Share

Chapter 5 ตัวแทนลองชุดเจ้าสาว

วันเสาร์พรสรวงมีนัดที่ร้านเว็ดดิ้งแพลนเนอร์เที่ยง เธอให้มัญชุพรไปรอที่นั่นเลย พนักงานรีบมาต้อนรับหญิงสาวอย่างนอบน้อม

“สนใจบริการด้านไหนของร้านเราคะ”

พร้อมยกอัลบั้มรูปเล่มโตมาให้ เธอต้องรีบบอกว่ามาด้วยเรื่องนัดของพรสรวง สักพักรถกระบะคันเก่าของไร่ดาวเรืองก็มาจอดที่ลานใกล้ร้าน รปภ.แทบไม่ให้จอดเพราะคิดว่าพงศพัศมาส่งของ จนเขาต้องบอกว่าเป็นลูกค้าที่มาใช้บริการ จึงได้จอด

ชายหนุ่มจงใจจะแกล้งให้พรสรวงเสียหน้า เพราะท่าทางอย่างเธอคงแทบกรี๊ดแน่เมื่อเห็นว่าที่เจ้าบ่าวขับรถโทรม ๆ

เขาเปิดประตูกระจกใสเข้ามา พนักงานในร้านถึงกับชะงัก  ด้วยการแต่งตัวเสื้อยืด กางเกงยีนเก่า ๆ บูทคู่มอซอ ยิ่งผมยาวระต้นคอและหนวด ค้านกับการเป็นแขกผู้มาใช้บริการในสถานที่นี้เหลือเกิน

“มาติดต่อเรื่องอะไรคะคุณพี่”

หนุ่มหน้าสวยเต็มไปด้วยจริตนางหนึ่งใจกล้าปรี่มาถาม ตาคมเข้มแลกวาดไปทั่วร้าน สะดุดตากับสาวถักผมเปีย สวมชุดแซกแขนตุ๊กตาสีชมพูอ่อน เธอกำลังเปิดดูรูปในอัลบั้มทีละภาพ...ทีละภาพ

“น้องสาวเธอล่ะ”

เงาทะมึนที่ยืนค้ำศีรษะมัญชุพรถาม ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองจนคอแทบตั้งบ่า

“เธอไปไหน”

หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื๊อก ฝืนยิ้มให้

“มุกกำลังทำงานอยู่ค่ะ เดี๋ยวคงมา น้องให้ฉันมาเป็นเพื่อน”

พงศพัศนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามเธอ

“คนนี้เจ้าบ่าวเหรอคะ”

พนักงานรีบถาม

“คุณพี่หน้าตาดี๊...ดี หล่อคมเข้ม”

ปากเจรจาคำหวาน พร้อมรอยยิ้มทางการค้าประดับบนริมฝีปาก

“ร้อนไหมคะ เดี๋ยวให้เด็ก ๆ หาน้ำหาผ้าเย็นให้”

แล้วขยิบตาไปทางพนักงานคนอื่น ซึ่งต่างรีบหาของมาต้อนรับลูกค้าในทันใด เพื่อให้เกิดบริการอันน่าประทับใจ

ทว่าบรรยากาศสองหนุ่มสาวยังมาคุ ผู้ชายกอดอกมองหน้าผู้หญิง ขณะเจ้าตัวแกล้งเลี่ยงเปิดอัลบั้มดูต่อ จนในที่สุดเส้นด้ายแห่งความอดทนของคนหนึ่งก็ขาดปึด

“โทรหาน้องเธอสิ ถามเขาว่าเมื่อไรจะมา ฉันมีงานต้องทำ ไม่ได้ว่างทั้งวัน”

เสียงสั่งทำเอาทุกคนสะดุ้ง มัญชุพรหยิบมือถือโทรหาพรสรวง

“มุกเมื่อไรจะมา เลยเวลานัดแล้วนะ”

เธอถามทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย

“งานยังไม่เสร็จเลย”

“คุณกระทิงเขามารอ”

ตาโตเหลือบมองคนกำลังจ้องตนหนัก ท่าทางเขาเหมือนพร้อมจะแย่งมือถือไปคุยเองได้ทุกเมื่อ

“เปิดลำโพงสิพี่หมี่”

“ห๋า...”

