“ทิงนี่ไม่ได้เชื้อพ่อเชื้อตามาเลยนะ”
ยายบัวแก้วทำเสียงเวทนาหลาน
“ตากับพ่อของทิงน่ะ มีเสน่ห์จนทำให้ยายกับแม่หนีตามมาอยู่ด้วยกัน”
เรื่องเล่าประจำตระกูลคือขณะนั้นตาเป็นทหารยศน้อย มาหลงรักลูกสาวคหบดี ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่หาคนที่เหมาะสมให้แล้ว แต่ยายบัวแก้วยังหนีตามมาลำบากอยู่กับตา สร้างครอบครัวน้อย ๆ ด้วยความรัก
“ทิงกลัวตัวเองจะทำให้หนูมุกรักจนยอมคืนเงินสิบล้านให้ไม่ได้ใช่ไหม”
ยายบัวแก้วเลี้ยงหลานมา รู้ดีถึงนิสัยฆ่าได้หยามไม่ได้ของเขา
“ผมจะเอาเงินคืนมาทั้งหมดยี่สิบล้าน”
คนตัวโตที่เท้าสะเอวอยู่ประกาศก้อง
“งั้นแสดงว่ายอมแต่งงานกับหนูมุกแล้วใช่ไหม”
หน้าบึ้งและตาวาว ๆ นั้นเป็นคำตอบว่าเจ้าตัวไร้ซึ่งความเต็มใจ
“สุนีย์เดี๋ยวโทรหามัคนายกอนุพงษ์นะ นัดวันไปเจอพระอาจารย์หน่อย เอาสักวันศุกร์ ฉันจะไปขอฤกษ์แต่งกับท่าน”
“เอาฤกษ์หมั้นด้วยไหมคะ แบบหมั้นเช้าแต่งเย็น เร็วดี”
คนสนิทเจ้าปัญญาแนะ
“ดีเหมือนกัน เอาตามนั้น”
พงศพัศกลับไปนั่งซดชาอย่างทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เอาว่ะ! อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้หน้าตา การศึกษาก็ยังพอทนได้ ที่เหลือก็แค่หว่านเสน่ห์นิดหน่อย ถ้าเธอไม่หลงก็ขู่เอาเลยละกัน ให้เลือกเอาระหว่างชีวิตกับเงิน ผู้หญิงแบบนี้เลือกชีวิตกันทั้งนั้นแหละ
เหตุการณ์เดิม ๆ วนมาซ้ำ พรสรวงติดต่อเจมส์ไม่ได้ นอนนิ่งอยู่บนเตียง มัญชุพรเดินมานั่ง ณ จุดเดิม
“ทำไม ม๊าถึงไม่ชอบเจมส์ ปรกติก็ชอบคนรวยไม่ใช่เหรอ”
“แม่แค่ห่วงมุกเท่านั้นเอง”
นางพิสมัยห่วงพรสรวงคนละแบบกับเธอ น้องสาวเกิดมาท่ามกลางความร่ำรวยของมารดาและเสี่ยจิว พรสรวงจึงเป็นที่รัก ที่คาดหวังของทุกคน ต่างกับเธอ ต่างกับเฮียเล้ง
มัญชุพรไม่ได้ถูกตั้งความหวัง หน้าที่เธอคือรักษาระดับไม่ให้ตกมาตรฐาน เรียนให้ผ่าน ทำงานให้ได้ ยังดีที่เรียนด้วยตัวเองจบได้วุฒิปริญญาตรีในมหาวิทยาลัยเปิด แต่กระนั้นชีวิตเธอยังอยู่ใต้การบงการของนางพิสมัย บางทีเธออาจต้องอยู่ดูแลท่านไปจนตาย เป็นสาวแก่ขึ้นคาน
“ม๊าไม่ดูหน้านายกระทิงเลย ตางี้แดงก่ำ พร้อมขวิด มุกอยู่กับคนแบบนี้ได้ไม่ถึงห้านาทีหรอก ดูก็รู้ว่าเป็นผู้ชายบ้าอำนาจ ชอบสั่ง”
