ท่ามกลางเมืองที่แสนวุ่นวายของผู้คนทำงานเช่นเดียวกันกับตะวันวาดที่กำลังว้าวุ่นใจที่มองซ้ายแลขวาไม่พบเพื่อนร่วมงานคนเก่งของตนมาถึงออฟฟิศเสียที เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญเสียด้วย อีกอย่างหญิงสาวเป็นคนที่ตรงเวลาเอามาก ๆ ไม่เคยมาสายแม้แต่ครั้งเดียว แต่นี่อะไรกันสายไปหลายนาทีแล้ว ยังติดต่อภัคธีมาไม่ได้แม้แต่สายเดียว
“ฮัลโหลยัยเดียร์แกอยู่ที่ไหนเนี่ย”
น้ำเสียงของตะวันวาดกระวนกระวายไม่น้อย เพราะเพื่อนของเธอยังมาไม่ถึงเสียที อีกอย่างสาวเจ้าปลายสายต้องมาพรีเซ็นต์โพรเจกต์งานออกแบบให้กับลูกค้าที่เจาะจงมายังทีมของตนโดยเฉพาะ ถ้าเป็นทีมอื่นจะไม่ทำกับทางบริษัทนี้
งานนี้เป็นงานใหญ่ที่ไม่อยากให้เสียหายทางตะวันวาดเลยกระวนกระวายใจไม่น้อยที่กลัวเพื่อนจะมาไม่ทัน
“จะถึงแล้ว รอฉันอีกสิบนาทีนะตะวัน”
ภัคธีมารับสายแล้วรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกดวางสายและยัดโทรศัพท์มือถือกลับเข้าทีเดิม สองขาเรียวสวยรีบสาวเท้าเข้าอาคารตรงไปยังลิฟต์เพื่อไปยังที่หมายให้เร็วที่สุด เพราะเธอไม่อยากให้ลูกค้าต้องรอนาน แต่วันนั้นถค่อนข้างติดเพราะเกิดอุบัติเหตุใหญ่บนท้องถนน ทำให้เธอต้องเรียกวินมอเตอร์ไซค?มารับที่คอนโดมิเนียมที่หญิงสาวพักแทนการขับรถออกมาเอง
“เร็ว ๆ หน่อยสิใครจะกดอะไรนักหนาเนี่ย” คนตัวเล็กที่ในอ้อมแขนนั้นมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ไอแพดสำหรับพรีงานวันนี้กอดเอาไว้แน่น สายตาหวานมองหน้าปัดนาฬิกาสลับกับจอดิจิตอลเหนือศีรษะของเธอว่าเมื่อไหร่จะลงมาถึงชั้นล่างเสียที
ความกระวนกระวายมันทำให้ภัคธีมาสนใจสิ่งรอบข้างเลยว่าจะมีใครเดินมาหยุดยืนอยู่ข้าง ๆ ตน เธอคิดเพียงว่าเป็นพนักงานที่ทำงานอยู่ที่นี่เสียมากกว่า เพราะที่นี่บริษัทต่าง ๆ ค่อนข้างเยอะ
ก็คงไม่แปลกใจเท่าไหร่หากมีคนมาใช้งาน
“มาถึงสักที ไปสายจะโดนหักเงินไหมเนี่ย” เธอเข้ามาถึงพร้อมทั้งกดไปยังชั้นที่เธอต้องการ พร้อมทั้งเบี่ยงใบหน้าไปถามคนที่เดินเข้ามาพร้อม ๆ กัน ว่าเขาจะขึ้นไปที่ชั้นไหน
“สิบแปดครับ” คนที่เดินเข้ามาพร้อมเธอตอบ
เสียงทุ้มของชายหนุ่มไม่ได้ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นไปมองถึงว่าเป็นใคร แต่เนื้อเสียงนี้ช่างคุ้นเหลือเกิน แต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินเสียงนี้ที่ไหนกันแน่ มันช่างคับคล้ายคับคาเหลือเกิน
แต่ก็ช่างเถอะมันไม่ได้สำคัญอะไรเสียหน่อยว่าจะได้ยินที่ไหน
สิ่งที่สำคัญในตอนนี้ คือ เธอต้องขึ้นไปนำเสนองานให้ทัน ก่อนที่จะถูกเจ้านายต่อว่าเอาได้ ใช่เวลาไม่นานลิฟต์ก็พาเธอมาส่งยังจุดหมายคือออฟฟิศที่เธอทำงานอยู่ สาวสวยร่างสูงเพรียวรีบสาวเท้าตรงเข้าไปยังห้องประชุมที่คาดว่าลูกค้าคนสำคัญของเจ้านายรออยู่นานพอสมควรแล้ว
“สวัสดีค่ะพี่เดียร์/สวัสดีเดียร์”
เสียงพนักงานหลายคนต่างทักทายหญิงสาวด้วยความเป็นกันเอง เช่นเดียวกันกับเธอนั้นทั้งส่งยิ้มและตอบทักทายทุกคนไปเช่นกัน “สวัสดีค่ะทุกคน ขอตัวไปหาเจ้านายก่อนนะคะ”
“งานวันนี้โชคดีนะคะพี่”
หลายคนต่างอวยพรให้เธอนำเสนองานผ่านไปได้ด้วยดี เพราะเท่าที่รู้มา ลูกค้ารายนี้ค่อนข้างที่จะละเอียดกับงานมาก ทำให้เธอนั้นหวั่นใจไม่น้อยว่างานครั้งนี้จะผ่านหรือไม่ จะต้องปรับแก้แบบอะไรอีกบ้าง
“มาแล้วยัยเดียร์มาแล้ว”คนในห้องเรียกชื่อของหญิงสาวอย่างดีใจ
“ขอโทษที่มาช้าค่ะ พอดีวันนี้รถติดเลยต้องพึ่งวินมอไซด์หน้าคอนโดฯให้รีบมาส่ง
“งั้นรีบเตรียมตัวเถอะ”
ผู้มาใหม่พนักหน้ารับ และจัดการเตรียมของอย่างสำหรับงานวันนี้ให้เร็วที่สุดเพราะไม่รู้ว่าลูกค้าคนสำคัญจะมาตอนไหน
