Share

เจ้าบ่าวหลุดจอง
เจ้าบ่าวหลุดจอง
ผู้แต่ง: เฌอเลียร์

Chapter 1 บทนำ

“มุกไม่แต่งค่ะ”

ท่ามกลางห้องรับแขกอันเย็นฉ่ำไปด้วยไอจากเครื่องปรับอากาศ ลูกสาวคนที่สองของบ้านอย่างพรสรวงแทบจะดิ้นร่า ๆ มือกำแน่น ตามองมารดาแบบจริงจัง ตอกย้ำเรื่องที่เจ้าตัวไม่ต้องการ

“ม๊าไปตกลงลับหลังได้ไง มุกไม่ยอมนะ”

พร้อมทำท่าผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้หลุยส์ มัญชุพรผู้พี่ต้องรีบดึงมือไว้

“แต่งงานกับหลานชายคุณยายบัวแก้วไม่ดีตรงไหนฮึ”

นางพิสมัยรินชาอุ่นลงถ้วย หนึ่งยื่นให้สามี สองให้ตัวเอง

“นายกระทิงคนนี้มีดีกว่านายเจมส์ลูกสส.นั่นอีก วันดีคืนดีไม่รู้พ่อเขาจะโดนไข้โป้งวันไหน หมดบารมีพ่อแล้วก็ไม่เหลืออะไร”

“ม๊าไม่เข้าใจอะไรเลย เจมส์เขากำลังทำบริษัทของตัวเอง ไม่พึ่งบารมีพ่อ”

เพราะเขาเป็นคนเช่นนี้อย่างไรเล่า พรสรวงจึงรัก เขาทำทำตัวเป็นโล้เป็นพายกว่าลูกนักการเมืองคนอื่น

“จะเชื่อได้ยังไง คนไม่เคยลำบาก คาบช้อนเงินช้อนท้องมาเกิด บริษัทนั่นไม่ใช่เปิดเพื่อผลาญเงินพ่อเขาเล่นรึ”

นางพิสมัยไม่ใช่พวกตื่นคนรวย หากมองการณ์ไกลกว่านั้น นางมองที่มาของความรวย มองต้นตระกูลซึ่งเหมือนดังรากลึก บ่งบอกการสั่งสอนอบรม อันจะเป็นพื้นฐานนิสัยของคน ลูกนักการเมืองที่เพิ่งรวย นางจึงไม่ชอบ

“ม๊า...”

ห้ามไม่ทันเสียแล้ว ร่างน้องสาวผุดลุกขึ้น

“อย่างน้อยมุกก็ควรมีสิทธิ์จะตัดสินใจสิว่าควรจะแต่งงานกับใคร”

สมาชิกครอบครัวที่นั่งในห้องรับแขกเหล่มองไปที่บิดา

“เตี่ย มุกไม่ยอมนะคะ”

พรสรวงอาศัยความเป็นลูกคนเล็กและเป็นคนโปรดออดอ้อนท่าน

“ลองคบหากันดูก่อนก็ได้ ถ้าไม่โอเคค่อยว่ากัน”

เสี่ยจิวพยายามช่วย แต่พอสบกับสายตาพิฆาตของภรรยา ก็ต้องรีบแกล้งจิบชาหลบ

“ความจริงนายกระทิงก็ไม่เลวนะ ดาร์ค ทอล แอนด์แฮนซัม เสียอย่างเดียวหนวดเครารุงรังไปหน่อย”

จิรัฎฐ์ผู้พี่ หยิบขนมเปี๊ยะเข้าปาก เขาเป็นหนุ่มอวบอ้วนที่รู้สึกว่ากระเพาะตนเองว่างเสมอ จนพรสรวงชอบล้อเขาเล่นว่าเป็น...เฮียเล้งซาลาเปา

“ถ้าแต่งแล้วมุกจะได้เป็นคุณนายไร่ดาวเรืองไง”