การมองคนเป็นอย่างหนึ่งที่พรสรวงมั่นใจว่าไม่พลาด เธอทำงานฝ่ายขายต้องดูแลโปรเจ็ค การดูออกว่าลูกค้าเป็นคนยังไงนั้นเป็นเรื่องจำเป็น ไม่เช่นนั้นงานเธอไม่ก้าวหน้าถึงขนาดนี้หรอก
“ม๊าก็เหลือเกินจริง ๆ ไปเอาเงินเขามาทำไม”
“ท่านคงอยากช่วยเตี่ย เอามาจ่ายธนาคาร จะได้ขยายร้านเพิ่ม”
มัญชุพรสำนึกบุญคุณเสี่ยจิวอยู่เสมอ หากไม่ได้บิดาเลี้ยงคนนี้ แม่กับเธออาจต้องมีชีวิตที่ลำบาก ไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปาก
“พูดแบบนี้ ถ้ามุกปฏิเสธไม่แต่งงานก็เหมือนลูกอกตัญญูเลยสิ”
คำถามที่ไม่มีคำตอบ เพราะต่างคนต่างอึดอัด ห้องตกอยู่ในความเงียบงัน กระทั่งพรสรวงเองที่เป็นเอ่ยขึ้น
“มุกรักเจมส์จริง ๆ นะ พี่หมี่ ไม่ได้รักเพราะพ่อเขารวยหรือมีอิทธิพล มุกรักที่เขาเป็นตัวเขาจริง ๆ” น้องเงยหน้าพร้อมน้ำตาคลอ
“มุกไม่อยากแต่งงานกับใครนอกจากเจมส์ พี่หมี่ต้องช่วยมุกนะ”
“พี่จะช่วยเท่าที่ทำได้นะ”
มัญชุพรสงสาร นี่ก็น้อง นั่นก็แม่ โน่นก็เสี่ยจิวที่เคารพรักราวพ่อจริง ๆ ทุกอย่างประดังประเดเข้ามา หรือว่าเธอกับน้องควรไปทำบุญต่อชะตาครอบครัวดีนะ
“ลูกพี่ ได้ข่าวว่าจะเอาเมียแน่แล้วเหรอ”
การันต์โผล่หน้ายิ้มมาจากประตูห้องทำงาน ความจริงงานวันนี้เสร็จแล้ว แต่เขาแกล้งทำตัวยุ่ง ๆ ยังไม่อยากเจอยาย ชายหนุ่มเคืองไม่หาย
“ข่าวจากใครล่ะ ยายสุนีย์เหรอ”
ลูกน้องไม่ตอบ แต่มานั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงาน
“ลูกสาวคนเล็กเสี่ยจิวนั่นใช่ไหม ที่ชื่อมุก”
“เออ...คนนั้นแหละมั้ง”
แต่ใจเขากลับคิดถึงใบหน้ารูปหัวใจเหลืองลออ เธอคนนั้นก็เป็นลูกสาวเสี่ยจิว แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับการใส่ใจนัก
“สวยมากนะคนนี้ ผมเคยเห็น แต่ข่าวว่ามีแฟนอยู่แล้วนี่”
“กูไม่รู้ ยายให้แต่งก็ต้องแต่ง”
พงศพัศบอกปัด ๆ ไปเช่นนั้น ไม่อยากให้ใครรู้เรื่องเงินยี่สิบล้านมากกว่านี้ ทั้งเจ็บใจและไม่อยากให้ยายตนเองถูกมองว่าโง่นัก
“งั้นน้องมนต้องเสียใจแน่เลย ขาดขาประจำอย่างลูกพี่ไป”
การันต์รำพึงถึงสาวในซ่อง ที่ผูกขาดขาดบริการพงศพัศทุกครั้งที่เข้าไป
“ถึงไม่มีกูเขาก็มีแขกคนอื่นอีก”
เขาไม่ใช่ฤษี อายุปาไปสามสิบแล้ว หากยังไม่มีเมีย ย่อมต้องหาที่ปลดปล่อยอารมณ์ มนพรนี่เขาผูกขาดนานหน่อย เพราะเธอลีลาดี แถมไม่เซ้าซี้ ไม่ออดอ้อนจนน่ารำคาญ
