วันเสาร์พรสรวงมีนัดที่ร้านเว็ดดิ้งแพลนเนอร์เที่ยง เธอให้มัญชุพรไปรอที่นั่นเลย พนักงานรีบมาต้อนรับหญิงสาวอย่างนอบน้อม
“สนใจบริการด้านไหนของร้านเราคะ”
พร้อมยกอัลบั้มรูปเล่มโตมาให้ เธอต้องรีบบอกว่ามาด้วยเรื่องนัดของพรสรวง สักพักรถกระบะคันเก่าของไร่ดาวเรืองก็มาจอดที่ลานใกล้ร้าน รปภ.แทบไม่ให้จอดเพราะคิดว่าพงศพัศมาส่งของ จนเขาต้องบอกว่าเป็นลูกค้าที่มาใช้บริการ จึงได้จอด
ชายหนุ่มจงใจจะแกล้งให้พรสรวงเสียหน้า เพราะท่าทางอย่างเธอคงแทบกรี๊ดแน่เมื่อเห็นว่าที่เจ้าบ่าวขับรถโทรม ๆ
เขาเปิดประตูกระจกใสเข้ามา พนักงานในร้านถึงกับชะงัก ด้วยการแต่งตัวเสื้อยืด กางเกงยีนเก่า ๆ บูทคู่มอซอ ยิ่งผมยาวระต้นคอและหนวด ค้านกับการเป็นแขกผู้มาใช้บริการในสถานที่นี้เหลือเกิน
“มาติดต่อเรื่องอะไรคะคุณพี่”
หนุ่มหน้าสวยเต็มไปด้วยจริตนางหนึ่งใจกล้าปรี่มาถาม ตาคมเข้มแลกวาดไปทั่วร้าน สะดุดตากับสาวถักผมเปีย สวมชุดแซกแขนตุ๊กตาสีชมพูอ่อน เธอกำลังเปิดดูรูปในอัลบั้มทีละภาพ...ทีละภาพ
“น้องสาวเธอล่ะ”
เงาทะมึนที่ยืนค้ำศีรษะมัญชุพรถาม ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองจนคอแทบตั้งบ่า
“เธอไปไหน”
หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื๊อก ฝืนยิ้มให้
“มุกกำลังทำงานอยู่ค่ะ เดี๋ยวคงมา น้องให้ฉันมาเป็นเพื่อน”
พงศพัศนั่งลงบนเก้าอี้ตัวตรงข้ามเธอ
“คนนี้เจ้าบ่าวเหรอคะ”
พนักงานรีบถาม
“คุณพี่หน้าตาดี๊...ดี หล่อคมเข้ม”
ปากเจรจาคำหวาน พร้อมรอยยิ้มทางการค้าประดับบนริมฝีปาก
“ร้อนไหมคะ เดี๋ยวให้เด็ก ๆ หาน้ำหาผ้าเย็นให้”
แล้วขยิบตาไปทางพนักงานคนอื่น ซึ่งต่างรีบหาของมาต้อนรับลูกค้าในทันใด เพื่อให้เกิดบริการอันน่าประทับใจ
ทว่าบรรยากาศสองหนุ่มสาวยังมาคุ ผู้ชายกอดอกมองหน้าผู้หญิง ขณะเจ้าตัวแกล้งเลี่ยงเปิดอัลบั้มดูต่อ จนในที่สุดเส้นด้ายแห่งความอดทนของคนหนึ่งก็ขาดปึด
“โทรหาน้องเธอสิ ถามเขาว่าเมื่อไรจะมา ฉันมีงานต้องทำ ไม่ได้ว่างทั้งวัน”
เสียงสั่งทำเอาทุกคนสะดุ้ง มัญชุพรหยิบมือถือโทรหาพรสรวง
“มุกเมื่อไรจะมา เลยเวลานัดแล้วนะ”
เธอถามทันทีที่อีกฝ่ายรับสาย
“งานยังไม่เสร็จเลย”
“คุณกระทิงเขามารอ”
ตาโตเหลือบมองคนกำลังจ้องตนหนัก ท่าทางเขาเหมือนพร้อมจะแย่งมือถือไปคุยเองได้ทุกเมื่อ
“เปิดลำโพงสิพี่หมี่”
“ห๋า...”
