Share

บทที่6 แก้ไขเล็กน้อย

last update Last Updated: 2024-11-28 10:25:38

เฉินอันหนิงตระหนักได้ว่ามิควรเปลี่ยนแปลงการเรื่องราวของพี่เหยียน ในเมื่อนางเองก็หาตัวคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังไม่เจอ และหากช่วยเหลือพี่เหยียนให้อยู่ข้างกายต่อไปรังแต่จะทำให้เขาเป็นอันตราย เช่นนั้นก็ให้เขาไปพบเจอเรื่องราวข้างนอกเพื่อเป็นไปตามเนื้อเรื่องของเขาก็แล้วกัน...หากแต่บทสรุปสุดท้ายนางมิอาจยินยอมให้เป็นเช่นในฝันได้

จะให้พี่เหยียนผู้นั้นมาตายตามนางได้อย่างไรในเมื่อชาตินี้นางจะไม่ตาย

เปลี่ยนการออกจากแคว้นไปของพี่เหยียนไม่ได้ เพื่อตัวของเขาเองก็ไม่เป็นไรแต่นางปรับแก้สถานการณ์อื่นมิให้ต้องพบจุดจบเช่นเดิมได้ใช่หรือไม่

แก้ไขเล็กน้อย...คงมิเป็นอันใด

“แล้วจะแก้เรื่องใดกัน”

นางพึมพำเพียงลำพังได้ไม่นานอี้กงกงก็เข้ามาโค้งคำนับและรายงาน “องค์หญิง ฉินกงกงมาขอเข้าเฝ้าพะย่ะค่ะ”

“ให้เข้ามา”

“ฉินกงกง!” องค์หญิงน้อยกระโดดมาหาคนมาใหม่ทันทีอย่างคุ้นเคย แม้ว่าจะทำให้ผู้มีอายุใจหายใจคว่ำไปไม่น้อยเพราะเกรงว่าจะหกล้มก็ตาม 

ฉินกงกง ขันทีอาวุโสจากตำหนักชินอ๋องโค้งคำนับองค์หญิงใหญ่ก่อนจะเอ่ยจุดประสงค์ของตน “วันนี้ชินอ๋องมาเฝ้าไท่เฟย จึงให้ข้าน้อยนำถังหูลู่และขนมกุ้ยฮวาจากร้านประจำมาถวายองค์หญิงพะย่ะค่ะ”

“เสด็จอายังคงนึกถึงหนิงเอ๋อร์เสมอเลย...พี่ซวงซวง นำไปเก็บไว้ หนิงเอ๋อร์จะไปเฝ้าเสด็จอากับเสด็จย่าไท่เฟยก่อน ค่อยกลับมากิน”

“เพคะ”

องค์หญิงตัวน้อยไม่รอช้าพุ่งออกนอกตำหนักมุ่งหน้าสู่ตำหนักไท่เฟยในทันที หนึ่งคืออยากจะพบเจอเสด็จอาชินอ๋องที่ในชาติที่แล้วก็เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ตายจากไปเพราะแผนชั่วข้าของเฉินซูเหมยอีกครั้ง  และสองก็คือเรื่องเกี่ยวกับตระกูลฟู่

นางเพิ่งจะจดจำได้ว่าในฝันเมื่อชาติก่อนนางฝันเห็นชินอ๋องที่กำลังควบม้าออกจากวัดด้วยสีหน้าร้อนลน

นางเพิ่งตระหนักได้ว่าเหตุร้ายของตระกูลฟู่เกิดขึ้นในวันที่อันไท่เฟยและชินอ๋องไปไหว้พระที่อารามบนเขา โดยมีฟู่ฮูหยินที่ครรภ์แก่ใกล้คลอดติดตามไปขอพรให้คลอดลูกอย่างปลอดภัยด้วย

ในครั้งนั้นนางและพี่เหยียนก็ติดตามไปด้วยและเพราะนางอยากเที่ยวเล่นในตลาด พี่เหยียนถึงหนีทหารที่มาตามจับตัวไปสำเร็จโทษได้ ส่วนฟู่ฮูหยิน ตกเลือดและเสียชีวิตระหว่างคลอด...ทารกในครรภ์มิพ้นภัย 

ยามนั้นนางกล่าวโทษชินอ๋องว่าเหตุใดเขาถึงมิห้ามปรามและรักษาชีวิตบริสุทธ์เอาไว้ เสด็จอาผู้นั้นจึงได้บอกเล่าว่าเขาถูกเรียกตัวออกไปด้วยข่าวลวง กว่าจะกลับมาทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว

และการไปไหว้พระของอันไท่เฟยก็จะมาถึงในไม่กี่วันข้างหน้านี้แล้ว...นี่คือวันที่อันไท่เฟยจะพูดเรื่องไหว้พระกับชินอ๋อง

หากยับยั้งมิให้ชินอ๋องติดกับข่าวลวง ฟู่ฮูหยินกับทารกในครรภ์ก็มีโอกาสปลอดภัย...มีหนทางเปลี่ยนชะตากรรมพี่เหยียนและตระกูลฟู่แล้ว

ตำหนักอันไท่เฟย

ชินอ๋องเฉินเทียนหยางเป็นพระอนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้ไท่เสียน ทว่าเก่งกาจการรบ อายุสิบหกหนาวก็จับดาบควบม้าทะลวงฟันกองทัพต่างแคว้นที่มารุกรานแล้ว ด้วยความสามารถที่โดดเด่นจึงถูกแต่งตั้งให้เป็นชินอ๋องตั้งแต่อายุสิบเจ็ด ปีนี้เพิ่งจะอายุได้สิบเก้าเท่านั้น 

ผู้คนต่างเกรงกลัวและกล่าวว่าเขาคือท่านอ๋องบ้าเลือดทว่าเฉินอันหนิงกลับรักใคร่และชื่นชอบเสด็จอาผู้นี้ที่สุดในบรรดาอ๋องทั้งหลาย

เสด็จอาเล็กมิได้ต้องการช่วงชิงตำแหน่งฮ่องเต้ คนผู้นี้มิอยากจะเข้ามาในพระราชวังอันโอ่อ่าเลยด้วยซ้ำ หากมิใช่เพราะพระมารดายังอยู่ที่นี่ พระองค์ก็คงหายหน้าหายตาจนมิมีผู้ใดในวังได้พบเห็นเป็นแน่

เสด็จอาเล็กจะมาเฝ้าอันไท่เฟยผู้เป็นมารดา หนึ่งครั้งทุกสองสัปดาห์ ทุกครั้งที่มาก็ไม่ลืมจะนำขนมหรือของเล่นนอกวังติดไม้ติดมือมาฝากนางและน้อง ๆ  และอาจจะเพราะนางเป็นองค์หญิงองค์แรก คุ้นหน้าคุ้นตาเสด็จอาผู้ไม่ใคร่อยากสนใจโลกผู้นี้มากกว่าน้อง ๆ พระองค์จึงมีของมาให้นางมากกว่าหลาน ๆ คนอื่น และให้ความเอ็นดูนางมากกว่าผู้ใด เช่นนี้แล้วจะไม่ให้นางรักใคร่ได้อย่างไรเล่า

