“พี่ฝากงานพวกนี้ด้วยนะ ถ้าสงสัยอะไรไม่เข้าใจยังไงถามพี่ได้ตลอด”
ภัคธีมามอบงานให้น้อง ๆ ในทีมที่ทำงานร่วมกับเธอ พร้อมทั้งอธิบายในเนื้องานต่าง ๆ มันเป็นแบบไหนต้องทำอย่างไรกับงานชิ้นนั้น ๆ เธอเชื่อว่าตะวันวาดและคนในทีมจะช่วยกันทำให้ดีที่สุด ส่วนของเธอก็ต้องออกมาดีที่สุดเช่นกัน
“ได้เลยค่ะพี่เดียร์ พวกเราจะทำให้ดีที่สุดค่ะ”
“ขอบใจจ้ะ”
หลังจากที่น้อง ๆ และเพื่อนรับปากว่าจะทำงานต่อจากเธอตามคำสั่งของบอสเรียบร้อยแล้ว คนตัวเล็กที่งานล้นมือจนแทบจะทำไม่ทัน กลับมาทำงานของตัวเองที่ต้องปรับแก้อีกมากมายหลายเพราะเธอเองก็อยากจะจัดการงานชิ้นนี้ให้เรียบร้อยก่อนกำหนดเช่นเดียวกัน
“พี่เดียร์งานของคุณเตชินท์พี่จะส่งให้เขาดูเมื่อไหร่เหรอ” ผู้ช่วยอีกคนของเธอถามอย่างสงสัย เพราะน้อยครั้งที่เห็นรุ่นพี่ของตนทำหน้าเคร่งเครียดกับงานแบบ
ศีรษะเล็กเอียงลงเล็กน้อยพร้อมท้าวกับมือแบบชิดแก้มนุ่ม มืออีกข้างเคาะเข้ากับโต๊ะทำงานอย่างใช้ความคิด เมื่อน้องร่วมงานพูดถึงงานที่เธอเพิ่งจะส่งเมล์ไปเมื่อสองวันก่อน แต่ผลตอบรับทำเอาเธอถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ส่งไปแล้ว”
“เป็นไงบ้างคะ ผ่านไหม” คนถามลุ้นกับคำตอบที่จะได้ ๆ ไม่น้อย
“ทางนั้นเขายังไม่ตอบเลย พี่ก็รออยู่ไม่รู้ว่าจะต้องแก้ไขอะไรอีกไหม” เธอตอบอย่างเหนื่อยไม่ใช่กับงานที่ทำและต้องแก้ แต่เหมือนกับจะเหนื่อยกับเพื่อนของพี่ชายเสียมากกว่า
ภัคธีมาไม่ได้พบกับเตชินท์มาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และก่อนหน้านี้เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้พบกันอีกครั้ง อีกทั้งเป็นในฐานะลูกค้ารายใหญ่ของทางบริษัทเสียด้วย ก่อนหน้านี้ทั้งเธอและพี่ชายก็ไม่ค่อยได้พบหน้ากับสักเท่าไหร่ เพราะต่างคนต่างงานยุ่งเอามาก ๆ และทางหญิงสาวเองก็แทบจะไม่ได้เจอพี่ชายเหมือนกัน
“แล้วพี่จะเอายังไงต่อเหรอพี่เดียร์”
“จะทำยังไงได้ก็ทำได้แค่รอให้ตอบกลับเท่านั้นแหละ”
“สู้ ๆ ค่ะ หนูเชื่อว่าพี่เดียร์จัดการได้สบายมาก”
“ขอบใจจ๊ะ”
ในจังหวะที่เธอนั้นกำลังขอบคุณน้องร่วมงาน อยู่หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเธอที่วางอยู่ทางด้านหน้าปรากฏเบอร์โทรศัพท์ของใครบางคนที่เธอนั้นไม่รู้จักและไม่คุ้นแม้แต่น้อย เธอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกดรับสาย เพราะเธอนั้นคิดว่าสายที่เรียกเข้ามานั้นเป็นพวกแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่หลอกเงินชาวบ้าน
“สวัสดีค่ะ ใครคะ” ภัคธีมาตั้งใจฟังปลายสายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยประโยคต่อมา “ที่ไหนคะ เดี๋ยวออกไปค่ะ”
หลังจากคุยเรียบร้อยแล้วหญิงสาวกดตัดสายทันที แล้วเงยหน้าขึ้นมาบอกกับน้ำขิง “ขิงเดี๋ยวพี่ออกไปพบลูกค้าสักพักนะ คงไม่ได้กลับเข้ามาฝากบอกคุณธีรัตม์ด้วย”
“เอ่อค่ะ ว่าแต่พี่เดียร์จะไปพบใครเหรอคะ เผื่อคุณธีถามหนูจะได้บอกถูก”
“คุณเตชินท์” หญิงสาวบอกในจังหวะที่เก็บของส่วนตัวเข้ากระเป๋า เพราะนี่ก็ไกล้เวลาจะเลิกงานแล้ว คงไม่มีเวลากลับเข้ามาที่นี่อีก
“ได้ค่ะ เดี๋ยวขิงบอกให้นะคะ”
“ขอบใจมากนะ” หญิงสาวส่งยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนจะคว้ากระเป๋าที่เพิ่งเก็บของลงเมื่อครู่นี้แล้วเดินออกจากห้องมาพร้อมกับน้ำขิงก่อนที่จะตรงไปยังลิฟต์เพื่อไปลานจอดรถภายในตึกที่เธอทำงานอยู่
แต่เท้าเรียวต้องชะงักที่อยู่ ๆ เธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้ไม่ได้ขับรถมาเอง
“โอ๊ยตายแล้วยัยเดียร์ไปสายอีกแน่ ๆเลย”
คนตัวเล็กรีบกลับเข้าไปยังลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นล่างหมาย ที่จะเรียกรถแท็กซี่ เพราะเธอไม่อยากไปสายและโดนต่อว่า มันอาจจะส่งผลเสียถึงเจ้านายและบริษัทของเธอได้ สายตาหวานมองไปยังท้องถนนที่มีรถยนต์มากมาย แต่ทว่ากลับไม่มีรถที่จะจอดรับแม้แต่คันเดียว
