หมิงหลันรู้สึกผิดอยู่ในใจ เพราะคำที่ท่านจอมมารกล่าวมานั้นเป็นความจริงทุกประการ ทว่านางก็มิได้คิดว่าจะให้เขามาเป็นสามีอยู่แล้วนี่!
เพียงแค่ได้รักเขาข้างเดียวเช่นนี้ก็พอ ในอนาคตเขาอาจจะมีสตรีที่เขาจะแต่งงานด้วย หากว่าถึงเวลานั้นจริงๆ นางจะเดินออกไปเอง “ข้ามิได้ต้องการให้ท่านจอมมารมารักข้า ข้าเพียงอยากอยู่ใกล้ท่านอีกสักหน่อย เหตุใดถึงได้ปฏิเสธเช่นนั้น? ข้าเพียงอยากทำความคุ้นเคย ก่อนจะถึงวันที่เราต้องร่วมหอ..” เป็นครั้งแรกที่หลี่เจ๋อเชี่ยนพบเจอสตรีที่ดื้อรั้นหน้ามึนเช่นนี้ แล้วใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อนั้นคืออะไร! รู้สึกเขินอายเป็นด้วยหรือ! “ตามใจเจ้าเถิด หากว่าเจ้าอยู่ในที่ของเจ้า ไม่มารบกวนการทำงานของข้า เจ้าจะทำเช่นไรก็ตามใจ” เขาถอดเสื้อด้านนอกออกวางไว้บนโต๊ะ โดยไม่สนสายตาของหมิงหลันเลย หลี่เจ๋อเชี่ยนพยายามควบคุมสีหน้าของตัวเองให้เป็นปกติ เพราะเขาพึ่งจะเคยถอดเสื้อออก ท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นของสตรีเช่นนี้เป็นครั้งแรก เขาจัดการดับเทียนแล้วเดินไปที่เตียง ก่อนจะล้มตัวนอนลงโดยมิได้สนใจหมิงหลัน “เช่นนั้นข้าสามารถนอนร่วมเตียงกับท่านจอมมารได้ใช่ไหมเจ้าคะ?” เจ๋อเชี่ยนมิได้กล่าวคำใดเขาหลับตาลงพร้อมกับนอนหันหลังให้นาง ไม่ตอบเช่นนี้ แสดงว่าตกลงสินะ นี่เขายอมที่จะให้นางสัมผัสร่างกายเขาแล้วงั้นหรือ! การที่ท่านจอมมารหันหลังให้เช่นนี้ ในตำราปกขาวกล่าวเอาไว้ว่า การร่วมเตียงครั้งแรกหากสามีหรือภรรยานอนหันหลัง นั่นหมายความว่าผู้นั้นกำลังรู้สึกเขินอาย จะต้องดับไฟทั้งหมดหรือรอให้เขาหลับก่อนค่อยเริ่มการสัมผัสที่หวานซึ้งได้ ที่แท้ท่านจอมมารก็กำลังเขินอายนี่เอง! หมิงหลันล้มตัวนอนลงข้างเขา นางรักษาระยะห่างเอาไว้ให้พอดี ดวงตาคู่งามกำลังจ้องมองแผ่นหลังของเขาด้วยหัวใจที่เต้นแรง ถึงแม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่ความทรงจำและความสุขของหมิงหลันคนเดียวแต่นางก็ยินยอม ต่อให้ต้องคลอดลูกให้เขาแล้วหมิงหลันจะต้องกลับไปสู่แดนบุปผานางก็จะกลับไปอย่างไม่เรียกร้องสิ่งใด หน้าที่ของนางคือให้กำเนิดองค์รัชทายาทของเผ่ามาร หมิงหลันเพียงฉกฉวยเอาหน้าที่มาเติมเต็มความเพ้อฝันในใจก็เท่านั้น ตอนนี้ด้านนอกเงียบสงัดเพราะเป็นเวลาดึกมากแล้ว เทียนในห้องก็ดับจนหมด จันทราในวันนี้ไร้ซึ่งแสงสว่างเพราะเป็นคืนเดือนมืด เสียงลมหายใจของท่านจอมมารสม่ำเสมอแล้ว นั่นแปลว่าเขาเข้าสู่ห้วงนิทราไปเรียบร้อย หมิงหลันยกมือขึ้นมาร่ายมนตร์หลับใหลใส่ท่านจอมมาร หากเขาตื่นมาตอนที่นางกำลังสัมผัสเขา เขาคงจะด่าอย่างหนัก แล้วไล่นางออกไปจากห้องนี้แน่นอน หมิงหลันลุกขึ้นมานั่งบนเตียง นางยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้าที่ในใจทั้งหลงใหลและเฝ้าฝันถึงมาตลอดหลายร้อยปี