ทันทีที่มาถึงตำหนักอันไท่เฟยองค์หญิงตัวน้อยก็ไม่รอให้นางกำนันเข้าไปกราบทูล นางวิ่งเข้าไปเกาะท่อนขาของบุรุษผู้องอาจในทันทีอย่างไร้เดียงสา

“เสด็จอา หนิงเอ๋อร์คิดถึงเสด็จอา”

“ประจบประแจงยิ่ง” แม้คำพูดจะคล้ายตำหนิ หากแต่ในดวงตาคู่นั้นกลับมีความเอ็นดูเจือปนอยู่ บุรุษชาตินักรบอยู่ในสนามรบเกือบทั้งชีวิตย่อมแข็งกระด่าง ไหนเลยจะพูดจาอ่อนโยนได้

องค์หญิงตัวน้อยคุ้นชินกับท่าทีเช่นนี้ดี แม้ว่าลึก ๆ แล้วนางจะคิดถึงท่าทีเช่นนี้มากเพียงใดทว่าก็ยังแสดงออกอย่างไร้เดียงสา

“เสด็จย่าไท่เฟยเพคะ เสด็จอากล่าวร้ายหนิงเอ๋อร์”

“เจ้านี่ช่างฟ้องยิ่ง”

“เสด็จย่าไท่เฟย...”

“หยุดฟ้องได้แล้วเจ้าก้อนแป้ง มิเช่นนั้น...”

“มิเช่นนั้นเสด็จอาจะฟ้องเสด็จพ่อของหนิงเอ๋อร์ใช่หรือไม่ เช่นนั้นก็ฟ้องได้เลย หนิงเอ๋อร์ไม่กลัวหรอก” ไม่ปล่อยให้ชินอ๋องบ้าเลือดได้กล่าว นางก็ชิงพูดก่อนด้วยท่าทีเป็นต่อ ท่านอ๋องหนุ่มได้แต่ส่งสีหน้าหมั่นไส้มาให้ก่อนจะโต้แย้ง

“หึ หากฟ้องบิดาเจ้า เกรงว่าอาของเจ้าผู้นี้จะถูกส่งไปประจำชายแดนเสียน่ะสิ”

“คิกคิก”

“พวกเจ้าอาหลานพอเถิด...เด็ก ๆ ตั้งเครื่องเสวยได้แล้ว แล้วก็นำขนมกุ้ยฮวาออกมาด้วย” อันไท่เฟยผู้เป็นมารดาของชินอ๋องกล่าวแทรกขึ้นก่อนจะสั่งนางกำนันและหันกลับมาชักชวนองค์หญิงตัวน้อย “เสวยมื้อเช้ากับขนมด้วยกันนะเพคะองค์หญิงน้อย”

“เพคะเสด็จย่าไท่เฟย”

“ข้าให้ฉินกงกงนำไปให้แล้วมิใช่หรือ กลับไปกินที่ตำหนักสิ” ผู้เป็นเสด็จอามิวายทำทีขับไล่หลานสาว หากแต่เฉินอันหนิงกลับยังคงลอยหน้าลอยตา

“ไม่ไปเพคะ หนิงเอ๋อร์อยากอยู่กับเสด็จอา กับเสด็จย่าไท่เฟย”   

“หึ”

อันไท่เฟยมองท่าทีแข็งกระด้างและปากร้ายของบุตรชายก่อนจะลอยถอนใจ ความจริงก็อยากให้องค์หญิงตัวน้อยอยู่ด้วยแท้ ๆ แต่ท่าทีที่แสดงออกกลับคล้ายรำคาญเสียทุกครั้ง

ช่างเป็นคนที่ปากไม่ตรงกับใจเสียจริง ๆ 

เช่นนี้อย่างไรเล่าถึงได้ยังมิมีสตรีที่ต้องใจเสียที

“ได้ยินว่าป่วยไข้เพิ่งหาย เช่นนั้นองค์หญิงน้อยเสวยเยอะ ๆ นะเพคะ จะได้มีพระวรกายแข็งแรง” อันไท่เฟยไม่เพียงแค่ชักชวนให้องค์หญิงตัวน้อยเสวยแต่ยังคีบเนื้อให้ด้วยความเอ็นดู

กล่าวตามความจริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไทเฮา หรือสนมอื่นในอดีตฮ่องเต้ที่ยังอาศัยอยู่ในวังต่างก็ให้ความเอื้อเอ็นดูองค์หญิงผู้นี้ เพราะนางช่างออดอ้อนและมักจะแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนพวกนางอยู่บ่อย ๆ ร้องเรียกเสด็จย่าอย่างนั้น เสด็จย่าอย่างนี้ ผู้ใดเล่าจะไม่เอ็นดู

ยิ่งคิดถึงเรื่องที่มารดาจากไปเร็วพวกนางก็ยิ่งเอ็นดูองค์หญิงผู้นี้มากกว่าโอรสธิดาองค์อื่น ๆ 

“เสวยนี่ด้วยสิเพคะ”

“ขอบพระทัยเพคะเสด็จย่าไท่เฟย”

“เสด็จแม่อย่าคีบแต่เนื้อให้นางซิพะย่ะค่ะ ประเดี๋ยวนางก็อ้วนเป็นหมูกันพอดี” ชินอ๋องที่ควรได้รับการเอาอกเอาใจจากมารดาที่ไม่ได้พบเจอกันบ่อยแทรกขึ้นก่อนจะคีบผักไปใส่ในจานของหลานสาว “เอ้านี่...กินผักเสียบ้าง จะได้ไม่ป่วยไข้อีก”

“เสด็จอา หนิงเอ๋อร์ไม่ชอบ”

“ไม่ชอบเจ้าก็ต้องกิน กินแต่เนื้อจนอ้วนกลมเช่นนี้อย่างไรเล่าจึงได้เจ็บไข้ง่าย ๆ” 

“แต่...” นางอยากจะแย้ง หากแต่มิทันได้แย้งชินอ๋องก็คีบผักมาใส่ให้เพิ่มและข่มขู่

“หากเจ้าไม่กินผักด้วย คราวหน้าข้าจะไม่เอาขนมกุ้ยฮวาและถังหูลู่มาฝากอีก”

“เพคะ หนิงเอ๋อร์กินก็ได้”

“หึ” ชินอ๋องส่งเสียงอย่างพอใจก่อนจะคีบเนื้อเอาใจมารดา อันไท่เฟยมองค้อนอย่างหมั่นไส้ ท่าทีกลั่นแกล้งไปเช่นนั้นที่แท้ก็ห่วงใยหลานสาวนั่นล่ะ

