“ลูกพี่ ทำไมไม่ยอมรับโทรศัพท์คุณยายละครับ” การันต์คนสนิทถามในเช้าวันต่อมา ขณะยืนอยู่ข้างรถกระบะมองรถไถคันโตกำลังพรวนดินเพื่อไว้ปลูกพืชรุ่นต่อไป
“กูเบื่อ ยายเซ้าซี้จะให้แต่งงาน”
ลูกน้องผิวปากล้อเลียน
“อ้อยมาประเคนถึงปากช้างแล้ว ทำไมไม่กินเลยล่ะลูกพี่”
แซวไปอย่างนั้น เพราะสุนีย์กระจายข่าวเรื่องเขาจะมีเมียให้คนทั้งไร่รู้หมดแล้ว
“กูไม่อยากโดนบังคับ”
เจ้าของไร่หนุ่มเชิดหน้า ศักดิ์ศรี...ขอมีไว้หน่อยเถอะ การที่มียายหาเมียให้ดูลูกแหง่เกินไปในสายตาเขา
“ลูกสาวคุณนายพิสมัยกับเสี่ยจิว ได้ข่าวว่าสวย เรียนจบโทมาจากกรุงเทพฯ”
การันต์ได้ยินเสียงลือเล่าอ้างเรื่องพรสรวงมาจากสายข่าวที่ใกล้ชิดยายสุนีย์เช่นเดียวกัน
“มึงคิดว่าคนอย่างนั้นจะยอมมาอยู่ไร่แบบนี้เหรอ”
ดวงตาคมภายใต้แผงขนตาหนามองกวาดไปทั่วบริเวณไร่ดาวเรือง ที่มีอาณาเขตกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
แรกทีเดียวยายบัวแก้วมีดาวเรืองแม่ของเขาเป็นลูกสาวคนเดียว ตาเป็นทหาร ทั้งสองอยากเห็นลูกมีชีวิตที่ดีไม่ต้องโยกย้ายตามอาชีพเฉกเช่นบิดาเป็น แม่เขาเรียนมหาวิทยาลัย แล้วก็ไปพบรักกับทองโปรย เด็กวัดกำพร้าที่เรียนเกษตร
ตาคัดค้านหัวชนฝาที่ไปเลือกหนุ่มจน ๆ แถมยังเรียนสาขาที่ดูท่าไม่ทำเงิน แต่แม่ก็ยืนยันจะเลือกพ่อ ยอมออกจากบ้านมาลำบากด้วยกัน จนซื้อที่ได้ยี่สิบห้าไร่แล้วเกิดอุบัติเหตุ พ่อเสียชีวิตคารถ แต่แม่ไปเสียที่โรงพยาบาล ก่อนตายท่านฝากฝังไร่ดาวเรืองและเขาไว้กับตา
เมื่อสิ้นลูกสาวตาก็หมดอาลัยตายอยากในการทำงาน ลาออกแล้วเริ่มมาทำไร่ ตามีฝีมือในการทำงานและหูตากว้างไกลเลือกปลูกพืชที่เป็นที่ต้องการของตลาด ทำให้ไร่มีกำไรและขยายออกไปมากขึ้น จากสิบเป็นร้อยเป็นพันไร่ จนท่านจากไปเมื่อพงศพัศเรียนมหาวิทยาลัย เขาจึงเข้ามาดูแลไร่ควบคู่ไปจนเรียนจบ
แค่ทำงานในไร่แต่ละวันก็เหนื่อย หัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายอยู่แล้ว ใครจะคิดเรื่องมีเมียให้หนักสมอง
ถ้ายายบัวแก้วอยากเห็นเขามีครอบครัว พงศพัศก็จะมีให้ หมายถึงแค่เขากับลูก ส่วนแม่ของลูกเป็นใครก็ได้ ขอแค่ไม่หน้าตาอัปลักษณ์หรือมีโรคติดต่อทางกรรมพันธุ์ คุณสมบัติแค่นี้ก็พอแล้วที่จะมาเป็นเมียของเขา
“บ่ายนี้คุณยายให้ขับรถพาเข้าเมืองครับ”
การันต์รายงาน เป็นการปลุกชายหนุ่มออกจากภวังค์
“ก็ให้ลุงสอนพาไปตามเคยสิ”
“คุณยายย้ำให้ต้องเป็นลูกพี่พาไปครับ บอกเป็นเรื่องสำคัญ เห็นลูกพี่ไม่รับโทรศัพท์เลยโทรหาผมแทน”
