“แม่เธอหลอกยายฉัน”
พงศพัศหรี่ตามองพี่ว่าที่เจ้าสาว
“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกคุณ”
“ยายฉันแก่แล้ว ไม่ทันเล่ห์แม่เธอหรอก”
มีลมร้อนพัดมาวูบ ทำให้ชายกระโปรงชุดแซกยกขึ้นจนเห็นปลีน่องเรียวกลมกลึง ...มีเรื่องให้แปลกใจเยอะจริง ๆ พี่ว่าที่เจ้าสาวเขา
“แม่ฉันไม่ใช่คนร้าย”
ดวงตากลมโตวาววับเมื่อได้ยินชายหนุ่มพาดพิงถึงมารดา
“เขาร้ายมาตั้งแต่ยังสาวนี่ ถึงมาจับเสี่ยจิวได้”
ประวัติพิสมัยเป็นที่รู้กันทั่ว นางคือสาวนักขุดทองที่ได้มาเจอเป้าหมายกระเป๋าหนัก จากแม่ม่ายลูกติดผู้ยากจนกลายเป็นเมียเศรษฐีในพริบตา
“คุณยายบัวแก้วก็ดูเป็นคนดี ทำไมถึงได้มีหลานปากร้าย ใจสกปรกอย่างคุณ ว่าคนอื่นเขาไปหมด”
มัญชุพรหน้าแดง อาจเพราะอากาศปนอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง
“อย่าเอายายฉันมาเกี่ยวด้วย!”
เขาก็มีจุดอ่อนเรื่องบุพการีเหมือนกัน
“ตกลงจะขึ้นรถมากับฉันดี ๆ หรือจะให้ลากขึ้นมา อุตส่าห์ใจดีเห็นไม่มีรถกลับ เธอยังมีตีฝีปากใส่ฉันอีก”
“คุณปากร้ายใส่ฉันก่อนนะ แล้วอีกอย่างฉันไม่ยอมนั่งรถไปกับคุณเด็ดขาด”
มัญชุพรไม่รู้เลย ว่าคำพูดตนเป็นชนวนให้อะไรในตัวพงศพัศขาดผึ่ง ชายหนุ่มลงจากรถ เดินอาด ๆ มาหาสาวร่างบาง เธอกลัวจนใจไปตกที่ตาตุ่ม ขยับเท้าเตรียมซอยหนี แต่มือสากแข็งก็มาจับแขนไว้ก่อน
“ปล่อย ไม่งั้นฉันจะเรียกให้คนช่วย ...ใครก็ได้ช่วยทีค่ะ ผู้ชายคนนี้จะทำร้ายฉัน”
เธอฝืนดึงมือกลับ ปากก็ร้อง รปภ.ป้อมยามรีบวิ่งมาดู ทว่าก็คอย่นเมื่อเจอสายตาพิฆาตของคนขับรถกระบะ
“ฉันช่วยเธอเพราะไม่อยากให้ยืนรอแท็กซี่กลางแดดเฉาตายหรอกนะ กลัวเป็นภาพติดตา”
พงศพัศออกแรงกระตุกนิดเดียว ร่างหญิงสาวก็ลอยมากระทบหน้าอกแกร่ง ได้กลิ่นแดดปนอะไรบางอย่างที่หวาน ๆ ตาโตเงยมองสบเขา ริมฝีปากเธอชมพูจาง ๆ ไม่รู้สีจริงหรือลิปสติก ยิ่งอยู่ใกล้ก็เห็นใบหน้าเนียน พวงแก้มแดงระเรื่อ
“ขึ้นรถ!”
