แชร์

เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน
เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน
ผู้แต่ง: พิมพ์ธนภัส / เวณิตา24

เกริ่นนำ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-27 17:47:38

นัยน์ตาโศกทอดมองประตูตำหนักที่เปิดกว้างออกหลังจากที่ถูกปิดตายมานานนับเดือนก่อนจะเบือนหน้าหนียามที่บุรุษในชุดสีเหลืองอร่ามลายมังกรก้าวผ่านประตูนั้นมาพร้อมกับสตรีอาภรณ์สีแดงชาดประดับลายมังกร คนทั้งคู่ก็คือฮ่องเต้และฮองเฮาองค์ปัจจุบันแห่งแคว้นเฉินทว่าสำหรับเฉินอันหนิงองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเฉินแล้วคนทั้งคู่เป็นเพียงแค่ชายโฉด หญิงชั่วที่ปล้นบัลลังก์ของผู้อื่นเท่านั้น

“ยังจองหองได้อีกเช่นนั้นหรือพี่หญิงของข้า” น้ำเสียงเย้ยหยันมากกว่าจะเป็นมิตรส่งมาก่อนที่ฮองเฮาผู้สูงศักดิ์อย่างเฉินซูเหมยจะกรีดกรายเข้ามาใกล้พี่สาวต่างมารดาที่สถานะยามนี้คืออดีตองค์หญิงแห่งราชวงค์ก่อน

สายตาวาวโรจน์จ้องเขม็งไม่ปกปิดความอาฆาตแค้นพร้อม ๆ กับร้องตวาดเสียงดังลั่น “ออกไปให้ห่างจากข้า นังอสรพิษ”

ยามที่น้องสาวต่างมารดาเข้ามาใกล้เฉินอันหนิงให้รู้สึกสะอิดสะเอียดจนแทบจะอาเจียน ยิ่งภาพเหตุการณ์นองเลือดที่ผ่านพ้นมาไม่นานผุดขึ้นมาในหัวนางก็ยิ่งเคียดแค้นคนตรงหน้า

นังงูพิษผู้นี้กับสามีชั่วข้าของมันร่วมมือกันสังหารได้กระทั่งพี่น้องสายเลือดเดียวกัน วางยาสังหารได้กระทั่งบิดา ฆ่าล้างตระกูลขุนนางไปนับสิบโดยไม่รู้สึกรู้สา นางมิใช่คน นางชั่วร้ายยิ่งกว่าสัตว์นรกเสียอีก

“เฮ้อ พี่หญิง ท่านที่เคยอ่อนแอขี้ขลาดให้ข้าปกป้องยามนี้กลายเป็นเช่นนี้ไปเสียแล้ว จิ๊ ๆ ช่างน่าขันยิ่ง” ฮองเฮาผู้สังหารพี่น้องเพื่อบัลลังก์หงส์มองพี่สาวต่างมารดาอย่างสมเพชแล้วยื่นมือไปจับคางอีกฝ่าย กดปอกเล็บแหลมลงบนผิวเนื้อบอบบางก่อนจะเอ่ยต่อ “เจ้าคิดว่ามาจองหองแข็งกร้าวใส่ข้ายามนี้แล้วจะรอดไปได้เช่นนั้นรึ…คนเช่นเจ้ามาได้เพียงเท่านั้นล่ะอันหนิง”

เฉินอันหนิงกดสายตามองนังงูพิษด้วยสายตาเคียดแค้นไม่เปลี่ยนแปลง นางเกลียดสตรีตรงหน้า แต่เหนือกว่านั้นก็คือเกลียดตัวเองที่อ่อนแอจนถูกสตรีตรงหน้าหลอกใช้เพื่อเหยียบขึ้นบัลลังก์

เกลียดที่ตนเป็นธิดาองค์โตแต่มิอาจปกป้องน้อง ๆ ได้ทั้งที่ฝันถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ก่อนจะเกิดเรื่อง

เกลียดที่ตนอ่อนแอและขี้ขลาดจึงตกอยู่ใต้อำนาจของเฉินซุเหมยและมารดาจนทุกอย่างเลยเถิด

และเกลียดที่มิอาจปกป้องเสด็จพ่อจากนังงูพิษได้…

นางเกลียดตัวเองที่สุด

“ผู้คนจะต้องได้รับรู้ความบัดซบของพวกเจ้า พวกเจ้ามิมีทางหลีกหนีคำสาปแช่งได้ ไม่มีวัน”

“หึ น่าขันยิ่ง จะตายอยู่แล้วยังจะพายลมเรื่องเพ้อฝัน ซือเยว่…ฆ่านางซะ” คำสั่งเฉียบขาดถูกเอื้องเอ่ยก่อนที่บุรุษในชุดเครื่องแบบทหารองครักษ์จะก้าวมาตรงหน้าอดีตองค์หญิงใหญ่

เฉินอันหนิงมองคนก้าวขึ้นมาตรงหน้าด้วยสายตาร้าวราน สิ่งที่นางเกลียดตัวเองอีกอย่างก็คือเรื่องของคนผู้นี้

นางช่วยเหลือเขาในยามตระกูลตกยาก ช่วยเหลือจนได้เป็นทหารองครักษ์และได้เป็นถึงสวามีของนาง…แต่สุดท้ายคนผู้นี้กลับยืนเคียงข้างคู่ผัวตัวเมียแสนชั่วช้าเพื่ออำนาจของตน

และกำลังจะเป็นผู้ปลิดชีวิตของนาง

นางเกลียดตัวเองที่หลงเชื่อและแต่งให้บุรุษสารเลวผู้นี้ยิ่ง

“จื่อเหยียน เจ้ามันคนสารเลว”

“หึ…ไหน ๆ ก็จะต้องตายแล้ว กระหม่อมจะบอกเรื่องดี ๆ ให้สักเรื่องนึง เผื่อท่านจะได้ตาสว่างขึ้น” บุรุษผู้ชักดาบขึ้นพร้อมจะปลิดชีวิตภรรยาของตนเอ่ยด้วยใบหน้าเลือดเย็นพร้อมกับยิ้มร้าย “ข้าชื่อฮุยอี้มิใช่ฟู่จื่อเหยียน…ข้าเพียงสวมรอยเป็นคุณชายฟู่ที่เคยพบเจอระหว่างทางยามเด็กเท่านั้น”

“เจ้า ที่แท้เจ้าก็ ฮึก…” ไม่รอให้นางได้กล่าวสิ่งใดจนจบปลายดาบก็แทงเข้าที่กลางลำตัวของนางเสียแล้ว ทันทีที่ดาบถูกชักกลับคืนเรือนกายของอดีตองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ก็ทรุดลงไปบนพื้น เจ็บปวดที่กายก็เจ็บยิ่งนัก ซ้ำยังเจ็บที่ใจเสียอีก

นางเจ็บเจียนตายเมื่อชายผู้เป็นสามีมิใช้ผู้ที่นางอยากแต่งด้วยจริง ๆ ดวงตาเหลือกลานมีเส้นเลือดผาดผ่านจ้องเขม็งไปยังผู้บอกว่าตนชื่อฮุยอี้พร้อมกับแผดเสียงที่มีทั้งหมดด้วยความคับแค้น

“สารเลว!!!”

