เวลาแห่งความเคร่งเครียด ยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเป็นเม็ด ๆ ราวกับแต่ละคนอมถ่านร้อน ๆ ไว้
แล้วนางพิสมัยก็มองไปที่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง มันสะท้อนเงานางที่ดูเพิ้ง เกินกว่าจะรับไหว ขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพมัชชุพร ที่หน้าขาวซีด
“หมี่ ไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด!”
มารดาตวัดสายตามาที่ร่างโปร่งระหง
“คะ...”
มัญชุพรเลิกคิ้ว
“ลูกต้องเข้าพิธีแทนน้อง”
นางตัดสินใจแล้ว จะให้งานล่มไม่ได้
“เฮ้ย!” เป็นจิรัฎฐ์เองที่อุทานลั่น
“เร็ว ๆ เลย”
มารดาทำหน้าจริงจัง เหมือนตอนกำลังจะทำโทษเธอในวัยเด็กยามทำผิด
“ไม่ได้นะน้าไหม มุกหนีไป มันเกี่ยวอะไรกับหมี่ด้วย เขามาขอมุกไม่ใช่หมี่”
จิรัฎฐ์ค้านสุดฤทธิ์ ทั้งเพื่อตัวเองและสาวที่หมายปอง
“คุณยายคำแก้วขอลูกสาวฉันกับเฮียให้แต่งงานกับหลานเขา ไม่ได้ระบุไว้แต่แรกว่าจะต้องเป็นคนไหน ฉันเองแหละที่เสนอยัยมุกไปเพราะเห็นว่าเหมาะสมดี”
นางเฉลยที่มาของการแก้ปัญหา ระหว่างงานแต่งที่ไร้เจ้าสาว กับงานแต่งที่เจ้าสาวเป็นคนละคน นางเลือกอย่างหลังที่ดูฉาวน้อยกว่า
“แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไป หมี่เข้าพิธีแทนน้อง ถ้าแม่ตามมุกเจอแล้วจะรับหมี่กลับมาอยู่บ้านตามเดิม”
“บ้าไปแล้ว เตี่ย! ช่วยพูดกับน้าไหมที”
เขาขอความช่วยเหลือจากบิดา ซึ่งตอนนี้ทำท่าพิงเก้าอี้หมดแรงอยู่
“หรือเธอจะเข้าพิธีเองล่ะเล้ง”
หนุ่มหน้าซาลาเปาส่ายศีรษะ พลางเอามือลูบแขนด้วยท่าทางขนลุก
“แค่แสดงละคร ช่วยบ้านเราหน่อยนะหมี่” มารดาจับที่ไหล่เล็กของลูกสาว
“แม่จะไปเล่าความจริงให้คุณยายบัวแก้วฟังเอง หมี่แค่เข้าพิธีเท่านั้น”
“แต่...แล้วนายกระทิงละคะแม่ จะไม่โมโหจับหมี่หักคอเหรอ”
นึกถึงดวงตาดุคู่นั้น ใบหน้าบึ้งตึงที่เหมือนพร้อมจะฆ่าหมีด้วยมือเปล่าได้ ใจดวงน้อยของเธอก็แป้วลงไปมาก
“เขาก็ต้องยอมแต่งนั่นแหละ ถ้ายายบังคับเสียอย่าง”
มัญชุพรมองอาการหมดแรงของบิดาเลี้ยง มองมารดาตนในสภาพหัวฟูหมดสวย ในมือกำที่ตรวจครรภ์แน่นจนแทบกลืนเป็นเนื้อเดียวกับฝ่ามือ
“พี่หมี่...ช่วยมุกหน่อยนะ”
หูแว่วได้ยินเสียงพรสรวง และอีกเสียงหนึ่งก็เป็นเสียงหัวใจดวงน้อย ของหลานในท้องน้องสาวเต้น
“ค่ะ แม่”
เป็นยังไงเป็นกันสิ...มัญชุพรคิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้มิใช่นอกจากกู้หน้าที่บ้านเท่านั้น ยังเป็นการช่วยน้องกับหลาน เธอหวังว่าพรสรวงจะหนีไปหาเจมส์ เมื่อทั้งสองตกลงกันได้ คงหาทางช่วยเธอให้ได้กลับมาอยู่บ้านอย่างปลอดภัย พ้นจากเงื้อมมือพงศพัศ
“ลูกพี่ ตื่น!”
