Share

Chapter 8 เจ้าสาวตัวแทน

เวลาแห่งความเคร่งเครียด ยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเป็นเม็ด ๆ ราวกับแต่ละคนอมถ่านร้อน ๆ ไว้

แล้วนางพิสมัยก็มองไปที่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง มันสะท้อนเงานางที่ดูเพิ้ง เกินกว่าจะรับไหว ขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพมัชชุพร ที่หน้าขาวซีด

“หมี่ ไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด!”

มารดาตวัดสายตามาที่ร่างโปร่งระหง

“คะ...”

มัญชุพรเลิกคิ้ว

“ลูกต้องเข้าพิธีแทนน้อง”

นางตัดสินใจแล้ว จะให้งานล่มไม่ได้

“เฮ้ย!” เป็นจิรัฎฐ์เองที่อุทานลั่น

“เร็ว ๆ เลย”

มารดาทำหน้าจริงจัง เหมือนตอนกำลังจะทำโทษเธอในวัยเด็กยามทำผิด

“ไม่ได้นะน้าไหม มุกหนีไป มันเกี่ยวอะไรกับหมี่ด้วย เขามาขอมุกไม่ใช่หมี่”

จิรัฎฐ์ค้านสุดฤทธิ์ ทั้งเพื่อตัวเองและสาวที่หมายปอง

“คุณยายคำแก้วขอลูกสาวฉันกับเฮียให้แต่งงานกับหลานเขา ไม่ได้ระบุไว้แต่แรกว่าจะต้องเป็นคนไหน ฉันเองแหละที่เสนอยัยมุกไปเพราะเห็นว่าเหมาะสมดี”

นางเฉลยที่มาของการแก้ปัญหา ระหว่างงานแต่งที่ไร้เจ้าสาว กับงานแต่งที่เจ้าสาวเป็นคนละคน นางเลือกอย่างหลังที่ดูฉาวน้อยกว่า

“แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไป หมี่เข้าพิธีแทนน้อง ถ้าแม่ตามมุกเจอแล้วจะรับหมี่กลับมาอยู่บ้านตามเดิม”

“บ้าไปแล้ว เตี่ย! ช่วยพูดกับน้าไหมที”

เขาขอความช่วยเหลือจากบิดา ซึ่งตอนนี้ทำท่าพิงเก้าอี้หมดแรงอยู่

“หรือเธอจะเข้าพิธีเองล่ะเล้ง”

หนุ่มหน้าซาลาเปาส่ายศีรษะ พลางเอามือลูบแขนด้วยท่าทางขนลุก

“แค่แสดงละคร ช่วยบ้านเราหน่อยนะหมี่” มารดาจับที่ไหล่เล็กของลูกสาว

“แม่จะไปเล่าความจริงให้คุณยายบัวแก้วฟังเอง หมี่แค่เข้าพิธีเท่านั้น”

“แต่...แล้วนายกระทิงละคะแม่ จะไม่โมโหจับหมี่หักคอเหรอ”

นึกถึงดวงตาดุคู่นั้น ใบหน้าบึ้งตึงที่เหมือนพร้อมจะฆ่าหมีด้วยมือเปล่าได้ ใจดวงน้อยของเธอก็แป้วลงไปมาก

“เขาก็ต้องยอมแต่งนั่นแหละ ถ้ายายบังคับเสียอย่าง”

มัญชุพรมองอาการหมดแรงของบิดาเลี้ยง มองมารดาตนในสภาพหัวฟูหมดสวย ในมือกำที่ตรวจครรภ์แน่นจนแทบกลืนเป็นเนื้อเดียวกับฝ่ามือ

“พี่หมี่...ช่วยมุกหน่อยนะ

หูแว่วได้ยินเสียงพรสรวง และอีกเสียงหนึ่งก็เป็นเสียงหัวใจดวงน้อย ของหลานในท้องน้องสาวเต้น

“ค่ะ แม่”

เป็นยังไงเป็นกันสิ...มัญชุพรคิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้มิใช่นอกจากกู้หน้าที่บ้านเท่านั้น ยังเป็นการช่วยน้องกับหลาน เธอหวังว่าพรสรวงจะหนีไปหาเจมส์ เมื่อทั้งสองตกลงกันได้ คงหาทางช่วยเธอให้ได้กลับมาอยู่บ้านอย่างปลอดภัย พ้นจากเงื้อมมือพงศพัศ

“ลูกพี่ ตื่น!”

