหิมเพื่อปลุกใจเหล่าอัศวินอีกครั้ง  พวกเขากลับมาสดชื่นเหมือนเดิม

              "ทำไมไม่เอาอาจารย์ไปร้องเพลงในสนามรบล่ะ  พี่ว่า

อัศวินคงมีแรงสู้กว่านี้มากๆ"  มนสิชาถามอีกครั้ง

"ก็เพราะอาจารย์ห้องพยาบาลเป็นบุคคลสำคัญค่ะ  ถ้าตายตอนอยู่ในสนามรบ  พวกเราก็ต้องตายกันทุกคน  ดังนั้นเธอจึงไม่ไปใกล้ประตูมิติเด็ดขาด"

              "งี้นี่เอง"  มนสิชาตอบรับ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมืองนิทรา   บทที่ 7

    ปริญถือช่อดอกไม้เดินเข้ามาในห้องพิเศษ เขาเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแน่นเพราะเข้าฟิตเนส จมูกเป็นสันเหมือนรูปปั้น ดวงตามีแววลึกซึ้งอย่างคนฉลาด เขาเดินมายังแผนกห้องพิเศษเพื่อตามหามนสิชา พยาบาลสาวๆ แอบร้องกรี๊ดเมื่อเขาเดินตรงมา หัวหน้าพยาบาลมองดูเด็กในปกครองของตัวเองออกอาการคลั่งหนุ่มหล่อจึงอดไม่ได้ที่จะปราม "นี่ๆ มากไปแล้วนะ" พวกเธอแตกฮือกันไปทำหน้าที่ของตน หัวหน้าพยาบาลส่งรอยยิ้มตามมารยาทให้ปริญ "ติดต่อสอบถามหรือคะ" "ครับ ผมกำลังตามหาห้องของมนสิชา ภูริเดโชครับ" "สักครู่นะคะ" เธอเคาะนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ เครือข่ายห้องผู้ป่วยทั่วทั้งโรงพยาบาลประมวลผลหาชื่อนี้ ชั่วครู่รายชื่อก็ปรากฎออกมา "ชั้นเก้า ห้องเก้าศูนย์สามค่ะ" "ขอบคุณมากครับ" เขาเดินจากไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่าทั้งแผนกปั่นป่วนหัวใจขนาดไหน แม้แต่หัวหน้าพยาบาลมาดมืออาชีพเมื่อสักครู่ก็หวั่นไหวกับความหล่อเขาเช่นกัน "ห้องเจ้าหญิงนิทรานี่คะ" พยาบาลสาวคนหนึ่งใจกล้าออกความเห็น "เพิ่งเข้าโรงพยาบาลได้สองวันเอง เดี๋ยวก็ฟื้น" หัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • เมืองนิทรา   บทที่ 8

    เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น ชูครีมจูงมือมนสิชาไปเข้าเรียน ห้องเรียนเป็นห้องเรียนในอุดมคติ มีนักเรียนสิบกว่าคนต่อครูคนเดียว ครูที่นี่หน้าตาเหมือนเด็กมัธยม สิ่งที่แยกพวกเขาได้คือชุดที่สวมเท่านั้น ห้องเรียนประดับไปด้วยสายรุ้งแฟนซีและลูกโป่ง ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มไม่เหมือนกำลังมาเรียนหนังสือแต่มาเล่นสนุกกันมากกว่า "ครูดวงใจคะ วันนี้มีนักเรียนใหม่มาเรียนกับพวกเราด้วยค่ะ" ชูครีมดันหลังมนสิชาให้เดินไปข้างหน้า "มนสิชา ภูริเดโชค่ะ" เธอแนะนำตัว "ยินดีต้อนรับนะ นั่งก่อนสิค่ะ แล้วปุยฝ้ายหายไปไหนอีกแล้ว" ดวงใจเอ่ย เธอดูสนิทกับนักเรียนทุกคน "หลับไม่ฝันค่ะ" ชูครีมตอบสั้นๆ ดูง่วนกับการหาขอบางอย่างในกระเป๋านักเรียน "แต่ก็ช่างเถอะ เพราะวันนี้เราไม่ได้จะเรียนในห้องเรียนกัน" มนสิชามองสายรุ้งประดับอย่างเสียดาย เธอชอบสีสันของมันแท้ๆ "เมื่อวานสวนดอกไม้ส่วนกลางและสวนดอกไม้ของโรงเรียนเราแห้งเหี่ยวไปหมดเลย ครูก็เลยจะพาพวกเราไปจัดการสักหน่อย" นักเรียนในห้องปรบมือกัน มนสิชาไม่คิดว่าพวกเขาจะตบมือเพราะดีใจที่ดอกไม้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • เมืองนิทรา   บทที่ 9