“เอ้อ หยางเอ๋อร์ ปีนี้เจ้าไปอารามซุยหลิงกับแม่หรือไม่ หรือจะอยู่ร่วมงานเลี้ยงที่พระราชวัง” และแล้วอันไท่เฟยก็พูดถึงการไปอารามซุยหลิง ในทุกปีเพื่อกราบไหว้บิดามารดาผู้ล่วงลับอันไท่เฟยจะเดินทางไปอารามซุยหลิงและอยู่ถือศีลที่อารามเป็นเวลาสามวัน หลายปีมานี้ชินอ๋องก็ติดตามไปดูแลเสมอมา หากแต่ปีนี้ช่วงเวลาที่นางจะไปอารามซุยหลิงเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ภายในวังมีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูต มิทราบชินอ๋องจะได้ไปด้วยหรือไม่

องค์หญิงน้อยมิได้แทรกอันใดหากแต่นางรู้แก่ใจอยู่แล้วว่าปีนี้เสด็จอาเองก็ต้องไปกับพระมารดาอย่างแน่นอน

และก็เป็นเช่นนั้นเมื่อชินอ๋องตอบพระมารดา “งานเลี้ยงน่าเบื่อหน่ายเช่นนั้นลูกมิเข้าร่วมหรอกพะย่ะค่ะ และเสด็จพี่ก็ทรงเมตตาให้ลูกนำกำลังทหารอารักขาเสด็จแม่ไปการามซุยหลิงด้วยพะย่ะค่ะ”

“ดี ดีแล้ว”

บทสนทนาที่ไม่ได้แตกต่างไปจากในอดีตตกอยู่ในการรับรู้ขององค์หญิงตัวน้อยทั้งหมด นางวางตะเกียบลงก่อนจะเกาะแขนอันไท่เฟยผู้เมตตา “เสด็จย่าไท่เฟยเพคะ...หนิงเอ๋อร์ไปด้วยได้หรือไม่ หนิงเอ๋อร์อยากไปไหว้พระ”

“เจ้าจะไปเที่ยวเล่นแต่อาศัยเสด็จแม่เป็นข้ออ้างสินะ” เป็นชินอ๋องที่แทรกมา ไม่ต่างจากกาลก่อน และเฉินอันหนิงก็ไม่ได้ทำให้บทสนทนานั้นแตกต่างไปจากอดีต

“เสด็จอากล่าวร้ายหนิงเอ๋อร์ หนิงเอ๋อร์เพียงอยากไหว้พระ”

“หึ ข้าหรือจะรู้ไม่ทันเจ้า”

“เสด็จย่าไท่เฟยเพคะ เสด็จอากล่าวร้ายหนิงเอ๋อร์อีกแล้ว”

“เจ้าตัวขี้ฟ้อง อย่าเอานางไปเป็นภาระนะพะย่ะค่ะเสด็จแม่”

“แต่หนิงเอ๋อร์อยากไปด้วย” สายตาออดอ้อนถูกส่งให้ ไหนเลยอันไท่เฟยจะใจแข็งได้ พระนางทอดถอนใจหากแต่ยังสอบถาม

“องค์หญิงมิอยู่ร่วมงานเลี้ยงหรือเพคะ”

“ไม่สนุกเพคะ งานเลี้ยงน่าเบื่อมาก ๆ เลยเพคะ หนิงเอ๋อร์ไม่ชอบ” ไม่ชอบที่มีความหมายว่าไม่ชอบจริง ๆ ในอดีตนางก็ขอติดตามไปก็เพราะเบื่อหน่ายงานเลี้ยง แต่คำตอบของนางกลับถูกใจผู้เป็นอาเป็นอย่างมาก

“เจ้าอ้าปากพูดจ้อมาหลายคำ พูดได้ดีก็ประโยคเมื่อครู่นี้เอง งานเลี้ยงน่าเบื่อหน่ายยิ่ง”

“เฮ้อ ทั้งอาทั้งหลาน เหตุใดจึงได้มองว่างานเลี้ยงน่าเบื่อหน่ายเช่นนี้ไปได้เล่า”

“ก็มันไม่สนุกจริง ๆ นี่เพคะ สนมทั้งหลายเอาแต่ช่วงชิงความโปรดปราน องค์หญิงองค์ชายจะขยับตัวสักนิดก็ถูกจับตา เล่นงานมารดามิได้ ก็มาลงกับโอรสธิดา น่าเบื่อหน่ายเพคะ ให้หนิงเอ๋อร์เดินทางไปอารามซุยหลิงกับไท่เฟยยังจะสนุกยิ่งกว่า”

“แต่ฝ่าบาท...”

“เสด็จพ่อตามใจหนิงเอ๋อร์อยู่แล้วเพคะ” องค์หญิงผู้ได้รับการตามใจจากพระบิดาเหนือกว่าผู้ใดกล่าวอย่างมุ่งมั่น 

อันไท่เฟยแม้จะใจอ่อนไปแล้วแต่ก็ยังกังวล ฮ่องเต้หวงแหนองค์หญิงตัวน้อยเป็นอย่างยิ่ง หากการไปวัดซุยหลิงครั้งนี้เกิดสิ่งใดขึ้น นางและบุตรชายจะชดใช้เช่นไรหมดเล่า

พระนางหันไปมองชินอ๋องอย่างขอความเห็น ชินอ๋องยักไหล่ก่อนจะกล่าว “ให้นางติดตามไปเถิดเสด็จแม่ ฟู่ฮูหยินและบุตรชายก็จะติดตามไปด้วย นางคงอยากเที่ยวเล่นกับคุณชายฟู่แทนที่จะอยู่ในวังนั่งมองสนมตบตีกัน”

“เช่นนั้น...หากฝ่าบาทอนุญาต ก็ไปด้วยกันได้เพคะ”

“ขอบพระทับเพคะเสด็จย่าไท่เฟย...หนิงเอ๋อร์จะไปทูลขอเสด็จพ่อหลังจากกินเสร็จเพคะ” นางแสดงออกอย่างยินดีก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบผักเข้าปากเคี้ยวตุ๊บ ๆ ต่อ เรื่องต่อจากนี้ย่อมราบรื่น เสด็จพ่อย่อมไม่ขัดขวาง แม้ว่าจะห่วงใยนางมากก็ตาม...จากนี้ก็เหลือเพียงเปลี่ยนแปลงเรื่องของฟู่ฮูหยินและบุตรในครรภ์

หากช่วยเหลือให้รอดได้ทั้งมารดาและบุตรก็คงจะดี...

และหากช่วยเหลือท่านลุงฟู่ได้ด้วยก็ยิ่งดี...