“มุกไม่อยากเป็นคุณนาย เฮียแต่งเองเลยไหมล่ะ บางทีไร่นั้นอาจเลี้ยงวัวพันธุ์ดี มีวัวโคขุนให้กินเป็นสเต๊ก”

ชายหนุ่มขำมากกว่ากับคำเหน็บแนมนั้น

“ยังไงก็ตาม ถึงไม่ได้แต่งกับเจมส์ มุกก็จะไม่แต่งกับนายกระทิงนั่นเด็ดขาด”

น้องสาวเดินลงส้นเท้าตึง ๆ ขึ้นบันได ...อันเป็นเรื่องที่ทุกคนในบ้านคาดไว้อยู่แล้ว พรสรวงน่ารักเวลาอารมณ์ดี ด้วยผิวขาวเนียน ผมดำขลับ ปากนิด จมูกหน่อยแบบลูกครึ่งไทยจีน เธอจึงเหมือนนางฟ้าของบ้าน แต่หาพิโรธขึ้นมาเมื่อไร ก็กลับเป็นคนเอาแต่ใจอย่างเหลือเชื่อ

“หมี่ไปดูมุกที”

นางพิสมัยเรียกลูกสาวอีกคน

“หาทางกล่อมให้มุกยอมแต่งงานด้วย”

“โธ่! น้าไหม อย่าไปบังคับมุกเลย เขาไม่อยากแต่งก็ปล่อยไป”

จิรัฎฐ์ไม่ได้เห็นใจพรสรวงด้วยใจจริง เพราะทั้งสองเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน คนที่เขาอยากจะช่วยคือมัญชุพร เธอเป็นเบี้ยล่างให้แม่กับน้องสาวเสมอ

“น้าพยายามหาคนที่ดี เหมาะสมกับมุกที่สุดนะเล้ง”

นางพิสมัยไม่อาจใช้คำว่าแม่กับจิรัฎฐ์ได้ เพราะเป็นเพียงแม่เลี้ยง มัญชุพรก็เป็นลูกติด มีแต่พรสรวงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นลูกสาวนางกับจิว

“อาหมี่ไปดูน้องหน่อยไป”

บิดาเลี้ยงก็พลอยเห็นด้วยกับมารดาบอกตั้งแต่แรก มัญชุพรจึงตามน้องขึ้นไปบนห้อง เคาะจังหวะหนึ่งสอง...หนึ่ง...สองสาม เป็นอันรู้กันระหว่างน้องกับพี่สาว มัญชุพรเปิดเข้าไปก็เห็นเจ้าของห้องนั่งกดมือถืออยู่บนเตียง สักพักก็โยนลงไว้ทั้งอย่างนั้น ตัวล้มลงนอน

“เราไปหาทำบุญกันไหมพี่หมี่ มุกรู้สึกว่าพักนี้ตัวเองดวงตก”

เธอนั่งบนเตียงข้างน้อง หยิบมือถือที่ยังแสดงเมนูสุดท้ายที่เจ้าของเครื่องใช้ คือเบอร์โทรออกในชื่อของเจมส์ แต่ไม่มีคนรับสาย

“งานก็แย่ โปรเจ็คโดนรีเจ็คให้แก้ยับ ม๊ายังมาหาเหาใส่หัวให้อีก”

พรสรวงหลับตา ปากยังบ่น

“มุกอยากมีชีวิตเรียบ ๆ เงียบ ๆ เหมือนพี่หมี่จัง”

มัญชุพรเอื้อมมือไปลูบศีรษะน้องพลางอมยิ้ม หากเลือกได้ เธอก็อยากมีชีวิตอิสระเฉกเช่นน้องสาวเหมือนกัน หลังเรียนมหาวิทยาลัยเปิดจบมัญชุพรมีชีวิตอยู่แค่บ้านแล้วก็ร้าน หน้าที่คือทำบัญชีกับช่วยขายของนิด ๆ หน่อย ๆ เคยขอมารดาเหมือนกันว่าอยากไปทำงานข้างนอก แต่กลับได้รับคำตอบ