“แล้วงานเป็นยังไงบ้าง เรียบร้อยดีไหม” เสียงนุ่มทุ่มของเจ้านายหนุ่มที่มีความเป็นกันเองอย่างธีรัตม์ถามพนักงานของตนเอง
“เรียบร้อยดีค่ะเจ้านายขา ไม่ต้องห่วงเดียร์ทำมาแล้วพร้อมเสนอให้ลูกค้าของเจ้านายแน่นอนค่ะ”
หญิงสาวตอบอย่างมั่นใจกับงานโพรเจกต์นี้ของตนไม่น้อย
“สวัสดีครับ คุณธีรัตม์” เสียงทุ่มที่เหมือนได้ยินผ่านโสตประสาทเข้ามาเมื่อไม่นาน ทำให้คนที่กำลังวุ่นวายเตรียมของอยู่ถึงกับชะงักและเงยหน้าขึ้นมามองดูว่าเขาคนนั้นเป็นใคร
ทว่าได้เห็นเพียงเสี้ยวหน้าของเขาก็ทำให้เธอหยุดนิ่งราวกับโดนมนต์สะกดเสียอย่างนั้น
“สวัสดีครับคุณเต”
“ขอโทษครับที่ผมมาช้า พอดีวันนี้รถติดมาก” เตชินท์ วรวิทย์ธนกิจ ทักทายพร้อมทั้งขอโทษที่ที่ตนต้องทำให้รอเป็นเวลาหลายนาที
“ไม่เป็นไรเลยครับ งั้นผมจะแนะนำให้รู้จัก คนที่อยู่ข้างหลังคุณเตชื่อเดียร์นะครับ เป็นคนออกแบบโพรเจกต์ออกแบบตกแต่งภายในทั้งหมอของคุณ”
“สวัสดีค่ะพี่เต” เธอยกมือไหว้ชายหนุ่มด้วยความนอบน้อมและตามมารยาททางสังคม
“สวัสดีครับ”
ชายหนุ่มส่งยิ้มให้หญิงสาวเล็กน้อย
“รู้จักกันด้วยเหรอครับ” เจ้านายของภัคธีมาถามอย่างสงสัยใคร่รู้
“น้องสาวเพื่อนผมน่ะ”
“งั้นเชิญนั่งดีกว่าครับจะได้เริ่มงานกันเลย”
ไม่นานหลังจากที่ลูกค้าหนุ่มนั่งเลขาคนสนิทของเขาก็เข้ามาถึงในเวลาต่อมา งานทุกอย่างที่หญิงสาวพรีเซนต์ทั้งหมดเตชินท์ตั้งใจฟังเป็นอย่างดี สายตาคมเข้มของจับจ้องที่หญิงสาวแทบไม่วางตา ต่างพิจารณาใบหน้าสวยหวานที่แต่งแต้มเครื่องสำอาบาง ๆ ลิปสติกสีพีชอ่อน และท่าท่างของภัคธีมาดูมีความเป็นมืออาชีพมาก ๆ ไม่เหมือนเมื่อก่อน
“มีสงสัยตรงไหนหรืออยากเพิ่มเติมอีกไหมคะ” หญิงสาวพูดนำเสนอในส่วนของงานจบก่อนจะถามลูกค้าที่นั่งอยู่ตรงข้ามเธอ
พอใจในงานชิ้นนี้หรือไม่
“ทุกอย่างโอเคนะครับ แต่มันมีติดขัดอยู่เล็กน้อยตรงช่วงสีขอผนังกับเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งนิดเดียว”
“แล้วคุณเตอยากได้แบบไหนคะ ดิฉันจะได้ไปปรับแก้แบบให้ตรงตามความต้องการของคุณ”
“เรียบ ๆ ง่าย ๆ เข้ากับห้องสบายตาไม่รก”
“แต่แบบนี้ก็ตรงโจทย์ที่คุณให้มาหมดเลยนี่คะ เรียบง่ายสบายตาไม่รกจนเกินไป ”
“ครับมันตรงก็จริง แต่ผมอยากให้มันแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร”
“ได้ค่ะ ดิฉันจะกลับไปจัดการแก้ไขและเอามาให้ดูครั้งหน้านะคะ” เธอตอบกลับยิ้ม ๆ ด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ตกลงตามนั้นครับ”
“งั้นก็ตกลงตามนั้นค่ะ ครั้งหน้าจะเอางานมาให้คุณนะคะ”
“ได้ครับตามนั้นเลย ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณธี”
“ครับ เดี๋ยวผมไปส่ง เชิญครับ”
ภัคธีมามองทั้งเจ้านายและลูกค้าหนุ่มที่เดินลับออกไป แต่ทว่าสายตาของเธอกลับจ้องมองแผ่นหลังของเตชินท์ไม่วางตา แววตาสดใสดูมีความสุขราวกับของรักเธอกลับมาแล้วเสียอย่างนั้น
ไม่เจอกันนานเลยนะคะ ‘พี่เตของเดียร์’
ตะวันวาดที่กำลังเก็บห้องประชุมอยู่เห็นเพื่อนนิ่งไปสายตาจับจ้องที่ประตูมือของหญิงสาวยังคงจับไอแพดไม่วางเช่นกัน ทำเอาเพื่อนร่วมงานอย่างเธอถึงกับสงสัยไม่น้อย ว่าทำไมภัคธีมาถึงได้มีแววตาชื่นชมหลงไหลอะไรแบบนั้น
“นี่ยัยเดียร์เขาไปแล้วจะมองอะไรขนาดนั้น”
“เปล่าสักหน่อย เก็บของเถอะจะได้ไปทำงานต่อ”
“แน่ใจนะว่าไม่มีอะไร สายตาแกมันฟ้องว่าแกรู้จักกับพ่อหนุ่มรูปหล่อลูกค้าหน้าตาดีของเจ้านายน่ะ”
คนเป็นเพื่อนยังคงเคล้นถามไม่เลิกว่าภัคธีมารู้จักกับเตชินท์หรือไม่
“เขาเพื่อนของพี่กรน่ะ”
“จริงดิ เพื่อนของพี่กรเหรอทำไมหล่อแบบนี้ล่ะ แมรวยอีกต่างหาก”
ภัคธีมายักคิ้วให้เพื่อนเป็นคำตอบแทนการบอกก่อนที่ตนจะเก็บแล็ปท๊อปและไอแพดเข้ากระเป๋าดังเดิม ปล่อยให้ตะวันวาดว้าวุ้นไปกับความหล่อของเตชินท์ไปก่อน