คนเล่าหัวเราะแฮะ ๆ ให้
“เออ รู้แล้ว”
แม้มาดจะดุ แข็งกร้าวปานใด แต่เขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับหญิงที่เลี้ยงดูมา ธุระของยายบัวแก้วที่ว่าคือการมาธนาคาร เจ้านายกับบ่าวไปกันแค่สองคนบอกให้เขารอที่รถ
พงศพัศไม่ได้เอะใจอะไร เพราะปรกติหากจำต้องมาเป็นสารถีให้ยาย เขาก็สมัครใจจะรออยู่ที่รถอยู่แล้ว ประมาณบ่ายสองกว่า ๆ ยายบัวแก้วกับสุนีย์ก็กลับมา
“ยังเหลืออีกที่ที่ต้องไป”
คนสนิทบอกทางไปยังหมู่บ้านจัดสรรหรูที่สุดในอำเภอ กระทั่งบอกให้เลี้ยวเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง
“ลงมากับยายหน่อยกระทิง”
เสียงผู้อาวุโสเรียบนิ่ง ไม่มีแววอบอุ่นหรือล้อเล่นอะไรทั้งนั้น พงศพัศเริ่มแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“คุณยาย”
คำตอบมาพร้อมกับเสียงแหลม ๆ ของนางพิสมัย เขาสะดุดกึก
“ฉันโทรบอกยัยมุกแล้วค่ะ อีกสักครึ่งชั่วโมงคงมาถึง” นางส่งยิ้มหวาน แต่พงศพัศกัดฟันกรอด
“เข้าบ้านไปค่ะคุณกระทิง อย่าให้คุณยายเสียหน้า”
บ่าวจอมวางแผนดันหลังหลานเจ้านาย
“ห้ามทำตัวดื้อเป็นเด็ก ๆ”
สุนีย์สำทับอย่างรู้ทัน เขาจำต้องเดินไปอย่างไม่เต็มใจนัก ห้องนั่งเล่นบ้านนี้จัดไว้อย่างหรูหรา โซฟาหลุยส์สีทองเปล่งประกายแสดงความรวยจนน่าหมั่นไส้
“กระทิงไหว้น้าไหมเสียสิ”
นางพิสมัยรับไหว้ พลางนึกในใจว่าเขาดูดุดันสมชื่อเล่น ตาจ้องแบบไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“ผมขอไปห้องน้ำหน่อยครับ ปวดฉี่”
เสียงห้าวเอ่ยมาดัง ๆ สาวอายุรวมกันเป็นร้อยปีชะงัก เป็นพิสมัยเองที่ชี้ไปทางฟากหนึ่งของบ้าน
“ทางโน้นด้านซ้ายมือ ตรงไปเลยจ้ะ”
เขาเดินไปแทบจะทันที ไม่สนสายตาสาว ๆ ที่มองตามหลัง เสี่ยจิวนอกจากจะขายเครื่องมือการเกษตรและเมล็ดพืชพันธุ์แบบครบวงจรแล้ว ยังมีธุรกิจเงินกู้ให้คนเอาที่มาจำนอง ซึ่งคงทำกำไรดีอยู่ ขนาดสร้างบ้านที่ใหญ่อย่างกับวัง ทางไปห้องน้ำที่ว่าตรงไปทางซ้ายเขายังหาไม่เจอ
“นี่เธอ ห้องน้ำไปทางไหน”
พงศพัศเรียกสาวผมยาวที่มัดรวบไว้ข้างหลัง ใส่กางเกงโอเวอร์ไซซ์สีเขียวขี้ม้า เสื้อยืดแขนสั้นสีเทา มือประคองถาดวางแก้วน้ำไว้
“ไปทางซ้ายค่ะ”
หน้าซีด...ไม่รู้จากตื่นตกใจ หรือจากสีผิวจริง
“พาฉันไปหน่อย เดินหามานานแล้ว งง”
เขากำลังอารมณ์เสีย ลืมไปเสียเถอะคำว่ามารยาท
“ไม่งั้นอาจเยี่ยวแตกแถวนี้”
การขู่ได้ผล สาวคนนั้นรีบละล่ำละลักบอก
“ทางนี้ค่ะ”
