พงศพัศแปลกใจที่บ้านนี้ให้คนรับใช้มานั่งเทียมเจ้านาย จนนางพิสมัยแนะนำตัวเธอว่าเป็นใคร เขาจึงได้แค่กระแอมในลำคอ พงศพัศไม่ผิด เพราะไม่เคยเจอเธอเลย
มัญชุพรก็อาจไม่ผิดด้วยเหมือนกัน เพราะเห็นการแต่งตัวแถมถือถาดมาขนาดนั้น ใครก็ต้องคิดว่าเป็นคนรับใช้
พรสรวงเข้าบ้านมาท้ายสุด เธอกลับเร็วด้วยแม่บอกว่าพ่อไม่สบาย
“บ่าย ๆ อย่างนี้ต้องดื่มน้ำชา ไปอีกห้องเถอะค่ะคุณยาย ยัยมุกเลือกขนมจีบมาให้ด้วยตัวเองเลยนะคะ ต้องอร่อยแน่ พูดแล้วจะหาว่าคุย ลูกคนนี้รสนิยมดี”
พิสมัยปิดปากหัวเราะโฮะ ๆ พรสรวงขมวดคิ้ว จำไม่ได้ว่าตัวเองไปเลือกขนมจีบตอนไหน แล้วยังนายหนวดหน้าดุคนนี้อีก เธอถูกจัดฉากเข้าเสียแล้ว
“เอ่อ ต้องขอตัวก่อนนะคะ มุกรู้สึกไม่ค่อยสบาย” หญิงสาวหาแผนเตรียมชิ่งหนี
“ไหน เป็นอะไรมาให้แม่ดูหน่อยสิ”
มารดายิ้มหวานจนขนลุก เข้ามายกมืออังหน้าผาก
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยมุก หนูอาจแค่เหนื่อย”
เล็บแต่งเจียนทาสีแดงอย่างดีจิกลงบนแขนลูกสาว
“ไปนั่งพักหน่อยก็หาย”
สองพี่น้องรู้กันทันที นางพิสมัยกำลังของขึ้น อย่าได้ขัดใจเป็นอันขาด มิเช่นนั้นองค์จะลง
พรสรวงแม้จะเอาแต่ใจ แต่ก็กลัวมารดาเป็นที่สุด เพราะนิสัยแรง ๆ ร้าย ๆ เธอถอดแบบมาจากนางพิสมัย ของเลียนแบบสู้ต้นฉบับไม่ได้ฉันใด ลูกสาวก็สู้นางพิสมัยไม่ได้ฉันนั้น
“จิบชาร้อน ๆ เดียวก็ดีขึ้น”
นางดึงแขนลูกคนเล็กแต่พองาม ไม่ให้ดูฉุดกระชากลากถูเกินไป เดินนำทุกคนไปยังห้องอาหารที่มีของว่างพร้อมพรั่ง นางพิสมัย สุนีย์ ยายคำแก้ว ผลัดกันคุย เพราะต่างเป็นสหายธรรมกันทั้งนั้น ผู้สูงวัยชอบไปวัดปฏิบัติธรรม
ยายบัวแก้วนั้นพอจะเชื่อได้ว่าใจฝักใฝ่ทำบุญด้วยบุคลิกใจดี แต่นางพิสมัยกับสุนีย์ ที่พูดจีบปากจีบคอกันนี่ไม่แน่ใจว่าฝักใฝ่ธรรมไหม เพราะมีเรื่องคนโน้นคนนี้มาเล่าให้ฟัง ไม่ต่างกับนินทา
พงศพัศกอดอกส่งสายตากดดัน บ่งบอกความไม่พอใจ
“พี่หมี่ว่านายคนนี้จะลุกขึ้นอาละวาดเมื่อไร”
พรสรวงกระซิบกับมัญชุพรที่นั่งข้างกัน
“ตัวแผ่รังสีมาคุหวึ่ง ๆ ขนาดนั้น”
“มุกอย่าไปว่าเขาอย่างนั้นสิ เสียมารยาท”
เธอกระซิบตอบ ยิ่งมาเห็นใกล้ ๆ พงศพัศยิ่งน่าเกรง แผ่รังสีทำให้คนกลัว คนอย่างนี้ละหรือที่จะมาเป็นสามีพรสรวง แรงกับแรงมาเจอกัน ไม่ตีกันบ้านแตกหรอกรึ
