“กรทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ”
น้ำเสียงหวานละมุนของใครบางคนดังมาแต่ไกล เจ้าหล่อนเห็นคนรักของตัวเองเดินมาหยุดที่ประตูหน้าบ้านเป็นเวลานานสองนาน ไม่ยอมเดินเข้าไปสักทีตนจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปถามไกล ๆ แต่เสียงสนทนาของคนที่อยู่ด้านในนั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน
‘ทำไมเสียงมันคุ้น ๆ อะไรแบบนี้ง’
“เปล่าหรอกไม่มีอะไร” ธนินหันไปตอบแฟนสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ให้ผิดสังเกตว่าตนกำลังคิดเรื่องราวบางอย่างจึงรีบบอกปัดออกไป
“งั้นเข้าไปหาคุณย่าดีกว่า เหมือนชมได้ยินเสียงของน้องเดียร์น่าจะอยู่ข้างในกับคุณย่าเหมือนกัน” ชลิตาแฟนสาวของธนินพูดขึ้นพร้อมทั้งเดินนำหน้าเข้าไปในบ้านพร้อมทั้งยกมือทักทายย่าอ่อนศรี
“สวัสดีค่ะย่า น้องเดียร์”
เสียงทักทายของผู้มาใหม่ทำเอาบทสนทนาที่กำลังสนุกคึกครื้นเมื่อครู่นี้เงียบลง ทั้งสามคนพร้อมใจกันหันไปมองตามเสียง แต่ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้จะมีหนึ่งคนที่นิ่งอึ้งไม่พูดอะไร
“พี่กร พี่ชม กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะทำไมไม่โทรบอกจะได้ไปรับ”
“พี่อยากจะเซอร์ไพร์ทน้องเดียร์ด้วย”
คนตัวเล็กฟังแล้วพยักหน้ารับยิ้ม ๆ
“สวัสดีครับย่า” คนเป็นหลานชายเดินกลับมาทักทายผู้เป็นย่าหลังจากที่ตนเดินเอาของฝากที่ซื้อมาไปวางไว้ที่โต๊ะ แล้วกลับมาทักทายผู้เป็นย่า
“ไหว้พระเถอะลูก แล้วกลับมารอบนี้จะอยู่สักกี่วันล่ะ”
อ่อนศรีถามหลานชายเป็นปกติ เพราะเวลาธนินกลับมาจะมาแค่พักผ่อนหรือไม่ก็มาเที่ยวหา เนื่องด้วยงานส่วนใหญ่ของหลานจะอยู่ที่ต่างประเทศ ทำงานและส่งเงินเท่านั้นส่วนหน้าที่การดูแลจะเป็นของหลานสาว แต่ภัคธีมาก็มีหน้าที่การงานของตัวเองจะมาอยู่ด้วยก็ช่วงเสาร์อาทิตย์หรือไม่ก็วันหยุดจะมาอยู่ด้วยไม่ค่อยออกไปเที่ยวที่ไหน
ในทุก ๆ วันที่ทอยู่กับอ่อนศรีแทบจะทั้งวันคือน้อยแม่บ้านคนสนิท
ธนินคุยกับอ่อนศรีและน้องสาวของตนตามประสาที่ไม่ได้พบหน้ากันมานนาน อยู่สักพักหนึ่งก่อนจะหันไปทักทายเพื่อนของตนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ น้องสาว ด้วยความสนิทสนมเหมือนเดิมทั้ง ๆ ที่เขาและเตชินท์ก็ไม่ได้พูดคุยหรือติดต่อกันมานานหลายปีแล้ว
นับตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น
“ไงมึงสบายดีไหม”
เตชินท์นิ่งไปครู่หนึ่งราวกับว่าไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร เรื่องราวเหล่านั้นมันเกิดมานานแล้วก็จริง การที่ทั้งสองคนกลับมาในเวลานี้จากความแค้นที่เคยเบาบางลงกลับเริ่มต้นความคิดที่จะทำให้ทั้งคู่เจ็บช้ำอีกครั้ง
“สบายดี แต่งานเยอะว่ะ” เตชินท์ตอบเพื่อนในแบบฉบับของตัวเองเหมือนเพื่อนสนิทดังเดิม โดยที่พยายามเก็บซ่อนความชิงชังที่มีเอาไว้ในใจ เหลือบมองหน้าธนินกับชลิตาแว็บหนึ่งก่อนที่จะหันมายิ้มให้กับคนรักของตน
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเต”
“อืม ไม่ได้เจอกันนานชมสบายดีนะ”
“ชมสบายดี” ชลิตาตอบยิ้ม ๆ ทำตัวไม่ถูกเช่นกัน เพราะไม่คิดว่าจะมาเจอกันที่นี่
การสนทนาที่แสนอึดอัดของทั้ง เตชินท์ ธนิน และ ชลิตา ทำเอาคนที่อยู่ร่วมงงอย่างเธอรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ไม่เคยรู้มาก่อน แต่ตนไม่อยากจะคิดไปเองในสิ่งที่ เพราะเธอสัมผัสได้ว่าทั้งสามคนมีเรื่องปิดบังอยู่
“เดียร์พี่กลับก่อนนะ”
คนที่นั่งนิ่งคิดเรื่องราวต่าง ๆ ถูกดึงสติให้หลุดออกจากภวังค์ของตนกับเสียงกระซิบข้างหูของเตชินท์ทันที่ที่ฟังจบเธอก็พยักหน้ารับไม่ได้ว่าอะไร
“คุณย่าครับผมขอกลับก่อนนะครับ” ชายหนุ่มบอกลาพร้อมทั้งยกมือไหว้ผู้อาวุโสด้วยตวามอ่อนน้อมต่อผู้หลักผู้ใหญ่
“ทำไมมึงรีบกลับจังวะ กูเพิ่งมาถึงเอง ยังไม่ทันได้คุยอะไรเลย”