อยู่ ๆ ก็มีรถยนต์คันหรูสีดำแล่นมาจอดตรงหน้าทำเอาเธอต้องก้าวถอยหลังเข้ามาอย่างตกใจ
“จอดรถบ้าอะไรเนี่ย เดี๋ยวก็ได้ตายกันพอดี” เธอสถบออกมาอย่างลืมตัวพร้อมทั้งมองไปยังรถยนต์ที่ติดฟิลม์ดำทึบด้วยความไม่พอใจ
“ขอโทษนะครับคุณเดียร์” เสียงของคนที่อยู่ด้านหลังพวงมาลัยดังขึ้นพร้อม ๆ กับกระจกที่ลดลงทำให้คนที่อยู่ด้านนอกเห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจนมากขึ้น
“ค่ะ คุณเป็นใครคะ แล้วทำไมถึงจอดรถเทียบอะไรขนาดนี้” เธอถามอย่างไม่พอใจ
“เจ้านายผมให้มารับคุณ”
คำพูดนั้นทำให้ภัคธีมายิ่งสงสัยเข้าไปกันใหญ่เลยว่า เจ้านายของคนตรงหน้าเป็นใครกัน แล้วทำไมคนที่เธอกำลังคุยด้วยถึงได้หน้าคุ้นเหมือนกับว่าเคยเจอกันมาครั้งสองครั้งแล้ว
“มารับฉันทำไมคะ”
คนที่ยืนอยู่ริมทางเท้าถามอย่างสงสัย เรื่องอะไรทำไมต้องมารับเธอและอีกอย่างตอนก็จำไม่ได้เสียด้วยซ้ำว่าเจ้านายที่คนตรงหน้าพูดถึงเป็นใครกันแน่ เพราะชีวิตนี้คนอย่างภัคธีมารู้จักพบปะผู้คนมากมายก็จริง แต่ใช่ว่าเธอจะจำได้เสียหน่อยว่าใครเป็นใคร
“ได้ข่าวว่าวันนี้ไม่ได้เอารถมา ขึ้นรถไปพร้อมพี่นี่แหละ” น้ำเสียงละคำสรรพนามที่เหมือนคุ้นเคยกันมานานและน้ำเสียงนั้นได้ยินเมื่อไม่นานมานี้
หรือว่าจะเป็น เตชินท์ ใช่เป็นเขาจริง ๆ
“ไปพร้อมพี่”
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ไปเจอกันที่ร้านเลยน่าจะดีกว่า” คนตัวเล็กบอกด้วยความเกรงใจอีกทั้งลำบากใจที่จะต้องนั่งรถของลูกค้ามันคงจะไม่ดีนัก
ครั้นเห็นคนตัวเล็กยืนลังเลอยู่นานสองนาน ชายหนุ่มจึงตัดสินใจเปิดประตูรถลงไปหาคนที่ยืนข้างรถพร้อมทั้งเปิดประตูอีกด้านให้หญิงสาวเข้าไปนั่งภายในรถยนต์คันหรูของตน ก่อนที่จะสั่งให้เลขาคนสนิทว่างตำแหน่งสารถีขับพาไปยังร้านอาหารที่ได้จองไว้ทันที ท่ามกลางความงวยงงของคนที่อยู่ข้าง ๆ ที่กำลังคิดว่าชายหนุ่มเขากำลังจะทำอะไรกันแน่
“อันที่จริงเราไปเจอกันตรงสถานที่นัดก็ได้นะคะ”
คนตัวเล็กเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบงันภายในรถที่นั่งกันมาในระยะหนึ่งไม่มีบทสนทนาอะไรเลย มันทำให้ค่อนข้างที่น่าน่าอึดอัดเหลือเกินสำหรับเธอ
“พี่บอกแล้วไงว่าทางเดียกันก็ไปด้วยกัน” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียเรียบเฉยราวกับว่าไม่สนใจในสิ่งที่ภัคธีมาถาม แต่ทว่าท่าทางของเจ้านายกลับอยู่ในสายตาของคนสนิทที่มองผ่านกระจกมองหลัง
‘โธ่เจ้านายครับ ตั้งใจมารับก็บอกไป’
นิธิลูกน้องคนสนิทค้านในใจในคำพูดของเตชินท์ที่สวนทางกับการกระทำเสียเหลือเกิน เจ้านายของเขาหลังจากที่ให้คนคอยตามดูว่าคุณภัคธีมาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ได้ขับรถมาทำงานเองหรือไม่ ภายในหัวของชายหนุ่มก็ผุดพรายราวกับมีแผนการอะไรต่อมิอะไรขึ้นมามากมาย เช่นการนัดเจอหญิงสาวข้างนอกโดยที่ใช้เรื่องงานบังหน้า
เขาเองก็อยากรู้เหลือเกินว่าเจ้านายของเขาจะทำอะไร เพราะตัวเองก็อ่านใจเตชินท์ไม่ออกเหมือนกัน
“มองอะไรของแกวะนิธิ”
“เปล่าครับคุณเตผมแค่มองไปทางรถข้างหลังแค่นั้นเองครับ”
คนเป็นเจ้านายพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะหันมาหาคนตัวเล็กนั่งนั่งอยู่ข้าง ๆ โดยมีของวางอยู่บตักคาดว่าจะเป็นอุปกรณ์ทำงานของหญิงสาว
“งานที่แก้ของพี่เป็นยังไงบ้าง”
เตชินท์เลือกใช้สรรพนามที่คุ้นหูกับหญิงสาวราวกับที่รู้จักกันมาแสนนาน แต่ก็จริงที่รู้จักกันมาตั้งแต่ตอนที่เธอเป็นเด็กมัธยมต้น ทว่าทั้งเขาและเธอห่างกันและไม่ได้ติดต่อกันมานานนับตั้งแต่ที่เรียนมหาวิทยาลัย
“ตอนนี้แก้ไปได้เยอะเหมือนกันค่ะ ฉันก็อยากจะให้คุณดูสักหน่อยว่าชอบในจุดที่แก้ใหม่ไหม”
“งั้นพี่ขอดูหน่อยได้ไหม”
ภัคธีมาพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนจะเปิดกระเป๋าหยิบไอแพดขึ้นมาเปิดงานให้เขาได้ดูว่จะต้องปรับต้องแก้อะไรยังไงตรงไหนบ้าง สุดท้ายเขาดูเหมือนจะพอใจว่างานที่เอเอาไปจัดการแก้มาตลอดสัปดาห์ แต่สุดท้ายเขากลับไม่พอใจอยากเปลี่ยนเป็นแบบใหม่ที่ทันสมัยกว่านี้