นี่ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม ปลายนิ้วของนางสามารถสัมผัสเขาได้จริงๆ ใช่ไหม? หมิงหลันก้มหน้ามาจรดริมฝีปากลงบนหน้าผาก เปลือกตา ไล่ลงไปจนถึงริมฝีปากของเขา นางขบเม้มที่ริมฝีปากของเขาเบาๆ หมิงหลันใช้ลิ้นลากไล้ไปตามไรฟันก่อนจะสอดปลายลิ้นเข้าไปด้านในปากของเขา นางใช้ลิ้นเรียวเล็กปลุกเร้าลิ้นของเขาอย่าเย้ายวน น่าเสียดายที่ตอนนี้ท่านจอมมารไร้สติ หากว่าเขามีสติละก็ เขาอาจจะตอบรับจุมพิตที่แสนหวานของนางกลับมาบ้าง ทว่าเท่านี้ก็พอ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับหมิงหลัน แค่ได้สัมผัสเขาเพียงเท่านี้หัวใจของนางก็สุขล้นจนแทบเจียนจะเสียสติแล้ว!! ในตอนแรกหมิงหลันก็คิดเอาไว้เช่นนั้น ทว่าเธอดันเหลือบไปเห็นบางอย่าง ที่มันตื่นขึ้นมาตรงหว่างขาของท่านจอมมาร นางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ไม่ต้องบอกเธอก็รู้ว่านั่นคือแท่งทวนขนาดใหญ่ของเขา ไวกว่าความคิด หมิงหลันก็เอื้อมอืมมือไปสัมผัสอย่างแผ่วเบา นางยกมืออีกข้างมาปิดปากตัวเองเพื่อไม่ให้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา ขนาดสัมผัสผ่านกางเกง มันยังแข็งและร้อนขนาดนี้หากว่าได้สัมผัสโดยไร้สิ่งกีดขวางล่ะ จะรู้สึกเช่นไรกันนะ? ดวงตาคู่สวยปรายตามองที่ใบหน้าของท่านจอมมาร พลังปราณของหมิงหลันยังไม่มีฤทธิ์มากพอที่จะใช้เป็นเวลานาน เพราะนางถือเป็นเทพบุปผาที่ยังมีอายุน้อยเพียงแค่ไม่กี่ร้อยปีเท่านั้น แต่เมื่อเห็นใบหน้าของท่านจอมมารยังคงหลับอยู่ แสดงว่าคาถาของนางนั้นยังใช้ได้ผล เช่นนั้นสัมผัสมากกว่านี้อีกหน่อย คงจะไม่เป็นไรหรอกมั้งหมิงหลันดึงเชือกที่ผูกกางเกงผ้าแพรของหลี่เจ๋อเชี่ยนออกด้วยหัวใจที่เต้นแรง นางไม่รู้ว่าตัวเองจะมีโอกาสเช่นนี้อีกหรือไม่ การที่มีโอกาสแล้วลงมือทำทันทีนั่นคือเรื่องที่ถูกต้องแล้ว!!เพียงแค่สัมผัสเท่านั้น ท่านจอมมารคงจะไม่โกรธหรอกใช่ไหม?ถึงแม้คืนนี้จะไร้ซึ่งแสงจันทราแต่ทว่าสายตาของหมิงหลันกลับมองเห็นใบหน้าของท่านจอมมารได้อย่างชัดเจน หมิงหลันดึงกางเกงของเขาออกช้าๆ นางยกมือขึ้นไปกอบกุมตัวตนของเขาเอาไว้มันอุ่นและร้อนมากส่วนรูปร่างและขนาดของมันดูจะใหญ่กว่ารูปภาพในตำราอยู่บ้างมือของนางพยายามกำรอบๆ และลองขยับฝ่ามือเบาๆดู หัวใจของหมิงหลันมันราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นกำลังบีบเคล้นหัวใจของนางอย่างแรงมีทั้งความรู้สึกตื่นเต้นและสุขล้นในใจ“อึก!”หมิงหลันตกใจที่ได้ยินเสียงครางของท่านจอมมาร ทว่าพอเธอมองไปที่ใบหน้าของเขา ดวงตาของท่านจอมมารยังคงหลับอยู่หมิงหลันถอนหายใจอย่างโล่งอก หัวใจของนางมันพลันเต้นแรงอีกครั้ง เธอก้มมองที่ฝ่ามือก็พบว่าตรงส่วนปลายสีลูกท้อของเขามีน้ำไหลซึมออกมาจนเลอะมือของเธอตะ..ต้องทำเช่นไรกับน้ำไหลออกมากันนะ..จริงสิ เธอเคยเห็นในตำราว่ามีการวาดรูปสตรีกำลังดูดกลืน…แท่งทวนอยู่!!
