Share

Chapter 3 หลานชายยายบัวแก้ว

พงศพัศแปลกใจที่บ้านนี้ให้คนรับใช้มานั่งเทียมเจ้านาย จนนางพิสมัยแนะนำตัวเธอว่าเป็นใคร เขาจึงได้แค่กระแอมในลำคอ พงศพัศไม่ผิด เพราะไม่เคยเจอเธอเลย

มัญชุพรก็อาจไม่ผิดด้วยเหมือนกัน เพราะเห็นการแต่งตัวแถมถือถาดมาขนาดนั้น ใครก็ต้องคิดว่าเป็นคนรับใช้

พรสรวงเข้าบ้านมาท้ายสุด เธอกลับเร็วด้วยแม่บอกว่าพ่อไม่สบาย

“บ่าย ๆ อย่างนี้ต้องดื่มน้ำชา ไปอีกห้องเถอะค่ะคุณยาย ยัยมุกเลือกขนมจีบมาให้ด้วยตัวเองเลยนะคะ ต้องอร่อยแน่ พูดแล้วจะหาว่าคุย ลูกคนนี้รสนิยมดี”

พิสมัยปิดปากหัวเราะโฮะ ๆ พรสรวงขมวดคิ้ว จำไม่ได้ว่าตัวเองไปเลือกขนมจีบตอนไหน แล้วยังนายหนวดหน้าดุคนนี้อีก เธอถูกจัดฉากเข้าเสียแล้ว

“เอ่อ ต้องขอตัวก่อนนะคะ มุกรู้สึกไม่ค่อยสบาย” หญิงสาวหาแผนเตรียมชิ่งหนี

“ไหน เป็นอะไรมาให้แม่ดูหน่อยสิ”

มารดายิ้มหวานจนขนลุก เข้ามายกมืออังหน้าผาก

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยมุก หนูอาจแค่เหนื่อย”

เล็บแต่งเจียนทาสีแดงอย่างดีจิกลงบนแขนลูกสาว

“ไปนั่งพักหน่อยก็หาย”

สองพี่น้องรู้กันทันที นางพิสมัยกำลังของขึ้น อย่าได้ขัดใจเป็นอันขาด มิเช่นนั้นองค์จะลง

พรสรวงแม้จะเอาแต่ใจ แต่ก็กลัวมารดาเป็นที่สุด เพราะนิสัยแรง ๆ ร้าย ๆ เธอถอดแบบมาจากนางพิสมัย ของเลียนแบบสู้ต้นฉบับไม่ได้ฉันใด ลูกสาวก็สู้นางพิสมัยไม่ได้ฉันนั้น

“จิบชาร้อน ๆ เดียวก็ดีขึ้น”

นางดึงแขนลูกคนเล็กแต่พองาม ไม่ให้ดูฉุดกระชากลากถูเกินไป เดินนำทุกคนไปยังห้องอาหารที่มีของว่างพร้อมพรั่ง นางพิสมัย สุนีย์ ยายคำแก้ว ผลัดกันคุย เพราะต่างเป็นสหายธรรมกันทั้งนั้น ผู้สูงวัยชอบไปวัดปฏิบัติธรรม

ยายบัวแก้วนั้นพอจะเชื่อได้ว่าใจฝักใฝ่ทำบุญด้วยบุคลิกใจดี แต่นางพิสมัยกับสุนีย์ ที่พูดจีบปากจีบคอกันนี่ไม่แน่ใจว่าฝักใฝ่ธรรมไหม เพราะมีเรื่องคนโน้นคนนี้มาเล่าให้ฟัง ไม่ต่างกับนินทา

พงศพัศกอดอกส่งสายตากดดัน บ่งบอกความไม่พอใจ

“พี่หมี่ว่านายคนนี้จะลุกขึ้นอาละวาดเมื่อไร”

พรสรวงกระซิบกับมัญชุพรที่นั่งข้างกัน

“ตัวแผ่รังสีมาคุหวึ่ง ๆ ขนาดนั้น”

“มุกอย่าไปว่าเขาอย่างนั้นสิ เสียมารยาท”

เธอกระซิบตอบ ยิ่งมาเห็นใกล้ ๆ พงศพัศยิ่งน่าเกรง แผ่รังสีทำให้คนกลัว คนอย่างนี้ละหรือที่จะมาเป็นสามีพรสรวง แรงกับแรงมาเจอกัน ไม่ตีกันบ้านแตกหรอกรึ

คนถูกมองเหมือนจะรู้ตัว หันเหสายตาจากผู้อาวุโสมาทางสองสาว พรสรวงสบสายตาท้าทาย มัญชุพรยิ้มเจื่อน เอานิ้วเอาผมขึ้นทัดหู

