Share

Chapter 7 ก่อนเริมพิธีแต่งงาน

“มุกทำหมี่ลำบากมากไหม ถ้าไม่โอเคเดี๋ยวต่อไปเวลาเจอนายกระทิงเฮียจะไปกับมุกเอง”

มัญชุพรสงสารจิรัฎฐ์ ขาวอวบเป็นซาลาเปาแบบเขาคงแหลกแน่เมื่อตกอยู่ท่ามกลางพายุอารมณ์ของทั้งสอง

“ไม่เป็นไรค่ะ หมี่ยังไหว เฮียคอยช่วยเตี่ยทำงานดีกว่า”

เธอเรียนรู้ที่จะเป็นเด็กดี อดทนกับทุกอย่าง ตราบใดที่ยังอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังนี้ ...บ้านที่มีพระคุณเลี้ยงดูเธอกับแม่ให้มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข

“ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกเฮียนะ ไม่ต้องเกรงใจ”

เพราะมัญชุพรอยู่ใกล้แล้วเย็น เหมือนสายน้ำชื่นใจ จิรัฎฐ์จึงชอบ ...มากขนาดมีใจเสน่หา แต่ยังหาจังหวะคุยกับเสี่ยจิวไม่ได้เสียที ความจริงแล้วจิรัฎฐ์รู้ว่าคนมีอำนาจตัดสินใจมากที่สุดในบ้านคือแม่เลี้ยง

นางพิสมัยไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ไม่รู้มีแผนจะทำอะไรกับมัญชุพรหรือเปล่า การจับคู่ของพรสรวงกับพงศพัศนำพาความหวั่นใจมาสู่เขา กลัวว่านางพิสมัยมีแผนจะให้มัญชุพรแต่งงานกับใครอีก

เด็กดีอยู่ในโอวาทแบบเธอต้องยอมแน่ ...แต่จิรัฎฐ์ไม่ยอมหรอก เขาจะปกป้องมัญชุพรเอง หนุ่มขาวอวบให้สัญญา

พรสรวงกลับบ้านมาเสียดึก เมื่อเห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของน้องมัญชุพรก็สงสารจนไม่กล้าว่าอะไรแรง

“พี่ไม่ชอบเรื่องที่มุกทำวันนี้เลย รู้ไหมนายกระทิงเกือบจะกินหัวพี่อยู่แล้ว”

เธอนั่งลงบนเตียง ส่วนเจ้าของห้องกำลังเช็ดเครื่องสำอางจากใบหน้า

“หัวพี่หมี่ก็ยังอยู่ดีนี่ ยังสวย”

คนหาเรื่องยุ่งให้เธอส่งยิ้มทะเล้น

“ไม่แหว่งหรือโดนกินเสียหน่อย”

“พี่เปรียบเทียบต่างหากล่ะ เขาโกรธมุกมากเลยรู้ไหม”

“ยิ่งโกรธมาก ๆ สิดี”

พรสรวงโยนสำลีลงถังขยะระบายอารมณ์

“จะได้ยกเลิกงานแต่งเสีย”

“ถ้ายกเลิกงานแต่ง เราก็ต้องคืนเงินยี่สิบล้านเขานะ”

เหตุผลนี้สร้างความอึดอัดให้พรสรวงเหลือเกิน เพราะเธอก็ไม่รู้จะไปหาเงินจากไหนมาคืน ได้ข่าวว่ามารดาเอาไปปิดหนี้ธนาคารแล้ว บิดาก็เตรียมนัดช่างมาขยายร้าน

“บางทีมุกก็อยากย้อนกลับเป็นเด็กนะ ไม่พอใจอะไรก็ร้องไห้ นอนชักดิ้นชักงออยู่บนพื้น”

ยามยังเยาว์พรสรวงมีนิสัยเช่นนั้น เมื่อโตมาก็ได้เรียนรู้วิธีอื่นที่ดีกว่า แต่กับเตี่ย เธอไม่กล้าทำลายความหวังของท่าน รู้ว่าบิดาไม่ได้รู้สึกแย่จนแสดงออกนอกหน้ากับเจมส์เหมือนมารดา แต่ท่านก็ไม่ได้สนับสนุนการมีแฟนคนนี้ของเธอ

“ชีวิตการเป็นผู้ใหญ่นี่เซ็งเนอะนะ ทั้งงาน ทั้งครอบครัว”

บรรยากาศชักจะเศร้าซึมไป มัญชุพรจึงเปลี่ยนเรื่อง

“ติดต่อเจมส์ได้หรือยัง”