Related chapters

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่7 ให้หนิงเอ๋อร์ไปนะ

    “เสด็จพ่อ!!!” น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใสร้องเรียกบุรุษผู้สูงศักดิ์เหนือผู้ใดในทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้องทรงพระอักษร ก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งอย่างไม่รักษากิริยาเข้าไปเกาะแขนพระบิดาฮ่องเต้ไท่เสียนมิได้ขุ่นเคืองกับท่าทีของพระธิดาองค์โตแม้แต่น้อย กลับกันพระองค์กลับชื่นชอบท่าทีสดใสราวกับดวงตะวันที่เจิดจรัสเช่นนี้ของบุตรสาวมากกว่าท่าทีอ่อนช้อยเป็นไหน ๆ “นึกอย่างไรมาหาพ่อถึงที่นี่เจ้าก้อนแป้ง”“หนิงเอ๋อร์คิดถึงเสด็จพ่อเพคะ” ผู้อุตส่าห์ดั้นด้นมาถึงห้องทรงพระอักษรทั้งที่ไม่ได้มีรับสั่งเรียกหาเอ่ยอย่างออดอ้อนก่อนจะถูกอุ้มไปวางบนตักและหอมแก้วเสียฟอดใหญ่“พ่อรู้เจ้ามิได้คิดถึงพ่อเพียงเท่านั้น แต่พ่อก็ยินดีที่เจ้าคิดถึง” “เสด็จอาทรงฟ้องเสด็จพ่ออีกแล้วหรือเพคะ”“เขาไม่ได้ฟ้อง เพียงเกริ่นให้พ่อฟังเท่านั้น” บุรุษสูงศักดิ์กล่าวแย้งให้พระอนุชาที่พระองค์มีรับสั่งให้เข้าเฝ้าก่อนหน้าที่บุตรสาวจะเข้ามา พระอนุชาองค์นี้ย่อมช่วยเหลือพูดให้องค์หญิงน้อยบ้างแล้วพระองค์จึงพอทราบเรื่องราวอยู่บ้าง“ก้อนแป้งของพ่อไม่อยากไปงานเลี้ยงเช่นนั้นหรือ”“หนิงเอ๋อร์ไม่ชอบงานเลี้ยงเพคะ ไปอารามซุยหลิงกับเสด็จย่าไท่เฟยได้บุ

    Last Updated : 2024-11-29
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่8 ย้าย

    “เสด็จพี่หญิงมาเล่นกับเสี่ยวหลงหรือพะย่ะค่ะ” เจ้าตัวน้อยร้องถามทันทีทั้งยังไม่ยอมปล่อยเชษฐาภคินีที่เสด็จแม่พร่ำบอกเสมอว่าให้รักและเชื่อฟังให้มากองค์หญิงน้อยอมยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบในทันที “ใช่แล้ว พี่มาเล่นกับเสี่ยวหลง”“ท่านลุงฟู่ก็มาเล่นกับเสี่ยงหลงด้วยหรือขอรับ”ในบรรดาโอรสธิดาของฮ่องเต้ไท่เสียนมีเพียงองค์หญิงใหญ่ องค์ชายรอง และองค์ชายสามเท่านั้นที่คุ้นเคยกับฟู่เสวียนจนเรียกขานว่าท่านลุงฟู่ ฟู่เสวียนที่ติดตามฮ่องเต้ไท่เสียนแวะเวียนมาหาโอรสธิดาอยู่บ่อยครั้งไม่เพียงกับโอรสมังกรแต่ยังเต็มไปด้วยความเอ็นดูและรักดุจบุตรของตน ทว่าหลัง ๆ ราชกิจฮ่องเต้รัดตัว ซ้ำวังหลังไม่มีเซี่ยฮองเฮาคอยเป็นผู้แบ่งเบาให้ฮ่องเต้ผ่อนคลายแล้ว จึงไม่บ่อยนักที่ฟู่เสวียนจะได้พบกับองค์หญิงองค์ชาย โอรสธิดาองค์อื่นต่างก็ยังไม่รู้ความจึงมีเพียงแค่สามพระองค์นี้เท่านั้นที่ยังเรียกขานเขาว่าท่านลุงฟู่ทว่าต่อให้เสียงเรียก

    Last Updated : 2024-11-30
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่9 จะปกป้อง

    หรงกุ้ยเฟยจ้องลึกเข้าไปในดวงตามุ่งมั่นของหลานสาวก่อนจะถอนใจ สองปีก่อนหลังจากที่น้องสาวของนางจากไปในวังมีสนมชายาช่วงชิงความโปรดปรานกันนับไม่ถ้วน ผู้มีบุตรก็ใช้บุตรเป็นสะพาน ผู้ใดไม่มีก็ทำทุกทางเพื่อจะได้ตั้งครรภ์มังกร ทว่านางไม่เคยสนใจสิ่งเหล่านั้น ตำแหน่งฮองเฮาด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องการฮองเฮาผู้เดียวในใจฮ่องเต้ไท่เสียนมีเพียงเซี่ยฮองเฮาเท่านั้น จะแย่งชิงกันไปก็เท่านั้น สองปีมานี้องค์หญิงใหญ่อยู่ในตำหนักอันหนิงได้รับความดูแลจากฮ่องเต้โดยตรงก็เพราะไม่ต้องการให้องค์หญิงถูกผู้ใดใช้เป็นเครื่องมือปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮา และตัวองค์หญิงเองก็ไม่ยินยอมให้ผู้ใดขึ้นมาแทนที่มารดา แม้แต่นางที่เป็นป้า แล้ววันนี้...“เด็กน้อยเช่นเจ้า เหตุใดจึงกล่าวเรื่องเช่นนี้”“เสด็จป้าหนิงเอ๋อร์รู้ความกว่าที่ท่านคิด มีแค่ท่านเป็นฮองเฮา พวกเราถึงจะปลอดภัย โดยเฉพาะเสี่ยวเซวียนกับเสี่ยวหลง...ท่านเป็นฮองเฮาเถอะ”“เด็กน้อยเอ๋ย คลื่นลมในวังหลัง ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าหลี่ซูเฟยคือผู้ที่เสด็จพ่อของเจ้าโปรดปรานที่สุด นางงดงามเพียงนั้น ไหนเลยจะช่วงชิงความโปรดปรานมาได้ ไหนจะเจาอี๋จากนอกวังที่เข้ามาพร้อมกับบุตรสาวนั่นอีก ได้ยินว่านาง

    Last Updated : 2024-12-02
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่10 ไม่เปิดโอกาส

    ในตำหนักเซียนซือเต็มไปด้วยบรรยากาศชวนซึ้งทว่าที่ตำหนักใหญ่โอรสสวรรค์กลับเลิกคิ้วมององครักษ์คนสนิทที่มารายงานตามรับสั่งของพระธิดาด้วยความสงสัยแล้วก็เปลี่ยนเป็นความหวาดหวั่นใจ“เจ้าว่าเจ้าก้อนแป้งโกรธอะไรเจิ้นอีกหรือไม่”“น่าชังเช่นฝ่าบาททำให้องค์หญิงขุ่นเคืองย่อมไม่แปลก” องค์รักษ์ฟู่เสวียนเอ่ยอย่างไม่เกรงกลัวก่อนจะลอยหน้าลอยตาเมื่อนายเหนือหัวส่งสายตาดุมาให้ ฟู่เสวียนที่อยู่กับองค์หญิงองค์ชายและครอบครัวคือบุรุษอบอุ่น ฟู่เสวียนที่อยู่ต่อหน้าขุนนางคือองค์รักษ์ผู้สุขุมเลือดเย็น แต่ฟู่เสวียนที่อยู่ตามลำพังกับนายเหนือหัวคือ….สหายน่าตายคนผู้นี้มีหลายหน้ายิ่งนัก เรื่องนี้มีเพียงฮ่องเต้ไท่เสียนที่รู้ดีที่สุด ไอ้เจ้านี่หน้าหนาและปากจัดยิ่ง ทั้งยังไม่เกรงกลัวเขาอีกต่างหาก“เจ้านี่ช่าง…”“ฝ่าบาท ได้เวลาพลิกแผ่นป้ายแล้วพะย่ะค่ะ” ไม่ทันจะต่อว่าสหายผู้กล้าหาญกล่าวตรง ๆ ต่อหน้าฮ่องเต้ เหรินฉิน ขันทีคนสนิทก็ก้าวเข้ามาพร้อมกับถาดแผ่นป้าย...ได้เวลาต้องพลิกแผ่นป้ายแล้วแม้ว่าความจริงเหร

