ดอกท้อสีชมพูกำลังบานสะพรั่งเมื่อถึงยามวสันตฤดู ที่แดนบุพผาบนสรวงสวรรค์มิได้มีดอกท้อเช่นเมืองมนุษย์ ที่นั่นมีเพียงต้นท้อพันปีที่มิเคยผลิดอกออกมาให้เห็น การได้มาชมดอกท้อที่กำลังผลิบานเช่นนี้ดียิ่งนัก
"งดงามมากใช่หรือไม่ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเทพบุพผาน่าจะชอบดอกไม้ ดินแดนมนุษย์ยังมีสระบัวขนาดใหญ่ ทว่าอยู่ไกลจากที่นี่ยิ่งนัก หากจะไปที่นั่นย่อมต้องใช้เวลาหลายวัน" หลี่เจ๋อฮั่นยกไหสุราขึ้นมาดื่มพร้อมทั้งนั่งลงที่ใต้ต้นท้อ "เมื่อคืนเป็นอย่างไร?" หมิงหลันก้มมองข้อมือที่ยังมีรอยแดงจากการถูกมัด ใบหน้าที่งดงามยกยิ้ม "อย่างน้อยข้าก็ได้นอนร่วมเตียงกับท่านจอมมาร ได้ห่มผ้าผืนเดียวกันด้วย..." หลี่เจ๋อฮั่นเงยหน้าขึ้นมองไป๋หมิงหลัน ทุกคราที่กล่าวถึงพี่ใหญ่ดวงตาของนางจะเป็นประกายออกมา เหตุใดนางถึงได้ปักใจกับพี่ใหญ่ขนาดนั้นกันนะ ทั้งที่ใบหน้าเช่นนางจะหาสัจจะเทพสักองค์มาครองรักด้วยก็สามารถทำได้อย่างง่ายดายแท้ๆ "แล้วคืนนี้จะทำเช่นไร" "ท่านจอมมารกล่าวว่า หากข้าแอบเข้าไปที่ห้องนอนของเขาอีก ท่านจอมมารจะส่งข้ากลับแดนบุพผา" "อ่า ช่างร้ายแรงยิ่งนัก" "เป็นคำขู่ที่ข้ามิอาจฝ่าฝืนได้เลย เจ๋อฮั่นเผ่ามารของเจ้าเมื่อใดจะถึงคราที่พระจันทร์เต็มดวง" หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ "หมิงหลัน เทพีจันทรามิชอบเผ่ามาร เคยมีครั้งหนึ่งที่ท่านพ่อของข้าไปจับตัวนางมา นางก็เลยโกรธพวกเราเผ่ามารมากทีเดียว เทพีจันทราจะเคลื่อนผ่านเผ่ามารของเราเพียงแค่ปีละไม่กี่ครั้งเท่านั้น" นี่หมายความว่า ต้องรอนานหลายเดือนเลยงั้นหรือกว่าข้าจะได้ร่วมหอกับท่านจอมมาร "เหตุใดเส้นทางความรักของข้าถึงได้ยากเย็นนัก!" หลี่เจ๋อฮั่นแสยะยิ้มที่มุมปาก "หากยากเย็นเหตุใดมิลองเปลี่ยนใจมารักคนอื่นเล่า เผ่ามารมีบุรุษนับร้อย..." หากเปลี่ยนใจได้เช่นที่เจ๋อฮั่นกล่าวมาคงจะดีไม่น้อย ทว่าในหัวใจของนางดันปักใจกับท่านจอมมารไปแล้ว หมิงหลันรอเขามาหลายร้อยปี จนตอนนี้ห่างอีกแค่เพียงแค่เอื้อมมือก็สามารถดึงเขามากอดได้แล้ว จะมายอมแพ้ตอนนี้ก็ใช่ที่ หลี่เจ๋อฮั่นส่งไหเหล้าให้หมิงหลัน "นี่เป็นเหล้าดอกท้อที่หมักเอาไว้สามปี ใช่ว่าจะหาดื่มได้ง่าย" หมิงหลันเอื้อมมือไปรับไหสุรามาดื่ม รสชาติหวานนุ่มละมุนลิ้น ในตอนที่อยู่แดนบุพผา งานหลักของหมิงหลันก็คือการหมักเหล้าดอกไม้ต่างๆ แต่นางพึ่งจะเคยดื่มเหล้าดอกท้อไม่กี่ครั้งเท่านั้น หลี่เจ๋อฮั่นหรี่ตามองหมิงหลัน เหล้าดอกท้อมีรสหวานและทว่ามีฤทธิ์รุนแรงยิ่ง สำหรับบุรุษดื่มเพียงสองไหยังล้ม แล้วสตรีเช่นนางจะทนไหวได้อย่างไร รักท่านพี่แล้วอย่างไรเล่า หากได้ร่วมเตียงกับเขาสักครั้ง รับรองได้เลยว่าเขาจะทำให้นางลืมพี่ใหญ่ให้หมดด้วยลีลาท่าทางของเขา นี่คือสิ่งที่หลี่เจ๋อฮั่นมั่นใจที่สุดในชีวิต นั่นก็คือลีลาบนเตียงของเขา!! หมิงหลันขมวดคิ้วมองหลี่เจ๋อฮั่นที่กำลังนอนอยู่ เขาดื่มเหล้าดอกท้อไปเพียงไหเดียวถึงกับหลับไปเลยงั้นหรือ เหตุใดถึงได้คออ่อนนัก! เมื่อคราที่อยู่บนแดนบุพผา นางทั้งหมักเหล้าและทั้งเป็นผู้ชิม ต่อให้ดื่มเป็นสิบไหหมิงหลันยังมิล้มพับเช่นนี้เลย บุรุษเผ่ามารคออ่อนเช่นนี้ทุกคนรึเปล่านะ เช่นนั้นนางควรจะหาโอกาสชวนท่านจอมมารดื่มเหล้าสักครา...