    มนสิชาทำหน้าเป็นกังวล ไม่พอใจ ถอนหายใจ ไม่ยอมพูดกับใครตลอดทั้งวัน ปุยฝ้ายรู้สึกว่าอารมณ์คราวนี้เป็นของจริง จึงไม่กล้าแหย่ หันมามองชูครีมและเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนถาม "เธอเหมาะกว่า" "เธอนั่นแหละ เหมาะกว่า" สองสาวดันอีกคนให้เดินเข้าไป มนสิชาเท้าคางอยู่ในห้อง มองออกไปริมหน้าต่าง ใจลอยจนไม่ได้ยินเพื่อนสาวเลย ปุยฝ้ายดันชูครีม แต่อีกฝ่ายพลิกตัวกลับแล้วดันปุยฝ้ายเข้าไป ชูครีมเผลอใช้แรงมากไปหน่อย ปุยฝ้ายจึงพุ่งถลาเข้าหามนสิชา สีข้างเธอไปโดนขอบโต๊ะเข้าอย่างจัง เธอจึงอยู่ในท่าคุดคู้ กุมสีข้างไว้แน่น "เจ็บนะ" ปุยฝ้ายหันมาทำตาเขียวใส่ "ขอโทษค่ะ" ชูครีมรู้สึกผิด เสียงดังโครมนั่นทำให้มนสิชากลับมาขณะปัจจุบันได้ "แล้วเธอเป็นอะไรไหม ชูครีม" มนสิชาถาม "ไม่ยุติธรรมจริงๆ ฉันเป็นคนที่ล้มนะ" ปุยฝ้ายประท้วง "แหงล่ะ เพราะเธอมันซนนี่" มนสิชาหันหน้าไปอีกทาง ชูครีมทำสัญญาณมือให้ปุยฝ้ายเป็นคนถาม "ก็ได้ๆ ฉันถามเองก็ได้" ปุยฝ้ายรับอย่างรำคาญ ลุก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-26
  • เมืองนิทรา   บทที่ 10

    เครื่องพ่นไฟที่ฝ่ายหัวหน้านักเรียนเอามาแจกมีสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นทรงกระบอกสำหรับปล่อยให้ไฟออกมา มีด้ามจับทำมาจากหนังเทียมกันความร้อน อีกส่วนหนึ่งสามารถสะพายได้ เป็นทรงกลมเอาไว้เก็บแก๊สข้างใน มีชายคนหนึ่งออกมายืนหน้าห้องประชุมเพื่อสาธิตอุปกรณ์ให้ดู "ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเปิดแก๊สตรงนี้" เขาเปิดวาล์วให้ดูด้วยการบิดไปทางขวา "แล้วก็กดไกตรงนี้สำหรับจุดไฟให้ติด ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่หันกระบอกส่งไฟเข้าหน้าตัวเอง เพราะไกค่อนข้างอ่อนทีเดียว มันอาจจุดไฟขึ้นมาโดยบังเอิญได้ เรื่องที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เนื่องจากเพื่อให้พกพาเครื่องได้สะดวก เราเลยออกแบบให้ที่บรรจุแก๊สมีขนาดเล็ก ดังนั้นถ้าเปิดไฟเต็มแรงก็จะใช้เครื่องพ่นไฟได้ราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วคุณก็ต้องกลับมาเติมแก๊สใหม่ที่นี่นะครับ อย่าเพิ่งทำหน้าไม่พอใจครับ ถ้าแก๊สเยอะไป คุณก็จะหลบตั๊กแตนตำข้าวไม่สะดวกนะครับ เพราะงั้นเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว สัญญาณไฟสีแดงจะขึ้นตรงที่บรรจุแก๊ส ถ้าเหลือแก๊สให้ใช้อีกไม่เกินสิบห้านาทีนะครับ ถ้าผมเป็นคุณผมจะรีบวิ่งกลับมาที่โรงเรียน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-28
  • เมืองนิทรา   บทที่ 11