เธอคิ้วขมวด
“เปิดลำโพง มุกจะคุยกับเขาเอง”
“มุกจะคุยกับคุณ ฉันขออนุญาตเปิดลำโพงนะคะ”
เพราะเขาน่ากลัว มัญชุพรจึงต้องสุภาพมากจนเกินปรกติ
“เชิญ”
สิ้นเสียงห้าวก็เป็นเสียงใสของน้องสาว
“สวัสดีค่ะคุณกระทิง”
“ฉันไม่มีเวลามานั่งรอทั้งวันหรอกนะ ตกลงเธอจะมาได้หรือยัง”
พงศพัศเปิดฉากด้วยการเหน็บ อารมณ์เสีย อยากไปจากที่นี่เต็มแก่
“งานฉันยังไม่เสร็จค่ะ”
“แล้วมานัดวันนี้ทำไม เลยเวลาฉันหมด”
ต่างฝ่ายต่างใส่กันไม่ยั้ง เป็นว่าที่บ่าวสาวที่ไร้ซึ่งความกลมเกลียวเสียเหลือเกิน
“ฉันไม่ได้นัด ม๊าต่างหากที่นัด”
พรสรวงยียวน มัญชุพรเดาท่าทางน้องออกเลย ต้องพูดพลางยักไหล่แบบไม่ยี่หระอยู่แน่
“ไม่ว่างแล้วทำไมไม่บอกแม่เธอ”
พงศพัศถามเสียงลอดไรฟัน นึกอยากจับตัวคนในสายมาเขย่าให้คอหักนัก
“เหตุผลก็คงเหมือนคุณที่โดนบังคับมานั่นแหละ”
เว็ดดิ้งแพลนเนอร์สาวในร่างชายถึงกับเอามือปิดปาก คู่นี้โดนจับแต่งแบบคลุมถุงชน ...งานยากอีกรายเสียแล้ว
“แล้วเธอจะชดใช้เวลาฉันยังไง ในเมื่อฉันมาแล้ว”
คนในโทรศัพท์เงียบ มัญชุพรรู้สึกถึงเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผาก ด้วยพงศพัศแผ่รังสีสังหารเต็มที่
“ก็ลองชุดไปสิให้จบ ๆ ไป เดี๋ยวมีเวลาว่างฉันจะไปลองชุดเอง”
“พูดง่ายนะ ฉันจะแน่ใจยังไงว่าเธอจะไม่เบี้ยว”
แค่งานแรกที่ต้องร่วมมือกัน ยังเป็นเสียขนาดนี้ พงศพัศไม่ไว้ใจว่าที่เจ้าสาวตัวเองเลย เผื่อแม่คนนี้หัวหมอ เชิดเงินยี่สิบล้านของยายไปเลยล่ะ
“งั้นพี่หมี่ลองชุดแทนมุกก็แล้วกัน”
“เฮ้ย!”
คนที่คิดว่าตนอยู่นอกวงสนทนามาตลอดอย่างมัญชุพรอุทานเสียงหลง
“ทำไมต้องเป็นพี่ด้วย”
“เก๊าะ...มุกกับพี่หมี่ตัวเท่ากัน ถึงอกพี่จะอึ๋มกว่าหน่อยก็เถอะ”
“ยัยมุก!”