การันต์ขึ้นมาปลุกเจ้านายตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง
“ลูกพี่ ๆ”
“เออ...รู้แล้ว ไม่ต้องเคาะมาก หนวกหู”
พงศพัศเปิดประตูห้องนอนตนด้วยสภาพผมยุ่ง อกเปลือยเปล่า สวมแต่กางเกงนอน
“คืนนี้ก็จะมีเมียแล้ว ยังแต่งตัวโป๊ ๆ นอนอีก เดี๋ยวก็โดนปล้ำหรอก”
คนสนิทยิ้มล้อเลียน
“ใครจะปล้ำ เดี๋ยวกูถีบให้”
เจ้าของร่างสูงเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง ซุกหน้าจมหมอน
“โธ่! แล้วกันลูกพี่ วันนี้มีงานแต่งนะ อย่าขี้เซา ลุกขึ้นมาแต่งตัว”
การันต์ส่ายศีรษะเท้าสะเอวมองเจ้าของห้อง
“คุณยายสั่งให้โกนหนวดตัดผม ก็ไม่ไปทำ”
สภาพว่าที่เจ้าบ่าวจึงยังเป็นมหาโจรเหมือนเดิม
“กูขี้เกียจ ไม่มีเวลา”
เสียงห้าวตอบผ่านหมอนมา
“อย่างน้อยก็โกนหนวดหน่อยเถอะ มา...เดี๋ยวผมช่วยเสริมหล่อ”
“ไม่เอา กูหวง ไว้มาตั้งนาน”
เรื่องอะไรเขาต้องเปลี่ยนตัวเองเพราะการแต่งงานด้วย เห็น ๆ กันอยู่ว่าไม่เต็มใจ ทำไปเพราะเงินล้วน ๆ
“เจ้าสาวเขาจะอายได้นา”
“ช่างสิวะ ถ้าอายก็ไม่ต้องแต่ง”
การันต์กลอกตา ปรกติพงศพัศเป็นเจ้านายที่เอาการเอางาน พึ่งพาได้ เพิ่งจะเห็นตอนจะแต่งงานนี่แหละ ว่าเจ้าตัวดื้อและต่อต้านขนาดไหน
“คุณยายให้ผมมาช่วยลูกพี่แต่งตัว ไม่งั้นท่านจะมาเองนะ”
หลานยายบัวแก้วยกหน้าขึ้นจากหมอน หรี่ตามองลูกน้อง
“บาปนะมึง เอายายกูมาขู่”
“ท่านพูดจริงต่างหาก คุณยายตื่นแล้วนะ ผมสวนกับยายสุนีย์ที่ชงชาไปให้ท่าน”
พงศพัศรู้ว่าการันต์พูดจริง เพราะยายบัวแก้วชอบดื่มชาร้อนในมื้อเช้า
“ยุ่งจริงว่ะ”
เขาบ่น ยอมลุกจากเตียง
“คุณยายบอกให้ไปห้องพระ ไหว้คุณทองโปรยกับคุณดาวเรืองก่อนไปด้วยนะลูกพี่”
ชายหนุ่มชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูห้องน้ำ
“ท่านบอกว่าให้ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคล”
ไม่มีเสียงตอบจากคนตัวโต สักพักการันต์ได้ยินเสียงเปิดน้ำฝักบัว เขามองชุดไทยราชปะแตนด้วยดวงตาเป็นประกาย
ใครจะคิดหนอว่าจู่ ๆ พงศพัศก็จะได้แต่งงาน ลูกน้องคิดมาตลอดว่าเจ้านายชอบซื้อกิน ผูกปิ่นโตกับหญิงขายบริการคนงามในซ่อง คนที่เมาหัวราน้ำกับลูกน้อง หนุ่มที่ทำตัวโสดเสมอ จะมาเสร็จยายบัวแก้วโดยถูกจับคู่
ฝ่ายเจ้าสาวข่าวว่าสวย แต่เปรี้ยวเหลือหลาย ไร่ดาวเรืองคงครึกครื้นกันล่ะคราวนี้ ถึงขนาดมีการตั้งวงพนันว่าทายาทคนแรกของไร่จะถือกำเนิดเมื่อไร เจ้ามือไม่ใช่ใครที่ไหนคือสุนีย์นั่นเอง
การันต์ก็ลงพนันไปเหมือนกัน เขาเดิมพันไปว่าพงศพัศจะมีลูกในปีแรกของการแต่งงาน พนันแบบนี้เพราะเชื่อมั่นในความอึดถึกของเจ้านายเชียวนะเนี่ย
ช่างเป็นเช้าที่ทรมานที่สุดในชีวิตมัญชุพร เพราะเธอถูกจับรีดผม ฉีดสเปรย์ หน้าก็มีหลายมือมาแต่งแต้มให้ไม่หยุด ตาปรืออย่างกับคนง่วงตลอดเวลาเพราะแผงขนตาหนาหนัก สุดท้ายต้องมาใส่ชุดไทยแบบเดิมที่เคยลอง ซึ่งหน้าอกก็ยังคับเหมือนเดิม
