Share

บทที่4 ที่แท้ก็...

last update Last Updated: 2024-11-27 17:51:25

ฟู่จื่อเหยียนนั่งรอองค์หญิงตัวน้อยเงียบ ๆ โดนมิได้พูดจาใด ๆ  โดยนิสัยใจคอแล้วคุณชายตระกูลฟู่นับว่าพูดน้อยและสุขุมกว่าเด็กชายในวัยเดียวกัน การที่คุณชายฟู่นั่งเงียบอยู่จึงมิใช่เรื่องชวนให้ประหลาดใจ ผู้ใดบ้างในตำหนักอันหนิงแห่งนี้มิทราบว่าแม้จะเป็นคุณชายที่สุขุมเช่นนี้หากแต่ยามอยู่ต่อหน้าองค์หญิงกลับอ่อนโยนและห่วงใยองค์หญิงใหญ่เป็นอย่างยิ่ง

“พี่เหยียน”

“อย่าวิ่งสิพะย่ะค่ะ เดี๋ยวจะทรงหกล้ม” เสียงนั้นอ่อนโยนแต่ก็แฝงความดุเล็กน้อย คล้ายกับยามที่เสด็จพ่อดุนาง องค์หญิงตัวน้อยยิ้มให้พร้อมกับบอกอย่างมั่นใจ

“หนิงเอ๋อร์ไม่ล้มหรอก ไม่อย่างแน่นอน”

“ทรงมั่นใจเกินไป”

“คิกคิก ท่านห่วงเกินไปแล้ว หนิงเอ๋อร์ไม่ล้มหรอก” ไม่ตรัสเปล่า องค์หญิงตัวน้อยยังทรงวิ่งไปรอบ ๆ ตัวเขาอย่างนึกสนุก

“โธ่”

“พี่เหยียนก็มาวิ่งด้วยกันสิ มา” นิ้วเล็ก ๆ เอื้อมมาจับแขนแข็งแรงก่อนจะออกแรงให้เขาวิ่งด้วย คล้ายกับทุก ๆ วัน ราวกับเด็กไร้เดียงสาวที่ในหัวมีเพียงเรื่องการเที่ยวเล่น กินและนอน ฟู่จื่อเหยียนแม้จะห่วงพระวรกายองค์หญิงน้อยทว่าก็มิได้ขัดใจคนเพิ่งหายไข้ ยอมวิ่งเล่นเป็นเพื่อนองค์หญิงโดยไม่อิดออด

องค์หญิงเพิ่งหายไข้ มิควรขัดใจ...มิควร ๆ 

ฟู่จื่อเหยียนอยู่เป็นเพื่อนเล่นให้ดรุณีตัวน้อยแต่สูงศักดิ์เหนือใครจนใกล้ค่ำจึงทูลลากลับ เฉินอันหนิงที่ไร้เดียงสาเปลี่ยนท่าทีเป็นนิ่งเงียบไร้ความสดใสทันทีที่ได้อยู่เพียงลำพัง

ชะตากรรมของพี่เหยียน นางจะขัดขวางอย่างไรดี ในเมื่อจนถึงยามนี้นางก็ยังไม่รู้ว่าผู้ใดเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

ในอดีตนางก็อาศัยเฉินซูเหมยช่วยกราบทูลเสด็จพ่อให้พลิกคดีหมายจะล้างมลทินให้ตระกูลฟู่ในยามที่ฮุยอี้ปรากฎตัวในฐานะคุณชายที่เหลืออยู่ของตระกูลฟู่ ทว่าผู้ที่จับได้กลับเป็นเพียงแค่ตัวเล็ก ๆ มิอาจสาวไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงได้ แม้ล้างมลทินได้แต่ก็มิอาจจะจับผู้กระทำผิดจริง ๆ  ได้ มิหนำซ้ำคนสารเลวฮุยอี้ยังไม่ต้องการให้สืบต่อ ทำให้คดีปิดลงเพียงแค่นั้น ทุกวันนี้นางจึงมิรู้ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลัง และแผนการทำลายตระกูลฟู่เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร

หากเริ่มไปแล้ว นางจะขัดขวางที่ตรงไหนได้...

หรือจะต้องใช้ความสามารถประหลาดมาช่วย?

ในชาติที่แล้วมีเรื่องหนึ่งที่นางไม่เคยบอกแก่ผู้ใด นั่นก็คือนางมีความฝันประหลาด ในฝันเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่ากลัว บางครั้งเป็นเหตุจราจล บางครั้งเป็นการฆ่าฟัน บางครั้งก็เป็นการตายของคนใดคนหนึ่ง และฝันนั้นจะเกิดขึ้นหลังจากที่นางฝันสามถึงห้าวัน นั่นคือสาเหตุที่นางช่วยเหลือน้องชายคนที่สามเอาไว้ได้ แต่น่าเสียดายที่กว่านางจะฉลาดนางก็หลงคิดว่าเป็นความฝันเพ้อเจ้ออยู่หลายปี

องค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเฉินนึกย้อนอีกครั้งด้วยความเคร่งเครียด...ยามนั้นนางฝันสิ่งใดกัน

แล้วยามนี้นางจะยังฝันถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าเช่นชาติที่แล้วอีกหรือไม่?

