ชีวิตการทำงานที่แสนราบเรียบของภัคธีมาดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่แล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่ทุกคนเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับเตชินท์ลูกค้ารายใหญ่ของทางบริษัท เหมือนมีบางอย่างที่ผิดปกเกี่ยวกับอารมณ์ของมัณฑนากรสาวที่ช่วงหลัง ๆ อารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
“ทุกคนเดียร์ซื้อชานมไข่มุกหวานน้อยมาฝากค่ะทุกคน”
คนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาภายออฟฟิศหลังจากที่เธอออกไปคุยงานกับลูกค้าอีกคนหนึ่งมาและระหว่างทางที่ขับรถกลับออฟฟิศนั้นเกิดอยากจะกินชานมไข่มุกของร้านที่อยู่ข้างล่างเข้าพอดี
ในจังหวะที่คนตัวเล็กกำลังจะสั่งคนที่เพิ่งแยกออกมาจะเธอเมื่อช่วงเช้สตรู่เดินเข้ามาหาพร้อมทั้งจ่ายค่าเครื่องดื่มอีกทั้งยังสั่งเผื่อพนักงานคนอื่น ๆ อีกหลายสิบแก้วให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆ
ก่อนที่เตชินท์จะเดินจากไปเธอถามเขาว่ามมาจ่ายค่าเครื่องดื่มพวกนี้ให้เธอทำไมกัน
เขาบอกเธอแค่ว่า ‘จ่ายเงินให้เมียมันผิดตรงไหน’ คำพูดของเขาทำเอาเธอนิ่งเงียบไม่สามารถตอบโต้อะไรเขาได้เลย เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมามันคือเรื่องจริง
“วันนี้ฝนจะตกไหมเนี่ย“
“นั่นสิ พักหลัง ๆ พี่เดียร์ของเราอารมร์ดีจนมีพิรุธนะเนี่ย”
เพื่อนร่วมงานต่างพากันสงสัยมิวายเอ่ยแซวหญิงสาวเพราะช่วงพีกหลัง ๆ ไม่ว่าจะเจอเรื่องราวหนักหนากัสหรืองานเยอะล้นมือมากมายเพียงใด ก็ยังพบรอยยิ้มที่สุดแสนจะสู้กับทุกสิ่งเสมอ แต่วันนี้หญิงสาวที่อารมณ์ดีผิดปกติ
“อารมณ์ดีอะไร มันก็ปกติ พี่ก็ซื้อมาเลี้ยงทุกคนออกจะบ่อย”
เธอตอบพลางจะเดินผ่านเพื่อนร่วมงานในทีมของตนกลับเข้าไปยังห้องทำงานของตนที่ขนาดไม่ใหญ่มากนักแต่ก็ตองหยุดชะงักกับประโยคสนทนาต่อมา “ใช่พี่ค่ะ พี่เดียร์เลี้ยงบ่อย แต่ไม่ได้เลี้ยงเยอะแทบจะทั้งบริษัทอะไรขนาดนี้นี่น่า ยังไงขอบคุณนะคะที่ซื้อชานมมาเลี้ยงพวกเราวันนี้”
เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องคนหนึ่งเอ่ยขึ้น แน่นอนว่าคนอื่น ๆ ต่างพากันขอบคุณในความมีน้ำใจของคนตรงหน้า
“ไม่เป็นไรค่ะ ทานให้อร่อยนะคะทุกคน”
“พี่เดียร์ไปได้เลขเด็ดอะไรมาหรือเปล่าคะเนี่ย”
“ไม่หรอกมีคนเลี้ยงอีกที” ภัคธีมาตอบกลับในจังวหะที่ตนกลับหลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่กับตัวเองก็ต้องชะงัก
“มีคนเลี้ยงใครอะ แอบคบใครอยู่หรือเปล่า” ครานี้เป็นเสียงของตะวันวาดที่ถามเพื่อนน้ำเสียงเย้าหยอกคนตรงหน้าตามนิสัยของตน
“บ้าน่ะ จะมีที่ไหนวัน ๆ ทำแต่งานออกไปเจอลูกค้าเอาเวลาไหนหาแฟนเล่า” ตอบปัดๆไปเพื่อไม่ให้สงสัยพลอยหลบสายตาหลายคู่ที่จ้องเธอราวกับจับผิดเสียอย่างนั้น
“แน่นะว่าไม่มีอะไรปิดบังฉันน่ะยัยเดียร์”
“กินไปเถอะน่า”
บทสนทนาเงียบหายไปครู่หนึ่งเพราะต่างคนต่างพากกันดื่มชานมไข่มุกแก้วของตนเอง แต่มีอยู่หนึ่งคนที่ที่กินแก้วของตัวเองไป พลางมองหน้าของภัคธีมาไปราวกับว่ามีเรื่องคับแคลงใจและสงสัยอยู่ไม่น้อย แต่ไม่รู้ว่าจะถามออกมาดึหรือไม่ นั่นก็คือ ณัฐนรีสาวผมสั้นสีผมสีเทาอ่อนความยาวประบ่าที่มีทั้งความสวยหล่อนเป็นคนที่ชอบลุยแต่มีความอ่อนโยนอยู่ในตัว
“มีอะไรหรือเปล่าณัฐเห็นมองหน้าเรานานสองนาน”
“ณัฐมีเรื่องอยากจะถามเดียร์เหรอ” ผู้ถูกถามมองหน้าอย่างสงสัยที่คนตรงหน้ามองเธออยู่นานสองนาน แต่อันที่จริงมองมาหลายวันแล้ว เหมือนอยากจะถามอะไรบางอย่างแต่ไม่กล้าถามเสียที
“เมื่ออาทิตย์ก่อนเดียร์ไปดูหนังรอบดึกกับใครมาเหรอ”
สิ้นเสียงของณัฐนรีที่เอ่ยประโยคนั้นออกมาทำเอาเหล่าสาว ๆ ที่อยู่ด้วยกันถึงกับหันหน้ามองภัคธีมาเป็นทางเดียวกัน ทำเอาเจ้าตัวถึงกับสะดุ้งกับคำถามและสายตาที่มองมาทางเธอราวกับอยากรู้เรื่องราวที่พูดขึ้นมา
“ณัฐตาฝาดหรือเปล่า เดียร์นี่นะจะไปดูหนัง” เธอรีบบ่ายเบี่ยงหลีกเลียงที่จะตอบคำคนตรงหน้าด้วยหาหลุดขึ้นมามันคงไม่ดีแน่
“ไม่ฝาดหรอกวันนั้นณัฐไปดูหนังกับแฟนมาเหมือนกัน น่าจะเป็นตอนที่เดียร์เดินสวนเข้าไปแล้วไม่ทันได้มองมั้ง”