“หมี่...ลูก สวยเหลือเกิน”
นางพิสมัยที่แปลงโฉมแล้วเช่นกัน นางอยู่ในชุดไทยผ้ากาบบัวเข้ามาดูความเรียบร้อย มารดาชมในความงามอันเหลือเชื่อของลูกคนโต
“เจ้าสาวผิวดี้...ดีนะคะคุณแม่ ไม่ต้องลงรองพื้นอะไรมาก”
ช่างแต่งหน้าปากหวาน
“จ้ะ เขาได้ผิวฉันมา”
อย่างน้อยก็พอได้มีเรื่องให้ดีใจบ้างหลังจากตื่นเช้านี้
“รออยู่ในนี้แหละ ตอนพระมาค่อยลงไป”
มัญชุพรทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้า มารดาลงไปดูความเรียบร้อยข้างนอก ทิ้งสาวใช้ไว้กับเธอหนึ่งคน โดยมัญชุพรไม่รู้เลยว่าสาวใช้ได้รับคำสั่งพิเศษ
“จับตาดูคุณหมี่เอาไว้ อย่าให้คลาดสายตา”
ผู้สั่งคือนางพิสมัย แม้มัญชุพรจะหัวอ่อน ตามใจมาตลอด แต่นาทีนี้นางไม่ไว้ใจ กลัวจะหนีหายไปเหมือนพรสรวงอีก
ผ่านไปสักพักประตูก็ถูกเคาะ คนที่เข้ามาคือจิรัฎฐ์
“เฮียเอาน้ำเต้าหู้ใส่เฉาก๊วยมาฝาก หมี่ยังไม่ได้กินอะไรใช่ไหมล่ะ”
น้ำลายสอทันทีเมื่อนึกถึงมื้อเช้า น้ำเต้าหู้เขาเทจากขวด ใส่เฉาก๊วยซอง เอายัดไมโครเวฟ...แล้วก็เสร็จ
“หมี่สวยมากเลยวันนี้”
ทำเอาชายหนุ่มมือไม้สั่น แก้วน้ำเต้าหู้บนถาดแทบหล่น ปรกติมัญชุพรในสายตาจิรัฎฐ์ก็สวยอยู่แล้ว วันนี้กลับยิ่งสวยขึ้นไปอีก น่าเสียดาย เจ้าบ่าวน่าจะเป็นเขา เธอยกแก้วน้ำเต้าหู้ขึ้นจิบ ความอุ่น ข้นมัน ปนหวานอ่อน ๆ เรียกความสดชื่นในเช้าวันนี้ขึ้นมาได้อีกโข
“ให้เฮียไปคุยกับคุณยายบัวแก้วไหม ให้ล้มเลิกงานแต่ง ส่วนเงินเราค่อยทยอยใช้คืนไป”
หญิงสาวชะงัก กะพริบตาปริบ ๆ มองเขา
“เฮียอยากช่วย เห็นว่าหมี่ไม่สบายใจ น้าไหมบังคับเกินไป”
“ขอบคุณค่ะเฮีย หมี่ตัดสินใจไปแล้ว ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”
มัญชุพรจะต้องผ่านวันนี้ไปให้ได้ แม้ต้องทนกับเสียงซุบซิบและสายตากังขาของแขกที่มาร่วมงานเมื่อเห็นเจ้าสาวเปลี่ยนคน
“นายกระทิงคงไม่ยอมให้ใครมาหลอกง่าย ๆ”
แม้เจอกันด้วยเรื่องานบ่อยครั้ง จิรัฎฐ์ยังเกรงทุกรอบยามอยู่ใกล้พงศพัศ
“เขาคงโกรธ แต่อาจไม่ถึงกับอาละวาดทำร้ายใคร บ้านเมืองมีกฎหมายนะคะ ถ้าเขาทำอะไรบ้า ๆ ขึ้นมา ก็แจ้งตำรวจ”
มัญชุพรปลอบใจตัวเองโดยการมองโลกในแง่ดี
“อีกอย่างวันนี้แม่กับเตี่ยเจอเรื่องหนัก ผิดหวังมาพอแล้ว หมี่สงสารทั้งสองคนค่ะ”
“หมี่เป็นคนดีเกินไปรู้ไหม”
จิรัฎฐ์พูดคำเดิมที่เคยบอกเธอมาแล้วหลายครั้ง
“ดี...จนโดนเอาเปรียบ”
“หมี่ไม่ดีขนาดนั้น เป็นคนธรรมดาเหมือนเฮียนั่นแหละค่ะ แต่อะไรที่พอทำได้ก็ช่วย ๆ กันไป ยังไงเราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน”
ในสายตามัญชุพร นับถือเขาประหนึ่งพี่ชาย จึงได้เมินความรู้สึกอีกฝ่าย
“อะแฮ่ม...”
