แชร์

เมืองนิทรา
เมืองนิทรา
ผู้แต่ง: Me.Daisy

บทที่ 1

ผู้เขียน: Me.Daisy
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-15 19:02:12

              "ไปโรงเรียนวรรณวิลาศค่ะ"  มนสิชาตะโกนบอกกับวินมอเตอร์ไซค์ที่นั่งอยู่ริมฟุตบาท  ชายหนุ่มร่างผอมหันมาตามเสียง  เจอสาววัยยี่สิบเจ็ดทรงโต  ก้นงอน  เอวบาง  หุ่นระดับนางแบบของเธอทำเอาวินมอเตอร์ไซค์อ้าปากค้าง  หญิงสาวสวมสูทสีเทาถือแฟ้มใส่เอกสารแนบอก  มืออีกข้างแขวนกระเป๋าใบเล็กมาด้วย

              "เฮ้ย หน้าสวยด้วยว่ะ"  เพื่อนวินอีกคนกระซิบ  ทำเสียงซื๊ดซ๊าดในปาก 

              มนสิชาทำเป็นไม่ใส่ใจ  เธอเจอจนชิน  เพราะทรงโตนี่แหละ  เรียกสายตาหื่นได้ดีนัก  บางครั้งก็เรียกความช่วยเหลือมาจากเสี่ย  ผู้บริหาร  ชายแปลกหน้าได้ดี  แถมสายตาร้อนๆ จากเหล่าผู้หญิงรอบตัว  แต่ถ้าเธอสนใจรวยทางลัด  เธอคงไม่มาสอบสัมภาษณ์งานที่โรงเรียนเล็กๆอย่างนี้

              "ไม่มีหมวกไม่ไปนะคะ"  มนสิชาบอก  "เบื่อเวลาตำรวจเรียก"

             "ไอ็น็อต  ยืมหมวกหน่อยโว้ย"  วินมอเตอร์ไซค์ผอมบางไม่พูดเปล่า  แย่งหมวกกันน็อคมาจากตะกร้าหน้ารถเพื่อน  เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงักแล้วส่งยิ้มเพ้อฝันมาให้หญิงสาว

              "ยินดีครับ  ขอให้เป็นวันที่ดีนะครับ"  น็อตจ้องเขม็งมาที่หล่อน  น้ำลายแทบจะไหล

              มนสิชายิ้มตอบตามมารยาทก่อนขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เรียบร้อย  เธอเอามือจับไหล่วินตัวผอมเอาไว้  แล้วใช้ศอกดันไม่ให้หน้าอกไปโดน  จากนั้นก็นั่งนิ่งเป็นสัญญาณให้รถออก  วินมอเตอร์ไซค์บึ่งรถออกไปบนทางเท้าทันที 

              "อ้าว  พี่วิน  อย่าขับบนฟุตบาทซิคะ"  เธอประท้วงเมื่อเขาเริ่มขับหลบเสาไฟฟ้า  แล้วมุ่งหน้าแทรกกลุ่มคนที่เดินข้างทาง  เขาบีบแตรให้คนรู้สึกตัวว่ามีรถขับตามมา  ฝูงชนส่งสายตาตำหนิ  บางคนแกล้งประชดด้วยการไม่หลบไปไหน  จนรถไปได้ช้ากว่าที่คิด

              "เสียเวลาไปกลับรถนะคุณ  ผมขับมาสามปีแล้วไม่เคยเป็นอะไรสักครั้ง"

              มนสิชาบ่นในใจ  แต่เพราะรีบ  เธอจึงเงียบแทนคำโต้ตอบ  มอเตอร์ไซค์ขับมาจนสุดถนน  เลี้ยวผ่านหน้ารถที่กำลังติดไฟแดงพอดี  แต่อีกเลนกำลังเป็นไฟส้ม  รถคันท้ายๆ เร่งความเร็วเพื่อให้ทันไฟแดง  ชายหนุ่มบิดคันเร่งสุดแรงเพื่อให้พ้นรถเก๋งที่ขับมาด้วยความเร็ว  แต่ลืมเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์ต่ำ  มอเตอร์ไซค์วิ่งอืดๆขัดกับเสียงเครื่องยนต์ที่เร่งอย่างเต็มที่

 แม้จะเห็นรถมอเตอร์ไซค์ปาดหน้าแต่รถเก๋งไม่ได้ลดความเร็วลง  มนสิชาเห็นว่าหลบไม่ทันแน่ๆ  เธอหลับตาปี๋  นึกถึงหน้าครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย

              เวลาผ่านไปนาน  หญิงสาวพบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง  รถยังขับมาได้อีกไกล  มนสิชาลืมตาขึ้นก็พบว่ามอเตอร์ไซค์กำลังขับไปต่ออย่างช้าๆ ก่อนมาจอดหน้าโรงเรียน  เธอไม่ได้มองไปที่ป้ายโรงเรียนแต่คิดว่าคงไม่มาผิดที่แน่นอน 

              "สามสิบบาทครับ"  เขาเรียกค่าบริการในราคายุติธรรม  ดูแปลกไปจากคนเดิม  มนสิชาอธิบายไม่ถูกว่าเขาเปลี่ยนไปแบบไหน  ดูสุภาพขึ้น  หน้าตาดูผ่อนคลาย  ท่าทางเร่งรีบเมื่อสักครู่เปลี่ยนไป  แต่เธอไม่สนใจเสาะหาความจริงเพราะใกล้เวลาสัมภาษณ์งานขึ้นทุกที

              "ขอบคุณนะคะ"

              หญิงสาวสาวเท้าเข้าโรงเรียน  มองหาอาคารบริหาร      โรงเรียนมีอาคารหันหน้าเข้าหากันเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า  เว้นพื้นที่ตรงกลางไว้เป็นลานเอนกประสงค์  ตามทางเดินมีดอกไม้หลากสีปลูกอยู่  เธอเดินไปตามทางเดินที่มีทางแยกสี่ด้าน  เมื่อมองตามไปก็พบอาคารเรียนตามทิศต่างๆ อีกมากมาย   น่าแปลกที่โรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียนแค่สามร้อยคน  แต่อาคารเรียนกลับมีมากมายขนาดนี้