คนถูกมองเหมือนจะรู้ตัว หันเหสายตาจากผู้อาวุโสมาทางสองสาว พรสรวงสบสายตาท้าทาย มัญชุพรยิ้มเจื่อน เอานิ้วเอาผมขึ้นทัดหู
...ช่างเป็นพี่น้องที่ไม่เหมือนกันเลย
พงศพัศคิด คนพี่ดูเรียบ ๆ ไม่แต่งเนื้อแต่งตัว คนน้องเปรี้ยว ดูมั่นใจ คนน้องสินะที่ต้องแต่งกับเขา ...ก็สวยพอใช้ สมองคงดีเพราะเรียนถึงปริญญาโท บ้านนี้ก็ไม่มีคนพิกลพิการ เธอมีคุณสมบัติเพียงพอที่เขาจะรับพิจารณาไว้เป็นเมีย
“เอาล่ะ มาถึงเรื่องสำคัญ”
ยายบัวแก้วเอ่ยเสียงกังวาน พยักหน้าให้คนสนิทยื่นกระเป๋าถือให้ ท่านหยิบซองแบน ๆ ออกมา
“เช็กยี่สิบล้านตามที่คุยกันไว้”
“อะไรนะคะ/ครับ”
หนุ่มสาวอุทาน มัญชุพรพลอยตาโตไปด้วย
“สั่งจ่ายเป็นชื่อเธอแล้วนะ”
นางพิสมัยยิ้มแก้มแทบปริ
“ขอบพระคุณ คุณยายมากค่ะ”
มืออวบอูมอย่างคนกินดีอยู่ดีกราบลงแทบตักผู้ให้
“เงินอะไรกันครับยาย”
“ใช่ค่ะ เงินอะไรกันม๊า” สุนีย์ยิ้มกริ่มและเป็นผู้ตอบแทน
“ค่าสินสอดคุณมุกไงคะ ยี่สิบล้าน”
“เฮ้ย! ยายไปเอาเงินที่ไหนมากขนาดนั้นมา”
ชายหนุ่มอุทาน เพิ่มความดีกรีหัวเสียในวันนี้ขึ้นมาอีกโข
“ลืมไปแล้วหรือไง ตอนหลานยังเด็ก ยายเป็นคนดูแลเรื่องเงินของไร่ เลยมีเก็บไว้ส่วนตัว เผื่อไว้สร้างวัดสร้างวา”
“แล้วยายเอาเงินตั้งยี่สิบล้านมาเป็นสินสอดเนี่ยนะ แพงไป ผู้หญิงบ้านนี้ตัวเคลือบทองหรือยังไง”
“ว๊าย! ปากเสียไปแล้วคุณ ถึงตัวฉันไม่ได้เคลือบทอง แต่ก็ยังมีคนให้ค่าสินสอดอยู่ดี อาจจะมากกว่านี้ด้วย”
พรสรวงที่ทีแรกก็ตกใจ แต่ฟังวาจาเขาแล้วระคายหู จึงได้เกทับไปบ้าง
“ม๊าคืนเงินยายเขาไปเถอะค่ะ”
เธอเชิดหน้าอย่างทะนง
“มุกมาคุยกับแม่หน่อย หมี่ด้วย”
นางพิสมัยตีหน้าเครียด
“อะไรอีกล่ะม๊า ก็แค่คืนเงินเขาไป”
พรสรวงเตรียมกระทืบเท้าตามพื้นนิสัยเจ้าอารมณ์
“มาเถอะ แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
สองพี่น้องมองตากัน แล้วยอมเดินตามมารดาไปยังห้องทำงานบิดา ประตูปิดแน่นเพื่อกันคนภายนอกรู้ความ นางพิสมัยก็ร่าย
“ลูกรู้กันอยู่แล้วใช่ไหมว่าเตี่ยมีโครงการจะขยายร้าน”
เสี่ยจิวเปรยอยู่บ่อย ๆ ขณะเดียวกันก็ยังไม่สบโอกาสเสียทีเพราะดอกเบี้ยธนาคารแพง
“เงินก้อนนี้แหละ ที่จะทำให้เตี่ยสมหวัง มันจะเป็นอนาคตของบ้านเรา”
มารดากล่าวพร้อมตาสดใสลุกวาว
“นี่ม๊าขายมุกให้ไปเป็นเมียนายกระทิงหน้าหนวดนั่นเหรอ”
พรสรวงกรีดร้อง มัญชุพรต้องรีบไปดึงแขนดับอารมณ์กรุ่น