“พี่ว่าเดียร์ปรับให้พี่ใหม่อีกสักหน่อยนะ”
“เท่านี้ใช่ไหมคะ” มือเรียวจดสิ่งที่เขาต้องการเพิ่มเติมและแก้ไขลงสมุดโน้ตประจำกาย
“อืม”
“งั้นรบกวนจอดรถข้างหน้าด้วยค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพพร้อมทั้งเก็บของเข้ากระเป๋า
“จอดทำไมครับยังไม่ถึงร้านเลย” นิธิเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
“นั่นสิยังไม่ถึงร้านอาหารที่เรานัดกันเลยนะ”
“อันนที่จริง ฉันอยากจะไปคุยงานและอัปเดตทุกอย่างที่นั่นตามที่คุณนัดฉันออกมา แต่ว่าระหว่างทางฉันให้งานคุณดูแล้ว คุณเองก็บอกในจุดที่ต้องแก้และปรับเปลี่ยนให้กับฉันทั้งหมดเพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นที่ต้องไปถึงร้านอาหารก็ได้นี่คะ อีกอย่างจะได้กลับไปทำงานต่อเพื่อที่จะให้เรียบร้อยทันครั้งต่อไป”
“ถ้าคุยเรื่องงานเสร็จแล้วก็จะกลับเลยเหรอ ไม่คิดที่จะไปกินข้าวกับพี่หน่อยเหรอ”
“มันคงไม่ดีหรอกค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะคุณเตชินท์”
“ทำไมไม่เรียกพี่เตล่ะ”
ชายหนุ่มรู้สึกไม่ค่อยจะพอใจนักที่คนตรงหน้าเรียกราวกับคนไม่รู้จักกันเสียอย่างนั้น
“เวลางานค่ะ” เธอตอบกลับและพยายามข่มหัวใจตัวเองเอาไว้ไม่ให้หวั่นไหวและเผลอไผลไปกับเสน่ห์อันเหลือร้ายของคนที่นั่งอยู่ข้างกัน
ชายหนุ่มไม่ได้ตอบกลับอะไรนอกเสียจากยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะขอเข้าไปดูรีสอร์ทของคุณหน่อยนะคะ” เธอพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบภายในรถหลังจากที่เธอตอบไปและไร้ประโยคสนนาต่อมา
“ได้สิ เอาไว้เดี๋ยวผมนัดอีกที ขอบคุณที่เอางานมาให้ผมดูนะครับ”
“ขอบคุณเช่นกันค่ะที่จะเลี้ยงข้าวฉัน ไหนยังจะให้ฉันมาด้วยอีก”
ภัคธีมาลงจากรถของชายหนุ่มที่อยู่ไกล้กับสถานีรถไฟฟ้าเธอจะเดินทางกลับคอนโดมิเนียมของตนเองแทนการกลับไปยังออฟฟิศอีกครั้งเพราะกว่าจะกลับไปกลับมาเวลาทำงานเธอก็เหลืออีกไม่เท่าไหร่ สู้กลับไปทำงานที่ห้องของตัวเองเสียยังดีกว่า แต่หญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะโทรฯรายงานเจ้านายของตนเอง เกี่ยวกับงานที่เพิ่งออกมาคุยเมื่อสักครู่นี้
เตชินท์นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานนิ้วมือของเขาเคาะเข้ากับโต๊ะเบา ๆ ราวกับกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่ สายตาคมที่คิดว่าเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างแต่กลับจับจ้องไปยังรูปภาพที่อยู่บนหน้าจอ แล็ปท๊อปขนาดใหญ่ที่มีชายหนุ่มกับสาวสวยอีกหนึ่งคนกำลังยืนหวานชื่นท่ามกลางความงดงามของฝรั่งเศษ ก่อนจะลบมันออกจากเครื่องราวกับว่าไม่ต้องการที่จะเห็นมันอีกครั้ง ไม่ว่าภาพหวานชื่นเหล่านั้นจะมีสักเท่าไหร่ชายหนุ่มก็จัดการลบมันออกให้หมดลบมันออกจากหัวใจเพราะเขาเกลียดผู้หญิงทรยศคนนี้เหลือเกินระหว่างที่เขากำลังลบรูปภาพ อยู่ก็เห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตากับใบหน้าสวยหวานออกไปทางคมเล็กน้อยตามแบบฉบับราวกับสาวลูกครึ่ง รอยยิ้มที่ชวนหลงไหลไปกับสดใสตามวัยของเธอเมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าจะมาหลายปีก็ตามรอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ยังเหมือนเคยแต่อาจจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาภัคธีมาต้องไม่ได้เจอกันมาหลายปี ครั้งนี้เขาตั้งใจกลับมาพบเธออีกครั้ง สายตาคมเข้มมองงานที่ภัคธีมาส่งมาให้เขาตรวจเช็คอีกครั้งก่อนจะพาเธอเข้าไปดูสถานที่จริงเป็นครั้งที่สอง“คุณเตครับ คุณเดียร์ส่งแบบมาให้คุณเตมาส