คิดเช่นนั้นได้นางก็ไม่รอช้า รีบเข้าที่บรรทมในทันทีโดยไม่พูดไม่จา เล่นมาทั้งวัน คงจะหลับสนิทได้ไวเป็นแน่...ถ้าหลับไปแล้วฝันถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าได้เช่นกาลก่อนก็คงจะดีสินะ

เป็นดั่งที่เฉินอันหนิงคิด เพราะเหนื่อยมาทั้งวัน ทันทีที่หลับตา นางก็หลับสนิทอย่างรวดเร็ว 

ยามดึกสงัด ทุกอย่างเงียบสงบ ทหารองครักษ์เดินตรวจตราอย่างเงียบเชียบยามมาใกล้ตำหนักอันหนิง ด้วยเกรงจะทำให้องค์หญิงผู้เป็นดั่งพระหทัยของฮ่องเต้ทรงสะดุ้งตื่น เฉินอันหนิงยังคงหลับสนิท ในห้วงฝันมิคล้ายกับความฝันที่ผ่านมา หญิงสาวในชุดแปลกตาผู้หนึ่งกำลังอ่านตำรารูปทรงประหลาด เสียงคำอ่านดังขึ้นภายในหัวจนองค์หญิงน้อยให้รู้สึกสับสนจนต้องขมวดคิ้ว

“ในที่สุดองค์ชายสามก็ทรงปราบกบฏได้สำเร็จ สองสามีภรรยาสารเลวถูกสำเร็จโทษ กองกำลังจากแคว้นเสิ่น และแคว้นไห่ที่มาช่วยเหลือถอนกำลังกลับหลงเหลือเพียงผู้บัญชาการกองกำลังที่ยังคงรั้งอยู่ตามคำเชื้อเชิญของพระชายาชิงหลั่ว ทุกอย่างกำลังเป็นไปได้ด้วยดี ทว่าราชวังกลับเต็มไปด้วยความโศกเศร้า องค์ชายสามประคองร่างไร้ลมหายใจขององค์หญิงใหญ่เอาไว้ด้วยหัวใจที่แทบจะแตกสลาย 

เหตุใดพี่หญิงใหญ่จึงมีชะตากรรมที่แสนเศร้าเช่นนี้เล่า

เหตุใดเขาจึงช่วยนางเอาไว้ไม่ได้

เพียงชั่วพริบตาบุรุษในอาภรณ์ดำสนิทก็ก้าวเข้ามาอย่างองอาจ บุรุษรูปงามทว่าสีหน้ากลับบ่งบอกถึงความเจ็บปวดก้าวมาหยุดตรงหน้าองค์ชายสามผู้ที่จะกลายเป็นฮ่องเต้แห่งเฉินในไม่ช้าก่อนจะ...”

“นี่คะนิ้ง แกจะอ่านนิยายอีกนานมั้ย ได้เวลาประชุมแล้ว” ไม่ทันทีเสียงอ่านนั้นจะได้อ่านจนจบเสียงของใครอีกคนก็ดังขึ้น ทำให้หญิงสาวในชุดแปลกตาต้องวางตำราเล่มนั้นไว้บนโต๊ะและลุกเดินตามคนที่มาเรียกไปอย่างหงุดหงิด

“โอ้ย กำลังถึงจุดสำคัญเลยนะ ประชุมอะไรตอนนี้เนี่ย”

เสียงบ่นไล่หลังยังคงดังอยู่ ผู้เดินจากไปยังคงพร่ำไม่ยอมหยุด เฉินอันหนิงเลิกสนใจผู้จากไปและมองไปที่ตำราปึกหนาแทน ตำราที่วางอยู่มีตัวอักษรทรงแปลกประหลาดทว่ากลับอ่านเข้าใจราวกับคุ้นเคยเป็นอย่างดีว่า “บัลลังก์เลือดลิขิตรัก” 

ความรู้สึกปวดที่ขมับเกิดขึ้นทันทีที่อ่านจนจบ เฉินอันหนิงสะดุ้งตื่น หอบหายใจจนตัวโยน ก่อนจะสงบจิตสงบใจและพยายามระงับความเจ็บปวด ความทรงจำแปลกประหลาดหลั่งไหลเข้ามาหัวราวกับน้ำป่าที่ไหลหลาก เวลานี้นางตระหนักและเข้าใจอย่างถ่องแท้ในทันทีถึงเรื่องราวทั้งหมด...ที่แท้เรื่องราวทั้งหมดก็เป็นเพียงนิยายที่นางในภพชาติอื่นอ่านนี่เอง

กล่าวก็คือนางในชาตินั้นเป็นหญิงสาวชาวไทยที่คลั่งไคล้การอ่านนิยายจีนชื่อว่าคะนิ้ง สาวห้าวหัวร้อนง่ายที่ต้องสิ้นชื่อเพราะความห้าวของตัวเองและมาเกิดใหม่เป็นองค์หญิงใหญ่เฉินอันหนิงโดยไม่มีความทรงจำในชาติก่อนติดตัวแม้แต่น้อย ทว่ากลับมีความสามารถในการฝันถึงเหตุการณ์ล่วงหน้า แต่นางก็ได้ตายและย้อนกลับมาเกิดใหม่เป็นเฉินอันหนิงอีกครั้ง ทว่าในตอนนี้นางได้ความทรงจำในยุคสมัยใหม่กลับมาแล้ว รวมถึงนิสัยใจคอในชาตินั้นด้วย

นางตายแล้ว ตายอีก มาถึงสองครั้ง และมีชีวิตเป็นชาติที่สาม แต่ก็เป็นเพียงแค่ชีวิตในนิยายเช่นนั้นสินะ

ได้รู้เช่นนี้ก็นึกเศร้าเสียแล้ว ทั้งนาง ทั้งพี่เหยียน ทั้งเสด็จพ่อและตัวละครอื่น ๆ ต่างก็เป็นเพียงตัวประกอบที่ส่งเสริมให้เฉินอี้หลงและชายาที่เป็นพระนางของเรื่องได้แสดงศักยภาพเท่านั้น เหตุใดชะตากรรมของนางและพี่เหยียนถึงได้เลวร้ายกว่าพระนางหรือตัวร้ายเล่า

“องค์หญิง ทรงฝันร้ายหรือเพคะ หรือว่าพระวรกายร้อนอีก เหตุใดถึง...”