    Last Updated : 2024-12-02
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่11 องค์หญิงห้า

    เพลี่ยง!เสียงข้าวของที่แตกกระจายจากด้านในตำหนักไม่ได้ส่งผลให้เฉินซูเหมยในวัยเพียงหกขวบตัวสั่นระริก หรือมีอาการหวาดกลัวใด ๆ กลับกันนางกลับมีเพียงความไม่พอใจและกรุ่นโกรธไม่ต่างจากมารดาที่ขว้างปาสิ่งของผู้มีศักดิ์เป็นองค์หญิงลำดับที่สองของราชวงค์ และเป็นธิดาลำดับที่ห้าของฮ่องเต้ไม่สนใจมารดาที่ระบายโทสะด้วยการขว้างปาสิ่งของก่อนจะก้าวเข้าไปยังแท่นบรรทมด้วยท่าทีที่เงียบสงบเกินวัยถึงแม้ว่าร่างกายของนางจะเป็นเด็กหกขวบ แต่ผู้ใดเล่าจะรับรู้เท่านาง ว่าแท้จริงแล้วนางไม่ได้อายุเพียงหกขวบ...นางตายเพราะเฉินอี้หลง และได้หวนกลับมายังอดีตเฉินซูเหมยกำหมัดแน่น ในอดีตมารดานางกระทำต่ำช้าอาศัยโอกาสที่ฮ่องเต้ปลอมตัวออกไปเยี่ยมราษฏรวางยาปลุกกำหนัดในเหล้าจนทำให้มีนาง ทว่าเพราะเหตุการณ์หลายสิ่งหลายอย่างทำให้นางได้เติบโตนอกวังโดยที่เสด็จพ่อไม่รู้ถึงหกปีเต็ม การได้เข้ามาในวังที่เต็มไปด้วยความแก่งแย่งช่วงชิงใช่ว่าจะมีความสุข มารดานางได้ตำแหน่งแค่เพียงเจาอี๋ ไร้อำนาจซ้ำยังรังแกได้ง่าย นางจึงเกลียดทุกคนที่มีอำนาจ เฝ้าใฝ่ฝันจะเ

    Last Updated : 2024-12-02
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่12 ค้างคืน

    ตำหนักเซียนซือเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคยสำหรับฮ่องเต้ไท่เสียน แต่กับโอรสทั้งสองพระองค์ทรงคุ้นเคยไม่ต่างจากองค์หญิงใหญ่ แม้ว่าภายนอกผู้คนจะรับรู้ว่าฮ่องเต้ไม่ใคร่สนใจใยดีองค์ชายรองและองค์ชายสามเพราะผู้หนึ่งมารดาจากไปตอนคลอด อีกผู้หนึ่งมารดาไม่เป็นที่โปรนปราน และให้ความสนใจไปที่องค์ชายสี่ซึ่งประสูตรจากหลี่ซูเฟยมากกว่า แต่ความเป็นจริงแล้วพระองค์ทรงลอบพาองค์ชายทั้งสองเข้าไปหาที่ตำหนักใหญ่อยู่บ่อยครั้งโอรสที่ไม่มีมารดาปกป้อง หากโปรดปรานเกินหน้าเกินตาย่อมเป็นอันตราย พระองค์ไม่อาจดูแลได้ตลอดจึงต้องให้เฉินชิงเซวียนอยู่ในมุมมืดไม่โดดเด่นเกินผู้ใดเช่นนี้ ส่วนเฉินอี้หลง เพราะมารดาไม่ปรารถนาความโปรดปราน อำนาจย่อมไม่มี หากให้ความใส่ใจโอรสเป็นพิเศษ ก็ย่อมนำภัยมาให้องค์ชายทั้งสองจึงจำต้องกลายเป็นผู้ไม่ได้รับความโปรดปรานเสมอมา เฉินอันหนิงเข้าใจข้อนี้มาโดยตลอด และนางก็เข้าใจที่เสด็จพ่อไม่ได้ซ่อนนางเอาไว้ในมุมมืดเช่นน้อง ๆ แต่ให้ความโปรดปรานเหนือโอรสธิดาทั่วไป ใช่ว่าเสด็จพ่อต้องการให้นางเป็นหนังหน้าไฟ หากแต่นางเป็นสตรี ไม่มีผู้ใดคิดว่านางจะเป็นภัยต่อตำแหน่งรัชทายาทหรือตำแหน่งฮ่องเต้องค์ถัดไป ซ้ำนางยังมีสก

    Last Updated : 2024-12-03
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่13 ออกเดินทาง

    สองวันต่อมาในวังหลวงในเช้าวันนี้แม้จะครึกครื่นเพราะมีงานเลี้ยงต้อนรับคณะทูตในวังแต่ก็ไม่อาจจะทำให้บิดาและมารดาที่ต้องห่างจากบุตรรู้สึกสนุกได้แม้แต่น้อย ฮ่องเต้ไท่เสียนและหรงกุ้ยเฟยออกมาส่งองค์หญิงอันหนิงด้วยตนเองขณะที่องค์ชายรองและองค์ชายสามนั้นนอนร้องไห้อยู่ที่ตำหนักเพราะพี่สาวห้ามไม่ให้ติดตามไปด้วย“เสด็จพ่อ เสด็จแม่ รักษาตัวด้วยเพคะ หนิงเอ๋อร์จะรีบกลับมา”“ไปดีมาดีนะลูกพ่อ” ฮ่องเต้ไท่เสียนผู้ไม่เคยให้องค์หญิงใหญ่อยู่ไกลหูไกลตาตรัสทั้งที่ไม่อาจทำใจปล่อยบุตรสาวออกไปนอกวังได้ ทว่าสุดท้ายก็ยอมปล่อยและเฝ้ามองขบวนของอันไท่เฟยออกจากวังหลวงไปจนลับตาองค์หญิงใหญ่แหวกม่านมองกลับไปยังผู้สูงศักดิ์เบื้องหลังเนิ่นนานก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้มแย้มเมื่อคุณชายใหญ่สกุลฟู่ขึ้นมานั่งบนรถม้าพร้อมกับฟู่ฮูหยินที่อุ้มท้องอุ้ยอ้าย“พี่เหยียน ท่านป้าฟู่ค่อย ๆ นั่ง ระวังเจ้าก้อนแป้งด้วยเจ้าค่ะ” ไม่ว่าเปล่าองค์หญิงตัวน้อยยังยื่นมือมาประคองผู้ที่นางเรียกว่าท่านอาหญิงด้วยมือคู่เล็กให้นั่งลงข้าง ๆ“ขอบพระทัยเพคะองค์หญิง” สายตาที่มององค์หญิงตัวน้อยเต็มไปด้วยความเอ็นดู ใจก็ครุ่นคิดว่าหากลูกในครรภ์เป็นหญิงและน่าเ