เธอเดินนำไปจนถึงห้องน้ำ ซึ่งไม่ไกลจากที่เขายืนอยู่ในทีแรกมากนัก
“ขอบใจ”
แต่แล้วชายหนุ่มก็ชะงักเมื่อเห็นสาวคนนั้นยังยืนอยู่
“ไปสิเธอ จะมายืนดูผู้ชายฉี่หรือยังไง”
“ฉันกลัวคุณใช้ห้องน้ำไม่เป็น หรืออยากได้อะไรเพิ่ม”
เธอแค่อยากมองให้แน่ใจว่าใช่คนที่คิดหรือเปล่า เพราะเขามีหนวดเคราเพิ่มขึ้นเยอะ
“ไม่ต้อง ขอบใจมาก”
พงศพัศเข้าห้องน้ำไป มัญชุพรถอนหายใจอย่างโล่งอก ...เป็นเขาจริง ๆ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนห่ามขนาดนี้ พูดจาไม่ระวังเลยกับผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก ขนาดเธอฟังยังทะแม่งหู หากเป็นพรสรวงต้องมีเคืองหน้าบึ้งกันเป็นแน่
“หมี่ ทำไมไม่ให้เด็กยกน้ำมาล่ะ”
มัญชุพรคุกเข่า วางถาดใส่แก้วน้ำลงบนโต๊ะรับแขก นางพิสมัยที่นิ่วหน้าแปลกใจนิด ก่อนปรับให้แช่มชื่นดังเดิม เรียกหญิงสาวอย่างมีจริต
“หมี่เห็นในครัวยุ่ง ๆ ค่ะ เลยไปช่วย”
เธอส่งยิ้ม จริง ๆ อยากมาดูการเจรจาครั้ง อยากรู้ว่ามารดาตนจะงัดกลเม็ดใดมามัดน้องสาวให้ยอมจำนน ...เผื่อเธอเองจะได้หาทางช่วยได้อย่างทันท่วงที
“นี่ลูกสาวคนโตดิฉันค่ะ ชื่อเล่นหมี่”
หลังจากเสริ์ฟน้ำแล้วมัญชุพรก็พนมมือไหว้ผู้อาวุโส
“ไม่เคยเห็นคนนี้ออกงานเลยนี่”
ยายบัวแก้วมองหญิงสาวอย่างพินิจ คนนี้ผิวดี ผมดำเป็นเงา ตาโต จมูกโด่งน้อย ๆ ดูเรียบ ๆ ไม่สวยจัดอย่างคนน้อง
“หมี่เรียบร้อย ชอบอยู่ร้านทำงานให้เฮียมากกว่า”
นางพิสมัยบรรยายสรรพคุณลูกสาวคนโตพอประมาณ
“แม่ไหมนี่ทำบุญมาดีนะ มีลูกสาวสองคนก็ดี คนหนึ่งชอบช่วยงานบ้าน อีกคนก็ทำงานนอกบ้านเก่ง”
วาจาหวานหู เล่นเอาคนโดนชมหน้าบานแทบจะลอยติดแชนเดอเลียร์บนเพดาน
“อย่าเพิ่งไปเลยหนูหมี่ อยู่คุยกันก่อน”
หากรู้ว่าลูกสาวคนโตของนางพิสมัยเรียบร้อยแบบนี้ ยายบัวแก้วคงจะเชียร์คนนี้มากกว่า แต่อย่างไรได้เล่า เมื่อตัดสินใจไปแล้ว ก็มีแต่จะต้องเดินหน้าต่อ
มัญชุพรอยู่ในสภาพตุ๊กตานั่งฟังผู้ใหญ่คุยกัน คอยพยักหน้าเป็นลูกคู่บ้าง ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้บ้าง กระทั่งแขกอีกคนเดินเข้ามา
พงศพัศแปลกใจที่บ้านนี้ให้คนรับใช้มานั่งเทียมเจ้านาย จนนางพิสมัยแนะนำตัวเธอว่าเป็นใคร เขาจึงได้แค่กระแอมในลำคอ พงศพัศไม่ผิด เพราะไม่เคยเจอเธอเลยมัญชุพรก็อาจไม่ผิดด้วยเหมือนกัน เพราะเห็นการแต่งตัวแถมถือถาดมาขนาดนั้น ใครก็ต้องคิดว่าเป็นคนรับใช้พรสรวงเข้าบ้านมาท้ายสุด เธอกลับเร็วด้วยแม่บอกว่าพ่อไม่สบาย“บ่าย ๆ อย่างนี้ต้องดื่มน้ำชา