ต่อว่าโชคชะตาของตนได้ไม่เท่าไหร่นางกำนันที่สังเกตได้ถึงความเคลื่อนไหวก็เข้ามาสอบถามเสียก่อนฉุดให้ต้องพับเรื่องที่คิดเอาไว้และตอบกลับไปให้เป็นธรรมชาติที่สุด

“หนิงเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร ออกไปเถิด”

Related chapters

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่5 ไม่อาจขัดขืนชะตา

    เฉินอันหนิงล้มตัวลงนอนอีกครั้งด้วยความหงุดหงิดลึก ๆ ไยความทรงจำไม่กลับมาตั้งแต่ชาติที่แล้วเล่า จะให้นางสู้ชีวิตแต่ชีวิตสู้กลับกี่ชาติกัน!มาตอนนี้ให้นางจำได้เพื่ออะไรกัน...องค์หญิงน้อยแต่ภายในผ่านร้อนผ่าวหนาวมาแล้วถึงสองชีวิตบ่นกับตนในใจอีกหลายคำก่อนจะหลับไปอีกครั้งนางฝันอีกแล้ว หากแต่มิใช่ฝันถึงตนเองที่เป็นคะนิ้ง หรือฝันบอกเหตุดั่งเช่นในชาติที่แล้ว หากแต่เป็นเหตุการณ์ต่อจากเนื้อหาในนิยายที่อ่านค้างไว้ก่อนจะไปประชุมในฝัน...เหตุการณ์หลังจากที่องค์หญิงใหญ่ทรงสิ้นพระชนม์ไปแล้วบุรุษอาภรณ์สีดำสนิทผู้หนึ่งโอบประคองร่างไร้ลมหายใจของนางเอาไว้ ลูบไล้ใบหน้าอย่างอ่อนโยน หากแต่นางมิอาจรู้สึกใด ๆ ได้อีก“ท่านบอกว่าโตขึ้นจะแต่งให้ข้า เหตุใดจึงไม่รอข้าเล่าองค์หญิง” น้ำเสียงเจือความเจ็บปวดเอ่ยตัดพ้อกับร่างไร้ลมหายใจพร้อมกับกอดเอาไว้แน่นองค์ชายสามเฉินอี้หลงข่มน้ำตาเอาไว้มิให้หลั่งรินออกมาพลางมองด้วยความฉงน มิรู้เลยว่าเหตุใดชายผู้นี้จึงได้ผลักเขาออกและโอบกอดร่างพี่สาวของเขาเอาไว้อย่างหวงแหนเช่นนั้น ทว่าเขาเองก็มิอาจให้เป็นเช่นนี้ได้จึงกลั้นใจเอ่ยขึ้น “สหาย ข้าขอพี่สาวข้าคืนเถิด ข้าอยากให้นางได้ไปอ

    Last Updated : 2024-11-27
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่6 แก้ไขเล็กน้อย

    เฉินอันหนิงตระหนักได้ว่ามิควรเปลี่ยนแปลงการเรื่องราวของพี่เหยียน ในเมื่อนางเองก็หาตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังไม่เจอ และหากช่วยเหลือพี่เหยียนให้อยู่ข้างกายต่อไปรังแต่จะทำให้เขาเป็นอันตราย เช่นนั้นก็ให้เขาไปพบเจอเรื่องราวข้างนอกเพื่อเป็นไปตามเนื้อเรื่องของเขาก็แล้วกัน...หากแต่บทสรุปสุดท้ายนางมิอาจยินยอมให้เป็นเช่นในฝันได้จะให้พี่เหยียนผู้นั้นมาตายตามนางได้อย่างไรในเมื่อชาตินี้นางจะไม่ตายเปลี่ยนการออกจากแคว้นไปของพี่เหยียนไม่ได้ เพื่อตัวของเขาเองก็ไม่เป็นไรแต่นางปรับแก้สถานการณ์อื่นมิให้ต้องพบจุดจบเช่นเดิมได้ใช่หรือไม่แก้ไขเล็กน้อย...คงมิเป็นอันใด“แล้วจะแก้เรื่องใดกัน”นางพึมพำเพียงลำพังได้ไม่นานอี้กงกงก็เข้ามาโค้งคำนับและรายงาน “องค์หญิง ฉินกงกงมาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”“ให้เข้ามา”“ฉินกงกง!” องค์หญิงน้อยกระโดดมาหาคนมาใหม่ทันทีอย่างคุ้นเคย แม้ว่าจะทำให้ผู้มีอายุใจหายใจคว่ำไปไม่น้อยเพราะเกรงว่าจะหกล้มก็ตาม ฉินกงกง ขันทีอาวุโสจากตำหนักชินอ๋องโค้งคำนับองค์หญิงใหญ่ก่อนจะเอ่ยจุดประสงค์ของตน “วันนี้ชินอ๋องมาเฝ้าไท่เฟย จึงให้ข้าน้อยนำถังหูลู่และขนมกุ้ยฮวาจากร้านประจำมาถวายองค์หญิงพะย่ะค่ะ”“เส

    Last Updated : 2024-11-28
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่7 ให้หนิงเอ๋อร์ไปนะ