              หญิงสาวหวังว่าวันนี้จะเป็นวันที่มีแต่เรื่องดีๆ  เธอก้มมองนาฬิกาอีกครั้งก่อนสาวเท้าไปยังอาคารบริหารที่ตั้งแอบในมุมตึก  โรงเรียนแห่งนี้เปิดสอนเฉพาะชั้นมัธยม  มีนักเรียนเดินกันบางตาเพราะเป็นเวลาเรียน  นักเรียนหญิงสวมเสื้อแขนสั้นผูกเนคไทสีน้ำเงินกระโปรงสีกรมท่า  ส่วนนักเรียนชายสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมเนคไทกับกางเกงขายาวสีกรมท่า

              ลมพัดแรงขึ้นวูบหนึ่ง  ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็ว  ก่อนที่ฝนตกลงห่าใหญ่  มนสิชาวิ่งไปหลบฝนใต้อาคารเรียนที่ใกล้ที่สุด  ระหว่างอาคารเรียนห่างกันจนเกินไป  เธอไม่สามารถวิ่งตากฝนไปได้  ไม่อย่างนั้นเครื่องสำอางจะหลุดหมด  เวลาสัมภาษณ์ใกล้เข้ามาทุกที  ใจกระวนกระวายว่าจะไปสัมภาษณ์งานไม่ทัน

              จู่ๆ ฝนก็ตกเบาลงแล้วหยุดตกลง  ท้องฟ้ากลับมาปลอดโปร่งอีกครั้ง  นักเรียนมัธยมปลายสองคนเดินมาตามทางเดินที่เปียกแฉะ  คนหนึ่งเดินมาหน้ายิ้มแย้มตัดผมสั้น  ส่วนอีกคนตัวอ้วนกลมผมยาวทำหน้าบึ้งตึงเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้  นักเรียนคนผอมเดินมาทั้งๆที่เสื้อเปียกฝนเห็นซับในบางเฉียบ  ส่วนอีกคนที่หน้าบึ้งนั้นไม่มีร่องรอยโดนฝนแม้แต่น้อย

              "ฝนตกแบบนี้  ทำไมคุณปุยฝ้ายต้องออกมาตากฝนด้วยล่ะคะ"  คนตัวอ้วนถามด้วยความเป็นห่วง

              "ไม่เห็นเป็นไรเลย"  ปุยฝ้ายตอบแล้วกระโดดขาคู่ไปบนบล็อกทางเดินอันใหญ่  กระโดดจากอันหนึ่งมายังอีกอันหนึ่ง  โชคไม่ดีที่มีน้ำขังอยู่ใต้บล็อก  น้ำจึงกระเซ็นมาโดนมนสิชาเข้าพอดี

              "นี่หนู"  หญิงสาวรุ่นพี่ประท้วงเมื่อเห็นสูทของเธอเลอะ

              "อ๊ะ  ขอโทษค่ะ"  ปุยฝ้ายคนนั้นเอ่ยก่อนยิ้มกว้างให้       มนสิชา  หญิงสาวรู้สึกรำคาญรอยยิ้มนั้นชอบกล  เธอตอบตัวเองว่าเพราะเธออิจฉาที่เด็กคนนี้ไม่มีความกังวลเรื่องอะไรเลยก็ได้ 

“ช่างเถอะ  พี่ขอตัวก่อนนะหนู  สายแล้วเนี่ย"  เธอวิ่งลัดลานอเนกประสงค์ไปตึกบริหาร 

              ปุยฝ้ายหันมาสบตากับชูครีม  ส่งสายตาเป็นประกายให้เพื่อนสนิท  แต่ชูครีมส่ายหน้าช้าๆเป็นการปฏิเสธ

              "ไม่เห็นเป็นไรเลย"  ปุยฝ้ายบอกด้วยประโยคเดิม

              "เดี๋ยวก็โดนเกลียดหรอกค่ะ"  ชูครีมเตือน

              "ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็ไม่ได้สนิทกันน่ะสิ"  ปุยฝ้ายไม่รอคำตอบแต่วิ่งตามมนสิชาไป

              มนสิชาวิ่งตามป้ายบอกทางไปยังห้องผู้อำนวยการ  เธอวิ่งขึ้นบันไดไปชั้นสอง  ป้ายชี้ไปยังชั้นสาม  ชั้นสี่  ชั้นห้า  มนสิชาวิ่งไปพลางหอบไปพลาง  แต่เธอกลับรู้สึกว่าอาการเหนื่อยนั้นหายไปอย่างดื้อๆ  สาวสวยเริ่มแปลกใจเพราะมองจากภายนอกอาคารบริหารสูงแค่สามชั้น  แต่ทำไมห้องผู้อำนวยการถึงอยู่สูงกว่าชั้นห้า  เธอเดินไปยังห้องธุรการที่อยู่ชั้นห้าแล้วตัดสินใจถามคนในนั้น  แต่ในห้องนั้นกลับไม่มีใครอยู่เลยสักคน  มนสิชาหวังว่าเธอจะเจอใครสักคนเพื่อให้ถามทาง  แต่เดินไปตามทางเดินก็ยังไม่เจอมนุษย์เลยสักคน

              "นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย"  เธอเอ่ยออกมาอย่างอารมณ์เสีย

              หญิงสาวเปลี่ยนใจเดินลงมายังชั้นหนึ่งเพื่อตามหาเจ้าหน้าที่  เธอเดินวนไปทุกชั้น  แต่ไม่มีใครอยู่เลย

              "อยู่นี่เอง"  ปุยฝ้ายกระโดดเขย่งขาเข้ามาหามนสิชา        เธอมองท่าทางสำราญนั้นแล้วหงุดหงิดใจ  แต่ก็เก็บความรำคาญเอาไว้ในใจก่อนเอ่ยถาม

              "หนูเองเหรอ  พอจะรู้ไหมว่าเจ้าหน้าที่หายไปไหนหมด"

              "ไม่ได้หายไปไหน  แต่ไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว"  ปุยฝ้ายตอบ

              "เป็นไปได้ยังไง  หรือว่าวันนี้วันหยุดเหรอคะ"  มนสิชาถามอีก

              "พวกเราก็มีเรียนนะคะ  แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่หรอกค่ะ"    ชูครีมที่วิ่งตามมาตอบแทน  ปุยฝ้ายทำท่าเหมือนจะพูดอะไร  แต่ก็เปลี่ยนใจกระทันหัน  "ถ้าจะมีก็มีตรงศูนย์แลกเปลี่ยน  แต่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับอาคารบริหารหรอกค่ะ"

              "ขอพี่หาอีกรอบแล้วกัน"  มนสิชาคิดว่าสองเด็กสาวอำเธอเล่น  สองนักเรียนไม่ได้ตามเธอไป  แต่ออกไปนอกอาคาร     ปุยฝ้ายชูสองนิ้วให้มนสิชาก่อนเดินจากไป

              มนสิชาหาทุกซอกทุกมุมของอาคาร  แต่ก็ไม่เจอใครเลยสักคน  จนเวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง   หญิงสาวรู้ตัวว่าเลยเวลานัดมานานแล้ว  เธอคงจะชวดอีกตามเคย  นับในใจว่านี่ก็เป็น     การสัมภาษณ์ครั้งที่สิบในรอบเดือนแล้ว  ที่เธอพลาด

              หญิงสาวเดินคอตกออกจากอาคารบริหาร  ได้ยินเสียงกรี๊ดอย่างสนุกสนานของปุยฝ้ายดังมาแต่ไกล

              "วู้ววว  ฮ่าๆๆ"  ปุยฝ้ายตะโกนอยู่บนรองเท้าสเก็ต  เธอกำลังเลื่อนสเก็ตไปอย่างเมามันบนพื้นลาดยางหน้าอาคารบริหาร  ปุยฝ้ายกระโดดแล้วงอขาทั้งที่ใส่กระโปรง  ชูครีมเอามือปิดตาตอนเธอกระแทกลงบนพื้น  ปุยฝ้ายเสียการทรงตัวเล็กน้อยก่อนกลับมายืนตรงได้อีกครั้ง  คราวนี้เธอหมุนตัวสามรอบก่อนเร่งความเร็วไปบนพื้นถนนอีก 

              มนสิชามองอย่างนึกอิจฉา  เธอไม่ได้หัวเราะแบบเด็กสาวมานานเท่าไหร่แล้ว  ตั้งแต่เรียนจบหรือนานกว่านั้น  เธอหวังว่า  ปุยฝ้ายจะเล่นอย่างปลอดภัยและสนุกสมวัยแทนเธอ  ทันใดนั้นเองที่ล้อสเก็ตเลื่อนหลุดไปล้อหนึ่ง  ชูครีมตะโกนบอกให้เด็กสาวรู้ตัว  แต่เธอกำลังอยู่ในความเร็วสูงสุด  ปุยฝ้ายเอียงตัวอย่างน่ากลัวแล้วพุ่งลงจากเขตทางลาด  ลงไปยังเนินของถนนที่แสนชัน  กลิ้งไปหลายตลบ 

              มนสิชาและชูครีมวิ่งไปดูเด็กสาวที่เพิ่งล้ม  ปุยฝ้ายเอามือทาบอกอย่างเสียขวัญก่อนเปลี่ยนอารมณ์เป็นหัวเราะชอบใจ

              "เป็นอะไรมากไหม"  มนสิชาดึงแขนปุยฝ้ายมาสำรวจใกล้ๆ  แกะกระดุมแขนเสื้อออกแล้วสำรวจรอยใต้ร่มผ้าของเธอ  มีรอยช้ำ  แต่ไม่มีรูขุมขน  และลายเส้นบนมือแม้แต่น้อย  "แปลกจริงๆ  แปลกมากๆ  แปลกเกินไปแล้ว"

              ปุยฝ้ายหันไปขอความเห็นจากชูครีม  สาวน้อยตัวอ้วนพยักหน้าให้สัญญาณกับปุยฝ้ายว่าเธอบอกได้แล้ว

              "ไม่แปลกหรอก  เพราะที่นี่คือในฝันยังไงล่ะ" 

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เมืองนิทรา   บทที่ 2

    ขณะเดียวกันในโลกแห่งความเป็นจริง ร่างของมนสิชาและหนุ่มวินมอเตอร์ไซค์ถูกเข็นเข้ามาในโรงพยาบาลกิตติวินท์ วินมอเตอร์ไซค์มีเลือดเปรอะลำตัวและใบหน้า ข้อศอกทำองศาบิดเบี้ยวอย่างคนแขนหัก มีแผลแตกตามตัว สัญญาณชีพของเขาหายไปจากหน้าจอ พยาบาลจึงกระโดดขึ้นบนเตียงเพื่อปั๊มหัวใจให้ชายหนุ่ม "สัญญาณชีพไม่มาเลยค่ะ" พยาบาลรายงานหมอเวรที่เดินกึ่งวิ่งเข้ามา "กระตุ้นหัวใจด้วยเครื่องช็อกไฟฟ้า" หมอเวรเอ่ยเสียงเรียบ พยาบาลติดตั้งเครื่องช็อกไฟฟ้า หมอหนุ่มมองเครื่องช็อกไฟฟ้า ก่อนหันมาสั่งเสียงเฉียบขาด "กดปุ่มช็อก" หมอกดเครื่องช็อตไฟฟ้าลงไปบนหน้าอก แล้วกดหน้าอกต่อ ทำซ้ำหลายครั้ง ร่างของวินมอเตอร์ไซด์สงบนิ่ง ไม่ตอบสนองต่อการช่วยเหลือ "เวลาเสียชีวิต สิบเอ็ดนาฬิกายี่สิบเอ็ดนาที" พยาบาลถือชาร์ตคอยจดตามหลัง เสียงเขียนทำลายความเงียบในห้องฉุกเฉิน หมอเวรถอนหายใจเดินไปยังเตียงของมนสิชาซึ่งอยู่ถัดไป ตอนเกิดอุบัติเหตุมนสิชาโดนรถเก๋งสีดำกระแทกขาเข้าอย่างจัง ที่ขาเธอจึงมีเผือกชั่วคร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-15
  • เมืองนิทรา   บทที่ 3