ด้วยความที่ว่าผ่านมาเกือบจะสัปดาห์เข้ามาแล้วความทรงจำมันย่อมเลือนลางและจำไม่ได้เป็นธรรมดา ใบหน้าครุ่นคิดราวกับว่าคุ้นเคยกับผู้ชายที่อยู่กับภัคธีมาวันนั้น
ทำเอาคนตัวเล็กเลิกลั่กดูดน้ำจากแก้วแก้เก้อไปพลาง ๆ ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงแต่ทว่ายังไม่ทันที่หญิงสาวจะเอ่ยอะไรขึ้นมา ประโยคถัดมาที่
ณัฐนรีพูดขึ้นถึงขั้นสำลักน้ำ“ผู้ชายคนนั้นเหมือนคุณเตลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเราเลย”
“จริงเหรอ”
หลายเสียงเอ่ยขึ้นประสานขึ้นอย่างตกใจเสียอย่างแรงหลังจากที่ได้ยินชื่อ ไม่คิดว่าจะเป็นคนนี้เสียด้วยซ้ำ
“คุณเตเหรอ” เสียงของภัคธีมาแผ่วเบาราวกับละเมอชื่อของชายหนุ่มคนรักของตน ไม่คิดว่าวันนั้นณัฐนรีจะอยู่ที่นั้นด้วย
“ใช่ฉันเห็นผู้ชายคนที่เดียร์ไปดูหนังด้วยเป็นคุณเต”
“แกคบกับคุณเตใช่ไหมเดียร์”ครานี้เป็นตะวันวาดเพื่อนสนิทถามอย่างอยากรู้แววตาเป็นประกายราวกับว่าชอบใจและปลื้มใจก็ไม่ปาน
“เอ่อ...”
ในตอนนี้ภัคธีมาเหมือนคนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องส่วนตัวก็ตาม แต่ถามและจ้องกันขนาดนี้จะตอบว่าอย่างไรดีล่ะ ว่าเธอกำลังคบหาอยู่กับเตชินท์ซึ่งเป็นเพื่อนของพี่ชายและเป็นลูกค้ารายใหญ่ของที่นี่อีกด้วย
“ครับผู้ชายคนนั้นคือผมเอง”
ไม่ใช่เสียงใครที่ไหนนอกเสียจากเสียงของเตชินท์ที่เดินเข้ามาภายในบริษัทอย่างคุ้นเคยราวกับเป็นที่ของตนเสียอย่างนั้น
“พี่เต” ภัคธีมาหันมองไปตามเสียงทำเอาดวงตตากลมโตเบิกโพลงในทันที เป็นเขาจริง ๆ ด้วยเธอไม่ได้ตาฝาด เธอคิดว่าเขากลับไปตั้งแต่แยกกันตอนอยู่ข้างล่างแล้วเสียอีก
“คุณเตกำลังคบกับเดียร์เหรอคะ”
ตะวันวาดถามอย่างสงสัยเพราะคนอื่น ๆ ก็สงสัยอะไรไม่ต่างจากตน อีกอย่างคิดไม่ถึงเสียมากกว่าว่าเขาจะย้อนกลับมาที่นี่ ทั้ง ๆ ที่ตกลงกันแล้วว่าจะกลับไปเจอกันที่บ้านของเขาหรือไม่ก็คอนโดมิเนียมของเธอ
“ไหนว่าจะเจอกันหลังเลิกงานไงคะ” เธอขยับมาหาชายหนุ่มที่เดินเข้ามายืนอยู่ข้าง ๆ ตนก่อนที่จะเอียงศีรษะเข้าหาเขากระซิบเบา ๆ ให้ได้ยินเพียงสองคน
“พี่ซื้อของกินมาฝากเพื่อนของเดียร์ แล้วก็แวะมาคุยงานกับคุณธีรัตม์เข้าด้วย”
หลังจากที่ได้ฟังก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจ โดยที่ไม่ตอบอะไรชายหนุ่มให้คนอื่น ๆ สงสัยไปมากกว่านี้
“พี่เตแวะมาคุยกับงานใช่ไหมคะ ตอนนี้พี่ธีร์อยู่ในห้องค่ะ” เธอบอกเขาและเผลอเรียกสรรพนามที่คุ้นเคยกันในยามที่อยู่กันสองต่อสองเท่านั้น ชายหนุ่มไม่ตอบอะไรนอกเสียจากพยักหน้ารับอย่างยิ้ม ๆ ก่อนที่จะเดินตรงไปยังห้องทำงานของธีรัตม์ ลับหลังร่างสูงโปร่งที่ดูสง่างามเป็นที่หมายตาของสาว ๆ หลายคนรวมทั้งคนที่อยู่ในที่นี่ด้วย เหล่าสาว ๆ เพื่อนร่วมงานของภัคธีมาชะเง้อคอมองดูเพื่อความแน่ใจว่าเขาเข้าไปข้างในแล้วจริง ๆ ก่อนที่จะหันมามองคนตัวเล็กที่ยืนดูดชานมไข่มุกทำปากแข็งไม่ยอมตอบคำถามพวกตนอีกครั้ง
“ยังไง ไหนยังไงว่ามาสิแม่คนปากแข็ง” ตะวันวาดท้าวเอวมองภัคธีมาราวกับจะจะคาดคั้นเอาความจริง ท่าทางนั้นกลับไม่ได้จริงจังแม้แต่นิดเดียวมันจะติดไปทางหยอกล้อกับเพื่อนเสียมากกว่า
“นั่นสิว่ายังไง” คนอื่น ๆ ต่างอยากรู้ในความสัมพันธ์ของคนที่ไม่เคยเปิดใจให้กับผู้ชายคนไหน หรือมีคนมาจีบสาวเจ้าก็ตัดสัมพันธ์เสียทุกคน แต่ว่าไม่ใช่กับคนนี้
“อือ ๆ ตอบก็ได้ เดียร์กำลังคบกับพี่เตอยู่ แต่ไม่ต้องถามนะว่าไปคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะเดียร์ก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกัน”
คนที่ถูกเพื่อนรบเร้าเรื่องคนรักอยู่นานสองนานจำเป็นต้องบอกในสถานะของตนกับเตชินท์ให้ได้รู้ อันที่จริงเธอไม่อยากจะปิดบังอะไรกับทุกคน แต่เพียงแค่ว่าของให้มั่นใจมากกว่านี้ก่อนถึงจะเปิดตัวกัน หลังจากที่เธอพูดจบประโยคที่แสนยาวเหยียดของตนจบก็รีบผละเดินเลี่ยงเข้าห้องทำงานของตัวเองทันที เพราะถ้าหากอยู่นานกว่านี้เหล่าเพื่อนร่วมงานก็จะถามกันไม่หยุดเป็นแน่