“ไม่ได้ขาย นี่เป็นสินสอดต่างหาก แต่งงานกับเขาเสีย ไม่มีใครทุ่มให้หลานเท่าคุณยายบัวแก้วอีกแล้ว”
จุดประสงค์หนึ่งที่นางพิสมัยชอบไปวัด ทำบุญ แสร้งทำตัวว่าชอบปฏิบัติธรรม คือการได้ตีสนิทกับเศรษฐีแก่ เพื่อหวังหาเส้นสายในการทำธุรกิจหรือหวังจะเกี่ยวดอง นางทำงานในร้านไม่คล่อง แต่เข้าสังคมเก่ง จึงถือว่าการกระทำนี้เป็นการช่วยเหลือครอบครัวไปด้วย
“มุกบอกแล้วยังไงล่ะ ว่าไม่แต่ง คืนเงินเขาไป”
“แกต้องแต่ง เป็นคำสั่งฉัน หรือแกอยากจะเห็นเตี่ยอยู่ในร้านเล็ก ๆ หาเงินงก ๆ มาจ่ายดอกเบี้ยธนาคารไปจนตายล่ะ”
พรสรวงเม้มปาก ตัวสั่นจนมัญชุพรรู้สึกได้
“แม่คะ ให้เวลามุกทำใจหน่อยเถอะค่ะ อย่าเพิ่งกดดันน้องเลย”
มือนวลลออลูบไหล่บางของคนโกรธกรุ่น
“แค่แต่งงานกับคุณกระทิง เขาทั้งรวย มีที่เป็นพันไร่ ชาตินี้ลูกจะได้อยู่สบาย ๆ ไม่ต้องขับรถ หิ้วงานกระเตง ๆ แบบนี้ไปเสนอลูกค้า”
นางเป็นผู้หญิงหัวเก่า ยังคิดว่าการหาสามีรวยและเลี้ยงดูภรรยาได้คือจุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิตลูกผู้หญิง
“แต่มุกไม่ได้รักเขา!”
“อยู่กันไปนาน ๆ ก็รักกันไปเองแหละน่า”
มารดายักไหล่ ไม่อนาทรความรู้สึกของลูกเลยสักนิด พรสรวงก็เช่นกัน สะบัดหน้าออกจากห้องวิ่งขึ้นบันไดไป
“ไปดูน้องไป คอยเฝ้าด้วยว่าอย่าให้ทำอะไรบ้า ๆ”
มัญชุพรรับคำสั่งผู้เป็นแม่ตามเคย นางพิสมัยนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของสามี เหนื่อย...แต่ทำอย่างไรได้ นางต้องสวมบทโหด เพื่ออนาคตของลูกและฝันของสามี หากไม่ยอมแต่งดี ๆ ต่อให้ต้องจับพรสรวงมัดใส่ถุงเข้าเรือนหอนางก็จะทำ
ในห้องอาหารสถานการณ์ก็คุกรุ่นไม่แพ้กัน
“เงินตั้งยี่สิบล้านนะยาย ให้เขาฟรี ๆ ไปได้ยังไง”
พงศพัศยืนขึ้นเท้าสะเอว ชำระความกับผู้เลี้ยงดูตนมา ยายบัวแก้วจิบน้ำชาด้วยท่วงท่าสบาย ๆ สุนีย์ใช้ส้อมจิ้มขนมจีบปูเคี้ยวหยับ ๆ
“ถึงไม่เห็นแก่ผม ก็เห็นแก่หยาดเหงื่อแรงงานที่ตาใช้ทำไร่หน่อยเถอะ ไปเอาเงินคืนมา”
ผู้อาวุโสทั้งสองยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ชายหนุ่มขบฟัน ยิ่งทำให้ใบหน้าครึ้มไปด้วยหนวดดุดันมากขึ้น
“ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะให้ทนายไปฟ้องเอามา”
เมื่อบอกกันดี ๆ ไม่ได้ เขาก็ต้องหาตัวช่วย