“ภรรยา คำชมนี้สามีชอบใจยิ่ง” ฮุยอี้กล่าวพร้อมกับลูบไล้ใบหน้าขาวผุดผ่องของผู้เป็นภรรยาก่อนจะเอ่ย “น่าเสียดายที่สุดท้ายเจ้าไม่โง่งมเช่นก่อนนี้ หากเจ้าโง่งมและอยู่ข้างฮองเฮากับฝ่าบาทต่อไปเราสามีภรรยาคงมิต้องเป็นเช่นนี้ องค์หญิงของข้า น่าเสียดายยิ่ง”

“แม้เป็นผีข้าก็จะสาปแช่งพวกเจ้า พวกเจ้ามิมีทางได้อำนาจที่วาดฝัน มิมีทาง” นางใช้กำลังที่มีเอ่ยออกไปอย่างเคียดแค้นก่อนจะนอนหายใจโรยระรินอย่างคนใกล้ตาย

นางทำได้แค่เพียงเท่านี้…เท่านี้จริง ๆ

แต่อีกมิกี่อึดใจหรอก อีกเพียงไม่นานคนพวกนี้ก็จะต้องชดใช้ให้นาง!

“ปากดียิ่งพี่หญิงของข้า ซือเหยียน ไม่สิ ฮุยอี้ ทำให้นางทรมานยิ่งกว่านี้”

“ตามรับสั่งพะย่ะค่ะ” ฮุยอี้ง้างดาบในมือหมายจะฟันลงบนร่างของคนใกล้ตายอีกครั้งทว่าไม่ทันจะได้ทำก็มีขันทีวิ่งเข้ามาอย่างลนลาน

“ฝ่าบาท เกิดเรื่องใหญ่แล้วพะย่ะค่ะ ทะ ทหารแคว้นเสิ่นเคลื่อนทัพเข้าเมืองหลวงแล้วพะย่ะค่ะ”

“อันใดนะ เกิดขึ้นได้เช่นไร!”

“แม่ทัพชายแดน และกองกำลังรักษาเมืองต่างก็ยอมเปิดทางให้เพราะแม่ทัพแคว้นเสิ่นก็คือองค์ชายสามพะย่ะค่ะ ยามนี้ชาวบ้านและไพร่พลทั้งหลายต่างรับรู้ว่าฝ่าบาทและฮองเฮาสังหารอดีตฮ่องเต้และองค์ชายทั้งหลายเพื่อชิงบัลลังก์ ชักช้ามิได้แล้วพะย่ะค่ะ องค์ชายสามใกล้จะทลายประตูวังได้แล้ว” ขันทีข้างกายฮ่องเต้หุ่นเชิดและฮองเฮาผู้ครองอำนาจอย่างแท้จริงไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

เฉินซูเหมยตกตะลึงและเจ็บแค้นจนคิดอ่านสิ่งใดไม่ได้ขึ้นมาชั่วขณะ องค์ชายสามเช่นนั้นหรือ องค์ชายสามผู้นั้นนางสังหารที่งานล่าสัตว์ไปแล้วมิใช่หรือ

“บัดซบ…พี่สามยังไม่ตายอีกหรือ”

“หึ” เสียงจากพื้นเย็นยะเยือกดังขึ้นเรียกให้สายตาของฮองเฮาผู้ปล้นชิงบัลลังก์มาต้องหันขวับ เพียงแค่เท่านั้นนางก็เข้าใจทุกสิ่ง

เป็นนางนี่เอง นังจิ้งจอกเฉินอันหนิง

“นังสารเลว เจ้ากล้าลอบให้การช่วยเหลือเฉินอี้หลงลับหลังข้า”

“สะ สิ่งนึงที่เจ้าคงมิเคยรู้ อะ อี้หลง ปะ เป็นบุตรชายของ ทะ ท่านป้าข้า เขาคะ คือผู้ที่มีสายเลือด ดะ เดียวกับข้า ตะ ต่อให้ข้าโง่งม ขะ ข้าก็มิอาจให้ขะ เขาตายได้ ฮึก…”

“นังสารเลว!”

ปัก!

ไม่ทันที่เฉินซูเหมยจะได้เข้าใกล้ร่างโรยระรินไปมากกว่านี้ทวนปลายแหลมก็พุ่งเข้ามาปักด้านหลังของนางจนล้มลงพร้อม ๆ กับการปรากฏกายขององค์ชายสามแห่งราชวงค์เฉินเฉินอี้หลง

“สตรีชั่วช้าเช่นเจ้ามิคู่ควรแตะต้องพี่หญิงของข้า”

“ฮึก จะ เจ้ามาแล้ว”

“พี่หญิง ท่านอดทนก่อนข้าพาหมอมาด้วย เขากำลังตามมา ฮึก พี่หญิงใหญ่” เฉินอี้หลงตะกองกอดพี่สาวต่างมารดาเอาไว้ด้วยความเจ็บปวด เพียงมองด้วยตาเขาก็คาดคะเนได้ว่าพี่สาวอาจมิสามารถอยู่กับเขาต่อไปได้

เหตุใดกัน นางอุตส่าห์ลักลอบช่วยเหลือเขาและพระชายา ซ้ำต้องทนทุกข์จากกระทำของสามี ยามนี้เขามีกำลังมากพอที่จะจัดการทุกสิ่งแล้ว เหตุใดนางถึงเป็นเช่นนี้

“พี่หญิงใหญ่ ท่านอดทน...”