การันต์ขึ้นมาปลุกเจ้านายตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง

“ลูกพี่ ๆ”

“เออ...รู้แล้ว ไม่ต้องเคาะมาก หนวกหู”

พงศพัศเปิดประตูห้องนอนตนด้วยสภาพผมยุ่ง อกเปลือยเปล่า สวมแต่กางเกงนอน

“คืนนี้ก็จะมีเมียแล้ว ยังแต่งตัวโป๊ ๆ นอนอีก เดี๋ยวก็โดนปล้ำหรอก”

คนสนิทยิ้มล้อเลียน

“ใครจะปล้ำ เดี๋ยวกูถีบให้”

เจ้าของร่างสูงเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง ซุกหน้าจมหมอน

“โธ่! แล้วกันลูกพี่ วันนี้มีงานแต่งนะ อย่าขี้เซา ลุกขึ้นมาแต่งตัว”

การันต์ส่ายศีรษะเท้าสะเอวมองเจ้าของห้อง

“คุณยายสั่งให้โกนหนวดตัดผม ก็ไม่ไปทำ”

สภาพว่าที่เจ้าบ่าวจึงยังเป็นมหาโจรเหมือนเดิม

“กูขี้เกียจ ไม่มีเวลา”

เสียงห้าวตอบผ่านหมอนมา

“อย่างน้อยก็โกนหนวดหน่อยเถอะ มา...เดี๋ยวผมช่วยเสริมหล่อ”

“ไม่เอา กูหวง ไว้มาตั้งนาน”

เรื่องอะไรเขาต้องเปลี่ยนตัวเองเพราะการแต่งงานด้วย เห็น ๆ กันอยู่ว่าไม่เต็มใจ ทำไปเพราะเงินล้วน ๆ

“เจ้าสาวเขาจะอายได้นา”

“ช่างสิวะ ถ้าอายก็ไม่ต้องแต่ง”

การันต์กลอกตา ปรกติพงศพัศเป็นเจ้านายที่เอาการเอางาน พึ่งพาได้ เพิ่งจะเห็นตอนจะแต่งงานนี่แหละ ว่าเจ้าตัวดื้อและต่อต้านขนาดไหน

“คุณยายให้ผมมาช่วยลูกพี่แต่งตัว ไม่งั้นท่านจะมาเองนะ”

หลานยายบัวแก้วยกหน้าขึ้นจากหมอน หรี่ตามองลูกน้อง

“บาปนะมึง เอายายกูมาขู่”

“ท่านพูดจริงต่างหาก คุณยายตื่นแล้วนะ ผมสวนกับยายสุนีย์ที่ชงชาไปให้ท่าน”

พงศพัศรู้ว่าการันต์พูดจริง เพราะยายบัวแก้วชอบดื่มชาร้อนในมื้อเช้า

“ยุ่งจริงว่ะ”

เขาบ่น ยอมลุกจากเตียง

“คุณยายบอกให้ไปห้องพระ ไหว้คุณทองโปรยกับคุณดาวเรืองก่อนไปด้วยนะลูกพี่”

ชายหนุ่มชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูห้องน้ำ

“ท่านบอกว่าให้ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล”

ไม่มีเสียงตอบจากคนตัวโต สักพักการันต์ได้ยินเสียงเปิดน้ำฝักบัว เขามองชุดไทยราชปะแตนด้วยดวงตาเป็นประกาย

ใครจะคิดหนอว่าจู่ ๆ พงศพัศก็จะได้แต่งงาน ลูกน้องคิดมาตลอดว่าเจ้านายชอบซื้อกิน ผูกปิ่นโตกับหญิงขายบริการคนงามในซ่อง คนที่เมาหัวราน้ำกับลูกน้อง หนุ่มที่ทำตัวโสดเสมอ จะมาเสร็จยายบัวแก้วโดยถูกจับคู่

ฝ่ายเจ้าสาวข่าวว่าสวย แต่เปรี้ยวเหลือหลาย ไร่ดาวเรืองคงครึกครื้นกันล่ะคราวนี้ ถึงขนาดมีการตั้งวงพนันว่าทายาทคนแรกของไร่จะถือกำเนิดเมื่อไร เจ้ามือไม่ใช่ใครที่ไหนคือสุนีย์นั่นเอง

การันต์ก็ลงพนันไปเหมือนกัน เขาเดิมพันไปว่าพงศพัศจะมีลูกในปีแรกของการแต่งงาน พนันแบบนี้เพราะเชื่อมั่นในความอึดถึกของเจ้านายเชียวนะเนี่ย

ช่างเป็นเช้าที่ทรมานที่สุดในชีวิตมัญชุพร เพราะเธอถูกจับรีดผม ฉีดสเปรย์ หน้าก็มีหลายมือมาแต่งแต้มให้ไม่หยุด ตาปรืออย่างกับคนง่วงตลอดเวลาเพราะแผงขนตาหนาหนัก สุดท้ายต้องมาใส่ชุดไทยแบบเดิมที่เคยลอง ซึ่งหน้าอกก็ยังคับเหมือนเดิม

“หมี่...ลูก สวยเหลือเกิน”

นางพิสมัยที่แปลงโฉมแล้วเช่นกัน นางอยู่ในชุดไทยผ้ากาบบัวเข้ามาดูความเรียบร้อย มารดาชมในความงามอันเหลือเชื่อของลูกคนโต

“เจ้าสาวผิวดี้...ดีนะคะคุณแม่ ไม่ต้องลงรองพื้นอะไรมาก”

ช่างแต่งหน้าปากหวาน

“จ้ะ เขาได้ผิวฉันมา”

อย่างน้อยก็พอได้มีเรื่องให้ดีใจบ้างหลังจากตื่นเช้านี้

“รออยู่ในนี้แหละ ตอนพระมาค่อยลงไป”

มัญชุพรทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้า มารดาลงไปดูความเรียบร้อยข้างนอก ทิ้งสาวใช้ไว้กับเธอหนึ่งคน โดยมัญชุพรไม่รู้เลยว่าสาวใช้ได้รับคำสั่งพิเศษ

“จับตาดูคุณหมี่เอาไว้ อย่าให้คลาดสายตา”

ผู้สั่งคือนางพิสมัย แม้มัญชุพรจะหัวอ่อน ตามใจมาตลอด แต่นาทีนี้นางไม่ไว้ใจ กลัวจะหนีหายไปเหมือนพรสรวงอีก

ผ่านไปสักพักประตูก็ถูกเคาะ คนที่เข้ามาคือจิรัฎฐ์

“เฮียเอาน้ำเต้าหู้ใส่เฉาก๊วยมาฝาก หมี่ยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหมล่ะ”

น้ำลายสอทันทีเมื่อนึกถึงมื้อเช้า น้ำเต้าหู้เขาเทจากขวด ใส่เฉาก๊วยซอง เอายัดไมโครเวฟ...แล้วก็เสร็จ

“หมี่สวยมากเลยวันนี้”

ทำเอาชายหนุ่มมือไม้สั่น แก้วน้ำเต้าหู้บนถาดแทบหล่น ปรกติมัญชุพรในสายตาจิรัฎฐ์ก็สวยอยู่แล้ว วันนี้กลับยิ่งสวยขึ้นไปอีก น่าเสียดาย เจ้าบ่าวน่าจะเป็นเขา เธอยกแก้วน้ำเต้าหู้ขึ้นจิบ ความอุ่น ข้นมัน ปนหวานอ่อน ๆ เรียกความสดชื่นในเช้าวันนี้ขึ้นมาได้อีกโข

“ให้เฮียไปคุยกับคุณยายบัวแก้วไหม ให้ล้มเลิกงานแต่ง ส่วนเงินเราค่อยทยอยใช้คืนไป”

หญิงสาวชะงัก กะพริบตาปริบ ๆ มองเขา

“เฮียอยากช่วย เห็นว่าหมี่ไม่สบายใจ น้าไหมบังคับเกินไป”