เวลาล่วงเลยผ่านไปหลายต่อหลายเดือนความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวเป็นไปในทางที่ดี ถึงแม้ว่าจะมีทะเลาะกันบ้างก็ตามประสาของคนรัก แต่คนส่วนใหญ่ทั้งในบริษัทของเตชินท์และภัคธีมาต่างรู้ว่าทั้งสองคนกำลังคบกันอยู่ ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเปิดตัวกันได้ไม่นาน หลายคนต่างเห็นว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมอยากทั้งสอง
จนอยากให้ทั้งสองแต่งงานกัน เช่นเดียวกันกับคุณย่าของภัคธีมาที่เห็นเด็กทั้งสองคนนี้อยู่ในสายตาของคุณย่าอ่อนศรี เช่นเดียวกับตอนนี้ที่เตชินท์มักจะมาเยี่ยมเยียนนางที่อาศัยอยู่ที่บ้านของหลานชายที่ตอนนี้ไปทำงานอยู่ต่างที่ยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับ
“คุณเตหอบของมาเยอะแยะอีกแล้วค่ะคุณย่า” น้อยแม่บ้านคนที่คอยดูแลอ่อนศรีมานานในระหว่างที่หลานชายและหลานสาวไปทำงาน เพราะด้วยความกลัวว่าจะเกิดอันตรายในยามที่อยู่คนเดียว
“สวัสดีครับคุณย่า” เตชินท์เดินถือของพะรุงพะรังเข้ามาภายในบ้านตรงที่อ่อนศรีและน้อยทีกำลังนั่งคุยกันอยู่
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะน่ะพ่อคุณ ย่าบอกแล้วไงว่าไม่ต้องซื้อมา” นางบอกอย่างเกรงใจเพราะคนรุ่นราวคราวหลานมาครั้งใดมักมีของติดไม่ติดมือมาตลอด ทั้งที่มาเยี่ยมตนหรือตอนที่มาหาหลานสาวในช่วงวันเสาร์อาทิตย์
“ไม่เป็นไรครับคุณย่า ผมเต็มใจวันนี้ผมซื้อของบำรุงมาให้คุณย่าด้วยครับ” ว่าแล้วชายหนุ่มก็กำลังจะเดินเอาของเข้าไปวางไว้ให้อย่าอ่อนศรีกับน้อยในบ้านแต่ก็ถูกน้อยยื่นมือมารับของขากเข้าไปอยู่ในมือของตนแทน
“ขอบคุณครับย่าน้อย”
“ไม่เป็นไรค่ะ มันเป็นหน้าที่ของน้อยอยู่แล้ว คุณเตนั่งคุณกับคุณย่ารอคุณเดียร์ดีกว่าค่ะ”
แต่ก็ถูกน้อยเอ่ยขึ้นเสียก่อนบอกว่ามันเป็นหน้าที่ของตนให้เตชินท์นั่งคุยกับคุณย่าระหว่างที่รอภัคธีมาลงมาจากห้องของตน เท่าที่นางรู้
หญิงสาวมักจะนอนดึกอยู่เสมอเพราะด้วยความที่งานของหญิงสาวนั้นล้นมือไม่ว่าหยุดเสาร์อาทิตย์มักจะเห็นหอบงานกลับมาทำที่บ้านตลอดไม่คอยมีเวลาออกไปเที่ยวไหนเหมือนคนอื่น ๆ ด้วยความที่วัน ๆ ทำแต่งาน“ทำไมป้ารู้ล่ะครับว่าผมจะถามหาเดียร์” ชายหนุ่มถามยิ้ม ๆ
“ก็ป้ารู้นี่ค่ะ เพราะคุณเตมาหาบ้านทีไรมักจะถามหาคุณเดียร์ตลอด ผิดกับเมื่อก่อนที่มาหาคุณกร”
“ก็ตอนนี่ไอ้กรไม่อยู่ ผมก็มาหาเดียร์สิครับ”
“ตั้งแต่มาบอกกับย่าว่าคบกันก็เทียวมาหาย่าบ่อยกว่าเมื่อก่อน” นางพูดดยิ้ม ๆ ด้วยความเอ็นดูคนที่เปรียบเหมือนหลานชายอีกคนหนึ่ง
“เมื่อก่อนงานผมยุ่งมากเลยครับย่า แล้วอีกอย่างผมเตรียมที่จะเปิดรีสอร์ตใหม่ด้วยครับเลยไม่ค่อยมีเวลา อีกอย่างนะครับห้องพักที่รีสอร์ตใหม่ทั้งหมดของผมเดียร์เป็นคนออกแบบ รวมทั้งบ้านใหม่ด้วยครับ” ชายหนุ่มบอกอย่างยาวเหยียดเพราะมาหลายที่มาก็ไม่มีโอกาสได้คุยเพราะมาด้วยความเร่งรีบ อีกอย่างในยามที่เขาจะพูดเรื่องงานทีไรมักจะชอบลืมอยู่บ่อนครั้ง หรือไม่ก็มีงานเข้ามาอยู่ตลอด
“จริงเหรอยัยเดียร์ทำงานให้เราด้วยเหรอ”
“ครับคุณย่า น้องออกแบบงานออกมาสวยได้ถูกใจมากเลยครับ” ชายหนุ่มชุมหญิงสาวด้วยรอยยิ้มอย่างภูมิใจในตัวของภัคธีมา ถึงแม้ว่าในตอนแรกเขามักจะให้เธอแก้งานใหม่อยู่ตลอด ทั้งที่งานจริงของเธอทั้งสวยและมีคุณภาพไม่ว่าจะงานไหนและงานของใคร
“กว่าพี่เตจะให้งานเดียร์ผ่านก็ใช้เวลาไปนานเหมือนกันนะคะคุณย่า”
“นานขนาดนั้นเลยเหรอลูก”
“ใช่ค่ะ พี่เตเขาแกล้งเดียร์ให้แก้ใหม่ใช้เวลาหลายเดือนเลยเดียร์เหนื่อยจะแย่” คนตัวเล็กที่เพิ่งลงมาจากห้องนอนของตนเองมาได้ยินคำพูดของแฟนหนุ่มเข้าพอดีจึงรีบฟ้องผู้เป็นย่าทันที ทั้งภัคธีมา เตชินท์และอ่อนศรีนั่งคุยเรื่องสรรพเพเหระไปเรื่อย ๆ ด้วยความสนุกสนานที่นาน ๆ จะได้หัวเราะได้เต้มเสียงบ้าง
แต่แล้วก็ต้องตกใจและหันมองหน้ากันอย่างไม่เชื่อหูของตนในประโชคของเตชินท์
“ผมยากแต่งงานกับเดียร์”
ชายหนุ่มแจ้งความประสงค์ความต้องการของตัวเองว่าอยากแต่งงานกับภัคธีมา ทำเอาหญิงสาวมองหน้าเขาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าจะมาพูดต่อหน้าย่าของเธอ ก่อนหน้านี้เขามีเปรย ๆ ไว้บ้างว่าอยากกแต่งงาน แต่ด้วยความที่ภัคธีมาเองยังไม่พร้อมและไม่ได้ให้คำตอบกับเขา
“พี่เต พูดอะไรของพี่คะเนี่ย”