“โธ่เห็นคนหล่อทีไอ้เราก็ว้าวุ่นเลยทีนี้”
“รีบเก็บของเถอะน่าตะวัน จะได้ไปทำงานต่อเดี๋ยวเจ้านายก็สวบหัวเอาหรอก”
“เออ รีบอยู่เนี่ย งานยังเหลือกองเป็นภูเขาเลย”
ตะวันวาดบอกกับเพื่อนของตัวเองที่เก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วและกำลังยืนรออยู่ที่หน้าประตูห้อง พลางดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือเรือนเล็กของตัวเองว่าตอนนี้กี่โมงกี่ยามกันแล้ว อีกทั้งต้องคำนวนเวลาว่าเหลืออีกกี่ชั่วโมงที่ต้องจัดการงานของวันนี้ให้เรียบร้อย
“เสร็จแล้ว ว่าแต่เดียร์ งานที่แกต้องส่งคุณธีมีกี่งานนะ”
คนตัวเล็กที่หอบของอยู่เต็มอกพลางนึกถึงจำนวนงานที่ต้องทำแก้อีกตั้งสามสี่งาน แค่คิดเธอก็เครียดแล้ง และไหนจะงานล่าสุดที่เพิ่งผ่านไปเมื่อครุ่นี้อีกสุดท้ายก็ยังคงต้องแก้อีกหลายอย่างที่กว่าจะตรงใจเขา
ในคราแรกเธอคิดว่าน่าจะไม่ได้ปรับอะไรมากมาย แต่เท่าที่คิดและประเมินคราว ๆ แล้วมันมีหลายจุดที่จะต้องแก้และปรับให้เตชินท์
“สามงานน่ะ ทั้งงานเล็กงานใหญ่ แต่ดูแล้วน่าจะส่งงานเล็ก ๆ ไปให้น้อง ๆ ในทีมคอยช่วยดูต่อ แต่ยังไงก็ต้องดูแลเองอยู่ดี”
“มัณฑนากรฝีมือดีของบริษัทเราก็หลายคนมาก ทำไมงานมาที่แกเยอะจัง”
“นี่ตะวันจะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้หรอกนะ ทุกคนก็มีงานที่ตัวเองต้องรับผิดชอบทั้งของเธอและของฉันที่คุณธีมอบหมายมาให้ อีกอย่างบางส่วนคุณธีให้ฉันจัดการเองก่อนหน้ารับงานของพี่เตอยู่เล้ว งานเลยมีทับซ้อนกันบ้าง”
“ย่ะ อันนั้นฉันรู้ แต่บางงานเจาะจงมาที่แกโดยเฉพาะเลยอย่างเช่นงานของคุณเตชินท์ไง”
“อันนี้ฉันไม่รู้ แล้วแต่คุณธีจะโยนโปรเจกต์มาให้ เดี๋ยวเข้าไปทำงานก่อนเจอกันตอนเที่ยง ๆ” สองสาวเดินคุยเรื่องงานกันตั้งแต่ออกจากห้องประชุมจนมาหยุดที่ห้องทำงานส่วนตัวของภัคธีมาเอาไว้ใช้ในการทำงาน ห้องนี้ไม่ใช่ห้องขนาดใหญ่อะไรมากนัก มีเพียงกระจกล้อมรอบพร้อมผ้าม่านสีเทาทึบเอาไว้ปิดอำพรางบดบังแสงแดดในยามบ่ายที่ร้อนเอามาก ๆ ในห้องทำงานของเธอจะมีโต๊ะทำงานอยู่กลางห้อง และข้าง ๆ เป็นตู้ใส่ของพร้อมทั้งเอาไว้วางของด้วย
หลังจากที่ภัคธีมาเข้ามาภายในห้องทำงานของตนก็รีบปิดผ้าม่านบดบังผู้คนภายนอกที่จะมองเข้ามาข้างใน เธอทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน เธอเองยังตั้งสติไม่ได้ว่าจะเริ่มจากงานไหนก่อนดี งานนั้นก็สำคัญ งานนี้ก็เร่ง ตอนนี้คนตัวเล็กปวดหัวจนแทบระเบิดแต่ไม่อาจบอกใครได้
“เอางานนี้ก่อนแล้วกันงานนี้แก้ไม่เยอะ ส่วนของพี่เตเอาไว้ทีหลังแล้วกัน”
ใช้เวลาไปหลายนาทีที่เธอนั้นเถียงกับความคิดของตนว่าจะเริ่มทำง่านไหนก่อนดีเพราะงานที่อยู่ตรงหน้าเยอะเหลือเกิน เธอจัดการเปิด
แลปท๊อปขึ้นมาเพื่อจัดการงานทั้งสองที่เธอคิดว่าจะต้องเรียบร้อยในวันนี้เสียก่อน ส่วนเรื่องออกแบบภายในรีสอร์ทของเตชินท์ค่อยเอาไปทำคืนนี้ หรือไม่เธอเองอยากจะเข้าไปดูสถานที่จริงอีกสักครั้ง เพราะภัคธีมานั้นกลัวว่าภายในจะมีการเปลี่ยนแปลงก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เชิญค่ะ”
“ทำอะไรอยู่” ผู้มาใหม่อย่างธีรัตม์ถามคนที่กำลังนั่งหน้าเครียดอยู่กับงาน ทำเอาเธอต้องเงยหน้าขึ้นมา
“บอสมีอะไรให้เดียร์รับใช้บอกมาได้เลยนะคะ” เธอถามผู้เป็นเจ้านายอย่างเป็นมิตรในแบบฉบับของตัวเอง
“งานที่พี่ให้เดียร์เหลืออีกเยอะไหม แล้วงานที่เดียร์จัดการเองล่ะ”
“อีกสองสามงานที่ต้องแก้ก่อนที่จะเอาให้ทีมไปเสนอค่ะ แต่ว่าถ้างานใหญ่ ๆ จะเป็นของคุณเตชินท์ที่เดียร์ว่าจะเอาไปแก้คืนนี้”