    ฝูงตั๊กแตนตำข้าวถูกนำไปแลกเงินได้มากพอจะซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนได้อีกแห่งหนึ่ง แต่เทพทัตแบ่งเงินให้กับนักเรียนและอีกส่วนหนึ่งเขาก็เอามาทำให้มีวันนี้ นักเรียนทิศเหนือมารวมตัวที่สนามฟุตบอล โต๊ะยาวหลายตัวนำมาเรียงตัวกันเพื่อวางอาหารน่ากินหลายอย่าง มีพระเอกของงานเป็นเค้กครีมสดขนาดยักษ์ เขาจัดเวทีสำหรับมินิคอนเสิร์ตให้นักดนตรีและนักร้องอาชีพ แม้จะอยู่ในคราบนักเรียนมัธยมปลาย แต่พวกเขาก็ทำงานในระดับมืออาชีพกันมาก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา นักเรียนโรงเรียนทิศเหนือจับกลุ่มคุยเป็นกลุ่มๆไป มนสิชามองชุดนักเรียนอย่างเบื่อหน่าย เธอคิดว่าพวกเขาควรงดเว้นไม่ใส่ชุดนี้มาบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่านี้ เธอดึงเก้าอี้หน้าเวทีออกมาแล้วนั่งไขว่ห้างเท้าคาง ชูครีมเดินวนอยู่ที่ซุ่มของกินกับเพื่อนอัศวิน ส่วนปุยฝ้ายคุยฟุ้งได้กับทุกคน นักดนตรีหันมาเล่นดนตรีแนวแอบรัก มีนักเรียนชายตัดผมรองทรงต่ำ เดินเข้ามาหามนสิชา เขาดูเป็นนักเรี๊ยนนักเรียนในสายตาของหญิงสาว เด็กหนุ่มยิ้มเอียงอายให้หล่อนก่อนเอ่ย "มีคนนั่งตรงนี้ไหมครับ" เขาหมายถึงเก้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-31
  • เมืองนิทรา   บทที่ 12

    "เดี๋ยวชูครีมจัดการด้านบนเองค่ะ" ชูครีมเอ่ยกับพรรคพวกขณะขี่บลูฮาร์ท ไม่ไกลนักอัศวินคนหนึ่งกำลังขี่เทอราโนดอน นกไดโนเสาร์ยักษ์ผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราด มันร้องเสียงดังแล้วบินเข้าโจมตีเหยี่ยวยักษ์ที่ตัวพอๆกับมัน ที่เหลือจึงเริ่มหันเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น หลายตัวพุ่งลงใส่คน จากนั้นเมื่อคนกระโดดหมอบ พวกมันจึงเชิดหัวขึ้นแล้วชนเข้ากับกองอาหารบนโต๊ะ เสียงดังโครม อาหารกระจายเต็มพื้น ผู้คนหวีดร้อง วิ่งหนีเข้าไปในโรงยิม นกเหยี่ยวยักษ์บินฉวัดเฉวียนเหนือพวกเขา มันบินลงมาคาบมนุษย์แล้วปล่อยให้ตกลงมาจากท้องฟ้า บางคนโดนเด็ดหัว เลือดไหลจากคอเหมือนน้ำก๊อก "ใหญ่ ไม่นะใหญ่" เสียงเพื่อนหญิงของศพไร้หัวร้อง ศพเกิดไฟลุกท่วมแล้วสลายไป ไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี "เขาแค่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง เข้าไปหลบในโรงยิมก่อนเถอะค่ะ" ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่า นกเหยี่ยวยักษ์ยังบินเหนือท้องฟ้าไม่เลิก แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะยอมลุกไปไหน "ถ้าคุณต้องตายแล้วลืมว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็จะต้องแยกจากกั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-02
  • เมืองนิทรา   บทที่ 13