    “เสด็จพ่อ!!!” น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใสร้องเรียกบุรุษผู้สูงศักดิ์เหนือผู้ใดในทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องทรงพระอักษร ก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งอย่างไม่รักษากิริยาเข้าไปเกาะแขนพระบิดาฮ่องเต้ไท่เสียนมิได้ขุ่นเคืองกับท่าทีของพระธิดาองค์โตแม้แต่น้อย กลับกันพระองค์กลับชื่นชอบท่าทีสดใสราวกับดวงตะวันที่เจิดจรัสเช่นนี้ของบุตรสาวมากกว่าท่าทีอ่อนช้อยเป็นไหน ๆ “นึกอย่างไรมาหาพ่อถึงที่นี่เจ้าก้อนแป้ง”“หนิงเอ๋อร์คิดถึงเสด็จพ่อเพคะ” ผู้อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงห้องทรงพระอักษรทั้งที่ไม่ได้มีรับสั่งเรียกหาเอ่ยอย่างออดอ้อนก่อนจะถูกอุ้มไปวางบนตักและหอมแก้วเสียฟอดใหญ่“พ่อรู้เจ้ามิได้คิดถึงพ่อเพียงเท่านั้น แต่พ่อก็ยินดีที่เจ้าคิดถึง” “เสด็จอาทรงฟ้องเสด็จพ่ออีกแล้วหรือเพคะ”“เขาไม่ได้ฟ้อง เพียงเกริ่นให้พ่อฟังเท่านั้น” บุรุษสูงศักดิ์กล่าวแย้งให้พระอนุชาที่พระองค์มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าก่อนหน้าที่บุตรสาวจะเข้ามา พระอนุชาองค์นี้ย่อมช่วยเหลือพูดให้องค์หญิงน้อยบ้างแล้วพระองค์จึงพอทราบเรื่องราวอยู่บ้าง“ก้อนแป้งของพ่อไม่อยากไปงานเลี้ยงเช่นนั้นหรือ”“หนิงเอ๋อร์ไม่ชอบงานเลี้ยงเพคะ ไปอารามซุยหลิงกับเสด็จย่าไท่เฟยได้บุ

    Last Updated : 2024-11-29
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่8 ย้าย

    “เสด็จพี่หญิงมาเล่นกับเสี่ยวหลงหรือพะย่ะค่ะ” เจ้าตัวน้อยร้องถามทันทีทั้งยังไม่ยอมปล่อยเชษฐาภคินีที่เสด็จแม่พร่ำบอกเสมอว่าให้รักและเชื่อฟังให้มากองค์หญิงน้อยอมยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบในทันที “ใช่แล้ว พี่มาเล่นกับเสี่ยวหลง”“ท่านลุงฟู่ก็มาเล่นกับเสี่ยงหลงด้วยหรือขอรับ”ในบรรดาโอรสธิดาของฮ่องเต้ไท่เสียนมีเพียงองค์หญิงใหญ่ องค์ชายรอง และองค์ชายสามเท่านั้นที่คุ้นเคยกับฟู่เสวียนจนเรียกขานว่าท่านลุงฟู่ ฟู่เสวียนที่ติดตามฮ่องเต้ไท่เสียนแวะเวียนมาหาโอรสธิดาอยู่บ่อยครั้งไม่เพียงกับโอรสมังกรแต่ยังเต็มไปด้วยความเอ็นดูและรักดุจบุตรของตน ทว่าหลัง ๆ ราชกิจฮ่องเต้รัดตัว ซ้ำวังหลังไม่มีเซี่ยฮองเฮาคอยเป็นผู้แบ่งเบาให้ฮ่องเต้ผ่อนคลายแล้ว จึงไม่บ่อยนักที่ฟู่เสวียนจะได้พบกับองค์หญิงองค์ชาย โอรสธิดาองค์อื่นต่างก็ยังไม่รู้ความจึงมีเพียงแค่สามพระองค์นี้เท่านั้นที่ยังเรียกขานเขาว่าท่านลุงฟู่ทว่าต่อให้เสียงเรียก

    Last Updated : 2024-11-30
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่9 จะปกป้อง

    หรงกุ้ยเฟยจ้องลึกเข้าไปในดวงตามุ่งมั่นของหลานสาวก่อนจะถอนใจ สองปีก่อนหลังจากที่น้องสาวของนางจากไปในวังมีสนมชายาช่วงชิงความโปรดปรานกันนับไม่ถ้วน ผู้มีบุตรก็ใช้บุตรเป็นสะพาน ผู้ใดไม่มีก็ทำทุกทางเพื่อจะได้ตั้งครรภ์มังกร ทว่านางไม่เคยสนใจสิ่งเหล่านั้น ตำแหน่งฮองเฮาด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องการฮองเฮาผู้เดียวในใจฮ่องเต้ไท่เสียนมีเพียงเซี่ยฮองเฮาเท่านั้น จะแย่งชิงกันไปก็เท่านั้น สองปีมานี้องค์หญิงใหญ่อยู่ในตำหนักอันหนิงได้รับความดูแลจากฮ่องเต้โดยตรงก็เพราะไม่ต้องการให้องค์หญิงถูกผู้ใดใช้เป็นเครื่องมือปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮา และตัวองค์หญิงเองก็ไม่ยินยอมให้ผู้ใดขึ้นมาแทนที่มารดา แม้แต่นางที่เป็นป้า แล้ววันนี้...“เด็กน้อยเช่นเจ้า เหตุใดจึงกล่าวเรื่องเช่นนี้”“เสด็จป้าหนิงเอ๋อร์รู้ความกว่าที่ท่านคิด มีแค่ท่านเป็นฮองเฮา พวกเราถึงจะปลอดภัย โดยเฉพาะเสี่ยวเซวียนกับเสี่ยวหลง...ท่านเป็นฮองเฮาเถอะ”“เด็กน้อยเอ๋ย คลื่นลมในวังหลัง ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าหลี่ซูเฟยคือผู้ที่เสด็จพ่อของเจ้าโปรดปรานที่สุด นางงดงามเพียงนั้น ไหนเลยจะช่วงชิงความโปรดปรานมาได้ ไหนจะเจาอี๋จากนอกวังที่เข้ามาพร้อมกับบุตรสาวนั่นอีก ได้ยินว่านาง

    Last Updated : 2024-12-02
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่10 ไม่เปิดโอกาส