เจ้านายหนุ่มพยักหน้ารับอย่างเข้าใจอย่างที่เพิ่งได้ฟังเมื่อครู่นี้ “งานเล็ก ๆ พี่จะให้เดียร์ยกให้น้องในทีมทำแทน แล้วตัวของเดียร์ก็จัดการงานของคุณเตชินท์อย่างเดียวจนกว่าจะจบโปรเจ็กต์นี้”
“ทำไมเหรอคะบอส”
“คุณเตระบุมาเองว่างานนี้อยากให้เดียร์ทุ่มเทออกแบบให้กับรีสอท์ของเขาให้เต็มที่ส่วนค่าใช้จ่ายอะไรยังไงเขาจ่ายไม่อั้น”
“แต่ว่า...” ยังไม่ทันที่จะเอ่ยตัดค้านก็ถูกธีรัตม์ตัดบทเสียก่อน
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นงานนี้เดียร์ต้องทำถือว่าพี่ขอร้องนะ”
ครั้นเมื่อเห็นสายตาวิงวอนของเจ้านายแล้วเธอก็ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตกลงรับปากว่าจะทำงานนี้ให้เสร็จเรียบร้อย
“พี่ฝากงานพวกนี้ด้วยนะ ถ้าสงสัยอะไรไม่เข้าใจยังไงถามพี่ได้ตลอด”ภัคธีมามอบงานให้น้อง ๆ ในทีมที่ทำงานร่วมกับเธอ พร้อมทั้งอธิบายในเนื้องานต่าง ๆ มันเป็นแบบไหนต้องทำอย่างไรกับงานชิ้นนั้น ๆ เธอเชื่อว่าตะวันวาดและคนในทีมจะช่วยกันทำให้ดีที่สุด ส่วนของเธอก็ต้องออกมาดีที่สุดเช่นกัน“ได้เลยค่ะพี่เดียร์ พวกเราจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”“ขอบใจจ้ะ”หลังจากที่น้อง ๆ และเพื่อนรับปากว่าจะทำงานต่อจากเธอตามคำสั่งของบอสเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กที่งานล้นมือจนแทบจะทำไม่ทัน กลับมาทำงานของตัวเองที่ต้องปรับแก้อีกมากมายหลายเพราะเธอเองก็อยากจะจัดการงานชิ้นนี้ให้เรียบร้อยก่อนกำหนดเช่นเดียวกัน“พี่เดียร์งานของคุณเตชินท์พี่จะส่งให้เขาดูเมื่อไหร่เหรอ” ผู้ช่วยอีกคนของเธอถามอย่างสงสัย เพราะน้อยครั้งที่เห็นรุ่นพี่ของตนทำหน้าเคร่งเครียดกับงานแบบศีรษะเล็กเอียงลงเล็กน้อยพร้อมท้าวกับมือแบบชิดแก้มนุ่ม มืออีกข้างเคาะเข้ากับโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด เมื่อน้องร่วมงานพูดถึงงานที่เธอเพิ่งจะส่งเมล์ไปเมื่อสองวันก่อน แต่ผลตอบรับทำเอาเธอถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่“ส่งไปแล้ว”“เป็นไงบ้างคะ ผ่านไหม” คนถามลุ้นกับคำตอบที่จะได้ ๆ ไม่น้อย“ทางนั้น
เตชินท์นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานนิ้วมือของเขาเคาะเข้ากับโต๊ะเบา ๆ ราวกับกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่ สายตาคมที่คิดว่าเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างแต่กลับจับจ้องไปยังรูปภาพที่อยู่บนหน้าจอ แล็ปท๊อปขนาดใหญ่ที่มีชายหนุ่มกับสาวสวยอีกหนึ่งคนกำลังยืนหวานชื่นท่ามกลางความงดงามของฝรั่งเศษ ก่อนจะลบมันออกจากเครื่องราวกับว่าไม่ต้องการที่จะเห็นมันอีกครั้ง ไม่ว่าภาพหวานชื่นเหล่านั้นจะมีสักเท่าไหร่ชายหนุ่มก็จัดการลบมันออกให้หมดลบมันออกจากหัวใจเพราะเขาเกลียดผู้หญิงทรยศคนนี้เหลือเกินระหว่างที่เขากำลังลบรูปภาพ อยู่ก็เห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตากับใบหน้าสวยหวานออกไปทางคมเล็กน้อยตามแบบฉบับราวกับสาวลูกครึ่ง รอยยิ้มที่ชวนหลงไหลไปกับสดใสตามวัยของเธอเมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าจะมาหลายปีก็ตามรอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ยังเหมือนเคยแต่อาจจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาภัคธีมาต้องไม่ได้เจอกันมาหลายปี ครั้งนี้เขาตั้งใจกลับมาพบเธออีกครั้ง สายตาคมเข้มมองงานที่ภัคธีมาส่งมาให้เขาตรวจเช็คอีกครั้งก่อนจะพาเธอเข้าไปดูสถานที่จริงเป็นครั้งที่สอง“คุณเตครับ คุณเดียร์ส่งแบบมาให้คุณเตมาส