    Last Updated : 2024-12-06
  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่14 จากลา

    “พี่เหยียน วันหน้าท่านต้องแต่งกับหนิงเอ๋อร์นะ หนิงเอ๋อร์จะรอท่าน”ถ้อยคำอันเอาแต่ใจหากแต่ไร้เดียงสาที่เอื้องเอ่ยมาจากปากของแม่นางน้อยในอาภรณ์หรูหราบ่งบอกฐานันดรศักดิ์ที่ไม่ธรรมดาทำให้ผู้ที่นางเรียกว่าฟู่จื่อเหยียนต้องชะงักฝีเท้าและปล่อยมือที่จับจูงนางอยู่พลางมองมาที่นางด้วยความตระหนกแต่แล้วก็หลุดหัวเราะอย่างขบขัน“มิพูดเล่นเช่นนี้สิพะย่ะค่ะองค์หญิง” คุณชายสกุลฟู่เอ่ยอย่างนอบน้อมพร้อมกับยิ้มอ่อนโยนส่งให้ดั่งเช่นปกติ อย่างไรเสียเขาก็คิดว่าเป็นการพูดเล่นมิได้จริงจังอันใดเพราะแม่นางน้อยตรงหน้าเป็นเพียงแค่เด็กน้อยห้าหนาวยังคงไร้เดียงสาเกินกว่าจะเข้าใจเรื่องการแต่งงาน ซ้ำยังเป็นถึงเชื้อพระวงค์หญิงพระองค์โตแห่งราชวงค์ต้าเฉิน คู่ครองในอนาคตของนางมิมีทางเป็นเพื่อนเล่นที่เป็นเพียงบุตรชายหัวหน้าหน่วยองค์รักษ์รักษาพระองค์อย่างเขาเป็นแน่...นางต้องเติบโตไปเป็นนางหงส์ต่างหากเล่า“วันหน้าองค์หญิงจะได้เป็นฮองเฮาของแคว้นที่ยิ่งใหญ่ อย่าทรงกล่าววาจาล้อเล่นเช่นนี้เลยพะย่ะค่ะ กระหม่อมจะอายุสั้นเอาได้”“หนิงเอ๋อร์มิได้ล้อเล่นนะพี่เหยียน หนิงเอ๋อร์จะแต่งให้ท่าน...หนิงเอ๋อร์พูดจริง ๆ นะ!”“พะย่ะค่ะ ๆ วันหน้า

    Last Updated : 2024-12-06

Latest chapter

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่45 หลี่อ๋อง

    “เจ้ายอมเรียกข้าว่าพี่แล้ว?” ผู้ถูกเรียกขานว่าพี่จิวทั้งที่ไม่ได้เป็นฝ่ายเอ่ยปากให้เรียกก่อนเอ่ยถาม สีหน้าแสดงออกชัดเจนถึงความเอ็นดูและยินดีที่อีกฝ่ายยินยอมเรียกเฉินอันหนิงที่ไม่มีพี่ชาย ใช่ว่าจะไร้เยื่อใยกับคนตรงหน้าไปเสียทุกเรื่อง นางเองก็อยากมีพี่ชายเช่นกัน ไม่มีเหตุอันใดต้องปฏิเสธ “พี่จิวหลิง ข้ายอมเป็นน้องสาวท่าน ทั้งยังจะมอบยอดฝีมือให้ท่านอีกสิบห้าคนเพื่อช่วยเหลืองานของท่าน วันหน้าเฉินและไห่ถือเป็นพันธมิตร”“เจ้าปูทางให้น้องชายผู้ใด หานอ๋อง?” อดีตซื่อจื่อสอบถามพลางเลิกคิ้ว ไม่ได้รู้สึกไม่ดีที่อีกฝ่ายยอมเป็นน้องสาวก็เพื่อเป็นพันธมิตรในอนาคต เพียงแต่เขาไม่รู้ว่านางปูทางให้น้องชายคนใด ข่าวว่าราชวงค์ต้าเฉินมีองค์ชายอยู่หลายองค์ หรือคนที่เขาเพิ่งกวนโทสะมาคือคนที่นางเลือกเป็นเช่นนั้นเขากลับไปขอโทษดีหรือไม่ อนาคตจะได้เป็นพันธมิตรอย่างราบรื่นทว่าองค์หญิงใหญ่แห่งแคว้นเฉินกลับส่ายหน้า “ไม่ เขาอยากเป็นแม่ทัพ มิใช่ฮ่องเต้”“แล้วผู้ใดจะได้เป็นฮ่องเต้?&

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่44 ช่างโง่งม

    การพูดคุยไม่อาจเนิ่นนานเมื่อเฉินอันหนิงก้าวเดินมาพร้อมกับเค่อซาน ใบหน้าขององค์หญิงผู้สูงศักดิ์ไร้อารมณ์จนน่าประหลาด เค่อซุนหันกลับมาสนใจนายของตนในทันที“เกิดอันใดขึ้นอาซาน?”“หานอ๋องกับท่านจิวหลิงน่ะสิพี่ซุน ผู้หนึ่งกวนโทสะอีกผู้หนึ่งก็หลงกลจนเกิดโทสะ ลับฝีปากกันอยู่ด้านโน่นแหน่ะ” เค่อซานบอกเล่าเท่านั้นก็เป็นอันเข้าใจ เท่าที่สัมผัสได้ไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าจิวหลิงเป็นคนชอบกวนโทสะผู้อื่น แม้แต่องค์หญิงเองก็ถูกก่อกวนตั้งแต่ครั้งแรกที่พบเจอและหากจะมีผู้ใดเข้าใจถ่องแท้ที่สุดย่อมต้องเป็นจิวหูที่รู้จักพี่ใหญ่ของตนดีที่สุดบุรุษหน้ากากพรั่งพรูลมหายใจเล็กน้อยก่อนจะก้าวเดิน ไม่ได้มีคำชักชวนหรือแม้แต่คำกล่าวใด ๆ ทว่าเฉินอันหนิงกลับก้าวเดินตามพร้อมกับส่งสัญญาณให้องครักษ์ทั้งสามเว้นระยะห่างออกไปสตรีสูงศักดิ์จับจ้องมองตามแผ่นหลังแข็งแกร่งที่คล้ายคุ้นเคยขณะที่ก้าวเดินตาม นัยน์ตาคู่หงส์เต็มไปด้วยความสงสัยที่ไม่รู้ว่าเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และต้องการจะหาคำตอบนั้นให้ได้ยิ่งมอง นางก็ยิ่งคิ

