“มุกทำหมี่ลำบากมากไหม ถ้าไม่โอเคเดี๋ยวต่อไปเวลาเจอนายกระทิงเฮียจะไปกับมุกเอง”
มัญชุพรสงสารจิรัฎฐ์ ขาวอวบเป็นซาลาเปาแบบเขาคงแหลกแน่เมื่อตกอยู่ท่ามกลางพายุอารมณ์ของทั้งสอง
“ไม่เป็นไรค่ะ หมี่ยังไหว เฮียคอยช่วยเตี่ยทำงานดีกว่า”
เธอเรียนรู้ที่จะเป็นเด็กดี อดทนกับทุกอย่าง ตราบใดที่ยังอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังนี้ ...บ้านที่มีพระคุณเลี้ยงดูเธอกับแม่ให้มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข
“ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกเฮียนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
เพราะมัญชุพรอยู่ใกล้แล้วเย็น เหมือนสายน้ำชื่นใจ จิรัฎฐ์จึงชอบ ...มากขนาดมีใจเสน่หา แต่ยังหาจังหวะคุยกับเสี่ยจิวไม่ได้เสียที ความจริงแล้วจิรัฎฐ์รู้ว่าคนมีอำนาจตัดสินใจมากที่สุดในบ้านคือแม่เลี้ยง
นางพิสมัยไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ไม่รู้มีแผนจะทำอะไรกับมัญชุพรหรือเปล่า การจับคู่ของพรสรวงกับพงศพัศนำพาความหวั่นใจมาสู่เขา กลัวว่านางพิสมัยมีแผนจะให้มัญชุพรแต่งงานกับใครอีก
เด็กดีอยู่ในโอวาทแบบเธอต้องยอมแน่ ...แต่จิรัฎฐ์ไม่ยอมหรอก เขาจะปกป้องมัญชุพรเอง หนุ่มขาวอวบให้สัญญา
พรสรวงกลับบ้านมาเสียดึก เมื่อเห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของน้องมัญชุพรก็สงสารจนไม่กล้าว่าอะไรแรง
“พี่ไม่ชอบเรื่องที่มุกทำวันนี้เลย รู้ไหมนายกระทิงเกือบจะกินหัวพี่อยู่แล้ว”
เธอนั่งลงบนเตียง ส่วนเจ้าของห้องกำลังเช็ดเครื่องสำอางจากใบหน้า
“หัวพี่หมี่ก็ยังอยู่ดีนี่ ยังสวย”
คนหาเรื่องยุ่งให้เธอส่งยิ้มทะเล้น
“ไม่แหว่งหรือโดนกินเสียหน่อย”
“พี่เปรียบเทียบต่างหากล่ะ เขาโกรธมุกมากเลยรู้ไหม”
“ยิ่งโกรธมาก ๆ สิดี”
พรสรวงโยนสำลีลงถังขยะระบายอารมณ์
“จะได้ยกเลิกงานแต่งเสีย”
“ถ้ายกเลิกงานแต่ง เราก็ต้องคืนเงินยี่สิบล้านเขานะ”
เหตุผลนี้สร้างความอึดอัดให้พรสรวงเหลือเกิน เพราะเธอก็ไม่รู้จะไปหาเงินจากไหนมาคืน ได้ข่าวว่ามารดาเอาไปปิดหนี้ธนาคารแล้ว บิดาก็เตรียมนัดช่างมาขยายร้าน
“บางทีมุกก็อยากย้อนกลับเป็นเด็กนะ ไม่พอใจอะไรก็ร้องไห้ นอนชักดิ้นชักงออยู่บนพื้น”
ยามยังเยาว์พรสรวงมีนิสัยเช่นนั้น เมื่อโตมาก็ได้เรียนรู้วิธีอื่นที่ดีกว่า แต่กับเตี่ย เธอไม่กล้าทำลายความหวังของท่าน รู้ว่าบิดาไม่ได้รู้สึกแย่จนแสดงออกนอกหน้ากับเจมส์เหมือนมารดา แต่ท่านก็ไม่ได้สนับสนุนการมีแฟนคนนี้ของเธอ