เธอคิ้วขมวด

“เปิดลำโพง มุกจะคุยกับเขาเอง”

“มุกจะคุยกับคุณ ฉันขออนุญาตเปิดลำโพงนะคะ”

เพราะเขาน่ากลัว มัญชุพรจึงต้องสุภาพมากจนเกินปรกติ

“เชิญ”

สิ้นเสียงห้าวก็เป็นเสียงใสของน้องสาว

“สวัสดีค่ะคุณกระทิง”

“ฉันไม่มีเวลามานั่งรอทั้งวันหรอกนะ ตกลงเธอจะมาได้หรือยัง”

พงศพัศเปิดฉากด้วยการเหน็บ อารมณ์เสีย อยากไปจากที่นี่เต็มแก่

“งานฉันยังไม่เสร็จค่ะ”

“แล้วมานัดวันนี้ทำไม เลยเวลาฉันหมด”

ต่างฝ่ายต่างใส่กันไม่ยั้ง เป็นว่าที่บ่าวสาวที่ไร้ซึ่งความกลมเกลียวเสียเหลือเกิน

“ฉันไม่ได้นัด ม๊าต่างหากที่นัด”

พรสรวงยียวน มัญชุพรเดาท่าทางน้องออกเลย ต้องพูดพลางยักไหล่แบบไม่ยี่หระอยู่แน่

“ไม่ว่างแล้วทำไมไม่บอกแม่เธอ”

พงศพัศถามเสียงลอดไรฟัน นึกอยากจับตัวคนในสายมาเขย่าให้คอหักนัก

“เหตุผลก็คงเหมือนคุณที่โดนบังคับมานั่นแหละ”

เว็ดดิ้งแพลนเนอร์สาวในร่างชายถึงกับเอามือปิดปาก คู่นี้โดนจับแต่งแบบคลุมถุงชน ...งานยากอีกรายเสียแล้ว

“แล้วเธอจะชดใช้เวลาฉันยังไง ในเมื่อฉันมาแล้ว”

คนในโทรศัพท์เงียบ มัญชุพรรู้สึกถึงเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผาก ด้วยพงศพัศแผ่รังสีสังหารเต็มที่

“ก็ลองชุดไปสิให้จบ ๆ ไป เดี๋ยวมีเวลาว่างฉันจะไปลองชุดเอง”

“พูดง่ายนะ ฉันจะแน่ใจยังไงว่าเธอจะไม่เบี้ยว”

แค่งานแรกที่ต้องร่วมมือกัน ยังเป็นเสียขนาดนี้ พงศพัศไม่ไว้ใจว่าที่เจ้าสาวตัวเองเลย เผื่อแม่คนนี้หัวหมอ เชิดเงินยี่สิบล้านของยายไปเลยล่ะ

“งั้นพี่หมี่ลองชุดแทนมุกก็แล้วกัน”

“เฮ้ย!”

คนที่คิดว่าตนอยู่นอกวงสนทนามาตลอดอย่างมัญชุพรอุทานเสียงหลง

“ทำไมต้องเป็นพี่ด้วย”

“เก๊าะ...มุกกับพี่หมี่ตัวเท่ากัน ถึงอกพี่จะอึ๋มกว่าหน่อยก็เถอะ”

“ยัยมุก!”