    ในตำหนักเซียนซือเต็มไปด้วยบรรยากาศชวนซึ้งทว่าที่ตำหนักใหญ่โอรสสวรรค์กลับเลิกคิ้วมององครักษ์คนสนิทที่มารายงานตามรับสั่งของพระธิดาด้วยความสงสัยแล้วก็เปลี่ยนเป็นความหวาดหวั่นใจ“เจ้าว่าเจ้าก้อนแป้งโกรธอะไรเจิ้นอีกหรือไม่”“น่าชังเช่นฝ่าบาททำให้องค์หญิงขุ่นเคืองย่อมไม่แปลก” องค์รักษ์ฟู่เสวียนเอ่ยอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะลอยหน้าลอยตาเมื่อนายเหนือหัวส่งสายตาดุมาให้ ฟู่เสวียนที่อยู่กับองค์หญิงองค์ชายและครอบครัวคือบุรุษอบอุ่น ฟู่เสวียนที่อยู่ต่อหน้าขุนนางคือองค์รักษ์ผู้สุขุมเลือดเย็น แต่ฟู่เสวียนที่อยู่ตามลำพังกับนายเหนือหัวคือ….สหายน่าตายคนผู้นี้มีหลายหน้ายิ่งนัก เรื่องนี้มีเพียงฮ่องเต้ไท่เสียนที่รู้ดีที่สุด ไอ้เจ้านี่หน้าหนาและปากจัดยิ่ง ทั้งยังไม่เกรงกลัวเขาอีกต่างหาก“เจ้านี่ช่าง…”“ฝ่าบาท ได้เวลาพลิกแผ่นป้ายแล้วพะย่ะค่ะ” ไม่ทันจะต่อว่าสหายผู้กล้าหาญกล่าวตรง ๆ ต่อหน้าฮ่องเต้ เหรินฉิน ขันทีคนสนิทก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับถาดแผ่นป้าย...ได้เวลาต้องพลิกแผ่นป้ายแล้วแม้ว่าความจริงเหร

    Last Updated : 2024-12-02
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่11 องค์หญิงห้า

    เพลี่ยง!เสียงข้าวของที่แตกกระจายจากด้านในตำหนักไม่ได้ส่งผลให้เฉินซูเหมยในวัยเพียงหกขวบตัวสั่นระริก หรือมีอาการหวาดกลัวใด ๆ กลับกันนางกลับมีเพียงความไม่พอใจและกรุ่นโกรธไม่ต่างจากมารดาที่ขว้างปาสิ่งของผู้มีศักดิ์เป็นองค์หญิงลำดับที่สองของราชวงค์ และเป็นธิดาลำดับที่ห้าของฮ่องเต้ไม่สนใจมารดาที่ระบายโทสะด้วยการขว้างปาสิ่งของก่อนจะก้าวเข้าไปยังแท่นบรรทมด้วยท่าทีที่เงียบสงบเกินวัยถึงแม้ว่าร่างกายของนางจะเป็นเด็กหกขวบ แต่ผู้ใดเล่าจะรับรู้เท่านาง ว่าแท้จริงแล้วนางไม่ได้อายุเพียงหกขวบ...นางตายเพราะเฉินอี้หลง และได้หวนกลับมายังอดีตเฉินซูเหมยกำหมัดแน่น ในอดีตมารดานางกระทำต่ำช้าอาศัยโอกาสที่ฮ่องเต้ปลอมตัวออกไปเยี่ยมราษฏรวางยาปลุกกำหนัดในเหล้าจนทำให้มีนาง ทว่าเพราะเหตุการณ์หลายสิ่งหลายอย่างทำให้นางได้เติบโตนอกวังโดยที่เสด็จพ่อไม่รู้ถึงหกปีเต็ม การได้เข้ามาในวังที่เต็มไปด้วยความแก่งแย่งช่วงชิงใช่ว่าจะมีความสุข มารดานางได้ตำแหน่งแค่เพียงเจาอี๋ ไร้อำนาจซ้ำยังรังแกได้ง่าย นางจึงเกลียดทุกคนที่มีอำนาจ เฝ้าใฝ่ฝันจะเ

    Last Updated : 2024-12-02
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่12 ค้างคืน

    ตำหนักเซียนซือเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคยสำหรับฮ่องเต้ไท่เสียน แต่กับโอรสทั้งสองพระองค์ทรงคุ้นเคยไม่ต่างจากองค์หญิงใหญ่ แม้ว่าภายนอกผู้คนจะรับรู้ว่าฮ่องเต้ไม่ใคร่สนใจใยดีองค์ชายรองและองค์ชายสามเพราะผู้หนึ่งมารดาจากไปตอนคลอด อีกผู้หนึ่งมารดาไม่เป็นที่โปรนปราน และให้ความสนใจไปที่องค์ชายสี่ซึ่งประสูตรจากหลี่ซูเฟยมากกว่า แต่ความเป็นจริงแล้วพระองค์ทรงลอบพาองค์ชายทั้งสองเข้าไปหาที่ตำหนักใหญ่อยู่บ่อยครั้งโอรสที่ไม่มีมารดาปกป้อง หากโปรดปรานเกินหน้าเกินตาย่อมเป็นอันตราย พระองค์ไม่อาจดูแลได้ตลอดจึงต้องให้เฉินชิงเซวียนอยู่ในมุมมืดไม่โดดเด่นเกินผู้ใดเช่นนี้ ส่วนเฉินอี้หลง เพราะมารดาไม่ปรารถนาความโปรดปราน อำนาจย่อมไม่มี หากให้ความใส่ใจโอรสเป็นพิเศษ ก็ย่อมนำภัยมาให้องค์ชายทั้งสองจึงจำต้องกลายเป็นผู้ไม่ได้รับความโปรดปรานเสมอมา เฉินอันหนิงเข้าใจข้อนี้มาโดยตลอด และนางก็เข้าใจที่เสด็จพ่อไม่ได้ซ่อนนางเอาไว้ในมุมมืดเช่นน้อง ๆ แต่ให้ความโปรดปรานเหนือโอรสธิดาทั่วไป ใช่ว่าเสด็จพ่อต้องการให้นางเป็นหนังหน้าไฟ หากแต่นางเป็นสตรี ไม่มีผู้ใดคิดว่านางจะเป็นภัยต่อตำแหน่งรัชทายาทหรือตำแหน่งฮ่องเต้องค์ถัดไป ซ้ำนางยังมีสก