“ชีวิตการเป็นผู้ใหญ่นี่เซ็งเนอะนะ ทั้งงาน ทั้งครอบครัว”
บรรยากาศชักจะเศร้าซึมไป มัญชุพรจึงเปลี่ยนเรื่อง
“ติดต่อเจมส์ได้หรือยัง”
“อือ...ได้คุยกันแล้ว”
แทนที่น้องจะร่าเริงเสียงกลับยิ่งหดหู่
“มุกยังไม่ได้บอกเรื่องเงินยี่สิบล้าน ไม่อยากถูกมองว่าหาประโยชน์จากเขา”
“แต่มุกต้องแต่งงานนะ ควรคุยกันให้เข้าใจ ตัดบัวอย่าเหลือใย”
น้องหันมาเผชิญหน้ากับเธอ ไร้เครื่องสำอางพรสรวงดูหมองซีด
“มุกไม่ได้อยากแต่งงานนี่ พี่หมี่ก็รู้”
ความอึดอัดคับห้อง จนรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่สะดวก
“มุกเครียดมากเลยนะพี่หมี่”
“พี่รู้ ๆ” มัญชุพรลุกขึ้นมากอดปลอบขวัญ
“มุกไม่อยากเจอหน้านายกระทิง ไม่งั้นต้องเผลออาละวาดออกมาแน่”
ข้อนี้มัญชุพรเห็นด้วย เธออยู่กับเขาไม่กี่ชั่วโมงอารมณ์ยังขึ้นขนาดนี้ ทั้ง ๆ ปรกติคิดว่าตนอารมณ์เย็น รับมือได้กับทุกสถานการณ์ หากเป็นพรสรวงที่เป็นคนอารมณ์ร้อนได้เจอกับเขา ไฟกับไฟคงยิ่งเผาผลาญ แล้วความบรรลัยคงบังเกิด
“มุกขอโทษที่เอาพี่หมี่มาเอี่ยวด้วย แต่มุกไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว เรามีกันอยู่แค่นี้”
พรสรวงซบหน้ากับอกพี่ ปากบอกเสียงอู้อี้
“พี่หมี่ช่วยเก็บเป็นความลับที อย่าบอกม๊าให้รู้นะ”
“โอเค ๆ”
...ก็นี่แหละ การอ้อนของน้องเล็ก ทำให้พี่สาวใหญ่อย่างเธอทั้งสงสารทั้งใจอ่อน ยอมทำตาม จนจิรัฎฐ์มองว่าเธอตกเป็นเบี้ยล่างของพรสรวงอยู่ร่ำไป
ไม่กี่วันต่อมาเว็ดดิ้งแพลนเนอร์ก็มาคุยเรื่องการ์ด ของชำร่วยและธีมงานแต่ง ยายบัวแก้วคุมพงศพัศมาถึงบ้านเสี่ยจิว ฝั่งนางพิสมัยก็จิกแขนพรสรวง บังคับให้ยิ้มออกมารับแขก มัญชุพรได้แต่ส่งสายตาให้กำลังใจกับน้อง
ว่าที่บ่าวสาวต่างมึนตึงหน้าบึ้ง ฝ่ายที่ร่าเริงเป็นผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่ง เลือกของชิ้นโน้น เปรียบเทียบของชิ้นนี้กันอย่างสนุกสนาน
ดูเหมือนหน้าที่พงศพัศกับพรสรวงจะมีแค่เป็นบ่าวสาว งานอย่างอื่นยายบัวแก้วและนางพิสมัยจัดการหมด ...สมกับเป็นการแต่งงานแบบคลุมถุงชน
ว่าที่บ่าวสาวต่างพยายามหาเรื่องให้ไม่ว่าง เจอกันให้น้อยที่สุด ขนาดถ่ายพรีเว็ดดิ้งยังไม่ยอมทำกันเลย
“ยุ่งยาก ยังไงก็ต้องแต่งงานอยู่ดี ชื่อผมก็หราอยู่บนการ์ด ไม่ต้องมีรูปถ่ายหน้างานให้แขกเห็นหรอก”
พงศพัศให้เหตุผลที่ทำเอานางพิสมัยคิ้วกระตุก
“จะได้เก็บรูปไว้เป็นที่ระลึกไง”
ยายบัวแก้วแอบหยิกขาหลาน แต่เนื้อแข็งเหลือเกิน เจ้าตัวไม่สะดุ้งสะเทือน
“ถ้าอยากได้ของที่ระลึกก็เอาการ์ดแต่งใส่กรอบติดฝาบ้านไว้สิครับ”
“ทิง...”