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่43 พี่ใหญ่

    “คุยเรียบร้อยแล้วหรือ” เป็นจิวหลิงที่เห็นนางเป็นผู้แรกเมื่อนางก้าวออกมา เฉินอันหนิงก้าวเข้าไปหาพวกเขาที่ยังคงยืนอยู่ด้วยกันมิได้แยกกันไปไหน แม้แต่เฉินซีหานและองครักษ์ของนางก็ยังอยู่“เรียบร้อยแล้ว”“จิวหลิง...อาจารย์ของท่านรู้เรื่องที่ผู้อื่นไม่อาจรู้หรือ?” แม้จะรู้ดีว่าเรื่องบางเรื่องก็ตอบยาก แต่สุดท้ายนางก็ยังสอบถามจิวหลิงออกไปตามที่ไต้ซือเหว่ยเสิ่นชี้ทาง “เขาหยั่งรู้ฟ้าดินเช่นนั้นหรือ?”“จะเรียกว่าหยั่งรู้ฟ้าดินก็คงได้ อาจารย์ของข้าเพียงแค่มองหน้าก็รู้ถึงอดีตและอนาคตของผู้คน” จิวหลิงตอบอย่างไม่ปิดบัง รู้ ที่หมายถึงรู้อดีตและอนาคตของผู้คนอื่นที่ไม่ใช่ผู้เกี่ยวข้องและมีวาสนาต่อกันดั่งเช่นพวกเขา อาจารย์รู้เรื่องราวของผู้คน แต่ไม่อาจบอกได้เกี่ยวกับอนาคตและอดีตของพวกเขาศิษย์พี่น้องรวมถึงบิดาและมารดาของท่านเอง แต่ก็ยังเรียกว่าหยั่งรู้กระมัง“เหตุใดจึงรู้”“จะว่าอย่างไรดี...สืบทอดมาจากทางสายเลือดน่ะ ข้าเองก็ไม่อาจอธิบายได้” เขาตอบเท่านั้นก่อนจะโบ้ยไปให้ศิษ

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่42 อารามซินหนี่

    อารามซินหนี่จากที่พักของทางการมายังอารามซินหนี่ไม่นับว่าไกล ใช้เวลาไม่นานก็มาถึง นัยน์ตาคู่หวานกวาดสายตามองไปเบื้องหน้าในทันทีที่ก้าวลงจากรถม้า ท่าทีของนางนับว่าสงบนิ่งทว่าภายในใจกลับมีความตื่นตระหนก ครุ่นคิดถึงความฝันที่นางเคยคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับฝันบอกเหตุขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ก่อนจะฝันเห็นน้องชายถูกชายสวมหน้ากากปริศนาทำร้ายนางฝันถึงสถานที่แห่งหนึ่ง เพราะที่แห่งนั้นคล้ายกับอารามซุยหลิงนางจึงทึกทักว่าตนฝันเห็นอารามซุยหลิงจึงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ทว่าในเวลาได้เห็นอารามซินหนี่แห่งนี้...นางไม่อาจไม่สนใจที่นี่คล้ายกับอารามซุยหลิงไม่มีผิด แทบจะเรียกได้ว่าฝาแฝดเลยด้วยซ้ำ เป็นไปได้อย่างไรกัน“ช่างคล้ายเสียจริง” เสียงพึมพำจากด้านหลังฉุดดึงให้เฉินอันหนิงตื่นจากภวังค์ความตกใจ นางหันกลับไปมองก่อนจะต้องขมวดคิ้ว เป็นเสียงจากบุรุษสวมหน้ากากที่ทอดสายตามองเบื้องหน้าด้วยดวงตามีประกายสั่นไหว หากดูไม่ผิดคล้ายว่าจะมีความเจ็บปวดในตาคู่นั้น“คล้ายอันใดหรือ” จิวหลิงที่ยืนอยู่ข้างกันส่งเสียงถาม คล้ายฉุดดึงสติของจิวหูให้กลับมา บุรุษหน้ากากส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะตอบปัด“ไม่มีอันใดพี่ใหญ่ ข้าเพียงพูดไปเช่นน

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่41 คนผู้นั้นกับคนผู้นี้

    เพราะรับปากว่าจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้ จิวหลิงจึงพยายามตีสนิทกับหานอ๋องขณะที่จิวหูนั้นหายหน้าหายตาไม่ได้เข้ามาข้องเกี่ยวใด ๆ ราวกับว่าต้องการหลบหน้าก็ไม่ปาน ใช่ว่าเฉินอันหนิงจะมองไม่เห็นท่าทีที่ผิดปกติของบุรุษสวมหน้ากาก ทว่านางก็ไม่ได้สอบถามใด ๆไม่อยากเจอก็ไม่ต้องเจอ นางมิได้สนใจคนเช่นนั้นอยู่แล้ว“พี่ใหญ่” หานอ๋องส่งเสียงเรียกพี่สาวที่หลายวันมานี้ดูอย่างไรก็ไม่ปกติ พี่สาวของเขามักจะมาเดินเล่นที่ลานหน้าห้องพักของบุรุษหน้ากากอยู่บ่อยครั้ง...ไม่รู้ว่าลานตรงนี้งดงามหรือต้องการรอพบผู้ใดกันแน่“มีเรื่องอันใดเสี่ยวหาน หรือจะไปปราบโจรแล้ว”“ข้าจะไปพรุ่งนี้ วันนี้จึงคิดจะพาท่านไปเดินเล่นในตลาดก่อน”“เดินเล่นในตลาดหรือ...เช่นนั้นเราไปไหว้พระด้วยดีหรือไม่ ข้าอยากไหว้พระ” นางถามออกไป ทว่าก็รู้แก่ใจดีว่าไม่มีน้องคนใดขัดใจนาง หานอ๋องก็เช่นกัน“เอาสิ ท่านอยากไปที่ใดข้าย่อมตามใจท่าน”“เด็กดีของข้า”&ld

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่40 เปิดเผย

    “อยากฟังนิทานหรือไม่ ข้ามีนิทานเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง” อยู่ ๆ จิวหลิงก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนต่างฝ่ายก็ต่างเงียบมาครู่ใหญ่ เขาไม่รอให้นางตอบก็รินสุราให้นางและเริ่มเล่านิทานที่ตนเตรียมเอาไว้“เด็กผู้ชายผู้หนึ่ง เติบโตมาในบ้านหลังใหญ่ ผู้เป็นพ่อคือว่าที่ประมุขคนต่อไป แต่ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะได้สืบทอดตำแหน่งก็ถูกผู้ละโมบไล่เข่นฆ่าเพื่อช่วงชิงตำแหน่ง เด็กชายได้แต่หอบความแค้นนั้นพาน้องชายหนีตาย เพื่อหวังว่าวันหน้าจะกลับมาแก้แค้นและทวงคืน”“ไม่รู้ปลายทาง ไม่รู้ว่าชีวิตจะไปถึงวันนั้นหรือไม่ แต่ก็สู้อย่างเต็มที่ เขาเดินทางไกลเพื่อมาขอเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาที่โด่งดัง ได้เป็นศิษย์ที่เก่งกาจผู้หนึ่งของสำนัก แต่สุดท้ายก็ไม่อาจล่วงรู้ว่าวันหน้าจะแก้แค้นและทวงคืนได้หรือไม่ แม้ว่ามีอาจารย์ที่ล่วงรู้ฟ้าดิน แต่ชะตาของเขาอาจารย์กลับไม่อาจบอกได้”“เสี่ยวหนิง การที่เจ้ามีฝันบอกเหตุมันดียิ่ง หากเปลี่ยนกันได้ ข้าก็อยากจะแลกเปลี่ยนกับเจ้า อยากจะรู้ล่วงหน้าเพื่อช่วยเหลือบิดามารดาเอาไว้”