“เงินนั่น ยายให้เขาเป็นสินสอด ให้ด้วยความเสน่หา ศาลจะทำอะไรได้”
ยายบัวแก้วไม่ใช่เพียงอยู่แต่ในไร่ นางยังชอบอ่านหนังสือ ฟังข่าว ยกข้อกฎหมายเล็กน้อยเช่นนี้มาขู่ไม่ได้หรอก นางรู้ทัน
สุนีย์มองเจ้านายเล่นสงครามประสาทกันอย่างตื่นเต้น หนึ่งคือนางจิ้งจอกเฒ่าเก๋าเกม อีกฝ่ายคือกระทิงดุพร้อมพุ่งชนด้วยแรงอารมณ์ แม้สุนีย์จะเป็นคนต้นคิดในเรื่องเงิน แต่ยายบัวแก้วก็ตีบทแตก ดูสิ! พงศพัศพูดไม่ออกเลย
“เงินจะตกเป็นของทิงครึ่งหนึ่งทันทีที่แต่งงาน” คิ้วรก ๆ เข้ม ๆ ขมวดเข้าหากัน
“ไม่เอาครึ่งหนึ่ง พวกเขาต้องคืนเงินมาทั้งหมด”
พงศพัศไม่ยอมให้ใครมาชุบมือเปิบเอาทรัพย์สินที่เขาควรจะได้ไปต่อหน้าต่อตา
“สิบล้านจะคืนหลังงานแต่ง ส่วนอีกสิบล้านหลานต้องพยายามขอกับเจ้าสาวเอาเอง ยายจะรอดูว่าทิงมีเสน่ห์มัดใจหนูมุกขนาดไหน”
ฟังดูเหมือนจะดี แต่เขาก็ต้องแต่งงาน ต้องมีเมียโดยไม่เต็มใจนะสิ
“ผมหาทางให้เขาคืนเงินวิธีอื่นก็ได้”
พงศพัศขอกลับไปนอนคิดสักคืน ค่อยกลับมาทวงใหม่
“ทิงนี่ไม่ได้เชื้อพ่อเชื้อตามาเลยนะ”ยายบัวแก้วทำเสียงเวทนาหลาน“ตากับพ่อของทิงน่ะ มีเสน่ห์จนทำให้ยายกับแม่หนีตามมาอยู่ด้วยกัน”เรื่องเล่าประจำตระกูลคือขณะนั้นตาเป็นทหารยศน้อย มาหลงรักลูกสาวคหบดี ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่หาคนที่เหมาะสมให้แล้ว แต่ยายบัวแก้วยังหนีตามมาลำบากอยู่กับตา สร้างครอบครัวน้อย ๆ ด้วยความรัก“ทิงกลัวตัวเองจะทำให้หนูมุกรักจนยอมคืนเงินสิบล้านให้ไม่ได้ใช่ไหม”ยายบัวแก้วเลี้ยงหลานมา รู้ดีถึงนิสัยฆ่าได้หยามไม่ได้ของเขา“ผมจะเอาเงินคืนมาทั้งหมดยี่สิบล้าน”คนตัวโตที่เท้าสะเอวอยู่ประกาศก้อง“งั้นแสดงว่ายอมแต่งงานกับหนูมุกแล้วใช่ไหม”หน้าบึ้งและตาวาว ๆ นั้นเป็นคำตอบว่าเจ้าตัวไร้ซึ่งความเต็มใจ“สุนีย์เดี๋ยวโทรหามัคนายกอนุพงษ์นะ นัดวันไปเจอพระอาจารย์หน่อย เอาสักวันศุกร์ ฉันจะไปขอฤกษ์แต่งกับท่าน”“เอาฤกษ์หมั้นด้วยไหมคะ แบบหมั้นเช้าแต่งเย็น เร็วดี”คนสนิทเจ้าปัญญาแนะ“ดีเหมือนกัน เอาตามนั้น”พงศพัศกลับไปนั่งซดชาอย่างทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เอาว่ะ! อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้หน้าตา การศึกษาก็ยังพอทนได้ ที่เหลือก็แค่หว่านเสน่ห์นิดหน่อย ถ้าเธอไม่หลงก็ขู่เอาเลยละกัน ให้เลือกเอาระหว่างชีวิตกับเ