นางพิสมัยแกล้งกระแอม นางเข้ามาดูสังเกตการณ์ลูกสาว แล้วเห็นประตูเปิดอยู่ จึงแอบเข้ามาเงียบ ๆ
“เล้งมีอะไรด่วนหรือเปล่า ไว้คุยกับหมี่ทีหลัง น้องต้องเตรียมตัว”
มารดามัญชุพร ไม่ได้รังเกียจจิรัฎ แต่นางก็ไม่เห็นด้วยหากลูกสาวจะรับรักเขา เพราะอยู่ใกล้ตัวกันเกินไป หากเกิดอะไรขึ้นมาในครอบครัวจะมองหน้ากันไม่ติด พาลเสี่ยงครอบครัวแตกแยกเสียเปล่า
ความจริงนางก็มอง ๆ พวกข้าราชการในอำเภอให้มัญชุพรอยู่ ...เลือกแต่คนที่น่าจะเอื้ออำนวยความสะดวกให้ธุรกิจของเสี่ยจิว น่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่แผนล่ม เพราะพรสรวงหนีไปเสียก่อน
“ผมเอาของกินมาให้หมี่ครับ เห็นยังไม่ได้กินอะไร”
ภายใต้ดวงตาหยีเล็กนั้นบ่งบอกว่ารู้เท่าทันความคิดอีกฝ่าย
“ขอบใจที่ห่วงหมี่ ลงไปอยู่เป็นเพื่อนเตี่ยข้างล่างเถอะ”
มารดาเลี้ยงไล่เขาอย่างเนียน ๆ จิรัฎฐ์ยิ้มเศร้าให้มัญชุพรก่อนเดินจากไป
“อุ๊ย! คุณกระทิง นี่ใจจะยอมเป็นเจ้าบ่าวมหาโจรอย่างนี้เหรอคะ แขกเหรื่อมิเอาไปลือกันหรอกเหรอว่าฉุดลูกสาวเขามาแต่ง”
สุรีย์ในเสื้อลูกไม้สีเหลือง นุ่งผ้าไหมสีฟ้าทักอย่างใส่จริต
“ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้แหละ ใครอยากแต่งก็แต่ง”
พงศพัศยักไหล่ ยายบัวแก้วส่ายศีรษะแบบปลง ๆ ยังดีที่หลานยอมเข้าพิธีหมั้น ถือว่ามีคนมาจับจองแล้ว เหลือพิธีแต่ง ตีตราว่ามีภรรยา หลังจากนั้นนางค่อยนอนตาหลับหน่อย
ยายบัวแก้วคิดว่าหญิงชายอยู่ด้วยกัน ทุกวันในบ้าน ทุกคืนในห้อง ย่อมต้องมีใจให้กันบ้าง พงศพัศไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่ เขาดูดีมาดแมนสมชาย แต่จะทรงโจรไปหน่อยก็ตาม
หญิงชราโทรหานางพิสมัย บอกว่ากำลังจะออกจากไร่ คะเนให้พอมีเวลาตั้งขบวนแห่ขันหมากที่ปากซอย คนในไร่ตามไปร่วมงานด้วยถึงสามคันรถบรรทุก เพื่อให้สมเกียรติเจ้าของไร่ดาวเรือง พอถึงที่หมายก็เริ่มส่งเสียงโห่ฮิ้ว มโหรีบรรเลงเพลงครึกครื้น สุนีย์กับคนงานวัยครึ่งร้อยรำป้อหน้าขบวน
เสียงแห่ขันหมากเรียกให้สาว ๆ ในห้องมัญชุพร ชี้ชวนกันแอบดูที่หน้าต่าง เธอก็อยากเห็นเหมือนกัน ติดที่ชุดรัด บนหน้าก็ปรือหนักด้วยขนตา จำต้องนั่งนิ่ง เสียงใกล้ขึ้นมาเรื่อย ๆ สลับกับเสียงพิธีกรกล่าวต้อนรับ
ในอกมัญชุพรหัวใจเต้นจวนเจียนจะระเบิด หรือเป็นอาการปรกติของคนที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวหนอ มีความกังวลเข้ามาแทรก คิดว่าพงศพัศคงไม่ทำอะไรรุนแรง ...นั่นเฉพาะต่อหน้าคนอื่น แล้วลับหลังหลังยามอยู่กันสองคนล่ะ คืนนี้มัญชุพรต้องเข้าหอ อยู่เป็นผัวเมียกับเขาแล้วนะ เธอต้องคุยกับเขาอย่างไรดี ถึงจะรอดเงื้อมมือไปได้
“หมี่...หมี่” นางพิสมัยเขย่าตัวลูกสาว ทำเอาเธอกะพรือตาปริบ ๆ