“มาส่งดอกไม้ให้กับคุณภัคธีมาครับ”พนักงานส่งของบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางกวาดสายตามองหาเจ้าของชื่อว่าจะมีใครออกมารับหรือไม่จากการที่ดูแล้วทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างพากันก้มหน้าก้มตายุ่งงานของตัวเอง“วันนี้ดอกไม้ก็มาอีกหนึ่งช่อใหญ่ ๆ เหมือนเคย” เพื่อนร่วมงานของภัคธีมากลายเป็นคนรับดอกไม้จำเป็นเสียแล้ว เท่าที่นับได้อาทิตย์นี้เป็นช่อที่สามเห็นจะได้แล้ว“พี่เดียร์ได้รับดอกไม้อีกแล้ว”“วันนี้มีข้อความว่ายังไงบ้าง”เพรื่อนร่วมงานถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เพราะเรื่องราวเจ้าของรีสอร์ตหนุ่มกำลังตามจีบมัณฑนากรสาวคนแก่งของที่นี่กระจายไปทั่งบริษัท“ตอบไลน์พี่หน่อย จะดองไว้นานแค่ไหนคนดี”หลังจากเสียงอ่านข้อความในกระดาษการ์ดที่แนบมาด้วยจบทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้นพากันหวีดไม่น้อยกับประโยคที่ว่ามา“นี่ขิง เอาไปให้พี่เดียร์ที” คนที่เพิ่งจะรับของมาเมื่อครู่สอดกระดาษการ์ดใบเล็กเอาไว้ที่เดิมก่อนจะส่งให้ผู้ช่วยของหญองสาวก่อนจะเดินตรงเอาช่อดอกไม้แสนสวยไปให้กับภัคธีมาที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องของตัวเอง ในระหว่างทางที่กำลังจะเอาของไปให้นั้นก็เดินสวนกันกับเ
“ทำไมไม่มาดูตอนกลางวัน”เตชินท์เดินเคียงข้างกับภัคธีมาเข้ามาภายในโรงภาพยนตร์ เพื่อที่จะดูหนังรอบดึกกันสองต่อสอง เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาดูหนังกันเวลานี้“ก็ตอนกลางวันพี่เตกับเดียร์ก็ทำงานกันนี่คะ แล้วจะเอาเวลาไหนมาดู” คนตัวเล็กที่ถือถังป๊อปคอร์นกับแก้วน้ำยืนอยู่ตรงหน้า“กลางวันพี่ว่าง”“ก็พี่เป็นเจ้านายเขาจะทำงานก็ได้ไม่ทำก็ได้ แต่เดียร์เป็นลูกจ้างเขานะจะลาหยุดบ่อยก็ไม่ดี”“ลาหยุดไม่ดี งั้นลาออกจากงานมาพี่เลี้ยงเอง”“พูดเป็นเล่นน่าพี่เต” ประโยคเมื่อครู่นี้ทำเอาคนตัวเล็กตกตะลึงอยู่ไม่น้อย เพราะเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเธอ ส่วนมากก็แค่หยอกเท่านั้น แต่ที่ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันดูต่างออกไปเหลือเกิน“พี่พูดจริง”เตชินท์บอกพลางส่งสายตาหวานซึ้งให้หญิงสาวโยที่เจ้าตัวนั้นไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย ผิดกับภัคธีมาที่คอยมองซ้ายแลขวาราวกับกลัวว่าจะมีคนรู้จักมาเห็นเสียอย่างนั้น เธอจึงตัดสินใจจชวนชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาสีแดงที่อยู่ไม่ห่างมากนัก เพราะหากยืนอยู่ตรงนี้ก็จะเป็นการขวางทางเดินผ่านไปผ่านมา เวลาของภาพยนต์ที่กำล
ชีวิตการทำงานที่แสนราบเรียบของภัคธีมาดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่แล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่ทุกคนเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับเตชินท์ลูกค้ารายใหญ่ของทางบริษัท เหมือนมีบางอย่างที่ผิดปกเกี่ยวกับอารมณ์ของมัณฑนากรสาวที่ช่วงหลัง ๆ อารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อนเสียอีก“ทุกคนเดียร์ซื้อชานมไข่มุกหวานน้อยมาฝากค่ะทุกคน”คนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาภายออฟฟิศหลังจากที่เธอออกไปคุยงานกับลูกค้าอีกคนหนึ่งมาและระหว่างทางที่ขับรถกลับออฟฟิศนั้นเกิดอยากจะกินชานมไข่มุกของร้านที่อยู่ข้างล่างเข้าพอดีในจังหวะที่คนตัวเล็กกำลังจะสั่งคนที่เพิ่งแยกออกมาจะเธอเมื่อช่วงเช้สตรู่เดินเข้ามาหาพร้อมทั้งจ่ายค่าเครื่องดื่มอีกทั้งยังสั่งเผื่อพนักงานคนอื่น ๆ อีกหลายสิบแก้วให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆก่อนที่เตชินท์จะเดินจากไปเธอถามเขาว่ามมาจ่ายค่าเครื่องดื่มพวกนี้ให้เธอทำไมกันเขาบอกเธอแค่ว่า ‘จ่ายเงินให้เมียมันผิดตรงไหน’ คำพูดของเขาทำเอาเธอนิ่งเงียบไม่สามารถตอบโต้อะไรเขาได้เลย เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมามันคือเรื่องจริง“วันนี้ฝนจะตกไหมเนี่ย““นั่นสิ พักหลัง ๆ
“กรทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ”น้ำเสียงหวานละมุนของใครบางคนดังมาแต่ไกล เจ้าหล่อนเห็นคนรักของตัวเองเดินมาหยุดที่ประตูหน้าบ้านเป็นเวลานานสองนาน ไม่ยอมเดินเข้าไปสักทีตนจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปถามไกล ๆ แต่เสียงสนทนาของคนที่อยู่ด้านในนั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน‘ทำไมเสียงมันคุ้น ๆ อะไรแบบนี้ง’“เปล่าหรอกไม่มีอะไร” ธนินหันไปตอบแฟนสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ให้ผิดสังเกตว่าตนกำลังคิดเรื่องราวบางอย่างจึงรีบบอกปัดออกไป“งั้นเข้าไปหาคุณย่าดีกว่า เหมือนชมได้ยินเสียงของน้องเดียร์น่าจะอยู่ข้างในกับคุณย่าเหมือนกัน” ชลิตาแฟนสาวของธนินพูดขึ้นพร้อมทั้งเดินนำหน้าเข้าไปในบ้านพร้อมทั้งยกมือทักทายย่าอ่อนศรี“สวัสดีค่ะย่า น้องเดียร์”เสียงทักทายของผู้มาใหม่ทำเอาบทสนทนาที่กำลังสนุกคึกครื้นเมื่อครู่นี้เงียบลง ทั้งสามคนพร้อมใจกันหันไปมองตามเสียง แต่ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้จะมีหนึ่งคนที่นิ่งอึ้งไม่พูดอะไร“พี่กร พี่ชม กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะทำไมไม่โทรบอกจะได้ไปรับ”“พี่อยากจะเซอร์ไพร์ทน้องเดียร์ด้วย”คนตัวเล็กฟังแล้วพยักหน้ารับยิ้ม ๆ“สวัส
“กรทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ”น้ำเสียงหวานละมุนของใครบางคนดังมาแต่ไกล เจ้าหล่อนเห็นคนรักของตัวเองเดินมาหยุดที่ประตูหน้าบ้านเป็นเวลานานสองนาน ไม่ยอมเดินเข้าไปสักทีตนจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปถามไกล ๆ แต่เสียงสนทนาของคนที่อยู่ด้านในนั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน‘ทำไมเสียงมันคุ้น ๆ อะไรแบบนี้ง’“เปล่าหรอกไม่มีอะไร” ธนินหันไปตอบแฟนสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ให้ผิดสังเกตว่าตนกำลังคิดเรื่องราวบางอย่างจึงรีบบอกปัดออกไป“งั้นเข้าไปหาคุณย่าดีกว่า เหมือนชมได้ยินเสียงของน้องเดียร์น่าจะอยู่ข้างในกับคุณย่าเหมือนกัน” ชลิตาแฟนสาวของธนินพูดขึ้นพร้อมทั้งเดินนำหน้าเข้าไปในบ้านพร้อมทั้งยกมือทักทายย่าอ่อนศรี“สวัสดีค่ะย่า น้องเดียร์”เสียงทักทายของผู้มาใหม่ทำเอาบทสนทนาที่กำลังสนุกคึกครื้นเมื่อครู่นี้เงียบลง ทั้งสามคนพร้อมใจกันหันไปมองตามเสียง แต่ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้จะมีหนึ่งคนที่นิ่งอึ้งไม่พูดอะไร“พี่กร พี่ชม กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะทำไมไม่โทรบอกจะได้ไปรับ”“พี่อยากจะเซอร์ไพร์ทน้องเดียร์ด้วย”คนตัวเล็กฟังแล้วพยักหน้ารับยิ้ม ๆ“สวัส
ชีวิตการทำงานที่แสนราบเรียบของภัคธีมาดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่แล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่ทุกคนเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับเตชินท์ลูกค้ารายใหญ่ของทางบริษัท เหมือนมีบางอย่างที่ผิดปกเกี่ยวกับอารมณ์ของมัณฑนากรสาวที่ช่วงหลัง ๆ อารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อนเสียอีก“ทุกคนเดียร์ซื้อชานมไข่มุกหวานน้อยมาฝากค่ะทุกคน”คนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาภายออฟฟิศหลังจากที่เธอออกไปคุยงานกับลูกค้าอีกคนหนึ่งมาและระหว่างทางที่ขับรถกลับออฟฟิศนั้นเกิดอยากจะกินชานมไข่มุกของร้านที่อยู่ข้างล่างเข้าพอดีในจังหวะที่คนตัวเล็กกำลังจะสั่งคนที่เพิ่งแยกออกมาจะเธอเมื่อช่วงเช้สตรู่เดินเข้ามาหาพร้อมทั้งจ่ายค่าเครื่องดื่มอีกทั้งยังสั่งเผื่อพนักงานคนอื่น