“อือ...ได้คุยกันแล้ว”

แทนที่น้องจะร่าเริงเสียงกลับยิ่งหดหู่

“มุกยังไม่ได้บอกเรื่องเงินยี่สิบล้าน ไม่อยากถูกมองว่าหาประโยชน์จากเขา”

“แต่มุกต้องแต่งงานนะ ควรคุยกันให้เข้าใจ ตัดบัวอย่าเหลือใย”

น้องหันมาเผชิญหน้ากับเธอ ไร้เครื่องสำอางพรสรวงดูหมองซีด

“มุกไม่ได้อยากแต่งงานนี่ พี่หมี่ก็รู้”

ความอึดอัดคับห้อง จนรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่สะดวก

“มุกเครียดมากเลยนะพี่หมี่”

“พี่รู้ ๆ” มัญชุพรลุกขึ้นมากอดปลอบขวัญ

“มุกไม่อยากเจอหน้านายกระทิง ไม่งั้นต้องเผลออาละวาดออกมาแน่”

ข้อนี้มัญชุพรเห็นด้วย เธออยู่กับเขาไม่กี่ชั่วโมงอารมณ์ยังขึ้นขนาดนี้ ทั้ง ๆ ปรกติคิดว่าตนอารมณ์เย็น รับมือได้กับทุกสถานการณ์ หากเป็นพรสรวงที่เป็นคนอารมณ์ร้อนได้เจอกับเขา ไฟกับไฟคงยิ่งเผาผลาญ แล้วความบรรลัยคงบังเกิด

“มุกขอโทษที่เอาพี่หมี่มาเอี่ยวด้วย แต่มุกไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว เรามีกันอยู่แค่นี้”

พรสรวงซบหน้ากับอกพี่ ปากบอกเสียงอู้อี้

“พี่หมี่ช่วยเก็บเป็นความลับที อย่าบอกม๊าให้รู้นะ”

“โอเค ๆ”

...ก็นี่แหละ การอ้อนของน้องเล็ก ทำให้พี่สาวใหญ่อย่างเธอทั้งสงสารทั้งใจอ่อน ยอมทำตาม จนจิรัฎฐ์มองว่าเธอตกเป็นเบี้ยล่างของพรสรวงอยู่ร่ำไป

ไม่กี่วันต่อมาเว็ดดิ้งแพลนเนอร์ก็มาคุยเรื่องการ์ด ของชำร่วยและธีมงานแต่ง ยายบัวแก้วคุมพงศพัศมาถึงบ้านเสี่ยจิว ฝั่งนางพิสมัยก็จิกแขนพรสรวง บังคับให้ยิ้มออกมารับแขก มัญชุพรได้แต่ส่งสายตาให้กำลังใจกับน้อง

ว่าที่บ่าวสาวต่างมึนตึงหน้าบึ้ง ฝ่ายที่ร่าเริงเป็นผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่ง เลือกของชิ้นโน้น เปรียบเทียบของชิ้นนี้กันอย่างสนุกสนาน

ดูเหมือนหน้าที่พงศพัศกับพรสรวงจะมีแค่เป็นบ่าวสาว งานอย่างอื่นยายบัวแก้วและนางพิสมัยจัดการหมด ...สมกับเป็นการแต่งงานแบบคลุมถุงชน

ว่าที่บ่าวสาวต่างพยายามหาเรื่องให้ไม่ว่าง เจอกันให้น้อยที่สุด ขนาดถ่ายพรีเว็ดดิ้งยังไม่ยอมทำกันเลย

“ยุ่งยาก ยังไงก็ต้องแต่งงานอยู่ดี ชื่อผมก็หราอยู่บนการ์ด ไม่ต้องมีรูปถ่ายหน้างานให้แขกเห็นหรอก”

พงศพัศให้เหตุผลที่ทำเอานางพิสมัยคิ้วกระตุก

“จะได้เก็บรูปไว้เป็นที่ระลึกไง”

ยายบัวแก้วแอบหยิกขาหลาน แต่เนื้อแข็งเหลือเกิน เจ้าตัวไม่สะดุ้งสะเทือน

“ถ้าอยากได้ของที่ระลึกก็เอาการ์ดแต่งใส่กรอบติดฝาบ้านไว้สิครับ”

“ทิง...”