    มนสิชารู้สึกเครียดมากที่รู้ว่าตัวเองหลุดมาอยู่ในโลกแห่งความฝัน เธอคงประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง เธอรับไม่ได้กับสถานการณ์ตอนนี้ หญิงสาวยกสองมือขึ้นกุมศีรษะแล้วส่ายหน้าอย่างแรง "อย่าเพิ่งเครียดไปเลย ตามพวกเรามาทางนี้ดีกว่า" ปุยฝ้ายชวนด้วยน้ำเสียงสดใส เธอประสานมือไว้ด้านหลังแล้วแอ่นตัวมาด้านหน้า มองมนสิชาด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนใดๆ สองสาวเดินพามนสิชาไปโรงอาหารที่อยู่ตรงข้ามกับตึกบริหาร มีโต๊ะไม้ตัวยาววางเรียงกันอย่างแน่นขนัดจนแทบไม่มีที่ว่างให้เดิน เป็นสัญญาณบอกว่าสมัยหนึ่งโรงเรียนแห่งนี้เคยมีนักเรียนมานั่งทานอาหารเกินกว่าที่โรงอาหารจะรับมือไหว ร้านอาหารมีพ่อค้าแม่ค้าวัยรุ่นยืนขายอาหาร หน้าตาพวกเขาไม่ได้ดูแก่ไปกว่าสองสาวเท่าไรนัก "เวลามาตึกเรียนส่วนกลาง พวกเราก็ชอบมากินข้าวที่นี่แหละค่ะ ว่าแต่ว่าเธอชื่ออะไรเหรอคะ" ชูครีมเริ่มต้นประโยคสนทนาด้วยความสุภาพ "พี่ชื่อมนสิชาจ้ะ เรียกพี่มนก็ได้ แล้วน้องๆ" "ปุยฝ้าย" "ชูครีมค่ะ" สองสาวเอ่ยชื่อเล่นตัวเองอย่างเรียบง่าย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-16
  • เมืองนิทรา   บทที่ 4

    เทพทัตยืนขึ้นในที่ประชุม ร่างที่สูงใหญ่ของเขาเป็นจุดสนใจอีกครั้ง ทำให้เหล่านักเรียนเงียบเสียงลง "ผมขออนุญาตใช้เวทีนี้เป็นที่ประกาศ ขอยกเลิกการเรียนการสอนของทิศเหนือในตอนบ่าย เพราะอยากได้แรงงานไปช่วยกันสร้างกำแพงที่โดนมอนสเตอร์ทำลายนะครับ นักเรียน ทิศเหนือที่สนใจสามารถไปรวมตัวกันได้ที่หน้ากำแพงครับ" มีนักเรียนชายคนหนึ่งยกมือขึ้น "เชิญครับ" เทพทัตอนุญาตให้เขาพูด "ค่าแรงชั่วโมงละเท่าไหร่ครับ" "ค่าแรงขั้นต่ำบวกเพิ่มอีกห้าสิบบาทครับ เพราะเขตก่อสร้างอยู่ใกล้ประตูมิติ มันค่อนข้างอันตราย" นักเรียนหลายคนทำท่าสนใจ เทพทัตดูพอใจกับอาการเหล่านั้น เขาทำท่าจะเอ่ยอะไรอีก "งั้นปิดประชุมเลย" สุเมธโพล่งขึ้น นักเรียนชายหลายคนปรบมือให้กับคำพูดนั้น สุเมธโค้งให้กับพวกนักเรียนชาย เสียงปรบมือค่อนข้างดัง ทำให้เทพทัตจำเป็นต้องถอยก่อนเพราะไม่อย่างนั้นคนจะไม่พอใจเอา "พวกเราก็ไปกันเถอะค่ะ คุณปุยฝ้าย คุณมน" ชูครีมชวนเมื่อคนเริ่มทยอยกันออกนอกห้องประชุม "อันดับแรกคุณมนต้องทำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • เมืองนิทรา   บทที่ 6

    "พวกเรากลับบ้านกันดีไหมคะ" ชูครีมที่กลับมาแข็งแรงอีกครั้งถามขึ้นตอนเดินเล่นในเมือง มนสิชาพยักหน้า "ไปกันๆ" ปุยฝ้ายตอบรับเหมือนเด็ก บ้านของชูครีมและปุยฝ้ายอยู่ในย่านบ้านคนมีอันจะกิน เพราะชูครีมทำเงินได้มากจากการต่อสู้กับมอนสเตอร์ ส่วนปุยฝ้ายก็คอยช่วยเพื่อนดูแลบ้าน บ้านของสองสาวเป็นบ้านเดี่ยวสูงสองชั้น มีบริเวณเล็กๆให้เดินผ่อนคลายได้ สไตล์โมเดิร์นนั้นแทรกซึมไปทุกอณูของบ้าน ของทุกอย่างในบ้านเป็นสีขาวดำ ปุยฝ้ายทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาผ้าเนื้อนิ่ม เธอเด้งดึ๋งบนโซฟาพักหนึ่งกว่าจะหยุด วัสดุที่ใช้ทำโซฟาไม่เหมือนในโลกความเป็นจริง มนสิชานั่งลงตามจึงได้รู้ว่าความนิ่มและสัมผัสแสนสบายนั้นเหมือนอยู่บนปุยเมฆ ชูครีมเดินไปหยิบน้ำมาเสิร์ฟ "จะดีเหรอที่ให้พี่มาพักอยู่ด้วย" มนสิชาถาม "หอพักของโรงเรียนเตียงแข็งมากเลยนะคะ แถมยังเสียงดังด้วย มาอยู่กับพวกเราเถอะค่ะ บ้านนี้ยังมีที่ว่างอีกเยอะ" ชูครีมตอบพลางยกน้ำขึ้นดื่ม กลิ่นมะลิที่เธอลอยไว้หอมกรุ่นอยู่ในน้ำ ปุยฝ้ายยกน้ำขึ้นดื่มบ้าง "น้ำประปาอีกแล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • เมืองนิทรา   บทที่ 5