ๆ อีกหลายสิบแก้วให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆก่อนที่เตชินท์จะเดินจากไปเธอถามเขาว่ามมาจ่ายค่าเครื่องดื่มพวกนี้ให้เธอทำไมกันเขาบอกเธอแค่ว่า ‘จ่ายเงินให้เมียมันผิดตรงไหน’ คำพูดของเขาทำเอาเธอนิ่งเงียบไม่สามารถตอบโต้อะไรเขาได้เลย เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมามันคือเรื่องจริง“วันนี้ฝนจะตกไหมเนี่ย““นั่นสิ พักหลัง ๆ
“ทำไมไม่มาดูตอนกลางวัน”เตชินท์เดินเคียงข้างกับภัคธีมาเข้ามาภายในโรงภาพยนตร์ เพื่อที่จะดูหนังรอบดึกกันสองต่อสอง เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาดูหนังกันเวลานี้“ก็ตอนกลางวันพี่เตกับเดียร์ก็ทำงานกันนี่คะ แล้วจะเอาเวลาไหนมาดู” คนตัวเล็กที่ถือถังป๊อปคอร์นกับแก้วน้ำยืนอยู่ตรงหน้า“กลางวันพี่ว่าง”“ก็พี่เป็นเจ้านายเขาจะทำงานก็ได้ไม่ทำก็ได้ แต่เดียร์เป็นลูกจ้างเขานะจะลาหยุดบ่อยก็ไม่ดี”“ลาหยุดไม่ดี งั้นลาออกจากงานมาพี่เลี้ยงเอง”“พูดเป็นเล่นน่าพี่เต” ประโยคเมื่อครู่นี้ทำเอาคนตัวเล็กตกตะลึงอยู่ไม่น้อย เพราะเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเธอ ส่วนมากก็แค่หยอกเท่านั้น แต่ที่ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันดูต่างออกไปเหลือเกิน“พี่พูดจริง”เตชินท์บอกพลางส่งสายตาหวานซึ้งให้หญิงสาวโยที่เจ้าตัวนั้นไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย ผิดกับภัคธีมาที่คอยมองซ้ายแลขวาราวกับกลัวว่าจะมีคนรู้จักมาเห็นเสียอย่างนั้น เธอจึงตัดสินใจจชวนชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาสีแดงที่อยู่ไม่ห่างมากนัก เพราะหากยืนอยู่ตรงนี้ก็จะเป็นการขวางทางเดินผ่านไปผ่านมา เวลาของภาพยนต์ที่กำล
“มาส่งดอกไม้ให้กับคุณภัคธีมาครับ”พนักงานส่งของบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางกวาดสายตามองหาเจ้าของชื่อว่าจะมีใครออกมารับหรือไม่จากการที่ดูแล้วทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างพากันก้มหน้าก้มตายุ่งงานของตัวเอง“วันนี้ดอกไม้ก็มาอีกหนึ่งช่อใหญ่ ๆ เหมือนเคย” เพื่อนร่วมงานของภัคธีมากลายเป็นคนรับดอกไม้จำเป็นเสียแล้ว เท่าที่นับได้อาทิตย์นี้เป็นช่อที่สามเห็นจะได้แล้ว“พี่เดียร์ได้รับดอกไม้อีกแล้ว”“วันนี้มีข้อความว่ายังไงบ้าง”เพรื่อนร่วมงานถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เพราะเรื่องราวเจ้าของรีสอร์ตหนุ่มกำลังตามจีบมัณฑนากรสาวคนแก่งของที่นี่กระจายไปทั่งบริษัท“ตอบไลน์พี่หน่อย จะดองไว้นานแค่ไหนคนดี”หลังจากเสียงอ่านข้อความในกระดาษการ์ดที่แนบมาด้วยจบทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้นพากันหวีดไม่น้อยกับประโยคที่ว่ามา“นี่ขิง เอาไปให้พี่เดียร์ที” คนที่เพิ่งจะรับของมาเมื่อครู่สอดกระดาษการ์ดใบเล็กเอาไว้ที่เดิมก่อนจะส่งให้ผู้ช่วยของหญองสาวก่อนจะเดินตรงเอาช่อดอกไม้แสนสวยไปให้กับภัคธีมาที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องของตัวเอง ในระหว่างทางที่กำลังจะเอาของไปให้นั้นก็เดินสวนกันกับเ