ผู้เป็นยายเรียกเสียงเข้ม พร้อมส่งสายตาปราม เขาทิ้งหลังลงพิงเก้าอี้หลุยส์อย่างหงุดหงิด เพิ่มบรรยากาศกดดันในห้องรับแขกอีกมากโข
“มุกก็ไม่อยากให้มีรูปถ่ายพรีเว็ดดิ้งวางหน้างานค่ะ ...ไม่ชอบ”
นี่ก็อีกคนที่ออกฤทธิ์ นางพิสมัยขึงตาใส่ลูกสาว พรสรวงหยิบมือถือมาเล่นทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
เว็ดดิ้งแพลนเนอร์เห็นแล้วละเหี่ยใจ ภาวนาหวังว่างานแต่งจริงคงไม่ล่ม ให้เสียประวัติร้านเว็ดดิ้งแพลนเนอร์อันดับหนึ่งของอำเภอ
สัปดาห์ต่อมาก็เป็นงานยกน้ำชา งานแต่งนี้ยายบัวแก้วกับนางพิสมัยตั้งใจให้เป็นแบบไทยปนจีน งานจึงเป็นไปตามความเชื่อแต่ละฝ่าย ทุกอย่างราบรื่นท่ามกลางอาการหน้าหงิกของหนุ่มสาว
จนกระทั่งถึงวันแต่ง นางพิสมัยจ้างช่างแต่งหน้าฝีมือดีการันตีเคยแต่งหน้าในกองถ่ายให้ดารามาเพื่อเสริมให้พรสรวงสวยที่สุดโดยเฉพาะ
บ้านเสี่ยจิวเปิดไฟสว่างไสวทั้ง ๆ ที่ยังตีสาม เพื่อตระเตรียมตัวเจ้าสาว มัญชุพรในชุดนอนถูกปลุกมาอยู่เป็นเพื่อนน้อง แต่เมื่อเคาะประตูห้องนอนพรสรวง กลับไม่มีใครมาเปิด ลองบิดลูกบิดดู พบว่ามันล็อก
“มุก ตื่นเร็ว ช่างแต่งหน้ามาแล้ว ช้ากว่านี้เดี๋ยวไม่ทันพิธี”
มีเพียงความเงียบงัน มารดามองตาเธอ
“มุก เป็นอะไรหรือเปล่า เปิดให้พี่หน่อย”
มัญชุพรเคาะเป็นจังหวะคุ้นเคย แต่ประตูห้องยังไม่เปิดออก
“หมี่ไปหามาสเตอร์คีย์มา”
นางพิสมัยชักเริ่มร้อนรน มัญชุพรวิ่งไปห้องทำงานบิดาเลี้ยง หากุญแจมาให้มารดาอย่างทันใจ
ภายในห้องไร้เงาเจ้าของ นางพิสมัยไปเปิดดูตู้ มีเสื้อผ้าหายไปบางส่วน ตากลมโตของมัญชุพรไปกวาดไปกระทบกับบางอย่างสีขาวเป็นแท่ง วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง
เมื่อสาวเท้าไปหยิบมาดูพบว่าเป็นที่ตรวจตั้งครรภ์ แสดงผลเป็นสองขีด ใจหญิงสาวหายวาบ รีบเก็บหลักฐานไม่ให้มารดาเห็น
“โทรหายัยมุกสิ ไปถามยามหน้าหมู่บ้านว่าเห็นยัยมุกไหม”
นางพิสมัยสั่งด้วยกายสั่นเทิ้ม ตาวับวาวดังมีไฟปะทุอยู่ในนั้น พรสรวงปิดมือถือ และปิดการติดต่อทุกอย่าง
จิรัฎฐ์ที่ถูกปลุกมาเช่นกัน ขับรถออกไปที่ป้อมยามหน้าหมู่บ้าน บอกรูปพรรณสัณฐานและลักษณะรถของพรสรวง รปภ.กะดึกบอกว่าเห็นรถป้ายทะเบียนนั้นขับออกไปจากหมู่บ้านหลังเที่ยงคืนเล็กน้อย
“ผมยังแปลกใจที่เห็นผู้หญิงขับรถออกไปไหนกลางดึกคนเดียว”
รปภ.เล่า สมาชิกที่เหลือในบ้านมาประชุมพร้อมกันในห้องทำงานเสี่ยจิว คนรับใช้ถูกปลุกขึ้นมาทั้งบ้านเพื่อบริการแขก
“เราจะทำยังไงต่อล่ะน้าไหม”
จิรัฎฐ์เป็นคนแรกที่เริ่มขอความเห็นคนต้นคิดงานแต่งนี้ขึ้นมา