เธอตวาดเบา ๆ ใส่โทรศัพท์ ส่วนพงศพัศก็จ้องอกคนที่อึ๋มอย่างไม่ปิดบัง มัญชุพรหน้าแดงรีบยกมือกอดอก เบี่ยงตัวหลบสายตาวาว ๆ

“นะ...พี่หมี่ ลองแทนมุกหน่อย วันนี้คุณกระทิงมาจะได้ไม่เสียเวลา แค่นี้ก่อนนะ เจ้านายมาแล้ว” จากนั้นสัญญาณถูกตัด ได้ยินเพียงเสียงตรู๊ด...ตรู๊ด

“เอายังไงล่ะเธอ”

เขากอดอก หากจะสังเกตให้ดี มีความรื่นเริงใจขึ้นในน้ำเสียง

“ตกลงลองชุดกันเลยนะคะ”

เว็ดดิ้งแพลนเนอร์อาศัยช่วงเดดแอร์เข้าแทรก

“เรื่องอกแก้กันทีหลังได้ค่ะ อึ๋มไว้ดีกว่าขาด”

แถมยังเอาเรื่องได้ยินเมื่อกี้มาใช้ประโยชน์อีก

“แต่นี่เป็นงานของน้องสาวฉันนะคะ”

มัญชุพรยังอิดออด พรสรวงช่างทำกันได้ ส่งเธอมาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก

“น้องสาวเธอบอกว่าหุ่นเท่า ๆ กัน ก็ลอง ๆ ไปเถอะ ส่วนอกน่ะ ถ้าของเขาเล็กก็ให้ยัดทิชชูไป”

เธอมองคนพูดพลางทำหน้าง้ำ

“มาค่ะมาทางนี้ คุณน้องชื่ออะไรคะ พี่จะได้เรียกถูก”

เว็ดดิ้งแพลนเนอร์ไม่พลาดโอกาสเสียลูกค้า จูงมือเธอไปยังห้องด้านหลัง ส่วนพงศพัศก็มีพนักงานหนุ่มใจสาวพาไปลองชุดอีกห้อง

พรสรวงส่งไลน์มาบอกให้พี่สาวเลือกชุดตามใจชอบได้เลย เจ้าตัวบอกใส่ได้หมด ชุดแรกที่เลือกคือชุดงานหมั้น

มัญชุพรเลือกชุดไทยศิวาลัยสีงาช้าง ต่อมาคือชุดเจ้าสาว เว็ดดิ้งแพลนเนอร์แนะนำชุดแบบเรียบหรู ทิ้งชายหางปลานิด ๆ ไม่ฟูฟ่องมาก หญิงสาวใส่แล้วอึดอัดที่อกนิดหน่อย คิดว่าน่าจะพอดีกับอกน้องสาว

“ลองเดินดูนะคะ”

เธอถูกจูงมาจนถึงห้องโถง พงศพัศในชุดสูทยืนอยู่ตรงนั้น แม้เสื้อผ้าเรียบโก้ แต่ไม่อาจกลบความดุดันของเขาลงได้ มัญชุพรเห็นแล้วคิดว่าเขาเป็นเจ้าบ่าวที่ ‘แนว’ ใช้ได้

“มีชุดที่โชว์อกน้อยกว่านี้ไหม เห็นนมเจ้าสาวตั้งขนาดนี้ เดี๋ยวฉันใจแตก ไม่ได้เข้าหอกันพอดี”

พงศพัศมีความสามารถพิเศษเรื่องปากเสียหรืออย่างไร เขาว่าจนทำหน้ามัญชุพรซับสีเลือด

“เดี๋ยวแก้ตรงอกให้นะคะ”

“เอาแบบคลุมยาวถึงคอหอยไปเลย”

เขาเพิ่งรู้สึกสนุกก็ตอนนี้ เมื่อเห็นเธอตอบโต้อะไรไม่ได้ หนุ่มชาวไร่ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย

“ฉันเอาแบบนี้แหละค่ะ”

ชักเข้าใจความรู้สึกอยากหนีของพรสรวงแล้ว นายตัวโตคนนี้ไม่เหมาะกับการเป็นเจ้าบ่าวใครเลย นอกจากหน้าดุแล้วยังไร้มารยาท