เขายกตัวเธอจับยัดใส่รถ ปิดประตู ส่วนตัวเองเดินอ้อมไปอีกทาง ขึ้นประจำหน้าที่คนขับ
“อย่าทุบประตูมาก ตัวล็อกยิ่งไม่ดีอยู่ มันเคยหลุดออกมาแล้ว”
เป็นผลให้มือที่กำลังทั้งผลักทั้งทุบถึงกับชะงัก พงศพัศหัวเราะหึในลำคอ อารมณ์ค่อยรื่นรมย์ขึ้นมาบ้าง
“นั่งนิ่ง ๆ ฉันจะพาไปส่งบ้าน”
“ถ้าไม่เต็มใจ ปล่อยฉันลงไว้ที่เซเว่นแถวนี้ก็ได้” มัญชุพรเม้มปาก ทำคอแข็ง รวบรวมสติให้มั่นคงขึ้น
“ฉันบอกแล้วว่าจะไปส่งก็ต้องไปส่งสิ”
แค่พูดเฉย ๆ ยังเหมือนดุ คะแนนในใจของเธอที่มีต่อเขายิ่งติดลบเข้าไปใหญ่ นึกสงสารพรสรวงที่มีเจ้าบ่าวเป็นเขา น้องต้องกลับมาบ้านภายในครึ่งชั่วโมงเป็นแน่ ขนาดเธอที่ว่าใจเย็น อยู่กับเขาชั่วโมงกว่ายังปรี๊ดแตก แล้วพรสรวงจะเหลือหรือ
รถคันเก่าแล่นมาสักพักก็เลี้ยวเข้าซอยติดถนนใหญ่
“จะพาฉันไปไหน”
มัญชุพรมองอย่างไม่ไว้ใจ เพราะในซอยนั้นมีแต่บ้านเรือนที่ปิดเงียบ
“กินข้าว เธอไม่หิวหรือยังไง”
เวลานี้ก็บ่ายแล้ว เธอที่ทำงานนั่งโต๊ะตลอดยังไม่หิว แต่คนใช้แรงงานนั้นหิวมาก ยิ่งต้องขับรถเข้ามาเมืองมาให้ทันเวลานั้นยิ่งแล้วใหญ่ เขาจึงต้องการจัดหนักจัดเต็มใส่ท้อง
ร้านที่พงศพัศพามาหยุดเป็นเพิงเล็ก ๆ ติดคลอง ป้ายเขียนว่าอาหารตามสั่ง มีหม้อก๋วยเตี๋ยวร้อนส่งควันฉุย
เขาเดินลงไปก่อน ส่วนเธอแลกวาดไปทั่วบริเวณ เห็นวินมอเตอร์ไซด์เสื้อสีส้มนั่งกินข้าวสองสามคน
“ฉันเลี้ยงเอง แต่ไม่มีหมูเห็ดเป็ดไก่อาหารขึ้นเหลาหรอกนะ”
เจ้าของรถมายืนอยู่ประตูฝั่งเธอ
“ฉันไม่หิว”
“งั้นลงมานั่งเป็นเพื่อนฉันหน่อยก็ได้”
“คุณกินข้าวคนเดียวไม่ได้หรือไง”
เป็นครั้งที่สองที่มัญชุพรโดนเขาลาก
“เฮีย...เอาเกาเหลาเนื้อสด ข้าวกะเพรานรกแตกเผ็ดพิเศษไข่ดาวไม่สุก มีต้มยำพวงไข่ไหม เอาด้วยนะ แล้วก็ปลาอะไรทอดกับผัดผักมาสักอย่าง”
พงศพัศสั่งแบบไม่ดูเมนู แสดงว่าคุ้นเคยกับที่นี่ เขาจับเธอนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติกสีแดง โต๊ะปูผ้าใบเป็นรูปโฆษณาน้ำอัดลม ส่วนเจ้าตัวโน่น...ไปตักน้ำแข็งใส่ถังพร้อมถือแก้วเปล่ามาให้เธอ
“บริการตัวเองนะ”
แต่ชายหนุ่มก็คีบน้ำแข็งใส่แก้วให้ เธอมองหาน้ำดื่มบรรจุขวด เขากลับเทน้ำจากเหยือกสีเขียวใส่แก้วแทน
“ที่นี่มีแต่น้ำฝนเย็นชื่นใจ ไม่มีน้ำขวดหรอก”
เจ้าตัวพิสูจน์โดยยกดื่มอึกใหญ่ เธอกล้า ๆ กลัว ๆ ยกจิบตาม น้ำมีความหวานอย่างที่ไม่เคยได้ลิ้มรสมานานแล้ว ทำให้นึกถึงน้ำในตุ่ม นึกถึงยามยังลำบากอยู่กับแม่ ร้านอย่างนี้มัญชุพรเคยมากินข้าวเมื่อตอนเป็นเด็ก ไม่ได้รังเกียจบรรยากาศ แต่ไม่ชอบคนพามา