“นั่นสิพ่อเต ไม่อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนเหรอ”
“ไม่ดีกว่าครับย่า ผมเพิ่งนึกได้ว่านัดกับพี่ญาว่าจะคุยงานกันน่ะครับ”
“งั้นเหรอลูก ไว้วันหลังชวนหนูญามาด้วยนะ” นางพยักหน้ารับกับคำตอบของคนตรงหน้า
“เดี๋ยวเดียร์ไปส่งพี่เตที่รถนะคะ” ว่าแล้วก็เดินควงแขนออกไปส่งคนรักของตนที่รถของเขา โดยที่ทิ้งให้พี่ชายกับว่าที่พี่สะใภ้ได้คุยกับอ่อนศรีเป็นการส่วนตัว ชลิตาได้แต่มองตามทั้งสองคนไม่จนลับสายตาแล้วหันมาคุยกับคุณย่าแทน
กาลเวลาผ่านเลยไปจนเกือบหนึ่งสัปดาห์นับตั้งแต่วันที่ธนินรู้เรื่องของน้องสาวตัวเองกับเพื่อนสนิทของตนเองถึงแม้ว่าจไม่ได้พบหรือคุยกันมาหลายปีแล้วถึงแม้ว่าจะมีบ้างในบางในตอนที่นัดเจอกันยามที่เขากลับมาไทย นับตั้งแต่ครั้งนั้นทังเขาและเตชินท์ต่างกไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
เขาวนคิดเรื่องนี้มานานสองนานหาโอกาสที่จะคุยกับภัคธีมาแต่ก็ไม่ได้เจอเสียที วันนี้นับว่าเป็นวันที่ดีที่น้องสาวกลับมานอนที่บ้านได้นอนที่คอนโดมิเนี่ยม
“เอายังไงดีวะ จะเตือนน้องดีมมั้ย หรือจะปล่อยเอาไว้ให้เป็นเรื่องของคนสองคนดีวะ”
คนเป็นพี่ชายยืนบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่นานสองนานว่าจะเอายังไงกับเรื่องนี้ดี ในบางทีเขาอาจจะคิดมากไปเอง เพราะด้วยความเป็นเพื่อนกันกับเตชินท์ดันไปแย่งคนรักของมันมา กลัวมันจะกลับมาเอาคืนโดยการใช้ภัคธีมาเป็นเครื่องมือ แต่ถ้าหากว่ามันรักน้องของเขาจริง ๆ ไม่ได้เป็นออย่างที่คิด
มันจะกลายเป็นว่าทำลายความรักของน้องสาวจนพังไม่เป็นท่าเพราะตัวของเขา
ในจังหวะที่ธนินกำลังหาคำตอบให้กับตัวเองอยู่ว่าจะทำอย่างไรดี อยู่ ๆ คนตัวเล็กเดินเข้ามหาพร้อมกับในมือของตนที่มีจานคุ๊กกี้ที่เพิ่งอบเสร็จเมื่อสักครู่นี้เดินตรงมาหาพี่ชายที่กำลังเดินวนไปวนมาราวกับหนุติดจั่น ท่าทางของอีกฝ่ายเหมือนคิดอะไรบางอย่างออยู่ ท่าทางจะเป็นเรื่องที่หนักใจพอตัวเธอหยุดนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้าไปหา
“เป็นอะไรของเขาน่ะ บนคนเดียวเป็นคนบ้าเลย” เธอบ่นแซวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ตามประสา ก่อนที่จะเอ่ยประโยคต่อมมามันทำให้พี่ชายหลุดออกจากภวังค์ทำเอาสะดุ้งไม่ตัวโยนอย่างตกใจ
“บ่นอะไรเนี่ยพี่กร”
“เฮ้ย...มาทำไม่เงียบ ๆ ตดใจหมดไอ้เดียร์”
“เดียร์มาตั้งนานแล้วมีแต่พี่เนี่ยบบ่นอะไรอยู่คนเดียว จนคิดว่ากำลังคุยกับแม่ซื้ออยู่” เธอแซวพี่ชายยิ้ม ๆ จนตาหยีเป็นสระอิ
“เปล่าก็บ่นไปเรื่อยเปี่อยนี่แหละ”
“เดียร์ก็คิดว่าคุยกับแม่ซื้ออยู่นะเนี่ย” คนเป็นน้องยังคงแซวพี่ชายอีกครั้ง พลอยทำให้คนตรงหน้าอมยิ้มไม่น้อย
“ว่าไปนั่น พี่มีเรื่องอยากจะถาม”
น้ำเสียงของคนเป็นพี่จากที่ติดเล่นหยอกกับน้องก็แปรเปลี่ยนเป็นเข้มขรึมจริงจังขึ้นมาทันทีราวกับว่าเรื่องที่กำลังจะคุยกับน้องสาวเป็นเรื่องที่ซีเรียสและจริงจังอะไรขนาดนั้น
“พี่กรจะถามอะไรเดียร์เหรอ” คนตัวเล็กถามขึ้นพร้อมเดินตามหลังพี่ชายไปนั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่อยู่ไม่ไกลนัก เพราะตรงนี้อยูใต้ต้นไม้ใหญ่มันทำให้ร่มรื่นอยู่พอตัว
“เดียร์พี่มีเรื่องอยากจะถาม”
หลังจากที่หญิงสาวหย่อนกายนั่งลงกับเก้าอี้มาหินอ่อน พร้อมทั้งวางจานคุ๊กกี้เอาไว้ตรงหน้าของธนิน เพื่อที่จะให้เขาได้ลิ้มชิมรสมือการทำขนมครั้งแรกของตนเอง
“พี่กรมีอะไรจะถามเดียร์เหรอ” เธอถามทั้ง ๆ ที่ก้มหน้าก้มตามองของที่อยู่ในจานตรงกลางโต๊ะ
“เรื่องของแกกับไอ้เตนี่มันยังไง ไปคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
“อ๋อ เราคบกันมาก็หลายเดือนแล้ว”
“ไปเจอกับมันได้ยังไง ตั้งแต่ตอนไหน เพราะที่พี่จำได้ มันเจอเราครั้งล่าสุดก็ตอนที่เราจบมัธยม”