วันเสาร์พรสรวงมีนัดที่ร้านเว็ดดิ้งแพลนเนอร์เที่ยง เธอให้มัญชุพรไปรอที่นั่นเลย พนักงานรีบมาต้อนรับหญิงสาวอย่างนอบน้อม“สนใจบริการด้านไหนของร้านเราคะ”พร้อมยกอัลบั้มรูปเล่มโตมาให้ เธอต้องรีบบอกว่ามาด้วยเรื่องนัดของพรสรวง สักพักรถกระบะคันเก่าของไร่ดาวเรืองก็มาจอดที่ลานใกล้ร้าน รปภ.แทบไม่ให้จอดเพราะคิดว่าพงศพัศมาส่งของ จนเขาต้องบอกว่าเป็นลูกค้าที่มาใช้บริการ จึงได้จอดชายหนุ่มจงใจจะแกล้งให้พรสรวงเสียหน้า เพราะท่าทางอย่างเธอคงแทบกรี๊ดแน่เมื่อเห็นว่าที่เจ้าบ่าวขับรถโทรม ๆเขาเปิดประตูกระจกใสเข้ามา พนักงานในร้านถึงกับชะงัก ด้วยการแต่งตัวเสื้อยืด กางเกงยีนเก่า ๆ บูทคู่มอซอ ยิ่งผมยาวระต้นคอและหนวด ค้านกับการเป็นแขกผู้มาใช้บริการในสถานที่นี้เหลือเกิน“มาติดต่อเรื่องอะไรคะคุณพี่”หนุ่มหน้าสวยเต็มไปด้วยจริตนางหนึ่งใจกล้าปรี่มาถาม ตาคมเข้มแลกวาดไปทั่วร้าน สะดุดตากับสาวถักผมเปีย สวมชุดแซกแขนตุ๊กตาสีชมพูอ่อน เธอกำลังเปิดดูรูปในอัลบั้มทีละภาพ...ทีละภาพ“น้องสาวเธอล่ะ”เงาทะมึนที่ยืนค้ำศีรษะมัญชุพรถาม ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองจนคอแทบตั้งบ่า“เธอไปไหน”หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื๊อก ฝืนยิ้มให้“มุกกำลังทำงานอยู่ค
“แม่เธอหลอกยายฉัน”พงศพัศหรี่ตามองพี่ว่าที่เจ้าสาว“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกคุณ”“ยายฉันแก่แล้ว ไม่ทันเล่ห์แม่เธอหรอก”มีลมร้อนพัดมาวูบ ทำให้ชายกระโปรงชุดแซกยกขึ้นจนเห็นปลีน่องเรียวกลมกลึง ...มีเรื่องให้แปลกใจเยอะจริง ๆ พี่ว่าที่เจ้าสาวเขา“แม่ฉันไม่ใช่คนร้าย”ดวงตากลมโตวาววับเมื่อได้ยินชายหนุ่มพาดพิงถึงมารดา“เขาร้ายมาตั้งแต่ยังสาวนี่ ถึงมาจับเสี่ยจิวได้”ประวัติพิสมัยเป็นที่รู้กันทั่ว นางคือสาวนักขุดทองที่ได้มาเจอเป้าหมายกระเป๋าหนัก จากแม่ม่ายลูกติดผู้ยากจนกลายเป็นเมียเศรษฐีในพริบตา“คุณยายบัวแก้วก็ดูเป็นคนดี ทำไมถึงได้มีหลานปากร้าย ใจสกปรกอย่างคุณ ว่าคนอื่นเขาไปหมด”มัญชุพรหน้าแดง อาจเพราะอากาศปนอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง“อย่าเอายายฉันมาเกี่ยวด้วย!”เขาก็มีจุดอ่อนเรื่องบุพการีเหมือนกัน“ตกลงจะขึ้นรถมากับฉันดี ๆ หรือจะให้ลากขึ้นมา อุตส่าห์ใจดีเห็นไม่มีรถกลับ เธอยังมีตีฝีปากใส่ฉันอีก”“คุณปากร้ายใส่ฉันก่อนนะ แล้วอีกอย่างฉันไม่ยอมนั่งรถไปกับคุณเด็ดขาด”มัญชุพรไม่รู้เลย ว่าคำพูดตนเป็นชนวนให้อะไรในตัวพงศพัศขาดผึ่ง ชายหนุ่มลงจากรถ เดินอาด ๆ มาหาสาวร่างบาง เธอกลัวจนใจไปตกที่ตาตุ่ม ขยับเท้าเ