เมื่อถึงเวลาที่ท่านจอมมารเมาจะได้.... หมิงหลันหัวเราะออกมาเสียงใส พร้อมกับยกไหสุราขึ้นมาดื่ม ก่อนที่จะล้มตัวลงนอนข้างหลี่เจ๋อฮั่น อ่า เหล้าดอกท้อนี่ช่างมีฤทธิ์ร้ายแรงยิ่ง ดื่มไปเพียงห้าไหก็สามารถทำให้มึนหัวได้แล้ว ดูเหมือนว่านางจะต้องพักสายตาสักครู่ เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้งค่อยพาหลี่เจ๋อฮั่นกลับไปยังเผ่ามาร หลี่เจ๋อเชี่ยนถอนหายใจ หลังจากจัดการงานที่ค้างเอาไว้เสร็จเรียบร้อยเขาก็ได้รับรายงานว่าหลี่เจ๋อฮั่นและไป๋หมิงหลันพากันหนีไปที่เมืองมนุษย์ พอเขามาถึงก็พบไหสุรามากมายกลิ้งอยู่ที่พื้น เหตุใดเทพบุพผาถึงได้ชอบดื่มเหล้า นี่นางคือนางสวรรค์ประเภทใดกันแน่ หมิงหลันปรือตาขึ้นมาเมื่อนางได้ยินเสียงฝีเท้า ใบหน้างามขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อไม่ต่างจากสีของลูกท้อ "นี่ข้าเมาถึงขนาดมองเห็นท่านจอมมารเลยงั้นหรือเจ้าคะ?" หลี่เจ๋อเชี่ยนมิได้ตอบเขาเพียงก้มลงไปอุ้มนางขึ้นมา ทว่าพอนางอยู่บนตัวของเขานางก็ลูบๆ คลำที่หน้าอกของเขาไม่หยุดหย่อน "สำรวมหน่อยไป๋หมิงหลัน" นางลูบไปจนถึงส่วนกลางกายของเขา หลี่เจ่อเชี่ยนสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะวางนางลงที่พื้นแล้วหยิบเชือกมามัดมือของนางเอาไว้ "นี่ปล่อยนะ!! ข้าคือเจ้าสาวของท่านจอมมาร เจ้ากล้าทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไรเจ้าจอมมารตัวปลอม?" หลี่เจ๋อเชี่ยนขมวดคิ้ว "เหตุใดถึงคิดว่าข้าเป็นตัวปลอมเล่า?" ไป๋หมิงหลันถอนหายใจก่อนจะมองมาที่เขาอย่างดูแคลน "ก็เพราะส่วนนั้นของเจ้ามันทั้งเล็กและนิ่มยังไงล่ะ หากเป็นท่านจอมมารตัวจริงจะต้องทั้งแข็งและใหญ่......" หลังจากกล่าวจบหมิงหลันก็หลับไป ทิ้งให้หลี่เจ๋อเชี่ยนยืนมองนางด้วยใบหน้าที่ทั้งโกรธและอาย เป็นอีกครั้งที่เขาไม่รู้จะทำเช่นไรกับนางดีหลี่เจ๋อเชี่ยนก้มมองดวงหน้าที่งามล้ำในอ้อมแขน"เหตุใดถึงต้องการร่วมเตียงกับข้ามากมายถึงขนาดนั้น ข้าได้บอกกล่าวเอาไว้แล้วว่าการร่วมเตียงของเรานั่นคือหน้าที่ มิได้มีความรักปะปนอยู่เลย..."ไป๋หมิงหลันปรือตาขึ้นมามองหน้าของเขา รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของนาง เรือนแก้มขึ้นเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยฤทธิ์ของสุรา แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังคงน่ามองมากทีเดียว"ในค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกโปรยปรายลงมา หมู่มวลดอกไม้ต่างผลิบานออกมารับลมฝน ข้าลงมาจากแดนสวรรค์เพื่อตามหาปราณเซียนและเพื่อมาเผชิญคราวเคราะห์ ทว่ากลับถูกปีศาจชั้นต่ำแย่งชิงปราณเซียนไป ตัวข้าในยามนั้นยังอยู่ในวัยเยาว์ ไร้ซึ่งพลังที่จะมาต่อสู้..."ดวงตากลมโตของหมิงหลันช้อนสายตาขึ้นมองหน้าเขา สายตาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก จับจ้องที่ใบหน้าของหลี่เจ๋อเชี่ยนด้วยความหลงใหล"วันนั้นข้าอาจจะตาย หากมิได้ท่านจอมมารยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ""เทพบุปผาไร้ซึ่งประสบการณ์เรื่องความรักถึงขนาดที่พบเห็นความเมตตาเพียงน้อยนิดของข้า ก็ทึกทักไปเองว่าข้านั้นสนใจนั้นตัวเจ้างั้นหรือ?""หามิได้ ข้ารู้ดีว่าท่านคือจอมมารปกครองเผ่ามารที่แสนจะยิ่งใหญ่ และข้าคือเทพบุปผาตัวน้อย