“ก่อนแต่งงานจะไปสั่งลาสักหน่อยไหม พวกไอ้ต้น ไอ้สิทธิ์มันบ่นหงี่ ๆ อยู่”
คนสนิทส่งสายวิบวับอันเป็นที่รู้กันตามประสาหนุ่ม ๆ
“ไถไร่ให้เสร็จก่อนค่อยไป กูจะให้ลาพักร้อนวันหนึ่งเลย”
“พวกผมรักลูกพี่ก็ตรงนี้แหละ ใจป้ำ”
การันต์ประจบ เขารู้ทันแต่ขี้เกียจจะว่าอะไร ด้วยรู้ไส้รู้พุงกันเป็นขด ๆ ป่านนี้ข่าวเรื่องจะแต่งเมียของเขาคงดังไปทั่วไร่
เมียที่ต้องแลกมาด้วยเงินยี่สิบล้าน พงศพัศสัญญาอย่างมุ่งมั่นกับตัวเอง เขาจะเอากลับคืนมาให้หมดทุกบาททุกสตางค์!
พรสรวงประท้วงการถูกบังคับแต่งงานด้วยการหลบหน้าคนในครอบครัว เธอตื่นเช้าไปทำงานโดยไม่มาร่วมโต๊ะอาหาร กลับบ้านค่ำ หอบงานขึ้นห้องนอนมาทำ
“ยัยมุกรู้ไหมเนี่ยว่าตัวเองกำลังทำอะไร งอนอย่างกับเด็กห้าขวบ”
จิรัฎฐ์ที่แม้จะกินข้าวเย็นไปแล้ว แต่ก็ยังกินขนมปังทาแยม กล่าวกับมัญชุพร ขณะเธออุ่นน้ำเต้าหู้ในครัวเพื่อเตรียมไปให้น้อง
“หมี่เข้าใจมุกนะ เป็นเฮียจะยอมไหมล่ะ จู่ ๆ วันหนึ่งพ่อแม่บังคับให้แต่งงานกับใครไม่รู้”
หญิงสาวหยิบถุงขนมมาปิดปากเสีย เพราะเห็นเขากินมากเกินไปแล้ว กลัวเสียสุขภาพ
“เฮียจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นกับตัวเอง”
ตายาวรีของหนุ่มเชื้อจีนเป็นประกายแวบขึ้น
“ตอนนี้เฮียก็พูดแบบนี้ได้ แต่เวลาเรื่องมันจะเกิดก็ต้องเกิด”
เธอเอาแก้วน้ำเต้าหู้ออกจากไมโครเวฟใส่ถาดยกขึ้นไปให้น้อง โดยมีสายตาจิรัฎฐ์มองตามด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง
แม้พรสรวงจะพยายามหลบหน้าแค่ไหน ก็ไม่อาจรอดพ้นจากการตามของนางพิสมัย
“พรุ่งนี้เว็ดดิ้งแพลนเนอร์จะมาคุยเรื่องงานที่บ้าน”
มารดามาตามถึงในห้อง มีพี่สาวยืนขยิบตาให้ยอม ๆ ไปก่อนอยู่ด้านหลัง
“มุกไม่ว่างค่ะ ติดงาน”
พรสรวงบอกทั้ง ๆ ตายังจ้องมองโน้ตบุค
“พรุ่งนี้วันเสาร์นะ”
“โปรเจ็กมุกเร่งค่ะ”
มัญชุพรกลอกตากับสงครามประสาทระหว่างแม่และน้อง
“งานน่ะไม่ต้องสนใจ แต่งงานแล้วเดี๋ยวก็ลาออกจากงานอยู่ดี”
พรสรวงเงยหน้ามองมารดา คิ้วเรียวเป็นระเบียบขมวด
“มุกจะไม่ลาออกจากงานเด็ดขาดค่ะ จะไม่ยอมอยู่บ้านให้ผัวเลี้ยง มุกอยากยืนด้วยขาของตัวเอง”
“ย่ะ แม่นักสิทธิสตรี แม่คนเก่ง ถ้าไม่มีเวลาว่างเลยฉันจะให้เว็ดดิ้งแพลนเนอร์ไปคุยที่บริษัท เพื่อนร่วมงานจะได้รู้ว่าลูกกำลังจะแต่งงาน”