“เปลี่ยนซะ ฉันไม่ชอบ”

พงศพัศเห็นเธอเงียบหงิม ไม่คิดว่าจะแผลงฤทธิ์ได้

“เอาตัวนี้เลยค่ะ”

“น้องสาวเธอเป็นคนใส่ในงานแต่งนะ ไม่ใช่เธอ เจ้าบ่าวอย่างฉันต้องออกความเห็นได้สิ”

มัญชุพรสบตาคมดุ

“มุกให้สิทธิ์ขาดฉันเลือกแทนแล้ว ชุดไหนที่ฉันชอบ น้องก็ต้องชอบด้วย ถ้าคุณไม่ชอบก็อย่ามองสิคะ”

ใบหน้ารูปไข่สะบัด เดินกลับไปยังห้องลองชุด

“คุณหมี่คะ...เดี๋ยวค่ะ”

เว็ดดิ้งแพลนเนอร์รีบยกชายหางปลาตามแทบไม่ทัน พงศพัศตอบตัวเองไม่ได้ว่าควรโกรธหรือขำดี รู้แต่ว่าลูกสาวนางพิสมัยฤทธิ์มากทั้งคู่

พรสรวงดูแรง ร้ายออกหน้า ส่วนมัญชุพรดูจะร้ายเงียบซ่อนหุ่นอึ๋ม ๆ ไว้ข้างใน เป็นหุ่นแบบที่เขาชอบเสียด้วย แต่ยังไงก็ตามงานแต่งงานจะต้องจัดขึ้น เขาต้องได้เงินยี่สิบล้านคืน ไม่ว่าจะต้องจับเจ้าสาวใส่ถุงกระสอบเข้าพิธีก็ตาม

ขากลับมัญชุพรแกล้งแต่งตัวอ้อยอิ่งอยู่ในห้องลองชุด กะให้พงศพัศกลับไปแล้ว เธอเชื่อว่าคนอย่างเขาไม่อยู่รอแน่ แล้วก็เป็นจริง เมื่อออกมาจากร้านไม่เห็นเขา เธอเดินไปข้างร้านเป็นลานจอดรถ รอโบกแท็กซี่แถวนั้น แต่กลับมีรถกระบะเก่า ๆ มาจอดตรงหน้าแทน

“ให้ไปส่งไหม”

เจ้าของรถเยี่ยมหน้ามาพร้อมตาดุ ๆ มัญชุพรคิดว่าหากเขาถามตามมารยาทแสดงว่ายายบัวแก้วอบรมมาดี ยังมีแก่ใจห่วงใยคนอื่น

“ไม่ต้องค่ะ ขอบคุณ”

ไหนมารดาเล่าว่าเขารวยหนักหนา เหตุไฉนรถที่ใช้จึงเก่าคร่ำคร่านัก หรือว่าพงศพัศเป็นเศรษฐีขี้เหนียว

“บ่าย ๆ แดดร้อนแบบนี้คนไม่ออกไปไหนกันหรอก แท็กซี่ก็ไม่วิ่งด้วย”

จริงดังที่เขาว่า เพราะกลางถนนมีพยับแดด อากาศก็อบอ้าว

“หรือว่ารังเกียจรถกระบะโทรม ๆ”

คิดว่าจะขับมาแกล้งหักหน้าว่าที่เจ้าสาว แต่กลับมาเก้อ ได้แกล้งตัวพี่คนก็ยังดีว่ะ

“เห็นแก่เงินจังนะผู้หญิงบ้านเธอเนี่ย”

“อย่าดูถูกบ้านฉันให้มากนักเลย คนที่ควรโกรธคือยายคุณต่างหาก ท่านให้เงินบ้านฉันมาเองทำไมตั้งยี่สิบล้าน”

อาจเพราะสภาพอาการด้วยกระมัง ทำมัญชุพรอารมณ์ร้อนไปด้วย

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status