“ลงไปข้างล่างได้แล้ว” มารดามัญชุพรจับจูงลงบันได เธอรู้สึกเป็นเด็กอายุสี่ขวบที่แม่พาไปโรงเรียนอนุบาลครั้งแรก
“อดทนไว้นะหมี่ คิดว่าเพื่อเตี่ยเพื่อแม่”
มือที่จับไว้นั้นเย็น นางพิสมัยก็ตื่นเต้นเหมือนกัน นี่เป็นงานแต่งของลูกสาวเชียวนะ แม้จะไม่ใช่คนที่คาดหวังไว้ก็ตาม
“ถ้าเจอมุกแล้ว แม่จะรีบพาน้องไปเปลี่ยนตัวกับหมี่ทันที”
นางหวังว่ามัญชุพรคงไม่ย่อยยับไปด้วยฝีมือพงศพัศก่อน ลูกสาวคนโตเป็นคนน่ารัก เป็นเด็กดี นางเชื่อว่าเสน่ห์นี้จะทำให้หนุ่มชาวไร่ทรงมหาโจรเห็นคุณงามความดีได้
“หมี่สูดลมหายใจลึก ๆ ยิ้มเข้าไว้ลูก”
สาวต่างวัยเดินมาจนสุดขั้นบันได มือมารดาบีบกระชับแน่น มัญชุพรก้าวเดินไปช้า ๆ สู้ห้องรับแขกที่กลายเป็นห้องทำพิธีสงฆ์ หูได้ยินคนรอบข้างฮือฮา แสงแฟลชถ่ายรูปรัว ๆ ทุกอย่างหยุดลงเมื่อมีเสียงก้องของเจ้าบ่าว
“นี่มันอะไรกัน คุณพิสมัย เสี่ยจิว ทำไมเจ้าสาวผมถึงเป็นคนนี้”หากมีเข็มสักเล่มหล่นในห้อง ทุกคนคงได้ยินทั่วกันหมด เพราะเงียบเหลือเกิน“ขอคุยกันส่วนตัวสักครู่ค่ะ ให้แขกกับพระออกไปก่อน”นางพิสมัยพยักหน้าไปทางพิธีกร ซึ่งรีบเชิญให้แขกออกไปดื่มชากาแฟกันสักครู่ ในห้องจึงเหลือเพียงสมาชิกในครอบครัวเสี่ยจิว ส่วนทางบ้านพงศพัศก็เหลือเขา ยาย และสุนีย์“เกิดอะไรขึ้นเรอะแม่ไหม หนูมุกไปไหน”“ยัยมุกเอ่อ...ไม่ค่อยสบายค่ะ”“เขาเป็นอะไร”พงศพัศกอดอก หรี่ตาจับผิด“มุกอยู่โรงพยาบาลต้องนอนติดเตียงหมอห้ามเยี่ยมค่ะ”“อยู่โรงพยาบาลไหน ผมมีเพื่อนเป็นหมอหลายคน เดี๋ยวจะถามอาการ โรคอย่างนี้แปลกมาก ไม่เคยได้ยิน”“กระทิงหยุดเถอะ”ยายบัวแก้วปราม รู้ว่าหลานกำลังไล่เบี้ย“มีอะไรก็บอกมาตรง ๆ ดีกว่าแม่ไหม”สุนีย์เปิดกระเป๋าเตรียมหยิบยาดมรอยื่นให้ ถึงขนาดเปลี่ยนเจ้าสาว แสดงว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแบบไม่ธรรมดา“อามุกอีหนีงานแต่งไปแล้ว”เสี่ยจิวนั่นเองที่เป็นคนเฉลย นางพิสมัยขึงตามองสามีที่มีจิรัฐฎ์จับแขนพยุงอยู่ ยายบัวแก้วยกมือขึ้นแนบอก อีกมือก็รับยาดมจากสุนีย์ พงศพัศกวาดตามองสมาชิกทุกคนในบ้านเสี่ยจิวแล้วขบกราม ส่งสายตาดุดัน มัญช
ขบวนผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งออกไป เหลือเพียงบ่าวสาวอยู่ลำพังในห้อง พงศพัศลุกขึ้นยืดแข้งยืดบิดขี้เกียจ หลังจากนั้นตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอเลยมัญชุพรค่อย ๆ ลุกขึ้นเพราะเหน็บกิน พยุงตัวเองไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง มีกระเป๋าสะพายใบที่ใช้ประจำวางอยู่ เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูมีข้อความไลน์จากพรสรวงMoo_Mook:ขอโทษนะพี่หมี่ ตอนนี้ที่บ้านวุ่นวายมากไหมMi_Mhi:มากเลยล่ะมุก พี่ต้องแต่งงานแทนเธอหญิงสาวหันซ้ายแลขวา ประตูห้องน้ำยังปิดสนิทอยู่ คงอีกสักพักพงศพัศจะอาบน้ำเสร็จMoo_Mook:มุกขอโทษ แต่มุกจำเป็นจริง ๆ พี่หมี่รู้สาเหตุแล้วใช่ไหมMi_Hmi:อือมัญชุพรนึกถึงหลักฐานที่แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วย ยังหาจังหวะทิ้งไม่ได้Mi_Hmi:ตอนนี้มุกอยู่ไหนMoo_Mook:อยู่กับเจมส์แล้วMi_Hmi:เขาว่ายังไงบ้างMoo_Mook:พรุ่งนี้เขาจะมาเจอเตี่ยกับม๊า เราต้องอยู่กันแค่สองคนเพราะที่บ้านแต่ละคนต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับMi_Hmi:เข้มแข็งไว้นะ พี่เป็นกำลังให้หากถามว่าโกรธไหม มัญชุพรก็ตอบว่าโกรธ ...เธอไม่ใช่คนแสนดีขนาดนั้น แต่เมื่อทราบสาเหตุ และรู้ผลที่น้องสาวหนี เธอก็กล้ำกลืนคำดุด่าว่ากล่าวลงลำคอ ตอนนี้มีแต่คำว่าสงสาร
“ไหนบอกไม่มีแฟน”เมื่ออีกคนจากไปเขาก็หันมาไล่เบี้ยกับภรรยา“เฮียเล้งไม่ใช่แฟน เป็นพี่ชายฉัน”“มองตาเชื่อม มาชวนหนีแบบนี้น่ะเหรอ หมอนั่นไม่ใช่พี่จริงเธอนี่”ดวงตาคมเข้มภายใต้คิ้วรก ๆ มองหญิงสาวจับผิด มัญชุพรเชิดหน้าขึ้น เพื่อให้เขาเห็นว่าเธอยังมีศักดิ์ศรี“ไม่ใช่พี่แท้ แต่ฉันก็นับถือเฮียเล้งเหมือนพี่จริง ๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง”พงศพัศฟังจบก็เดินออกไปข้างนอก“ไอ้เข้โว้ย สั่งเพิ่มคนเฝ้าประตูทุกฝั่งในไร่ คอยดูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กูกลัวคนจะมาลักพาตัวตัวเมียไป”เขาตะโกนสั่งการันต์ แต่เสียงดังขนาดนี้คงได้ยินกันทั่วไร่แล้วกระมังมัญชุพรโกรธเขาที่คลางแคลงใจเธอ ในเรื่องไม่มีเหตุผล เธอจำต้องไปหลบในที่ที่ตนเองคิดว่าปลอดภัยคือห้องนอนเปิดโน้ตบุคนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตไม่นานก็เบื่อ ด้วยปรกติเธอไม่ค่อยใช้เวลาว่างในคอมพิวเตอร์หรือมือถือมากนัก เพราะต้องทำงานร้านเสี่ยจิวบาง ออกไปส่งของให้ลูกค้ากับจิรัฐฎ์บ้าง พอได้มาเป็นภรรยาเจ้าของไร่ดาวเรืองอย่างงง ๆ มัญชุพรจึงทำตัวไม่ถูกจะนอนกลางวันก็ไม่ใช่วิสัยปรกติ นั่งนิ่ง ๆ อยู่เฉย ๆ ยิ่งแล้วใหญ่ เธอจึงลงข้างล่าง คิดว่าโชคดีแล้วที่ไม่เห็นพงศพัศ ม
“คุณกระทิง พี่เข้”สาวน้อยส่งเสียงเรียกมาแต่ไกล หนึ่งหนุ่มโบกมือให้ ส่วนพงศพัศเท้าสะเอว“ไปไหนกันมา คุณหมี่สวัสดีคร๊าบ”การันต์ยิ้มให้ ส่วนเจ้านายหน้าบึ้ง“พี่เข้ทำงานเหนื่อยไหมจ๊ะ ส้มคิดถึง”คนเพิ่งลุกจากมอเตอร์ไซด์ส่งคำทักทายหวานจ๋อย“อย่ามาอ่อยนะน้อง ขาอ่อนพี่น่ะเธอไม่ได้เห็นหรอก”“งั้นคืนนี้นอนนอกห้อง”“โอ๊ย! อย่าใจร้ายอย่างนั้นสิจ๊ะส้มจ๋า พี่อ่ะเหนื้อย...