“จะไปเป็นลูกจ้างเขาทำไม กิจการเราก็มี ถ้าเบื่อก็มาดูแลแม่ ดูแลเตี่ย”

เธอรู้ว่าแม่รักและเสี่ยจิวก็เอ็นดู แต่มัญชุพรอยากมีอิสระเล็ก ๆ บ้าง ออกไปเห็นโลกกว้างที่มากกว่าอาณาเขตที่แม่จะมาบงการ แต่ดูเหมือนวันนั้นจะไม่มาถึงเสียที

“ชีวิตทุกคนก็ต่างมีปัญหาทั้งนั้นแหละ”

“พูดเหมือนแม่ชีปลงโลกแล้ว”

คนนอนปล่อยเสียงฮึก่อนเอ่ย

“เรียกว่ามองโลกตามความเป็นจริงมากกว่า”

ชีวิตไม่อิสระ ใช่ว่าจะไม่มีความสุข มัญชุพรจึงเลือกคิดในแง่ดี หาอะไรทำที่เป็นประโยชน์ ให้พ้นเสียจากความฟุ้งซ่าน

“ยังไงมุกก็ไม่แต่งกับนายกระทิงเด็ดขาด”

คนชื่อน่ากลัว ทำงานอาบเหงื่อไคลกลางไร่ พรสรวงไม่ใช่ดูถูกคน แต่เธอไม่ชอบแบบนี้ ชอบคนแต่งตัวดี สวมเชิ้ตสีขาวสะอาด ๆ หรือสวมเสื้อยืดกางเกงยีนแบบไม่มอซอ

“เราเคยเห็นเขาแล้วเหรอ นายกระทิงคนนี้”

“แล้วพี่หมี่ล่ะ เคยเจอเขาไหม”

น้องสาวพลิกตัวเป็นนอนหงาย หรี่ตามองอีกฝ่าย

“เขาทำไร่ ต้องเคยมาซื้อของที่ร้านเราสิ”

บ้านเสี่ยจิวเป็นร้านขายเครื่องมือการเกษตรและเมล็ดพันธุ์พืชใหญ่ที่สุดในอำเภอ คนทำไร่ล้วนมาหาเครื่องมือทำมาหากินที่นี่ทั้งนั้น

“ก็...เคยเห็นอยู่นะ”

แบบแว็บ...แว็บ เขาตัวสูงอย่างที่จิรัฎฐ์ว่า ดาร์คไหม ก็น่าจะ เคยเห็นผิวเขาที่โผล่พ้นแขนเสื้อที่เจ้าตัวพบไว้ เป็นสีแทน ส่วนแฮนด์ซัม มัญชุพรไม่รู้ เพราะเขาไว้หนวด เคยเผลอสบตากันครั้งหนึ่ง จำได้ว่าดูดุน่าดู

“เขาเป็นเหมือนเฮียเล้งบอกไหม”

“ก็มีส่วน แต่การที่จะรู้ว่าใครเป็นคนยังไง เราควรต้องไปเจอตัวจริงของเขาเอง”

“โธ่...พี่หมี่ ให้ข้อมูลที่ไม่เป็นประโยชน์เลย”

น้องปากยู่

“มุกจะเอาข้อมูลไปทำอะไร”

“ก็ในเมื่อเขาอยากแต่งงานก็แสดงว่ากำลังหาเมียอยู่นะสิ มุกเก๊าะ...จะหาคนที่แมชท์กับเขา”

คนเศร้าอยู่ไม่นานเริ่มวางแผน

“ตัวเองพูดอยู่ไม่ใช่เหรอ ว่าไม่อยากโดนบังคับ แล้วนี่จะยังไม่จับคู่ให้เขาอีก”

“มุกแค่ให้สิ่งที่เขาต้องการเอง แบบที่ได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย”