“ขอบคุณค่ะเฮีย หมี่ตัดสินใจไปแล้ว ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

มัญชุพรจะต้องผ่านวันนี้ไปให้ได้ แม้ต้องทนกับเสียงซุบซิบและสายตากังขาของแขกที่มาร่วมงานเมื่อเห็นเจ้าสาวเปลี่ยนคน

“นายกระทิงคงไม่ยอมให้ใครมาหลอกง่าย ๆ”

แม้เจอกันด้วยเรื่องานบ่อยครั้ง จิรัฎฐ์ยังเกรงทุกรอบยามอยู่ใกล้พงศพัศ

“เขาคงโกรธ แต่อาจไม่ถึงกับอาละวาดทำร้ายใคร บ้านเมืองมีกฎหมายนะคะ ถ้าเขาทำอะไรบ้า ๆ ขึ้นมา ก็แจ้งตำรวจ”

มัญชุพรปลอบใจตัวเองโดยการมองโลกในแง่ดี

“อีกอย่างวันนี้แม่กับเตี่ยเจอเรื่องหนัก ผิดหวังมาพอแล้ว หมี่สงสารทั้งสองคนค่ะ”

“หมี่เป็นคนดีเกินไปรู้ไหม”

จิรัฎฐ์พูดคำเดิมที่เคยบอกเธอมาแล้วหลายครั้ง

“ดี...จนโดนเอาเปรียบ”

“หมี่ไม่ดีขนาดนั้น เป็นคนธรรมดาเหมือนเฮียนั่นแหละค่ะ แต่อะไรที่พอทำได้ก็ช่วย ๆ กันไป ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน”

ในสายตามัญชุพร นับถือเขาประหนึ่งพี่ชาย จึงได้เมินความรู้สึกอีกฝ่าย

“อะแฮ่ม...”

นางพิสมัยแกล้งกระแอม นางเข้ามาดูสังเกตการณ์ลูกสาว แล้วเห็นประตูเปิดอยู่ จึงแอบเข้ามาเงียบ ๆ

“เล้งมีอะไรด่วนหรือเปล่า ไว้คุยกับหมี่ทีหลัง น้องต้องเตรียมตัว”

มารดามัญชุพร ไม่ได้รังเกียจจิรัฎ แต่นางก็ไม่เห็นด้วยหากลูกสาวจะรับรักเขา เพราะอยู่ใกล้ตัวกันเกินไป หากเกิดอะไรขึ้นมาในครอบครัวจะมองหน้ากันไม่ติด พาลเสี่ยงครอบครัวแตกแยกเสียเปล่า

 ความจริงนางก็มอง ๆ พวกข้าราชการในอำเภอให้มัญชุพรอยู่ ...เลือกแต่คนที่น่าจะเอื้ออำนวยความสะดวกให้ธุรกิจของเสี่ยจิว น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่แผนล่ม เพราะพรสรวงหนีไปเสียก่อน

“ผมเอาของกินมาให้หมี่ครับ เห็นยังไม่ได้กินอะไร”

ภายใต้ดวงตาหยีเล็กนั้นบ่งบอกว่ารู้เท่าทันความคิดอีกฝ่าย

“ขอบใจที่ห่วงหมี่ ลงไปอยู่เป็นเพื่อนเตี่ยข้างล่างเถอะ”

มารดาเลี้ยงไล่เขาอย่างเนียน ๆ จิรัฎฐ์ยิ้มเศร้าให้มัญชุพรก่อนเดินจากไป

“อุ๊ย! คุณกระทิง นี่ใจจะยอมเป็นเจ้าบ่าวมหาโจรอย่างนี้เหรอคะ แขกเหรื่อมิเอาไปลือกันหรอกเหรอว่าฉุดลูกสาวเขามาแต่ง”

สุรีย์ในเสื้อลูกไม้สีเหลือง นุ่งผ้าไหมสีฟ้าทักอย่างใส่จริต

“ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้แหละ ใครอยากแต่งก็แต่ง”