“น่าสงสารอามุกอี คงไม่อยากแต่งงานจริง ๆ ไม่รู้ตอนนี้จะไปลำบากอยู่ที่ไหน อาไหมเอาเงินคืนบ้านนั้นไปเลย ยกเลิกงานแต่งให้หมด”
เสี่ยจิวโวยวายใส่ภรรยา
“จะบ้าเหรอเฮีย เงินเป็นสิบล้าน จะปล่อยทิ้งไปฟรี ๆ เรอะ ไม่ว่ายัยมุกอยู่ไหน ฉันจะต้องตามมาแต่งงานให้ได้”
นางพิสมัยกดมือถือหาคุณนายสารวัตร ขอโทษขอโพยที่รบกวนตอนดึก แล้ววานให้ช่วยพูดกับสามีให้ตามหาทะเบียนรถพรสรวง หนึ่งชั่วโมงต่อมาก็พบว่ารถจอดอยู่ในลานหน้าเซเว่น สอบถามวินมอเตอร์ไซด์เล่าว่าได้ไปส่งหญิงสาวที่ท่ารถบขส.ตอนตีหนึ่ง แต่ไม่รู้เธอนั่งรถบัสโดยสารสายไหนไป
“ป่านนี้มุกคงหนีออกนอกจังหวัดไปแล้ว”
พี่ชายเอ่ยอย่างหมดหวัง
“เล้งมีเพื่อนเรียนโรงเรียนเดียวกันเป็นตำรวจทางหลวงไม่ใช่เหรอ ให้เขาสกัดจับน้องสิ”
“จะบ้าเหรอน้าไหม เรายังไม่รู้เลยว่ามุกนั่งรถไปที่ไหน แล้วใครมันจะไปมีอำนาจสกัดจับรถโดยสารขนาดนั้น เดี๋ยวเพื่อนผมก็ซวยตาย”
นางพิสมัยทำท่าฮึดฮัด หันมาทางมัญชุพร
“หมี่ น้องบอกอะไรแกบ้างไหม ว่าจะหนีไปที่ไหน”
“หมี่ไม่รู้เลยค่ะแม่ มุกไม่ได้บอกอะไรเลย”
เธอตอบพร้อมกับมือเย็นเฉียบ เข้าใจในเหตุผลที่แท้จริงที่พรสรวงหนีไปแล้ว
“นายเจมส์ล่ะ ติดต่อได้ไหม มุกต้องหนีไปหามันแน่” แต่แฟนน้องก็ไม่รับสาย
“โอ๊ย! ฉันอยากจะบ้า ใกล้จะเช้าแล้ว เดี๋ยวขบวนขันหมากก็จะมา”
มารดายกมือขึ้นทึ้งศีรษะ ท่าทางใกล้เสียสติจริงตามเจ้าตัวบอก
“บอกว่ามุกป่วยหนักดีไหมน้า แก้ผ้าเอาหน้ารอดไป”
“ขายผ้าเว้ยอาเล้ง!” เสี่ยจิวที่เชี่ยวชาญภาษาไทยอย่างยิ่งแก้คำพังเพยให้ลูกชาย
“แบบเกิดอุบัติเหตุ ตกส้วม ตกบันไดแบบนี้อ่ะ” หนุ่มหน้าซาลาเปายังเสนอความคิดเห็น
“ใครเขาจะเชื่อ ฟังก็รู้ว่าโกหก”
นางพิสมัยตัดบททันที เพราะมุกนี้คนใช้กันมาตั้งแต่สมัยพระเจ้าเหา
“แต่ก็ดีกว่าไปบอกเขาว่ามุกหายไปนะคะแม่”
“ใช่ ๆ นายกระทิงจะได้ไม่โกรธ ผมเคยได้ข่าวว่าเขาเคยอัดนักเลงต่างถิ่นโทษฐานที่มาเจ๊าะแจ๊ะอีตัวขาประจำของเขาด้วย”
มัญชุพรย่นจมูก ต้องหื่นกามแค่ไหนกันเชียว พงศพัศถึงมีผู้หญิงขายบริการขาประจำ แล้วนี่ติดโรคมาหรือเปล่า ดีแล้วที่พรสรวงหนีจากเขาไปได้
“ฉันจะได้โดนนายกระทิงถอนหงอกเอานะสิ”
รู้ว่าเขาไม่ชอบนาง แต่ด้วยเห็นว่าเดี๋ยวต้องเป็นทองแผ่นเดียวกัน นางพิสมัยจึงทำเป็นไม่สนใจท่าทีแข็ง ๆ กับวาจาห่าม ๆ นั้น แล้วนางจะทำอย่างไรดี เวลาก็เดินไปไม่หยุด อีกไม่นานก็สว่าง