“เธอนี่ชักสมเป็นว่าที่สะใภ้นักการเมืองขึ้นมาทุกที”

พรสรวงยิ้มจนเห็นเขี้ยวเสน่ห์

“เขาต้องมีสเปคบ้างแหละน่า นายกระทิงคนนี้”

สมองเจ้าโปรเจ็คกำลังทำงานเต็มที่ หาทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง

“บางทีเขาอาจจะเป็นเหมือนมุก ที่ไม่ชอบการจับแต่งงานแบบคลุมถุงชนแบบนี้ น่าจะคุยกันได้” มัญชุพรถึงกับพยักหน้าตาม สมองคิดว่าหากเป็นน้องสาว บางทีอาจจะโน้มน้าวให้อีกฝ่ายปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้

“พี่หมี่ต้องคอยช่วยมุกนะ”

น้องลุกขึ้นจับแขน ส่งสายตาอ้อนปิ๊ง ๆ อันเป็นกิริยาประจำที่เจ้าตัวอยากได้อะไรจากใครก็มักใช้ไม้นี้

“จะช่วยเท่าที่ทำได้นะ”

เธอกลอกตาแบบขัดลำบากเสียเหลือเกิน

“มุกจะหาทางทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ได้แต่งงานกับนายกระทิงนั่น”

พรสรวงส่งกำหมัด สูดลมหายใจอย่างมุ่งมั่น โดยไม่รู้เลยว่าอีกฟากหนึ่งในไร่ดาวเรือง ชายหนุ่มอีกคนก็คิดจะเลี่ยงการแต่งงานครั้งนี้เหมือนกัน

“ยายก็แก่แล้ว คงจะอยู่ได้ไม่นาน”

พงศพัศหน้าบึ้งจัด ด้วยเพิ่งกลับมาจากทำงานในไร่เหนื่อย ๆ ยังต้องมานั่งฟังเรื่องกวนใจ

“อยากเห็นทิงเป็นฝั่งเป็นฝา”

มีไม่กี่คนในโลกที่กล้าเรียกชื่อเล่นเขาสั้น ๆ แบบนี้

“ลูกสาวคนเล็กของพิสมัยกับเสี่ยจิวเป็นคนน่ารัก เรียนจบตั้งปริญญาโทการตลาด เพียบพร้อมขนาดนี้ ต้องอยู่กับทิงได้ ช่วยกับบริหารไร่ดาวเรืองให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป”

ยายบัวแก้วนอนพิงหมอนขิดบนตั่ง พูดเหมือนเพ้อ มีสุนีย์คนสนิทคอยพัดวี

“ยายอยากเห็นทิงมีครอบครัวก่อนตาย”

มีการไอประกอบ พงศพัศจำได้ว่าเมื่อวานท่านยังนั่งเล่นไพ่กับพวกแม่ครัวอยู่เลย

“ไม่แต่งนะครับ ถ้าอยากได้เมีย ผมจะหาเอง” เสียงห้าวกับตาดุ ๆ อาจทำให้คนเกรงกลัว แต่มิใช่กับสองหญิงที่เลี้ยงเจ้าตัวมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก

“แล้วไหนละคะ คนที่คุณกระทิงอยากเอาเป็นเมีย”

สุนีย์ลูกคู่ยายบัวแก้วเริ่มทำงาน

“อย่าบอกนะคะว่าจะเอาอีตัวมาเป็นเมีย แม่มน ๆ อะไรนั่นหรือเปล่า ได้ข่าวว่าเข้าเมืองทีไรก็ไปกินกันทุกที”

สาววัยห้าสิบกว่าค้อน ชายหนุ่มกอดอก นึกอยากเตะคนที่เอาเรื่องส่วนตัวเขามาเม้าท์

“ผมก็เลือกน่า สะใภ้ยายต้องเป็นคนดีที่สุด คือตอนนี้ยังหาไม่เจอก็เท่านั้นเอง”