“พะ พี่ไม่ไหวแล้วน้องสาม พะ พี่รู้ตัวดี” นางเอื้องเอ่ยอย่างติด ๆ ขัด ๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของน้องชายต่างมารดาที่มีมารดาเป็นสายเลือดเดียวกัน “พะ พี่ไม่ปรารถนามีชีวิตแสนนาน พี่หวังเพียงเจ้า ปะ เป็นฮ่องเต้ที่ดี ดูแลแคว้นเฉินให้ ระ ร่มเย็น เพียงเท่านั้น”

“พี่ใหญ่ ข้าจะเป็นฮ่องเต้ที่ดี ข้าให้สัญญากับท่าน”

“ฮึก ดี ดียิ่ง” นางพึมพำเช่นนั้นก่อนจะฝืนความเจ็บปวดหันไปมองยังบุรุษสารเลวผู้เป็นสามีที่ถูกทหารจับกุมเอาไว้ มิใช่เพราะยังรัก หากแต่เคียดแค้นจนมิอาจจะปล่อยไปเฉย ๆ

“ฮุยอี้ หากชาติหน้ามีจริง ข้าขอให้เจ้าเป็นได้เพียงชายที่ไม่มีสตรีใดต้องการ สตรีทุกคนเข้ามา พะ เพื่อหลอกใช้เจ้า ขะ ขอให้เจ้าต้องมีจุดจบเพราะสตรีที่เจ้ารัก ทุกภพ ทุกชาติให้สาสม กะ กับที่เจ้าทำกับขะ…ข้า”

“พี่หญิงใหญ่ พี่หญิง!!!”

ในเฮือกสุดท้ายของชีวิตแม้จะบอกว่าสิ่งที่หวังมีเพียงให้องค์ชายสามเฉินอี้หลงปกครองแคว้นให้ร่มเย็นเพียงเท่านั้นหากแต่ความปรารถนาลึก ๆ เฉินอันหนิงกลับอยากย้อนเวลากลับในวันที่ทุกอย่างยังคงปกติสุขเสียมากกว่า

นางปรารถนาให้เหตุนองเลือดครั้งแล้วครั้งเล่าที่ได้ประสบไม่เกิดขึ้น อยากเป็นคนที่ปกป้องพี่น้องและบิดามารดาได้…หากเป็นไปได้ ก็อยากให้เป็นเช่นนั้น

แต่โลกนี้มิมีผู้ใดทำเช่นนั้นได้…มิมีเลย

ช่างเถิด ตายแล้วดื่มน้ำแกงยายเมิ่งข้ามสะพานไปสู่ภพหน้าเฉย ๆ ก็ดี มิต้องดิ้นรนสิ่งใดอีก

ดีแล้ว…

บทที่เกี่ยวข้อง

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่1 หวนคืนวันวาน

    ความอบอุ่นอันคุ้นเคยปลุกให้เฉินอันหนิงรู้สึกตัวตื่น นางลืมตาขึ้นอย่างมึนงงก่อนจะหลับตาลงอีกครั้งเพราะความหนักอึ้งที่เปลือกตา นี่คือโลกหลังความตายเช่นนั้นหรือ ไยดูคุ้นเคยยิ่ง…“เจ้าก้อนแป้งขี้เซาจะให้พ่อรออีกนานเพียงใดกัน” สุรเสียงอันคุ้นเคยและเต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นดังขึ้นจากใกล้ ๆ เรียกให้นางต้องลืมตาขึ้นอีกครั้งนั่นเสียงของเสด็จพ่อมิใช่หรือ…ไม่เพียงแค่เสียงแต่บุรุษผู้สูงศักดิ์ที่นางรักยิ่งกว่าผู้ใดยังมาอยู่ตรงหน้านางอีกด้วย ดวงตาของนางร้อนผ่าว เฉินอันหนิงแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าเสด็จพ่อในยามยังหนุ่มจะยิ้มอ่อนโยนอยู่เบื้องหน้านาง“เสด็จพ่อ อะ” ความปิติยินดีที่ได้พบบิดาอีกครั้งชะงักกึกยามที่เอื้อนเอ่ยเรียกออกไปทว่าเสียงที่ได้ยินกลับแปลกประหลาด“เป็นอันใดไปเจ้าก้อนแป้งน้อย ฝันร้ายหรือ เหตุใดจึงร้องไห้เล่า” เฉินไท่เสียน ฮ่องเต้แห่งแคว้นเฉินเอ่ยถามพร้อมกับยื่นพระหัตถ์อบอุ่นมาลูบศีรษะเล็ก ๆ ของธิดาองค์โตเป็นการปลอบประโลมยามที่เห็นหยดน้ำตาเม็ดโตกำลังจะไหลอาบแก้มยามพระหัตถ์คุ้นเคยของพระบิดายื่นมาสัมผัสเฉินอันหนิงทั้งสับสนและอบอุ่นในคราเดียวกัน นี่คือความอบอุ่นที่นางคุ้นเคยอย่างแน่นอย ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่2 ต้องมิใช่

    แม้จะเป็นเรื่องมหัศจรรย์เกินกว่าจะเชื่อ และสับสนว่าเป็นจริงหรือไม่ แต่สุดท้ายเฉินอันหนิงก็ยึดเอาความคิดนี้เป็นเหตุผลอธิบายทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนางหวนกลับมาแล้ว… หวนกลับมาในวันวานที่ยังคงสงบสุขนอกจากเสด็จแม่ที่จากไปเพราะอาการเจ็บป่วย ทุกคนยังคงอยู่และเกมชิงอำนาจก็ยังมิได้เริ่ม…มีเพียงการช่วงชิงความโปรดปรานเพื่อตำแหน่งฮองเฮาที่ว่างอยู่เท่านั้นดีล่ะ ในเมื่อได้หวนกลับมาในวันคืนเก่า นางจะไม่ยอมให้เหตุการณ์มันเป็นเช่นเดิมอีกไม่มีวัน!!!นางขอเอาชีวิตใหม่เป็นเดิมพัน !“อะแฮ่ม” ปล่อยให้เงียบกันอยู่ไม่นานเฉินไท่เสียนฮ่องเต้ก็กระแอมขึ้นหลังจากที่เถียงไม่ออกมาครู่ใหญ่ บุรุษสูงศักดิ์กว่าคนทั้งแผ่นดินหันมาหาธิดาองค์โตก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนโยน “พ่อยอมรับว่าพ่อผิด เจ้าก้อนแป้งยกโทษให้พ่อได้หรือไม่ พ่อสัญญาว่าจะไม่ทำผิดต่อเจ้าอีก”เจ้าก้อนแป้งของโอรสสวรรค์ลอบสูดหายใจหนัก ๆ ทันทีที่คิดได้ว่าตนควรทำสิ่งใด นางเชิดหน้าบ่ายหนีพร้อมทั้งยกมือกอดอกอย่างเอาแต่ใจก่อนจะเอ่ยอย่างแสนงอน “หนิงเอ๋อร์ไม่ยกโทษให้เสด็จพ่อหรอกเพคะ เสด็จพ่อรักน้องคนใหม่มากกว่าหนิงเอ๋อร์”“โธ่ เจ้าก้อนแป้ง พ่อจะไปรักผู้ใดมากกว่าเจ้าได้”“แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่3  พี่เหยียน