    Last Updated : 2024-12-03

Latest chapter

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่45 หลี่อ๋อง

    “เจ้ายอมเรียกข้าว่าพี่แล้ว?” ผู้ถูกเรียกขานว่าพี่จิวทั้งที่ไม่ได้เป็นฝ่ายเอ่ยปากให้เรียกก่อนเอ่ยถาม สีหน้าแสดงออกชัดเจนถึงความเอ็นดูและยินดีที่อีกฝ่ายยินยอมเรียกเฉินอันหนิงที่ไม่มีพี่ชาย ใช่ว่าจะไร้เยื่อใยกับคนตรงหน้าไปเสียทุกเรื่อง นางเองก็อยากมีพี่ชายเช่นกัน ไม่มีเหตุอันใดต้องปฏิเสธ “พี่จิวหลิง ข้ายอมเป็นน้องสาวท่าน ทั้งยังจะมอบยอดฝีมือให้ท่านอีกสิบห้าคนเพื่อช่วยเหลืองานของท่าน วันหน้าเฉินและไห่ถือเป็นพันธมิตร”“เจ้าปูทางให้น้องชายผู้ใด หานอ๋อง?” อดีตซื่อจื่อสอบถามพลางเลิกคิ้ว ไม่ได้รู้สึกไม่ดีที่อีกฝ่ายยอมเป็นน้องสาวก็เพื่อเป็นพันธมิตรในอนาคต เพียงแต่เขาไม่รู้ว่านางปูทางให้น้องชายคนใด ข่าวว่าราชวงค์ต้าเฉินมีองค์ชายอยู่หลายองค์ หรือคนที่เขาเพิ่งกวนโทสะมาคือคนที่นางเลือกเป็นเช่นนั้นเขากลับไปขอโทษดีหรือไม่ อนาคตจะได้เป็นพันธมิตรอย่างราบรื่นทว่าองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเฉินกลับส่ายหน้า “ไม่ เขาอยากเป็นแม่ทัพ มิใช่ฮ่องเต้”“แล้วผู้ใดจะได้เป็นฮ่องเต้?&

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่44 ช่างโง่งม

    การพูดคุยไม่อาจเนิ่นนานเมื่อเฉินอันหนิงก้าวเดินมาพร้อมกับเค่อซาน ใบหน้าขององค์หญิงผู้สูงศักดิ์ไร้อารมณ์จนน่าประหลาด เค่อซุนหันกลับมาสนใจนายของตนในทันที“เกิดอันใดขึ้นอาซาน?”“หานอ๋องกับท่านจิวหลิงน่ะสิพี่ซุน ผู้หนึ่งกวนโทสะอีกผู้หนึ่งก็หลงกลจนเกิดโทสะ ลับฝีปากกันอยู่ด้านโน่นแหน่ะ” เค่อซานบอกเล่าเท่านั้นก็เป็นอันเข้าใจ เท่าที่สัมผัสได้ไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าจิวหลิงเป็นคนชอบกวนโทสะผู้อื่น แม้แต่องค์หญิงเองก็ถูกก่อกวนตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอและหากจะมีผู้ใดเข้าใจถ่องแท้ที่สุดย่อมต้องเป็นจิวหูที่รู้จักพี่ใหญ่ของตนดีที่สุดบุรุษหน้ากากพรั่งพรูลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดิน ไม่ได้มีคำชักชวนหรือแม้แต่คำกล่าวใด ๆ ทว่าเฉินอันหนิงกลับก้าวเดินตามพร้อมกับส่งสัญญาณให้องครักษ์ทั้งสามเว้นระยะห่างออกไปสตรีสูงศักดิ์จับจ้องมองตามแผ่นหลังแข็งแกร่งที่คล้ายคุ้นเคยขณะที่ก้าวเดินตาม นัยน์ตาคู่หงส์เต็มไปด้วยความสงสัยที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และต้องการจะหาคำตอบนั้นให้ได้ยิ่งมอง นางก็ยิ่งคิ

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่43 พี่ใหญ่

    “คุยเรียบร้อยแล้วหรือ” เป็นจิวหลิงที่เห็นนางเป็นผู้แรกเมื่อนางก้าวออกมา เฉินอันหนิงก้าวเข้าไปหาพวกเขาที่ยังคงยืนอยู่ด้วยกันมิได้แยกกันไปไหน แม้แต่เฉินซีหานและองครักษ์ของนางก็ยังอยู่“เรียบร้อยแล้ว”“จิวหลิง...อาจารย์ของท่านรู้เรื่องที่ผู้อื่นไม่อาจรู้หรือ?” แม้จะรู้ดีว่าเรื่องบางเรื่องก็ตอบยาก แต่สุดท้ายนางก็ยังสอบถามจิวหลิงออกไปตามที่ไต้ซือเหว่ยเสิ่นชี้ทาง “เขาหยั่งรู้ฟ้าดินเช่นนั้นหรือ?”“จะเรียกว่าหยั่งรู้ฟ้าดินก็คงได้ อาจารย์ของข้าเพียงแค่มองหน้าก็รู้ถึงอดีตและอนาคตของผู้คน” จิวหลิงตอบอย่างไม่ปิดบัง รู้ ที่หมายถึงรู้อดีตและอนาคตของผู้คนอื่นที่ไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องและมีวาสนาต่อกันดั่งเช่นพวกเขา อาจารย์รู้เรื่องราวของผู้คน แต่ไม่อาจบอกได้เกี่ยวกับอนาคตและอดีตของพวกเขาศิษย์พี่น้องรวมถึงบิดาและมารดาของท่านเอง แต่ก็ยังเรียกว่าหยั่งรู้กระมัง“เหตุใดจึงรู้”“จะว่าอย่างไรดี...สืบทอดมาจากทางสายเลือดน่ะ ข้าเองก็ไม่อาจอธิบายได้” เขาตอบเท่านั้นก่อนจะโบ้ยไปให้ศิษ