เผ่ามารนั้นตั้งอยู่ติดกับเมืองมนุษย์ แต่ทว่ากลิ่นอายขุ่นมัวที่นี่มีมากมายยิ่งนัก เทพจากบนสวรรค์หรือแม้แต่มนุษย์ที่เดินทางมาที่นี่จะต้องรีบออกไปจากเผ่ามารเมื่อครบกำหนดระยะเวลาสามปี จะต้องไปอยู่เมืองมนุษย์หนึ่งปี หรือไม่ก็กลับไปอยู่ที่สวรรค์ชั้นฟ้าหนึ่งปีถึงจะสามารถเข้ามาอยู่ในเผ่ามารใหม่ได้อีกครั้งไม่อย่างนั้นจุดชีพจรจะถูกปิดกั้น หากเป็นมนุษย์จะหายใจไม่ออกจนสิ้นลมตายไป แต่หากว่าเป็นเทพ พลังปราณที่บำเพ็ญมาตลอดชีวิตจะจางหายไป สุดท้ายเมื่อเทพไม่มีพลังปราณเซียนก็จะไม่ต่างอะไรจากมนุษย์คนหนึ่งไอขุ่นมัวพวกนั้นจะรอคอยช่วงชิงลมหายใจจากทั้งมนุษย์และเทพบนสวรรค์ไปช้าๆเรื่องนี้มิใช่ว่าหมิงหลันจะไม่ล่วงรู้ ท่านเทพม่อเกวียนย้ำกับนางนักหนาว่าจะมารับนางเมื่อครบกำหนดสองปี จะตั้งครรภ์หรือไม่ เรื่องนั้นไม่สำคัญเพราะว่าท่านเทพม่อเกวียนจะต้องมาพานางออกไปก่อนระยะเวลาสามปีเพราะมีเวลาอยู่ที่นี่ไม่มาก หมิงหลันจึงมิคิดรีรอเรื่องการเปิดเผยความในใจให้ท่านจอมมารได้ฟัง นางซื่อตรงกับความรู้สึกของตัวเองและซื่อตรงต่อเขาด้วยทว่าสีหน้าอึดอัดใจของท่านจอมมารในยามที่ท่านจอมมารคนก่อนกล่าวถึงพิธีแต่งงาน มันทำให้หมิงหลันร
ดอกไม้ในเผ่ามารแห่งนี้มีเพียงดอกบัวเท่านั้น..เช่นนั้นก็หมายความว่านางงดงามเหมือนกับดอกบัวที่อยู่ในสระ ถึงแม้จะเป็นคำที่ไม่ค่อยนิยมหยิบยกมาชมเชยกัน แต่หมิงหลันก็รู้สึกดีกับคำกล่าวชมเชยของหลี่เจ๋อฮั่น“ขอบคุณท่านเจ๋อฮั่น ทั้งเรื่องสุราและคำกล่าวชมเชยข้า”นี่เขากำลัง..คุยกับก้อนหินหรืออย่างไร?“ช่างเถอะ เรามาดื่มกันดีกว่าวันนี้เป็นสุรานารีแดง เพราะอย่างนั้นเจ้าดื่มเบาๆ หน่อยก็แล้วกัน”หมิงหลันเฝ้ามองสุราแก้วแล้วแก้วเล่าที่หลี่เจ๋อฮั่นยกขึ้นมาดื่ม นางได้แต่นั่งมองเขาร่ำสุราเงียบๆ พร้อมกับฉีกเนื้อไก่ขึ้นมากัดกิน“ในยามที่เจ้าอยู่บนสวรรค์ชั้นฟ้า งานของเจ้าคือการปลูกดอกไม้อย่างนั้นหรือ?”หมิงหลันส่งยิ้มให้กับเจ๋อฮั่น“งานของข้าคือการดูแลความสวยงามของสวนมากมายบนสวรรค์ ดูแลดอกโบตั๋นที่หมื่นปีจะบานสักครั้ง ดูแลลูกท้อเทียนเหมินที่สามร้อยปีจะออกช่อ อีกสามร้อยปีถึงผลิดอกและอีกสามร้อยปีถึงจะแปรเปลี่ยนจากดอกเป็นลูก ต้องรอคอยอีกห้ารอยปีลูกท้อถึงจะแก่จัด”“ฟังดู..เป็นงานที่น่าเบื่อใช้ได้”หมิงหลันหัวเราะเสียงใส“ไม่ได้น่าเบื่อเลยเจ้าค่ะ การเฝ้าดูลูกท้อที่ค่อยเติบโต ดอกไม้ที่ค่อยๆ แย้มผลิบานมันทำให้ข้า
ม่อเกวียนนั้นอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขารู้ว่าที่หมิงหลันอาสาไปที่เผ่ามารเป็นเพราะว่านางมีใจสงสารพี่สาวอย่างไป๋เฉียนถึงแม้อยากจะห้ามปรามแต่ทว่าหน้าที่ของเขาก็ค้ำคออยู่ การส่งเทพบุพผาไปที่เผ่ามาร หาใช่เรื่องล้อเล่นเมื่อไรกัน มันเกี่ยวพันไปถึงพันธสัญญาสงบศึกของเผ่ามารและดินแดนสวรรค์ชั้นฟ้า เรื่องนี้เขามีส่วนผิดอยู่ ถึงจะเป็นหน้าที่แต่ทว่าเขาก็ละเลยคำขอของเทียนจุนม่อเกวียนคุกเข่าลงเบื้องหน้าของสหายรัก เราทั้งสองเติบโตด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เขาคือเทพผู้ดูแลเรื่องทุกอย่างในดินแดนสวรรค์ อีกไม่กี่ปีเขาก็จะได้เป็นสัจจะเทพ เพราะมีชาติกำเนิดจากเทพีจันทราทำให้ม่อเกวียนมิต้องลงไปเผชิญคราวเคราะห์เช่นเทพองค์อื่น ตำแหน่งของเขานั้นใหญ่โตยิ่งนักเรียกได้ว่าเป็นรองเพียงแค่ท่านเง็กเซียนและองค์รัชทายาทสวรรค์เท่านั้นแต่ถึงแม้ม่อเกวียนจะยิ่งใหญ่คับฟ้า เขาก็ยินยอมวางอำนาจทุกอย่างของเขาลงเพื่อคุกเข่าและขอโทษสหายอย่างเทียนจุนเมื่อเทียนจุนมองเห็นม่อเกวียนกระทำเช่นนั้น เขาก็เลือกที่จะหันหน้าหนีความเจ็บปวดสายหนึ่งกรีดแทงเข้าไปในดวงใจ เขาโกรธเคืองที่ม่อเกวียนผิดคำสัญญา จึงอารมณ์เสียพานโกรธสหาย..แต่ท
