แชร์

บทที่ 2

บทที่ 2

เย็นวันต่อมาหลังจากสอบเสร็จในช่วงบ่าย ธรินดาก็นั่งแท็กซี่ไปยังสนามบินดอนเมือง เพื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดเชียงใหม่ตามคำสั่งของผู้เป็นแม่บุญธรรม

ทันทีที่เครื่องบินภายในประเทศร่อนลงจอดอย่างราบรื่นในเวลาเกือบจะสี่โมงเย็น ร่างบางลุกจากที่นั่งเช่นเดียวกับผู้โดยสารคนอื่นๆ สะพายกระเป๋าใบเดียวตรงเข้ามายังอาคารผู้โดยสารเลย  ธรินดาไม่ได้เอาสัมภาระอะไรมาด้วย เพราะที่บ้านมีของใช้ส่วนตัวครบครันอยู่แล้ว และเข้ามาในอาการผู้โดยสารแล้วก็พบว่าคนที่มายืนรอรับตนอยู่ที่นั่นคือแม่ใหญ่ของเธอกับอินแปงคนขับรถของแม่ใหญ่นั่นเอง

                ร่างบางโผเข้าไปหาอ้อมกอดของคนที่กางแขนรอรับ แม่เลี้ยงลักษิกาหอมแก้มลูกสาวทั้งแก้มซ้ายและแก้มขวาอย่างคิดถึง จากนั้นธรินดาจึงผละจากอ้อมกอดของแม่บุญธรรมตัวเอง แล้วค่อยยกมือขึ้นไหว้อินแปงอย่างที่เคยทำทุกครั้งที่ชายวัยกลางคนมารอรับ

                “สวัสดีค่ะลุงอินแปง”

                “สวัสดีครับคุณหนูเล็ก” คนขับรถวัยห้าสิบยกมือขึ้นรับไหว้ พร้อมกับยิ้มให้อย่างอบอุ่นและเอ็นดู เพราะธรินดามักจะไหว้แกเช่นนี้เสมอแม้ว่าหญิงสาวจะอยู่ในฐานะของลูกสาวแม่เลี้ยงลักษิกาซึ่งเป็นเจ้านายก็ตาม

“ลุงอินแปงสบายดีนะคะ”

“ก็สบายดีตามประสาคนแก่ละครับคุณหนู มีเจ็บออดๆ แอดๆ บ้าง ดีว่าอยู่ใกล้หมออย่างคุณปราณต์ก็เลยไม่ลำบากเท่าไหร่”

หลังจากไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันพอสมควรทั้งกับแม่บุญธรรมและคนขับรถ ธรินดาก็ถูกเดินนำไปยังรถคันหรูที่มาจอดรอรับ จากนั้นอินแปงจึงออกรถอย่างนุ่มนวล และพาหญิงทั้งสองที่นั่งอยู่เบาะหลังมุ่งหน้ากลับบ้าน

ธรินดามองความงามโดดเด่นของบ้านสไตล์ล้านนาเก่าแก่อย่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่ห้าขวบ ที่แห่งนี้ถูกคนในละแวกนั้นเรียกว่า ‘คุ้ม’ เจ้าของบ้านสืบเชื้อสายจากเจ้าเมืองมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ เวลาผ่านไปเนิ่นนานเกือบร้อยปี คุ้มเจ้าแห่งนี้ถูกปรับปรุงและปฏิรูปให้ทันสมัยขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งสถาปัตยกรรมอันสุดประณีตแบบท้องถิ่นดั้งเดิมจนคนที่ผ่านไปผ่านมาสะดุดตาอยู่เสมอ รอบๆ คุ้มปลูกต้นลีลาวดีสีขาวที่ตอนนี้ออกดอกบานสะพรั่ง แต่ด้านหลังที่เป็นที่ดินแปลงใหญ่ติดกับเนินเขาปลูกดอกกุหลาบเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งธรินดาเดาว่ามันคงจะแข่งกันออกดอกและเบ่งบานเช่นเดียวกับดอกลีลาวดีเพราะได้รับการดูแลอย่างดีเหมือนกัน

ปภพสามีของแม่เลี้ยงลักษิกาเป็นนายทหารระดับนายพล ส่วนแม่เลี้ยงลักษิกาเป็นเจ้าของโรงแรม รีสอร์ต และโครงการหมู่บ้านจัดสรรหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ กิจการทั้งหมดนี้ได้ปภพคอยช่วยดูแลและแบ่งเบาภาระอยู่บ้าง แต่หลังจากที่เขาเสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก กิจการทั้งหมดก็อยู่ในความดูแลของแม่เลี้ยงลักษิกาคนเดียวมาตลอด และคนที่แม่เลี้ยงลักษิกาหวังให้สืบทอดกิจการก็คือปรัชญ์ลูกชายคนเล็ก เพราะปราณต์นั้นเลือกอาชีพหมอซึ่งคงไม่มีเวลามาดูแลกิจการพวกนี้ ดังนั้นนางจึงทั้งบังคับและขู่เข็ญให้ปรัชญ์กลับจากต่างประเทศมาช่วยงาน แต่กว่าเขาจะยอมกลับมาก็ใช้เวลาหลายปีทีเดียว