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่42 อารามซินหนี่

    อารามซินหนี่จากที่พักของทางการมายังอารามซินหนี่ไม่นับว่าไกล ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง นัยน์ตาคู่หวานกวาดสายตามองไปเบื้องหน้าในทันทีที่ก้าวลงจากรถม้า ท่าทีของนางนับว่าสงบนิ่งทว่าภายในใจกลับมีความตื่นตระหนก ครุ่นคิดถึงความฝันที่นางเคยคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับฝันบอกเหตุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนจะฝันเห็นน้องชายถูกชายสวมหน้ากากปริศนาทำร้ายนางฝันถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เพราะที่แห่งนั้นคล้ายกับอารามซุยหลิงนางจึงทึกทักว่าตนฝันเห็นอารามซุยหลิงจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ทว่าในเวลาได้เห็นอารามซินหนี่แห่งนี้...นางไม่อาจไม่สนใจที่นี่คล้ายกับอารามซุยหลิงไม่มีผิด แทบจะเรียกได้ว่าฝาแฝดเลยด้วยซ้ำ เป็นไปได้อย่างไรกัน“ช่างคล้ายเสียจริง” เสียงพึมพำจากด้านหลังฉุดดึงให้เฉินอันหนิงตื่นจากภวังค์ความตกใจ นางหันกลับไปมองก่อนจะต้องขมวดคิ้ว เป็นเสียงจากบุรุษสวมหน้ากากที่ทอดสายตามองเบื้องหน้าด้วยดวงตามีประกายสั่นไหว หากดูไม่ผิดคล้ายว่าจะมีความเจ็บปวดในตาคู่นั้น“คล้ายอันใดหรือ” จิวหลิงที่ยืนอยู่ข้างกันส่งเสียงถาม คล้ายฉุดดึงสติของจิวหูให้กลับมา บุรุษหน้ากากส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะตอบปัด“ไม่มีอันใดพี่ใหญ่ ข้าเพียงพูดไปเช่นน

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่41 คนผู้นั้นกับคนผู้นี้

    เพราะรับปากว่าจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้ จิวหลิงจึงพยายามตีสนิทกับหานอ๋องขณะที่จิวหูนั้นหายหน้าหายตาไม่ได้เข้ามาข้องเกี่ยวใด ๆ ราวกับว่าต้องการหลบหน้าก็ไม่ปาน ใช่ว่าเฉินอันหนิงจะมองไม่เห็นท่าทีที่ผิดปกติของบุรุษสวมหน้ากาก ทว่านางก็ไม่ได้สอบถามใด ๆไม่อยากเจอก็ไม่ต้องเจอ นางมิได้สนใจคนเช่นนั้นอยู่แล้ว“พี่ใหญ่” หานอ๋องส่งเสียงเรียกพี่สาวที่หลายวันมานี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ พี่สาวของเขามักจะมาเดินเล่นที่ลานหน้าห้องพักของบุรุษหน้ากากอยู่บ่อยครั้ง...ไม่รู้ว่าลานตรงนี้งดงามหรือต้องการรอพบผู้ใดกันแน่“มีเรื่องอันใดเสี่ยวหาน หรือจะไปปราบโจรแล้ว”“ข้าจะไปพรุ่งนี้ วันนี้จึงคิดจะพาท่านไปเดินเล่นในตลาดก่อน”“เดินเล่นในตลาดหรือ...เช่นนั้นเราไปไหว้พระด้วยดีหรือไม่ ข้าอยากไหว้พระ” นางถามออกไป ทว่าก็รู้แก่ใจดีว่าไม่มีน้องคนใดขัดใจนาง หานอ๋องก็เช่นกัน“เอาสิ ท่านอยากไปที่ใดข้าย่อมตามใจท่าน”“เด็กดีของข้า”&ld

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่40 เปิดเผย

    “อยากฟังนิทานหรือไม่ ข้ามีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง” อยู่ ๆ จิวหลิงก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนต่างฝ่ายก็ต่างเงียบมาครู่ใหญ่ เขาไม่รอให้นางตอบก็รินสุราให้นางและเริ่มเล่านิทานที่ตนเตรียมเอาไว้“เด็กผู้ชายผู้หนึ่ง เติบโตมาในบ้านหลังใหญ่ ผู้เป็นพ่อคือว่าที่ประมุขคนต่อไป แต่ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะได้สืบทอดตำแหน่งก็ถูกผู้ละโมบไล่เข่นฆ่าเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง เด็กชายได้แต่หอบความแค้นนั้นพาน้องชายหนีตาย เพื่อหวังว่าวันหน้าจะกลับมาแก้แค้นและทวงคืน”“ไม่รู้ปลายทาง ไม่รู้ว่าชีวิตจะไปถึงวันนั้นหรือไม่ แต่ก็สู้อย่างเต็มที่ เขาเดินทางไกลเพื่อมาขอเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาที่โด่งดัง ได้เป็นศิษย์ที่เก่งกาจผู้หนึ่งของสำนัก แต่สุดท้ายก็ไม่อาจล่วงรู้ว่าวันหน้าจะแก้แค้นและทวงคืนได้หรือไม่ แม้ว่ามีอาจารย์ที่ล่วงรู้ฟ้าดิน แต่ชะตาของเขาอาจารย์กลับไม่อาจบอกได้”“เสี่ยวหนิง การที่เจ้ามีฝันบอกเหตุมันดียิ่ง หากเปลี่ยนกันได้ ข้าก็อยากจะแลกเปลี่ยนกับเจ้า อยากจะรู้ล่วงหน้าเพื่อช่วยเหลือบิดามารดาเอาไว้”