    ฮ่องเต้ไท่เสียนใช้เวลากับองค์หญิงใหญ่อีกเล็กน้อยและออกจากตำหนักไปเมื่อถึงเวลาประชุมเช้า พระองค์ยังต้องไปจัดการกับฎีกาอีกหลายฉบับ ไหนจะขุนนางพูดมากนั่นอีก เกิดเป็นโอรสสวรรค์นี่ช่างยากเย็นยิ่ง จะใช้เวลากับบุตรสาวทั้งวันก็มิได้“ถวายพระพรฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี” เสียงฉะฉานทว่ายังมิเข็มแข็งหนักแน่นอย่างบุรุษโตเต็มวัยดังขึ้นหลังจากที่โอรสสวรรค์ออกมานอกตำหนักขององค์หญิงได้ไม่ไกล สายตาคู่คมกริบทอดมองเจ้าหนูน้อยที่สูงกว่าเจ้าก้อนแป้งของตนไม่มากที่คุกเข่าทำความเคารพก่อนจะส่งสัญญาณให้ลุกขึ้น“มาหาเจ้าก้อนแป้งสินะ”“พะย่ะค่ะ” เด็กชายวัยแปดหนาวตอบรับอย่างไม่หลบตา โอรสสวรรค์จ้องมองท่าทีนั้นพลางพยักหน้าอย่างพอพระทัย แม้จะเป็นเพียงเด็กแต่กลับมิได้มีท่าทีเกรงกลัวต่อสิ่งใด ซ้ำท่าทียังองอาจและฉายแววเก่งกล้ามิใช่น้อย บิดาเป็นเช่นไรบุตรก็เป็นเช่นนั้น…ไม่เสียแรงที่เขาให้มาเป็นเพื่อนเล่นอยู่ข้างกายเจ้าก้อนแป้ง“เจ้าก้อนแป้งเพิ่งหายไข้ ระวังอย่าให้นางต้องลมนาน ๆ ด้วยเล่า”“กระหม่อมจะระวังพะย่ะค่ะ” ฟู่จื่อเหยียน บุตรชายของฟู่เสวียนหัวหน้าองครักษ์เสื้อแพรผู้ได้รับหน้าที่คอยเป็นเพื่อนเล่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่4 ที่แท้ก็...

    ฟู่จื่อเหยียนนั่งรอองค์หญิงตัวน้อยเงียบ ๆ โดนมิได้พูดจาใด ๆ โดยนิสัยใจคอแล้วคุณชายตระกูลฟู่นับว่าพูดน้อยและสุขุมกว่าเด็กชายในวัยเดียวกัน การที่คุณชายฟู่นั่งเงียบอยู่จึงมิใช่เรื่องชวนให้ประหลาดใจ ผู้ใดบ้างในตำหนักอันหนิงแห่งนี้มิทราบว่าแม้จะเป็นคุณชายที่สุขุมเช่นนี้หากแต่ยามอยู่ต่อหน้าองค์หญิงกลับอ่อนโยนและห่วงใยองค์หญิงใหญ่เป็นอย่างยิ่ง“พี่เหยียน”“อย่าวิ่งสิพะย่ะค่ะ เดี๋ยวจะทรงหกล้ม” เสียงนั้นอ่อนโยนแต่ก็แฝงความดุเล็กน้อย คล้ายกับยามที่เสด็จพ่อดุนาง องค์หญิงตัวน้อยยิ้มให้พร้อมกับบอกอย่างมั่นใจ“หนิงเอ๋อร์ไม่ล้มหรอก ไม่อย่างแน่นอน”“ทรงมั่นใจเกินไป”“คิกคิก ท่านห่วงเกินไปแล้ว หนิงเอ๋อร์ไม่ล้มหรอก” ไม่ตรัสเปล่า องค์หญิงตัวน้อยยังทรงวิ่งไปรอบ ๆ ตัวเขาอย่างนึกสนุก“โธ่”“พี่เหยียนก็มาวิ่งด้วยกันสิ มา” นิ้วเล็ก ๆ เอื้อมมาจับแขนแข็งแรงก่อนจะออกแรงให้เขาวิ่งด้วย คล้ายกับทุก ๆ วัน ราวกับเด็กไร้เดียงสาวที่ในหัวมีเพียงเรื่องการเที่ยวเล่น กินและนอน ฟู่จื่อเหยียนแม้จะห่วงพระวรกายองค์หญิงน้อยทว่าก็มิได้ขัดใจคนเพิ่งหายไข้ ยอมวิ่งเล่นเป็นเพื่อนองค์หญิงโดยไม่อิดออดองค์หญิงเพิ่งหายไข้ มิควรขัดใจ..