“ปล่อยให้ทั้งสองคนสนิทสนมเช่นนี้ดีแล้วอย่างนั้นหรือฮูหยิน..”เทพซือมิ่งมองหน้าของสามี พร้อมกับแย้มยิ้มที่มุมปาก“ข้าเอ็นดูหมิงหลันมากเลยนะท่านพี่ ข้าหมายมั่นอยากได้เทพบุปผาผู้นี้มาเป็นลูกสะใภ้เหลือเกิน และข้ามั่นใจว่านางจะต้องมาเป็นลูกสะใภ้ของข้า”ท่านจอมมารคนเก่าถึงกับถอนหายใจ“แต่หมิงหลันดูสนิทสนมกับเจ๋อฮั่นมากกว่าเจ๋อเชี่ยนเสียอีก ข้ากลัวว่าเจ๋อเชี่ยนจะเสียสตรีดีๆ เช่นนั้นไป และกลัวว่าเจ๋อฮั่นจะผิดใจกันด้วยเรื่องนี้”เพราะโชคชะตามักเล่นตลกเช่นนี้ ด้ายแดงพัวพันวกไปวนมาไม่รู้จบโดยที่หากมองด้วยตาเปล่าจะมิสามารถมองเห็นปลายด้ายแดงอีกฝั่งได้เลย เวลาจะพาพวกเขาเหล่านั้นผ่านพ้นเคราะห์กรรมพิสูจน์ความรักเพื่อให้ทั้งคู่ได้ทอดสายตามองเห็นผู้ที่ยืนอยู่อีกฝั่งของด้ายแดงอย่างถนัด..“สิ่งที่เราทำได้คือการเร่งให้ทั้งสองคนทำความรู้สึกกัน..ส่วนเจ๋อฮั่น ถึงแม้ว่าข้าจะมิได้คลอดเขาออกมาแต่ข้าก็เลี้ยงเขามากับมือ เจ้าลูกคนนี้สมควรจะต้องได้รับผลของการกระทำ เขาเล่นสนุกกับสตรีไม่เลือกหน้าไม่ว่าจะมนุษย์ หรือเทพธิดาบนสวรรค์ เพราะอย่างนั้นเขาควรได้รับบทเรียน แม่นมจางไปบอกเชี่ยนเชี่ยนว่าข้าอยากกินขนมแป้งทอดให้เขา
แต่ทว่าคนอย่างหลี่เจ๋อเชี่ยนฆ่าได้หยามไม่ได้ หากนางจะไปหาบุรุษอื่นก็ควรจะทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จสิ้นเสียก่อนสิ!!เขาเดินตรงเข้าไปหาเทพบุปผาไป๋หมิงหลันก่อนจะคว้าแขนของนางเอาไว้แน่นอนว่าดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความตกใจแทบสิ้นสติเมื่อนางเห็นเขา ต้องตกใจเช่นนั้นเลยหรือเพียงแค่เขาจับได้ว่านางปันใจไปให้มนุษย์ผู้อื่น“ท่านหลี่..”หมิงหลันเกือบจะเผลอหลุดเรียกเขาว่าจอมมารไปเสียแล้ว เพราะไม่ได้พบเจอกันเนิ่นนาน เมื่อได้เห็นใบหน้าของเขา ความคิดถึงที่อัดแน่นในหัวใจก็เลยแผ่กระจายออกมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวนางช้อนสายตามองหน้าเขาด้วยดวงตาเหม่อลอยไร้สติ หัวใจเต้นระรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก“มากับข้าสิ หรือว่าเจ้าอยากจะไปกับมนุษย์ผู้นั้นมากกว่าข้าที่เป็นเจ้าแห่งเผ่ามาร”“หามิได้เจ้าค่ะ”โอกาสเช่นนี้มิได้มีมาบ่อยๆ ถึงแม้ว่าหมิงหลันจะมิได้พบหน้าของท่านพี่เทียนจุนมาเนิ่นนาน แต่ทว่าบนสวรรค์มีกฎอยู่ ห้ามเทพทุกองค์เข้าไปแทรกแซงการเผชิญคราวเคราะห์ของเทพองค์อื่น ในใจของนางมิได้หมายมั่นว่าจะช่วยเหลือเขา แต่นางแค่อยากจะพูดคุยกับเขาตามประสาพี่น้องเท่านั้นเอง“อ่า ท่านเทียนจุน เห็นทีว่าวันนี้ข้าจะไม่สามารถไปกับท
หลี่เจ๋อเชี่ยนผละริมฝีปากออกด้วยความเสียดายอย่างสุดซึ้ง ปกติเพียงแค่ยืนอยู่ใกล้นางเขาก็ได้กลิ่นหอมหวานลอยฟุ้งออกมาจากกายนางจนติดปลายจมูกไปหมดแต่เมื่อได้ลิ้มรสก็พบว่าหมิงหลัน..น่าจะหวานไปทุกส่วนของร่างกาย เมื่อลิ้นของเขาลุกล้ำเข้าไปในโพรงปากอ่อนนุ่มมันเหมือนกับว่าเขากำลังเสียสติเพราะพบเจอความหอมหวานที่ไม่เคยเจอที่ไหนมาก่อน หวานล้ำยิ่งกว่าสิ่งใดที่เคยลิ้มรสมาดูเหมือนว่าดอกสาลี่น้อยดอกนี้จะพร้อมเบ่งบานเพื่อเขาแล้วสินะ เจ๋อเชี่ยนยกมือขึ้นมากุมใบหน้าของหมิงหลันที่มันกำลังแดงซ่านราวกับลูกเชอรี่เอาไว้“รู้สึกอย่างไร?”หมิงหลันรีบเบนสายตาเพื่อมองไปทางอื่นในทันที ส่วนมือทั้งสองข้างของนางถูกยกขึ้นมากุมหัวใจเอาไว้ บางสิ่งในอกรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่ค่อยๆ แผ่ซ่านออกมานางหายใจเหนื่อยหอบราวกับจะเป็นลมและหลี่เจ๋อเชี่ยนรีบยื่นมือไปประคองร่างของนางเอาไว้ เขากระซิบที่ข้างใบหูของหมิงหลันด้วยความแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก“แค่จูบก็แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว เห็นทีว่าการร่วมเตียงของเราจะต้องเลื่อนไปอีกสักหน่อย..”“มะ..ไม่ใช่แบบนั้นนะเจ้าคะ”เมื่อเห็นท่าทีร้อนรนของหมิงหลันมันยิ่งทำให้เจ๋อเชี่ยนอยากจะลองแกล้งน