ไปอีกห้องเถอะค่ะคุณยาย ยัยมุกเลือกขนมจีบมาให้ด้วยตัวเองเลยนะคะ ต้องอร่อยแน่ พูดแล้วจะหาว่าคุย ลูกคนนี้รสนิยมดี”พิสมัยปิดปากหัวเราะโฮะ ๆ พรสรวงขมวดคิ้ว จำไม่ได้ว่าตัวเองไปเลือกขนมจีบตอนไหน แล้วยังนายหนวดหน้าดุคนนี้อีก เธอถูกจัดฉากเข้าเสียแล้ว“เอ่อ ต้องขอตัวก่อนนะคะ มุกรู้สึกไม่ค่อยสบาย” หญิงสาวหาแผนเตรียมชิ่งหนี“ไหน เป็นอะไรมาให้แม่ดูหน่อยสิ”มารดายิ้มหวานจนขนลุก เข้ามายกมืออังหน้าผาก“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยมุก หนูอาจแค่เหนื่อย”เล็บแต่งเจียนทาสีแดงอย่างดีจิกลงบนแขนลูกสาว“ไปนั่งพักหน่อยก็หาย”สองพี่น้องรู้กันทันที นางพิสมัยกำลังของขึ้น อย่าได้ขัดใจเป็นอันขาด มิเช่นนั้นองค์จะลงพรสรวงแม้จะเอาแต่ใจ แต่ก็กลัวมารดาเป็นที่สุด เพราะนิสัยแรง ๆ ร้าย ๆ เธอถอดแบบมาจากนา
“ทิงนี่ไม่ได้เชื้อพ่อเชื้อตามาเลยนะ”ยายบัวแก้วทำเสียงเวทนาหลาน“ตากับพ่อของทิงน่ะ มีเสน่ห์จนทำให้ยายกับแม่หนีตามมาอยู่ด้วยกัน”เรื่องเล่าประจำตระกูลคือขณะนั้นตาเป็นทหารยศน้อย มาหลงรักลูกสาวคหบดี ทั้ง ๆ ที่พ่อแม่หาคนที่เหมาะสมให้แล้ว แต่ยายบัวแก้วยังหนีตามมาลำบากอยู่กับตา สร้างครอบครัวน้อย ๆ ด้วยความรัก“ทิงกลัวตัวเองจะทำให้หนูมุกรักจนยอมคืนเงินสิบล้านให้ไม่ได้ใช่ไหม”ยายบัวแก้วเลี้ยงหลานมา รู้ดีถึงนิสัยฆ่าได้หยามไม่ได้ของเขา“ผมจะเอาเงินคืนมาทั้งหมดยี่สิบล้าน”คนตัวโตที่เท้าสะเอวอยู่ประกาศก้อง“งั้นแสดงว่ายอมแต่งงานกับหนูมุกแล้วใช่ไหม”หน้าบึ้งและตาวาว ๆ นั้นเป็นคำตอบว่าเจ้าตัวไร้ซึ่งความเต็มใจ“สุนีย์เดี๋ยวโทรหามัคนายกอนุพงษ์นะ นัดวันไปเจอพระอาจารย์หน่อย เอาสักวันศุกร์ ฉันจะไปขอฤกษ์แต่งกับท่าน”“เอาฤกษ์หมั้นด้วยไหมคะ แบบหมั้นเช้าแต่งเย็น เร็วดี”คนสนิทเจ้าปัญญาแนะ“ดีเหมือนกัน เอาตามนั้น”พงศพัศกลับไปนั่งซดชาอย่างทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เอาว่ะ! อย่างน้อยผู้หญิงคนนี้หน้าตา การศึกษาก็ยังพอทนได้ ที่เหลือก็แค่หว่านเสน่ห์นิดหน่อย ถ้าเธอไม่หลงก็ขู่เอาเลยละกัน ให้เลือกเอาระหว่างชีวิตกับเ