ใช่ พวกเขาพบกันครั้งล่าสุดก็เมื่อตอนจบมัธยมของน้องสาวที่เจอกันตอนนั้นเป็นครั้งสุดท้าย โดยมี ตัวของเขา เตชินท์ ชลิตา และภัคธีมา หลังจากนั้นไม่นานทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อทั้งเขาและเพื่อนต้องมาแตกหักเพราะผู้หญิงคนเดียว
“เพิ่งกลับมาเจอกันตอนที่เดียร์รับงานออกแบบรีสอร์ตของพี่เตน่ะ ตอนแรกเดียร์ก็ไม่รู้หรอกนะว่าเป็นพื่อนของพี่”
ภัคธีมาเล่าเรื่องราวระหว่างเธอกับเขาให้พี่ชายฟังทั้งหมด โดยที่เล่าไปยิ้มไปราวกับทุกอย่างที่เล่ามามันคือความสุขที่น้องสาวของตัวเองต้องการเสียอย่างนั้น ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าน้องสาวของตัวเองนั้นแอบรักเตชินท์มานานแล้ว แต่ด้วยความที่มีปัจจัยอะไรหลาย ๆ อย่างมันทำให้น้องต้องเก็บความรู้สึกและทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้และไม่ได้บอกใคร
ถึงแม้ว่าภัคธีมาจะไม่ได้บอกว่ารักหรือชอบ แต่คนเป็นพี่มองนัยน์ตาของน้องสาวก็รูว่าคนที่อยู่ในใจตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นเพื่อนของเขา เตชินท์ ทว่าทำไมเขาถึงกังวลแปลกในเมื่อน้องสาวมีความรักที่รอมานาน
“รักไอเตมากไหม”
“รักสิ พี่ก็รู้เวลาเดียร์รักใครเดียร์ให้ความรักเขาไปทั้งหมด ยิ่งเป็นที่เตเดียร์ยอมแลกความรักทั้งหมดให้เลย”
“พี่จะไม่ว่าอะไรในเมื่อน้องของพี่รักใครพี่ไม่ห้าม แต่ยังไงก็ต้องดูแลและรักษาหัวใจตัวเองด้วย เพราะเวลาเจ็บมาคนที่เจ็บคือเราไม่ใช่มัน”
มือหนาของคนที่เป็นพี่ชายอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็กเบา ๆ และด้วยความที่เขาเป็นห่วงน้องสาวจึงเตือนเอาไว้ไม่น้อย เพราะยังไงเขาก็รักน้องสาวเขา
“เดียร์ไม่เป็นไร ว่าแต่เรื่องของพี่เถอะจะแต่งงานกันกับพี่ชมพูเมื่อไหร่คะ” สิ้นประโยคของน้องสาวที่ถามเรื่องของพี่ชายกับแฟนสาวทำเอาคนถูกถามถึงกับนิ่งไปครู่นึง ก่อนที่จะลุกเดินออกไปโดยที่ไม่ตอบคำถามของภัคธีมา ทำเอาคนตัวเล็กมองตามพี่ชายอย่างสงสัยว่าทำไมพี่ชายถึงนิ่งไปเมื่อพูดถึงเรื่องของตัวเอง ในเมื่อเท่าที่เธอดูความรักของทั้งคู่มันก็เป็นไปได้ด้วยดี
แถมรักกันมากกว่าคู่เธอเสียอีก
“อะไรของเขาถามก็ไม่ตอบ” บ่นงึมงำกับตัวเองอนู่ครู๋หนึ่งก่อนจะหยิบขนมคุกกี้เข้าปากของตัวเอง ก่อนจะคว้าจานที่วางอยู่ตรงหน้าเดินออกไปจากตรงนั้น เพื่อที่จะคุยเรื่องงานหมั้นว่าจะจัดที่ไหนอย่างไรดี ทว่าคุยเรียบร้อยไปไม่นานหลังจากนั้นหนึ่งเดือนต่อมา งานหมั้นของเตชินท์และภัคธีมาถูกจัดขึ้นเป็นการภายใน มีเพียงคนรู้จัก ๆ เท่านั้นและสนิทสนมกัน ทั้งเพื่อน ญาติผู้ใหญ่เพียงไม่กี่คน ทุกอย่างราบรื่นผ่านไปได้ด้วยดีไม่มีปัญหา
แต่แขกเหรื่อหลาย ๆ คนต่างถามทั้งสองว่าจัดงานหมั้นวันนี้แล้วงานแต่งอีกทีเมื่อไหร่จะเร็ว ๆ นี้หรือเปล่า ทว่าคำตอบที่ได้คือทางภัคธีมายังไม่พร้อมที่จะแต่งงานอีกอย่างอยากจะเรียนรู้กันและกันให้มากขึ้นกว่านี้ หากถึงเวลาอันที่สมควรในทุกอย่างวันนั้นก็จะมาถึงเองไม่ช้าก็เร็ว
แน่นอนว่าทุกคนต่างยินดีกับทั้งคู่
“วันนี้ใครมาคุณเตมารับหรือเปล่าน่ะเดียร์” เสียงของเพื่อนร่วมงานถามอย่างเป็นปกติโดยที่ไม่มีอะไรพิเศษ มันเป็นประโยคที่แสนจะเรียบง่ายก็ตาม แต่มันก็ชินเสียแล้วสำหรับภัคธีมา“วันนี้กลับเองพอดีพี่เตมีประชุมน่ะ” เธอตอบกลับยิ้ม ๆ“งั้นดีเลย คุณเตไม่มางั้นเราไปหาอะไรกินกันมั้ย”ภัคธีมานิ่งราวกับคิดอยู่ครู่ว่ามีงานค้างหรืออะไรที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จหรือเปล่า แต่เมื่อทุกิย่างไม่ได้เยอะแยะมากมายอะไรเธอจึงพยักหน้าตอบตกลง เพราะเธอเองหลังจากที่หมั้นกับเตชินท์ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนเลย วันหยุดก็อยู่แต่กับชายหนุ่มตั้งแต่เช้าจรดค่ำเรียกว่าตัวติดกันจนแทบจะเป็นปาท่องโก๋ก็ว่าได้“แน่นะว่าไปได้ ไม่ใช่ไปถึงร้านแล้วคุณเตชินท์สุดหล่อของเธอโทรฯหาอีกล่ะ” ตะวันวาดแซวเพื่อนยิ้ม ๆ เพราะมองเพื่อนแววตานั้นเต็มไปด้วยความรักเมื่อพูดถึงคู่หมั้นหนุ่มเพราะตะวันวาดเองเพิ่งรู้มาจากเพื่อนว่าเตชินท์เป็นรักแรกของเธอตั้งแต่สมัยเด็กแต่ด้วยความต่างอะไรหลาย ๆ อย่างเลยไม่อาจบอกไป และจำได้ช่วงตอนมัธยมเหมือยอีกฝ่ายจะมีคนรักที่กำลังคบกันอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าใคร ทำได้เพียงแค่แอบมองอยู