เจ้านายกับลูกน้องสบตากัน...ผิดจากที่คิดไว้เสียที่ไหน คาดว่าเขาต้องปฏิเสธแน่ ต้องดำเนินการแผนต่อไป

“ลองไปพบหนูมุกหน่อยเถอะค่ะ ผู้ใหญ่คุยกันไว้แล้ว อย่าให้เสียหน้าเลย”

สุนีย์เปลี่ยนมาใช้น้ำเสียงอ่อนลง ชายหนุ่มเม้มปากอึดอัด

“ยายไปรับปาก จัดการกันเอง ทำไมมาลำบากที่ผมล่ะ งานในไร่ยิ่งยุ่งอยู่”

“เพราะงานในไร่ยุ่งอย่างนี้ไงคะ คุณกระทิงถึงต้องรีบมีเมียมาช่วยจัดการ”

ลูกคู่ได้ทีรีบเสริม แล้วก็ได้รับสายตาคมดุ จ้องตอบกลับมาแทน

“ยายแค่หวังดีกับหลาน”

คนป่วยไม่จริงแกล้งทำเสียงเครือ

“อยากให้ทิงได้ชีวิตที่ดีที่สุด วิญญาณทองโปรยกับดาวเรือง เวลามองจากฟ้าจะได้เป็นสุข”

ยายบัวแก้วตาลอยมองเพดานประกอบอาการ ไม่ให้เสียชื่อคอละครหลังข่าว บทเศร้าแบบนี้ท่านทำได้สบาย

“พ่อกับแม่ผมตายเป็นยี่สิบปีแล้วครับยาย ป่านนี้ไปเกิดแล้วมั้ง”

“คุณกระทิงอย่าขัดผู้ใหญ่สิคะ ท่านอาจสะเทือนใจ”

มีเสียงสะอื้นฮักจากผู้เป็นยาย

“...เห็นไหม บาปนะคะทำคนแก่ร้องไห้”

สุนีย์เอ็ดเขา เหมือนยังเป็นเด็กชายอายุสิบขวบ

“ยังไงก็ตาม ผมไม่แต่งงานนะครับ บอกไว้เลย มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม ผมไปพักแล้ว เหนื่อยมาทั้งวัน”

ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นจากห้องนั่งเล่น เดินอาด ๆ ขึ้นบันไดไป

“ไม่ได้ผล คุณกระทิงนี่ดื้อจริง ๆ ค่ะคุณยาย”

คนในห้องนั่งเล่นรอจนกว่าเสียงฝีเท้าหนัก ๆ จะหายไป แล้วค่อยคลายอาการ กลับมาเป็นปรกติ

“ก็ดื้อสมกับชื่อมันนั่นแหละหลานคนนี้”

ยายบัวแก้วลุกขึ้นเหยียดแข้งเหยียดขาหลังจากนอนเมื่อยแกล้งป่วยอยู่เป็นนานสองนาน

“ฝั่งโน้นคงเป็นเหมือนกัน”

ผู้อาวุโสแห่งไร่ดาวเรืองหมายถึงบ้านนางพิสมัย

“ยังเหลืออีกแผนค่ะ กลเม็ดเด็ดพรายก้นไห”

บ่าวคนสนิทจีบปากจีบคอ

“รับรองแผนนี้เด็ด แต่เสี่ยงให้ใจหวิว”

“ว่ามาสิ”

สุนีย์เล่าให้นายฟังพร้อมอาการตาโต เอามือทาบอก

“ฉันต้องเสี่ยงถึงขนาดนี้เชียวเหรอเนี่ย”

“อยากได้สะใภ้ก็ต้องเทหมดหน้าตักค่ะ”

ยายบัวแก้วรู้สึกจะเป็นลมขึ้นมาทันที ภาวนาให้ลูกสาวและลูกเขยที่ตายไป ดลบันดาลให้แผนนี้สำเร็จไปด้วยดีเถิด

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status