วันเสาร์พรสรวงมีนัดที่ร้านเว็ดดิ้งแพลนเนอร์เที่ยง เธอให้มัญชุพรไปรอที่นั่นเลย พนักงานรีบมาต้อนรับหญิงสาวอย่างนอบน้อม“สนใจบริการด้านไหนของร้านเราคะ”พร้อมยกอัลบั้มรูปเล่มโตมาให้ เธอต้องรีบบอกว่ามาด้วยเรื่องนัดของพรสรวง สักพักรถกระบะคันเก่าของไร่ดาวเรืองก็มาจอดที่ลานใกล้ร้าน รปภ.แทบไม่ให้จอดเพราะคิดว่าพงศพัศมาส่งของ จนเขาต้องบอกว่าเป็นลูกค้าที่มาใช้บริการ จึงได้จอดชายหนุ่มจงใจจะแกล้งให้พรสรวงเสียหน้า เพราะท่าทางอย่างเธอคงแทบกรี๊ดแน่เมื่อเห็นว่าที่เจ้าบ่าวขับรถโทรม ๆเขาเปิดประตูกระจกใสเข้ามา พนักงานในร้านถึงกับชะงัก ด้วยการแต่งตัวเสื้อยืด กางเกงยีนเก่า ๆ บูทคู่มอซอ ยิ่งผมยาวระต้นคอและหนวด ค้านกับการเป็นแขกผู้มาใช้บริการในสถานที่นี้เหลือเกิน“มาติดต่อเรื่องอะไรคะคุณพี่”หนุ่มหน้าสวยเต็มไปด้วยจริตนางหนึ่งใจกล้าปรี่มาถาม ตาคมเข้มแลกวาดไปทั่วร้าน สะดุดตากับสาวถักผมเปีย สวมชุดแซกแขนตุ๊กตาสีชมพูอ่อน เธอกำลังเปิดดูรูปในอัลบั้มทีละภาพ...ทีละภาพ“น้องสาวเธอล่ะ”เงาทะมึนที่ยืนค้ำศีรษะมัญชุพรถาม ดวงตากลมโตเงยขึ้นมองจนคอแทบตั้งบ่า“เธอไปไหน”หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื๊อก ฝืนยิ้มให้“มุกกำลังทำงานอยู่ค
“แม่เธอหลอกยายฉัน”พงศพัศหรี่ตามองพี่ว่าที่เจ้าสาว“ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกคุณ”“ยายฉันแก่แล้ว ไม่ทันเล่ห์แม่เธอหรอก”มีลมร้อนพัดมาวูบ ทำให้ชายกระโปรงชุดแซกยกขึ้นจนเห็นปลีน่องเรียวกลมกลึง ...มีเรื่องให้แปลกใจเยอะจริง ๆ พี่ว่าที่เจ้าสาวเขา“แม่ฉันไม่ใช่คนร้าย”ดวงตากลมโตวาววับเมื่อได้ยินชายหนุ่มพาดพิงถึงมารดา“เขาร้ายมาตั้งแต่ยังสาวนี่ ถึงมาจับเสี่ยจิวได้”ประวัติพิสมัยเป็นที่รู้กันทั่ว นางคือสาวนักขุดทองที่ได้มาเจอเป้าหมายกระเป๋าหนัก จากแม่ม่ายลูกติดผู้ยากจนกลายเป็นเมียเศรษฐีในพริบตา“คุณยายบัวแก้วก็ดูเป็นคนดี ทำไมถึงได้มีหลานปากร้าย ใจสกปรกอย่างคุณ ว่าคนอื่นเขาไปหมด”มัญชุพรหน้าแดง อาจเพราะอากาศปนอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง“อย่าเอายายฉันมาเกี่ยวด้วย!”เขาก็มีจุดอ่อนเรื่องบุพการีเหมือนกัน“ตกลงจะขึ้นรถมากับฉันดี ๆ หรือจะให้ลากขึ้นมา อุตส่าห์ใจดีเห็นไม่มีรถกลับ เธอยังมีตีฝีปากใส่ฉันอีก”“คุณปากร้ายใส่ฉันก่อนนะ แล้วอีกอย่างฉันไม่ยอมนั่งรถไปกับคุณเด็ดขาด”มัญชุพรไม่รู้เลย ว่าคำพูดตนเป็นชนวนให้อะไรในตัวพงศพัศขาดผึ่ง ชายหนุ่มลงจากรถ เดินอาด ๆ มาหาสาวร่างบาง เธอกลัวจนใจไปตกที่ตาตุ่ม ขยับเท้าเ