เวลาแห่งความเคร่งเครียด ยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเป็นเม็ด ๆ ราวกับแต่ละคนอมถ่านร้อน ๆ ไว้แล้วนางพิสมัยก็มองไปที่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง มันสะท้อนเงานางที่ดูเพิ้ง เกินกว่าจะรับไหว ขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพมัชชุพร ที่หน้าขาวซีด“หมี่ ไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด!”มารดาตวัดสายตามาที่ร่างโปร่งระหง“คะ...”มัญชุพรเลิกคิ้ว“ลูกต้องเข้าพิธีแทนน้อง”นางตัดสินใจแล้ว จะให้งานล่มไม่ได้“เฮ้ย!” เป็นจิรัฎฐ์เองที่อุทานลั่น“เร็ว ๆ เลย”มารดาทำหน้าจริงจัง เหมือนตอนกำลังจะทำโทษเธอในวัยเด็กยามทำผิด“ไม่ได้นะน้าไหม มุกหนีไป มันเกี่ยวอะไรกับหมี่ด้วย เขามาขอมุกไม่ใช่หมี่”จิรัฎฐ์ค้านสุดฤทธิ์ ทั้งเพื่อตัวเองและสาวที่หมายปอง“คุณยายคำแก้วขอลูกสาวฉันกับเฮียให้แต่งงานกับหลานเขา ไม่ได้ระบุไว้แต่แรกว่าจะต้องเป็นคนไหน ฉันเองแหละที่เสนอยัยมุกไปเพราะเห็นว่าเหมาะสมดี”นางเฉลยที่มาของการแก้ปัญหา ระหว่างงานแต่งที่ไร้เจ้าสาว กับงานแต่งที่เจ้าสาวเป็นคนละคน นางเลือกอย่างหลังที่ดูฉาวน้อยกว่า“แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไป หมี่เข้าพิธีแทนน้อง ถ้าแม่ตามมุกเจอแล
“นี่มันอะไรกัน คุณพิสมัย เสี่ยจิว ทำไมเจ้าสาวผมถึงเป็นคนนี้”หากมีเข็มสักเล่มหล่นในห้อง ทุกคนคงได้ยินทั่วกันหมด เพราะเงียบเหลือเกิน“ขอคุยกันส่วนตัวสักครู่ค่ะ ให้แขกกับพระออกไปก่อน”นางพิสมัยพยักหน้าไปทางพิธีกร ซึ่งรีบเชิญให้แขกออกไปดื่มชากาแฟกันสักครู่ ในห้องจึงเหลือเพียงสมาชิกในครอบครัวเสี่ยจิว ส่วนทางบ้านพงศพัศก็เหลือเขา ยาย และสุนีย์“เกิดอะไรขึ้นเรอะแม่ไหม หนูมุกไปไหน”“ยัยมุกเอ่อ...ไม่ค่อยสบายค่ะ”“เขาเป็นอะไร”พงศพัศกอดอก หรี่ตาจับผิด“มุกอยู่โรงพยาบาลต้องนอนติดเตียงหมอห้ามเยี่ยมค่ะ”“อยู่โรงพยาบาลไหน ผมมีเพื่อนเป็นหมอหลายคน เดี๋ยวจะถามอาการ โรคอย่างนี้แปลกมาก ไม่เคยได้ยิน”“กระทิงหยุดเถอะ”ยายบัวแก้วปราม รู้ว่าหลานกำลังไล่เบี้ย“มีอะไรก็บอกมาตรง ๆ ดีกว่าแม่ไหม”สุนีย์เปิดกระเป๋าเตรียมหยิบยาดมรอยื่นให้ ถึงขนาดเปลี่ยนเจ้าสาว แสดงว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแบบไม่ธรรมดา“อามุกอีหนีงานแต่งไปแล้ว”เสี่ยจิวนั่นเองที่เป็นคนเฉลย นางพิสมัยขึงตามองสามีที่มีจิรัฐฎ์จับแขนพยุงอยู่ ยายบัวแก้วยกมือขึ้นแนบอก อีกมือก็รับยาดมจากสุนีย์ พงศพัศกวาดตามองสมาชิกทุกคนในบ้านเสี่ยจิวแล้วขบกราม ส่งสายตาดุดัน มัญช
ขบวนผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งออกไป เหลือเพียงบ่าวสาวอยู่ลำพังในห้อง พงศพัศลุกขึ้นยืดแข้งยืดบิดขี้เกียจ หลังจากนั้นตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอเลยมัญชุพรค่อย ๆ ลุกขึ้นเพราะเหน็บกิน พยุงตัวเองไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง มีกระเป๋าสะพายใบที่ใช้ประจำวางอยู่ เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูมีข้อความไลน์จากพรสรวงMoo_Mook:ขอโทษนะพี่หมี่ ตอนนี้ที่บ้านวุ่นวายมากไหมMi_Mhi:มากเลยล่ะมุก พี่ต้องแต่งงานแทนเธอหญิงสาวหันซ้ายแลขวา ประตูห้องน้ำยังปิดสนิทอยู่ คงอีกสักพักพงศพัศจะอาบน้ำเสร็จMoo_Mook:มุกขอโทษ แต่มุกจำเป็นจริง ๆ พี่หมี่รู้สาเหตุแล้วใช่ไหมMi_Hmi:อือมัญชุพรนึกถึงหลักฐานที่แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วย ยังหาจังหวะทิ้งไม่ได้Mi_Hmi:ตอนนี้มุกอยู่ไหนMoo_Mook:อยู่กับเจมส์แล้วMi_Hmi:เขาว่ายังไงบ้างMoo_Mook:พรุ่งนี้เขาจะมาเจอเตี่ยกับม๊า เราต้องอยู่กันแค่สองคนเพราะที่บ้านแต่ละคนต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับMi_Hmi:เข้มแข็งไว้นะ พี่เป็นกำลังให้หากถามว่าโกรธไหม มัญชุพรก็ตอบว่าโกรธ ...เธอไม่ใช่คนแสนดีขนาดนั้น แต่เมื่อทราบสาเหตุ และรู้ผลที่น้องสาวหนี เธอก็กล้ำกลืนคำดุด่าว่ากล่าวลงลำคอ ตอนนี้มีแต่คำว่าสงสาร
“ไหนบอกไม่มีแฟน”เมื่ออีกคนจากไปเขาก็หันมาไล่เบี้ยกับภรรยา“เฮียเล้งไม่ใช่แฟน เป็นพี่ชายฉัน”“มองตาเชื่อม มาชวนหนีแบบนี้น่ะเหรอ หมอนั่นไม่ใช่พี่จริงเธอนี่”ดวงตาคมเข้มภายใต้คิ้วรก ๆ มองหญิงสาวจับผิด มัญชุพรเชิดหน้าขึ้น เพื่อให้เขาเห็นว่าเธอยังมีศักดิ์ศรี“ไม่ใช่พี่แท้ แต่ฉันก็นับถือเฮียเล้งเหมือนพี่จริง ๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง”พงศพัศฟังจบก็เดินออกไปข้างนอก“ไอ้เข้โว้ย สั่งเพิ่มคนเฝ้าประตูทุกฝั่งในไร่ คอยดูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กูกลัวคนจะมาลักพาตัวตัวเมียไป”เขาตะโกนสั่งการันต์ แต่เสียงดังขนาดนี้คงได้ยินกันทั่วไร่แล้วกระมังมัญชุพรโกรธเขาที่คลางแคลงใจเธอ ในเรื่องไม่มีเหตุผล เธอจำต้องไปหลบในที่ที่ตนเองคิดว่าปลอดภัยคือห้องนอนเปิดโน้ตบุคนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตไม่นานก็เบื่อ ด้วยปรกติเธอไม่ค่อยใช้เวลาว่างในคอมพิวเตอร์หรือมือถือมากนัก เพราะต้องทำงานร้านเสี่ยจิวบาง ออกไปส่งของให้ลูกค้ากับจิรัฐฎ์บ้าง พอได้มาเป็นภรรยาเจ้าของไร่ดาวเรืองอย่างงง ๆ มัญชุพรจึงทำตัวไม่ถูกจะนอนกลางวันก็ไม่ใช่วิสัยปรกติ นั่งนิ่ง ๆ อยู่เฉย ๆ ยิ่งแล้วใหญ่ เธอจึงลงข้างล่าง คิดว่าโชคดีแล้วที่ไม่เห็นพงศพัศ ม