...ช่างเป็นพี่น้องที่ไม่เหมือนกันเลย

พงศพัศคิด คนพี่ดูเรียบ ๆ ไม่แต่งเนื้อแต่งตัว คนน้องเปรี้ยว ดูมั่นใจ คนน้องสินะที่ต้องแต่งกับเขา ...ก็สวยพอใช้ สมองคงดีเพราะเรียนถึงปริญญาโท บ้านนี้ก็ไม่มีคนพิกลพิการ เธอมีคุณสมบัติเพียงพอที่เขาจะรับพิจารณาไว้เป็นเมีย

“เอาล่ะ มาถึงเรื่องสำคัญ”

ยายบัวแก้วเอ่ยเสียงกังวาน พยักหน้าให้คนสนิทยื่นกระเป๋าถือให้ ท่านหยิบซองแบน ๆ ออกมา

“เช็กยี่สิบล้านตามที่คุยกันไว้”

“อะไรนะคะ/ครับ”

หนุ่มสาวอุทาน มัญชุพรพลอยตาโตไปด้วย

“สั่งจ่ายเป็นชื่อเธอแล้วนะ”

นางพิสมัยยิ้มแก้มแทบปริ

“ขอบพระคุณ คุณยายมากค่ะ”

มืออวบอูมอย่างคนกินดีอยู่ดีกราบลงแทบตักผู้ให้

“เงินอะไรกันครับยาย”

“ใช่ค่ะ เงินอะไรกันม๊า” สุนีย์ยิ้มกริ่มและเป็นผู้ตอบแทน

“ค่าสินสอดคุณมุกไงคะ ยี่สิบล้าน”

“เฮ้ย! ยายไปเอาเงินที่ไหนมากขนาดนั้นมา”

ชายหนุ่มอุทาน เพิ่มความดีกรีหัวเสียในวันนี้ขึ้นมาอีกโข

“ลืมไปแล้วหรือไง ตอนหลานยังเด็ก ยายเป็นคนดูแลเรื่องเงินของไร่ เลยมีเก็บไว้ส่วนตัว เผื่อไว้สร้างวัดสร้างวา”

“แล้วยายเอาเงินตั้งยี่สิบล้านมาเป็นสินสอดเนี่ยนะ แพงไป ผู้หญิงบ้านนี้ตัวเคลือบทองหรือยังไง”

“ว๊าย! ปากเสียไปแล้วคุณ ถึงตัวฉันไม่ได้เคลือบทอง แต่ก็ยังมีคนให้ค่าสินสอดอยู่ดี อาจจะมากกว่านี้ด้วย”

พรสรวงที่ทีแรกก็ตกใจ แต่ฟังวาจาเขาแล้วระคายหู จึงได้เกทับไปบ้าง

“ม๊าคืนเงินยายเขาไปเถอะค่ะ”

เธอเชิดหน้าอย่างทะนง

“มุกมาคุยกับแม่หน่อย หมี่ด้วย”

นางพิสมัยตีหน้าเครียด

“อะไรอีกล่ะม๊า ก็แค่คืนเงินเขาไป”

พรสรวงเตรียมกระทืบเท้าตามพื้นนิสัยเจ้าอารมณ์

“มาเถอะ แม่มีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”

สองพี่น้องมองตากัน แล้วยอมเดินตามมารดาไปยังห้องทำงานบิดา ประตูปิดแน่นเพื่อกันคนภายนอกรู้ความ นางพิสมัยก็ร่าย

“ลูกรู้กันอยู่แล้วใช่ไหมว่าเตี่ยมีโครงการจะขยายร้าน”

เสี่ยจิวเปรยอยู่บ่อย ๆ ขณะเดียวกันก็ยังไม่สบโอกาสเสียทีเพราะดอกเบี้ยธนาคารแพง

“เงินก้อนนี้แหละ ที่จะทำให้เตี่ยสมหวัง มันจะเป็นอนาคตของบ้านเรา”

มารดากล่าวพร้อมตาสดใสลุกวาว

“นี่ม๊าขายมุกให้ไปเป็นเมียนายกระทิงหน้าหนวดนั่นเหรอ”

พรสรวงกรีดร้อง มัญชุพรต้องรีบไปดึงแขนดับอารมณ์กรุ่น

“ไม่ได้ขาย นี่เป็นสินสอดต่างหาก แต่งงานกับเขาเสีย ไม่มีใครทุ่มให้หลานเท่าคุณยายบัวแก้วอีกแล้ว”

จุดประสงค์หนึ่งที่นางพิสมัยชอบไปวัด ทำบุญ แสร้งทำตัวว่าชอบปฏิบัติธรรม คือการได้ตีสนิทกับเศรษฐีแก่ เพื่อหวังหาเส้นสายในการทำธุรกิจหรือหวังจะเกี่ยวดอง นางทำงานในร้านไม่คล่อง แต่เข้าสังคมเก่ง จึงถือว่าการกระทำนี้เป็นการช่วยเหลือครอบครัวไปด้วย

“มุกบอกแล้วยังไงล่ะ ว่าไม่แต่ง คืนเงินเขาไป”

“แกต้องแต่ง เป็นคำสั่งฉัน หรือแกอยากจะเห็นเตี่ยอยู่ในร้านเล็ก ๆ หาเงินงก ๆ มาจ่ายดอกเบี้ยธนาคารไปจนตายล่ะ”