เกาเหลาเนื้อสดมาวางบนโต๊ะเป็นอย่างแรก กลิ่นหอมกระตุ้นให้เธอต้องแอบกลืนน้ำลาย
พงศพัศปรุงพริกตามใจชอบ ไม่เกรงใจคนร่วมโต๊ะเลย เธอฉุนในอารมณ์ ก่อนจะฉุนจริงจากผัดกะเพราจนต้องจามออกมา หลังจากนั้นจานต้นเหตุก็มาวางเป็นจานที่สอง
มัญชุพรทำหน้าแขยงเมื่อเห็นพริกท่วมจานมิดใบกะเพรา จานต่อมาเป็นปลาอินทรีทอด สุดท้ายคือกะหล่ำปลีผัดน้ำปลา หอมเสียจนท้องร้อง
“นั่นไง เธอหิวแล้ว กินเถอะ ฉันเลี้ยง”
หญิงสาวมองเขาอย่างสองจิตสองใจ หิวก็หิว ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเสียศักดิ์ศรี พงศพัศเคี้ยวข้าวยั่ว
“หรือเธอกินของธรรมดาบ้าน ๆ พวกนี้ไม่เป็น”
เขาแกล้งใช้มือพัดกลิ่นเกาเหลาเข้าหาตัว แต่เธอกลับได้กลิ่นด้วย ไม่ไหวแล้ว!
มัญชุพรหยิบช้อนตักผัดกะหล่ำปลีเป็นอย่างแรก ผักรสหวานและกรอบ กลิ่นเค็มของน้ำปลาที่โดนความร้อนชวนให้ยิ่งเจริญอาหาร เธอตักกับข้าวเข้าปากไปถึงสองรอบ อีกจานที่พอกินได้คือปลาทอด บีบมะนาวนิด กินกับหอมแดงหั่น อร่อยจนข้าวหมดไปครึ่งจาน
พงศพัศมองภาพมัญชุพรกินข้าวอร่อยอย่างพึงพอใจ
เลี้ยงง่าย เขาคิด
พอหมดฤทธิ์แล้วเธอก็ดูน่ารักดี เรียบ ๆ แต่มีเรื่องให้ได้แปลกใจ
เหมือนกับร้านที่พามาวันนี้ เป็นเพิงเหมือนจะโทรม กลับมีลูกค้าเข้าตลอด เพราะพ่อครัวเคยเป็นกุ๊กในภัตตาคารมาก่อน พออายุมากขึ้นจึงมาเปิดร้านเล็ก ๆ พอมีรายได้เลี้ยงครอบครัว
มัญชุพรเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขามาพา เขาไม่ได้ติดใจเธอขนาดพามากินร้านที่ชอบ แค่วันนี้หิวมากเท่านั้นเอง มื้อนี้จบลงที่ไอติมถั่วดำคนละแท่ง พงศพัศเห็นเธอตาโตกับมัน มุมริมฝีปากประดับรอยยิ้ม
ทำไมยายบัวแก้วถึงไม่ได้ให้เขาเลือกเจ้าสาวเองหนอ ถ้าเห็นทั้งสองสาวตั้งแต่แรก เขาจะเลือกมัญชุพร เธอดูควบคุมง่ายกว่าน้องสาวแสนเปรี้ยว ผู้หญิงอย่างนี้เขาหว่านเสน่ห์เพื่อเอาอีกยี่สิบล้านของตนคืนมาได้ไม่ยาก
“พาฉันไปส่งที่บ้านได้หรือยัง”
เธอแปลกใจที่คนดุอยู่ ๆ ก็มองหน้าเธอนิ่ง ไอศกรีมถั่วดำละลายลงมือเขาแล้ว
“เธอน่ะอิ่มแล้วใช่ไหม จะได้ไปกันเลย”
เขาทิ้งไอศกรีมที่ละลายแล้วลงจานอาหาร หยิบทิชชูมาเช็ดมือ
“ค่ะ”
เห็นแก่ที่เขาเลี้ยง พามาร้านอร่อย มัญชุพรยอมมารยาทดีด้วยก็ได้ รถกระบะคันเก่าจึงได้แล่นอีกครั้ง มีจุดมุ่งหมายที่บ้านเสี่ยจิว