บ้านยังคงเงียบเชียบตอนที่ธรินดาลงจากรถ ปราณต์คงยังไม่กลับจากโรงพยาบาล ส่วนปรัชญ์เธอไม่ทราบว่าไปไหน เพราะแม่ใหญ่บอกว่าตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอก เขาก็มักกลับบ้านดึกตลอดหรือบางวันก็ไม่กลับเลย

หญิงสาวขึ้นไปที่ห้องของตัวเอง เปิดประตูหลังห้องแล้วออกไปยืนที่ระเบียงด้านนอกซึ่งเปิดโล่ง เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศอันแสนรื่นรมย์และมองเห็นแปลงกุหลาบที่แยกแปลงไว้ตามสีของมัน ไกลออกไปเป็นวิวอันสวยงามของดอยสุเทพที่ตอนนี้ปกคลุมด้วยสีชมพูอ่อนของดอกพญาเสือโคร่งที่บานสะพรั่งคล้ายดอกซากุระ  

                ที่โต๊ะอาหารเย็นของคุ้มลักษิกาวันนี้มีสมาชิกนั่งล้อมโต๊ะอยู่สามคน ธรินดาเพิ่งจะได้เจอปราณต์เป็นครั้งแรกหลังจากกลับมาถึงบ้าน ซึ่งตอนนี้พี่ชายคนโตอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดทำงานเป็นชุดลำลองเรียบร้อยแล้ว

                “สวัสดีค่ะพี่ปราณต์”

มือเล็กยกขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม เรียวปากสีชมพูหยักสวยได้รูปที่น้อยครั้งจะยิ้มคลี่แย้มบางๆ ให้กับคนที่ตัวเองไหว้ เพราะถึงแม้จะไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมากนักแต่เธอก็รับรู้ได้ว่าเขาเอ็นดูเธอเสมอมา

“กลับมาถึงนานหรือยังหนูเล็ก”

“ถึงก่อนหน้าพี่ปราณต์ประมาณชั่วโมงหนึ่งค่ะ”

“เป็นไงเทอมหน้าก็จบแล้วใช่มั้ย” ปราณต์ถามถึงเรื่องการเรียนของน้องสาวบุญธรรม ขณะที่บัวคำซึ่งเป็นแม่บ้านที่ดูแลโต๊ะอาหารเริ่มทยอยตักข้าวสวยใส่จานให้กับเจ้านาย

“ใช่ค่ะพี่ปราณต์” เสียงหวานตอบสั้นๆ แม่เลี้ยงลักษิกาจึงตอบขยายความให้ต่ออีก

“ไม่ใช่แค่จบอย่างเดียวนะตาปราณต์ แต่ยังจะได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหมือนปราณต์ด้วย” ลักษิกาบอกอย่างภูมิใจในตัวเด็กสาวที่ตนเลี้ยงมากับมือ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตธรินดาเป็นเด็กดีและว่าง่ายมาตลอด ไม่เคยทำให้แม่บุญธรรมอย่างนางผิดหวังเลยสักครั้ง

“น้องผมก็ต้องเก่งเหมือนผมสิครับแม่” ปราณต์บอกยิ้มๆ ขณะมองน้องสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามตัวเองด้วยสายตาที่อ่อนโยน

“ไม่จริงหรอก ดูอย่างตาปรัชญ์นั่นสิ  จบปริญญาตรีมาแบบเกรดสองนิดๆ แม่ละลุ้นใจหายใจคว่ำ กลัวจะถูกรีไทร์เอาเสียก่อน” ผู้เป็นแม่บ่นไปถึงลูกชายคนเล็กที่ตอนนี้ยังอยู่ข้างนอก และยังไม่มีวี่แววว่าจะกลับมาบ้านแต่อย่างใด และอย่าหวังว่าจะตามเขากลับได้ หากเขาไม่พอใจจะกลับไม่ว่าใครก็บังคับไม่ได้ และคนอย่างปรัชญ์พอถูกบังคับมากๆ เข้าก็มักจะต่อต้านและทำสิ่งตรงข้ามในที่สุด ด้วยรู้ข้อนี้ดีแม่เลี้ยงลักษิกาจึงไม่กล้าเคี่ยวเข็ญอะไรกับปรัชญ์มากนัก อีกทั้งตอนนี้ลูกชายก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว จึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status