ท่ามกลางเมืองที่แสนวุ่นวายของผู้คนทำงานเช่นเดียวกันกับตะวันวาดที่กำลังว้าวุ่นใจที่มองซ้ายแลขวาไม่พบเพื่อนร่วมงานคนเก่งของตนมาถึงออฟฟิศเสียที เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญเสียด้วย อีกอย่างหญิงสาวเป็นคนที่ตรงเวลาเอามาก ๆ ไม่เคยมาสายแม้แต่ครั้งเดียว แต่นี่อะไรกันสายไปหลายนาทีแล้ว ยังติดต่อภัคธีมาไม่ได้แม้แต่สายเดียว“ฮัลโหลยัยเดียร์แกอยู่ที่ไหนเนี่ย”น้ำเสียงของตะวันวาดกระวนกระวายไม่น้อย เพราะเพื่อนของเธอยังมาไม่ถึงเสียที อีกอย่างสาวเจ้าปลายสายต้องมาพรีเซ็นต์โพรเจกต์งานออกแบบให้กับลูกค้าที่เจาะจงมายังทีมของตนโดยเฉพาะ ถ้าเป็นทีมอื่นจะไม่ทำกับทางบริษัทนี้งานนี้เป็นงานใหญ่ที่ไม่อยากให้เสียหายทางตะวันวาดเลยกระวนกระวายใจไม่น้อยที่กลัวเพื่อนจะมาไม่ทัน“จะถึงแล้ว รอฉันอีกสิบนาทีนะตะวัน”ภัคธีมารับสายแล้วรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกดวางสายและยัดโทรศัพท์มือถือกลับเข้าทีเดิม สองขาเรียวสวยรีบสาวเท้าเข้าอาคารตรงไปยังลิฟต์เพื่อไปยังที่หมายให้เร็วที่สุด เพราะเธอไม่อยากให้ลูกค้าต้องรอนาน แต่วันนั้นถค่อนข้างติดเพราะเกิดอุบัติเหตุใหญ่บนท้องถนน ทำให้เธอต้องเรียกวินมอเตอร์ไซค?มารับที่คอนโดมิเนียมที่หญิงสาวพัก
“พี่ฝากงานพวกนี้ด้วยนะ ถ้าสงสัยอะไรไม่เข้าใจยังไงถามพี่ได้ตลอด”ภัคธีมามอบงานให้น้อง ๆ ในทีมที่ทำงานร่วมกับเธอ พร้อมทั้งอธิบายในเนื้องานต่าง ๆ มันเป็นแบบไหนต้องทำอย่างไรกับงานชิ้นนั้น ๆ เธอเชื่อว่าตะวันวาดและคนในทีมจะช่วยกันทำให้ดีที่สุด ส่วนของเธอก็ต้องออกมาดีที่สุดเช่นกัน“ได้เลยค่ะพี่เดียร์ พวกเราจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”“ขอบใจจ้ะ”หลังจากที่น้อง ๆ และเพื่อนรับปากว่าจะทำงานต่อจากเธอตามคำสั่งของบอสเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กที่งานล้นมือจนแทบจะทำไม่ทัน กลับมาทำงานของตัวเองที่ต้องปรับแก้อีกมากมายหลายเพราะเธอเองก็อยากจะจัดการงานชิ้นนี้ให้เรียบร้อยก่อนกำหนดเช่นเดียวกัน“พี่เดียร์งานของคุณเตชินท์พี่จะส่งให้เขาดูเมื่อไหร่เหรอ” ผู้ช่วยอีกคนของเธอถามอย่างสงสัย เพราะน้อยครั้งที่เห็นรุ่นพี่ของตนทำหน้าเคร่งเครียดกับงานแบบศีรษะเล็กเอียงลงเล็กน้อยพร้อมท้าวกับมือแบบชิดแก้มนุ่ม มืออีกข้างเคาะเข้ากับโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด เมื่อน้องร่วมงานพูดถึงงานที่เธอเพิ่งจะส่งเมล์ไปเมื่อสองวันก่อน แต่ผลตอบรับทำเอาเธอถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่“ส่งไปแล้ว”“เป็นไงบ้างคะ ผ่านไหม” คนถามลุ้นกับคำตอบที่จะได้ ๆ ไม่น้อย“ทางนั้น
เตชินท์นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานนิ้วมือของเขาเคาะเข้ากับโต๊ะเบา ๆ ราวกับกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่ สายตาคมที่คิดว่าเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างแต่กลับจับจ้องไปยังรูปภาพที่อยู่บนหน้าจอ แล็ปท๊อปขนาดใหญ่ที่มีชายหนุ่มกับสาวสวยอีกหนึ่งคนกำลังยืนหวานชื่นท่ามกลางความงดงามของฝรั่งเศษ ก่อนจะลบมันออกจากเครื่องราวกับว่าไม่ต้องการที่จะเห็นมันอีกครั้ง ไม่ว่าภาพหวานชื่นเหล่านั้นจะมีสักเท่าไหร่ชายหนุ่มก็จัดการลบมันออกให้หมดลบมันออกจากหัวใจเพราะเขาเกลียดผู้หญิงทรยศคนนี้เหลือเกินระหว่างที่เขากำลังลบรูปภาพ อยู่ก็เห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตากับใบหน้าสวยหวานออกไปทางคมเล็กน้อยตามแบบฉบับราวกับสาวลูกครึ่ง รอยยิ้มที่ชวนหลงไหลไปกับสดใสตามวัยของเธอเมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าจะมาหลายปีก็ตามรอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ยังเหมือนเคยแต่อาจจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาภัคธีมาต้องไม่ได้เจอกันมาหลายปี ครั้งนี้เขาตั้งใจกลับมาพบเธออีกครั้ง สายตาคมเข้มมองงานที่ภัคธีมาส่งมาให้เขาตรวจเช็คอีกครั้งก่อนจะพาเธอเข้าไปดูสถานที่จริงเป็นครั้งที่สอง“คุณเตครับ คุณเดียร์ส่งแบบมาให้คุณเตมาส
“มาส่งดอกไม้ให้กับคุณภัคธีมาครับ”พนักงานส่งของบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางกวาดสายตามองหาเจ้าของชื่อว่าจะมีใครออกมารับหรือไม่จากการที่ดูแล้วทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างพากันก้มหน้าก้มตายุ่งงานของตัวเอง“วันนี้ดอกไม้ก็มาอีกหนึ่งช่อใหญ่ ๆ เหมือนเคย” เพื่อนร่วมงานของภัคธีมากลายเป็นคนรับดอกไม้จำเป็นเสียแล้ว เท่าที่นับได้อาทิตย์นี้เป็นช่อที่สามเห็นจะได้แล้ว“พี่เดียร์ได้รับดอกไม้อีกแล้ว”“วันนี้มีข้อความว่ายังไงบ้าง”เพรื่อนร่วมงานถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เพราะเรื่องราวเจ้าของรีสอร์ตหนุ่มกำลังตามจีบมัณฑนากรสาวคนแก่งของที่นี่กระจายไปทั่งบริษัท“ตอบไลน์พี่หน่อย จะดองไว้นานแค่ไหนคนดี”หลังจากเสียงอ่านข้อความในกระดาษการ์ดที่แนบมาด้วยจบทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้นพากันหวีดไม่น้อยกับประโยคที่ว่ามา“นี่ขิง เอาไปให้พี่เดียร์ที” คนที่เพิ่งจะรับของมาเมื่อครู่สอดกระดาษการ์ดใบเล็กเอาไว้ที่เดิมก่อนจะส่งให้ผู้ช่วยของหญองสาวก่อนจะเดินตรงเอาช่อดอกไม้แสนสวยไปให้กับภัคธีมาที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องของตัวเอง ในระหว่างทางที่กำลังจะเอาของไปให้นั้นก็เดินสวนกันกับเ
“ทำไมไม่มาดูตอนกลางวัน”เตชินท์เดินเคียงข้างกับภัคธีมาเข้ามาภายในโรงภาพยนตร์ เพื่อที่จะดูหนังรอบดึกกันสองต่อสอง เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาดูหนังกันเวลานี้“ก็ตอนกลางวันพี่เตกับเดียร์ก็ทำงานกันนี่คะ แล้วจะเอาเวลาไหนมาดู” คนตัวเล็กที่ถือถังป๊อปคอร์นกับแก้วน้ำยืนอยู่ตรงหน้า“กลางวันพี่ว่าง”“ก็พี่เป็นเจ้านายเขาจะทำงานก็ได้ไม่ทำก็ได้ แต่เดียร์เป็นลูกจ้างเขานะจะลาหยุดบ่อยก็ไม่ดี”“ลาหยุดไม่ดี งั้นลาออกจากงานมาพี่เลี้ยงเอง”“พูดเป็นเล่นน่าพี่เต” ประโยคเมื่อครู่นี้ทำเอาคนตัวเล็กตกตะลึงอยู่ไม่น้อย เพราะเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเธอ ส่วนมากก็แค่หยอกเท่านั้น แต่ที่ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันดูต่างออกไปเหลือเกิน“พี่พูดจริง”เตชินท์บอกพลางส่งสายตาหวานซึ้งให้หญิงสาวโยที่เจ้าตัวนั้นไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย ผิดกับภัคธีมาที่คอยมองซ้ายแลขวาราวกับกลัวว่าจะมีคนรู้จักมาเห็นเสียอย่างนั้น เธอจึงตัดสินใจจชวนชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาสีแดงที่อยู่ไม่ห่างมากนัก เพราะหากยืนอยู่ตรงนี้ก็จะเป็นการขวางทางเดินผ่านไปผ่านมา เวลาของภาพยนต์ที่กำล