พงศพัศยักไหล่ ยายบัวแก้วส่ายศีรษะแบบปลง ๆ ยังดีที่หลานยอมเข้าพิธีหมั้น ถือว่ามีคนมาจับจองแล้ว เหลือพิธีแต่ง ตีตราว่ามีภรรยา หลังจากนั้นนางค่อยนอนตาหลับหน่อย

ยายบัวแก้วคิดว่าหญิงชายอยู่ด้วยกัน ทุกวันในบ้าน ทุกคืนในห้อง ย่อมต้องมีใจให้กันบ้าง พงศพัศไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ เขาดูดีมาดแมนสมชาย แต่จะทรงโจรไปหน่อยก็ตาม

หญิงชราโทรหานางพิสมัย บอกว่ากำลังจะออกจากไร่ คะเนให้พอมีเวลาตั้งขบวนแห่ขันหมากที่ปากซอย คนในไร่ตามไปร่วมงานด้วยถึงสามคันรถบรรทุก เพื่อให้สมเกียรติเจ้าของไร่ดาวเรือง พอถึงที่หมายก็เริ่มส่งเสียงโห่ฮิ้ว มโหรีบรรเลงเพลงครึกครื้น สุนีย์กับคนงานวัยครึ่งร้อยรำป้อหน้าขบวน

เสียงแห่ขันหมากเรียกให้สาว ๆ ในห้องมัญชุพร ชี้ชวนกันแอบดูที่หน้าต่าง เธอก็อยากเห็นเหมือนกัน ติดที่ชุดรัด บนหน้าก็ปรือหนักด้วยขนตา จำต้องนั่งนิ่ง เสียงใกล้ขึ้นมาเรื่อย ๆ สลับกับเสียงพิธีกรกล่าวต้อนรับ

ในอกมัญชุพรหัวใจเต้นจวนเจียนจะระเบิด หรือเป็นอาการปรกติของคนที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวหนอ มีความกังวลเข้ามาแทรก คิดว่าพงศพัศคงไม่ทำอะไรรุนแรง ...นั่นเฉพาะต่อหน้าคนอื่น แล้วลับหลังหลังยามอยู่กันสองคนล่ะ คืนนี้มัญชุพรต้องเข้าหอ อยู่เป็นผัวเมียกับเขาแล้วนะ เธอต้องคุยกับเขาอย่างไรดี ถึงจะรอดเงื้อมมือไปได้

“หมี่...หมี่” นางพิสมัยเขย่าตัวลูกสาว ทำเอาเธอกะพรือตาปริบ ๆ

“ลงไปข้างล่างได้แล้ว” มารดามัญชุพรจับจูงลงบันได เธอรู้สึกเป็นเด็กอายุสี่ขวบที่แม่พาไปโรงเรียนอนุบาลครั้งแรก

“อดทนไว้นะหมี่ คิดว่าเพื่อเตี่ยเพื่อแม่”

มือที่จับไว้นั้นเย็น นางพิสมัยก็ตื่นเต้นเหมือนกัน นี่เป็นงานแต่งของลูกสาวเชียวนะ แม้จะไม่ใช่คนที่คาดหวังไว้ก็ตาม

“ถ้าเจอมุกแล้ว แม่จะรีบพาน้องไปเปลี่ยนตัวกับหมี่ทันที”

นางหวังว่ามัญชุพรคงไม่ย่อยยับไปด้วยฝีมือพงศพัศก่อน ลูกสาวคนโตเป็นคนน่ารัก เป็นเด็กดี นางเชื่อว่าเสน่ห์นี้จะทำให้หนุ่มชาวไร่ทรงมหาโจรเห็นคุณงามความดีได้

“หมี่สูดลมหายใจลึก ๆ ยิ้มเข้าไว้ลูก”

สาวต่างวัยเดินมาจนสุดขั้นบันได มือมารดาบีบกระชับแน่น มัญชุพรก้าวเดินไปช้า ๆ สู้ห้องรับแขกที่กลายเป็นห้องทำพิธีสงฆ์ หูได้ยินคนรอบข้างฮือฮา แสงแฟลชถ่ายรูปรัว ๆ ทุกอย่างหยุดลงเมื่อมีเสียงก้องของเจ้าบ่าว

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status