    ชูครีมวางเครื่องเจาะคอนกรีตลงแล้ววิ่งไปยังจุดเกิดเหตุ ปุยฝ้ายดึงมนสิชาออกมาจากบริเวณนั้นพร้อมๆกับคนอื่น ฝูงอสูรกายติดปีกบินเขามาเหนือกำแพงเมือง แล้วฟาดกำแพงจนถล่มลงมาอีกระลอก พวกมันมีสองขาและสองแขนเหมือนมนุษย์ ลำตัวหนาและสูงใหญ่เกือบสองเมตร ผิวหนังสีดำสนิท กล้ามเนื้อแน่นเป็นมัด ดวงตาสีแดงไร้แสงสะท้อน "สเลฟ*จงออกมา" เสียงตะโกนจากเหล่าอัศวินดังขึ้น ประตูมิติขนาดเล็กเปิดออก มีสัตว์ทยอยกันออกมา สเลฟของ ชูครีมใหญ่กว่าคนหลายเท่า ผิวหนังสากหยาบกระด้าง ดวงตาสีทอง ปากใหญ่นั้นเต็มไปด้วยฟันแหลมคมซี่โต ชูครีมถีบตัวขึ้นไปบนหลังมังกรของเธอ(คำอ่าน Slave นั้น ถ้าเป็นภาษาเขียนจะเขียนว่า สแลฟ หรือสลาฟ แต่พอคนเขียนกดฟังภาษาจากต้นตำรับ เขาออกเสียงว่า สเลฟ ดังนั้นในเรื่องจึงเขียนว่า สเลฟ ทุกคำนะคะ) อสูรกายติดปีกตัวหนึ่งบินเข้ามาปะทะ ชูครีมดึงบังเหียนให้มังกรหลบไปด้านข้าง แต่ช้าไป โดนกระแทกเข้าเต็มแรง มังกรของชูครีมกระเด็นไปหลายเมตร กางปีกก่อนบินขึ้นมาได้อีก เด็กสาวตั้งลำมังกรใหม่ เธอรู้สึกเจ็บแปลบที่แขนขวา เมื่อก้มมองก็แทบห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • เมืองนิทรา   บทที่ 7

    ปริญถือช่อดอกไม้เดินเข้ามาในห้องพิเศษ เขาเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อแน่นเพราะเข้าฟิตเนส จมูกเป็นสันเหมือนรูปปั้น ดวงตามีแววลึกซึ้งอย่างคนฉลาด เขาเดินมายังแผนกห้องพิเศษเพื่อตามหามนสิชา พยาบาลสาวๆ แอบร้องกรี๊ดเมื่อเขาเดินตรงมา หัวหน้าพยาบาลมองดูเด็กในปกครองของตัวเองออกอาการคลั่งหนุ่มหล่อจึงอดไม่ได้ที่จะปราม "นี่ๆ มากไปแล้วนะ" พวกเธอแตกฮือกันไปทำหน้าที่ของตน หัวหน้าพยาบาลส่งรอยยิ้มตามมารยาทให้ปริญ "ติดต่อสอบถามหรือคะ" "ครับ ผมกำลังตามหาห้องของมนสิชา ภูริเดโชครับ" "สักครู่นะคะ" เธอเคาะนิ้วลงบนแป้นพิมพ์ เครือข่ายห้องผู้ป่วยทั่วทั้งโรงพยาบาลประมวลผลหาชื่อนี้ ชั่วครู่รายชื่อก็ปรากฎออกมา "ชั้นเก้า ห้องเก้าศูนย์สามค่ะ" "ขอบคุณมากครับ" เขาเดินจากไปโดยไม่รู้ตัวเลยว่าทั้งแผนกปั่นป่วนหัวใจขนาดไหน แม้แต่หัวหน้าพยาบาลมาดมืออาชีพเมื่อสักครู่ก็หวั่นไหวกับความหล่อเขาเช่นกัน "ห้องเจ้าหญิงนิทรานี่คะ" พยาบาลสาวคนหนึ่งใจกล้าออกความเห็น "เพิ่งเข้าโรงพยาบาลได้สองวันเอง เดี๋ยวก็ฟื้น" หัว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-22
  • เมืองนิทรา   บทที่ 8

    เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น ชูครีมจูงมือมนสิชาไปเข้าเรียน ห้องเรียนเป็นห้องเรียนในอุดมคติ มีนักเรียนสิบกว่าคนต่อครูคนเดียว ครูที่นี่หน้าตาเหมือนเด็กมัธยม สิ่งที่แยกพวกเขาได้คือชุดที่สวมเท่านั้น ห้องเรียนประดับไปด้วยสายรุ้งแฟนซีและลูกโป่ง ทุกคนหน้าตายิ้มแย้มไม่เหมือนกำลังมาเรียนหนังสือแต่มาเล่นสนุกกันมากกว่า "ครูดวงใจคะ วันนี้มีนักเรียนใหม่มาเรียนกับพวกเราด้วยค่ะ" ชูครีมดันหลังมนสิชาให้เดินไปข้างหน้า "มนสิชา ภูริเดโชค่ะ" เธอแนะนำตัว "ยินดีต้อนรับนะ นั่งก่อนสิค่ะ แล้วปุยฝ้ายหายไปไหนอีกแล้ว" ดวงใจเอ่ย เธอดูสนิทกับนักเรียนทุกคน "หลับไม่ฝันค่ะ" ชูครีมตอบสั้นๆ ดูง่วนกับการหาขอบางอย่างในกระเป๋านักเรียน "แต่ก็ช่างเถอะ เพราะวันนี้เราไม่ได้จะเรียนในห้องเรียนกัน" มนสิชามองสายรุ้งประดับอย่างเสียดาย เธอชอบสีสันของมันแท้ๆ "เมื่อวานสวนดอกไม้ส่วนกลางและสวนดอกไม้ของโรงเรียนเราแห้งเหี่ยวไปหมดเลย ครูก็เลยจะพาพวกเราไปจัดการสักหน่อย" นักเรียนในห้องปรบมือกัน มนสิชาไม่คิดว่าพวกเขาจะตบมือเพราะดีใจที่ดอกไม้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • เมืองนิทรา   บทที่ 9