เมื่อเข้ามาในบ้านมัญชุพรต้องทำตัวลีบ ๆ แอบย่องขึ้นบันได
“อะแฮ่ม! ทำอะไรน่ะ”
จิรัฎฐ์แกล้งส่งเสียงจนเธอสะดุ้ง
“โธ่เฮีย ตกใจหมด”
หญิงสาวเอามือทาบอกฝั่งซ้ายของร่างกาย
“มุกไปลองชุดแต่งงานมาเป็นยังไงบ้าง”
ทุกคนในบ้านรู้ว่าวันนี้เธอไปไหนมา แต่ที่ไม่รู้คือไร้เงาว่าที่เจ้าสาวไปลองชุด
“ตีกับนายกระทิงเยอะไหม”
พี่ชายคุ้นกับพงศพัศดี เพราะเป็นลูกค้าประจำ และเดาจากนิสัยน้องเล็กสุดของบ้านว่าไม่ยอมแต่งแต่โดยดีแน่
“ก็พอสมควรค่ะ”
มัญชุพรปด ตั้งใจจะชำระความกับพรสรวงทีหลัง
“น้าไหมไม่น่ารีบไปเอาเงินฝั่งนั้นมาเร็วเลย”
เขาไม่เห็นด้วยกับเรื่องเงินยี่สิบล้านตั้งแต่แรก ทว่านางพิสมัยก็หว่านล้อมด้วยเหตุผล
“ไม่อยากเห็นเฮียจิวเหนื่อยหาดอกเบี้ยส่งธนาคาร”
เงินจำนวนนี้เกินดอกเบี้ยธนาคารไปมากโข จ่ายรวมได้ถึงเงินต้น แถมขยายร้านได้อีก พี่น้องสองสาวรู้เพียงค่าสินสอดยี่สิบล้าน ไม่รู้เชิงลึกว่านางพิสมัยกับยายบัวแก้วตกลงกันว่าจะโอนคืนให้พงศพัศสิบล้านเพื่อเป็นเหยื่อล่อให้เขายอมแต่งงาน ส่วนอีกสิบล้านจะเข้าบ้านเสี่ยจิว
“แต่งงานกันแล้ว เงินของผัวก็เหมือนเงินของเมีย ยังไงเราก็ได้ยี่สิบล้านอยู่ดี”
แผนนี้รู้กันเพียง เขา นางพิสมัย เสี่ยจิว
“ทำอย่างนี้ เกิดนายกระทิงฆ่ายัยมุกหมกป่าเพื่อเอาเงินล่ะน้า”
จิรัฎฐ์ถามด้วยความสงสัย ผู้เป็นพ่อบ่นว่าเขาปากไม่เป็นมงคล ส่วนแม่เลี้ยงจิกตามอง
“เชื่อมือยัยมุกเถอะ จะต้องทำให้นายกระทิงรักหลงแน่ ๆ คนอยู่ป่าอยู่ไร่ ไม่เคยเจอสาวขาว ๆ อวบ ๆ มาเอาใจ ขี้คร้านจะให้เงินเพิ่ม”
ลูกชายคนโตเสี่ยจิวนึกภาพพรสรวงเอาใจใครไม่ออกจริง ๆ เธอต่างหากล่ะที่เป็นฝ่ายถูกเอาใจ
“มุกทำหมี่ลำบากมากไหม ถ้าไม่โอเคเดี๋ยวต่อไปเวลาเจอนายกระทิงเฮียจะไปกับมุกเอง”มัญชุพรสงสารจิรัฎฐ์ ขาวอวบเป็นซาลาเปาแบบเขาคงแหลกแน่เมื่อตกอยู่ท่ามกลางพายุอารมณ์ของทั้งสอง“ไม่เป็นไรค่ะ หมี่ยังไหว เฮียคอยช่วยเตี่ยทำงานดีกว่า”เธอเรียนรู้ที่จะเป็นเด็กดี อดทนกับทุกอย่าง ตราบใดที่ยังอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังนี้ ...บ้านที่มีพระคุณเลี้ยงดูเธอกับแม่ให้มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข“ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกเฮียนะ ไม่ต้องเกรงใจ”เพราะมัญชุพรอยู่ใกล้แล้วเย็น เหมือนสายน้ำชื่นใจ จิรัฎฐ์จึงชอบ ...