ดอกท้อสีชมพูกำลังบานสะพรั่งเมื่อถึงยามวสันตฤดู ที่แดนบุพผาบนสรวงสวรรค์มิได้มีดอกท้อเช่นเมืองมนุษย์ ที่นั่นมีเพียงต้นท้อพันปีที่มิเคยผลิดอกออกมาให้เห็น การได้มาชมดอกท้อที่กำลังผลิบานเช่นนี้ดียิ่งนัก"งดงามมากใช่หรือไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเทพบุพผาน่าจะชอบดอกไม้ ดินแดนมนุษย์ยังมีสระบัวขนาดใหญ่ ทว่าอยู่ไกลจากที่นี่ยิ่งนัก หากจะไปที่นั่นย่อมต้องใช้เวลาหลายวัน"หลี่เจ๋อฮั่นยกไหสุราขึ้นมาดื่มพร้อมทั้งนั่งลงที่ใต้ต้นท้อ"เมื่อคืนเป็นอย่างไร?"หมิงหลันก้มมองข้อมือที่ยังมีรอยแดงจากการถูกมัด ใบหน้าที่งดงามยกยิ้ม"อย่างน้อยข้าก็ได้นอนร่วมเตียงกับท่านจอมมาร ได้ห่มผ้าผืนเดียวกันด้วย..."หลี่เจ๋อฮั่นเงยหน้าขึ้นมองไป๋หมิงหลัน ทุกคราที่กล่าวถึงพี่ใหญ่ดวงตาของนางจะเป็นประกายออกมา เหตุใดนางถึงได้ปักใจกับพี่ใหญ่ขนาดนั้นกันนะ ทั้งที่ใบหน้าเช่นนางจะหาสัจจะเทพสักองค์มาครองรักด้วยก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายแท้ๆ"แล้วคืนนี้จะทำเช่นไร""ท่านจอมมารกล่าวว่า หากข้าแอบเข้าไปที่ห้องนอนของเขาอีก ท่านจอมมารจะส่งข้ากลับแดนบุพผา""อ่า ช่างร้ายแรงยิ่งนัก""เป็นคำขู่ที่ข้ามิอาจฝ่าฝืนได้เลย เจ๋อฮั่นเผ่ามารของเจ้าเมื่อใดจะถึงค
หลี่เจ๋อเชี่ยนก้มมองดวงหน้าที่งามล้ำในอ้อมแขน"เหตุใดถึงต้องการร่วมเตียงกับข้ามากมายถึงขนาดนั้น ข้าได้บอกกล่าวเอาไว้แล้วว่าการร่วมเตียงของเรานั่นคือหน้าที่ มิได้มีความรักปะปนอยู่เลย..."ไป๋หมิงหลันปรือตาขึ้นมามองหน้าของเขา รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนาง เรือนแก้มขึ้นเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยฤทธิ์ของสุรา แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังคงน่ามองมากทีเดียว"ในค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกโปรยปรายลงมา หมู่มวลดอกไม้ต่างผลิบานออกมารับลมฝน ข้าลงมาจากแดนสวรรค์เพื่อตามหาปราณเซียนและเพื่อมาเผชิญคราวเคราะห์ ทว่ากลับถูกปีศาจชั้นต่ำแย่งชิงปราณเซียนไป ตัวข้าในยามนั้นยังอยู่ในวัยเยาว์ ไร้ซึ่งพลังที่จะมาต่อสู้..."ดวงตากลมโตของหมิงหลันช้อนสายตาขึ้นมองหน้าเขา สายตาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก จับจ้องที่ใบหน้าของหลี่เจ๋อเชี่ยนด้วยความหลงใหล"วันนั้นข้าอาจจะตาย หากมิได้ท่านจอมมารยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ""เทพบุปผาไร้ซึ่งประสบการณ์เรื่องความรักถึงขนาดที่พบเห็นความเมตตาเพียงน้อยนิดของข้า ก็ทึกทักไปเองว่าข้านั้นสนใจนั้นตัวเจ้างั้นหรือ?""หามิได้ ข้ารู้ดีว่าท่านคือจอมมารปกครองเผ่ามารที่แสนจะยิ่งใหญ่ และข้าคือเทพบุปผาตัวน้อย
เผ่ามารนั้นตั้งอยู่ติดกับเมืองมนุษย์ แต่ทว่ากลิ่นอายขุ่นมัวที่นี่มีมากมายยิ่งนัก เทพจากบนสวรรค์หรือแม้แต่มนุษย์ที่เดินทางมาที่นี่จะต้องรีบออกไปจากเผ่ามารเมื่อครบกำหนดระยะเวลาสามปี จะต้องไปอยู่เมืองมนุษย์หนึ่งปี หรือไม่ก็กลับไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นฟ้าหนึ่งปีถึงจะสามารถเข้ามาอยู่ในเผ่ามารใหม่ได้อีกครั้งไม่อย่างนั้นจุดชีพจรจะถูกปิดกั้น หากเป็นมนุษย์จะหายใจไม่ออกจนสิ้นลมตายไป แต่หากว่าเป็นเทพ พลังปราณที่บำเพ็ญมาตลอดชีวิตจะจางหายไป สุดท้ายเมื่อเทพไม่มีพลังปราณเซียนก็จะไม่ต่างอะไรจากมนุษย์คนหนึ่งไอขุ่นมัวพวกนั้นจะรอคอยช่วงชิงลมหายใจจากทั้งมนุษย์และเทพบนสวรรค์ไปช้าๆเรื่องนี้มิใช่ว่าหมิงหลันจะไม่ล่วงรู้ ท่านเทพม่อเกวียนย้ำกับนางนักหนาว่าจะมารับนางเมื่อครบกำหนดสองปี จะตั้งครรภ์หรือไม่ เรื่องนั้นไม่สำคัญเพราะว่าท่านเทพม่อเกวียนจะต้องมาพานางออกไปก่อนระยะเวลาสามปีเพราะมีเวลาอยู่ที่นี่ไม่มาก หมิงหลันจึงมิคิดรีรอเรื่องการเปิดเผยความในใจให้ท่านจอมมารได้ฟัง นางซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองและซื่อตรงต่อเขาด้วยทว่าสีหน้าอึดอัดใจของท่านจอมมารในยามที่ท่านจอมมารคนก่อนกล่าวถึงพิธีแต่งงาน มันทำให้หมิงหลันร
ดอกไม้ในเผ่ามารแห่งนี้มีเพียงดอกบัวเท่านั้น..เช่นนั้นก็หมายความว่านางงดงามเหมือนกับดอกบัวที่อยู่ในสระ ถึงแม้จะเป็นคำที่ไม่ค่อยนิยมหยิบยกมาชมเชยกัน แต่หมิงหลันก็รู้สึกดีกับคำกล่าวชมเชยของหลี่เจ๋อฮั่น“ขอบคุณท่านเจ๋อฮั่น ทั้งเรื่องสุราและคำกล่าวชมเชยข้า”นี่เขากำลัง..คุยกับก้อนหินหรืออย่างไร?“ช่างเถอะ เรามาดื่มกันดีกว่าวันนี้เป็นสุรานารีแดง เพราะอย่างนั้นเจ้าดื่มเบาๆ หน่อยก็แล้วกัน”หมิงหลันเฝ้ามองสุราแก้วแล้วแก้วเล่าที่หลี่เจ๋อฮั่นยกขึ้นมาดื่ม นางได้แต่นั่งมองเขาร่ำสุราเงียบๆ พร้อมกับฉีกเนื้อไก่ขึ้นมากัดกิน“ในยามที่เจ้าอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า งานของเจ้าคือการปลูกดอกไม้อย่างนั้นหรือ?”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเจ๋อฮั่น“งานของข้าคือการดูแลความสวยงามของสวนมากมายบนสวรรค์ ดูแลดอกโบตั๋นที่หมื่นปีจะบานสักครั้ง ดูแลลูกท้อเทียนเหมินที่สามร้อยปีจะออกช่อ อีกสามร้อยปีถึงผลิดอกและอีกสามร้อยปีถึงจะแปรเปลี่ยนจากดอกเป็นลูก ต้องรอคอยอีกห้ารอยปีลูกท้อถึงจะแก่จัด”“ฟังดู..เป็นงานที่น่าเบื่อใช้ได้”หมิงหลันหัวเราะเสียงใส“ไม่ได้น่าเบื่อเลยเจ้าค่ะ การเฝ้าดูลูกท้อที่ค่อยเติบโต ดอกไม้ที่ค่อยๆ แย้มผลิบานมันทำให้ข้า
ม่อเกวียนนั้นอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขารู้ว่าที่หมิงหลันอาสาไปที่เผ่ามารเป็นเพราะว่านางมีใจสงสารพี่สาวอย่างไป๋เฉียนถึงแม้อยากจะห้ามปรามแต่ทว่าหน้าที่ของเขาก็ค้ำคออยู่ การส่งเทพบุพผาไปที่เผ่ามาร หาใช่เรื่องล้อเล่นเมื่อไรกัน มันเกี่ยวพันไปถึงพันธสัญญาสงบศึกของเผ่ามารและดินแดนสวรรค์ชั้นฟ้า เรื่องนี้เขามีส่วนผิดอยู่ ถึงจะเป็นหน้าที่แต่ทว่าเขาก็ละเลยคำขอของเทียนจุนม่อเกวียนคุกเข่าลงเบื้องหน้าของสหายรัก เราทั้งสองเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เขาคือเทพผู้ดูแลเรื่องทุกอย่างในดินแดนสวรรค์ อีกไม่กี่ปีเขาก็จะได้เป็นสัจจะเทพ เพราะมีชาติกำเนิดจากเทพีจันทราทำให้ม่อเกวียนมิต้องลงไปเผชิญคราวเคราะห์เช่นเทพองค์อื่น ตำแหน่งของเขานั้นใหญ่โตยิ่งนักเรียกได้ว่าเป็นรองเพียงแค่ท่านเง็กเซียนและองค์รัชทายาทสวรรค์เท่านั้นแต่ถึงแม้ม่อเกวียนจะยิ่งใหญ่คับฟ้า เขาก็ยินยอมวางอำนาจทุกอย่างของเขาลงเพื่อคุกเข่าและขอโทษสหายอย่างเทียนจุนเมื่อเทียนจุนมองเห็นม่อเกวียนกระทำเช่นนั้น เขาก็เลือกที่จะหันหน้าหนีความเจ็บปวดสายหนึ่งกรีดแทงเข้าไปในดวงใจ เขาโกรธเคืองที่ม่อเกวียนผิดคำสัญญา จึงอารมณ์เสียพานโกรธสหาย..แต่ท