เหนื่อย พอเห็นหน้าส้มพี่ก็ชื่นใจแล้ว”มัญชุพรอ้าปากเหวอกับถ้อยคำฉันชู้สาวแบบนั้น“มึงไปง้อเมียที่อื่นเลยไป กูเลี่ยน”เขาหันหลังให้“คุณหมี่ดูไว้นะคะ ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ไม่ค่อยเห็นค่าเรา”ส้มจี๊ดค้อนแกล้งเดินไปอีกฟากของร่มไม้เพื่อให้สามีตามมาอ้อน กลายเป็นว่ามัญชุพรต้องยืนอยู่กับเขา“ตรงนั้นน่ะ ไถดี ๆ สิวะ อย่าทำงานชุ่ย”พงศพัศตะโกนด่าลูกน้อง เสียงดังจนเธอสะดุ้ง“อย่ามาทำตัวสบาย ๆ กินแรงคนอื่นเขา”“จะด่าฉันก็พูดมาตรง ๆ เถอะค่ะ”มัญชุพรไม่โง่จนอ่านเจตนาเขาไม่ออก“คืนเงินสิบล้านมาสิ คุณจะได้ไม่ต้องโดนด่า”ตาเขามองรถไถแต่ปากยังโต้ตอบ มัญชุพรฉุนในกิริยานี้มาก จึงก้าวไปยืนประจันหน้าเขา“ฉันจะคืนคุณได้เร็วขึ้น ถ้าปล่อยให้ฉันไปหาเงินเอง
“ขึ้นมานอนบนเตียงนี่”เขาตบลงบนที่เดิมเป็นครั้งที่สอง หญิงสาวส่งสายตาไม่ไว้ใจ“ฉันไม่ปล้ำเธอหรอก วันนี้เหนื่อย ขี้เกียจมาต่อล้อต่อเถียงด้วย”“งั้นคุณไปนอนห้องอื่นสิ”“อย่างนั้นยายฉันก็สงสัยกันพอดี หรือเธอหาข้อแก้ตัวกับท่านได้”เธอชักคล้อยตามเหตุผลของเขา แต่ยังไม่ยอมแพ้“บอกว่าฉันนอนกรนสิ”พงศพัศมองนิ่งมองเธอแล้วหัวเราะพรืด“ขำอะไรน่ะคุณกระทิง” มัญชุพรชักเสียความมั่นใจเมื่อเขามีปฏิกิริยาเหมือนตลกมาก“เธอเป็นผู้หญิงคนแรกนะเนี่ยที่ยอมรับว่าตัวเองนอนกรน”“ฉันไม่ได้นอนกรนเสียหน่อย แค่สมมุติ”เธอทำปากยื่น ไม่พอใจในข้อกล่าวหา“งั้นก็พิสูจน์สิ มานอนกับฉัน”เวลาเขาอารมณ์ดี บรรยากาศรอบตัวแจ่มใสขึ้นเยอะ ในห้องนอนเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย“คุณต้องสาบานนะว่าจะไม่ทำอะไรฉัน”“ทำไมต้องสาบาน เดี๋ยวฟ้าก็ผ่าหรอก พ่อแม่ไม่เคยสอนหรือยังไง”ลับฝีปากกับเธอก็เพลินเหมือนกัน มัญชุพรทำให้เขาสนุก...ในอีกรูปแบบหนึ่ง“สาบานมันศักดิ์สิทธิ์กว่าสัญญา”คนที่ชักจะกลับมาเชื่อเรื่องงมงายแจง“เธอนี่ไม่รู้อะไรเลย คนเราถ้าจะทำผิด มันก็ไม่สนหรอกว่าจะสาบานหรือสัญญา”พงศพัศส่งยิ้มร้าย ชวนให้หญิงสาวขนลุก“ถ้าคุณอยากให้ฉันขึ้นไปนอน
“คุณกระทิง พี่เข้”ส้มจี๊ดส่งเสียงแจ๋ว ๆ ไปก่อนจะดับเครื่องมอเตอร์ไซด์“เอาข้าวกลางวันมาให้จ้ะ”การันต์หน้าบานแฉ่ง ขณะลูกพี่แกล้งหันหลังให้แต่หูกางฟังการสนทนา“คุณหมี่ลงมือทำน้ำสลัดให้เลยนะ ตีมายองเนสเองกับมือรัว ๆ แบบนี้”คนเล่าหมุนมือประกอบ“โอ้โห! ต้องอร่อยแน่ จริงไหมครับ ลูกพี่”“ยุ่งยากตายชัก เอาของง่าย ๆ มาให้กินก็ได้”คนหันหลังพูดทำลายบรรยากาศชื่นมื่นลงในทันใด มัญชุพรหน้าเจื่อน“ไม่เป็นไร ฉันถือสุภาษิต อยู่บ้านเขาอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น”แม้เสียงเรียบ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายคิ้วกระตุกได้“ส้มจี๊ดไปกันเถอะจ้ะ ปล่อยเขากินข้าวไป”เธอเดินไปทางมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่ เป็นผลให้อีกคนต้องวิ่งตาม“ลูกพี่นี่นิสัยไม่ดีเลย”การันต์เอ็ดคนตัวโตที่ยื่นนิ่งอยู่“อะไรของมึง”หันมา ลูกน้องก็หิ้วปิ่นโตไปวางใต้ต้นไม้ หาทำเลเหมาะในการกินมื้อกลางวัน“พูดอย่างนั้นกับเมียได้ยังไง”“ก็เขายุ่งจริง ๆ นี่หว่า ขี่รถตะลอนรอบไร่กับส้มจี๊ดแบบนั้น เกิดอุบัติเหตุมาจะทำยังไง”“อ้อ...ห่วงเมีย”ลูกน้องล้อ“ปากดีนักนะมึง ติดนิสัยส้มจี๊ดมาหรือยังไง”เขาทรุดตัวลงนั่งข้างคนสนิท ที่เอาปิ่นโตแต่ละชั้นวางเรีย