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่5 ไม่อาจขัดขืนชะตา

    เฉินอันหนิงล้มตัวลงนอนอีกครั้งด้วยความหงุดหงิดลึก ๆ ไยความทรงจำไม่กลับมาตั้งแต่ชาติที่แล้วเล่า จะให้นางสู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับกี่ชาติกัน!มาตอนนี้ให้นางจำได้เพื่ออะไรกัน...องค์หญิงน้อยแต่ภายในผ่านร้อนผ่าวหนาวมาแล้วถึงสองชีวิตบ่นกับตนในใจอีกหลายคำก่อนจะหลับไปอีกครั้งนางฝันอีกแล้ว หากแต่มิใช่ฝันถึงตนเองที่เป็นคะนิ้ง หรือฝันบอกเหตุดั่งเช่นในชาติที่แล้ว หากแต่เป็นเหตุการณ์ต่อจากเนื้อหาในนิยายที่อ่านค้างไว้ก่อนจะไปประชุมในฝัน...เหตุการณ์หลังจากที่องค์หญิงใหญ่ทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้วบุรุษอาภรณ์สีดำสนิทผู้หนึ่งโอบประคองร่างไร้ลมหายใจของนางเอาไว้ ลูบไล้ใบหน้าอย่างอ่อนโยน หากแต่นางมิอาจรู้สึกใด ๆ ได้อีก“ท่านบอกว่าโตขึ้นจะแต่งให้ข้า เหตุใดจึงไม่รอข้าเล่าองค์หญิง” น้ำเสียงเจือความเจ็บปวดเอ่ยตัดพ้อกับร่างไร้ลมหายใจพร้อมกับกอดเอาไว้แน่นองค์ชายสามเฉินอี้หลงข่มน้ำตาเอาไว้มิให้หลั่งรินออกมาพลางมองด้วยความฉงน มิรู้เลยว่าเหตุใดชายผู้นี้จึงได้ผลักเขาออกและโอบกอดร่างพี่สาวของเขาเอาไว้อย่างหวงแหนเช่นนั้น ทว่าเขาเองก็มิอาจให้เป็นเช่นนี้ได้จึงกลั้นใจเอ่ยขึ้น “สหาย ข้าขอพี่สาวข้าคืนเถิด ข้าอยากให้นางได้ไปอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่6 แก้ไขเล็กน้อย

    เฉินอันหนิงตระหนักได้ว่ามิควรเปลี่ยนแปลงการเรื่องราวของพี่เหยียน ในเมื่อนางเองก็หาตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังไม่เจอ และหากช่วยเหลือพี่เหยียนให้อยู่ข้างกายต่อไปรังแต่จะทำให้เขาเป็นอันตราย เช่นนั้นก็ให้เขาไปพบเจอเรื่องราวข้างนอกเพื่อเป็นไปตามเนื้อเรื่องของเขาก็แล้วกัน...หากแต่บทสรุปสุดท้ายนางมิอาจยินยอมให้เป็นเช่นในฝันได้จะให้พี่เหยียนผู้นั้นมาตายตามนางได้อย่างไรในเมื่อชาตินี้นางจะไม่ตายเปลี่ยนการออกจากแคว้นไปของพี่เหยียนไม่ได้ เพื่อตัวของเขาเองก็ไม่เป็นไรแต่นางปรับแก้สถานการณ์อื่นมิให้ต้องพบจุดจบเช่นเดิมได้ใช่หรือไม่แก้ไขเล็กน้อย...คงมิเป็นอันใด“แล้วจะแก้เรื่องใดกัน”นางพึมพำเพียงลำพังได้ไม่นานอี้กงกงก็เข้ามาโค้งคำนับและรายงาน “องค์หญิง ฉินกงกงมาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”“ให้เข้ามา”“ฉินกงกง!” องค์หญิงน้อยกระโดดมาหาคนมาใหม่ทันทีอย่างคุ้นเคย แม้ว่าจะทำให้ผู้มีอายุใจหายใจคว่ำไปไม่น้อยเพราะเกรงว่าจะหกล้มก็ตาม ฉินกงกง ขันทีอาวุโสจากตำหนักชินอ๋องโค้งคำนับองค์หญิงใหญ่ก่อนจะเอ่ยจุดประสงค์ของตน “วันนี้ชินอ๋องมาเฝ้าไท่เฟย จึงให้ข้าน้อยนำถังหูลู่และขนมกุ้ยฮวาจากร้านประจำมาถวายองค์หญิงพะย่ะค่ะ”“เส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่7 ให้หนิงเอ๋อร์ไปนะ

    “เสด็จพ่อ!!!” น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใสร้องเรียกบุรุษผู้สูงศักดิ์เหนือผู้ใดในทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องทรงพระอักษร ก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งอย่างไม่รักษากิริยาเข้าไปเกาะแขนพระบิดาฮ่องเต้ไท่เสียนมิได้ขุ่นเคืองกับท่าทีของพระธิดาองค์โตแม้แต่น้อย กลับกันพระองค์กลับชื่นชอบท่าทีสดใสราวกับดวงตะวันที่เจิดจรัสเช่นนี้ของบุตรสาวมากกว่าท่าทีอ่อนช้อยเป็นไหน ๆ “นึกอย่างไรมาหาพ่อถึงที่นี่เจ้าก้อนแป้ง”“หนิงเอ๋อร์คิดถึงเสด็จพ่อเพคะ” ผู้อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงห้องทรงพระอักษรทั้งที่ไม่ได้มีรับสั่งเรียกหาเอ่ยอย่างออดอ้อนก่อนจะถูกอุ้มไปวางบนตักและหอมแก้วเสียฟอดใหญ่“พ่อรู้เจ้ามิได้คิดถึงพ่อเพียงเท่านั้น แต่พ่อก็ยินดีที่เจ้าคิดถึง” “เสด็จอาทรงฟ้องเสด็จพ่ออีกแล้วหรือเพคะ”“เขาไม่ได้ฟ้อง เพียงเกริ่นให้พ่อฟังเท่านั้น” บุรุษสูงศักดิ์กล่าวแย้งให้พระอนุชาที่พระองค์มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าก่อนหน้าที่บุตรสาวจะเข้ามา พระอนุชาองค์นี้ย่อมช่วยเหลือพูดให้องค์หญิงน้อยบ้างแล้วพระองค์จึงพอทราบเรื่องราวอยู่บ้าง“ก้อนแป้งของพ่อไม่อยากไปงานเลี้ยงเช่นนั้นหรือ”“หนิงเอ๋อร์ไม่ชอบงานเลี้ยงเพคะ ไปอารามซุยหลิงกับเสด็จย่าไท่เฟยได้บุ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-29
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่8 ย้าย