“พี่พูดจริง พี่อยากแต่งงานกับเดียร์ แต่พี่รู้ว่าเดียร์ยังไม่พร้อมเราหมั้นกันไว้ก่อนก็ได้”
เตชินท์เอ่ยกับคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแสดงถึงความจริงใจคำพูดของตัวเอง ราวกับจะให้คุณย่าศรีอ่อนเป็นพยานขออนุญาติผู้หลักผู้ใหญ่
บทสนทนาของทั้งสามคนที่นั่งคุยกันย่างเป็นกันเองอย่างสนุกสนาน ผู้มาใหม่ได้ยินเข้าเต็มสองหู ทำเอาในใจของเขาเต็มไปด้วยความกังวลเป็นอย่างมาก ไม่รู้ทำไมเพราะเหตุใดเขาถึงเป็นแบบนี้
เขารู้สึกเป็นห่วงน้องสาวของตัวเองเหลือเกินกับสิ่งที่เขาบังเอิญได้ยินเมื่อครู่นี้
“กรทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ”น้ำเสียงหวานละมุนของใครบางคนดังมาแต่ไกล เจ้าหล่อนเห็นคนรักของตัวเองเดินมาหยุดที่ประตูหน้าบ้านเป็นเวลานานสองนาน ไม่ยอมเดินเข้าไปสักทีตนจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปถามไกล ๆ แต่เสียงสนทนาของคนที่อยู่ด้านในนั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน‘ทำไมเสียงมันคุ้น ๆ อะไรแบบนี้ง’“เปล่าหรอกไม่มีอะไร” ธนินหันไปตอบแฟนสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ให้ผิดสังเกตว่าตนกำลังคิดเรื่องราวบางอย่างจึงรีบบอกปัดออกไป“งั้นเข้าไปหาคุณย่าดีกว่า เหมือนชมได้ยินเสียงของน้องเดียร์น่าจะอยู่ข้างในกับคุณย่าเหมือนกัน” ชลิตาแฟนสาวของธนินพูดขึ้นพร้อมทั้งเดินนำหน้าเข้าไปในบ้านพร้อมทั้งยกมือทักทายย่าอ่อนศรี“สวัสดีค่ะย่า น้องเดียร์”เสียงทักทายของผู้มาใหม่ทำเอาบทสนทนาที่กำลังสนุกคึกครื้นเมื่อครู่นี้เงียบลง ทั้งสามคนพร้อมใจกันหันไปมองตามเสียง แต่ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้จะมีหนึ่งคนที่นิ่งอึ้งไม่พูดอะไร“พี่กร พี่ชม กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะทำไมไม่โทรบอกจะได้ไปรับ”“พี่อยากจะเซอร์ไพร์ทน้องเดียร์ด้วย”คนตัวเล็กฟังแล้วพยักหน้ารับยิ้ม ๆ“สวัส
“วันนี้ใครมาคุณเตมารับหรือเปล่าน่ะเดียร์” เสียงของเพื่อนร่วมงานถามอย่างเป็นปกติโดยที่ไม่มีอะไรพิเศษ มันเป็นประโยคที่แสนจะเรียบง่ายก็ตาม แต่มันก็ชินเสียแล้วสำหรับภัคธีมา“วันนี้กลับเองพอดีพี่เตมีประชุมน่ะ” เธอตอบกลับยิ้ม ๆ“งั้นดีเลย คุณเตไม่มางั้นเราไปหาอะไรกินกันมั้ย”ภัคธีมานิ่งราวกับคิดอยู่ครู่ว่ามีงานค้างหรืออะไรที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จหรือเปล่า แต่เมื่อทุกิย่างไม่ได้เยอะแยะมากมายอะไรเธอจึงพยักหน้าตอบตกลง เพราะเธอเองหลังจากที่หมั้นกับเตชินท์ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนเลย วันหยุดก็อยู่แต่กับชายหนุ่มตั้งแต่เช้าจรดค่ำเรียกว่าตัวติดกันจนแทบจะเป็นปาท่องโก๋ก็ว่าได้“แน่นะว่าไปได้ ไม่ใช่ไปถึงร้านแล้วคุณเตชินท์สุดหล่อของเธอโทรฯหาอีกล่ะ” ตะวันวาดแซวเพื่อนยิ้ม ๆ เพราะมองเพื่อนแววตานั้นเต็มไปด้วยความรักเมื่อพูดถึงคู่หมั้นหนุ่มเพราะตะวันวาดเองเพิ่งรู้มาจากเพื่อนว่าเตชินท์เป็นรักแรกของเธอตั้งแต่สมัยเด็กแต่ด้วยความต่างอะไรหลาย ๆ อย่างเลยไม่อาจบอกไป และจำได้ช่วงตอนมัธยมเหมือยอีกฝ่ายจะมีคนรักที่กำลังคบกันอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าใคร ทำได้เพียงแค่แอบมองอยู
ท่ามกลางเมืองที่แสนวุ่นวายของผู้คนทำงานเช่นเดียวกันกับตะวันวาดที่กำลังว้าวุ่นใจที่มองซ้ายแลขวาไม่พบเพื่อนร่วมงานคนเก่งของตนมาถึงออฟฟิศเสียที เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญเสียด้วย อีกอย่างหญิงสาวเป็นคนที่ตรงเวลาเอามาก ๆ ไม่เคยมาสายแม้แต่ครั้งเดียว แต่นี่อะไรกันสายไปหลายนาทีแล้ว ยังติดต่อภัคธีมาไม่ได้แม้แต่สายเดียว“ฮัลโหลยัยเดียร์แกอยู่ที่ไหนเนี่ย”น้ำเสียงของตะวันวาดกระวนกระวายไม่น้อย เพราะเพื่อนของเธอยังมาไม่ถึงเสียที อีกอย่างสาวเจ้าปลายสายต้องมาพรีเซ็นต์โพรเจกต์งานออกแบบให้กับลูกค้าที่เจาะจงมายังทีมของตนโดยเฉพาะ ถ้าเป็นทีมอื่นจะไม่ทำกับทางบริษัทนี้งานนี้เป็นงานใหญ่ที่ไม่อยากให้เสียหายทางตะวันวาดเลยกระวนกระวายใจไม่น้อยที่กลัวเพื่อนจะมาไม่ทัน“จะถึงแล้ว รอฉันอีกสิบนาทีนะตะวัน”ภัคธีมารับสายแล้วรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกดวางสายและยัดโทรศัพท์มือถือกลับเข้าทีเดิม สองขาเรียวสวยรีบสาวเท้าเข้าอาคารตรงไปยังลิฟต์เพื่อไปยังที่หมายให้เร็วที่สุด เพราะเธอไม่อยากให้ลูกค้าต้องรอนาน แต่วันนั้นถค่อนข้างติดเพราะเกิดอุบัติเหตุใหญ่บนท้องถนน ทำให้เธอต้องเรียกวินมอเตอร์ไซค?มารับที่คอนโดมิเนียมที่หญิงสาวพัก