มากขนาดมีใจเสน่หา แต่ยังหาจังหวะคุยกับเสี่ยจิวไม่ได้เสียที ความจริงแล้วจิรัฎฐ์รู้ว่าคนมีอำนาจตัดสินใจมากที่สุดในบ้านคือแม่เลี้ยงนางพิสมัยไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ไม่รู้มีแผนจะทำอะไรกับมัญชุพรหรือเปล่า การจับคู่ของพรสรวงกับพงศพัศนำพาความหวั่นใจมาสู่เขา กลัวว่านางพิสมัยมีแผนจะให้มัญชุพรแต่งงานกับใครอีกเด็กดีอยู่ในโอวาทแบบเธอต้องยอมแน่ ...แต่จิรัฎฐ์ไม่ยอมหรอก เขาจะปกป้องมัญชุพรเอง หนุ่มขาวอวบให้สัญญาพรสรวงกลับบ้านมาเสียดึก เมื่อเห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของน้องมัญชุพรก็สงสารจนไม่กล้าว่าอะไรแรง“พี่ไม่ชอบเรื่องที่มุกทำวันนี้เลย รู้
เวลาแห่งความเคร่งเครียด ยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเป็นเม็ด ๆ ราวกับแต่ละคนอมถ่านร้อน ๆ ไว้แล้วนางพิสมัยก็มองไปที่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง มันสะท้อนเงานางที่ดูเพิ้ง เกินกว่าจะรับไหว ขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพมัชชุพร ที่หน้าขาวซีด“หมี่ ไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด!”มารดาตวัดสายตามาที่ร่างโปร่งระหง“คะ...”มัญชุพรเลิกคิ้ว“ลูกต้องเข้าพิธีแทนน้อง”นางตัดสินใจแล้ว จะให้งานล่มไม่ได้“เฮ้ย!” เป็นจิรัฎฐ์เองที่อุทานลั่น“เร็ว ๆ เลย”มารดาทำหน้าจริงจัง เหมือนตอนกำลังจะทำโทษเธอในวัยเด็กยามทำผิด“ไม่ได้นะน้าไหม มุกหนีไป มันเกี่ยวอะไรกับหมี่ด้วย เขามาขอมุกไม่ใช่หมี่”จิรัฎฐ์ค้านสุดฤทธิ์ ทั้งเพื่อตัวเองและสาวที่หมายปอง“คุณยายคำแก้วขอลูกสาวฉันกับเฮียให้แต่งงานกับหลานเขา ไม่ได้ระบุไว้แต่แรกว่าจะต้องเป็นคนไหน ฉันเองแหละที่เสนอยัยมุกไปเพราะเห็นว่าเหมาะสมดี”นางเฉลยที่มาของการแก้ปัญหา ระหว่างงานแต่งที่ไร้เจ้าสาว กับงานแต่งที่เจ้าสาวเป็นคนละคน นางเลือกอย่างหลังที่ดูฉาวน้อยกว่า“แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไป หมี่เข้าพิธีแทนน้อง ถ้าแม่ตามมุกเจอแล
“นี่มันอะไรกัน คุณพิสมัย เสี่ยจิว ทำไมเจ้าสาวผมถึงเป็นคนนี้”หากมีเข็มสักเล่มหล่นในห้อง ทุกคนคงได้ยินทั่วกันหมด เพราะเงียบเหลือเกิน“ขอคุยกันส่วนตัวสักครู่ค่ะ ให้แขกกับพระออกไปก่อน”นางพิสมัยพยักหน้าไปทางพิธีกร ซึ่งรีบเชิญให้แขกออกไปดื่มชากาแฟกันสักครู่ ในห้องจึงเหลือเพียงสมาชิกในครอบครัวเสี่ยจิว ส่วนทางบ้านพงศพัศก็เหลือเขา ยาย และสุนีย์“เกิดอะไรขึ้นเรอะแม่ไหม หนูมุกไปไหน”“ยัยมุกเอ่อ...