ชีวิตการทำงานที่แสนราบเรียบของภัคธีมาดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่แล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่ทุกคนเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับเตชินท์ลูกค้ารายใหญ่ของทางบริษัท เหมือนมีบางอย่างที่ผิดปกเกี่ยวกับอารมณ์ของมัณฑนากรสาวที่ช่วงหลัง ๆ อารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อนเสียอีก“ทุกคนเดียร์ซื้อชานมไข่มุกหวานน้อยมาฝากค่ะทุกคน”คนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาภายออฟฟิศหลังจากที่เธอออกไปคุยงานกับลูกค้าอีกคนหนึ่งมาและระหว่างทางที่ขับรถกลับออฟฟิศนั้นเกิดอยากจะกินชานมไข่มุกของร้านที่อยู่ข้างล่างเข้าพอดีในจังหวะที่คนตัวเล็กกำลังจะสั่งคนที่เพิ่งแยกออกมาจะเธอเมื่อช่วงเช้สตรู่เดินเข้ามาหาพร้อมทั้งจ่ายค่าเครื่องดื่มอีกทั้งยังสั่งเผื่อพนักงานคนอื่น ๆ อีกหลายสิบแก้วให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆก่อนที่เตชินท์จะเดินจากไปเธอถามเขาว่ามมาจ่ายค่าเครื่องดื่มพวกนี้ให้เธอทำไมกันเขาบอกเธอแค่ว่า ‘จ่ายเงินให้เมียมันผิดตรงไหน’ คำพูดของเขาทำเอาเธอนิ่งเงียบไม่สามารถตอบโต้อะไรเขาได้เลย เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมามันคือเรื่องจริง“วันนี้ฝนจะตกไหมเนี่ย““นั่นสิ พักหลัง ๆ
“วันนี้ใครมาคุณเตมารับหรือเปล่าน่ะเดียร์” เสียงของเพื่อนร่วมงานถามอย่างเป็นปกติโดยที่ไม่มีอะไรพิเศษ มันเป็นประโยคที่แสนจะเรียบง่ายก็ตาม แต่มันก็ชินเสียแล้วสำหรับภัคธีมา“วันนี้กลับเองพอดีพี่เตมีประชุมน่ะ” เธอตอบกลับยิ้ม ๆ“งั้นดีเลย คุณเตไม่มางั้นเราไปหาอะไรกินกันมั้ย”ภัคธีมานิ่งราวกับคิดอยู่ครู่ว่ามีงานค้างหรืออะไรที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จหรือเปล่า แต่เมื่อทุกิย่างไม่ได้เยอะแยะมากมายอะไรเธอจึงพยักหน้าตอบตกลง เพราะเธอเองหลังจากที่หมั้นกับเตชินท์ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนเลย วันหยุดก็อยู่แต่กับชายหนุ่มตั้งแต่เช้าจรดค่ำเรียกว่าตัวติดกันจนแทบจะเป็นปาท่องโก๋ก็ว่าได้“แน่นะว่าไปได้ ไม่ใช่ไปถึงร้านแล้วคุณเตชินท์สุดหล่อของเธอโทรฯหาอีกล่ะ” ตะวันวาดแซวเพื่อนยิ้ม ๆ เพราะมองเพื่อนแววตานั้นเต็มไปด้วยความรักเมื่อพูดถึงคู่หมั้นหนุ่มเพราะตะวันวาดเองเพิ่งรู้มาจากเพื่อนว่าเตชินท์เป็นรักแรกของเธอตั้งแต่สมัยเด็กแต่ด้วยความต่างอะไรหลาย ๆ อย่างเลยไม่อาจบอกไป และจำได้ช่วงตอนมัธยมเหมือยอีกฝ่ายจะมีคนรักที่กำลังคบกันอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าใคร ทำได้เพียงแค่แอบมองอยู
“กรทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ”น้ำเสียงหวานละมุนของใครบางคนดังมาแต่ไกล เจ้าหล่อนเห็นคนรักของตัวเองเดินมาหยุดที่ประตูหน้าบ้านเป็นเวลานานสองนาน ไม่ยอมเดินเข้าไปสักทีตนจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปถามไกล ๆ แต่เสียงสนทนาของคนที่อยู่ด้านในนั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน‘ทำไมเสียงมันคุ้น ๆ อะไรแบบนี้ง’“เปล่าหรอกไม่มีอะไร” ธนินหันไปตอบแฟนสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ให้ผิดสังเกตว่าตนกำลังคิดเรื่องราวบางอย่างจึงรีบบอกปัดออกไป“งั้นเข้าไปหาคุณย่าดีกว่า เหมือนชมได้ยินเสียงของน้องเดียร์น่าจะอยู่ข้างในกับคุณย่าเหมือนกัน” ชลิตาแฟนสาวของธนินพูดขึ้นพร้อมทั้งเดินนำหน้าเข้าไปในบ้านพร้อมทั้งยกมือทักทายย่าอ่อนศรี“สวัสดีค่ะย่า น้องเดียร์”เสียงทักทายของผู้มาใหม่ทำเอาบทสนทนาที่กำลังสนุกคึกครื้นเมื่อครู่นี้เงียบลง ทั้งสามคนพร้อมใจกันหันไปมองตามเสียง แต่ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้จะมีหนึ่งคนที่นิ่งอึ้งไม่พูดอะไร“พี่กร พี่ชม กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะทำไมไม่โทรบอกจะได้ไปรับ”“พี่อยากจะเซอร์ไพร์ทน้องเดียร์ด้วย”คนตัวเล็กฟังแล้วพยักหน้ารับยิ้ม ๆ“สวัส