“พี่ฝากงานพวกนี้ด้วยนะ ถ้าสงสัยอะไรไม่เข้าใจยังไงถามพี่ได้ตลอด”ภัคธีมามอบงานให้น้อง ๆ ในทีมที่ทำงานร่วมกับเธอ พร้อมทั้งอธิบายในเนื้องานต่าง ๆ มันเป็นแบบไหนต้องทำอย่างไรกับงานชิ้นนั้น ๆ เธอเชื่อว่าตะวันวาดและคนในทีมจะช่วยกันทำให้ดีที่สุด ส่วนของเธอก็ต้องออกมาดีที่สุดเช่นกัน“ได้เลยค่ะพี่เดียร์ พวกเราจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”“ขอบใจจ้ะ”หลังจากที่น้อง ๆ และเพื่อนรับปากว่าจะทำงานต่อจากเธอตามคำสั่งของบอสเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กที่งานล้นมือจนแทบจะทำไม่ทัน กลับมาทำงานของตัวเองที่ต้องปรับแก้อีกมากมายหลายเพราะเธอเองก็อยากจะจัดการงานชิ้นนี้ให้เรียบร้อยก่อนกำหนดเช่นเดียวกัน“พี่เดียร์งานของคุณเตชินท์พี่จะส่งให้เขาดูเมื่อไหร่เหรอ” ผู้ช่วยอีกคนของเธอถามอย่างสงสัย เพราะน้อยครั้งที่เห็นรุ่นพี่ของตนทำหน้าเคร่งเครียดกับงานแบบศีรษะเล็กเอียงลงเล็กน้อยพร้อมท้าวกับมือแบบชิดแก้มนุ่ม มืออีกข้างเคาะเข้ากับโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด เมื่อน้องร่วมงานพูดถึงงานที่เธอเพิ่งจะส่งเมล์ไปเมื่อสองวันก่อน แต่ผลตอบรับทำเอาเธอถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่“ส่งไปแล้ว”“เป็นไงบ้างคะ ผ่านไหม” คนถามลุ้นกับคำตอบที่จะได้ ๆ ไม่น้อย“ทางนั้น
เตชินท์นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานนิ้วมือของเขาเคาะเข้ากับโต๊ะเบา ๆ ราวกับกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่ สายตาคมที่คิดว่าเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างแต่กลับจับจ้องไปยังรูปภาพที่อยู่บนหน้าจอ แล็ปท๊อปขนาดใหญ่ที่มีชายหนุ่มกับสาวสวยอีกหนึ่งคนกำลังยืนหวานชื่นท่ามกลางความงดงามของฝรั่งเศษ ก่อนจะลบมันออกจากเครื่องราวกับว่าไม่ต้องการที่จะเห็นมันอีกครั้ง ไม่ว่าภาพหวานชื่นเหล่านั้นจะมีสักเท่าไหร่ชายหนุ่มก็จัดการลบมันออกให้หมดลบมันออกจากหัวใจเพราะเขาเกลียดผู้หญิงทรยศคนนี้เหลือเกินระหว่างที่เขากำลังลบรูปภาพ อยู่ก็เห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตากับใบหน้าสวยหวานออกไปทางคมเล็กน้อยตามแบบฉบับราวกับสาวลูกครึ่ง รอยยิ้มที่ชวนหลงไหลไปกับสดใสตามวัยของเธอเมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าจะมาหลายปีก็ตามรอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ยังเหมือนเคยแต่อาจจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาภัคธีมาต้องไม่ได้เจอกันมาหลายปี ครั้งนี้เขาตั้งใจกลับมาพบเธออีกครั้ง สายตาคมเข้มมองงานที่ภัคธีมาส่งมาให้เขาตรวจเช็คอีกครั้งก่อนจะพาเธอเข้าไปดูสถานที่จริงเป็นครั้งที่สอง“คุณเตครับ คุณเดียร์ส่งแบบมาให้คุณเตมาส
“มาส่งดอกไม้ให้กับคุณภัคธีมาครับ”พนักงานส่งของบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางกวาดสายตามองหาเจ้าของชื่อว่าจะมีใครออกมารับหรือไม่จากการที่ดูแล้วทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างพากันก้มหน้าก้มตายุ่งงานของตัวเอง“วันนี้ดอกไม้ก็มาอีกหนึ่งช่อใหญ่ ๆ เหมือนเคย” เพื่อนร่วมงานของภัคธีมากลายเป็นคนรับดอกไม้จำเป็นเสียแล้ว เท่าที่นับได้อาทิตย์นี้เป็นช่อที่สามเห็นจะได้แล้ว“พี่เดียร์ได้รับดอกไม้อีกแล้ว”“วันนี้มีข้อความว่ายังไงบ้าง”เพรื่อนร่วมงานถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เพราะเรื่องราวเจ้าของรีสอร์ตหนุ่มกำลังตามจีบมัณฑนากรสาวคนแก่งของที่นี่กระจายไปทั่งบริษัท“ตอบไลน์พี่หน่อย จะดองไว้นานแค่ไหนคนดี”หลังจากเสียงอ่านข้อความในกระดาษการ์ดที่แนบมาด้วยจบทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้นพากันหวีดไม่น้อยกับประโยคที่ว่ามา“นี่ขิง เอาไปให้พี่เดียร์ที” คนที่เพิ่งจะรับของมาเมื่อครู่สอดกระดาษการ์ดใบเล็กเอาไว้ที่เดิมก่อนจะส่งให้ผู้ช่วยของหญองสาวก่อนจะเดินตรงเอาช่อดอกไม้แสนสวยไปให้กับภัคธีมาที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องของตัวเอง ในระหว่างทางที่กำลังจะเอาของไปให้นั้นก็เดินสวนกันกับเ