เธอตวาดเบา ๆ ใส่โทรศัพท์ ส่วนพงศพัศก็จ้องอกคนที่อึ๋มอย่างไม่ปิดบัง มัญชุพรหน้าแดงรีบยกมือกอดอก เบี่ยงตัวหลบสายตาวาว ๆ
“นะ...พี่หมี่ ลองแทนมุกหน่อย วันนี้คุณกระทิงมาจะได้ไม่เสียเวลา แค่นี้ก่อนนะ เจ้านายมาแล้ว” จากนั้นสัญญาณถูกตัด ได้ยินเพียงเสียงตรู๊ด...ตรู๊ด
“เอายังไงล่ะเธอ”
เขากอดอก หากจะสังเกตให้ดี มีความรื่นเริงใจขึ้นในน้ำเสียง
“ตกลงลองชุดกันเลยนะคะ”
เว็ดดิ้งแพลนเนอร์อาศัยช่วงเดดแอร์เข้าแทรก
“เรื่องอกแก้กันทีหลังได้ค่ะ อึ๋มไว้ดีกว่าขาด”
แถมยังเอาเรื่องได้ยินเมื่อกี้มาใช้ประโยชน์อีก
“แต่นี่เป็นงานของน้องสาวฉันนะคะ”
มัญชุพรยังอิดออด พรสรวงช่างทำกันได้ ส่งเธอมาตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก
“น้องสาวเธอบอกว่าหุ่นเท่า ๆ กัน ก็ลอง ๆ ไปเถอะ ส่วนอกน่ะ ถ้าของเขาเล็กก็ให้ยัดทิชชูไป”
เธอมองคนพูดพลางทำหน้าง้ำ
“มาค่ะมาทางนี้ คุณน้องชื่ออะไรคะ พี่จะได้เรียกถูก”
เว็ดดิ้งแพลนเนอร์ไม่พลาดโอกาสเสียลูกค้า จูงมือเธอไปยังห้องด้านหลัง ส่วนพงศพัศก็มีพนักงานหนุ่มใจสาวพาไปลองชุดอีกห้อง
พรสรวงส่งไลน์มาบอกให้พี่สาวเลือกชุดตามใจชอบได้เลย เจ้าตัวบอกใส่ได้หมด ชุดแรกที่เลือกคือชุดงานหมั้น
มัญชุพรเลือกชุดไทยศิวาลัยสีงาช้าง ต่อมาคือชุดเจ้าสาว เว็ดดิ้งแพลนเนอร์แนะนำชุดแบบเรียบหรู ทิ้งชายหางปลานิด ๆ ไม่ฟูฟ่องมาก หญิงสาวใส่แล้วอึดอัดที่อกนิดหน่อย คิดว่าน่าจะพอดีกับอกน้องสาว
“ลองเดินดูนะคะ”
เธอถูกจูงมาจนถึงห้องโถง พงศพัศในชุดสูทยืนอยู่ตรงนั้น แม้เสื้อผ้าเรียบโก้ แต่ไม่อาจกลบความดุดันของเขาลงได้ มัญชุพรเห็นแล้วคิดว่าเขาเป็นเจ้าบ่าวที่ ‘แนว’ ใช้ได้
“มีชุดที่โชว์อกน้อยกว่านี้ไหม เห็นนมเจ้าสาวตั้งขนาดนี้ เดี๋ยวฉันใจแตก ไม่ได้เข้าหอกันพอดี”
พงศพัศมีความสามารถพิเศษเรื่องปากเสียหรืออย่างไร เขาว่าจนทำหน้ามัญชุพรซับสีเลือด
“เดี๋ยวแก้ตรงอกให้นะคะ”
“เอาแบบคลุมยาวถึงคอหอยไปเลย”
เขาเพิ่งรู้สึกสนุกก็ตอนนี้ เมื่อเห็นเธอตอบโต้อะไรไม่ได้ หนุ่มชาวไร่ค่อยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย
“ฉันเอาแบบนี้แหละค่ะ”
ชักเข้าใจความรู้สึกอยากหนีของพรสรวงแล้ว นายตัวโตคนนี้ไม่เหมาะกับการเป็นเจ้าบ่าวใครเลย นอกจากหน้าดุแล้วยังไร้มารยาท
“เปลี่ยนซะ ฉันไม่ชอบ”
พงศพัศเห็นเธอเงียบหงิม ไม่คิดว่าจะแผลงฤทธิ์ได้
“เอาตัวนี้เลยค่ะ”
“น้องสาวเธอเป็นคนใส่ในงานแต่งนะ ไม่ใช่เธอ เจ้าบ่าวอย่างฉันต้องออกความเห็นได้สิ”