เตชินท์นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานนิ้วมือของเขาเคาะเข้ากับโต๊ะเบา ๆ ราวกับกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่ สายตาคมที่คิดว่าเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างแต่กลับจับจ้องไปยังรูปภาพที่อยู่บนหน้าจอ แล็ปท๊อปขนาดใหญ่ที่มีชายหนุ่มกับสาวสวยอีกหนึ่งคนกำลังยืนหวานชื่นท่ามกลางความงดงามของฝรั่งเศษ ก่อนจะลบมันออกจากเครื่องราวกับว่าไม่ต้องการที่จะเห็นมันอีกครั้ง ไม่ว่าภาพหวานชื่นเหล่านั้นจะมีสักเท่าไหร่ชายหนุ่มก็จัดการลบมันออกให้หมดลบมันออกจากหัวใจเพราะเขาเกลียดผู้หญิงทรยศคนนี้เหลือเกินระหว่างที่เขากำลังลบรูปภาพ อยู่ก็เห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตากับใบหน้าสวยหวานออกไปทางคมเล็กน้อยตามแบบฉบับราวกับสาวลูกครึ่ง รอยยิ้มที่ชวนหลงไหลไปกับสดใสตามวัยของเธอเมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าจะมาหลายปีก็ตามรอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ยังเหมือนเคยแต่อาจจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาภัคธีมาต้องไม่ได้เจอกันมาหลายปี ครั้งนี้เขาตั้งใจกลับมาพบเธออีกครั้ง สายตาคมเข้มมองงานที่ภัคธีมาส่งมาให้เขาตรวจเช็คอีกครั้งก่อนจะพาเธอเข้าไปดูสถานที่จริงเป็นครั้งที่สอง“คุณเตครับ คุณเดียร์ส่งแบบมาให้คุณเตมาส
“พี่ฝากงานพวกนี้ด้วยนะ ถ้าสงสัยอะไรไม่เข้าใจยังไงถามพี่ได้ตลอด”ภัคธีมามอบงานให้น้อง ๆ ในทีมที่ทำงานร่วมกับเธอ พร้อมทั้งอธิบายในเนื้องานต่าง ๆ มันเป็นแบบไหนต้องทำอย่างไรกับงานชิ้นนั้น ๆ เธอเชื่อว่าตะวันวาดและคนในทีมจะช่วยกันทำให้ดีที่สุด ส่วนของเธอก็ต้องออกมาดีที่สุดเช่นกัน“ได้เลยค่ะพี่เดียร์ พวกเราจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”“ขอบใจจ้ะ”หลังจากที่น้อง ๆ และเพื่อนรับปากว่าจะทำงานต่อจากเธอตามคำสั่งของบอสเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กที่งานล้นมือจนแทบจะทำไม่ทัน กลับมาทำงานของตัวเองที่ต้องปรับแก้อีกมากมายหลายเพราะเธอเองก็อยากจะจัดการงานชิ้นนี้ให้เรียบร้อยก่อนกำหนดเช่นเดียวกัน“พี่เดียร์งานของคุณเตชินท์พี่จะส่งให้เขาดูเมื่อไหร่เหรอ” ผู้ช่วยอีกคนของเธอถามอย่างสงสัย เพราะน้อยครั้งที่เห็นรุ่นพี่ของตนทำหน้าเคร่งเครียดกับงานแบบศีรษะเล็กเอียงลงเล็กน้อยพร้อมท้าวกับมือแบบชิดแก้มนุ่ม มืออีกข้างเคาะเข้ากับโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด เมื่อน้องร่วมงานพูดถึงงานที่เธอเพิ่งจะส่งเมล์ไปเมื่อสองวันก่อน แต่ผลตอบรับทำเอาเธอถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่“ส่งไปแล้ว”“เป็นไงบ้างคะ ผ่านไหม” คนถามลุ้นกับคำตอบที่จะได้ ๆ ไม่น้อย“ทางนั้น
ท่ามกลางเมืองที่แสนวุ่นวายของผู้คนทำงานเช่นเดียวกันกับตะวันวาดที่กำลังว้าวุ่นใจที่มองซ้ายแลขวาไม่พบเพื่อนร่วมงานคนเก่งของตนมาถึงออฟฟิศเสียที เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญเสียด้วย อีกอย่างหญิงสาวเป็นคนที่ตรงเวลาเอามาก ๆ ไม่เคยมาสายแม้แต่ครั้งเดียว แต่นี่อะไรกันสายไปหลายนาทีแล้ว ยังติดต่อภัคธีมาไม่ได้แม้แต่สายเดียว“ฮัลโหลยัยเดียร์แกอยู่ที่ไหนเนี่ย”น้ำเสียงของตะวันวาดกระวนกระวายไม่น้อย เพราะเพื่อนของเธอยังมาไม่ถึงเสียที อีกอย่างสาวเจ้าปลายสายต้องมาพรีเซ็นต์โพรเจกต์งานออกแบบให้กับลูกค้าที่เจาะจงมายังทีมของตนโดยเฉพาะ ถ้าเป็นทีมอื่นจะไม่ทำกับทางบริษัทนี้งานนี้เป็นงานใหญ่ที่ไม่อยากให้เสียหายทางตะวันวาดเลยกระวนกระวายใจไม่น้อยที่กลัวเพื่อนจะมาไม่ทัน“จะถึงแล้ว รอฉันอีกสิบนาทีนะตะวัน”ภัคธีมารับสายแล้วรีบตอบกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกดวางสายและยัดโทรศัพท์มือถือกลับเข้าทีเดิม สองขาเรียวสวยรีบสาวเท้าเข้าอาคารตรงไปยังลิฟต์เพื่อไปยังที่หมายให้เร็วที่สุด เพราะเธอไม่อยากให้ลูกค้าต้องรอนาน แต่วันนั้นถค่อนข้างติดเพราะเกิดอุบัติเหตุใหญ่บนท้องถนน ทำให้เธอต้องเรียกวินมอเตอร์ไซค?มารับที่คอนโดมิเนียมที่หญิงสาวพัก