“ทำไมไม่มาดูตอนกลางวัน”เตชินท์เดินเคียงข้างกับภัคธีมาเข้ามาภายในโรงภาพยนตร์ เพื่อที่จะดูหนังรอบดึกกันสองต่อสอง เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาดูหนังกันเวลานี้“ก็ตอนกลางวันพี่เตกับเดียร์ก็ทำงานกันนี่คะ แล้วจะเอาเวลาไหนมาดู” คนตัวเล็กที่ถือถังป๊อปคอร์นกับแก้วน้ำยืนอยู่ตรงหน้า“กลางวันพี่ว่าง”“ก็พี่เป็นเจ้านายเขาจะทำงานก็ได้ไม่ทำก็ได้ แต่เดียร์เป็นลูกจ้างเขานะจะลาหยุดบ่อยก็ไม่ดี”“ลาหยุดไม่ดี งั้นลาออกจากงานมาพี่เลี้ยงเอง”“พูดเป็นเล่นน่าพี่เต” ประโยคเมื่อครู่นี้ทำเอาคนตัวเล็กตกตะลึงอยู่ไม่น้อย เพราะเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเธอ ส่วนมากก็แค่หยอกเท่านั้น แต่ที่ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันดูต่างออกไปเหลือเกิน“พี่พูดจริง”เตชินท์บอกพลางส่งสายตาหวานซึ้งให้หญิงสาวโยที่เจ้าตัวนั้นไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย ผิดกับภัคธีมาที่คอยมองซ้ายแลขวาราวกับกลัวว่าจะมีคนรู้จักมาเห็นเสียอย่างนั้น เธอจึงตัดสินใจจชวนชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาสีแดงที่อยู่ไม่ห่างมากนัก เพราะหากยืนอยู่ตรงนี้ก็จะเป็นการขวางทางเดินผ่านไปผ่านมา เวลาของภาพยนต์ที่กำล
“วันนี้ใครมาคุณเตมารับหรือเปล่าน่ะเดียร์” เสียงของเพื่อนร่วมงานถามอย่างเป็นปกติโดยที่ไม่มีอะไรพิเศษ มันเป็นประโยคที่แสนจะเรียบง่ายก็ตาม แต่มันก็ชินเสียแล้วสำหรับภัคธีมา“วันนี้กลับเองพอดีพี่เตมีประชุมน่ะ” เธอตอบกลับยิ้ม ๆ“งั้นดีเลย คุณเตไม่มางั้นเราไปหาอะไรกินกันมั้ย”ภัคธีมานิ่งราวกับคิดอยู่ครู่ว่ามีงานค้างหรืออะไรที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จหรือเปล่า แต่เมื่อทุกิย่างไม่ได้เยอะแยะมากมายอะไรเธอจึงพยักหน้าตอบตกลง เพราะเธอเองหลังจากที่หมั้นกับเตชินท์ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนเลย วันหยุดก็อยู่แต่กับชายหนุ่มตั้งแต่เช้าจรดค่ำเรียกว่าตัวติดกันจนแทบจะเป็นปาท่องโก๋ก็ว่าได้“แน่นะว่าไปได้ ไม่ใช่ไปถึงร้านแล้วคุณเตชินท์สุดหล่อของเธอโทรฯหาอีกล่ะ” ตะวันวาดแซวเพื่อนยิ้ม ๆ เพราะมองเพื่อนแววตานั้นเต็มไปด้วยความรักเมื่อพูดถึงคู่หมั้นหนุ่มเพราะตะวันวาดเองเพิ่งรู้มาจากเพื่อนว่าเตชินท์เป็นรักแรกของเธอตั้งแต่สมัยเด็กแต่ด้วยความต่างอะไรหลาย ๆ อย่างเลยไม่อาจบอกไป และจำได้ช่วงตอนมัธยมเหมือยอีกฝ่ายจะมีคนรักที่กำลังคบกันอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าใคร ทำได้เพียงแค่แอบมองอยู
“กรทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ”น้ำเสียงหวานละมุนของใครบางคนดังมาแต่ไกล เจ้าหล่อนเห็นคนรักของตัวเองเดินมาหยุดที่ประตูหน้าบ้านเป็นเวลานานสองนาน ไม่ยอมเดินเข้าไปสักทีตนจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปถามไกล ๆ แต่เสียงสนทนาของคนที่อยู่ด้านในนั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน‘ทำไมเสียงมันคุ้น ๆ อะไรแบบนี้ง’“เปล่าหรอกไม่มีอะไร” ธนินหันไปตอบแฟนสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ให้ผิดสังเกตว่าตนกำลังคิดเรื่องราวบางอย่างจึงรีบบอกปัดออกไป“งั้นเข้าไปหาคุณย่าดีกว่า เหมือนชมได้ยินเสียงของน้องเดียร์น่าจะอยู่ข้างในกับคุณย่าเหมือนกัน” ชลิตาแฟนสาวของธนินพูดขึ้นพร้อมทั้งเดินนำหน้าเข้าไปในบ้านพร้อมทั้งยกมือทักทายย่าอ่อนศรี“สวัสดีค่ะย่า น้องเดียร์”เสียงทักทายของผู้มาใหม่ทำเอาบทสนทนาที่กำลังสนุกคึกครื้นเมื่อครู่นี้เงียบลง ทั้งสามคนพร้อมใจกันหันไปมองตามเสียง แต่ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้จะมีหนึ่งคนที่นิ่งอึ้งไม่พูดอะไร“พี่กร พี่ชม กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะทำไมไม่โทรบอกจะได้ไปรับ”“พี่อยากจะเซอร์ไพร์ทน้องเดียร์ด้วย”คนตัวเล็กฟังแล้วพยักหน้ารับยิ้ม ๆ“สวัส