มัญชุพรสบตาคมดุ
“มุกให้สิทธิ์ขาดฉันเลือกแทนแล้ว ชุดไหนที่ฉันชอบ น้องก็ต้องชอบด้วย ถ้าคุณไม่ชอบก็อย่ามองสิคะ”
ใบหน้ารูปไข่สะบัด เดินกลับไปยังห้องลองชุด
“คุณหมี่คะ...เดี๋ยวค่ะ”
เว็ดดิ้งแพลนเนอร์รีบยกชายหางปลาตามแทบไม่ทัน พงศพัศตอบตัวเองไม่ได้ว่าควรโกรธหรือขำดี รู้แต่ว่าลูกสาวนางพิสมัยฤทธิ์มากทั้งคู่
พรสรวงดูแรง ร้ายออกหน้า ส่วนมัญชุพรดูจะร้ายเงียบซ่อนหุ่นอึ๋ม ๆ ไว้ข้างใน เป็นหุ่นแบบที่เขาชอบเสียด้วย แต่ยังไงก็ตามงานแต่งงานจะต้องจัดขึ้น เขาต้องได้เงินยี่สิบล้านคืน ไม่ว่าจะต้องจับเจ้าสาวใส่ถุงกระสอบเข้าพิธีก็ตาม
ขากลับมัญชุพรแกล้งแต่งตัวอ้อยอิ่งอยู่ในห้องลองชุด กะให้พงศพัศกลับไปแล้ว เธอเชื่อว่าคนอย่างเขาไม่อยู่รอแน่ แล้วก็เป็นจริง เมื่อออกมาจากร้านไม่เห็นเขา เธอเดินไปข้างร้านเป็นลานจอดรถ รอโบกแท็กซี่แถวนั้น แต่กลับมีรถกระบะเก่า ๆ มาจอดตรงหน้าแทน
“ให้ไปส่งไหม”
เจ้าของรถเยี่ยมหน้ามาพร้อมตาดุ ๆ มัญชุพรคิดว่าหากเขาถามตามมารยาทแสดงว่ายายบัวแก้วอบรมมาดี ยังมีแก่ใจห่วงใยคนอื่น
“ไม่ต้องค่ะ ขอบคุณ”
ไหนมารดาเล่าว่าเขารวยหนักหนา เหตุไฉนรถที่ใช้จึงเก่าคร่ำคร่านัก หรือว่าพงศพัศเป็นเศรษฐีขี้เหนียว
“บ่าย ๆ แดดร้อนแบบนี้คนไม่ออกไปไหนกันหรอก แท็กซี่ก็ไม่วิ่งด้วย”
จริงดังที่เขาว่า เพราะกลางถนนมีพยับแดด อากาศก็อบอ้าว
“หรือว่ารังเกียจรถกระบะโทรม ๆ”
คิดว่าจะขับมาแกล้งหักหน้าว่าที่เจ้าสาว แต่กลับมาเก้อ ได้แกล้งตัวพี่คนก็ยังดีว่ะ
“เห็นแก่เงินจังนะผู้หญิงบ้านเธอเนี่ย”
“อย่าดูถูกบ้านฉันให้มากนักเลย คนที่ควรโกรธคือยายคุณต่างหาก ท่านให้เงินบ้านฉันมาเองทำไมตั้งยี่สิบล้าน”
อาจเพราะสภาพอาการด้วยกระมัง ทำมัญชุพรอารมณ์ร้อนไปด้วย
“แม่เธอหลอกยายฉัน”พงศพัศหรี่ตามองพี่ว่าที่เจ้าสาว“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกคุณ”“ยายฉันแก่แล้ว ไม่ทันเล่ห์แม่เธอหรอก”มีลมร้อนพัดมาวูบ ทำให้ชายกระโปรงชุดแซกยกขึ้นจนเห็นปลีน่องเรียวกลมกลึง ...มีเรื่องให้แปลกใจเยอะจริง ๆ พี่ว่าที่เจ้าสาวเขา“แม่ฉันไม่ใช่คนร้าย”ดวงตากลมโตวาววับเมื่อได้ยินชายหนุ่มพาดพิงถึงมารดา“เขาร้ายมาตั้งแต่ยังสาวนี่ ถึงมาจับเสี่ยจิวได้”ประวัติพิสมัยเป็นที่รู้กันทั่ว นางคือสาวนักขุดทองที่ได้มาเจอเป้าหมายกระเป๋าหนัก จากแม่ม่ายลูกติดผู้ยากจนกลายเป็นเมียเศรษฐีในพริบตา“คุณยายบัวแก้วก็ดูเป็นคนดี ทำไมถึงได้มีหลานปากร้าย ใจสกปรกอย่างคุณ ว่าคนอื่นเขาไปหมด”มัญชุพรหน้าแดง อาจเพราะอากาศปนอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง“อย่าเอายายฉันมาเกี่ยวด้วย!”