“คุณกระทิง พี่เข้”สาวน้อยส่งเสียงเรียกมาแต่ไกล หนึ่งหนุ่มโบกมือให้ ส่วนพงศพัศเท้าสะเอว“ไปไหนกันมา คุณหมี่สวัสดีคร๊าบ”การันต์ยิ้มให้ ส่วนเจ้านายหน้าบึ้ง“พี่เข้ทำงานเหนื่อยไหมจ๊ะ ส้มคิดถึง”คนเพิ่งลุกจากมอเตอร์ไซด์ส่งคำทักทายหวานจ๋อย“อย่ามาอ่อยนะน้อง ขาอ่อนพี่น่ะเธอไม่ได้เห็นหรอก”“งั้นคืนนี้นอนนอกห้อง”“โอ๊ย! อย่าใจร้ายอย่างนั้นสิจ๊ะส้มจ๋า พี่อ่ะเหนื้อย...เหนื่อย พอเห็นหน้าส้มพี่ก็ชื่นใจแล้ว”มัญชุพรอ้าปากเหวอกับถ้อยคำฉันชู้สาวแบบนั้น“มึงไปง้อเมียที่อื่นเลยไป กูเลี่ยน”เขาหันหลังให้“คุณหมี่ดูไว้นะคะ ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ไม่ค่อยเห็นค่าเรา”ส้มจี๊ดค้อนแกล้งเดินไปอีกฟากของร่มไม้เพื่อให้สามีตามมาอ้อน กลายเป็นว่ามัญชุพรต้องยืนอยู่กับเขา“ตรงนั้นน่ะ ไถดี ๆ สิวะ อย่าทำงานชุ่ย”พงศพัศตะโกนด่าลูกน้อง เสียงดังจนเธอสะดุ้ง“อย่ามาทำตัวสบาย ๆ กินแรงคนอื่นเขา”“จะด่าฉันก็พูดมาตรง ๆ เถอะค่ะ”มัญชุพรไม่โง่จนอ่านเจตนาเขาไม่ออก“คืนเงินสิบล้านมาสิ คุณจะได้ไม่ต้องโดนด่า”ตาเขามองรถไถแต่ปากยังโต้ตอบ มัญชุพรฉุนในกิริยานี้มาก จึงก้าวไปยืนประจันหน้าเขา“ฉันจะคืนคุณได้เร็วขึ้น ถ้าปล่อยให้ฉันไปหาเงินเอง
“ขึ้นมานอนบนเตียงนี่”เขาตบลงบนที่เดิมเป็นครั้งที่สอง หญิงสาวส่งสายตาไม่ไว้ใจ“ฉันไม่ปล้ำเธอหรอก วันนี้เหนื่อย ขี้เกียจมาต่อล้อต่อเถียงด้วย”“งั้นคุณไปนอนห้องอื่นสิ”“อย่างนั้นยายฉันก็สงสัยกันพอดี หรือเธอหาข้อแก้ตัวกับท่านได้”เธอชักคล้อยตามเหตุผลของเขา แต่ยังไม่ยอมแพ้“บอกว่าฉันนอนกรนสิ”พงศพัศมองนิ่งมองเธอแล้วหัวเราะพรืด“ขำอะไรน่ะคุณกระทิง” มัญชุพรชักเสียความมั่นใจเมื่อเขามีปฏิกิริยาเหมือนตลกมาก“เธอเป็นผู้หญิงคนแรกนะเนี่ยที่ยอมรับว่าตัวเองนอนกรน”“ฉันไม่ได้นอนกรนเสียหน่อย แค่สมมุติ”เธอทำปากยื่น ไม่พอใจในข้อกล่าวหา“งั้นก็พิสูจน์สิ มานอนกับฉัน”เวลาเขาอารมณ์ดี บรรยากาศรอบตัวแจ่มใสขึ้นเยอะ ในห้องนอนเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย“คุณต้องสาบานนะว่าจะไม่ทำอะไรฉัน”“ทำไมต้องสาบาน เดี๋ยวฟ้าก็ผ่าหรอก พ่อแม่ไม่เคยสอนหรือยังไง”ลับฝีปากกับเธอก็เพลินเหมือนกัน มัญชุพรทำให้เขาสนุก...ในอีกรูปแบบหนึ่ง“สาบานมันศักดิ์สิทธิ์กว่าสัญญา”คนที่ชักจะกลับมาเชื่อเรื่องงมงายแจง“เธอนี่ไม่รู้อะไรเลย คนเราถ้าจะทำผิด มันก็ไม่สนหรอกว่าจะสาบานหรือสัญญา”พงศพัศส่งยิ้มร้าย ชวนให้หญิงสาวขนลุก“ถ้าคุณอยากให้ฉันขึ้นไปนอน