ผู้เป็นยายเรียกเสียงเข้ม พร้อมส่งสายตาปราม เขาทิ้งหลังลงพิงเก้าอี้หลุยส์อย่างหงุดหงิด เพิ่มบรรยากาศกดดันในห้องรับแขกอีกมากโข

“มุกก็ไม่อยากให้มีรูปถ่ายพรีเว็ดดิ้งวางหน้างานค่ะ ...ไม่ชอบ”

นี่ก็อีกคนที่ออกฤทธิ์ นางพิสมัยขึงตาใส่ลูกสาว พรสรวงหยิบมือถือมาเล่นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

เว็ดดิ้งแพลนเนอร์เห็นแล้วละเหี่ยใจ ภาวนาหวังว่างานแต่งจริงคงไม่ล่ม ให้เสียประวัติร้านเว็ดดิ้งแพลนเนอร์อันดับหนึ่งของอำเภอ

สัปดาห์ต่อมาก็เป็นงานยกน้ำชา งานแต่งนี้ยายบัวแก้วกับนางพิสมัยตั้งใจให้เป็นแบบไทยปนจีน งานจึงเป็นไปตามความเชื่อแต่ละฝ่าย ทุกอย่างราบรื่นท่ามกลางอาการหน้าหงิกของหนุ่มสาว

จนกระทั่งถึงวันแต่ง นางพิสมัยจ้างช่างแต่งหน้าฝีมือดีการันตีเคยแต่งหน้าในกองถ่ายให้ดารามาเพื่อเสริมให้พรสรวงสวยที่สุดโดยเฉพาะ

บ้านเสี่ยจิวเปิดไฟสว่างไสวทั้ง ๆ ที่ยังตีสาม เพื่อตระเตรียมตัวเจ้าสาว มัญชุพรในชุดนอนถูกปลุกมาอยู่เป็นเพื่อนน้อง แต่เมื่อเคาะประตูห้องนอนพรสรวง กลับไม่มีใครมาเปิด ลองบิดลูกบิดดู พบว่ามันล็อก

“มุก ตื่นเร็ว ช่างแต่งหน้ามาแล้ว ช้ากว่านี้เดี๋ยวไม่ทันพิธี”

มีเพียงความเงียบงัน มารดามองตาเธอ

“มุก เป็นอะไรหรือเปล่า เปิดให้พี่หน่อย”

มัญชุพรเคาะเป็นจังหวะคุ้นเคย แต่ประตูห้องยังไม่เปิดออก

“หมี่ไปหามาสเตอร์คีย์มา”

นางพิสมัยชักเริ่มร้อนรน มัญชุพรวิ่งไปห้องทำงานบิดาเลี้ยง หากุญแจมาให้มารดาอย่างทันใจ

ภายในห้องไร้เงาเจ้าของ นางพิสมัยไปเปิดดูตู้ มีเสื้อผ้าหายไปบางส่วน ตากลมโตของมัญชุพรไปกวาดไปกระทบกับบางอย่างสีขาวเป็นแท่ง วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง

เมื่อสาวเท้าไปหยิบมาดูพบว่าเป็นที่ตรวจตั้งครรภ์ แสดงผลเป็นสองขีด ใจหญิงสาวหายวาบ รีบเก็บหลักฐานไม่ให้มารดาเห็น

“โทรหายัยมุกสิ ไปถามยามหน้าหมู่บ้านว่าเห็นยัยมุกไหม”

นางพิสมัยสั่งด้วยกายสั่นเทิ้ม ตาวับวาวดังมีไฟปะทุอยู่ในนั้น พรสรวงปิดมือถือ และปิดการติดต่อทุกอย่าง

จิรัฎฐ์ที่ถูกปลุกมาเช่นกัน ขับรถออกไปที่ป้อมยามหน้าหมู่บ้าน บอกรูปพรรณสัณฐานและลักษณะรถของพรสรวง รปภ.กะดึกบอกว่าเห็นรถป้ายทะเบียนนั้นขับออกไปจากหมู่บ้านหลังเที่ยงคืนเล็กน้อย

“ผมยังแปลกใจที่เห็นผู้หญิงขับรถออกไปไหนกลางดึกคนเดียว”

รปภ.เล่า สมาชิกที่เหลือในบ้านมาประชุมพร้อมกันในห้องทำงานเสี่ยจิว คนรับใช้ถูกปลุกขึ้นมาทั้งบ้านเพื่อบริการแขก

“เราจะทำยังไงต่อล่ะน้าไหม”

จิรัฎฐ์เป็นคนแรกที่เริ่มขอความเห็นคนต้นคิดงานแต่งนี้ขึ้นมา

“น่าสงสารอามุกอี คงไม่อยากแต่งงานจริง ๆ ไม่รู้ตอนนี้จะไปลำบากอยู่ที่ไหน อาไหมเอาเงินคืนบ้านนั้นไปเลย ยกเลิกงานแต่งให้หมด”