“มุกทำหมี่ลำบากมากไหม ถ้าไม่โอเคเดี๋ยวต่อไปเวลาเจอนายกระทิงเฮียจะไปกับมุกเอง”มัญชุพรสงสารจิรัฎฐ์ ขาวอวบเป็นซาลาเปาแบบเขาคงแหลกแน่เมื่อตกอยู่ท่ามกลางพายุอารมณ์ของทั้งสอง“ไม่เป็นไรค่ะ หมี่ยังไหว เฮียคอยช่วยเตี่ยทำงานดีกว่า”เธอเรียนรู้ที่จะเป็นเด็กดี อดทนกับทุกอย่าง ตราบใดที่ยังอยู่ใต้ชายคาบ้านหลังนี้ ...บ้านที่มีพระคุณเลี้ยงดูเธอกับแม่ให้มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข“ถ้ามีอะไรอยากให้ช่วยก็บอกเฮียนะ ไม่ต้องเกรงใจ”เพราะมัญชุพรอยู่ใกล้แล้วเย็น เหมือนสายน้ำชื่นใจ จิรัฎฐ์จึงชอบ ...มากขนาดมีใจเสน่หา แต่ยังหาจังหวะคุยกับเสี่ยจิวไม่ได้เสียที ความจริงแล้วจิรัฎฐ์รู้ว่าคนมีอำนาจตัดสินใจมากที่สุดในบ้านคือแม่เลี้ยงนางพิสมัยไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ไม่รู้มีแผนจะทำอะไรกับมัญชุพรหรือเปล่า การจับคู่ของพรสรวงกับพงศพัศนำพาความหวั่นใจมาสู่เขา กลัวว่านางพิสมัยมีแผนจะให้มัญชุพรแต่งงานกับใครอีกเด็กดีอยู่ในโอวาทแบบเธอต้องยอมแน่ ...แต่จิรัฎฐ์ไม่ยอมหรอก เขาจะปกป้องมัญชุพรเอง หนุ่มขาวอวบให้สัญญาพรสรวงกลับบ้านมาเสียดึก เมื่อเห็นใบหน้าเหนื่อยล้าของน้องมัญชุพรก็สงสารจนไม่กล้าว่าอะไรแรง“พี่ไม่ชอบเรื่องที่มุกทำวันนี้เลย รู้
เวลาแห่งความเคร่งเครียด ยังเดินต่อไปเรื่อย ๆ ไม่มีใครพูดอะไรกันเลย แต่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อเป็นเม็ด ๆ ราวกับแต่ละคนอมถ่านร้อน ๆ ไว้แล้วนางพิสมัยก็มองไปที่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้ง มันสะท้อนเงานางที่ดูเพิ้ง เกินกว่าจะรับไหว ขณะเดียวกันก็สะท้อนภาพมัชชุพร ที่หน้าขาวซีด“หมี่ ไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุด!”มารดาตวัดสายตามาที่ร่างโปร่งระหง“คะ...”มัญชุพรเลิกคิ้ว“ลูกต้องเข้าพิธีแทนน้อง”นางตัดสินใจแล้ว จะให้งานล่มไม่ได้“เฮ้ย!” เป็นจิรัฎฐ์เองที่อุทานลั่น“เร็ว ๆ เลย”มารดาทำหน้าจริงจัง เหมือนตอนกำลังจะทำโทษเธอในวัยเด็กยามทำผิด“ไม่ได้นะน้าไหม มุกหนีไป มันเกี่ยวอะไรกับหมี่ด้วย เขามาขอมุกไม่ใช่หมี่”จิรัฎฐ์ค้านสุดฤทธิ์ ทั้งเพื่อตัวเองและสาวที่หมายปอง“คุณยายคำแก้วขอลูกสาวฉันกับเฮียให้แต่งงานกับหลานเขา ไม่ได้ระบุไว้แต่แรกว่าจะต้องเป็นคนไหน ฉันเองแหละที่เสนอยัยมุกไปเพราะเห็นว่าเหมาะสมดี”นางเฉลยที่มาของการแก้ปัญหา ระหว่างงานแต่งที่ไร้เจ้าสาว กับงานแต่งที่เจ้าสาวเป็นคนละคน นางเลือกอย่างหลังที่ดูฉาวน้อยกว่า“แต่ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นอย่างนี้ ก็ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไป หมี่เข้าพิธีแทนน้อง ถ้าแม่ตามมุกเจอแล