    มนสิชาทำหน้าเป็นกังวล ไม่พอใจ ถอนหายใจ ไม่ยอมพูดกับใครตลอดทั้งวัน ปุยฝ้ายรู้สึกว่าอารมณ์คราวนี้เป็นของจริง จึงไม่กล้าแหย่ หันมามองชูครีมและเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นคนถาม "เธอเหมาะกว่า" "เธอนั่นแหละ เหมาะกว่า" สองสาวดันอีกคนให้เดินเข้าไป มนสิชาเท้าคางอยู่ในห้อง มองออกไปริมหน้าต่าง ใจลอยจนไม่ได้ยินเพื่อนสาวเลย ปุยฝ้ายดันชูครีม แต่อีกฝ่ายพลิกตัวกลับแล้วดันปุยฝ้ายเข้าไป ชูครีมเผลอใช้แรงมากไปหน่อย ปุยฝ้ายจึงพุ่งถลาเข้าหามนสิชา สีข้างเธอไปโดนขอบโต๊ะเข้าอย่างจัง เธอจึงอยู่ในท่าคุดคู้ กุมสีข้างไว้แน่น "เจ็บนะ" ปุยฝ้ายหันมาทำตาเขียวใส่ "ขอโทษค่ะ" ชูครีมรู้สึกผิด เสียงดังโครมนั่นทำให้มนสิชากลับมาขณะปัจจุบันได้ "แล้วเธอเป็นอะไรไหม ชูครีม" มนสิชาถาม "ไม่ยุติธรรมจริงๆ ฉันเป็นคนที่ล้มนะ" ปุยฝ้ายประท้วง "แหงล่ะ เพราะเธอมันซนนี่" มนสิชาหันหน้าไปอีกทาง ชูครีมทำสัญญาณมือให้ปุยฝ้ายเป็นคนถาม "ก็ได้ๆ ฉันถามเองก็ได้" ปุยฝ้ายรับอย่างรำคาญ ลุก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-26

บทล่าสุด

  • เมืองนิทรา   บทที่ 18

    ชูครีมและปุยฝ้ายเดินไปย่านร้านค้า เวลานั้นเป็นช่วงสายของวันหยุด มีร้านกาแฟโบราณเปิดอยู่ ไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าที่นี่อีกแล้ว โต๊ะในร้านให้บริการคนในท้องถิ่นมานั่งคุยกัน เจ้าของร้านชงกาแฟแบบโบราณ รสชาติที่ทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะในโลกแห่งความเป็นจริงหรือโลกแห่งความฝัน พวกเขาไม่ได้ติดใจเพียงรสชาติ แต่ยังติดใจบรรยากาศการนั่งคุยฉันมิตรด้วย เด็กหนุ่มทั้งหมดสวมชุดนักเรียนมานั่งดื่มชาร้อนกันกว่าหกคน ชูครีมและปุยฝ้ายเลือกที่นั่งริมๆโต๊ะ แล้วสังเกตุการพูดคุยของพวกเขา แหล่งข่าวชั้นเยี่ยมก็คือสถานที่ๆ มีคนนั่งเม้าท์กันอย่างไม่ระวังนี่แหละ "ได้ยินมาว่าที่ทิศตะวันตกมีกบฏด้วยนะ" ชายคนหนึ่งเอ่ย สามสาวยังไม่ได้หันไปมองว่าใครพูด จึงไม่เห็นว่าเป็นใคร "แล้วปฏิวัติสำเร็จหรือเปล่าล่ะ" "ไม่เลย แถมคุณสุกฤตยังไม่เอาเรื่องด้วยนะ" คนที่เล่าตอบ "ไม่มีใครตาย แต่คนเจ็บเยอะอยู่" มนสิชาเงี่ยหูฟังเต็มที่ ถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ดาวเหนือปลอดภัย "หัวหน้าทิศตะวันออกน่ะนะ" เด็กหนุ่มผมสีอ่อนเอ่ยเสียงเบาลง คนท

  • เมืองนิทรา   บทที่ 17

    "นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วนะ แต่เรายังหามนไม่เจอเลย" ปุยฝ้ายบ่นอย่างเซ็งๆ เธอโยนก้อนหินลงไปในสระน้ำแก้เบื่อ ตอนนี้พวกเธออยู่ที่สวนดอกไม้ของส่วนกลาง ที่ลับของพวกเธอสามคน ดอกไม้กลับมาบานสดใสเหมือนเดิม สีขาว สีแดง และสีเหลืองตัดกันสุดลูกหูลูกตา "ชูครีมว่าคงมีใครช่วยเธอไว้ค่ะ" ชูครีมตอบ นั่งยืดขาจนสุดบนพื้นหญ้าแสนนิ่ม "พวกเราไปทิศตะวันออกกันเลยไหมคะ ไม่แน่ว่าอาจเจอคุณมนที่นั่น" "แต่ว่า" ปุยฝ้ายคัดค้าน สีหน้าเป็นกังวล "การเอาใจคุณมนที่ดีที่สุด ก็คือการเข้าใกล้ทางออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะคะ" ชูครีมให้ความเห็น "ชูครีมเชื่อว่าคุณมนต้องเข้าใจคุณปุยฝ้ายแน่ๆค่ะ" "แล้วคราวนี้เราจะสืบยังไงดีล่ะ" ปุยฝ้ายถาม สมองเค้นคิดทางออกอย่างหนัก ชูครีมเองก็คิดทางออกอย่างวกวน ไม่มีคำตอบหลุดออกจากปากเธอ "เราไปถามหัวหน้านักเรียนตรงๆเลยดีไหม" ปุยฝ้ายเสนอ "หา ถามคุณกิ่งฟ้านี่นะ" ชูครีมแปลกใจ "ถามแล้วก็ดูปฏิกิริยาของเธอ ถ้าเธอทำ ต้องแสดงอาการอะไรออกมาแน่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 16

    คทาเป็นชายอายุหกสิบปี ผมหงอกหมดทั้งหัว ผิวขาว ดูสะอาดสะอ้าน เขาเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น แต่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ทิ้งลูกสาวสองคนให้เขาดูแลตามลำพัง คนโตคือมนสิชาและคนเล็กคือกุมภา มนสิชาไม่เคยมีเรื่องให้เขาลำบากใจเพราะเธอตั้งใจเรียนและช่วยเขาทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ จะมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างก็ตรงที่เธอมีผู้ชายมาชอบเยอะ ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีชายแก่ร่ำรวยมากมายเข้ามาเสนอช่วยออก ค่าเทอมให้ ส่วนน้องคนเล็กนั้นแทบจะตรงข้าม เพราะเธอหน้าตาไม่รับแขก จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้ชาย ดังนั้นคนส่วนใหญ่รอบตัวเธอจึงมีแต่คนไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น แต่เธอเป็นเด็กดี ไม่เคยเกเรทำให้เขาต้องเป็นห่วง เขาเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดทุกคน ไม่อยากให้ใครโตขึ้นมาแบบไม่เอาจริงเอาจัง ทั้งดุจนร้องไห้แล้วค่อยปลอบทีหลังก็เคยมาแล้ว เขารู้ว่าลูกๆไม่เคยเกลียดเขา เพราะทุกครั้งที่ดุที่จะบอกเหตุผลทุกครั้ง คทาเป็นคนตรงไปตรงมา ชอบพูดในสิ่งที่คิด ทำให้ลูกสาวทั้งสองคนได้รับอิทธิพลเรื่องการพูดตรงจากเขาไปไม่น้อย แรกๆคนไม่ค่อยพอใจที่เขาพูดตรงๆ แต่คนที่รับได้