หลี่เจ๋อฮั่นเงยหน้ามองพระจันทร์ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด คืนวันพรุ่งนี้คงเป็นคืนที่พระจันทร์เต็มดวงสินะ เป็นคืนเข้าหอแรกของหมิงหลันและพี่ใหญ่..สุดท้ายเขาก็ไม่ได้อะไรเลยงั้นเหรอ? ไม่ได้การ เขาต้องไปพบหมิงหลันเพื่อบอกกล่าวความในใจของเขาให้นางรู้ ทว่าเมื่อเจ๋อฮั่นเปิดประตูห้องของเขาออกไปคนที่เขาพบเจอคือท่านเทพซื่อมิ่ง แม่เลี้ยงของเขา“ดึกดื่นป่านนี้เจ้าจะไปไหนกันเจ๋อฮั่น”เขาก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกผิด“ข้าจะไปหาหมิงหลัน..ท่านแม่เองก็คงจะมาห้ามข้าสินะ”“เจ๋อฮั่น สตรีนั้นมีมากมายเหตุใดต้องเป็นเทพบุปผาหมิงหลันด้วย สตรีผู้นี้เกิดมาเพื่อพี่ชายของเจ้า..”“แต่ท่านพี่ไม่ได้รักนาง..ข้าต่างหากที่รักนาง!!”เทพซื่อมิ่งถอนหายใจเบาๆ“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเจ๋อเชี่ยนมิได้รักหมิงหลัน”“หากว่าท่านพี่รักหมิงหลัน เขาไม่มีทางมองนางด้วยสายตาเช่นนั้นหรอกท่านแม่”“ที่เจ้ากล่าวออกมานั้นก็ไม่ผิด ในวันนี้เจ๋อเชี่ยนมิได้รักหมิงหลัน แต่ทว่าวันข้างหน้าสุดแสนจะคาดเดา ข้าเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เด็กถึงแม้มิได้คลอดเจ้าแต่ข้าก็เป็นคนอาบน้ำให้เจ้าตั้งแต่เล็กแต่น้อย เจ๋อฮั่นสิ่งเดียวที่ข้าจะขอจากเจ้าคือให้เจ้าปล่อยหมิงหลันไป นางไม่ใ
วันเวลาที่หลี่เจ๋อเชี่ยนรอคอยในที่สุดก็เดินทางมาถึงเสียที เขารอคอยมาเนิ่นนานมากทีเดียวจนกว่าจะถึงวันที่เราได้แต่งงานกัน เขาจะได้ประกาศก้องออกไปให้ดังไกลไปทั่วสี่ทะเลแปดดินแดนว่าเทพบุปผาหมิงหลัน นางคือภรรยาของจอมมารผู้นี้“ข้ามิคิดว่าภรรยาจะสามารถงดงามได้มากยิ่งขึ้นไปอีก..”เมื่อกล่าวจบหลี่เจ๋อเชี่ยนก็หอมแก้มหมิงหลันแรงๆ ท่ามกลางพิธีแต่งงานที่พวกเขากำลังคำนับฟ้าดินท่านอดีตจอมมารถึงกับกระแอมออกมาเสียงดัง“เจ๋อเชี่ยน..ทำพิธีให้เสร็จก่อนสิเจ้าลูกคนนี้!!"เสียงหัวเราะดังขึ้นมาในทันที แขกในงานไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะได้เห็นภาพของท่านจอมมารที่ดูอ่อนโยนและทนุถนอมท่านเทพบุปผาเช่นนี้หมิงหลันร้องไห้อยู่สามวันสามคืนเลยทีเดียว ยิ่งใกล้ถึงกำหนดแต่งงานนางยิ่งรู้สึกตื้นตันใจ ทั้งๆ ที่เรามีเจ้าตัวน้อยซึ่งเป็นพยานรักตั้งสองคนแล้ว แต่หมิงหลันก็ยังอดรู้สึกตื้นตันไม่ได้ทุกที“อย่าร้องสิ ในวันแต่งานของเราเจ้าควรจะยิ้มเยอะๆ ให้ผู้คนที่มาร่วมงานลือให้ไกลเป็นพันลี้ว่าท่านจอมมารเป็นคนดียิ่งนัก เขาทำให้ภรรยาแย้มยิ้มได้ตลอดงาน..”เมื่อได้ฟังดังนั้นหมิงหลันก็หัวเราะออกมาเบาๆ“คำสาบานของข้านั้นเรียบง่ายยิ่งนัก ถึงแม