ชีวิตการทำงานที่แสนราบเรียบของภัคธีมาดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่แล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่ทุกคนเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับเตชินท์ลูกค้ารายใหญ่ของทางบริษัท เหมือนมีบางอย่างที่ผิดปกเกี่ยวกับอารมณ์ของมัณฑนากรสาวที่ช่วงหลัง ๆ อารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อนเสียอีก“ทุกคนเดียร์ซื้อชานมไข่มุกหวานน้อยมาฝากค่ะทุกคน”คนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาภายออฟฟิศหลังจากที่เธอออกไปคุยงานกับลูกค้าอีกคนหนึ่งมาและระหว่างทางที่ขับรถกลับออฟฟิศนั้นเกิดอยากจะกินชานมไข่มุกของร้านที่อยู่ข้างล่างเข้าพอดีในจังหวะที่คนตัวเล็กกำลังจะสั่งคนที่เพิ่งแยกออกมาจะเธอเมื่อช่วงเช้สตรู่เดินเข้ามาหาพร้อมทั้งจ่ายค่าเครื่องดื่มอีกทั้งยังสั่งเผื่อพนักงานคนอื่น ๆ อีกหลายสิบแก้วให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆก่อนที่เตชินท์จะเดินจากไปเธอถามเขาว่ามมาจ่ายค่าเครื่องดื่มพวกนี้ให้เธอทำไมกันเขาบอกเธอแค่ว่า ‘จ่ายเงินให้เมียมันผิดตรงไหน’ คำพูดของเขาทำเอาเธอนิ่งเงียบไม่สามารถตอบโต้อะไรเขาได้เลย เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมามันคือเรื่องจริง“วันนี้ฝนจะตกไหมเนี่ย““นั่นสิ พักหลัง ๆ
“ทำไมไม่มาดูตอนกลางวัน”เตชินท์เดินเคียงข้างกับภัคธีมาเข้ามาภายในโรงภาพยนตร์ เพื่อที่จะดูหนังรอบดึกกันสองต่อสอง เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาดูหนังกันเวลานี้“ก็ตอนกลางวันพี่เตกับเดียร์ก็ทำงานกันนี่คะ แล้วจะเอาเวลาไหนมาดู” คนตัวเล็กที่ถือถังป๊อปคอร์นกับแก้วน้ำยืนอยู่ตรงหน้า“กลางวันพี่ว่าง”“ก็พี่เป็นเจ้านายเขาจะทำงานก็ได้ไม่ทำก็ได้ แต่เดียร์เป็นลูกจ้างเขานะจะลาหยุดบ่อยก็ไม่ดี”“ลาหยุดไม่ดี งั้นลาออกจากงานมาพี่เลี้ยงเอง”“พูดเป็นเล่นน่าพี่เต” ประโยคเมื่อครู่นี้ทำเอาคนตัวเล็กตกตะลึงอยู่ไม่น้อย เพราะเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเธอ ส่วนมากก็แค่หยอกเท่านั้น แต่ที่ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันดูต่างออกไปเหลือเกิน“พี่พูดจริง”เตชินท์บอกพลางส่งสายตาหวานซึ้งให้หญิงสาวโยที่เจ้าตัวนั้นไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย ผิดกับภัคธีมาที่คอยมองซ้ายแลขวาราวกับกลัวว่าจะมีคนรู้จักมาเห็นเสียอย่างนั้น เธอจึงตัดสินใจจชวนชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาสีแดงที่อยู่ไม่ห่างมากนัก เพราะหากยืนอยู่ตรงนี้ก็จะเป็นการขวางทางเดินผ่านไปผ่านมา เวลาของภาพยนต์ที่กำล
“มาส่งดอกไม้ให้กับคุณภัคธีมาครับ”พนักงานส่งของบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางกวาดสายตามองหาเจ้าของชื่อว่าจะมีใครออกมารับหรือไม่จากการที่ดูแล้วทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างพากันก้มหน้าก้มตายุ่งงานของตัวเอง“วันนี้ดอกไม้ก็มาอีกหนึ่งช่อใหญ่ ๆ เหมือนเคย” เพื่อนร่วมงานของภัคธีมากลายเป็นคนรับดอกไม้จำเป็นเสียแล้ว เท่าที่นับได้อาทิตย์นี้เป็นช่อที่สามเห็นจะได้แล้ว“พี่เดียร์ได้รับดอกไม้อีกแล้ว”“วันนี้มีข้อความว่ายังไงบ้าง”เพรื่อนร่วมงานถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เพราะเรื่องราวเจ้าของรีสอร์ตหนุ่มกำลังตามจีบมัณฑนากรสาวคนแก่งของที่นี่กระจายไปทั่งบริษัท“ตอบไลน์พี่หน่อย จะดองไว้นานแค่ไหนคนดี”หลังจากเสียงอ่านข้อความในกระดาษการ์ดที่แนบมาด้วยจบทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้นพากันหวีดไม่น้อยกับประโยคที่ว่ามา“นี่ขิง เอาไปให้พี่เดียร์ที” คนที่เพิ่งจะรับของมาเมื่อครู่สอดกระดาษการ์ดใบเล็กเอาไว้ที่เดิมก่อนจะส่งให้ผู้ช่วยของหญองสาวก่อนจะเดินตรงเอาช่อดอกไม้แสนสวยไปให้กับภัคธีมาที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องของตัวเอง ในระหว่างทางที่กำลังจะเอาของไปให้นั้นก็เดินสวนกันกับเ