ไม่ค่อยสบายค่ะ”“เขาเป็นอะไร”พงศพัศกอดอก หรี่ตาจับผิด“มุกอยู่โรงพยาบาลต้องนอนติดเตียงหมอห้ามเยี่ยมค่ะ”“อยู่โรงพยาบาลไหน ผมมีเพื่อนเป็นหมอหลายคน เดี๋ยวจะถามอาการ โรคอย่างนี้แปลกมาก ไม่เคยได้ยิน”“กระทิงหยุดเถอะ”ยายบัวแก้วปราม รู้ว่าหลานกำลังไล่เบี้ย“มีอะไรก็บอกมาตรง ๆ ดีกว่าแม่ไหม”สุนีย์เปิดกระเป๋าเตรียมหยิบยาดมรอยื่นให้ ถึงขนาดเปลี่ยนเจ้าสาว แสดงว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแบบไม่ธรรมดา“อามุกอีหนีงานแต่งไปแล้ว”เสี่ยจิวนั่นเองที่เป็นคนเฉลย นางพิสมัยขึงตามองสามีที่มีจิรัฐฎ์จับแขนพยุงอยู่ ยายบัวแก้วยกมือขึ้นแนบอก อีกมือก็รับยาดมจากสุนีย์ พงศพัศกวาดตามองสมาชิกทุกคนในบ้านเสี่ยจิวแล้วขบกราม ส่งสายตาดุดัน มัญช
ขบวนผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งออกไป เหลือเพียงบ่าวสาวอยู่ลำพังในห้อง พงศพัศลุกขึ้นยืดแข้งยืดบิดขี้เกียจ หลังจากนั้นตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอเลยมัญชุพรค่อย ๆ ลุกขึ้นเพราะเหน็บกิน พยุงตัวเองไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง มีกระเป๋าสะพายใบที่ใช้ประจำวางอยู่ เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูมีข้อความไลน์จากพรสรวงMoo_Mook:ขอโทษนะพี่หมี่ ตอนนี้ที่บ้านวุ่นวายมากไหมMi_Mhi:มากเลยล่ะมุก พี่ต้องแต่งงานแทนเธอหญิงสาวหันซ้ายแลขวา ประตูห้องน้ำยังปิดสนิทอยู่ คงอีกสักพักพงศพัศจะอาบน้ำเสร็จMoo_Mook:มุกขอโทษ แต่มุกจำเป็นจริง ๆ พี่หมี่รู้สาเหตุแล้วใช่ไหมMi_Hmi:อือมัญชุพรนึกถึงหลักฐานที่แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วย ยังหาจังหวะทิ้งไม่ได้Mi_Hmi:ตอนนี้มุกอยู่ไหนMoo_Mook:อยู่กับเจมส์แล้วMi_Hmi:เขาว่ายังไงบ้างMoo_Mook:พรุ่งนี้เขาจะมาเจอเตี่ยกับม๊า เราต้องอยู่กันแค่สองคนเพราะที่บ้านแต่ละคนต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับMi_Hmi:เข้มแข็งไว้นะ พี่เป็นกำลังให้หากถามว่าโกรธไหม มัญชุพรก็ตอบว่าโกรธ ...เธอไม่ใช่คนแสนดีขนาดนั้น แต่เมื่อทราบสาเหตุ และรู้ผลที่น้องสาวหนี เธอก็กล้ำกลืนคำดุด่าว่ากล่าวลงลำคอ ตอนนี้มีแต่คำว่าสงสาร