“ถ้าสักวันหนึ่งคุณมีเมียใหม่ล่ะ”มัญชุพรหาเหตุผลมาค้านเท่าที่นึกออก“ไม่มีเป็นตัวเป็นตนหรอก ฉันชอบซื้อกิน”“น่ากลัว เกิดคุณเอาโรคมาติดลูก”เธอเอามือลูบแขนด้วยความขยะแขยง“จะสนไปทำไม ในเมื่อพอคลอดลูกแล้วเธอก็ต้องไป” เขาทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ“ฉันให้ลูกกับคุณไม่ได้หรอก เพราะคุณน่ะขาดคุณสมบัติความเป็นพ่อ ไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของลูก”“แต่ฉันต้องการลูก ได้ยินไหม แล้วหน้าที่เธอคือคลอดลูกให้กับฉัน แล้วสิบล้านไม่ต้องใช้คืน เจ๊ากันไป”ข้อเสนอดี ๆ แบบนี้ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นคงอ้าแขนรับ มีแต่มัญชุพรที่เกิดคุณธรรมสูงขึ้นมา แต่ไม่มีอะไรจะแข็งแกร่งเท่าอำนาจเงินหรอก“แค่นอนนิ่ง ๆ ก็จบแล้ว”“ฉันไม่ยอมมีเซ็กซ์กับคุณแน่ คนบ้ากาม”พงศพัศมองใบหน้าแดงซ่านนั้นแล้วหัวเราะ เธอคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะสิ“ฉันหมายถึงทำเด็กหลอดแก้วต่างหากล่ะ จืด ๆ อย่างเธอ แค่มานอนดิ้นเตียงฉันก็รำคาญแล้ว”“คุณกระทิงปากร้าย”“เธอนอนดิ้นนะหมี่ จำเอาไว้”“ไหนคุณสาบานว่าจะไม่แตะต้องฉัน”มัญชุพรส่งสายตาไม่ไว้ใจ เมื่อคืนเขาแอบลักเธอหรือเปล่า พงศพัศช่างไม่กลัวเทวดาฟ้าดินลงโทษเอาเสียเลย“แค่มอง นั่นไม่นับ อีกอย่างเธอก็เบียดฉันมาเอง” เขาหั
มัญชุพรตื่นมาด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ด้วยคนตื่นก่อนปลุกเธอด้วยจุมพิตอุ่น “ขี้เซาจริงหมี่”พงศพัศหัวเราะเมื่อภรรยาทางพฤตินัย เบียดหน้าลงกับหมอน“คุณมีอะไรกับฉันเกือบถึงเช้า ขอฉันนอนบ้างเถอะ” เธอประท้วง “ตื่นมาส่งผัวหน่อยเร็ว”เขาสอดมือเข้าใต้หลัง ยกเธอพิงหัวเตียง คนยังง่วงอยู่ในสภาพคอพับคออ่อน“ไปละนะ ดูแลแม่ด้วย”มือสากตบเบา ๆ บนผ้าห่มบริเวณท้องเธอ “บ้าแล้วคุณ มีอะไรกันครั้งเดียวจะท้องเลยได้ยังไง”เธอปรือตาเถียง นางเอกในหนังละคร เวลาตื่นมาในเช้าแรกของการมีอะไรกัน พวกเจ้าหล่อนช่างมีผมยุ่งที่เซ็กซี่ผิดกับในความเป็นจริง ที่มัญชุพรตื่นมาด้วยสภาพผมยุ่ง ...เธอหมายถึงยุ่งจริง ๆ แบบปิดหน้าปิดตาไปหมด“ทำไปตั้งหลายครั้งต่างหาก ฉันจัดไปเต็มแม็กซ์ อยากกินมะม่วงหรือยัง เดี๋ยวเย็นนี้จะเอามาฝาก”คนแรงดีเสียงรื่นเริง“ไม่เอา ไปเลยนะ รีบไปทำงาน”สามีเสยผมเธอออก จุ๊บเหม่งแล้วถึงยอมไป มัญชุพรหลับต่อจนถึงแปดโมงจึงได้ลงมาข้างล่าง“คุณหมี่ ปวดหัวเป็นยังไงบ้างคะ”ส้มจี๊ดส่งสายตาล่อกแล่ก วันนี้เจ้านายใส่เสื้อมีฮู้ดปิดถึงคอ บังไม่ให้เห็นรอยแดงที่กระทิงดุ จอมกินจุทำไว้“ดีขึ้นแล้วจ้