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่39 ถึงเมืองซินอู๋

    เพราะได้รับการรักษาจากศิษย์จากสำนักเฟยผิง เพียงชั่วข้ามคืนพิษก็ถูกขจัดออกจนหมด บาดแผลตามร่างกายแม้ว่าจะไม่ได้สมานชั่วพริบตาแต่การเคลื่อนย้ายไปรักษาในเมืองก็ทำได้โดยไม่ติดปัญหาอะไรแล้ว ประจวบเหมาะกับเค่อซินเดินทางมาถึงเมื่อกลางดึก เฉินซีหานจึงทิ้งองครักษ์คนสนิทเอาไว้คอยดูแลจนกว่าสตรีผู้นั้นจะฟื้นและออกเดินทางในเช้าวันนั้นการเดินทางสู่เมืองซินอู๋เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เพราะเสียเวลาไปสามวัน การเดินทางจึงต้องรีบเร่งขึ้น ทำให้กองทหารของหานอ๋องถึงเมืองซินอู๋ตามกำหนดการเดิม แม้ว่าเพื่อให้เดินทางถึงตามกำหนดทุกคนจะต้องเร่งรีบจนไม่หยุดพักเมื่อใกล้ถึงเมืองซินอู๋ก็ตามหลายวันมานี้เฉินอันหนิงแทบไม่ได้คุยกับสองสหายที่เพิ่งได้รับรู้ว่าเป็นถึงศิษย์ของสำนักศึกษาอันโด่งดัง อันเนื่องมาจากเจ้าลูกเจี๊ยบคอยตามประกบนางไม่เปิดโอกาสให้พูดจากับสหายสักเท่าไหร่ เมื่อถึงเมืองซินอู๋และนำกำลังทหารเข้าพักที่จวนรับรองของที่ว่าการเมืองเป็นที่เรียบร้อย นางจึงอาศัยจังหวะที่เฉินซีหานหารือกับนายอำเภอและผู้ว่าการเมืองหลบออกมาหาจอมยุทธทั้งสอง“พวกท่

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่38 เบื้องหลังของจิวหู

    เวลาค่ำคืนไม่นับว่าเงียบสักเท่าไหร่ เชื้อพระวงค์ทั้งสองของต้าเฉินเข้าไปพักผ่อนกันแล้ว แม้แต่เหล่าองครักษ์และทหารก็หาที่นอนพักกันแทบจะทั้งหมด ทว่าสหายชาวยุทธขององค์หญิงกลับไม่ได้พักผ่อนดั่งคนอื่น ๆ ในตอนแรกบุรุษทั้งสองจะแยกย้ายกันไปพักทว่ากลับได้กลิ่นสมุนไพรจากกระโจมคนไข้เสียก่อน จิวหลิงจึงอดไม่ได้ที่จะขอตรวจอาการของคนไข้สตรีที่หานอ๋องช่วยเหลือเอาไว้ถูกพิษที่หมอหลวงที่ติดตามมาไม่สามารถปรุงยาถอนพิษได้ ทำได้เพียงรักษาให้บรรเทา สองชาวยุทธจึงอาสาต้มยาถอนพิษให้กับแม่นางผู้เคราะห์ร้ายว่ากันว่าสำนักศึกษาเฟยผิงเป็นสำนักศึกษาที่สอนสั่งทั้งวรยุทธ กำลังภายใน วิชาการปกครอง วิชาการทหาร วิชาแพทย์ และวิชาพิษ นับเป็นสำนักศึกษาที่สิบแคว้นต่างปรารถนาให้ลูกหลานได้เข้าเรียนที่นั่น เพียงแค่แนะนำตัวว่าตนเป็นศิษย์จากสำนักเฟยผิง แม้แต่ราชสำนักยังต้องไว้หน้า และพวกเขาทั้งสองก็เป็นศิษย์จากสำนักแห่งนั้นที่น้อยคนนักจะได้เข้าร่ำเรียนไม่ใช่เพียงแค่เฉินอันหนิงที่ปิดบังสถานะของตน บุรุษทั้งสองเองก็ไม่ได้เปิดเผยทั้งหมดเช่นกัน พวกเขาเป็นศิษย์

  • เฉินอันหนิง องค์หญิงผู้หวนคืน   บทที่37 พบเจอซีหาน

    เมื่อเค่อซานมาถึงก็เริ่มการเดินทางต่อ ออกจากตัวอำเภอไม่ใกล้ไม่ไกลก็ถึงจุดที่เฉินซีหานตั้งค่ายทหาร น้องชายผู้นั้นไม่รู้ตกใจที่เห็นนาง หรือตกใจที่นางนั่งอยู่บนม้าตัวเดียวกับบุรุษถึงได้อ้าปากค้างไป และไม่ทันที่เขาจะได้พูดอันใดนางก็ยื่นม้วนคำสั่งสีทองให้เขา“ข้าไม่ได้ตามเจ้ามานะ ข้าจะไปหาเสด็จอา” องค์หญิงอันหนิงเอ่ยคล้ายบอกเป็นนัย ๆ ว่านางไม่ได้ดื้อดึงตามเขามานะ นางมีสิ่งที่ต้องทำจึงได้มา และแค่บังเอิญเป็นเส้นทางเดียวกันเท่านั้น ม้วนสีทองที่นางไม่ได้เรียกว่าราชโองการแต่เป็นข้ออ้างถูกรับไปอ่านเป็นที่เรียบร้อย แล้วมีหรือเฉินซีหานจะไม่รู้ว่าสิ่งนี้เป็นเพียงข้ออ้างผู้ใดสามารถข่มขู่ทำให้ฮ่องเต้ออกราชโองการได้...ก็คือองค์หญิงใหญ่อย่างไรเล่า“มันคือข้ออ้าง ท่านให้เสด็จพ่อหาข้ออ้างให้ท่าน”“เจ้าจะรู้มากไปแล้วเสี่ยวหาน” ถูกน้องชายรู้ทันใช่ว่านางจะสลด นางเพียงบ่นให้ก่อนจะรับม้วนคำสั่งกลับมาเก็บเอาไว้ แม้จะเป็นเพียงข้ออ้าง แต่คนทั่วไปก็เห็นเป็นของศักดิ์สิทธิ์ จะวางทิ้งวางขว้างก

DMCA.com Protection Status