เวลาเป็นสิ่งเดียวที่เดินหน้าแล้วมักจะไม่มีวันย้อนกลับ และตัวเขา..ทำให้สตรีผู้หนึ่งเสียเวลาในชีวิตไปนานมากเลยทีเดียว“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะคุณชาย..เชิญนั่งรอที่ชั้นบนได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะจัดการนำชาเลิศรสและขนมหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านน้ำชาเราไปส่งให้ท่านถึงที่โต๊ะเลย..”ท่านเทพดวงชะตาบอกกับเขาว่าเขาควรจะทำอะไรที่เป็นการไถ่โทษที่ครั้งหนึ่งเขาเคยทำให้ชีวิตของสตรีผู้หนึ่งพังลง และในยามนี้จงจิ้งโหวกำลังกระทำการไถ่โทษนางในแบบของเขาอยู่ครั้งหนึ่งเราทั้งสองคนคือสารเลว แต่ทว่าในครั้งนี้เขาจะสอนเสวียนม่านด้วยตัวเอง ว่าการทำความดีมันง่ายดายยิ่งกว่าการว่าร้ายผู้อื่น..“ข้ามาที่ร้านน้ำชาแห่งนี้บ่อยมากทีเดียว แต่กลับไม่เคยเห็นสามีของเถ้าแก่เนี้ยเลย..”เขาถามทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่านางคือหญิงหม้าย แต่ถึงอย่างนั้นจงจิ้งโหวคิดว่านี่คือจุดเริ่มต้นการสนทนาที่ค่อนข้างดีมากทีเดียวระหว่างเขาและนาง“ข้าไม่มีสามีเจ้าค่ะ จะเรียกว่ายังไม่มีสามีก็ยังไงอยู่ เพราะว่าข้าคือหญิงหม้ายที่พึ่งผ่านการหย่าร้างมา..คุณชายท่านนี้สนใจในตัวหญิงหม้ายผู้นี้อย่างนั้นหรือเจ้าคะ?”จงจิ้งโหวมองหน้าของเสวียนม่าน เขายกมุมปากขึ้นสูงเล็
หลี่เจ๋อเชี่ยนค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา สิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้คือกลิ่นหอมของหมู่มวลบุปผาพร้อมๆ กับกลิ่นไอของแสงแดดนี่เขากำลังฝันกลางวันอยู่หรืออย่างไร เผ่ามารถึงได้ดูแปลกตาเช่นนี้ เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ไร้ไอขุ่นมัว แสงของดวงตะวันสามารถส่องกระทบมาบนพื้นหญ้าได้อย่างชัดเจน และบนพื้นดินที่เคยเป็นสีดำสนิท ยามนี้มันกลับเขียวขจีไปทั่วทั้งดินแดนมวลบุปผาชูช่ออวดโฉมเบ่งบาน มุมปากของหลี่เจ๋อเชี่ยนหยักยิ้มขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดที่ฝังแน่นในใจ มิใช่ว่ายามนี้หมิงหลันอยู่ที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือ ยังไม่ทันที่เขาจะได้ก้าวเดินออกไปจากห้อง หมิงหลันก็เดินเข้ามาพร้อมๆ กับถาดน้ำชาในมือ สาวใช้ที่เดินตามนางเข้ามาสีหน้าไม่สู้ดีสักเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าพวกนางพยายามอย่างมากในการห้ามท่านเทพบุปผาไม่ให้นางทำงานแต่ด้วยนิสัยของหมิงหลันแล้ว นางไม่ถนัดเรื่องการมีคนรับใช้..เขาส่งยิ้มให้กับภรรยาผู้งดงามยิ่งกว่าผู้ใดในสี่ทะเลแปดดินแดน หลี่เจ๋อเชี่ยนเดินเข้าไปหาหมิงหลันโดนที่นางยังไม่ทันได้ตั้งตัวด้วยซ้ำเขาโอบกอดและฝังใบหน้าลงไปบนเรือนผมด้วยความคำนึงถึง“ภรรยา..ข้าหลับไปนานพอสมควรเลยอย่างนั้นหรือ?”หมิงหลันหลับตาลงช้าๆ นางยกมื
“ตามกฎแล้ว ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นเทพแห่งดวงชะตาแต่ทว่าข้าไม่สามารถเปิดเผยเรื่องราวของเหล่าเซียนได้เลย..”สีหน้าของท่านเทพดวงชะตานั้นเต็มไปด้วยสีหน้าขมขื่น จงจิ้งโหวปรายตามองไปยังสวนที่แสนกว้างใหญ่ของเขา“แต่ท่านก็แหกกฎนั้นเพื่อบอกท่านแม่ของข้านี่”เทพซื่อมิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่นางจะแย้มยิ้มขึ้นมาจางๆ“ข้าไม่เคยเข้าหาเจ้าเพียงเพราะว่าในอนาคตเจ้าจะได้เป็นองค์รัชทายาทหรือว่าองค์เง็กเซียนเลยแม้แต่นิดเดียว ที่ตำหนักดวงชะตาของข้านั้น ข้ามักจะชอบนั่งทำงานที่ริมหน้าต่างและเมื่อมองทอดสายตาออกมาด้านนอกหน้าต่างนั้น มันทำให้ข้าได้เห็นเด็กชายผู้หนึ่งที่นั่งอยู่เงียบๆ หน้าสระบัว..ในยามนั้นข้าเพียงคิดว่านั่นคือเรื่องราวที่แปลกพอสมควรเพราะว่าเด็กในวัยเดียวกันควรจะวิ่งเล่นหรือไม่ก็ท่องเที่ยวไปทั่วสวนของแดนบุปผาแล้ว แต่เด็กชายผู้นั้นกลับไม่กระทำการที่เด็กในวัยเด็กกันทำ ข้ามองเด็กคนนั้นมานานหลายสิบปี จนข้าตัดสินใจเข้าไปพูดคุยเพราะข้าอยากรู้ว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้เด็กน้อยผู้นั้นดูเศร้าหมองได้ถึงเพียงนั้น การพูดคุยของข้านั้น เป็นการท้าทายความอดทนของข้ามากทีเดียวเพราะว่าเขามิได้ยินยอมพูดกับข้าในทันทีที่ข้าเอ