“มาส่งดอกไม้ให้กับคุณภัคธีมาครับ”พนักงานส่งของบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางกวาดสายตามองหาเจ้าของชื่อว่าจะมีใครออกมารับหรือไม่จากการที่ดูแล้วทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างพากันก้มหน้าก้มตายุ่งงานของตัวเอง“วันนี้ดอกไม้ก็มาอีกหนึ่งช่อใหญ่ ๆ เหมือนเคย” เพื่อนร่วมงานของภัคธีมากลายเป็นคนรับดอกไม้จำเป็นเสียแล้ว เท่าที่นับได้อาทิตย์นี้เป็นช่อที่สามเห็นจะได้แล้ว“พี่เดียร์ได้รับดอกไม้อีกแล้ว”“วันนี้มีข้อความว่ายังไงบ้าง”เพรื่อนร่วมงานถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เพราะเรื่องราวเจ้าของรีสอร์ตหนุ่มกำลังตามจีบมัณฑนากรสาวคนแก่งของที่นี่กระจายไปทั่งบริษัท“ตอบไลน์พี่หน่อย จะดองไว้นานแค่ไหนคนดี”หลังจากเสียงอ่านข้อความในกระดาษการ์ดที่แนบมาด้วยจบทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้นพากันหวีดไม่น้อยกับประโยคที่ว่ามา“นี่ขิง เอาไปให้พี่เดียร์ที” คนที่เพิ่งจะรับของมาเมื่อครู่สอดกระดาษการ์ดใบเล็กเอาไว้ที่เดิมก่อนจะส่งให้ผู้ช่วยของหญองสาวก่อนจะเดินตรงเอาช่อดอกไม้แสนสวยไปให้กับภัคธีมาที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องของตัวเอง ในระหว่างทางที่กำลังจะเอาของไปให้นั้นก็เดินสวนกันกับเ
“ทำไมไม่มาดูตอนกลางวัน”เตชินท์เดินเคียงข้างกับภัคธีมาเข้ามาภายในโรงภาพยนตร์ เพื่อที่จะดูหนังรอบดึกกันสองต่อสอง เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาดูหนังกันเวลานี้“ก็ตอนกลางวันพี่เตกับเดียร์ก็ทำงานกันนี่คะ แล้วจะเอาเวลาไหนมาดู” คนตัวเล็กที่ถือถังป๊อปคอร์นกับแก้วน้ำยืนอยู่ตรงหน้า“กลางวันพี่ว่าง”“ก็พี่เป็นเจ้านายเขาจะทำงานก็ได้ไม่ทำก็ได้ แต่เดียร์เป็นลูกจ้างเขานะจะลาหยุดบ่อยก็ไม่ดี”“ลาหยุดไม่ดี งั้นลาออกจากงานมาพี่เลี้ยงเอง”“พูดเป็นเล่นน่าพี่เต” ประโยคเมื่อครู่นี้ทำเอาคนตัวเล็กตกตะลึงอยู่ไม่น้อย เพราะเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเธอ ส่วนมากก็แค่หยอกเท่านั้น แต่ที่ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันดูต่างออกไปเหลือเกิน“พี่พูดจริง”เตชินท์บอกพลางส่งสายตาหวานซึ้งให้หญิงสาวโยที่เจ้าตัวนั้นไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย ผิดกับภัคธีมาที่คอยมองซ้ายแลขวาราวกับกลัวว่าจะมีคนรู้จักมาเห็นเสียอย่างนั้น เธอจึงตัดสินใจจชวนชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาสีแดงที่อยู่ไม่ห่างมากนัก เพราะหากยืนอยู่ตรงนี้ก็จะเป็นการขวางทางเดินผ่านไปผ่านมา เวลาของภาพยนต์ที่กำล
ชีวิตการทำงานที่แสนราบเรียบของภัคธีมาดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่แล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่ทุกคนเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับเตชินท์ลูกค้ารายใหญ่ของทางบริษัท เหมือนมีบางอย่างที่ผิดปกเกี่ยวกับอารมณ์ของมัณฑนากรสาวที่ช่วงหลัง ๆ อารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อนเสียอีก“ทุกคนเดียร์ซื้อชานมไข่มุกหวานน้อยมาฝากค่ะทุกคน”คนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาภายออฟฟิศหลังจากที่เธอออกไปคุยงานกับลูกค้าอีกคนหนึ่งมาและระหว่างทางที่ขับรถกลับออฟฟิศนั้นเกิดอยากจะกินชานมไข่มุกของร้านที่อยู่ข้างล่างเข้าพอดีในจังหวะที่คนตัวเล็กกำลังจะสั่งคนที่เพิ่งแยกออกมาจะเธอเมื่อช่วงเช้สตรู่เดินเข้ามาหาพร้อมทั้งจ่ายค่าเครื่องดื่มอีกทั้งยังสั่งเผื่อพนักงานคนอื่น ๆ อีกหลายสิบแก้วให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆก่อนที่เตชินท์จะเดินจากไปเธอถามเขาว่ามมาจ่ายค่าเครื่องดื่มพวกนี้ให้เธอทำไมกันเขาบอกเธอแค่ว่า ‘จ่ายเงินให้เมียมันผิดตรงไหน’ คำพูดของเขาทำเอาเธอนิ่งเงียบไม่สามารถตอบโต้อะไรเขาได้เลย เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมามันคือเรื่องจริง“วันนี้ฝนจะตกไหมเนี่ย““นั่นสิ พักหลัง ๆ
“กรทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ”น้ำเสียงหวานละมุนของใครบางคนดังมาแต่ไกล เจ้าหล่อนเห็นคนรักของตัวเองเดินมาหยุดที่ประตูหน้าบ้านเป็นเวลานานสองนาน ไม่ยอมเดินเข้าไปสักทีตนจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปถามไกล ๆ แต่เสียงสนทนาของคนที่อยู่ด้านในนั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน‘ทำไมเสียงมันคุ้น ๆ อะไรแบบนี้ง’“เปล่าหรอกไม่มีอะไร” ธนินหันไปตอบแฟนสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ให้ผิดสังเกตว่าตนกำลังคิดเรื่องราวบางอย่างจึงรีบบอกปัดออกไป“งั้นเข้าไปหาคุณย่าดีกว่า เหมือนชมได้ยินเสียงของน้องเดียร์น่าจะอยู่ข้างในกับคุณย่าเหมือนกัน” ชลิตาแฟนสาวของธนินพูดขึ้นพร้อมทั้งเดินนำหน้าเข้าไปในบ้านพร้อมทั้งยกมือทักทายย่าอ่อนศรี“สวัสดีค่ะย่า น้องเดียร์”เสียงทักทายของผู้มาใหม่ทำเอาบทสนทนาที่กำลังสนุกคึกครื้นเมื่อครู่นี้เงียบลง ทั้งสามคนพร้อมใจกันหันไปมองตามเสียง แต่ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้จะมีหนึ่งคนที่นิ่งอึ้งไม่พูดอะไร“พี่กร พี่ชม กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะทำไมไม่โทรบอกจะได้ไปรับ”“พี่อยากจะเซอร์ไพร์ทน้องเดียร์ด้วย”คนตัวเล็กฟังแล้วพยักหน้ารับยิ้ม ๆ“สวัส
“วันนี้ใครมาคุณเตมารับหรือเปล่าน่ะเดียร์” เสียงของเพื่อนร่วมงานถามอย่างเป็นปกติโดยที่ไม่มีอะไรพิเศษ มันเป็นประโยคที่แสนจะเรียบง่ายก็ตาม แต่มันก็ชินเสียแล้วสำหรับภัคธีมา“วันนี้กลับเองพอดีพี่เตมีประชุมน่ะ” เธอตอบกลับยิ้ม ๆ“งั้นดีเลย คุณเตไม่มางั้นเราไปหาอะไรกินกันมั้ย”ภัคธีมานิ่งราวกับคิดอยู่ครู่ว่ามีงานค้างหรืออะไรที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จหรือเปล่า แต่เมื่อทุกิย่างไม่ได้เยอะแยะมากมายอะไรเธอจึงพยักหน้าตอบตกลง เพราะเธอเองหลังจากที่หมั้นกับเตชินท์ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนเลย วันหยุดก็อยู่แต่กับชายหนุ่มตั้งแต่เช้าจรดค่ำเรียกว่าตัวติดกันจนแทบจะเป็นปาท่องโก๋ก็ว่าได้“แน่นะว่าไปได้ ไม่ใช่ไปถึงร้านแล้วคุณเตชินท์สุดหล่อของเธอโทรฯหาอีกล่ะ” ตะวันวาดแซวเพื่อนยิ้ม ๆ เพราะมองเพื่อนแววตานั้นเต็มไปด้วยความรักเมื่อพูดถึงคู่หมั้นหนุ่มเพราะตะวันวาดเองเพิ่งรู้มาจากเพื่อนว่าเตชินท์เป็นรักแรกของเธอตั้งแต่สมัยเด็กแต่ด้วยความต่างอะไรหลาย ๆ อย่างเลยไม่อาจบอกไป และจำได้ช่วงตอนมัธยมเหมือยอีกฝ่ายจะมีคนรักที่กำลังคบกันอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าใคร ทำได้เพียงแค่แอบมองอยู
หลายเดือนผ่านไป หลังจากที่งานมั่นของทั้งคู่ได้จัดขึ้นเรียบร้อยรวมทั้งผู้คนหมู่มากรู้เรื่องราวของสองหนุ่มสาวไปบ้างแล้ว ทุกคนต่างใช้ชีวิตกันตามปกติเช่นเดิมในทุก ๆวัน“งานเมื่อไหร่จะเรียบร้อยสักทีเหนื่อยไปหมดแล้ว” ร่างเล็กแต่สูงเพรียวของภัคธีมานั่งอยู่หน้าแลปท็อปของตัวเองพลางแก้งานให้ลูกค้ารายใหม่และรายเก่าที่ยังไม่เรียบร้อยดีจนแทบหัวหมุน แต่ทว่าเธอนั้นโชคดีหน่อยทั่งานของเตชินท์นั้นเรียบร้อยไปเกินครึ่งแล้ว เธอเทียวลงไปดูงานเองแทบจะทุกครั้งตามคำสั่งของเจ้านายอย่างธีรัตม์“เดี๋ยวนี้บ่นเก่งจริง ๆ นะเพื่อนฉันเนี่ย” “ก็ปกติมั้ยที่บ่นเนี่ย วันไหนไม่บ่นน่ะสิแปลกแล้ว”“ก็จริงที่พี่เดียร์พูดนะคะพี่ตะวัน ถ้าขิงไม่ได้ยินพี่เดียร์บ่นน่ะวันนั้นจะเป็นอะไรที่แปลกมากจนคิดว่ามีใครทำอะไรให้ไม่พอใจอย่างนั้นแหละ”“ชอบให้บ่นหรือไม่ให้บ่นล่ะเนี่ย”“บ่นนั่นแหละมันเป็นตัวแกดี เงียบ ๆ ขรึม ๆ เหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อนมันไม่ดีบรรยากาศอึมครึมบากขอบอก” ตะวันวาดเสริม พลางมองหน้าคนที่นั่งหน้าเครียดกับงานยิ้ม ๆ