“ปล่อยให้ทั้งสองคนสนิทสนมเช่นนี้ดีแล้วอย่างนั้นหรือฮูหยิน..”เทพซือมิ่งมองหน้าของสามี พร้อมกับแย้มยิ้มที่มุมปาก“ข้าเอ็นดูหมิงหลันมากเลยนะท่านพี่ ข้าหมายมั่นอยากได้เทพบุปผาผู้นี้มาเป็นลูกสะใภ้เหลือเกิน และข้ามั่นใจว่านางจะต้องมาเป็นลูกสะใภ้ของข้า”ท่านจอมมารคนเก่าถึงกับถอนหายใจ“แต่หมิงหลันดูสนิทสนมกับเจ๋อฮั่นมากกว่าเจ๋อเชี่ยนเสียอีก ข้ากลัวว่าเจ๋อเชี่ยนจะเสียสตรีดีๆ เช่นนั้นไป และกลัวว่าเจ๋อฮั่นจะผิดใจกันด้วยเรื่องนี้”เพราะโชคชะตามักเล่นตลกเช่นนี้ ด้ายแดงพัวพันวกไปวนมาไม่รู้จบโดยที่หากมองด้วยตาเปล่าจะมิสามารถมองเห็นปลายด้ายแดงอีกฝั่งได้เลย เวลาจะพาพวกเขาเหล่านั้นผ่านพ้นเคราะห์กรรมพิสูจน์ความรักเพื่อให้ทั้งคู่ได้ทอดสายตามองเห็นผู้ที่ยืนอยู่อีกฝั่งของด้ายแดงอย่างถนัด..“สิ่งที่เราทำได้คือการเร่งให้ทั้งสองคนทำความรู้สึกกัน..ส่วนเจ๋อฮั่น ถึงแม้ว่าข้าจะมิได้คลอดเขาออกมาแต่ข้าก็เลี้ยงเขามากับมือ เจ้าลูกคนนี้สมควรจะต้องได้รับผลของการกระทำ เขาเล่นสนุกกับสตรีไม่เลือกหน้าไม่ว่าจะมนุษย์ หรือเทพธิดาบนสวรรค์ เพราะอย่างนั้นเขาควรได้รับบทเรียน แม่นมจางไปบอกเชี่ยนเชี่ยนว่าข้าอยากกินขนมแป้งทอดให้เขา
แต่ทว่าคนอย่างหลี่เจ๋อเชี่ยนฆ่าได้หยามไม่ได้ หากนางจะไปหาบุรุษอื่นก็ควรจะทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จสิ้นเสียก่อนสิ!!เขาเดินตรงเข้าไปหาเทพบุปผาไป๋หมิงหลันก่อนจะคว้าแขนของนางเอาไว้แน่นอนว่าดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจแทบสิ้นสติเมื่อนางเห็นเขา ต้องตกใจเช่นนั้นเลยหรือเพียงแค่เขาจับได้ว่านางปันใจไปให้มนุษย์ผู้อื่น“ท่านหลี่..”หมิงหลันเกือบจะเผลอหลุดเรียกเขาว่าจอมมารไปเสียแล้ว เพราะไม่ได้พบเจอกันเนิ่นนาน เมื่อได้เห็นใบหน้าของเขา ความคิดถึงที่อัดแน่นในหัวใจก็เลยแผ่กระจายออกมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวนางช้อนสายตามองหน้าเขาด้วยดวงตาเหม่อลอยไร้สติ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก“มากับข้าสิ หรือว่าเจ้าอยากจะไปกับมนุษย์ผู้นั้นมากกว่าข้าที่เป็นเจ้าแห่งเผ่ามาร”“หามิได้เจ้าค่ะ”โอกาสเช่นนี้มิได้มีมาบ่อยๆ ถึงแม้ว่าหมิงหลันจะมิได้พบหน้าของท่านพี่เทียนจุนมาเนิ่นนาน แต่ทว่าบนสวรรค์มีกฎอยู่ ห้ามเทพทุกองค์เข้าไปแทรกแซงการเผชิญคราวเคราะห์ของเทพองค์อื่น ในใจของนางมิได้หมายมั่นว่าจะช่วยเหลือเขา แต่นางแค่อยากจะพูดคุยกับเขาตามประสาพี่น้องเท่านั้นเอง“อ่า ท่านเทียนจุน เห็นทีว่าวันนี้ข้าจะไม่สามารถไปกับท
“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย“ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..”คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้“แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ”“...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิด
หมิงหลันตรึงสายตาเย็นชาเอาไว้ที่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทจงจิ้งโหว มุมปากของนางยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้างามนั่นจางหายไปอย่างรวดเร็วจนองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวไม่ทันได้มองเห็น“เจ้าเองก็หวาดกลัวเหมือนกันใช่หรือไม่..สงครามน่ะ”“หากหม่อมฉันตอบว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวหม่อมฉันคงจะโกหกแล้วเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดว่าปัญหาทุกทางย่อมมีทางออกเสมอ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน”ไม่รู้ทำไมจงจิ้งโหวถึงได้รู้สึกว่าเทพบุปผาผู้นี้จะสามารถพูดคุยเพื่อคลายเหงาให้เขาได้บ้าง เพราะแววที่แสนเย็นชาหรือเพราะว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนางกันแน่ ที่มันชวนให้เขารู้สึกว่านางมิใช่สตรีที่จะพุ่งเข้าหาเขา เพียงเพราะล่วงรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทสวรรค์“ทำไม..