    ผ้าม่านถูกเปิดกว้าง ทำให้แสงสว่างสาดเข้ามาได้เต็มที่โดยไม่ต้องอาศัยหลอดไฟ เทพทัตนั่งรอสามสาวอย่างสบายใจ เขายกน้ำมะตูมขึ้นดื่ม และพบว่ารสของมันหวานอมขม เขาเป็นพวกพลังไม่เข้มแข็งเช่นกัน แต่อยู่ในจุดที่ไม่ต้องออกแรงเอง จึงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ ปุยฝ้ายเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เทพทัตตกใจจนสำลักน้ำมะตูม ไอจนหน้าแดงแล้วกลับมาวางมาดนิ่งตามปกติ ชูครีมมองสำรวจหัวหน้านักเรียนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เธอเองก็เกรงใจเขาเช่นกัน "เคาะประตูก่อนสิ ปุยฝ้าย" มนสิชาเป็นคนตำหนิเธอ "แหะๆ ขอโทษทีค่ะ หวังว่าคุณเทพทัตจะไม่เป็นอะไรนะคะ" ปุยฝ้ายยิ้มฝืดฝืน หน้าตาเกร็งไปหมด "ไม่เป็นไรครับ เชิญเด็กๆ เอ๊ย พวกคุณนั่งกันก่อนเลย" เทพทัตผายมือให้นั่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลานาน ดูเหมือนเทพทัตจะมีเรื่องบางอย่างในใจ ทำให้เขาไม่พูดอะไรเลย "คุณเทพทัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" มนสิชาตัดสินใจถาม "ครับ ขอโทษที ผมมีเรื่องอะไรต้องคิดเยอะ ปัญหาไม่ใช่น้อยๆเลย" เขาทำท่าเหมือนอยากระบาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • เมืองนิทรา   บทที่ 14

    ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีมอนสเตอร์ออกมาให้ปราบสองครั้ง นักเรียนคลาสเอสเดินกลับห้องเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ พวกอัศวินชั้นหนึ่งเดินนำหน้าพร้อมกับคุยกันเสียงดัง อัศวินชั้นสองเดินตามมาอย่างหงอยๆ "ชูครีมนี่สุดยอดไปเลยนะ เธอบังคับสเลฟแบบนั้นได้ยังไง บลูฮาร์ทนี่เชื่องสุดๆไปเลย" ใบเฟิร์นชมเปาะ "ตอนอยู่ทิศเหนือ บอกมาเถอะว่าเธอเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า" "เปล่าคะ ชูครีมไม่ได้เก่งถึงขนาดนั้น ถามคุณมนดูก็ได้" ชูครีมโยนให้เพื่อนสาวที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ไม่มีใครอยากรู้เรื่องจากปากมนสิชา จึงเงียบเสียงลง หญิงสาวอ้าปากเก้อ รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้น ก่อนก้มลงมองหนังสือในมือ "เดี๋ยวหลังเลิกเรียน เราจะจัดปาร์ตี้ฉลอง ชูครีมก็มากับพวกเราด้วยสิ" อัศวินชั้นหนึ่งอีกคนเดินเข้ามา "ถ้าคุณมนไป.." ชูครีมเอ่ยไม่ทันจบใบเฟิร์นก็แทรก "พวกเราอัศวินชั้นหนึ่งจองห้องจัดเลี้ยงได้เป็นพิเศษ ยังไงก็ไปกันเถอะนะ" คนเดิมเอ่ย มนสิชาพยักหน้าให้ชูครีมเข้าร่วม "ก็..ได้ค่ะ" หล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07