ชีวิตการทำงานที่แสนราบเรียบของภัคธีมาดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่แล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่ทุกคนเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับเตชินท์ลูกค้ารายใหญ่ของทางบริษัท เหมือนมีบางอย่างที่ผิดปกเกี่ยวกับอารมณ์ของมัณฑนากรสาวที่ช่วงหลัง ๆ อารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อนเสียอีก“ทุกคนเดียร์ซื้อชานมไข่มุกหวานน้อยมาฝากค่ะทุกคน”คนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาภายออฟฟิศหลังจากที่เธอออกไปคุยงานกับลูกค้าอีกคนหนึ่งมาและระหว่างทางที่ขับรถกลับออฟฟิศนั้นเกิดอยากจะกินชานมไข่มุกของร้านที่อยู่ข้างล่างเข้าพอดีในจังหวะที่คนตัวเล็กกำลังจะสั่งคนที่เพิ่งแยกออกมาจะเธอเมื่อช่วงเช้สตรู่เดินเข้ามาหาพร้อมทั้งจ่ายค่าเครื่องดื่มอีกทั้งยังสั่งเผื่อพนักงานคนอื่น ๆ อีกหลายสิบแก้วให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆก่อนที่เตชินท์จะเดินจากไปเธอถามเขาว่ามมาจ่ายค่าเครื่องดื่มพวกนี้ให้เธอทำไมกันเขาบอกเธอแค่ว่า ‘จ่ายเงินให้เมียมันผิดตรงไหน’ คำพูดของเขาทำเอาเธอนิ่งเงียบไม่สามารถตอบโต้อะไรเขาได้เลย เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมามันคือเรื่องจริง“วันนี้ฝนจะตกไหมเนี่ย““นั่นสิ พักหลัง ๆ
“ทำไมไม่มาดูตอนกลางวัน”เตชินท์เดินเคียงข้างกับภัคธีมาเข้ามาภายในโรงภาพยนตร์ เพื่อที่จะดูหนังรอบดึกกันสองต่อสอง เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาดูหนังกันเวลานี้“ก็ตอนกลางวันพี่เตกับเดียร์ก็ทำงานกันนี่คะ แล้วจะเอาเวลาไหนมาดู” คนตัวเล็กที่ถือถังป๊อปคอร์นกับแก้วน้ำยืนอยู่ตรงหน้า“กลางวันพี่ว่าง”“ก็พี่เป็นเจ้านายเขาจะทำงานก็ได้ไม่ทำก็ได้ แต่เดียร์เป็นลูกจ้างเขานะจะลาหยุดบ่อยก็ไม่ดี”“ลาหยุดไม่ดี งั้นลาออกจากงานมาพี่เลี้ยงเอง”“พูดเป็นเล่นน่าพี่เต” ประโยคเมื่อครู่นี้ทำเอาคนตัวเล็กตกตะลึงอยู่ไม่น้อย เพราะเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเธอ ส่วนมากก็แค่หยอกเท่านั้น แต่ที่ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันดูต่างออกไปเหลือเกิน“พี่พูดจริง”เตชินท์บอกพลางส่งสายตาหวานซึ้งให้หญิงสาวโยที่เจ้าตัวนั้นไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย ผิดกับภัคธีมาที่คอยมองซ้ายแลขวาราวกับกลัวว่าจะมีคนรู้จักมาเห็นเสียอย่างนั้น เธอจึงตัดสินใจจชวนชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาสีแดงที่อยู่ไม่ห่างมากนัก เพราะหากยืนอยู่ตรงนี้ก็จะเป็นการขวางทางเดินผ่านไปผ่านมา เวลาของภาพยนต์ที่กำล
“มาส่งดอกไม้ให้กับคุณภัคธีมาครับ”พนักงานส่งของบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางกวาดสายตามองหาเจ้าของชื่อว่าจะมีใครออกมารับหรือไม่จากการที่ดูแล้วทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างพากันก้มหน้าก้มตายุ่งงานของตัวเอง“วันนี้ดอกไม้ก็มาอีกหนึ่งช่อใหญ่ ๆ เหมือนเคย” เพื่อนร่วมงานของภัคธีมากลายเป็นคนรับดอกไม้จำเป็นเสียแล้ว เท่าที่นับได้อาทิตย์นี้เป็นช่อที่สามเห็นจะได้แล้ว“พี่เดียร์ได้รับดอกไม้อีกแล้ว”“วันนี้มีข้อความว่ายังไงบ้าง”เพรื่อนร่วมงานถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เพราะเรื่องราวเจ้าของรีสอร์ตหนุ่มกำลังตามจีบมัณฑนากรสาวคนแก่งของที่นี่กระจายไปทั่งบริษัท“ตอบไลน์พี่หน่อย จะดองไว้นานแค่ไหนคนดี”หลังจากเสียงอ่านข้อความในกระดาษการ์ดที่แนบมาด้วยจบทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้นพากันหวีดไม่น้อยกับประโยคที่ว่ามา“นี่ขิง เอาไปให้พี่เดียร์ที” คนที่เพิ่งจะรับของมาเมื่อครู่สอดกระดาษการ์ดใบเล็กเอาไว้ที่เดิมก่อนจะส่งให้ผู้ช่วยของหญองสาวก่อนจะเดินตรงเอาช่อดอกไม้แสนสวยไปให้กับภัคธีมาที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องของตัวเอง ในระหว่างทางที่กำลังจะเอาของไปให้นั้นก็เดินสวนกันกับเ