เขาก็มีจุดอ่อนเรื่องบุพการีเหมือนกัน“ตกลงจะขึ้นรถมากับฉันดี ๆ หรือจะให้ลากขึ้นมา อุตส่าห์ใจดีเห็นไม่มีรถกลับ เธอยังมีตีฝีปากใส่ฉันอีก”“คุณปากร้ายใส่ฉันก่อนนะ แล้วอีกอย่างฉันไม่ยอมนั่งรถไปกับคุณเด็ดขาด”มัญชุพรไม่รู้เลย ว่าคำพูดตนเป็นชนวนให้อะไรในตัวพงศพัศขาดผึ่ง ชายหนุ่มลงจากรถ เดินอาด ๆ มาหาสาวร่างบาง เธอกลัวจนใจไปตกที่ตาตุ่ม ขยับเท้าเ
“มุกทำหมี่ลำบากมากไหม ถ้าไม่โอเคเดี๋ยวต่อไปเวลาเจอนายกระทิงเฮียจะไปกับมุกเอง”มัญชุพรสงสารจิรัฎฐ์ ขาวอวบเป็นซาลาเปาแบบเขาคงแหลกแน่เมื่อตกอยู่ท่ามกลางพายุอารมณ์ของทั้งสอง“ไม่เป็นไรค่ะ หมี่ยังไหว เฮียคอยช่วยเตี่ยทำงานดีกว่า”เธอเรียนรู้ที่จะเป็นเด็กดี อดทนกับทุกอย่าง ตราบใดที่ยังอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังนี้ ...บ้านที่มีพระคุณเลี้ยงดูเธอกับแม่ให้มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข“ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกเฮียนะ ไม่ต้องเกรงใจ”เพราะมัญชุพรอยู่ใกล้แล้วเย็น เหมือนสายน้ำชื่นใจ จิรัฎฐ์จึงชอบ ...มากขนาดมีใจเสน่หา แต่ยังหาจังหวะคุยกับเสี่ยจิวไม่ได้เสียที ความจริงแล้วจิรัฎฐ์รู้ว่าคนมีอำนาจตัดสินใจมากที่สุดในบ้านคือแม่เลี้ยงนางพิสมัยไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ไม่รู้มีแผนจะทำอะไรกับมัญชุพรหรือเปล่า การจับคู่ของพรสรวงกับพงศพัศนำพาความหวั่นใจมาสู่เขา กลัวว่านางพิสมัยมีแผนจะให้มัญชุพรแต่งงานกับใครอีกเด็กดีอยู่ในโอวาทแบบเธอต้องยอมแน่ ...แต่จิรัฎฐ์ไม่ยอมหรอก เขาจะปกป้องมัญชุพรเอง หนุ่มขาวอวบให้สัญญาพรสรวงกลับบ้านมาเสียดึก เมื่อเห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของน้องมัญชุพรก็สงสารจนไม่กล้าว่าอะไรแรง“พี่ไม่ชอบเรื่องที่มุกทำวันนี้เลย รู้
เวลาแห่งความเคร่งเครียด ยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเป็นเม็ด ๆ ราวกับแต่ละคนอมถ่านร้อน ๆ ไว้แล้วนางพิสมัยก็มองไปที่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง มันสะท้อนเงานางที่ดูเพิ้ง เกินกว่าจะรับไหว ขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพมัชชุพร ที่หน้าขาวซีด“หมี่ ไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด!”