บทล่าสุด

  • เมืองนิทรา   บทที่ 28

    วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที นักเรียนทุกคนรอการหาเสียงจากแต่ละทิศอย่างตื่นเต้น เริ่มต้นจากทิศใต้ที่เน้นการศึกษา พวกเขารู้ดีว่านักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนปัจจุบันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนก็รู้ว่าหากอยากเรียนมากๆให้ไปทิศใต้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามหานักเรียนที่สนใจการศึกษาได้มากไปกว่านี้ สุกฤตจึงใช้เรื่องอื่นจูงใจนักเรียนแทน เขาสั่งให้อัศวินลอบไปทิศอื่นเพื่อปิดป้ายประกาศเสนอคูปองกินฟรีตลอดหนึ่งเดือนสำหรับนักเรียนใหม่ เพียงย้ายที่อยู่ไปในทิศใต้ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น นักเรียนชายร่างท้วมเดินไปดูป้ายอย่างสนใจ พลางกอดคอเพื่อนหุ่นพอๆกับเขาไปด้วย พวกเขาอยู่ทิศตะวันออก ที่นี่ช่างสดใสเมื่อได้ปรับปรุงที่อยู่ใหม่ ส่วนคนที่ย้ายไปก็เริ่มกลับมาบ้างแล้ว "สมุทร นายว่าเราย้ายโรงเรียนกันสักเดือนดีไหม" ลำธารเพื่อนรักเอ่ยให้ฟังด้วยแผนการ "นายหมายถึง ย้ายไปเพื่อรับอาหารฟรีงั้นเหรอ" สมุทรหัวเราะในลำคอ "ก็ไม่มีใครตามมาบังคับให้เราต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปนี่นา แถมพวกเรายังเป็นแรงงานไร้ฝีมื

  • เมืองนิทรา   บทที่ 27

    กิ่งฟ้านั่งพักในห้องหัวหน้านักเรียน มีเฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษดูคลาสสิคทั่วทั้งห้อง เธอกัดเล็บเพื่อระบายความกระวนกระวาย ในหัวหาทางทำทุกอย่างให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม ยิ่งคิดยิ่งเหมือนเจอทางตันเข้าไปทุกที เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ "เชิญค่ะ" กิ่งฟ้าเอ่ยด้วยเสียงอ่อนหวาน ทั้งที่ใจรำคาญ "คุณกิ่งต้องรีบหนีแล้วค่ะ พวกกบฏจู่โจมพวกเราอีกแล้ว" อัศวินสาวรายงาน เธอเป็นมือขวาที่ดีที่สุดของกิ่งฟ้าชื่อตีตี้ "มากันเยอะไหมตีตี้" กิ่งฟ้าถาม "เยอะค่ะ แต่ตราบใดที่ยังรักษาชีวิตคุณกิ่งไว้ได้ เราก็ยังรักษาอำนาจไว้ได้ค่ะ" ตีตี้ตอบ กิ่งฟ้าแทบจะกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ พวกเธอวิ่งออกจากประตู เจออัศวินของเธอกำลังต่อสู้กับกบฏ เสียงคำรามของเหล่าสเลฟดังไปทั่วโรงเรียน พวกเธอกำลังจะวิ่งไปทางประตูหลัง แต่กบฏอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งมาล้อมกิ่งฟ้าไว้ "สเลฟจงออกมา" ตีตี้ร้อง จระเข้เผือกตัวใหญ่กว่าสามเมตรเดินไปประจันหน้ากับกลุ่มกบฏ พวกเขาตกใจกับขนาดตัวของมัน คมเขี้ยวสีเหลืองสกปรกเตรียมจู่โจมเต็มที่ "ทอง ใครเ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 26

    ปริญเดินทางมายังโฮมออฟฟิซแห่งหนึ่งบริเวณชานเมือง เขากดกริ่งหน้าบ้านพักหนึ่ง ก็มีเด็กหนุ่มวัยรุ่นผมยาว สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงสแล็คทรงกระบอกเดินออกมาเปิดประตูบ้าน "ผู้ปกครองอยู่ไหมครับน้อง" ปริญถามพลางยิ้มอย่างอัธยาศัยดี "มาหาแม่ผมเหรอครับ เชิญเข้ามาก่อนสิฮะ" เด็กหนุ่มเปิดประตูบ้านให้ ข้างในห้องรับแขกเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ตัดกับอากาศร้อนข้างนอกบ้าน เด็กหนุ่มเอาน้ำเย็นมาเสิร์ฟก่อน หน้าตายิ้มแย้มรับแขกเป็นอย่างดี "เดี๋ยวผมไปตามมาแม่มาให้นะครับ" "พี่คิดว่าไม่ใช่แม่หรอกนะครับ น่าจะเป็นพี่ชายหรือพ่อมากกว่า" ปริญบอกอย่างไม่แน่ใจ แต่ก็สบายใจที่เด็กวัยรุ่นไม่ได้กำลังอารมณ์เสีย "เดี๋ยวนะ น้องคงไม่ใช่นักเวทวิชาการหรอกใช่ไหม" "น่าแปลกนะครับ แต่ผมนี่แหละนักเวทวิชาการ หรือคุณจะเป็นคนทีส่งอีเมลมาหาผม" เด็กหนุ่มถามพลางขมวดคิ้ว เขาเริ่มไม่พอใจที่โดนประเมินต่ำไป เอามือกอดอกแล้วมองปริญตั้งแต่ตัวจรดเท้า "ขอโทษที่เด็กไปหน่อย จะไม่ปรึกษาก็ได้นะ" ทั้งท่าทางเอาเรื่อง ทั้งน้ำเสียงไม