เจ้าถึงไม่สนใจข้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่หากเปรียบเทียบกับจอมมาร ข้าเหนือกว่าเขาแทบจะทุกด้าน”ดวงตาของหมิงหลันกระตุกเล็กน้อย เหนือกว่าทุกด้าน? ตรงไหนกัน?หากเป็นเรื่องใบหน้า สามีของนางย่อมเหนือกว่าและหากเป็นเรื่องความดี จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านจอมมารมิใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เราได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ในยามนี้เขาคือชายที่ดีที่สุดในสายตาของนาง..“
รุ่งเช้าหลี่เจ๋อฮั่นยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำผักและดอกไม้มากมายที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้านหลังน้อย เขารู้สึกได้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่มีไม่บ่อยเท่าไหร่นักในชีวิตของเขา การได้อยู่เงียบๆ ในป่าไผ่ที่ไม่ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้ร้องเพลงร่ำสุราเงียบๆ กับหมิงหลันที่เอาแต่ดูเขาดื่มฝ่ายเดียวเขาพึ่งรู้เหมือนกันว่านางทำอาหารอร่อยมากจนน่าตกใจ“เจ๋อฮั่น..อันที่จริงเจ้าไม่ต้องรดน้ำผักพวกนี้ก็ได้ พวกมันเกิดมาจากพลังปราณของข้าเพราะอย่างนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ“ใต้หล้านี้คงมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ชอบทำอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม..หมิงหลันเจ้าลองปลูกผักพวกนี้โดยที่ไม่ใช่พลังของเจ้าดูสักครั้งบ้างหรือยัง บางทีการกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าได้พบเจอกับความแปลกใหม่ก็เป็นได้”หมิงหลันใช้มือของนางเก็บผักกาดมาจากแปลง“เจ๋อฮั่น เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทำตามที่เจ้าว่าดูก็แล้วกัน แต่ยามนี้มิใช่ว่าเรายังไม่ทันได้ทานมื้อเช้ากันหรอกหรือ?”หมิงหลันเดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กับหั่นผักกาดและตั้งเตา นางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมๆ กับที่ใส่ผงสีขาวลงไปในอาหารที่กำลังปรุงนี่คือยาน
“ท่านผู้มีพระคุณคงกำลังมีแขก ข้ากระทำการอันเป็นการล่วงเกินเวลาพักผ่อนของท่านรึเปล่าขอรับ”ท่าทีนอบน้อมของเขาทำให้หมิงหลันรู้สึกแปลกพิลึกมากทีเดียว นางมิคิดว่าองค์รัชทายาทของชาวสวรรค์จะมีความสามารถในการปลอมตัวเช่นนี้ หากว่าเขาแนบเนียนจนแทบจะมองไม่ออกเช่นนี้ก็มิได้น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าเหตุใดเสวียนม่านถึงได้เลือกเขา..แต่สตรีผู้นั้นก็หวั่นไหวเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่“ขออภัยพี่ชายด้วย แต่ในวันนั้นที่ข้าจ่ายค่าหมั่นโถวให้ท่าน เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อยยิ่งนัก อีกทั้งข้าไม่คิดเก็บเอามาเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น ขอพี่ชายอย่าเรียกขานข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้คิดซะว่าเรามิได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น”“แต่ว่า..”“พี่สะใภ้ของข้ากล่าวเช่นไรก็เอาตามนั้นเถิด อีกทั้งยามนี้เราตั้งใจจะมาพักผ่อนดื่มชาเป็นการส่วนตัว คงจะดีหากว่าท่านไม่มารบกวนเวลาของพวกเรา”เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยตามคำของหมิงหลันเลยแม้แต่นิดเดียว หลี่เจ๋อฮั่นจึงออกหน้าให้ชายผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจากไป“เรารีบไปกันเถอะเจ๋อฮั่น ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”หมิงหลันรู้สึกไม่ดีเอาซะเ