มัญชุพรเหงื่อตก เมื่อมารดาหย่อนระเบิดลงตูมใหญ่
“เอางี้ดีไหมคะแม่ หมี่ว่าถ้ามุกยุ่งให้นัดกันไปคุยที่ร้านของเว็ดดิ้งแพลนเนอร์ตอนพักเที่ยงก็ได้ น่าจะพอมีเวลา”
เธอจำต้องเข้าช่วยแก้สถานการณ์ มิเช่นนั้นคืนนี้คงมีคนหูชา เธอคนหนึ่งแหละที่ต้องรับฟังน้อง อีกคนคือเสี่ยจิวที่ต้องฟังแม่บ่นเป็นแน่
“พี่หมี่ไปเป็นเพื่อนมุกด้วยนะคะ”
“ฉันไปเอง”
นางพิสมัยรับอาสา ลูกสาวเบรก
“ขอเถอะค่ะม๊าบังคับมุกเรื่องแต่งงานแล้ว ให้มุกได้เลือกอะไรในพิธีเองเถอะค่ะ”
มารดาทำเสียงจิ๊จ๊ะในปาก
“ก็ได้ แต่มุกห้ามเบี้ยวนะ คุณกระทิงเขาก็ไปด้วย”
ลืมไปเลย...เจ้าบ่าวต้องคู่กับเจ้าสาว ฉะนั้นงานนี้ต้องพ่วงการเจอพงศพัศอีกคน
“หมี่ไปช่วยน้องนะ ถ้าตัดสินใจอะไรไม่ได้ให้โทรปรึกษาแม่”
มัญชุพรพยักหน้ารับ ขณะน้องสาวยังหน้าง้ำด้วยความไม่พอใจที่ยังต้องโดนบังคับซ้ำแล้วซ้ำเล่า
วันเสาร์พรสรวงมีนัดที่ร้านเว็ดดิ้งแพลนเนอร์เที่ยง เธอให้มัญชุพรไปรอที่นั่นเลย พนักงานรีบมาต้อนรับหญิงสาวอย่างนอบน้อม“สนใจบริการด้านไหนของร้านเราคะ”พร้อมยกอัลบั้มรูปเล่มโตมาให้ เธอต้องรีบบอกว่ามาด้วยเรื่องนัดของพรสรวง สักพักรถกระบะคันเก่าของไร่ดาวเรืองก็มาจอดที่ลานใกล้ร้าน รปภ.แทบไม่ให้จอดเพราะคิดว่าพงศพัศมาส่งของ จนเขาต้องบอกว่าเป็นลูกค้าที่มาใช้บริการ จึงได้จอดชายหนุ่มจงใจจะแกล้งให้พรสรวงเสียหน้า เพราะท่าทางอย่างเธอคงแทบกรี๊ดแน่เมื่อเห็นว่าที่เจ้าบ่าวขับรถโทรม ๆเขาเปิดประตูกระจกใสเข้ามา พนักงานในร้านถึงกับชะงัก ด้วยการแต่งตัวเสื้อยืด กางเกงยีนเก่า ๆ บูทคู่มอซอ ยิ่งผมยาวระต้นคอและหนวด ค้านกับการเป็นแขกผู้มาใช้บริการในสถานที่นี้เหลือเกิน“มาติดต่อเรื่องอะไรคะคุณพี่”หนุ่มหน้าสวยเต็มไปด้วยจริตนางหนึ่งใจกล้าปรี่มาถาม ตาคมเข้มแลกวาดไปทั่วร้าน สะดุดตากับสาวถักผมเปีย สวมชุดแซกแขนตุ๊กตาสีชมพูอ่อน เธอกำลังเปิดดูรูปในอัลบั้มทีละภาพ...ทีละภาพ“น้องสาวเธอล่ะ”เงาทะมึนที่ยืนค้ำศีรษะมัญชุพรถาม ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองจนคอแทบตั้งบ่า“เธอไปไหน”หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื๊อก ฝืนยิ้มให้“มุกกำลังทำงานอยู่ค