ท่านเทพซื่อมิ่งเดินเข้าไปหาองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวที่นั่งอยู่บนพื้นหญ้า ในมือของเด็กน้อยผู้นั้นถือถ้วยน้ำชาเอาไว้และมันยิ่งกำถ้วยในมือเอาไว้แน่นมากยิ่งขึ้นเมื่อนางเดินเข้าไปใกล้ครั้งหนึ่งเมื่อยามที่นางยังอยู่บนแดนสวรรค์ นางพบเห็นเด็กน้อยที่น่าสงสารมากกว่าใครๆ ทั้งๆ ที่เขาเป็นหนึ่งในโอรสของสวรรค์แต่ทว่ากลับมิได้รับความเคารพจากผู้ใดเลย จงจิ้งโหวเป็นเด็กที่เก็บตัวเงียบอยู่ในมุมมืดเพียงผู้เดียว ไม่ได้ออกมาวิ่งเล่นดังเช่นเด็กคนอื่น เนื่องจากหอดวงชะตาอยู่ไม่ไกลจากตำหนักชมจันทร์ที่จงจิ้งโหวอาศัย เมื่อมองเด็กน้อยผู้นี้นานๆ เข้า ท่านเทพซื่อมิ่งก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหาเขา“เหตุใดถึงมีเพียงองค์ชายผู้เดียวที่มานั่งชมสระบัวอยู่ตรงนี้เพคะ”นางตามตื๊ออยู่นานทีเดียวกว่าจงจิ้งโหวจะยินยอมพูดด้วย“นี่คือบันทึก..เกี่ยวกับดวงชะตาอย่างนั้นหรือขอรับ”เขาใช้มือลูบไล้ลงไปบนแผ่นไม้ที่จารึกดวงชะตาของเหล่ามนุษย์เอาไว้ด้วยความประหลาดใจ รอยยิ้มน้อยๆ ของเด็กที่ไม่เคยพบเจอสิ่งใดนอกจากสระบัวและดวงจันทร์ข้างๆ ตำหนัก มันทำให้ท่านเทพซื่อมิ่งอดรู้สึกเวทนามิได้“พระองค์..อยากอ่านหรือไม่เพคะ”ในแววตาที่ไร้เดียงสาปรากฏร่องรอยค
“ครั้งหนึ่งยามเมื่อหมู่มวลวสันต์ผลิบาน แสงแรกของดวงตะวันฉายชัดลงมา บรรยากาศบนแดนสวรรค์นั้นทำให้ข้ารู้สึกอบอุ่น อ้อมกอดแรกของสตรีที่มิใช่มารดาโอบกอดลงมาบนร่างกายเล็กๆ ของข้า ในครั้งที่ข้าเป็นเด็ก เพราะว่าข้าคือโอรสที่เกิดจากพระสนมจึงมิมีใครคอยดูแล ยกเว้นเทพที่แสนใจดีผู้หนึ่ง นางสอนข้าเดินหมาก อ่านเขียน แต่งกลอน..”แววตาในยามที่จงจิ้งโหวกล่าวถึงสตรีผู้นั้นมันช่างดูเศร้าหมองจนหมิงหลันอดจะรู้สึกสงสารเขาไม่ได้เลย“ข้าที่ไม่มีใคร รู้สึกดีใจและขอบคุณมากๆ เมื่อท่านเทพผู้นั้นปฏิบัติกับข้าดีเหมือนกับว่าข้าคือบุตรชายของนาง..”คล้ายหัวใจของจงจิ้งโหวถูกทุบจนแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เขาหลับตาลงช้าๆ เพื่อข่มความเจ็บปวดเอาไว้“แล้ว..ยามนี้ท่านเทพผู้นั้นอยู่ที่ใดกันเล่าเพคะ”“...นางมิได้อยู่บนแดนสวรรค์ ข้าถูกช่วงชิงนางไปเพราะอดีตจอมมารหลงรักนางตั้งแต่แรกพบ หมิงหลันข้าน่ะไม่เคยมีใครเลยในชีวิต ข้ามีนางที่นับถือราวกับมารดาแท้ๆ เพียงผู้เดียวเท่านั้น ทว่าเรื่องน่าตลกมันเริ่มฉายชัดในยามที่ข้าเติบใหญ่ เมื่อพี่น้องทยอยล้มตายอย่างไร้สาเหตุและมีข้าเพียงผู้เดียวนั้นที่มีชีวิตรอด ข้าที่เป็นเพียงโอรสที่เกิด
หมิงหลันตรึงสายตาเย็นชาเอาไว้ที่รอยยิ้มขององค์รัชทายาทจงจิ้งโหว มุมปากของนางยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย รอยยิ้มเล็กๆ ที่ปรากฏบนใบหน้างามนั่นจางหายไปอย่างรวดเร็วจนองค์รัชทายาทจงจิ้งโหวไม่ทันได้มองเห็น“เจ้าเองก็หวาดกลัวเหมือนกันใช่หรือไม่..