มารดาตวัดสายตามาที่ร่างโปร่งระหง“คะ...”มัญชุพรเลิกคิ้ว“ลูกต้องเข้าพิธีแทนน้อง”นางตัดสินใจแล้ว จะให้งานล่มไม่ได้“เฮ้ย!” เป็นจิรัฎฐ์เองที่อุทานลั่น“เร็ว ๆ เลย”มารดาทำหน้าจริงจัง เหมือนตอนกำลังจะทำโทษเธอในวัยเด็กยามทำผิด“ไม่ได้นะน้าไหม มุกหนีไป มันเกี่ยวอะไรกับหมี่ด้วย เขามาขอมุกไม่ใช่หมี่”จิรัฎฐ์ค้านสุดฤทธิ์ ทั้งเพื่อตัวเองและสาวที่หมายปอง“คุณยายคำแก้วขอลูกสาวฉันกับเฮียให้แต่งงานกับหลานเขา ไม่ได้ระบุไว้แต่แรกว่าจะต้องเป็นคนไหน ฉันเองแหละที่เสนอยัยมุกไปเพราะเห็นว่าเหมาะสมดี”นางเฉลยที่มาของการแก้ปัญหา ระหว่างงานแต่งที่ไร้เจ้าสาว กับงานแต่งที่เจ้าสาวเป็นคนละคน นางเลือกอย่างหลังที่ดูฉาวน้อยกว่า“แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไป หมี่เข้าพิธีแทนน้อง ถ้าแม่ตามมุกเจอแล
“นี่มันอะไรกัน คุณพิสมัย เสี่ยจิว ทำไมเจ้าสาวผมถึงเป็นคนนี้”หากมีเข็มสักเล่มหล่นในห้อง ทุกคนคงได้ยินทั่วกันหมด เพราะเงียบเหลือเกิน“ขอคุยกันส่วนตัวสักครู่ค่ะ ให้แขกกับพระออกไปก่อน”นางพิสมัยพยักหน้าไปทางพิธีกร ซึ่งรีบเชิญให้แขกออกไปดื่มชากาแฟกันสักครู่ ในห้องจึงเหลือเพียงสมาชิกในครอบครัวเสี่ยจิว ส่วนทางบ้านพงศพัศก็เหลือเขา ยาย และสุนีย์“เกิดอะไรขึ้นเรอะแม่ไหม หนูมุกไปไหน”“ยัยมุกเอ่อ...ไม่ค่อยสบายค่ะ”“เขาเป็นอะไร”พงศพัศกอดอก หรี่ตาจับผิด“มุกอยู่โรงพยาบาลต้องนอนติดเตียงหมอห้ามเยี่ยมค่ะ”“อยู่โรงพยาบาลไหน ผมมีเพื่อนเป็นหมอหลายคน เดี๋ยวจะถามอาการ โรคอย่างนี้แปลกมาก ไม่เคยได้ยิน”“กระทิงหยุดเถอะ”ยายบัวแก้วปราม รู้ว่าหลานกำลังไล่เบี้ย“มีอะไรก็บอกมาตรง ๆ ดีกว่าแม่ไหม”สุนีย์เปิดกระเป๋าเตรียมหยิบยาดมรอยื่นให้ ถึงขนาดเปลี่ยนเจ้าสาว แสดงว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแบบไม่ธรรมดา“อามุกอีหนีงานแต่งไปแล้ว”เสี่ยจิวนั่นเองที่เป็นคนเฉลย นางพิสมัยขึงตามองสามีที่มีจิรัฐฎ์จับแขนพยุงอยู่ ยายบัวแก้วยกมือขึ้นแนบอก อีกมือก็รับยาดมจากสุนีย์ พงศพัศกวาดตามองสมาชิกทุกคนในบ้านเสี่ยจิวแล้วขบกราม ส่งสายตาดุดัน มัญช
ขบวนผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งออกไป เหลือเพียงบ่าวสาวอยู่ลำพังในห้อง พงศพัศลุกขึ้นยืดแข้งยืดบิดขี้เกียจ หลังจากนั้นตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอเลยมัญชุพรค่อย ๆ ลุกขึ้นเพราะเหน็บกิน พยุงตัวเองไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง มีกระเป๋าสะพายใบที่ใช้ประจำวางอยู่ เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูมีข้อความไลน์จากพรสรวงMoo_Mook:ขอโทษนะพี่หมี่ ตอนนี้ที่บ้านวุ่นวายมากไหมMi_Mhi:มากเลยล่ะมุก พี่ต้องแต่งงานแทนเธอหญิงสาวหันซ้ายแลขวา ประตูห้องน้ำยังปิดสนิทอยู่ คงอีกสักพักพงศพัศจะอาบน้ำเสร็จMoo_Mook:มุกขอโทษ แต่มุกจำเป็นจริง ๆ พี่หมี่รู้สาเหตุแล้วใช่ไหมMi_Hmi:อือมัญชุพรนึกถึงหลักฐานที่แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วย ยังหาจังหวะทิ้งไม่ได้Mi_Hmi:ตอนนี้มุกอยู่ไหนMoo_Mook:อยู่กับเจมส์แล้วMi_Hmi:เขาว่ายังไงบ้างMoo_Mook:พรุ่งนี้เขาจะมาเจอเตี่ยกับม๊า เราต้องอยู่กันแค่สองคนเพราะที่บ้านแต่ละคนต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับMi_Hmi:เข้มแข็งไว้นะ พี่เป็นกำลังให้หากถามว่าโกรธไหม มัญชุพรก็ตอบว่าโกรธ ...เธอไม่ใช่คนแสนดีขนาดนั้น แต่เมื่อทราบสาเหตุ และรู้ผลที่น้องสาวหนี เธอก็กล้ำกลืนคำดุด่าว่ากล่าวลงลำคอ ตอนนี้มีแต่คำว่าสงสาร
“ไหนบอกไม่มีแฟน”เมื่ออีกคนจากไปเขาก็หันมาไล่เบี้ยกับภรรยา“เฮียเล้งไม่ใช่แฟน เป็นพี่ชายฉัน”“มองตาเชื่อม มาชวนหนีแบบนี้น่ะเหรอ หมอนั่นไม่ใช่พี่จริงเธอนี่”ดวงตาคมเข้มภายใต้คิ้วรก ๆ มองหญิงสาวจับผิด มัญชุพรเชิดหน้าขึ้น เพื่อให้เขาเห็นว่าเธอยังมีศักดิ์ศรี“ไม่ใช่พี่แท้ แต่ฉันก็นับถือเฮียเล้งเหมือนพี่จริง ๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง”พงศพัศฟังจบก็เดินออกไปข้างนอก“ไอ้เข้โว้ย สั่งเพิ่มคนเฝ้าประตูทุกฝั่งในไร่ คอยดูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กูกลัวคนจะมาลักพาตัวตัวเมียไป”เขาตะโกนสั่งการันต์ แต่เสียงดังขนาดนี้คงได้ยินกันทั่วไร่แล้วกระมังมัญชุพรโกรธเขาที่คลางแคลงใจเธอ ในเรื่องไม่มีเหตุผล เธอจำต้องไปหลบในที่ที่ตนเองคิดว่าปลอดภัยคือห้องนอนเปิดโน้ตบุคนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตไม่นานก็เบื่อ ด้วยปรกติเธอไม่ค่อยใช้เวลาว่างในคอมพิวเตอร์หรือมือถือมากนัก เพราะต้องทำงานร้านเสี่ยจิวบาง ออกไปส่งของให้ลูกค้ากับจิรัฐฎ์บ้าง พอได้มาเป็นภรรยาเจ้าของไร่ดาวเรืองอย่างงง ๆ มัญชุพรจึงทำตัวไม่ถูกจะนอนกลางวันก็ไม่ใช่วิสัยปรกติ นั่งนิ่ง ๆ อยู่เฉย ๆ ยิ่งแล้วใหญ่ เธอจึงลงข้างล่าง คิดว่าโชคดีแล้วที่ไม่เห็นพงศพัศ ม