  • เมืองนิทรา   บทที่ 25

    เสียงเคาะประตูทำให้ผอ.วัยกลางคนรู้สึกตัว ปริญเดินเข้าไปยังห้องทำงานของผู้อำนวยการดนุเดช ข้างในมีโต๊ะทำงานพร้อมคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ปิดการใช้งาน ส่วนเจ้าของเครื่องนั่งจิบกาแฟอยู่ที่โต๊ะรับแขก เขาดูใจเย็นผิดกับปริญที่เหงื่อออกตามฝ่ามือ ตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น "เชิญนั่งก่อนครับคุณปริญ" ดนุเดชเชิญชวนให้นั่ง ไม่นานเลขาหน้าห้องก็นำกาแฟมาเสิร์ฟ "นอกจากญาติๆแล้ว ผมยังไม่เคยเจอใครที่ใช้เวทมนตร์ได้เลย บางทีผมน่าจะก่อตั้งสมาคมคนใช้เวทมนตร์ดูบ้างนะครับ" "ผมคิดว่าผอ.ไม่น่าจะใช่พวกที่หลงใหลในเวทมนตร์ แต่ใช้เวทมนตร์เพราะความจำเป็นมากกว่า" ปริญตอบอย่างเฉียบแหลม "ครับ การรักษาคนถือเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง แต่บางครั้งผมก็ต้องการที่ปรึกษาเหมือนกัน" ดนุเดชตอบ "เพียงแต่ว่าถ้ามีคนรู้แล้ว ความลับก็ไม่ใช่ความลับอีกต่อไป แถมเดิมพันของผมก็คือโรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาล" "แล้วจะดีหรือครับที่ให้ผมมาเข้าร่วมด้วย" ปริญถาม ขยับคอที่เริ่มเกร็ง "ดีสิครับ อย่างน้อยพลังของคนรุ่นใหม่ ก็น่าทึ่งเ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 24

    ปัจจุบัน สุเมธออกไปดูข้างนอก เห็นครูชั้นเรียนเด็กเล็กและอาสาสมัครช่วยกันแจกน้ำให้กลุ่มนักเที่ยว คนที่ดื่มน้ำกลับมาได้สติอีกครั้ง หลายคนยังไม่รับรู้ว่ามีคนมาแจกน้ำด้วยซ้ำ ได้แต่เต้นอย่างไม่ลืมหูลืมตาบนฟลอร์เต้นรำ "นั่นไง ไอ้นักเวทลวงโลกอยู่นั่น" มีคนตะโกนออกมาจากฝูงชน "พวกเราไปจับมันกัน" คนที่ได้สติกรูกันเข้ามาหาสุเมธ หัวหน้านักเรียนคนก่อเรื่องยกสองมือขึ้นแล้วร่ายเวทมนตร์ คนที่เมามายอยู่มีดวงตาสีแดงก่ำ หันมาต่อสู้กับคนที่สร่างเมาแล้ว เกิดสงครามย่อมๆขึ้น มีคนเรียกสเลฟออกมา เสียงดังโครมครามไม่หยุด โต๊ะที่นั่งล้มระเนระนาด หลอดไฟแตก บรรดาเด็กสาวที่ได้สติแย่งกันวิ่งออกจากผับ มนสิชาหวังว่าจะไม่มีใครล้มและโดนเหยียบ อัศวินสองคนที่เป็นคนรับใช้แสนซื่อสัตย์ของสุเมธ หันมาทางหญิงสาวทั้งสามคน พวกเขาทุบขวดเหล้าแล้วประจันหน้าต่อพวกเธอ ปุยฝ้ายผลักมนสิชาให้พ้นทาง "ไม่ได้นะปุยฝ้าย เธอก็รู้ว่าฉันแข็งแกร่งกว่า" มนสิชาเตือน "แต่ฉันไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว" ปุยฝ้ายบอก นึกถึงเรื่องโชคร้ายที่อาจ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 23