“ไหนบอกไม่มีแฟน”เมื่ออีกคนจากไปเขาก็หันมาไล่เบี้ยกับภรรยา“เฮียเล้งไม่ใช่แฟน เป็นพี่ชายฉัน”“มองตาเชื่อม มาชวนหนีแบบนี้น่ะเหรอ หมอนั่นไม่ใช่พี่จริงเธอนี่”ดวงตาคมเข้มภายใต้คิ้วรก ๆ มองหญิงสาวจับผิด มัญชุพรเชิดหน้าขึ้น เพื่อให้เขาเห็นว่าเธอยังมีศักดิ์ศรี“ไม่ใช่พี่แท้ แต่ฉันก็นับถือเฮียเล้งเหมือนพี่จริง ๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง”พงศพัศฟังจบก็เดินออกไปข้างนอก“ไอ้เข้โว้ย สั่งเพิ่มคนเฝ้าประตูทุกฝั่งในไร่ คอยดูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กูกลัวคนจะมาลักพาตัวตัวเมียไป”เขาตะโกนสั่งการันต์ แต่เสียงดังขนาดนี้คงได้ยินกันทั่วไร่แล้วกระมังมัญชุพรโกรธเขาที่คลางแคลงใจเธอ ในเรื่องไม่มีเหตุผล เธอจำต้องไปหลบในที่ที่ตนเองคิดว่าปลอดภัยคือห้องนอนเปิดโน้ตบุคนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตไม่นานก็เบื่อ ด้วยปรกติเธอไม่ค่อยใช้เวลาว่างในคอมพิวเตอร์หรือมือถือมากนัก เพราะต้องทำงานร้านเสี่ยจิวบาง ออกไปส่งของให้ลูกค้ากับจิรัฐฎ์บ้าง พอได้มาเป็นภรรยาเจ้าของไร่ดาวเรืองอย่างงง ๆ มัญชุพรจึงทำตัวไม่ถูกจะนอนกลางวันก็ไม่ใช่วิสัยปรกติ นั่งนิ่ง ๆ อยู่เฉย ๆ ยิ่งแล้วใหญ่ เธอจึงลงข้างล่าง คิดว่าโชคดีแล้วที่ไม่เห็นพงศพัศ ม
“คุณกระทิง พี่เข้”สาวน้อยส่งเสียงเรียกมาแต่ไกล หนึ่งหนุ่มโบกมือให้ ส่วนพงศพัศเท้าสะเอว“ไปไหนกันมา คุณหมี่สวัสดีคร๊าบ”การันต์ยิ้มให้ ส่วนเจ้านายหน้าบึ้ง“พี่เข้ทำงานเหนื่อยไหมจ๊ะ ส้มคิดถึง”คนเพิ่งลุกจากมอเตอร์ไซด์ส่งคำทักทายหวานจ๋อย“อย่ามาอ่อยนะน้อง ขาอ่อนพี่น่ะเธอไม่ได้เห็นหรอก”“งั้นคืนนี้นอนนอกห้อง”“โอ๊ย! อย่าใจร้ายอย่างนั้นสิจ๊ะส้มจ๋า พี่อ่ะเหนื้อย...เหนื่อย พอเห็นหน้าส้มพี่ก็ชื่นใจแล้ว”มัญชุพรอ้าปากเหวอกับถ้อยคำฉันชู้สาวแบบนั้น“มึงไปง้อเมียที่อื่นเลยไป กูเลี่ยน”เขาหันหลังให้“คุณหมี่ดูไว้นะคะ ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ไม่ค่อยเห็นค่าเรา”ส้มจี๊ดค้อนแกล้งเดินไปอีกฟากของร่มไม้เพื่อให้สามีตามมาอ้อน กลายเป็นว่ามัญชุพรต้องยืนอยู่กับเขา“ตรงนั้นน่ะ ไถดี ๆ สิวะ อย่าทำงานชุ่ย”พงศพัศตะโกนด่าลูกน้อง เสียงดังจนเธอสะดุ้ง“อย่ามาทำตัวสบาย ๆ กินแรงคนอื่นเขา”“จะด่าฉันก็พูดมาตรง ๆ เถอะค่ะ”มัญชุพรไม่โง่จนอ่านเจตนาเขาไม่ออก“คืนเงินสิบล้านมาสิ คุณจะได้ไม่ต้องโดนด่า”ตาเขามองรถไถแต่ปากยังโต้ตอบ มัญชุพรฉุนในกิริยานี้มาก จึงก้าวไปยืนประจันหน้าเขา“ฉันจะคืนคุณได้เร็วขึ้น ถ้าปล่อยให้ฉันไปหาเงินเอง