“คุณกระทิง พี่เข้”สาวน้อยส่งเสียงเรียกมาแต่ไกล หนึ่งหนุ่มโบกมือให้ ส่วนพงศพัศเท้าสะเอว“ไปไหนกันมา คุณหมี่สวัสดีคร๊าบ”การันต์ยิ้มให้ ส่วนเจ้านายหน้าบึ้ง“พี่เข้ทำงานเหนื่อยไหมจ๊ะ ส้มคิดถึง”คนเพิ่งลุกจากมอเตอร์ไซด์ส่งคำทักทายหวานจ๋อย“อย่ามาอ่อยนะน้อง ขาอ่อนพี่น่ะเธอไม่ได้เห็นหรอก”“งั้นคืนนี้นอนนอกห้อง”“โอ๊ย! อย่าใจร้ายอย่างนั้นสิจ๊ะส้มจ๋า พี่อ่ะเหนื้อย...เหนื่อย พอเห็นหน้าส้มพี่ก็ชื่นใจแล้ว”มัญชุพรอ้าปากเหวอกับถ้อยคำฉันชู้สาวแบบนั้น“มึงไปง้อเมียที่อื่นเลยไป กูเลี่ยน”เขาหันหลังให้“คุณหมี่ดูไว้นะคะ ผู้ชายก็อย่างนี้แหละ ไม่ค่อยเห็นค่าเรา”ส้มจี๊ดค้อนแกล้งเดินไปอีกฟากของร่มไม้เพื่อให้สามีตามมาอ้อน กลายเป็นว่ามัญชุพรต้องยืนอยู่กับเขา“ตรงนั้นน่ะ ไถดี ๆ สิวะ อย่าทำงานชุ่ย”พงศพัศตะโกนด่าลูกน้อง เสียงดังจนเธอสะดุ้ง“อย่ามาทำตัวสบาย ๆ กินแรงคนอื่นเขา”“จะด่าฉันก็พูดมาตรง ๆ เถอะค่ะ”มัญชุพรไม่โง่จนอ่านเจตนาเขาไม่ออก“คืนเงินสิบล้านมาสิ คุณจะได้ไม่ต้องโดนด่า”ตาเขามองรถไถแต่ปากยังโต้ตอบ มัญชุพรฉุนในกิริยานี้มาก จึงก้าวไปยืนประจันหน้าเขา“ฉันจะคืนคุณได้เร็วขึ้น ถ้าปล่อยให้ฉันไปหาเงินเอง
“ขึ้นมานอนบนเตียงนี่”เขาตบลงบนที่เดิมเป็นครั้งที่สอง หญิงสาวส่งสายตาไม่ไว้ใจ“ฉันไม่ปล้ำเธอหรอก วันนี้เหนื่อย ขี้เกียจมาต่อล้อต่อเถียงด้วย”“งั้นคุณไปนอนห้องอื่นสิ”“อย่างนั้นยายฉันก็สงสัยกันพอดี หรือเธอหาข้อแก้ตัวกับท่านได้”เธอชักคล้อยตามเหตุผลของเขา แต่ยังไม่ยอมแพ้“บอกว่าฉันนอนกรนสิ”พงศพัศมองนิ่งมองเธอแล้วหัวเราะพรืด“ขำอะไรน่ะคุณกระทิง” มัญชุพรชักเสียความมั่นใจเมื่อเขามีปฏิกิริยาเหมือนตลกมาก“เธอเป็นผู้หญิงคนแรกนะเนี่ยที่ยอมรับว่าตัวเองนอนกรน”“ฉันไม่ได้นอนกรนเสียหน่อย แค่สมมุติ”เธอทำปากยื่น ไม่พอใจในข้อกล่าวหา“งั้นก็พิสูจน์สิ มานอนกับฉัน”เวลาเขาอารมณ์ดี บรรยากาศรอบตัวแจ่มใสขึ้นเยอะ ในห้องนอนเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย“คุณต้องสาบานนะว่าจะไม่ทำอะไรฉัน”“ทำไมต้องสาบาน เดี๋ยวฟ้าก็ผ่าหรอก พ่อแม่ไม่เคยสอนหรือยังไง”ลับฝีปากกับเธอก็เพลินเหมือนกัน มัญชุพรทำให้เขาสนุก...ในอีกรูปแบบหนึ่ง“สาบานมันศักดิ์สิทธิ์กว่าสัญญา”คนที่ชักจะกลับมาเชื่อเรื่องงมงายแจง“เธอนี่ไม่รู้อะไรเลย คนเราถ้าจะทำผิด มันก็ไม่สนหรอกว่าจะสาบานหรือสัญญา”พงศพัศส่งยิ้มร้าย ชวนให้หญิงสาวขนลุก“ถ้าคุณอยากให้ฉันขึ้นไปนอน