    “เสด็จพี่หญิงมาเล่นกับเสี่ยวหลงหรือพะย่ะค่ะ” เจ้าตัวน้อยร้องถามทันทีทั้งยังไม่ยอมปล่อยเชษฐาภคินีที่เสด็จแม่พร่ำบอกเสมอว่าให้รักและเชื่อฟังให้มากองค์หญิงน้อยอมยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบในทันที “ใช่แล้ว พี่มาเล่นกับเสี่ยวหลง”“ท่านลุงฟู่ก็มาเล่นกับเสี่ยงหลงด้วยหรือขอรับ”ในบรรดาโอรสธิดาของฮ่องเต้ไท่เสียนมีเพียงองค์หญิงใหญ่ องค์ชายรอง และองค์ชายสามเท่านั้นที่คุ้นเคยกับฟู่เสวียนจนเรียกขานว่าท่านลุงฟู่ ฟู่เสวียนที่ติดตามฮ่องเต้ไท่เสียนแวะเวียนมาหาโอรสธิดาอยู่บ่อยครั้งไม่เพียงกับโอรสมังกรแต่ยังเต็มไปด้วยความเอ็นดูและรักดุจบุตรของตน ทว่าหลัง ๆ ราชกิจฮ่องเต้รัดตัว ซ้ำวังหลังไม่มีเซี่ยฮองเฮาคอยเป็นผู้แบ่งเบาให้ฮ่องเต้ผ่อนคลายแล้ว จึงไม่บ่อยนักที่ฟู่เสวียนจะได้พบกับองค์หญิงองค์ชาย โอรสธิดาองค์อื่นต่างก็ยังไม่รู้ความจึงมีเพียงแค่สามพระองค์นี้เท่านั้นที่ยังเรียกขานเขาว่าท่านลุงฟู่ทว่าต่อให้เสียงเรียก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-30

บทล่าสุด

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่45 หลี่อ๋อง

    “เจ้ายอมเรียกข้าว่าพี่แล้ว?” ผู้ถูกเรียกขานว่าพี่จิวทั้งที่ไม่ได้เป็นฝ่ายเอ่ยปากให้เรียกก่อนเอ่ยถาม สีหน้าแสดงออกชัดเจนถึงความเอ็นดูและยินดีที่อีกฝ่ายยินยอมเรียกเฉินอันหนิงที่ไม่มีพี่ชาย ใช่ว่าจะไร้เยื่อใยกับคนตรงหน้าไปเสียทุกเรื่อง นางเองก็อยากมีพี่ชายเช่นกัน ไม่มีเหตุอันใดต้องปฏิเสธ “พี่จิวหลิง ข้ายอมเป็นน้องสาวท่าน ทั้งยังจะมอบยอดฝีมือให้ท่านอีกสิบห้าคนเพื่อช่วยเหลืองานของท่าน วันหน้าเฉินและไห่ถือเป็นพันธมิตร”“เจ้าปูทางให้น้องชายผู้ใด หานอ๋อง?” อดีตซื่อจื่อสอบถามพลางเลิกคิ้ว ไม่ได้รู้สึกไม่ดีที่อีกฝ่ายยอมเป็นน้องสาวก็เพื่อเป็นพันธมิตรในอนาคต เพียงแต่เขาไม่รู้ว่านางปูทางให้น้องชายคนใด ข่าวว่าราชวงค์ต้าเฉินมีองค์ชายอยู่หลายองค์ หรือคนที่เขาเพิ่งกวนโทสะมาคือคนที่นางเลือกเป็นเช่นนั้นเขากลับไปขอโทษดีหรือไม่ อนาคตจะได้เป็นพันธมิตรอย่างราบรื่นทว่าองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเฉินกลับส่ายหน้า “ไม่ เขาอยากเป็นแม่ทัพ มิใช่ฮ่องเต้”“แล้วผู้ใดจะได้เป็นฮ่องเต้?&

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่44 ช่างโง่งม

    การพูดคุยไม่อาจเนิ่นนานเมื่อเฉินอันหนิงก้าวเดินมาพร้อมกับเค่อซาน ใบหน้าขององค์หญิงผู้สูงศักดิ์ไร้อารมณ์จนน่าประหลาด เค่อซุนหันกลับมาสนใจนายของตนในทันที“เกิดอันใดขึ้นอาซาน?”“หานอ๋องกับท่านจิวหลิงน่ะสิพี่ซุน ผู้หนึ่งกวนโทสะอีกผู้หนึ่งก็หลงกลจนเกิดโทสะ ลับฝีปากกันอยู่ด้านโน่นแหน่ะ” เค่อซานบอกเล่าเท่านั้นก็เป็นอันเข้าใจ เท่าที่สัมผัสได้ไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าจิวหลิงเป็นคนชอบกวนโทสะผู้อื่น แม้แต่องค์หญิงเองก็ถูกก่อกวนตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอและหากจะมีผู้ใดเข้าใจถ่องแท้ที่สุดย่อมต้องเป็นจิวหูที่รู้จักพี่ใหญ่ของตนดีที่สุดบุรุษหน้ากากพรั่งพรูลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดิน ไม่ได้มีคำชักชวนหรือแม้แต่คำกล่าวใด ๆ ทว่าเฉินอันหนิงกลับก้าวเดินตามพร้อมกับส่งสัญญาณให้องครักษ์ทั้งสามเว้นระยะห่างออกไปสตรีสูงศักดิ์จับจ้องมองตามแผ่นหลังแข็งแกร่งที่คล้ายคุ้นเคยขณะที่ก้าวเดินตาม นัยน์ตาคู่หงส์เต็มไปด้วยความสงสัยที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และต้องการจะหาคำตอบนั้นให้ได้ยิ่งมอง นางก็ยิ่งคิ