“คุณกระทิง พี่เข้”ส้มจี๊ดส่งเสียงแจ๋ว ๆ ไปก่อนจะดับเครื่องมอเตอร์ไซด์“เอาข้าวกลางวันมาให้จ้ะ”การันต์หน้าบานแฉ่ง ขณะลูกพี่แกล้งหันหลังให้แต่หูกางฟังการสนทนา“คุณหมี่ลงมือทำน้ำสลัดให้เลยนะ ตีมายองเนสเองกับมือรัว ๆ แบบนี้”คนเล่าหมุนมือประกอบ“โอ้โห! ต้องอร่อยแน่ จริงไหมครับ ลูกพี่”“ยุ่งยากตายชัก เอาของง่าย ๆ มาให้กินก็ได้”คนหันหลังพูดทำลายบรรยากาศชื่นมื่นลงในทันใด มัญชุพรหน้าเจื่อน“ไม่เป็นไร ฉันถือสุภาษิต อยู่บ้านเขาอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น”แม้เสียงเรียบ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายคิ้วกระตุกได้“ส้มจี๊ดไปกันเถอะจ้ะ ปล่อยเขากินข้าวไป”เธอเดินไปทางมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่ เป็นผลให้อีกคนต้องวิ่งตาม“ลูกพี่นี่นิสัยไม่ดีเลย”การันต์เอ็ดคนตัวโตที่ยื่นนิ่งอยู่“อะไรของมึง”หันมา ลูกน้องก็หิ้วปิ่นโตไปวางใต้ต้นไม้ หาทำเลเหมาะในการกินมื้อกลางวัน“พูดอย่างนั้นกับเมียได้ยังไง”“ก็เขายุ่งจริง ๆ นี่หว่า ขี่รถตะลอนรอบไร่กับส้มจี๊ดแบบนั้น เกิดอุบัติเหตุมาจะทำยังไง”“อ้อ...ห่วงเมีย”ลูกน้องล้อ“ปากดีนักนะมึง ติดนิสัยส้มจี๊ดมาหรือยังไง”เขาทรุดตัวลงนั่งข้างคนสนิท ที่เอาปิ่นโตแต่ละชั้นวางเรีย
“ถ้าสักวันหนึ่งคุณมีเมียใหม่ล่ะ”มัญชุพรหาเหตุผลมาค้านเท่าที่นึกออก“ไม่มีเป็นตัวเป็นตนหรอก ฉันชอบซื้อกิน”“น่ากลัว เกิดคุณเอาโรคมาติดลูก”เธอเอามือลูบแขนด้วยความขยะแขยง“จะสนไปทำไม ในเมื่อพอคลอดลูกแล้วเธอก็ต้องไป” เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ“ฉันให้ลูกกับคุณไม่ได้หรอก เพราะคุณน่ะขาดคุณสมบัติความเป็นพ่อ ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของลูก”“แต่ฉันต้องการลูก ได้ยินไหม แล้วหน้าที่เธอคือคลอดลูกให้กับฉัน แล้วสิบล้านไม่ต้องใช้คืน เจ๊ากันไป”ข้อเสนอดี ๆ แบบนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงอ้าแขนรับ มีแต่มัญชุพรที่เกิดคุณธรรมสูงขึ้นมา แต่ไม่มีอะไรจะแข็งแกร่งเท่าอำนาจเงินหรอก“แค่นอนนิ่ง ๆ ก็จบแล้ว”“ฉันไม่ยอมมีเซ็กซ์กับคุณแน่ คนบ้ากาม”พงศพัศมองใบหน้าแดงซ่านนั้นแล้วหัวเราะ เธอคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะสิ“ฉันหมายถึงทำเด็กหลอดแก้วต่างหากล่ะ จืด ๆ อย่างเธอ แค่มานอนดิ้นเตียงฉันก็รำคาญแล้ว”“คุณกระทิงปากร้าย”“เธอนอนดิ้นนะหมี่ จำเอาไว้”“ไหนคุณสาบานว่าจะไม่แตะต้องฉัน”มัญชุพรส่งสายตาไม่ไว้ใจ เมื่อคืนเขาแอบลักเธอหรือเปล่า พงศพัศช่างไม่กลัวเทวดาฟ้าดินลงโทษเอาเสียเลย“แค่มอง นั่นไม่นับ อีกอย่างเธอก็เบียดฉันมาเอง” เขาหั