เตชินท์นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานนิ้วมือของเขาเคาะเข้ากับโต๊ะเบา ๆ ราวกับกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่ สายตาคมที่คิดว่าเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างแต่กลับจับจ้องไปยังรูปภาพที่อยู่บนหน้าจอ แล็ปท๊อปขนาดใหญ่ที่มีชายหนุ่มกับสาวสวยอีกหนึ่งคนกำลังยืนหวานชื่นท่ามกลางความงดงามของฝรั่งเศษ ก่อนจะลบมันออกจากเครื่องราวกับว่าไม่ต้องการที่จะเห็นมันอีกครั้ง ไม่ว่าภาพหวานชื่นเหล่านั้นจะมีสักเท่าไหร่ชายหนุ่มก็จัดการลบมันออกให้หมดลบมันออกจากหัวใจเพราะเขาเกลียดผู้หญิงทรยศคนนี้เหลือเกินระหว่างที่เขากำลังลบรูปภาพ อยู่ก็เห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตากับใบหน้าสวยหวานออกไปทางคมเล็กน้อยตามแบบฉบับราวกับสาวลูกครึ่ง รอยยิ้มที่ชวนหลงไหลไปกับสดใสตามวัยของเธอเมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าจะมาหลายปีก็ตามรอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ยังเหมือนเคยแต่อาจจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาภัคธีมาต้องไม่ได้เจอกันมาหลายปี ครั้งนี้เขาตั้งใจกลับมาพบเธออีกครั้ง สายตาคมเข้มมองงานที่ภัคธีมาส่งมาให้เขาตรวจเช็คอีกครั้งก่อนจะพาเธอเข้าไปดูสถานที่จริงเป็นครั้งที่สอง“คุณเตครับ คุณเดียร์ส่งแบบมาให้คุณเตมาส
“พี่ฝากงานพวกนี้ด้วยนะ ถ้าสงสัยอะไรไม่เข้าใจยังไงถามพี่ได้ตลอด”ภัคธีมามอบงานให้น้อง ๆ ในทีมที่ทำงานร่วมกับเธอ พร้อมทั้งอธิบายในเนื้องานต่าง ๆ มันเป็นแบบไหนต้องทำอย่างไรกับงานชิ้นนั้น ๆ เธอเชื่อว่าตะวันวาดและคนในทีมจะช่วยกันทำให้ดีที่สุด ส่วนของเธอก็ต้องออกมาดีที่สุดเช่นกัน“ได้เลยค่ะพี่เดียร์ พวกเราจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”“ขอบใจจ้ะ”หลังจากที่น้อง ๆ และเพื่อนรับปากว่าจะทำงานต่อจากเธอตามคำสั่งของบอสเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กที่งานล้นมือจนแทบจะทำไม่ทัน กลับมาทำงานของตัวเองที่ต้องปรับแก้อีกมากมายหลายเพราะเธอเองก็อยากจะจัดการงานชิ้นนี้ให้เรียบร้อยก่อนกำหนดเช่นเดียวกัน“พี่เดียร์งานของคุณเตชินท์พี่จะส่งให้เขาดูเมื่อไหร่เหรอ” ผู้ช่วยอีกคนของเธอถามอย่างสงสัย เพราะน้อยครั้งที่เห็นรุ่นพี่ของตนทำหน้าเคร่งเครียดกับงานแบบศีรษะเล็กเอียงลงเล็กน้อยพร้อมท้าวกับมือแบบชิดแก้มนุ่ม มืออีกข้างเคาะเข้ากับโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด เมื่อน้องร่วมงานพูดถึงงานที่เธอเพิ่งจะส่งเมล์ไปเมื่อสองวันก่อน แต่ผลตอบรับทำเอาเธอถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่“ส่งไปแล้ว”“เป็นไงบ้างคะ ผ่านไหม” คนถามลุ้นกับคำตอบที่จะได้ ๆ ไม่น้อย“ทางนั้น
ท่ามกลางเมืองที่แสนวุ่นวายของผู้คนทำงานเช่นเดียวกันกับตะวันวาดที่กำลังว้าวุ่นใจที่มองซ้ายแลขวาไม่พบเพื่อนร่วมงานคนเก่งของตนมาถึงออฟฟิศเสียที เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญเสียด้วย อีกอย่างหญิงสาวเป็นคนที่ตรงเวลาเอามาก ๆ ไม่เคยมาสายแม้แต่ครั้งเดียว แต่นี่อะไรกันสายไปหลายนาทีแล้ว ยังติดต่อภัคธีมาไม่ได้แม้แต่สายเดียว“ฮัลโหลยัยเดียร์แกอยู่ที่ไหนเนี่ย”น้ำเสียงของตะวันวาดกระวนกระวายไม่น้อย เพราะเพื่อนของเธอยังมาไม่ถึงเสียที อีกอย่างสาวเจ้าปลายสายต้องมาพรีเซ็นต์โพรเจกต์งานออกแบบให้กับลูกค้าที่เจาะจงมายังทีมของตนโดยเฉพาะ ถ้าเป็นทีมอื่นจะไม่ทำกับทางบริษัทนี้งานนี้เป็นงานใหญ่ที่ไม่อยากให้เสียหายทางตะวันวาดเลยกระวนกระวายใจไม่น้อยที่กลัวเพื่อนจะมาไม่ทัน“จะถึงแล้ว รอฉันอีกสิบนาทีนะตะวัน”ภัคธีมารับสายแล้วรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกดวางสายและยัดโทรศัพท์มือถือกลับเข้าทีเดิม สองขาเรียวสวยรีบสาวเท้าเข้าอาคารตรงไปยังลิฟต์เพื่อไปยังที่หมายให้เร็วที่สุด เพราะเธอไม่อยากให้ลูกค้าต้องรอนาน แต่วันนั้นถค่อนข้างติดเพราะเกิดอุบัติเหตุใหญ่บนท้องถนน ทำให้เธอต้องเรียกวินมอเตอร์ไซค?มารับที่คอนโดมิเนียมที่หญิงสาวพัก