สงครามน่ะ”“หากหม่อมฉันตอบว่าไม่รู้สึกหวาดกลัวหม่อมฉันคงจะโกหกแล้วเพคะ เพียงแต่หม่อมฉันคิดว่าปัญหาทุกทางย่อมมีทางออกเสมอ กับเรื่องนี้ก็เช่นกัน”ไม่รู้ทำไมจงจิ้งโหวถึงได้รู้สึกว่าเทพบุปผาผู้นี้จะสามารถพูดคุยเพื่อคลายเหงาให้เขาได้บ้าง เพราะแววที่แสนเย็นชาหรือเพราะว่าน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่แยแสของนางกันแน่ ที่มันชวนให้เขารู้สึกว่านางมิใช่สตรีที่จะพุ่งเข้าหาเขา เพียงเพราะล่วงรู้ว่าเขาคือองค์รัชทายาทสวรรค์“ทำไม..เจ้าถึงไม่สนใจข้าเลยล่ะ ทั้งๆ ที่หากเปรียบเทียบกับจอมมาร ข้าเหนือกว่าเขาแทบจะทุกด้าน”ดวงตาของหมิงหลันกระตุกเล็กน้อย เหนือกว่าทุกด้าน? ตรงไหนกัน?หากเป็นเรื่องใบหน้า สามีของนางย่อมเหนือกว่าและหากเป็นเรื่องความดี จริงอยู่ที่เมื่อก่อนท่านจอมมารมิใช่คนที่ดีสักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่เราได้พูดคุยปรับความเข้าใจ ในยามนี้เขาคือชายที่ดีที่สุดในสายตาของนาง..“
รุ่งเช้าหลี่เจ๋อฮั่นยังคงตื่นแต่เช้าเพื่อมารดน้ำผักและดอกไม้มากมายที่ปลูกเอาไว้ด้านหน้าบ้านหลังน้อย เขารู้สึกได้เลยว่านี่คือช่วงเวลาที่มีไม่บ่อยเท่าไหร่นักในชีวิตของเขา การได้อยู่เงียบๆ ในป่าไผ่ที่ไม่ได้พบเจอผู้คนมากมาย ได้ร้องเพลงร่ำสุราเงียบๆ กับหมิงหลันที่เอาแต่ดูเขาดื่มฝ่ายเดียวเขาพึ่งรู้เหมือนกันว่านางทำอาหารอร่อยมากจนน่าตกใจ“เจ๋อฮั่น..อันที่จริงเจ้าไม่ต้องรดน้ำผักพวกนี้ก็ได้ พวกมันเกิดมาจากพลังปราณของข้าเพราะอย่างนั้นมันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า”หลี่เจ๋อฮั่นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ“ใต้หล้านี้คงมีเพียงเจ้าผู้เดียวเท่านั้นที่ชอบทำอะไรที่มันแปลกไปจากเดิม..หมิงหลันเจ้าลองปลูกผักพวกนี้โดยที่ไม่ใช่พลังของเจ้าดูสักครั้งบ้างหรือยัง บางทีการกระทำเช่นนั้นอาจจะทำให้เจ้าได้พบเจอกับความแปลกใหม่ก็เป็นได้”หมิงหลันใช้มือของนางเก็บผักกาดมาจากแปลง“เจ๋อฮั่น เอาไว้คราวหน้าข้าจะลองทำตามที่เจ้าว่าดูก็แล้วกัน แต่ยามนี้มิใช่ว่าเรายังไม่ทันได้ทานมื้อเช้ากันหรอกหรือ?”หมิงหลันเดินเข้ามาในครัวพร้อมๆ กับหั่นผักกาดและตั้งเตา นางกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบากพร้อมๆ กับที่ใส่ผงสีขาวลงไปในอาหารที่กำลังปรุงนี่คือยาน
“ท่านผู้มีพระคุณคงกำลังมีแขก ข้ากระทำการอันเป็นการล่วงเกินเวลาพักผ่อนของท่านรึเปล่าขอรับ”ท่าทีนอบน้อมของเขาทำให้หมิงหลันรู้สึกแปลกพิลึกมากทีเดียว นางมิคิดว่าองค์รัชทายาทของชาวสวรรค์จะมีความสามารถในการปลอมตัวเช่นนี้ หากว่าเขาแนบเนียนจนแทบจะมองไม่ออกเช่นนี้ก็มิได้น่าแปลกใจเท่าไหร่หรอกว่าเหตุใดเสวียนม่านถึงได้เลือกเขา..แต่สตรีผู้นั้นก็หวั่นไหวเพราะอำนาจขององค์รัชทายาทเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่“ขออภัยพี่ชายด้วย แต่ในวันนั้นที่ข้าจ่ายค่าหมั่นโถวให้ท่าน เรียกได้ว่าเป็นการกระทำที่เล็กน้อยยิ่งนัก อีกทั้งข้าไม่คิดเก็บเอามาเป็นบุญคุณอะไรทั้งนั้น ขอพี่ชายอย่าเรียกขานข้าว่าผู้มีพระคุณอีก ให้คิดซะว่าเรามิได้ติดค้างอะไรทั้งนั้น”“แต่ว่า..”“พี่สะใภ้ของข้ากล่าวเช่นไรก็เอาตามนั้นเถิด อีกทั้งยามนี้เราตั้งใจจะมาพักผ่อนดื่มชาเป็นการส่วนตัว คงจะดีหากว่าท่านไม่มารบกวนเวลาของพวกเรา”เมื่อเห็นว่าชายผู้นั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมถอยตามคำของหมิงหลันเลยแม้แต่นิดเดียว หลี่เจ๋อฮั่นจึงออกหน้าให้ชายผู้นั้นก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนที่เขาจะเดินจากไป“เรารีบไปกันเถอะเจ๋อฮั่น ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว”หมิงหลันรู้สึกไม่ดีเอาซะเ