“มุกทำหมี่ลำบากมากไหม ถ้าไม่โอเคเดี๋ยวต่อไปเวลาเจอนายกระทิงเฮียจะไปกับมุกเอง”มัญชุพรสงสารจิรัฎฐ์ ขาวอวบเป็นซาลาเปาแบบเขาคงแหลกแน่เมื่อตกอยู่ท่ามกลางพายุอารมณ์ของทั้งสอง“ไม่เป็นไรค่ะ หมี่ยังไหว เฮียคอยช่วยเตี่ยทำงานดีกว่า”เธอเรียนรู้ที่จะเป็นเด็กดี อดทนกับทุกอย่าง ตราบใดที่ยังอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังนี้ ...บ้านที่มีพระคุณเลี้ยงดูเธอกับแม่ให้มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข“ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกเฮียนะ ไม่ต้องเกรงใจ”เพราะมัญชุพรอยู่ใกล้แล้วเย็น เหมือนสายน้ำชื่นใจ จิรัฎฐ์จึงชอบ ...มากขนาดมีใจเสน่หา แต่ยังหาจังหวะคุยกับเสี่ยจิวไม่ได้เสียที ความจริงแล้วจิรัฎฐ์รู้ว่าคนมีอำนาจตัดสินใจมากที่สุดในบ้านคือแม่เลี้ยงนางพิสมัยไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ไม่รู้มีแผนจะทำอะไรกับมัญชุพรหรือเปล่า การจับคู่ของพรสรวงกับพงศพัศนำพาความหวั่นใจมาสู่เขา กลัวว่านางพิสมัยมีแผนจะให้มัญชุพรแต่งงานกับใครอีกเด็กดีอยู่ในโอวาทแบบเธอต้องยอมแน่ ...แต่จิรัฎฐ์ไม่ยอมหรอก เขาจะปกป้องมัญชุพรเอง หนุ่มขาวอวบให้สัญญาพรสรวงกลับบ้านมาเสียดึก เมื่อเห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของน้องมัญชุพรก็สงสารจนไม่กล้าว่าอะไรแรง“พี่ไม่ชอบเรื่องที่มุกทำวันนี้เลย รู้
เวลาแห่งความเคร่งเครียด ยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเป็นเม็ด ๆ ราวกับแต่ละคนอมถ่านร้อน ๆ ไว้แล้วนางพิสมัยก็มองไปที่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง มันสะท้อนเงานางที่ดูเพิ้ง เกินกว่าจะรับไหว ขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพมัชชุพร ที่หน้าขาวซีด“หมี่ ไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด!”มารดาตวัดสายตามาที่ร่างโปร่งระหง“คะ...”