“หากว่าลูกคิดดีแล้ว..ก็เริ่มเลยเจ๋อเชี่ยน”อดีตจอมมารพยักหน้าเพื่อบอกกล่าวกับลูกชาย เผ่ามารที่เต็มไปด้วยไอขุ่นมัวซึ่งเป็นพลังของเจ๋อเชี่ยนพวกนี้กำลังจะจางหายไป แต่ต้องแลกมาด้วยพลังในร่างกายของเจ๋อเชี่ยนที่จะต้องสูญเสียไปเช่นเดียวกันหลี่เจ๋อเชี่ยนวาดมือไปในอากาศ เขาขบกรามแน่นด้วยความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงเข้ามาในชั้นของผิวหนัง เพราะไอขุ่นมัวเหล่านี้เปรียบเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายเขา และการกำจัดพวกมันก็ไม่แตกต่างจากการเอามีดมาเฉือนเนื้อหนังของตัวเองแต่เขาทนได้..จะนานแค่ไหนหรือทรมานแทบขาดใจเขาก็ทนได้ทั้งนั้นเพื่อหมิงหลันเขาจะอดทน..........“วางใจเถิดหมิงหลัน เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรข้าก็จะอยู่ข้างเจ้าเสมอ”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเจ๋อฮั่น นางคิดว่าตัวเองค่อนข้างโชคดีที่มีสหายอย่างเจ๋อฮั่น“ข้าไม่เคยคิดว่าท่านเจ๋อเชี่ยนจะนอกใจหรือกลับไปหาเทพีเสวียนม่านหรอกเจ๋อฮั่น ที่ข้ามากับเจ้าเพราะว่าข้าต้องการไปย้ำเตือนสตรีผู้นั้นว่าท่านจอมมารเป็นของข้าต่างหาก”หลี่เจ๋อฮั่นตบมือเสียงดัง“นี่สิ! ถึงจะสมกับเป็นภรรยาของท่านพี่และเป็นพี่สะใภ้ของข้า ไปจัดการให้นางรู้ว่าเจ้าต่างหากคือภรรยาที่แท้จริง”หมิ
หมิงหลันยื่นมือไปจับมือของท่านเทพซื่อมิ่งเอาไว้ นางไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับแม่ของหลี่เจ๋อฮั่นมาก่อนเลย อาจจะเป็นเพราะว่าที่เผ่ามารไม่มีใครกล่าวถึงมันเลย แต่ถึงจะไม่รู้เรื่องอย่างละเอียด หมิงหลันคิดว่าท่านเทพซื่อมิ่งคงผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไม่ง่ายดายเลย“มาพักทานขนมกันก่อนเถอะท่านแม่..”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับท่านเจ๋อเชี่ยนเมื่อเขาเดินเข้ามาพร้อมกับกล่องขนมที่ห่อมาอย่างดี นางลุกขึ้นเพื่อเดินไปรับห่อขนมนั้นมา“ท่านพี่ไปซื้อขนมมาอย่างนั้นหรือเจ้าคะ..”“เอาไปใส่จานเถิด ช่วงนี้ข้าเห็นว่าเจ้าชื่นชอบการทานขนมหวานมากทีเดียว”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มที่แสนจะเจิดจรัสให้แก่สามีก่อนจะรับห่อขนมนั้นมาแล้วเดินเข้าไปในครัว หมิงหลันบรรจงแกะผ้าที่ห่อขนมเอาไว้ออกมา“....”สิ่งที่ร่วงลงมาพร้อมๆ กับปมผ้าที่ถูกแกะคือปิ่นดอกไม้อันหนึ่ง รอยยิ้มของหมิงหลันค่อยๆหุบลงเมื่อนางหยิบปิ่นนั้นขึ้นมาดูก็พบว่ามันถูกสลักชื่อเอาไว้ว่า เสวียนม่าน..นางปรายตามองหน้าสามีที่กำลังนั่งพูดคุยกับท่านเทพซื่อมิ่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มไม่มีความผิดปกติเลยสักนิดหนามแห่งความปวดร้าวทิ่มแทงลงมาในใจไม่หยุดหย่อนจนหมิงหลันคิดว่าตัว