“แม่เธอหลอกยายฉัน”พงศพัศหรี่ตามองพี่ว่าที่เจ้าสาว“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกคุณ”“ยายฉันแก่แล้ว ไม่ทันเล่ห์แม่เธอหรอก”มีลมร้อนพัดมาวูบ ทำให้ชายกระโปรงชุดแซกยกขึ้นจนเห็นปลีน่องเรียวกลมกลึง ...มีเรื่องให้แปลกใจเยอะจริง ๆ พี่ว่าที่เจ้าสาวเขา“แม่ฉันไม่ใช่คนร้าย”ดวงตากลมโตวาววับเมื่อได้ยินชายหนุ่มพาดพิงถึงมารดา“เขาร้ายมาตั้งแต่ยังสาวนี่ ถึงมาจับเสี่ยจิวได้”ประวัติพิสมัยเป็นที่รู้กันทั่ว นางคือสาวนักขุดทองที่ได้มาเจอเป้าหมายกระเป๋าหนัก จากแม่ม่ายลูกติดผู้ยากจนกลายเป็นเมียเศรษฐีในพริบตา“คุณยายบัวแก้วก็ดูเป็นคนดี ทำไมถึงได้มีหลานปากร้าย ใจสกปรกอย่างคุณ ว่าคนอื่นเขาไปหมด”มัญชุพรหน้าแดง อาจเพราะอากาศปนอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง“อย่าเอายายฉันมาเกี่ยวด้วย!”เขาก็มีจุดอ่อนเรื่องบุพการีเหมือนกัน“ตกลงจะขึ้นรถมากับฉันดี ๆ หรือจะให้ลากขึ้นมา อุตส่าห์ใจดีเห็นไม่มีรถกลับ เธอยังมีตีฝีปากใส่ฉันอีก”“คุณปากร้ายใส่ฉันก่อนนะ แล้วอีกอย่างฉันไม่ยอมนั่งรถไปกับคุณเด็ดขาด”มัญชุพรไม่รู้เลย ว่าคำพูดตนเป็นชนวนให้อะไรในตัวพงศพัศขาดผึ่ง ชายหนุ่มลงจากรถ เดินอาด ๆ มาหาสาวร่างบาง เธอกลัวจนใจไปตกที่ตาตุ่ม ขยับเท้าเ
“มุกทำหมี่ลำบากมากไหม ถ้าไม่โอเคเดี๋ยวต่อไปเวลาเจอนายกระทิงเฮียจะไปกับมุกเอง”มัญชุพรสงสารจิรัฎฐ์ ขาวอวบเป็นซาลาเปาแบบเขาคงแหลกแน่เมื่อตกอยู่ท่ามกลางพายุอารมณ์ของทั้งสอง“ไม่เป็นไรค่ะ หมี่ยังไหว เฮียคอยช่วยเตี่ยทำงานดีกว่า”เธอเรียนรู้ที่จะเป็นเด็กดี อดทนกับทุกอย่าง ตราบใดที่ยังอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังนี้ ...บ้านที่มีพระคุณเลี้ยงดูเธอกับแม่ให้มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข“ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกเฮียนะ ไม่ต้องเกรงใจ”เพราะมัญชุพรอยู่ใกล้แล้วเย็น เหมือนสายน้ำชื่นใจ จิรัฎฐ์จึงชอบ ...มากขนาดมีใจเสน่หา แต่ยังหาจังหวะคุยกับเสี่ยจิวไม่ได้เสียที ความจริงแล้วจิรัฎฐ์รู้ว่าคนมีอำนาจตัดสินใจมากที่สุดในบ้านคือแม่เลี้ยงนางพิสมัยไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ไม่รู้มีแผนจะทำอะไรกับมัญชุพรหรือเปล่า การจับคู่ของพรสรวงกับพงศพัศนำพาความหวั่นใจมาสู่เขา กลัวว่านางพิสมัยมีแผนจะให้มัญชุพรแต่งงานกับใครอีกเด็กดีอยู่ในโอวาทแบบเธอต้องยอมแน่ ...แต่จิรัฎฐ์ไม่ยอมหรอก เขาจะปกป้องมัญชุพรเอง หนุ่มขาวอวบให้สัญญาพรสรวงกลับบ้านมาเสียดึก เมื่อเห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของน้องมัญชุพรก็สงสารจนไม่กล้าว่าอะไรแรง“พี่ไม่ชอบเรื่องที่มุกทำวันนี้เลย รู้
เวลาแห่งความเคร่งเครียด ยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเป็นเม็ด ๆ ราวกับแต่ละคนอมถ่านร้อน ๆ ไว้แล้วนางพิสมัยก็มองไปที่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง มันสะท้อนเงานางที่ดูเพิ้ง เกินกว่าจะรับไหว ขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพมัชชุพร ที่หน้าขาวซีด“หมี่ ไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด!”มารดาตวัดสายตามาที่ร่างโปร่งระหง“คะ...”มัญชุพรเลิกคิ้ว“ลูกต้องเข้าพิธีแทนน้อง”นางตัดสินใจแล้ว จะให้งานล่มไม่ได้“เฮ้ย!” เป็นจิรัฎฐ์เองที่อุทานลั่น“เร็ว ๆ เลย”มารดาทำหน้าจริงจัง เหมือนตอนกำลังจะทำโทษเธอในวัยเด็กยามทำผิด“ไม่ได้นะน้าไหม มุกหนีไป มันเกี่ยวอะไรกับหมี่ด้วย เขามาขอมุกไม่ใช่หมี่”จิรัฎฐ์ค้านสุดฤทธิ์ ทั้งเพื่อตัวเองและสาวที่หมายปอง“คุณยายคำแก้วขอลูกสาวฉันกับเฮียให้แต่งงานกับหลานเขา ไม่ได้ระบุไว้แต่แรกว่าจะต้องเป็นคนไหน ฉันเองแหละที่เสนอยัยมุกไปเพราะเห็นว่าเหมาะสมดี”นางเฉลยที่มาของการแก้ปัญหา ระหว่างงานแต่งที่ไร้เจ้าสาว กับงานแต่งที่เจ้าสาวเป็นคนละคน นางเลือกอย่างหลังที่ดูฉาวน้อยกว่า“แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไป หมี่เข้าพิธีแทนน้อง ถ้าแม่ตามมุกเจอแล
“นี่มันอะไรกัน คุณพิสมัย เสี่ยจิว ทำไมเจ้าสาวผมถึงเป็นคนนี้”หากมีเข็มสักเล่มหล่นในห้อง ทุกคนคงได้ยินทั่วกันหมด เพราะเงียบเหลือเกิน“ขอคุยกันส่วนตัวสักครู่ค่ะ ให้แขกกับพระออกไปก่อน”นางพิสมัยพยักหน้าไปทางพิธีกร ซึ่งรีบเชิญให้แขกออกไปดื่มชากาแฟกันสักครู่ ในห้องจึงเหลือเพียงสมาชิกในครอบครัวเสี่ยจิว ส่วนทางบ้านพงศพัศก็เหลือเขา ยาย และสุนีย์“เกิดอะไรขึ้นเรอะแม่ไหม หนูมุกไปไหน”“ยัยมุกเอ่อ...