รีสอร์ทของเตชินท์แทบจะกลายเป็นที่ประจำของภัคธีมาเมื่อหลายเดือนก่อน เพราะเธอมาที่นี่ทำงานอีกทั้งก็มาพักผ่อนกับคนรักของเธอ แต่พักหลังมานี้คนตัวเล็กแทบจะไม่มีเวลามาอีกทั้งงานที่เธอรับผิดชอบก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วมีเพียงแค่มาช่วยดูรายละเอียดความเรียบร้อยของการตกแต่งต่าง ๆ ว่าเป็นไปตามที่เธออกแบบหรือเปล่า“เข้าไปข้างในกัน”สองพี่น้องเดินตรงเข้าไปข้างในรีสอร์ทของเตชินท์ เพื่อที่จะให้ภัคธีมาคุยประบความเข้าใจกับเพื่อนของตัวเอง ทั้งสองเดินหาอยู่นานสองนานก็ยังไม่พบ จึงเอ่ยถามพนักงานที่อยู่แต่นั้นว่าเห็นเจ้าของรีสอร์ทหนุ่มอยู่ที่ไหน หลังจากที่ได้คำตอบแล้วจึงรีบเดินตรงไปที่นั่นทันที ในยามนี้ท้องฟ้าเริ่มที่จะมืดพอสมควรตอนนี้มันเริ่มค่ำแล้วเพราะจากคำบอกเล่าของพนกงานชายและหญิงสองคนนั้นตอบมา ว่าเห็นเจ้านายกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนอยู่ที่บ้านพักของตนเองที่ท้ายหาดข้างบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างได้ไม่นาน ก็ได้ยอนเสียงสนทนาที่ค่อย ๆ ดังขั้นมา“มึงทำจริงเหรอวะที่มึงหมั้นกับน้องเดียร์เพราะอยากเอาคืนไอ้กรที่มันเคยทำกับมึงไว้ใช่ไหม”ตุลธรถามเพื่อนอย่างสงสัย ผู้ร่ว
“มาที่นี่ทำไมวะ” พี่ชายของภัคธีมาถามราวกับไม่ได้เป็นมิตรเสียอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่จัดการปัญหาที่ค้างคาแล้ว “กูมาหาเดียร์ เดียร์อยู่ข้างในใช่ไหม”“อยู่ แต่มึงเข้าไปน้องกูก็ไม่อยากเจอมึงอยู่ดี” ธนินบอกไปตามตรงหลังจากที่สังเกตุอาการของน้องตัวเอง“แต่กูอยากคุยกับเดียร์จริงๆ”เสียงของชายหนุ่มอ้อนวอนคนตรงหน้าอย่างขอความเห็นใจ พลางกวาดสายตามองเข้าไปข้างในบ้านด้วยความคุ้นเคย แต่กลับไปสะดุดกับร่างคุ้นตาที่แสนคิดถึงที่เดินออกมาจากในครัวและเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสอง“เดียร์เป็นยังไงบ้าง คุยกับพี่หน่อย”หญิงสาวหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกของคนที่ทำร้ายจิตใจของเธอไม่อาจลืม ผู้ชายคนที่เธอมอบหัวทั้งดวงเอาไปให้เขาโยนทิ้ง ภัคธีมามองไปทางเตชินท์ที่ยืนอยู่หน้าพี่ชายเธอครู่หนึ่งก่อนจะเดินขึ้นห้องไปทำทีเป็นไม่สนใจ แต่ในใจของเธอนั้นก็ยังคงรักเขาอยู่ ด้วยความที่บาดแผลที่เธอได้รับมานั้นเพิ่งสด ๆ ร้อน ๆ ขอเวลาให้ตัวเองได้ทบทวนอะไรต่อมิอะไรเสียหน่อยว่าจะเอาอย่างไรต่อไป“เดียร์พี่ขอโทษคุยกับพี่ก่อน”“มึงให้เวลาน้อง
รีสอร์ทของเตชินท์แทบจะกลายเป็นที่ประจำของภัคธีมาเมื่อหลายเดือนก่อน เพราะเธอมาที่นี่ทำงานอีกทั้งก็มาพักผ่อนกับคนรักของเธอ แต่พักหลังมานี้คนตัวเล็กแทบจะไม่มีเวลามาอีกทั้งงานที่เธอรับผิดชอบก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้วมีเพียงแค่มาช่วยดูรายละเอียดความเรียบร้อยของการตกแต่งต่าง ๆ ว่าเป็นไปตามที่เธออกแบบหรือเปล่า“เข้าไปข้างในกัน”สองพี่น้องเดินตรงเข้าไปข้างในรีสอร์ทของเตชินท์ เพื่อที่จะให้ภัคธีมาคุยประบความเข้าใจกับเพื่อนของตัวเอง ทั้งสองเดินหาอยู่นานสองนานก็ยังไม่พบ จึงเอ่ยถามพนักงานที่อยู่แต่นั้นว่าเห็นเจ้าของรีสอร์ทหนุ่มอยู่ที่ไหน หลังจากที่ได้คำตอบแล้วจึงรีบเดินตรงไปที่นั่นทันที ในยามนี้ท้องฟ้าเริ่มที่จะมืดพอสมควรตอนนี้มันเริ่มค่ำแล้วเพราะจากคำบอกเล่าของพนกงานชายและหญิงสองคนนั้นตอบมา ว่าเห็นเจ้านายกำลังนั่งดื่มกับเพื่อนอยู่ที่บ้านพักของตนเองที่ท้ายหาดข้างบ้านหลังใหม่ที่เพิ่งสร้างได้ไม่นาน ก็ได้ยอนเสียงสนทนาที่ค่อย ๆ ดังขั้นมา“มึงทำจริงเหรอวะที่มึงหมั้นกับน้องเดียร์เพราะอยากเอาคืนไอ้กรที่มันเคยทำกับมึงไว้ใช่ไหม”ตุลธรถามเพื่อนอย่างสงสัย ผู้ร่ว
หลายเดือนผ่านไป หลังจากที่งานมั่นของทั้งคู่ได้จัดขึ้นเรียบร้อยรวมทั้งผู้คนหมู่มากรู้เรื่องราวของสองหนุ่มสาวไปบ้างแล้ว ทุกคนต่างใช้ชีวิตกันตามปกติเช่นเดิมในทุก ๆวัน“งานเมื่อไหร่จะเรียบร้อยสักทีเหนื่อยไปหมดแล้ว” ร่างเล็กแต่สูงเพรียวของภัคธีมานั่งอยู่หน้าแลปท็อปของตัวเองพลางแก้งานให้ลูกค้ารายใหม่และรายเก่าที่ยังไม่เรียบร้อยดีจนแทบหัวหมุน แต่ทว่าเธอนั้นโชคดีหน่อยทั่งานของเตชินท์นั้นเรียบร้อยไปเกินครึ่งแล้ว เธอเทียวลงไปดูงานเองแทบจะทุกครั้งตามคำสั่งของเจ้านายอย่างธีรัตม์“เดี๋ยวนี้บ่นเก่งจริง ๆ นะเพื่อนฉันเนี่ย” “ก็ปกติมั้ยที่บ่นเนี่ย วันไหนไม่บ่นน่ะสิแปลกแล้ว”“ก็จริงที่พี่เดียร์พูดนะคะพี่ตะวัน ถ้าขิงไม่ได้ยินพี่เดียร์บ่นน่ะวันนั้นจะเป็นอะไรที่แปลกมากจนคิดว่ามีใครทำอะไรให้ไม่พอใจอย่างนั้นแหละ”“ชอบให้บ่นหรือไม่ให้บ่นล่ะเนี่ย”“บ่นนั่นแหละมันเป็นตัวแกดี เงียบ ๆ ขรึม ๆ เหมือนเมื่ออาทิตย์ก่อนมันไม่ดีบรรยากาศอึมครึมบากขอบอก” ตะวันวาดเสริม พลางมองหน้าคนที่นั่งหน้าเครียดกับงานยิ้ม ๆ