รุ่งเช้าท่านเทพซื่อมิ่งเดินทางมาหาหมิงหลันและลูกชายของนาง หมิงหลันและท่านเทพซื่อมิ่งมีเรื่องราวมากมายที่จะต้องพูดคุยกับทำให้หลี่เจ๋อเชี่ยนและท่านพ่อต้องปลีกตัวออกมาด้านนอก“ข้า..มีเรื่องมากมายที่อยากได้คำแนะนำจากท่านพ่อ”อดีตจอมมารหัวเราะเบาๆ ด้วยความเอ็นดูลูกชาย“เจ๋อเชี่ยน เจ้าจะต้องทำมันได้ดีอย่างแน่นอนหากเจ้าจะถามพ่อเรื่องการเป็นพ่อคนน่ะนะ”หลี่เจ๋อเชี่ยนส่งยิ้มให้กับท่านพ่อของเขา“ข้าจะทำให้ไอขุ่นมัวที่เผ่ามารลดน้อยลงเองขอรับ ท่านพ่อมิต้องพาท่านแม่เดินทางออกไปในทุกๆ ปีแล้วนะ”ใบหน้าของอดีตจอมมารนั้นฉายแววตกใจ เขาตบบ่าของลูกชายเบาๆ“ไอขุ่นมัวพวกนั้นคือพลังของเจ้านะเจ๋อเชี่ยน หากไม่มีไอขุ่นมัวพลังที่เจ้าถือครองเอาไว้จะถดถอยลง หากเกิดอะไรขึ้นมา..”เขาชั่งใจอยู่นานกับเรื่องนี้ คิดมานานแสนนานมากๆ ตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจมาตามง้อหมิงหลันแล้ว หากเขาพานางออกมานอกเผ่ามารเราจะเป็นอันตรายเพราะคนของจงจิ้งโหวจะใช้ลูกไม้เดิมๆ ในการเล่นงานเขาหมิงหลันและลูกของเขาจะปลอดภัยหากว่าพวกนางอยู่ที่เผ่ามาร เพราะอย่างนั้นนี่คือความคิดที่ดีที่สุดแล้วในยามนี้เขาไม่อาจสูญเสียหมิงหลันไปอย่างที่เสียเสวียนม่านอี
ปลายนิ้วเรียวยื่นไปสัมผัสอย่างแผ่วเบาบนกลีบดอกเบญจมาศที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้าน ใบหน้างามมิได้แย้มยิ้มเมื่อดอกเบญจมาศที่พึ่งจะออกช่อ แย้มบานทันทีที่ปลายนิ้วของนางแตะลงไปบนนั้นหมิงหลันปรายตามองป่าไผ่รอบๆ นางกำลังรอคอยท่านเจ๋อเชี่ยนที่ยังมิเดินทางกลับมาหลังจากที่ท่านเทพม่อเกวียนเดินทางกลับไปความเงียบก็เข้ามากอบกุมหัวใจของนางเอาไว้ อนาคตที่หมิงหลันเห็นผ่านความฝันมันคือสงครามที่ไร้หนทางหลีกเลี่ยง และทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงหากว่าจงจิ้งโหวตาย..และผู้ที่สามารถทำเช่นนั้นได้กลับมีเพียงแค่นางเท่านั้น เขาจะมาหานางอย่างแน่นอน เพราะชายผู้นั้นต้องการทำลายสามีของนาง“หมิงหลัน..”เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนทำให้หมิงหลันเงยหน้าขึ้นมาพร้อมๆ กับระบายยิ้มหวาน นางวิ่งเข้าไปหาสามีพร้อมๆ กับโอบกอดเขาเอาไว้ด้วยความคิดถึง“ข้าผิดเองที่มัวแต่แวะที่ตลาดเพื่อหาซื้อของมาให้เจ้า..แล้วก็อย่าวิ่งเช่นนี้อีก”ฝ่ามือหนาของหลี่เจ๋อเชี่ยนลูบลงไปบนแผ่นหลังของหมิงหลันเบาๆ เขาก้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะช้อนตัวนางขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน“ไปนั่งสิ ข้าจะไปทำอาหารเอง”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ ราวกับเรื่องราวที่เลวร้ายเมื่อครู่ได้จ
ป้าจางส่งยิ้มให้กับหมิงหลัน หากว่านางไม่ยินยอมรับเงินนี้เอาไว้ มีหวังได้ยืนเถียงกันอีกนานเป็นแน่หญิงวัยกลางคนจึงยื่นมือไปรับเหรียญเงินที่หมิงหลันส่งให้“ที่ข้ารับเงินนี่เอาไว้เพราะว่าข้าขี้เกียจเถียงกับเจ้าหรอกนะอาหลัน”หมิงหลันหัวเราะเบาๆ นางส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มที่ดูแล้วอายุไม่น่าจะเกินยี่สิบห้า เขากัดกินหมั่นโถวร้อนๆ ในมืออย่างเอร็ดอร่อย นางเดินจากมาโดยมิได้สนใจชายหนุ่มผู้นั้นอีก หมิงหลันคิดว่าวันนี้นางควรจะซื้อเนื้อไปตุ๋นเอาไว้สักหน่อย เพราะว่านางกำลังตั้งครรภ์อยู่ช่วงนี้จึงมิได้หมักสุราเอาไว้เลย แต่ท่านเจ๋อเชี่ยนมิได้ชื่นชอบการร่ำสุราสักเท่าไหร่ อีกทั้งเขายังคออ่อนมากทีเดียว ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจากเผ่ามารจะคออ่อนทุกคนเลยสินะ หลี่เจ๋อฮั่นก็อีกคน“อา..เดี๋ยวก่อนขอรับ”ชายหนุ่มที่พึ่งจะกัดกินหมั่นโถวผู้นั้นวิ่งตามหมิงหลันมาติดๆ ก่อนที่เขาจะส่งมอบถุงหอมให้กับนาง หมิงหลันรีบปฏิเสธในทันทีเพราะว่านางไม่คิดรับถุงหอมจากใครทั้งนั้น“ในตัวข้ามีเพียงสิ่งนี้เท่านั้นที่ดูจะมีราคามากกว่าสิ่งอื่น เจ้ารับไปสิคิดซะว่าข้าตอบแทนเรื่องหมั่นโถว”“....”หมิงหลันมองใบหน้าของชายหนุ่มผู้นั้น ก่อนที่นางจะส