    ปุยฝ้าย ชูครีม และมนสิชาเดินกลับมาที่โรงเรียนทิศตะวันตกอย่างไม่เต็มใจ พวกเธอเดินทางเข้ามาในช่วงเย็น เพราะเคยพบว่าตอนเช้านั้นยังไม่มีใครตื่นจากการเที่ยวผับ เดินเข้ามาโดยไม่มีใครห้าม เพราะไม่มียามเฝ้าประตู "คนที่ตื่นคนที่สองคือใครนะคะ" ชูครีมถามอย่างไม่อยากเชื่อ "ก็เป็นเด็กประถมในร่างเด็กมัธยม" มนสิชาตอบ "เธออ่านกระดาษที่คุณเทพทัตเขียนให้แล้วนี่" "ก็ยังไม่อยากเชื่อนี่คะ แล้วเราจะถามเพื่อนเด็กคนนี้ยังไง เด็กประถมจะคุยกันรู้เรื่องสักแค่ไหนกัน" ชูครีมบ่นออกมา "เราก็ไปถามเอาจากครูหรืออาสาสมัครซิจ๊ะ ชูครีมจ๋า" ปุยฝ้ายตอบทีเล่นทีจริง เอื้อมมือไปลูบพุงกลมๆของเพื่อน เสียงออดดังขึ้นพอดี กลุ่มนักเรียนกรูกันมาเข้าผับ มนสิชาขวางนักเรียนหญิงคนหนึ่งเอาไว้ไม่ให้เดินไปในผับได้ "อะไรของเธอ หลีกนะ" นักเรียนหญิงท่าทางโมโห "ขอโทษนะคะ แต่ช่วยบอกเราหน่อย ว่าห้องเรียนเด็กประถมอยู่ที่ไหน" มนสิชาถาม "คิดว่าอะไร" นักเรียนหญิงคนนั้นบอก "ชั้นห้าของตึกนี้มีห้องเรียนเด

  • เมืองนิทรา   บทที่ 22

    รัตนะเป็นหมอเวรประจำแผนกห้องพิเศษ เขาเป็นหมอมานานกว่าสิบปี มีความมั่นใจในผลงานของตัวเอง สูสีกับฝีมือที่เก่งกาจขึ้นทุกวัน วันนี้มีเรื่องน่าอารมณ์เสียหลายอย่าง โดยเฉพาะการทำงานที่ล่าช้าของเจ้าหน้าที่ เขายังกลับไม่ได้เพราะรอผลเอ็กซเรย์คนไข้อยู่ "ยังไม่กลับเหรอคะหมอ" พยาบาลสาวเทียวมาเกี้ยวหมอ ในวัยสามสิบกว่าแต่ยังโสด รัตนะจึงเป็นที่หมายปองของใครหลายคน "ผมเองก็อยากกลับ แต่ยังกลับไม่ได้" เขาเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์เสีย "มีอะไรหรือเปล่าคะ นุชอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง" เธอเสนอตัว แอ่นหน้าอกหน้าใจเข้าไปใกล้ หมอหนุ่มแอบสำรวจหน้าอก แต่แล้วก็ทำเป็นขยับแว่น "เรื่องส่วนตัวคนไข้ ผมจะเอามาพูดได้ไง" เขาดูอ่อนลงนิดหนึ่ง พยาบาลสาวจึงรุกต่อ "แหม ถึงจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่ก็บำบัดอารมณ์ได้นะคะ" เธอพูดให้เขาคิดลึกขึ้นไปอีก "ขอบคุณนะ" รัตนะเอามือไปจับไหล่เธอ เขาคิดว่าได้เล่นๆ ก็ดีกว่าอยู่คนเดียว "มาแล้วครับหมอ" เจ้าหน้าที่วิ่งมาที่แผนก พวกเขาผละออกจากกันทันที จากที่ลับสองคนจึงกลายเ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 21