เสี่ยจิวโวยวายใส่ภรรยา

“จะบ้าเหรอเฮีย เงินเป็นสิบล้าน จะปล่อยทิ้งไปฟรี ๆ เรอะ ไม่ว่ายัยมุกอยู่ไหน ฉันจะต้องตามมาแต่งงานให้ได้”

นางพิสมัยกดมือถือหาคุณนายสารวัตร ขอโทษขอโพยที่รบกวนตอนดึก แล้ววานให้ช่วยพูดกับสามีให้ตามหาทะเบียนรถพรสรวง หนึ่งชั่วโมงต่อมาก็พบว่ารถจอดอยู่ในลานหน้าเซเว่น สอบถามวินมอเตอร์ไซด์เล่าว่าได้ไปส่งหญิงสาวที่ท่ารถบขส.ตอนตีหนึ่ง แต่ไม่รู้เธอนั่งรถบัสโดยสารสายไหนไป

“ป่านนี้มุกคงหนีออกนอกจังหวัดไปแล้ว”

พี่ชายเอ่ยอย่างหมดหวัง

“เล้งมีเพื่อนเรียนโรงเรียนเดียวกันเป็นตำรวจทางหลวงไม่ใช่เหรอ ให้เขาสกัดจับน้องสิ”

“จะบ้าเหรอน้าไหม เรายังไม่รู้เลยว่ามุกนั่งรถไปที่ไหน แล้วใครมันจะไปมีอำนาจสกัดจับรถโดยสารขนาดนั้น เดี๋ยวเพื่อนผมก็ซวยตาย”

นางพิสมัยทำท่าฮึดฮัด หันมาทางมัญชุพร

“หมี่ น้องบอกอะไรแกบ้างไหม ว่าจะหนีไปที่ไหน”

“หมี่ไม่รู้เลยค่ะแม่ มุกไม่ได้บอกอะไรเลย”

เธอตอบพร้อมกับมือเย็นเฉียบ เข้าใจในเหตุผลที่แท้จริงที่พรสรวงหนีไปแล้ว

“นายเจมส์ล่ะ ติดต่อได้ไหม มุกต้องหนีไปหามันแน่” แต่แฟนน้องก็ไม่รับสาย

“โอ๊ย! ฉันอยากจะบ้า ใกล้จะเช้าแล้ว เดี๋ยวขบวนขันหมากก็จะมา”

มารดายกมือขึ้นทึ้งศีรษะ ท่าทางใกล้เสียสติจริงตามเจ้าตัวบอก

“บอกว่ามุกป่วยหนักดีไหมน้า แก้ผ้าเอาหน้ารอดไป”

“ขายผ้าเว้ยอาเล้ง!” เสี่ยจิวที่เชี่ยวชาญภาษาไทยอย่างยิ่งแก้คำพังเพยให้ลูกชาย

“แบบเกิดอุบัติเหตุ ตกส้วม ตกบันไดแบบนี้อ่ะ” หนุ่มหน้าซาลาเปายังเสนอความคิดเห็น

“ใครเขาจะเชื่อ ฟังก็รู้ว่าโกหก”

นางพิสมัยตัดบททันที เพราะมุกนี้คนใช้กันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา

“แต่ก็ดีกว่าไปบอกเขาว่ามุกหายไปนะคะแม่”

“ใช่ ๆ นายกระทิงจะได้ไม่โกรธ ผมเคยได้ข่าวว่าเขาเคยอัดนักเลงต่างถิ่นโทษฐานที่มาเจ๊าะแจ๊ะอีตัวขาประจำของเขาด้วย”

มัญชุพรย่นจมูก ต้องหื่นกามแค่ไหนกันเชียว พงศพัศถึงมีผู้หญิงขายบริการขาประจำ แล้วนี่ติดโรคมาหรือเปล่า ดีแล้วที่พรสรวงหนีจากเขาไปได้

“ฉันจะได้โดนนายกระทิงถอนหงอกเอานะสิ”

รู้ว่าเขาไม่ชอบนาง แต่ด้วยเห็นว่าเดี๋ยวต้องเป็นทองแผ่นเดียวกัน นางพิสมัยจึงทำเป็นไม่สนใจท่าทีแข็ง ๆ กับวาจาห่าม ๆ นั้น แล้วนางจะทำอย่างไรดี เวลาก็เดินไปไม่หยุด อีกไม่นานก็สว่าง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status