ไม่ค่อยสบายค่ะ”“เขาเป็นอะไร”พงศพัศกอดอก หรี่ตาจับผิด“มุกอยู่โรงพยาบาลต้องนอนติดเตียงหมอห้ามเยี่ยมค่ะ”“อยู่โรงพยาบาลไหน ผมมีเพื่อนเป็นหมอหลายคน เดี๋ยวจะถามอาการ โรคอย่างนี้แปลกมาก ไม่เคยได้ยิน”“กระทิงหยุดเถอะ”ยายบัวแก้วปราม รู้ว่าหลานกำลังไล่เบี้ย“มีอะไรก็บอกมาตรง ๆ ดีกว่าแม่ไหม”สุนีย์เปิดกระเป๋าเตรียมหยิบยาดมรอยื่นให้ ถึงขนาดเปลี่ยนเจ้าสาว แสดงว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแบบไม่ธรรมดา“อามุกอีหนีงานแต่งไปแล้ว”เสี่ยจิวนั่นเองที่เป็นคนเฉลย นางพิสมัยขึงตามองสามีที่มีจิรัฐฎ์จับแขนพยุงอยู่ ยายบัวแก้วยกมือขึ้นแนบอก อีกมือก็รับยาดมจากสุนีย์ พงศพัศกวาดตามองสมาชิกทุกคนในบ้านเสี่ยจิวแล้วขบกราม ส่งสายตาดุดัน มัญช
ขบวนผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งออกไป เหลือเพียงบ่าวสาวอยู่ลำพังในห้อง พงศพัศลุกขึ้นยืดแข้งยืดบิดขี้เกียจ หลังจากนั้นตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอเลยมัญชุพรค่อย ๆ ลุกขึ้นเพราะเหน็บกิน พยุงตัวเองไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง มีกระเป๋าสะพายใบที่ใช้ประจำวางอยู่ เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูมีข้อความไลน์จากพรสรวงMoo_Mook:ขอโทษนะพี่หมี่ ตอนนี้ที่บ้านวุ่นวายมากไหมMi_Mhi:มากเลยล่ะมุก พี่ต้องแต่งงานแทนเธอหญิงสาวหันซ้ายแลขวา ประตูห้องน้ำยังปิดสนิทอยู่ คงอีกสักพักพงศพัศจะอาบน้ำเสร็จMoo_Mook:มุกขอโทษ แต่มุกจำเป็นจริง ๆ พี่หมี่รู้สาเหตุแล้วใช่ไหมMi_Hmi:อือมัญชุพรนึกถึงหลักฐานที่แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วย ยังหาจังหวะทิ้งไม่ได้Mi_Hmi:ตอนนี้มุกอยู่ไหนMoo_Mook:อยู่กับเจมส์แล้วMi_Hmi:เขาว่ายังไงบ้างMoo_Mook:พรุ่งนี้เขาจะมาเจอเตี่ยกับม๊า เราต้องอยู่กันแค่สองคนเพราะที่บ้านแต่ละคนต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับMi_Hmi:เข้มแข็งไว้นะ พี่เป็นกำลังให้หากถามว่าโกรธไหม มัญชุพรก็ตอบว่าโกรธ ...เธอไม่ใช่คนแสนดีขนาดนั้น แต่เมื่อทราบสาเหตุ และรู้ผลที่น้องสาวหนี เธอก็กล้ำกลืนคำดุด่าว่ากล่าวลงลำคอ ตอนนี้มีแต่คำว่าสงสาร