“ขึ้นมานอนบนเตียงนี่”เขาตบลงบนที่เดิมเป็นครั้งที่สอง หญิงสาวส่งสายตาไม่ไว้ใจ“ฉันไม่ปล้ำเธอหรอก วันนี้เหนื่อย ขี้เกียจมาต่อล้อต่อเถียงด้วย”“งั้นคุณไปนอนห้องอื่นสิ”“อย่างนั้นยายฉันก็สงสัยกันพอดี หรือเธอหาข้อแก้ตัวกับท่านได้”เธอชักคล้อยตามเหตุผลของเขา แต่ยังไม่ยอมแพ้“บอกว่าฉันนอนกรนสิ”พงศพัศมองนิ่งมองเธอแล้วหัวเราะพรืด“ขำอะไรน่ะคุณกระทิง” มัญชุพรชักเสียความมั่นใจเมื่อเขามีปฏิกิริยาเหมือนตลกมาก“เธอเป็นผู้หญิงคนแรกนะเนี่ยที่ยอมรับว่าตัวเองนอนกรน”“ฉันไม่ได้นอนกรนเสียหน่อย แค่สมมุติ”เธอทำปากยื่น ไม่พอใจในข้อกล่าวหา“งั้นก็พิสูจน์สิ มานอนกับฉัน”เวลาเขาอารมณ์ดี บรรยากาศรอบตัวแจ่มใสขึ้นเยอะ ในห้องนอนเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย“คุณต้องสาบานนะว่าจะไม่ทำอะไรฉัน”“ทำไมต้องสาบาน เดี๋ยวฟ้าก็ผ่าหรอก พ่อแม่ไม่เคยสอนหรือยังไง”ลับฝีปากกับเธอก็เพลินเหมือนกัน มัญชุพรทำให้เขาสนุก...ในอีกรูปแบบหนึ่ง“สาบานมันศักดิ์สิทธิ์กว่าสัญญา”คนที่ชักจะกลับมาเชื่อเรื่องงมงายแจง“เธอนี่ไม่รู้อะไรเลย คนเราถ้าจะทำผิด มันก็ไม่สนหรอกว่าจะสาบานหรือสัญญา”พงศพัศส่งยิ้มร้าย ชวนให้หญิงสาวขนลุก“ถ้าคุณอยากให้ฉันขึ้นไปนอน
“คุณกระทิง พี่เข้”ส้มจี๊ดส่งเสียงแจ๋ว ๆ ไปก่อนจะดับเครื่องมอเตอร์ไซด์“เอาข้าวกลางวันมาให้จ้ะ”การันต์หน้าบานแฉ่ง ขณะลูกพี่แกล้งหันหลังให้แต่หูกางฟังการสนทนา“คุณหมี่ลงมือทำน้ำสลัดให้เลยนะ ตีมายองเนสเองกับมือรัว ๆ แบบนี้”คนเล่าหมุนมือประกอบ“โอ้โห! ต้องอร่อยแน่ จริงไหมครับ ลูกพี่”“ยุ่งยากตายชัก เอาของง่าย ๆ มาให้กินก็ได้”คนหันหลังพูดทำลายบรรยากาศชื่นมื่นลงในทันใด มัญชุพรหน้าเจื่อน“ไม่เป็นไร ฉันถือสุภาษิต อยู่บ้านเขาอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควายให้ลูกท่านเล่น”แม้เสียงเรียบ แต่ก็ทำให้อีกฝ่ายคิ้วกระตุกได้“ส้มจี๊ดไปกันเถอะจ้ะ ปล่อยเขากินข้าวไป”เธอเดินไปทางมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่ เป็นผลให้อีกคนต้องวิ่งตาม“ลูกพี่นี่นิสัยไม่ดีเลย”การันต์เอ็ดคนตัวโตที่ยื่นนิ่งอยู่“อะไรของมึง”หันมา ลูกน้องก็หิ้วปิ่นโตไปวางใต้ต้นไม้ หาทำเลเหมาะในการกินมื้อกลางวัน“พูดอย่างนั้นกับเมียได้ยังไง”“ก็เขายุ่งจริง ๆ นี่หว่า ขี่รถตะลอนรอบไร่กับส้มจี๊ดแบบนั้น เกิดอุบัติเหตุมาจะทำยังไง”“อ้อ...ห่วงเมีย”ลูกน้องล้อ“ปากดีนักนะมึง ติดนิสัยส้มจี๊ดมาหรือยังไง”เขาทรุดตัวลงนั่งข้างคนสนิท ที่เอาปิ่นโตแต่ละชั้นวางเรีย