  • เมืองนิทรา   บทที่ 15

    พวกเขาเดินเข้ามาในเขตโรงเรียนทิศตะวันตกได้สักพักแล้ว ไม่เจอนักเรียนเลยสักคน ทั้งที่เจอเมืองเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ไม่มีย่านชุมชน แต่สร้างหอนอนไว้ในโรงเรียน ตัวอาคารเรียนทาสีแดงดำเหมือนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นโรงเรียน "เอาไงดีอ่ะ" มนสิชาหันมาถามเพื่อนๆ "ลองขึ้นไปดูในห้องเรียนก่อนดีไหมคะ อาจจะมีห้องพักครูหรืออะไรแบบนั้น" ชูครีมเสนอ "ตามฉันมาเลย" ปุยฝ้ายร้องแล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคาร เธอไม่เจอห้องพักครูหรือสำนักงานอะไรเลย จนกระทั่งเข้ามาเจอห้องว่างห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วเจอบันไดให้เดินลงไปอีกครึ่งชั้น มีโคมไฟประดับอยู่ตามผนังห้องที่ทำสีดำสลับกับแดงเหมือนข้างนอก มีโต๊ะตัวเตี้ยๆกับเก้าอี้ให้นั่ง บาร์สำหรับชงเครื่องดื่ม และเวทีเล็กๆที่พอให้วางเครื่องดนตรี "นี่มันผับนี่นา" มนสิชาร้อง มีนักเรียนกำลังทำความสะอาดอยู่พอดี เขาหันมาทางพวกเธอทั้งสามคน ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้ "มาใหม่เหรอครับ" เขาถาม "เอ่อ ใช่ค่ะ แล้วที่นี่ไม่มีห้องเรียนเหรอคะ" ชูครีมถามตรงๆ "มีสิคร

  • เมืองนิทรา   บทที่ 14

    ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีมอนสเตอร์ออกมาให้ปราบสองครั้ง นักเรียนคลาสเอสเดินกลับห้องเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ พวกอัศวินชั้นหนึ่งเดินนำหน้าพร้อมกับคุยกันเสียงดัง อัศวินชั้นสองเดินตามมาอย่างหงอยๆ "ชูครีมนี่สุดยอดไปเลยนะ เธอบังคับสเลฟแบบนั้นได้ยังไง บลูฮาร์ทนี่เชื่องสุดๆไปเลย" ใบเฟิร์นชมเปาะ "ตอนอยู่ทิศเหนือ บอกมาเถอะว่าเธอเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า" "เปล่าคะ ชูครีมไม่ได้เก่งถึงขนาดนั้น ถามคุณมนดูก็ได้" ชูครีมโยนให้เพื่อนสาวที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้ ไม่มีใครอยากรู้เรื่องจากปากมนสิชา จึงเงียบเสียงลง หญิงสาวอ้าปากเก้อ รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้น ก่อนก้มลงมองหนังสือในมือ "เดี๋ยวหลังเลิกเรียน เราจะจัดปาร์ตี้ฉลอง ชูครีมก็มากับพวกเราด้วยสิ" อัศวินชั้นหนึ่งอีกคนเดินเข้ามา "ถ้าคุณมนไป.." ชูครีมเอ่ยไม่ทันจบใบเฟิร์นก็แทรก "พวกเราอัศวินชั้นหนึ่งจองห้องจัดเลี้ยงได้เป็นพิเศษ ยังไงก็ไปกันเถอะนะ" คนเดิมเอ่ย มนสิชาพยักหน้าให้ชูครีมเข้าร่วม "ก็..ได้ค่ะ" หล

  • เมืองนิทรา   บทที่ 13

    ผ้าม่านถูกเปิดกว้าง ทำให้แสงสว่างสาดเข้ามาได้เต็มที่โดยไม่ต้องอาศัยหลอดไฟ เทพทัตนั่งรอสามสาวอย่างสบายใจ เขายกน้ำมะตูมขึ้นดื่ม และพบว่ารสของมันหวานอมขม เขาเป็นพวกพลังไม่เข้มแข็งเช่นกัน แต่อยู่ในจุดที่ไม่ต้องออกแรงเอง จึงไม่จำเป็นต้องเดือดร้อนใจ ปุยฝ้ายเปิดประตูผัวะเข้ามาโดยไม่เคาะ เทพทัตตกใจจนสำลักน้ำมะตูม ไอจนหน้าแดงแล้วกลับมาวางมาดนิ่งตามปกติ ชูครีมมองสำรวจหัวหน้านักเรียนแต่ไม่ได้เอ่ยอะไร เธอเองก็เกรงใจเขาเช่นกัน "เคาะประตูก่อนสิ ปุยฝ้าย" มนสิชาเป็นคนตำหนิเธอ "แหะๆ ขอโทษทีค่ะ หวังว่าคุณเทพทัตจะไม่เป็นอะไรนะคะ" ปุยฝ้ายยิ้มฝืดฝืน หน้าตาเกร็งไปหมด "ไม่เป็นไรครับ เชิญเด็กๆ เอ๊ย พวกคุณนั่งกันก่อนเลย" เทพทัตผายมือให้นั่ง ไม่มีใครเอ่ยอะไรเป็นเวลานาน ดูเหมือนเทพทัตจะมีเรื่องบางอย่างในใจ ทำให้เขาไม่พูดอะไรเลย "คุณเทพทัตค่ะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" มนสิชาตัดสินใจถาม "ครับ ขอโทษที ผมมีเรื่องอะไรต้องคิดเยอะ ปัญหาไม่ใช่น้อยๆเลย" เขาทำท่าเหมือนอยากระบาย