มัญชุพรเลิกคิ้ว“ลูกต้องเข้าพิธีแทนน้อง”นางตัดสินใจแล้ว จะให้งานล่มไม่ได้“เฮ้ย!” เป็นจิรัฎฐ์เองที่อุทานลั่น“เร็ว ๆ เลย”มารดาทำหน้าจริงจัง เหมือนตอนกำลังจะทำโทษเธอในวัยเด็กยามทำผิด“ไม่ได้นะน้าไหม มุกหนีไป มันเกี่ยวอะไรกับหมี่ด้วย เขามาขอมุกไม่ใช่หมี่”จิรัฎฐ์ค้านสุดฤทธิ์ ทั้งเพื่อตัวเองและสาวที่หมายปอง“คุณยายคำแก้วขอลูกสาวฉันกับเฮียให้แต่งงานกับหลานเขา ไม่ได้ระบุไว้แต่แรกว่าจะต้องเป็นคนไหน ฉันเองแหละที่เสนอยัยมุกไปเพราะเห็นว่าเหมาะสมดี”นางเฉลยที่มาของการแก้ปัญหา ระหว่างงานแต่งที่ไร้เจ้าสาว กับงานแต่งที่เจ้าสาวเป็นคนละคน นางเลือกอย่างหลังที่ดูฉาวน้อยกว่า“แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไป หมี่เข้าพิธีแทนน้อง ถ้าแม่ตามมุกเจอแล
“นี่มันอะไรกัน คุณพิสมัย เสี่ยจิว ทำไมเจ้าสาวผมถึงเป็นคนนี้”หากมีเข็มสักเล่มหล่นในห้อง ทุกคนคงได้ยินทั่วกันหมด เพราะเงียบเหลือเกิน“ขอคุยกันส่วนตัวสักครู่ค่ะ ให้แขกกับพระออกไปก่อน”นางพิสมัยพยักหน้าไปทางพิธีกร ซึ่งรีบเชิญให้แขกออกไปดื่มชากาแฟกันสักครู่ ในห้องจึงเหลือเพียงสมาชิกในครอบครัวเสี่ยจิว ส่วนทางบ้านพงศพัศก็เหลือเขา ยาย และสุนีย์“เกิดอะไรขึ้นเรอะแม่ไหม หนูมุกไปไหน”“ยัยมุกเอ่อ...ไม่ค่อยสบายค่ะ”“เขาเป็นอะไร”พงศพัศกอดอก หรี่ตาจับผิด“มุกอยู่โรงพยาบาลต้องนอนติดเตียงหมอห้ามเยี่ยมค่ะ”“อยู่โรงพยาบาลไหน ผมมีเพื่อนเป็นหมอหลายคน เดี๋ยวจะถามอาการ โรคอย่างนี้แปลกมาก ไม่เคยได้ยิน”“กระทิงหยุดเถอะ”ยายบัวแก้วปราม รู้ว่าหลานกำลังไล่เบี้ย“มีอะไรก็บอกมาตรง ๆ ดีกว่าแม่ไหม”สุนีย์เปิดกระเป๋าเตรียมหยิบยาดมรอยื่นให้ ถึงขนาดเปลี่ยนเจ้าสาว แสดงว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแบบไม่ธรรมดา“อามุกอีหนีงานแต่งไปแล้ว”เสี่ยจิวนั่นเองที่เป็นคนเฉลย นางพิสมัยขึงตามองสามีที่มีจิรัฐฎ์จับแขนพยุงอยู่ ยายบัวแก้วยกมือขึ้นแนบอก อีกมือก็รับยาดมจากสุนีย์ พงศพัศกวาดตามองสมาชิกทุกคนในบ้านเสี่ยจิวแล้วขบกราม ส่งสายตาดุดัน มัญช
ขบวนผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งออกไป เหลือเพียงบ่าวสาวอยู่ลำพังในห้อง พงศพัศลุกขึ้นยืดแข้งยืดบิดขี้เกียจ หลังจากนั้นตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอเลยมัญชุพรค่อย ๆ ลุกขึ้นเพราะเหน็บกิน พยุงตัวเองไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง มีกระเป๋าสะพายใบที่ใช้ประจำวางอยู่ เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูมีข้อความไลน์จากพรสรวงMoo_Mook:ขอโทษนะพี่หมี่ ตอนนี้ที่บ้านวุ่นวายมากไหมMi_Mhi:มากเลยล่ะมุก พี่ต้องแต่งงานแทนเธอหญิงสาวหันซ้ายแลขวา ประตูห้องน้ำยังปิดสนิทอยู่ คงอีกสักพักพงศพัศจะอาบน้ำเสร็จMoo_Mook:มุกขอโทษ แต่มุกจำเป็นจริง ๆ พี่หมี่รู้สาเหตุแล้วใช่ไหมMi_Hmi:อือมัญชุพรนึกถึงหลักฐานที่แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วย ยังหาจังหวะทิ้งไม่ได้Mi_Hmi:ตอนนี้มุกอยู่ไหนMoo_Mook:อยู่กับเจมส์แล้วMi_Hmi:เขาว่ายังไงบ้างMoo_Mook:พรุ่งนี้เขาจะมาเจอเตี่ยกับม๊า เราต้องอยู่กันแค่สองคนเพราะที่บ้านแต่ละคนต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับMi_Hmi:เข้มแข็งไว้นะ พี่เป็นกำลังให้หากถามว่าโกรธไหม มัญชุพรก็ตอบว่าโกรธ ...เธอไม่ใช่คนแสนดีขนาดนั้น แต่เมื่อทราบสาเหตุ และรู้ผลที่น้องสาวหนี เธอก็กล้ำกลืนคำดุด่าว่ากล่าวลงลำคอ ตอนนี้มีแต่คำว่าสงสาร
“ไหนบอกไม่มีแฟน”เมื่ออีกคนจากไปเขาก็หันมาไล่เบี้ยกับภรรยา“เฮียเล้งไม่ใช่แฟน เป็นพี่ชายฉัน”“มองตาเชื่อม มาชวนหนีแบบนี้น่ะเหรอ หมอนั่นไม่ใช่พี่จริงเธอนี่”ดวงตาคมเข้มภายใต้คิ้วรก ๆ มองหญิงสาวจับผิด มัญชุพรเชิดหน้าขึ้น เพื่อให้เขาเห็นว่าเธอยังมีศักดิ์ศรี“ไม่ใช่พี่แท้ แต่ฉันก็นับถือเฮียเล้งเหมือนพี่จริง ๆ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรเคลือบแฝง”พงศพัศฟังจบก็เดินออกไปข้างนอก“ไอ้เข้โว้ย สั่งเพิ่มคนเฝ้าประตูทุกฝั่งในไร่ คอยดูตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กูกลัวคนจะมาลักพาตัวตัวเมียไป”เขาตะโกนสั่งการันต์ แต่เสียงดังขนาดนี้คงได้ยินกันทั่วไร่แล้วกระมังมัญชุพรโกรธเขาที่คลางแคลงใจเธอ ในเรื่องไม่มีเหตุผล เธอจำต้องไปหลบในที่ที่ตนเองคิดว่าปลอดภัยคือห้องนอนเปิดโน้ตบุคนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตไม่นานก็เบื่อ ด้วยปรกติเธอไม่ค่อยใช้เวลาว่างในคอมพิวเตอร์หรือมือถือมากนัก เพราะต้องทำงานร้านเสี่ยจิวบาง ออกไปส่งของให้ลูกค้ากับจิรัฐฎ์บ้าง พอได้มาเป็นภรรยาเจ้าของไร่ดาวเรืองอย่างงง ๆ มัญชุพรจึงทำตัวไม่ถูกจะนอนกลางวันก็ไม่ใช่วิสัยปรกติ นั่งนิ่ง ๆ อยู่เฉย ๆ ยิ่งแล้วใหญ่ เธอจึงลงข้างล่าง คิดว่าโชคดีแล้วที่ไม่เห็นพงศพัศ ม