“นี่มันอะไรกัน คุณพิสมัย เสี่ยจิว ทำไมเจ้าสาวผมถึงเป็นคนนี้”หากมีเข็มสักเล่มหล่นในห้อง ทุกคนคงได้ยินทั่วกันหมด เพราะเงียบเหลือเกิน“ขอคุยกันส่วนตัวสักครู่ค่ะ ให้แขกกับพระออกไปก่อน”นางพิสมัยพยักหน้าไปทางพิธีกร ซึ่งรีบเชิญให้แขกออกไปดื่มชากาแฟกันสักครู่ ในห้องจึงเหลือเพียงสมาชิกในครอบครัวเสี่ยจิว ส่วนทางบ้านพงศพัศก็เหลือเขา ยาย และสุนีย์“เกิดอะไรขึ้นเรอะแม่ไหม หนูมุกไปไหน”“ยัยมุกเอ่อ...ไม่ค่อยสบายค่ะ”“เขาเป็นอะไร”พงศพัศกอดอก หรี่ตาจับผิด“มุกอยู่โรงพยาบาลต้องนอนติดเตียงหมอห้ามเยี่ยมค่ะ”“อยู่โรงพยาบาลไหน ผมมีเพื่อนเป็นหมอหลายคน เดี๋ยวจะถามอาการ โรคอย่างนี้แปลกมาก ไม่เคยได้ยิน”“กระทิงหยุดเถอะ”ยายบัวแก้วปราม รู้ว่าหลานกำลังไล่เบี้ย“มีอะไรก็บอกมาตรง ๆ ดีกว่าแม่ไหม”สุนีย์เปิดกระเป๋าเตรียมหยิบยาดมรอยื่นให้ ถึงขนาดเปลี่ยนเจ้าสาว แสดงว่าเรื่องนี้ร้ายแรงแบบไม่ธรรมดา“อามุกอีหนีงานแต่งไปแล้ว”เสี่ยจิวนั่นเองที่เป็นคนเฉลย นางพิสมัยขึงตามองสามีที่มีจิรัฐฎ์จับแขนพยุงอยู่ ยายบัวแก้วยกมือขึ้นแนบอก อีกมือก็รับยาดมจากสุนีย์ พงศพัศกวาดตามองสมาชิกทุกคนในบ้านเสี่ยจิวแล้วขบกราม ส่งสายตาดุดัน มัญช
ขบวนผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งออกไป เหลือเพียงบ่าวสาวอยู่ลำพังในห้อง พงศพัศลุกขึ้นยืดแข้งยืดบิดขี้เกียจ หลังจากนั้นตรงไปที่ตู้เสื้อผ้า เข้าห้องน้ำไปโดยไม่พูดอะไรกับเธอเลยมัญชุพรค่อย ๆ ลุกขึ้นเพราะเหน็บกิน พยุงตัวเองไปนั่งที่โต๊ะเครื่องแป้ง มีกระเป๋าสะพายใบที่ใช้ประจำวางอยู่ เธอหยิบมือถือขึ้นมาดูมีข้อความไลน์จากพรสรวงMoo_Mook:ขอโทษนะพี่หมี่ ตอนนี้ที่บ้านวุ่นวายมากไหมMi_Mhi:มากเลยล่ะมุก พี่ต้องแต่งงานแทนเธอหญิงสาวหันซ้ายแลขวา ประตูห้องน้ำยังปิดสนิทอยู่ คงอีกสักพักพงศพัศจะอาบน้ำเสร็จMoo_Mook:มุกขอโทษ แต่มุกจำเป็นจริง ๆ พี่หมี่รู้สาเหตุแล้วใช่ไหมMi_Hmi:อือมัญชุพรนึกถึงหลักฐานที่แอบเอาใส่กระเป๋ามาด้วย ยังหาจังหวะทิ้งไม่ได้Mi_Hmi:ตอนนี้มุกอยู่ไหนMoo_Mook:อยู่กับเจมส์แล้วMi_Hmi:เขาว่ายังไงบ้างMoo_Mook:พรุ่งนี้เขาจะมาเจอเตี่ยกับม๊า เราต้องอยู่กันแค่สองคนเพราะที่บ้านแต่ละคนต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับMi_Hmi:เข้มแข็งไว้นะ พี่เป็นกำลังให้หากถามว่าโกรธไหม มัญชุพรก็ตอบว่าโกรธ ...เธอไม่ใช่คนแสนดีขนาดนั้น แต่เมื่อทราบสาเหตุ และรู้ผลที่น้องสาวหนี เธอก็กล้ำกลืนคำดุด่าว่ากล่าวลงลำคอ ตอนนี้มีแต่คำว่าสงสาร