พรสรวงเม้มปาก ตัวสั่นจนมัญชุพรรู้สึกได้

“แม่คะ ให้เวลามุกทำใจหน่อยเถอะค่ะ อย่าเพิ่งกดดันน้องเลย”

มือนวลลออลูบไหล่บางของคนโกรธกรุ่น

“แค่แต่งงานกับคุณกระทิง เขาทั้งรวย มีที่เป็นพันไร่ ชาตินี้ลูกจะได้อยู่สบาย ๆ ไม่ต้องขับรถ หิ้วงานกระเตง ๆ แบบนี้ไปเสนอลูกค้า”

นางเป็นผู้หญิงหัวเก่า ยังคิดว่าการหาสามีรวยและเลี้ยงดูภรรยาได้คือจุดมุ่งหมายสูงสุดในชีวิตลูกผู้หญิง

“แต่มุกไม่ได้รักเขา!”

“อยู่กันไปนาน ๆ ก็รักกันไปเองแหละน่า”

มารดายักไหล่ ไม่อนาทรความรู้สึกของลูกเลยสักนิด พรสรวงก็เช่นกัน สะบัดหน้าออกจากห้องวิ่งขึ้นบันไดไป

“ไปดูน้องไป คอยเฝ้าด้วยว่าอย่าให้ทำอะไรบ้า ๆ”

มัญชุพรรับคำสั่งผู้เป็นแม่ตามเคย นางพิสมัยนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานของสามี เหนื่อย...แต่ทำอย่างไรได้ นางต้องสวมบทโหด เพื่ออนาคตของลูกและฝันของสามี หากไม่ยอมแต่งดี ๆ ต่อให้ต้องจับพรสรวงมัดใส่ถุงเข้าเรือนหอนางก็จะทำ

ในห้องอาหารสถานการณ์ก็คุกรุ่นไม่แพ้กัน

“เงินตั้งยี่สิบล้านนะยาย ให้เขาฟรี ๆ ไปได้ยังไง”

พงศพัศยืนขึ้นเท้าสะเอว ชำระความกับผู้เลี้ยงดูตนมา ยายบัวแก้วจิบน้ำชาด้วยท่วงท่าสบาย ๆ สุนีย์ใช้ส้อมจิ้มขนมจีบปูเคี้ยวหยับ ๆ

“ถึงไม่เห็นแก่ผม ก็เห็นแก่หยาดเหงื่อแรงงานที่ตาใช้ทำไร่หน่อยเถอะ ไปเอาเงินคืนมา”

ผู้อาวุโสทั้งสองยังทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาว ชายหนุ่มขบฟัน ยิ่งทำให้ใบหน้าครึ้มไปด้วยหนวดดุดันมากขึ้น

“ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะให้ทนายไปฟ้องเอามา”

เมื่อบอกกันดี ๆ ไม่ได้ เขาก็ต้องหาตัวช่วย

“เงินนั่น ยายให้เขาเป็นสินสอด ให้ด้วยความเสน่หา ศาลจะทำอะไรได้”

ยายบัวแก้วไม่ใช่เพียงอยู่แต่ในไร่ นางยังชอบอ่านหนังสือ ฟังข่าว ยกข้อกฎหมายเล็กน้อยเช่นนี้มาขู่ไม่ได้หรอก นางรู้ทัน

สุนีย์มองเจ้านายเล่นสงครามประสาทกันอย่างตื่นเต้น หนึ่งคือนางจิ้งจอกเฒ่าเก๋าเกม อีกฝ่ายคือกระทิงดุพร้อมพุ่งชนด้วยแรงอารมณ์ แม้สุนีย์จะเป็นคนต้นคิดในเรื่องเงิน แต่ยายบัวแก้วก็ตีบทแตก ดูสิ! พงศพัศพูดไม่ออกเลย

“เงินจะตกเป็นของทิงครึ่งหนึ่งทันทีที่แต่งงาน” คิ้วรก ๆ เข้ม ๆ ขมวดเข้าหากัน

“ไม่เอาครึ่งหนึ่ง พวกเขาต้องคืนเงินมาทั้งหมด”

พงศพัศไม่ยอมให้ใครมาชุบมือเปิบเอาทรัพย์สินที่เขาควรจะได้ไปต่อหน้าต่อตา

“สิบล้านจะคืนหลังงานแต่ง ส่วนอีกสิบล้านหลานต้องพยายามขอกับเจ้าสาวเอาเอง ยายจะรอดูว่าทิงมีเสน่ห์มัดใจหนูมุกขนาดไหน”

ฟังดูเหมือนจะดี แต่เขาก็ต้องแต่งงาน ต้องมีเมียโดยไม่เต็มใจนะสิ

“ผมหาทางให้เขาคืนเงินวิธีอื่นก็ได้”

พงศพัศขอกลับไปนอนคิดสักคืน ค่อยกลับมาทวงใหม่

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status