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่43 พี่ใหญ่

    “คุยเรียบร้อยแล้วหรือ” เป็นจิวหลิงที่เห็นนางเป็นผู้แรกเมื่อนางก้าวออกมา เฉินอันหนิงก้าวเข้าไปหาพวกเขาที่ยังคงยืนอยู่ด้วยกันมิได้แยกกันไปไหน แม้แต่เฉินซีหานและองครักษ์ของนางก็ยังอยู่“เรียบร้อยแล้ว”“จิวหลิง...อาจารย์ของท่านรู้เรื่องที่ผู้อื่นไม่อาจรู้หรือ?” แม้จะรู้ดีว่าเรื่องบางเรื่องก็ตอบยาก แต่สุดท้ายนางก็ยังสอบถามจิวหลิงออกไปตามที่ไต้ซือเหว่ยเสิ่นชี้ทาง “เขาหยั่งรู้ฟ้าดินเช่นนั้นหรือ?”“จะเรียกว่าหยั่งรู้ฟ้าดินก็คงได้ อาจารย์ของข้าเพียงแค่มองหน้าก็รู้ถึงอดีตและอนาคตของผู้คน” จิวหลิงตอบอย่างไม่ปิดบัง รู้ ที่หมายถึงรู้อดีตและอนาคตของผู้คนอื่นที่ไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องและมีวาสนาต่อกันดั่งเช่นพวกเขา อาจารย์รู้เรื่องราวของผู้คน แต่ไม่อาจบอกได้เกี่ยวกับอนาคตและอดีตของพวกเขาศิษย์พี่น้องรวมถึงบิดาและมารดาของท่านเอง แต่ก็ยังเรียกว่าหยั่งรู้กระมัง“เหตุใดจึงรู้”“จะว่าอย่างไรดี...สืบทอดมาจากทางสายเลือดน่ะ ข้าเองก็ไม่อาจอธิบายได้” เขาตอบเท่านั้นก่อนจะโบ้ยไปให้ศิษ

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่42 อารามซินหนี่

    อารามซินหนี่จากที่พักของทางการมายังอารามซินหนี่ไม่นับว่าไกล ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง นัยน์ตาคู่หวานกวาดสายตามองไปเบื้องหน้าในทันทีที่ก้าวลงจากรถม้า ท่าทีของนางนับว่าสงบนิ่งทว่าภายในใจกลับมีความตื่นตระหนก ครุ่นคิดถึงความฝันที่นางเคยคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับฝันบอกเหตุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนจะฝันเห็นน้องชายถูกชายสวมหน้ากากปริศนาทำร้ายนางฝันถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เพราะที่แห่งนั้นคล้ายกับอารามซุยหลิงนางจึงทึกทักว่าตนฝันเห็นอารามซุยหลิงจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ทว่าในเวลาได้เห็นอารามซินหนี่แห่งนี้...นางไม่อาจไม่สนใจที่นี่คล้ายกับอารามซุยหลิงไม่มีผิด แทบจะเรียกได้ว่าฝาแฝดเลยด้วยซ้ำ เป็นไปได้อย่างไรกัน“ช่างคล้ายเสียจริง” เสียงพึมพำจากด้านหลังฉุดดึงให้เฉินอันหนิงตื่นจากภวังค์ความตกใจ นางหันกลับไปมองก่อนจะต้องขมวดคิ้ว เป็นเสียงจากบุรุษสวมหน้ากากที่ทอดสายตามองเบื้องหน้าด้วยดวงตามีประกายสั่นไหว หากดูไม่ผิดคล้ายว่าจะมีความเจ็บปวดในตาคู่นั้น“คล้ายอันใดหรือ” จิวหลิงที่ยืนอยู่ข้างกันส่งเสียงถาม คล้ายฉุดดึงสติของจิวหูให้กลับมา บุรุษหน้ากากส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะตอบปัด“ไม่มีอันใดพี่ใหญ่ ข้าเพียงพูดไปเช่นน

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่41 คนผู้นั้นกับคนผู้นี้

    เพราะรับปากว่าจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้ จิวหลิงจึงพยายามตีสนิทกับหานอ๋องขณะที่จิวหูนั้นหายหน้าหายตาไม่ได้เข้ามาข้องเกี่ยวใด ๆ ราวกับว่าต้องการหลบหน้าก็ไม่ปาน ใช่ว่าเฉินอันหนิงจะมองไม่เห็นท่าทีที่ผิดปกติของบุรุษสวมหน้ากาก ทว่านางก็ไม่ได้สอบถามใด ๆไม่อยากเจอก็ไม่ต้องเจอ นางมิได้สนใจคนเช่นนั้นอยู่แล้ว“พี่ใหญ่” หานอ๋องส่งเสียงเรียกพี่สาวที่หลายวันมานี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ พี่สาวของเขามักจะมาเดินเล่นที่ลานหน้าห้องพักของบุรุษหน้ากากอยู่บ่อยครั้ง...ไม่รู้ว่าลานตรงนี้งดงามหรือต้องการรอพบผู้ใดกันแน่“มีเรื่องอันใดเสี่ยวหาน หรือจะไปปราบโจรแล้ว”“ข้าจะไปพรุ่งนี้ วันนี้จึงคิดจะพาท่านไปเดินเล่นในตลาดก่อน”“เดินเล่นในตลาดหรือ...เช่นนั้นเราไปไหว้พระด้วยดีหรือไม่ ข้าอยากไหว้พระ” นางถามออกไป ทว่าก็รู้แก่ใจดีว่าไม่มีน้องคนใดขัดใจนาง หานอ๋องก็เช่นกัน“เอาสิ ท่านอยากไปที่ใดข้าย่อมตามใจท่าน”“เด็กดีของข้า”&ld

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่40 เปิดเผย

    “อยากฟังนิทานหรือไม่ ข้ามีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง” อยู่ ๆ จิวหลิงก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนต่างฝ่ายก็ต่างเงียบมาครู่ใหญ่ เขาไม่รอให้นางตอบก็รินสุราให้นางและเริ่มเล่านิทานที่ตนเตรียมเอาไว้“เด็กผู้ชายผู้หนึ่ง เติบโตมาในบ้านหลังใหญ่ ผู้เป็นพ่อคือว่าที่ประมุขคนต่อไป แต่ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะได้สืบทอดตำแหน่งก็ถูกผู้ละโมบไล่เข่นฆ่าเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง เด็กชายได้แต่หอบความแค้นนั้นพาน้องชายหนีตาย เพื่อหวังว่าวันหน้าจะกลับมาแก้แค้นและทวงคืน”“ไม่รู้ปลายทาง ไม่รู้ว่าชีวิตจะไปถึงวันนั้นหรือไม่ แต่ก็สู้อย่างเต็มที่ เขาเดินทางไกลเพื่อมาขอเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาที่โด่งดัง ได้เป็นศิษย์ที่เก่งกาจผู้หนึ่งของสำนัก แต่สุดท้ายก็ไม่อาจล่วงรู้ว่าวันหน้าจะแก้แค้นและทวงคืนได้หรือไม่ แม้ว่ามีอาจารย์ที่ล่วงรู้ฟ้าดิน แต่ชะตาของเขาอาจารย์กลับไม่อาจบอกได้”“เสี่ยวหนิง การที่เจ้ามีฝันบอกเหตุมันดียิ่ง หากเปลี่ยนกันได้ ข้าก็อยากจะแลกเปลี่ยนกับเจ้า อยากจะรู้ล่วงหน้าเพื่อช่วยเหลือบิดามารดาเอาไว้”