“วันนี้ใครมาคุณเตมารับหรือเปล่าน่ะเดียร์” เสียงของเพื่อนร่วมงานถามอย่างเป็นปกติโดยที่ไม่มีอะไรพิเศษ มันเป็นประโยคที่แสนจะเรียบง่ายก็ตาม แต่มันก็ชินเสียแล้วสำหรับภัคธีมา“วันนี้กลับเองพอดีพี่เตมีประชุมน่ะ” เธอตอบกลับยิ้ม ๆ“งั้นดีเลย คุณเตไม่มางั้นเราไปหาอะไรกินกันมั้ย”ภัคธีมานิ่งราวกับคิดอยู่ครู่ว่ามีงานค้างหรืออะไรที่ต้องเคลียร์ให้เสร็จหรือเปล่า แต่เมื่อทุกิย่างไม่ได้เยอะแยะมากมายอะไรเธอจึงพยักหน้าตอบตกลง เพราะเธอเองหลังจากที่หมั้นกับเตชินท์ก็ไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนกับเพื่อนเลย วันหยุดก็อยู่แต่กับชายหนุ่มตั้งแต่เช้าจรดค่ำเรียกว่าตัวติดกันจนแทบจะเป็นปาท่องโก๋ก็ว่าได้“แน่นะว่าไปได้ ไม่ใช่ไปถึงร้านแล้วคุณเตชินท์สุดหล่อของเธอโทรฯหาอีกล่ะ” ตะวันวาดแซวเพื่อนยิ้ม ๆ เพราะมองเพื่อนแววตานั้นเต็มไปด้วยความรักเมื่อพูดถึงคู่หมั้นหนุ่มเพราะตะวันวาดเองเพิ่งรู้มาจากเพื่อนว่าเตชินท์เป็นรักแรกของเธอตั้งแต่สมัยเด็กแต่ด้วยความต่างอะไรหลาย ๆ อย่างเลยไม่อาจบอกไป และจำได้ช่วงตอนมัธยมเหมือยอีกฝ่ายจะมีคนรักที่กำลังคบกันอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าใคร ทำได้เพียงแค่แอบมองอยู
“กรทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ”น้ำเสียงหวานละมุนของใครบางคนดังมาแต่ไกล เจ้าหล่อนเห็นคนรักของตัวเองเดินมาหยุดที่ประตูหน้าบ้านเป็นเวลานานสองนาน ไม่ยอมเดินเข้าไปสักทีตนจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปถามไกล ๆ แต่เสียงสนทนาของคนที่อยู่ด้านในนั้นช่างคุ้นหูเสียเหลือเกิน‘ทำไมเสียงมันคุ้น ๆ อะไรแบบนี้ง’“เปล่าหรอกไม่มีอะไร” ธนินหันไปตอบแฟนสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ให้ผิดสังเกตว่าตนกำลังคิดเรื่องราวบางอย่างจึงรีบบอกปัดออกไป“งั้นเข้าไปหาคุณย่าดีกว่า เหมือนชมได้ยินเสียงของน้องเดียร์น่าจะอยู่ข้างในกับคุณย่าเหมือนกัน” ชลิตาแฟนสาวของธนินพูดขึ้นพร้อมทั้งเดินนำหน้าเข้าไปในบ้านพร้อมทั้งยกมือทักทายย่าอ่อนศรี“สวัสดีค่ะย่า น้องเดียร์”เสียงทักทายของผู้มาใหม่ทำเอาบทสนทนาที่กำลังสนุกคึกครื้นเมื่อครู่นี้เงียบลง ทั้งสามคนพร้อมใจกันหันไปมองตามเสียง แต่ดูเหมือนว่าการมาครั้งนี้จะมีหนึ่งคนที่นิ่งอึ้งไม่พูดอะไร“พี่กร พี่ชม กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะทำไมไม่โทรบอกจะได้ไปรับ”“พี่อยากจะเซอร์ไพร์ทน้องเดียร์ด้วย”คนตัวเล็กฟังแล้วพยักหน้ารับยิ้ม ๆ“สวัส
ชีวิตการทำงานที่แสนราบเรียบของภัคธีมาดำเนินไปตามปกติเหมือนเช่นทุกครั้ง แต่แล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่ทุกคนเริ่มสงสัยในความสัมพันธ์ของเธอกับเตชินท์ลูกค้ารายใหญ่ของทางบริษัท เหมือนมีบางอย่างที่ผิดปกเกี่ยวกับอารมณ์ของมัณฑนากรสาวที่ช่วงหลัง ๆ อารมณ์ดีกว่าเมื่อก่อนเสียอีก“ทุกคนเดียร์ซื้อชานมไข่มุกหวานน้อยมาฝากค่ะทุกคน”คนตัวเล็กเดินกลับเข้ามาภายออฟฟิศหลังจากที่เธอออกไปคุยงานกับลูกค้าอีกคนหนึ่งมาและระหว่างทางที่ขับรถกลับออฟฟิศนั้นเกิดอยากจะกินชานมไข่มุกของร้านที่อยู่ข้างล่างเข้าพอดีในจังหวะที่คนตัวเล็กกำลังจะสั่งคนที่เพิ่งแยกออกมาจะเธอเมื่อช่วงเช้สตรู่เดินเข้ามาหาพร้อมทั้งจ่ายค่าเครื่องดื่มอีกทั้งยังสั่งเผื่อพนักงานคนอื่น ๆ อีกหลายสิบแก้วให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่น ๆก่อนที่เตชินท์จะเดินจากไปเธอถามเขาว่ามมาจ่ายค่าเครื่องดื่มพวกนี้ให้เธอทำไมกันเขาบอกเธอแค่ว่า ‘จ่ายเงินให้เมียมันผิดตรงไหน’ คำพูดของเขาทำเอาเธอนิ่งเงียบไม่สามารถตอบโต้อะไรเขาได้เลย เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดมามันคือเรื่องจริง“วันนี้ฝนจะตกไหมเนี่ย““นั่นสิ พักหลัง ๆ