  • เมืองนิทรา   บทที่ 12

    "เดี๋ยวชูครีมจัดการด้านบนเองค่ะ" ชูครีมเอ่ยกับพรรคพวกขณะขี่บลูฮาร์ท ไม่ไกลนักอัศวินคนหนึ่งกำลังขี่เทอราโนดอน นกไดโนเสาร์ยักษ์ผู้มีอารมณ์เกรี้ยวกราด มันร้องเสียงดังแล้วบินเข้าโจมตีเหยี่ยวยักษ์ที่ตัวพอๆกับมัน ที่เหลือจึงเริ่มหันเข้าโจมตีมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้น หลายตัวพุ่งลงใส่คน จากนั้นเมื่อคนกระโดดหมอบ พวกมันจึงเชิดหัวขึ้นแล้วชนเข้ากับกองอาหารบนโต๊ะ เสียงดังโครม อาหารกระจายเต็มพื้น ผู้คนหวีดร้อง วิ่งหนีเข้าไปในโรงยิม นกเหยี่ยวยักษ์บินฉวัดเฉวียนเหนือพวกเขา มันบินลงมาคาบมนุษย์แล้วปล่อยให้ตกลงมาจากท้องฟ้า บางคนโดนเด็ดหัว เลือดไหลจากคอเหมือนน้ำก๊อก "ใหญ่ ไม่นะใหญ่" เสียงเพื่อนหญิงของศพไร้หัวร้อง ศพเกิดไฟลุกท่วมแล้วสลายไป ไม่เหลือแม้แต่เถ้าธุลี "เขาแค่ไปเริ่มต้นใหม่ที่ส่วนกลางเท่านั้นเอง เข้าไปหลบในโรงยิมก่อนเถอะค่ะ" ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างร้อนรน เมื่อเห็นว่า นกเหยี่ยวยักษ์ยังบินเหนือท้องฟ้าไม่เลิก แต่เด็กสาวไม่มีทีท่าจะยอมลุกไปไหน "ถ้าคุณต้องตายแล้วลืมว่าเคยรู้จักกัน ทีนี้ก็จะต้องแยกจากกั

  • เมืองนิทรา   บทที่ 11

    ฝูงตั๊กแตนตำข้าวถูกนำไปแลกเงินได้มากพอจะซื้อที่ดินสร้างโรงเรียนได้อีกแห่งหนึ่ง แต่เทพทัตแบ่งเงินให้กับนักเรียนและอีกส่วนหนึ่งเขาก็เอามาทำให้มีวันนี้ นักเรียนทิศเหนือมารวมตัวที่สนามฟุตบอล โต๊ะยาวหลายตัวนำมาเรียงตัวกันเพื่อวางอาหารน่ากินหลายอย่าง มีพระเอกของงานเป็นเค้กครีมสดขนาดยักษ์ เขาจัดเวทีสำหรับมินิคอนเสิร์ตให้นักดนตรีและนักร้องอาชีพ แม้จะอยู่ในคราบนักเรียนมัธยมปลาย แต่พวกเขาก็ทำงานในระดับมืออาชีพกันมาก่อนที่จะกลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิทรา นักเรียนโรงเรียนทิศเหนือจับกลุ่มคุยเป็นกลุ่มๆไป มนสิชามองชุดนักเรียนอย่างเบื่อหน่าย เธอคิดว่าพวกเขาควรงดเว้นไม่ใส่ชุดนี้มาบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสันมากกว่านี้ เธอดึงเก้าอี้หน้าเวทีออกมาแล้วนั่งไขว่ห้างเท้าคาง ชูครีมเดินวนอยู่ที่ซุ่มของกินกับเพื่อนอัศวิน ส่วนปุยฝ้ายคุยฟุ้งได้กับทุกคน นักดนตรีหันมาเล่นดนตรีแนวแอบรัก มีนักเรียนชายตัดผมรองทรงต่ำ เดินเข้ามาหามนสิชา เขาดูเป็นนักเรี๊ยนนักเรียนในสายตาของหญิงสาว เด็กหนุ่มยิ้มเอียงอายให้หล่อนก่อนเอ่ย "มีคนนั่งตรงนี้ไหมครับ" เขาหมายถึงเก้า

  • เมืองนิทรา   บทที่ 10

    เครื่องพ่นไฟที่ฝ่ายหัวหน้านักเรียนเอามาแจกมีสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นทรงกระบอกสำหรับปล่อยให้ไฟออกมา มีด้ามจับทำมาจากหนังเทียมกันความร้อน อีกส่วนหนึ่งสามารถสะพายได้ เป็นทรงกลมเอาไว้เก็บแก๊สข้างใน มีชายคนหนึ่งออกมายืนหน้าห้องประชุมเพื่อสาธิตอุปกรณ์ให้ดู "ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะเปิดแก๊สตรงนี้" เขาเปิดวาล์วให้ดูด้วยการบิดไปทางขวา "แล้วก็กดไกตรงนี้สำหรับจุดไฟให้ติด ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะไม่หันกระบอกส่งไฟเข้าหน้าตัวเอง เพราะไกค่อนข้างอ่อนทีเดียว มันอาจจุดไฟขึ้นมาโดยบังเอิญได้ เรื่องที่ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งก็คือ เนื่องจากเพื่อให้พกพาเครื่องได้สะดวก เราเลยออกแบบให้ที่บรรจุแก๊สมีขนาดเล็ก ดังนั้นถ้าเปิดไฟเต็มแรงก็จะใช้เครื่องพ่นไฟได้ราวหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น แล้วคุณก็ต้องกลับมาเติมแก๊สใหม่ที่นี่นะครับ อย่าเพิ่งทำหน้าไม่พอใจครับ ถ้าแก๊สเยอะไป คุณก็จะหลบตั๊กแตนตำข้าวไม่สะดวกนะครับ เพราะงั้นเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว สัญญาณไฟสีแดงจะขึ้นตรงที่บรรจุแก๊ส ถ้าเหลือแก๊สให้ใช้อีกไม่เกินสิบห้านาทีนะครับ ถ้าผมเป็นคุณผมจะรีบวิ่งกลับมาที่โรงเรียน

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status