“ไหนบอกไม่มีแฟน”เมื่ออีกคนจากไปเขาก็หันมาไล่เบี้ยกับภรรยา“เฮียเล้งไม่ใช่แฟน เป็นพี่ชายฉัน”“มองตาเชื่อม มาชวนหนีแบบนี้น่ะเหรอ หมอนั่นไม่ใช่พี่จริงเธอนี่”ดวงตาคมเข้มภายใต้คิ้วรก ๆ มองหญิงสาวจับผิด มัญชุพรเชิดหน้าขึ้น เพื่อให้เขาเห็นว่าเธอยังมีศักดิ์ศรี“ไม่ใช่พี่แท้ แต่ฉันก็นับถือเฮียเล้งเหมือนพี่จริง ๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง”พงศพัศฟังจบก็เดินออกไปข้างนอก“ไอ้เข้โว้ย สั่งเพิ่มคนเฝ้าประตูทุกฝั่งในไร่ คอยดูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กูกลัวคนจะมาลักพาตัวตัวเมียไป”เขาตะโกนสั่งการันต์ แต่เสียงดังขนาดนี้คงได้ยินกันทั่วไร่แล้วกระมังมัญชุพรโกรธเขาที่คลางแคลงใจเธอ ในเรื่องไม่มีเหตุผล เธอจำต้องไปหลบในที่ที่ตนเองคิดว่าปลอดภัยคือห้องนอนเปิดโน้ตบุคนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตไม่นานก็เบื่อ ด้วยปรกติเธอไม่ค่อยใช้เวลาว่างในคอมพิวเตอร์หรือมือถือมากนัก เพราะต้องทำงานร้านเสี่ยจิวบาง ออกไปส่งของให้ลูกค้ากับจิรัฐฎ์บ้าง พอได้มาเป็นภรรยาเจ้าของไร่ดาวเรืองอย่างงง ๆ มัญชุพรจึงทำตัวไม่ถูกจะนอนกลางวันก็ไม่ใช่วิสัยปรกติ นั่งนิ่ง ๆ อยู่เฉย ๆ ยิ่งแล้วใหญ่ เธอจึงลงข้างล่าง คิดว่าโชคดีแล้วที่ไม่เห็นพงศพัศ ม
“คุณกระทิง พี่เข้”สาวน้อยส่งเสียงเรียกมาแต่ไกล หนึ่งหนุ่มโบกมือให้ ส่วนพงศพัศเท้าสะเอว“ไปไหนกันมา คุณหมี่สวัสดีคร๊าบ”การันต์ยิ้มให้ ส่วนเจ้านายหน้าบึ้ง“พี่เข้ทำงานเหนื่อยไหมจ๊ะ ส้มคิดถึง”คนเพิ่งลุกจากมอเตอร์ไซด์ส่งคำทักทายหวานจ๋อย“อย่ามาอ่อยนะน้อง ขาอ่อนพี่น่ะเธอไม่ได้เห็นหรอก”“งั้นคืนนี้นอนนอกห้อง”“โอ๊ย! อย่าใจร้ายอย่างนั้นสิจ๊ะส้มจ๋า พี่อ่ะเหนื้อย...เหนื่อย พอเห็นหน้าส้มพี่ก็ชื่นใจแล้ว”มัญชุพรอ้าปากเหวอกับถ้อยคำฉันชู้สาวแบบนั้น“มึงไปง้อเมียที่อื่นเลยไป กูเลี่ยน”เขาหันหลังให้“คุณหมี่ดูไว้นะคะ ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ไม่ค่อยเห็นค่าเรา”ส้มจี๊ดค้อนแกล้งเดินไปอีกฟากของร่มไม้เพื่อให้สามีตามมาอ้อน กลายเป็นว่ามัญชุพรต้องยืนอยู่กับเขา“ตรงนั้นน่ะ ไถดี ๆ สิวะ อย่าทำงานชุ่ย”พงศพัศตะโกนด่าลูกน้อง เสียงดังจนเธอสะดุ้ง“อย่ามาทำตัวสบาย ๆ กินแรงคนอื่นเขา”“จะด่าฉันก็พูดมาตรง ๆ เถอะค่ะ”มัญชุพรไม่โง่จนอ่านเจตนาเขาไม่ออก“คืนเงินสิบล้านมาสิ คุณจะได้ไม่ต้องโดนด่า”ตาเขามองรถไถแต่ปากยังโต้ตอบ มัญชุพรฉุนในกิริยานี้มาก จึงก้าวไปยืนประจันหน้าเขา“ฉันจะคืนคุณได้เร็วขึ้น ถ้าปล่อยให้ฉันไปหาเงินเอง