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่39 ถึงเมืองซินอู๋

    เพราะได้รับการรักษาจากศิษย์จากสำนักเฟยผิง เพียงชั่วข้ามคืนพิษก็ถูกขจัดออกจนหมด บาดแผลตามร่างกายแม้ว่าจะไม่ได้สมานชั่วพริบตาแต่การเคลื่อนย้ายไปรักษาในเมืองก็ทำได้โดยไม่ติดปัญหาอะไรแล้ว ประจวบเหมาะกับเค่อซินเดินทางมาถึงเมื่อกลางดึก เฉินซีหานจึงทิ้งองครักษ์คนสนิทเอาไว้คอยดูแลจนกว่าสตรีผู้นั้นจะฟื้นและออกเดินทางในเช้าวันนั้นการเดินทางสู่เมืองซินอู๋เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เพราะเสียเวลาไปสามวัน การเดินทางจึงต้องรีบเร่งขึ้น ทำให้กองทหารของหานอ๋องถึงเมืองซินอู๋ตามกำหนดการเดิม แม้ว่าเพื่อให้เดินทางถึงตามกำหนดทุกคนจะต้องเร่งรีบจนไม่หยุดพักเมื่อใกล้ถึงเมืองซินอู๋ก็ตามหลายวันมานี้เฉินอันหนิงแทบไม่ได้คุยกับสองสหายที่เพิ่งได้รับรู้ว่าเป็นถึงศิษย์ของสำนักศึกษาอันโด่งดัง อันเนื่องมาจากเจ้าลูกเจี๊ยบคอยตามประกบนางไม่เปิดโอกาสให้พูดจากับสหายสักเท่าไหร่ เมื่อถึงเมืองซินอู๋และนำกำลังทหารเข้าพักที่จวนรับรองของที่ว่าการเมืองเป็นที่เรียบร้อย นางจึงอาศัยจังหวะที่เฉินซีหานหารือกับนายอำเภอและผู้ว่าการเมืองหลบออกมาหาจอมยุทธทั้งสอง“พวกท่

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่38 เบื้องหลังของจิวหู

    เวลาค่ำคืนไม่นับว่าเงียบสักเท่าไหร่ เชื้อพระวงค์ทั้งสองของต้าเฉินเข้าไปพักผ่อนกันแล้ว แม้แต่เหล่าองครักษ์และทหารก็หาที่นอนพักกันแทบจะทั้งหมด ทว่าสหายชาวยุทธขององค์หญิงกลับไม่ได้พักผ่อนดั่งคนอื่น ๆ ในตอนแรกบุรุษทั้งสองจะแยกย้ายกันไปพักทว่ากลับได้กลิ่นสมุนไพรจากกระโจมคนไข้เสียก่อน จิวหลิงจึงอดไม่ได้ที่จะขอตรวจอาการของคนไข้สตรีที่หานอ๋องช่วยเหลือเอาไว้ถูกพิษที่หมอหลวงที่ติดตามมาไม่สามารถปรุงยาถอนพิษได้ ทำได้เพียงรักษาให้บรรเทา สองชาวยุทธจึงอาสาต้มยาถอนพิษให้กับแม่นางผู้เคราะห์ร้ายว่ากันว่าสำนักศึกษาเฟยผิงเป็นสำนักศึกษาที่สอนสั่งทั้งวรยุทธ กำลังภายใน วิชาการปกครอง วิชาการทหาร วิชาแพทย์ และวิชาพิษ นับเป็นสำนักศึกษาที่สิบแคว้นต่างปรารถนาให้ลูกหลานได้เข้าเรียนที่นั่น เพียงแค่แนะนำตัวว่าตนเป็นศิษย์จากสำนักเฟยผิง แม้แต่ราชสำนักยังต้องไว้หน้า และพวกเขาทั้งสองก็เป็นศิษย์จากสำนักแห่งนั้นที่น้อยคนนักจะได้เข้าร่ำเรียนไม่ใช่เพียงแค่เฉินอันหนิงที่ปิดบังสถานะของตน บุรุษทั้งสองเองก็ไม่ได้เปิดเผยทั้งหมดเช่นกัน พวกเขาเป็นศิษย์

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่37 พบเจอซีหาน

    เมื่อเค่อซานมาถึงก็เริ่มการเดินทางต่อ ออกจากตัวอำเภอไม่ใกล้ไม่ไกลก็ถึงจุดที่เฉินซีหานตั้งค่ายทหาร น้องชายผู้นั้นไม่รู้ตกใจที่เห็นนาง หรือตกใจที่นางนั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกับบุรุษถึงได้อ้าปากค้างไป และไม่ทันที่เขาจะได้พูดอันใดนางก็ยื่นม้วนคำสั่งสีทองให้เขา“ข้าไม่ได้ตามเจ้ามานะ ข้าจะไปหาเสด็จอา” องค์หญิงอันหนิงเอ่ยคล้ายบอกเป็นนัย ๆ ว่านางไม่ได้ดื้อดึงตามเขามานะ นางมีสิ่งที่ต้องทำจึงได้มา และแค่บังเอิญเป็นเส้นทางเดียวกันเท่านั้น ม้วนสีทองที่นางไม่ได้เรียกว่าราชโองการแต่เป็นข้ออ้างถูกรับไปอ่านเป็นที่เรียบร้อย แล้วมีหรือเฉินซีหานจะไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นเพียงข้ออ้างผู้ใดสามารถข่มขู่ทำให้ฮ่องเต้ออกราชโองการได้...ก็คือองค์หญิงใหญ่อย่างไรเล่า“มันคือข้ออ้าง ท่านให้เสด็จพ่อหาข้ออ้างให้ท่าน”“เจ้าจะรู้มากไปแล้วเสี่ยวหาน” ถูกน้องชายรู้ทันใช่ว่านางจะสลด นางเพียงบ่นให้ก่อนจะรับม้วนคำสั่งกลับมาเก็บเอาไว้ แม้จะเป็นเพียงข้ออ้าง แต่คนทั่วไปก็เห็นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ จะวางทิ้งวางขว้างก

DMCA.com Protection Status