เตชินท์นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานนิ้วมือของเขาเคาะเข้ากับโต๊ะเบา ๆ ราวกับกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่ สายตาคมที่คิดว่าเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างแต่กลับจับจ้องไปยังรูปภาพที่อยู่บนหน้าจอ แล็ปท๊อปขนาดใหญ่ที่มีชายหนุ่มกับสาวสวยอีกหนึ่งคนกำลังยืนหวานชื่นท่ามกลางความงดงามของฝรั่งเศษ ก่อนจะลบมันออกจากเครื่องราวกับว่าไม่ต้องการที่จะเห็นมันอีกครั้ง ไม่ว่าภาพหวานชื่นเหล่านั้นจะมีสักเท่าไหร่ชายหนุ่มก็จัดการลบมันออกให้หมดลบมันออกจากหัวใจเพราะเขาเกลียดผู้หญิงทรยศคนนี้เหลือเกินระหว่างที่เขากำลังลบรูปภาพ อยู่ก็เห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตากับใบหน้าสวยหวานออกไปทางคมเล็กน้อยตามแบบฉบับราวกับสาวลูกครึ่ง รอยยิ้มที่ชวนหลงไหลไปกับสดใสตามวัยของเธอเมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าจะมาหลายปีก็ตามรอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ยังเหมือนเคยแต่อาจจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาภัคธีมาต้องไม่ได้เจอกันมาหลายปี ครั้งนี้เขาตั้งใจกลับมาพบเธออีกครั้ง สายตาคมเข้มมองงานที่ภัคธีมาส่งมาให้เขาตรวจเช็คอีกครั้งก่อนจะพาเธอเข้าไปดูสถานที่จริงเป็นครั้งที่สอง“คุณเตครับ คุณเดียร์ส่งแบบมาให้คุณเตมาส
“พี่ฝากงานพวกนี้ด้วยนะ ถ้าสงสัยอะไรไม่เข้าใจยังไงถามพี่ได้ตลอด”ภัคธีมามอบงานให้น้อง ๆ ในทีมที่ทำงานร่วมกับเธอ พร้อมทั้งอธิบายในเนื้องานต่าง ๆ มันเป็นแบบไหนต้องทำอย่างไรกับงานชิ้นนั้น ๆ เธอเชื่อว่าตะวันวาดและคนในทีมจะช่วยกันทำให้ดีที่สุด ส่วนของเธอก็ต้องออกมาดีที่สุดเช่นกัน“ได้เลยค่ะพี่เดียร์ พวกเราจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”“ขอบใจจ้ะ”หลังจากที่น้อง ๆ และเพื่อนรับปากว่าจะทำงานต่อจากเธอตามคำสั่งของบอสเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กที่งานล้นมือจนแทบจะทำไม่ทัน กลับมาทำงานของตัวเองที่ต้องปรับแก้อีกมากมายหลายเพราะเธอเองก็อยากจะจัดการงานชิ้นนี้ให้เรียบร้อยก่อนกำหนดเช่นเดียวกัน“พี่เดียร์งานของคุณเตชินท์พี่จะส่งให้เขาดูเมื่อไหร่เหรอ” ผู้ช่วยอีกคนของเธอถามอย่างสงสัย เพราะน้อยครั้งที่เห็นรุ่นพี่ของตนทำหน้าเคร่งเครียดกับงานแบบศีรษะเล็กเอียงลงเล็กน้อยพร้อมท้าวกับมือแบบชิดแก้มนุ่ม มืออีกข้างเคาะเข้ากับโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด เมื่อน้องร่วมงานพูดถึงงานที่เธอเพิ่งจะส่งเมล์ไปเมื่อสองวันก่อน แต่ผลตอบรับทำเอาเธอถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่“ส่งไปแล้ว”“เป็นไงบ้างคะ ผ่านไหม” คนถามลุ้นกับคำตอบที่จะได้ ๆ ไม่น้อย“ทางนั้น
ท่ามกลางเมืองที่แสนวุ่นวายของผู้คนทำงานเช่นเดียวกันกับตะวันวาดที่กำลังว้าวุ่นใจที่มองซ้ายแลขวาไม่พบเพื่อนร่วมงานคนเก่งของตนมาถึงออฟฟิศเสียที เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญเสียด้วย อีกอย่างหญิงสาวเป็นคนที่ตรงเวลาเอามาก ๆ ไม่เคยมาสายแม้แต่ครั้งเดียว แต่นี่อะไรกันสายไปหลายนาทีแล้ว ยังติดต่อภัคธีมาไม่ได้แม้แต่สายเดียว“ฮัลโหลยัยเดียร์แกอยู่ที่ไหนเนี่ย”น้ำเสียงของตะวันวาดกระวนกระวายไม่น้อย เพราะเพื่อนของเธอยังมาไม่ถึงเสียที อีกอย่างสาวเจ้าปลายสายต้องมาพรีเซ็นต์โพรเจกต์งานออกแบบให้กับลูกค้าที่เจาะจงมายังทีมของตนโดยเฉพาะ ถ้าเป็นทีมอื่นจะไม่ทำกับทางบริษัทนี้งานนี้เป็นงานใหญ่ที่ไม่อยากให้เสียหายทางตะวันวาดเลยกระวนกระวายใจไม่น้อยที่กลัวเพื่อนจะมาไม่ทัน“จะถึงแล้ว รอฉันอีกสิบนาทีนะตะวัน”ภัคธีมารับสายแล้วรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกดวางสายและยัดโทรศัพท์มือถือกลับเข้าทีเดิม สองขาเรียวสวยรีบสาวเท้าเข้าอาคารตรงไปยังลิฟต์เพื่อไปยังที่หมายให้เร็วที่สุด เพราะเธอไม่อยากให้ลูกค้าต้องรอนาน แต่วันนั้นถค่อนข้างติดเพราะเกิดอุบัติเหตุใหญ่บนท้องถนน ทำให้เธอต้องเรียกวินมอเตอร์ไซค?มารับที่คอนโดมิเนียมที่หญิงสาวพัก