“ทำไมไม่มาดูตอนกลางวัน”เตชินท์เดินเคียงข้างกับภัคธีมาเข้ามาภายในโรงภาพยนตร์ เพื่อที่จะดูหนังรอบดึกกันสองต่อสอง เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องมาดูหนังกันเวลานี้“ก็ตอนกลางวันพี่เตกับเดียร์ก็ทำงานกันนี่คะ แล้วจะเอาเวลาไหนมาดู” คนตัวเล็กที่ถือถังป๊อปคอร์นกับแก้วน้ำยืนอยู่ตรงหน้า“กลางวันพี่ว่าง”“ก็พี่เป็นเจ้านายเขาจะทำงานก็ได้ไม่ทำก็ได้ แต่เดียร์เป็นลูกจ้างเขานะจะลาหยุดบ่อยก็ไม่ดี”“ลาหยุดไม่ดี งั้นลาออกจากงานมาพี่เลี้ยงเอง”“พูดเป็นเล่นน่าพี่เต” ประโยคเมื่อครู่นี้ทำเอาคนตัวเล็กตกตะลึงอยู่ไม่น้อย เพราะเขาไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับเธอ ส่วนมากก็แค่หยอกเท่านั้น แต่ที่ฟังจากน้ำเสียงแล้วมันดูต่างออกไปเหลือเกิน“พี่พูดจริง”เตชินท์บอกพลางส่งสายตาหวานซึ้งให้หญิงสาวโยที่เจ้าตัวนั้นไม่สนใจว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่น้อย ผิดกับภัคธีมาที่คอยมองซ้ายแลขวาราวกับกลัวว่าจะมีคนรู้จักมาเห็นเสียอย่างนั้น เธอจึงตัดสินใจจชวนชายหนุ่มมานั่งที่โซฟาสีแดงที่อยู่ไม่ห่างมากนัก เพราะหากยืนอยู่ตรงนี้ก็จะเป็นการขวางทางเดินผ่านไปผ่านมา เวลาของภาพยนต์ที่กำล
“มาส่งดอกไม้ให้กับคุณภัคธีมาครับ”พนักงานส่งของบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางกวาดสายตามองหาเจ้าของชื่อว่าจะมีใครออกมารับหรือไม่จากการที่ดูแล้วทุกคนที่อยู่ในนี้ต่างพากันก้มหน้าก้มตายุ่งงานของตัวเอง“วันนี้ดอกไม้ก็มาอีกหนึ่งช่อใหญ่ ๆ เหมือนเคย” เพื่อนร่วมงานของภัคธีมากลายเป็นคนรับดอกไม้จำเป็นเสียแล้ว เท่าที่นับได้อาทิตย์นี้เป็นช่อที่สามเห็นจะได้แล้ว“พี่เดียร์ได้รับดอกไม้อีกแล้ว”“วันนี้มีข้อความว่ายังไงบ้าง”เพรื่อนร่วมงานถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เพราะเรื่องราวเจ้าของรีสอร์ตหนุ่มกำลังตามจีบมัณฑนากรสาวคนแก่งของที่นี่กระจายไปทั่งบริษัท“ตอบไลน์พี่หน่อย จะดองไว้นานแค่ไหนคนดี”หลังจากเสียงอ่านข้อความในกระดาษการ์ดที่แนบมาด้วยจบทำเอาคนที่อยู่ตรงนั้นพากันหวีดไม่น้อยกับประโยคที่ว่ามา“นี่ขิง เอาไปให้พี่เดียร์ที” คนที่เพิ่งจะรับของมาเมื่อครู่สอดกระดาษการ์ดใบเล็กเอาไว้ที่เดิมก่อนจะส่งให้ผู้ช่วยของหญองสาวก่อนจะเดินตรงเอาช่อดอกไม้แสนสวยไปให้กับภัคธีมาที่กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องของตัวเอง ในระหว่างทางที่กำลังจะเอาของไปให้นั้นก็เดินสวนกันกับเ
เตชินท์นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานนิ้วมือของเขาเคาะเข้ากับโต๊ะเบา ๆ ราวกับกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่ สายตาคมที่คิดว่าเหม่อมองออกไปข้างนอกหน้าต่างแต่กลับจับจ้องไปยังรูปภาพที่อยู่บนหน้าจอ แล็ปท๊อปขนาดใหญ่ที่มีชายหนุ่มกับสาวสวยอีกหนึ่งคนกำลังยืนหวานชื่นท่ามกลางความงดงามของฝรั่งเศษ ก่อนจะลบมันออกจากเครื่องราวกับว่าไม่ต้องการที่จะเห็นมันอีกครั้ง ไม่ว่าภาพหวานชื่นเหล่านั้นจะมีสักเท่าไหร่ชายหนุ่มก็จัดการลบมันออกให้หมดลบมันออกจากหัวใจเพราะเขาเกลียดผู้หญิงทรยศคนนี้เหลือเกินระหว่างที่เขากำลังลบรูปภาพ อยู่ก็เห็นภาพของผู้หญิงคนหนึ่งที่คุ้นหน้าคุ้นตากับใบหน้าสวยหวานออกไปทางคมเล็กน้อยตามแบบฉบับราวกับสาวลูกครึ่ง รอยยิ้มที่ชวนหลงไหลไปกับสดใสตามวัยของเธอเมื่อหลายปีก่อน ไม่ว่าจะมาหลายปีก็ตามรอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ยังเหมือนเคยแต่อาจจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเขาภัคธีมาต้องไม่ได้เจอกันมาหลายปี ครั้งนี้เขาตั้งใจกลับมาพบเธออีกครั้ง สายตาคมเข้มมองงานที่ภัคธีมาส่งมาให้เขาตรวจเช็คอีกครั้งก่อนจะพาเธอเข้าไปดูสถานที่จริงเป็นครั้งที่สอง“คุณเตครับ คุณเดียร์ส่งแบบมาให้คุณเตมาส