    วันถัดมาชอปเปอร์ซื้อของกินมาฝากเด็กๆ เดินเข้าห้องพยาบาลที่ยังไม่มีคนอยู่ เขาลอดอุโมงค์เข้าไปหาเด็กๆ แต่ในห้องกลับว่างเปล่า ของเล่นของใช้ถูกเก็บออกไปหมด ชายหนุ่มอึ้ง รู้สึกเหมือนถูกหลอก อาสาสมัครรู้ตั้งแต่แรกว่าเขาเป็นใคร หรือไม่ก็รู้หลังจากที่เขาลงชื่อไปแล้ว เขาโทษตัวเอง ไม่น่าเขียนชื่อจริงลงไป พวกนั้นคงรู้แล้วพาเด็กๆหนีไป ชอปเปอร์ทิ้งของในมือ แล้ววิ่งออกไปในเมือง ตอนนี้เป็นเวลาเย็น คนกำลังออกมาหาซื้ออะไรทาน หรือไม่ก็เตร็ดเตร่ก่อนกลับบ้าน เขาเรียกสเลฟที่ก้าวร้าวที่สุดออกมา มันคือทีเร็กซ์ หรือไทรันโนซอรัส ไดโนเสาร์กินเนื้อ นักล่าในยุคเกือบเจ็ดสิบล้านปีก่อน เสียงคำรามพร้อมฟันแหลมคม มันอ้าปากออกมาอย่างดุร้าย พอๆกับความรู้สึกเกรี้ยวกราดของชอปเปอร์ "หมอก ฆ่าได้หมด ไม่ต้องเหลือไว้สักคน" หมอกคำราม วิ่งเข้าชนร้านค้าข้างทางแล้วกัดหัวเจ้าของร้านอาหาร มันเคี้ยวจนร่างนั้นหยุดดิ้น ลำเพลิงพวยพุ่งออกมาแล้วร่างคนก็สลายไป เสียงกรี๊ดร้องดังขึ้นตลอดทางที่ ชอปเปอร์และหมอกเดินผ่าน หยดเลือดจากปากเจ้าทีเร็กซ

  • เมืองนิทรา   บทที่ 20

    ห้องทำงานของหัวหน้านักเรียนมีขนาดกว้างขวาง เขามีโต๊ะทำงานตัวเขื่องสำหรับใช้งาน มันทำมาจากไม้สักแต่ดูเรียบง่าย ใกล้ๆมีชุดโซฟาสีดำพร้อมโต๊ะกระจกใส จากที่นั่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของโรงเรียนทิศเหนือได้ร้อยแปดสิบองศา เทพทัตนั่งบนโซฟานุ่มแล้วทอดมองทิวทัศน์อย่างเหม่อลอย เขามองนักเรียนทิศเหนือเดินเข้าอาคาร คิดถึงการกลับไปเป็นนักเรียนที่ไม่ต้องมีภาระให้หนักสมอง "เคาะประตูก่อนนะคะ" เสียงเด็กสาวดังขึ้น เขาคุ้นๆกับเสียงนั้นอย่างบอกไม่ถูก ประตูถูกเคาะแล้วเปิดเข้ามา ปุยฝ้าย มนสิชา และชูครีมเดินเข้ามา ความเซ็งเปลี่ยนเป็นความสดชื่นแทน เขาคงได้ข้อมูลอะไรบางอย่างเพื่อไปให้ถึงจุดสูงสุดแน่ "เชิญครับๆ" ปุยฝ้ายชูครีมและมนสิชานั่งลงบนโซฟา ตัวเกร็งเล็กน้อยเมื่อนั่งต่อหน้าหัวหน้านักเรียน ไม่อยากเชื่อว่าชายที่หน้าตารุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธอจะได้ห้องทำงานใหญ่โตขนาดนี้ "พวกเราทำตามที่ตกลงกับคุณเทพทัตได้แล้วค่ะ" ชูครีมเป็นฝ่ายเกริ่น "ผมได้ยินข่าวแล้ว แทนที่คุณจะเปิดโปงกิ่งฟ้า แต่กลับปล่อย

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status