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่39 ถึงเมืองซินอู๋

    เพราะได้รับการรักษาจากศิษย์จากสำนักเฟยผิง เพียงชั่วข้ามคืนพิษก็ถูกขจัดออกจนหมด บาดแผลตามร่างกายแม้ว่าจะไม่ได้สมานชั่วพริบตาแต่การเคลื่อนย้ายไปรักษาในเมืองก็ทำได้โดยไม่ติดปัญหาอะไรแล้ว ประจวบเหมาะกับเค่อซินเดินทางมาถึงเมื่อกลางดึก เฉินซีหานจึงทิ้งองครักษ์คนสนิทเอาไว้คอยดูแลจนกว่าสตรีผู้นั้นจะฟื้นและออกเดินทางในเช้าวันนั้นการเดินทางสู่เมืองซินอู๋เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เพราะเสียเวลาไปสามวัน การเดินทางจึงต้องรีบเร่งขึ้น ทำให้กองทหารของหานอ๋องถึงเมืองซินอู๋ตามกำหนดการเดิม แม้ว่าเพื่อให้เดินทางถึงตามกำหนดทุกคนจะต้องเร่งรีบจนไม่หยุดพักเมื่อใกล้ถึงเมืองซินอู๋ก็ตามหลายวันมานี้เฉินอันหนิงแทบไม่ได้คุยกับสองสหายที่เพิ่งได้รับรู้ว่าเป็นถึงศิษย์ของสำนักศึกษาอันโด่งดัง อันเนื่องมาจากเจ้าลูกเจี๊ยบคอยตามประกบนางไม่เปิดโอกาสให้พูดจากับสหายสักเท่าไหร่ เมื่อถึงเมืองซินอู๋และนำกำลังทหารเข้าพักที่จวนรับรองของที่ว่าการเมืองเป็นที่เรียบร้อย นางจึงอาศัยจังหวะที่เฉินซีหานหารือกับนายอำเภอและผู้ว่าการเมืองหลบออกมาหาจอมยุทธทั้งสอง“พวกท่

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่38 เบื้องหลังของจิวหู

    เวลาค่ำคืนไม่นับว่าเงียบสักเท่าไหร่ เชื้อพระวงค์ทั้งสองของต้าเฉินเข้าไปพักผ่อนกันแล้ว แม้แต่เหล่าองครักษ์และทหารก็หาที่นอนพักกันแทบจะทั้งหมด ทว่าสหายชาวยุทธขององค์หญิงกลับไม่ได้พักผ่อนดั่งคนอื่น ๆ ในตอนแรกบุรุษทั้งสองจะแยกย้ายกันไปพักทว่ากลับได้กลิ่นสมุนไพรจากกระโจมคนไข้เสียก่อน จิวหลิงจึงอดไม่ได้ที่จะขอตรวจอาการของคนไข้สตรีที่หานอ๋องช่วยเหลือเอาไว้ถูกพิษที่หมอหลวงที่ติดตามมาไม่สามารถปรุงยาถอนพิษได้ ทำได้เพียงรักษาให้บรรเทา สองชาวยุทธจึงอาสาต้มยาถอนพิษให้กับแม่นางผู้เคราะห์ร้ายว่ากันว่าสำนักศึกษาเฟยผิงเป็นสำนักศึกษาที่สอนสั่งทั้งวรยุทธ กำลังภายใน วิชาการปกครอง วิชาการทหาร วิชาแพทย์ และวิชาพิษ นับเป็นสำนักศึกษาที่สิบแคว้นต่างปรารถนาให้ลูกหลานได้เข้าเรียนที่นั่น เพียงแค่แนะนำตัวว่าตนเป็นศิษย์จากสำนักเฟยผิง แม้แต่ราชสำนักยังต้องไว้หน้า และพวกเขาทั้งสองก็เป็นศิษย์จากสำนักแห่งนั้นที่น้อยคนนักจะได้เข้าร่ำเรียนไม่ใช่เพียงแค่เฉินอันหนิงที่ปิดบังสถานะของตน บุรุษทั้งสองเองก็ไม่ได้เปิดเผยทั้งหมดเช่นกัน พวกเขาเป็นศิษย์

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่37 พบเจอซีหาน

    เมื่อเค่อซานมาถึงก็เริ่มการเดินทางต่อ ออกจากตัวอำเภอไม่ใกล้ไม่ไกลก็ถึงจุดที่เฉินซีหานตั้งค่ายทหาร น้องชายผู้นั้นไม่รู้ตกใจที่เห็นนาง หรือตกใจที่นางนั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกับบุรุษถึงได้อ้าปากค้างไป และไม่ทันที่เขาจะได้พูดอันใดนางก็ยื่นม้วนคำสั่งสีทองให้เขา“ข้าไม่ได้ตามเจ้ามานะ ข้าจะไปหาเสด็จอา” องค์หญิงอันหนิงเอ่ยคล้ายบอกเป็นนัย ๆ ว่านางไม่ได้ดื้อดึงตามเขามานะ นางมีสิ่งที่ต้องทำจึงได้มา และแค่บังเอิญเป็นเส้นทางเดียวกันเท่านั้น ม้วนสีทองที่นางไม่ได้เรียกว่าราชโองการแต่เป็นข้ออ้างถูกรับไปอ่านเป็นที่เรียบร้อย แล้วมีหรือเฉินซีหานจะไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นเพียงข้ออ้างผู้ใดสามารถข่มขู่ทำให้ฮ่องเต้ออกราชโองการได้...ก็คือองค์หญิงใหญ่อย่างไรเล่า“มันคือข้ออ้าง ท่านให้เสด็จพ่อหาข้ออ้างให้ท่าน”“เจ้าจะรู้มากไปแล้วเสี่ยวหาน” ถูกน้องชายรู้ทันใช่ว่านางจะสลด นางเพียงบ่นให้ก่อนจะรับม้วนคำสั่งกลับมาเก็บเอาไว้ แม้จะเป็นเพียงข้ออ้าง แต่คนทั่วไปก็เห็นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ จะวางทิ้งวางขว้างก

DMCA.com Protection Status