การฝึกสอนจากฝ่ายในว่าด้วยเรื่องการปรนนิบัติฝ่าบาทก็ลืมเลือนไปเกือบสิ้นเมื่อเวลาผ่านมาใกล้จะครบปีเต็มทีแล้วก็ยังไม่เคยต้องเข้าไปปรนนิบัติ ทั้งๆที่ถูกสอนเรื่องของการปรนนิบัติฝ่าบาททั้งยามหลับและยามตื่น
แม้กระทั่งการอุ่นเตียงการให้กับฮ่องเต้บอกแม้กระทั่งต้องทำตัวเช่นไรจึงจะถูกใจฮ่องเต้ ซินเฟยหาจำได้ไม่ก็ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นกระทันหันอีกทั้งความกลัวและความตื่นตระหนกมีมากเสียจนหูอื้อตาลายจำบทเรียนต่างๆเหล่านั้นไม่ได้สักนิดยามที่ต้องถูกทาบทับอยู่บนแท่นนอนกับฮ้องเต้หนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายกำยำเช่นจางหลง ถึงเวลานั้นมาจริงๆมือไม้เย็นเฉียบ แทบจะทรงกายไม่อยู่เมื่อถูกอุ้มไปวางบนแท่นนอน ความทรงจำตอนนั้นจะว่าไม่จำ กับฝังลึกในจิตใจ ความรู้สึกอบอุ่นกับ ความอ่อนโยน ที่ยังจำได้ดีอีกทั้งรอยจุมพิตที่หน้าผากเหมือนกับรักเหลือเกินยามที่จางหลงลุกจากแท่นนอน ซินเฟยยังจำได้แม่นยำ เสียงพลุและดอกไม้ไฟดังไปทั่วบริเวณ ซินเฟยยิ้มสดใสเป็นยิ้มครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ ชุดสีขาวขลิบแดง ส่งให้ผิวขาวนวลเนียนแม้ใบหน้าจะซีดจางลงจากการเสียเลือด ไปแต่ก็คงความงดงามไม่เปลี่ยน เดินบนถนนเพียงลำพัง อย่างน้อยตอนนี้ก็มีอาวุโสย่าหนานที่ยืนเคียงข้าง แม้บิดาจะเอ่ยปากตัดพ่อตัดลูกเมื่อครั้งถูกสอบสวนเรื่อง ลักลอบได้เสียกับองครักษ์ต่ำชั้นตามคำกล่าวหา ซินเฟยมิได้มีความรู้สึกเสียใจ ดีใจเสียด้วยซ้ำที่บิดาไม่ต้องมารับผลกระทบในคำกล่าวหาที่ซินเฟยต้องแบกรับเพียงลำพัง ซินเฟยยังจำแววตาเจ็บซ้ำของบิดาได้ดี เมื่อตัดพ่อตัดลูกกับซินเฟยในวันนั้นต่อหน้าฮองเฮา ตอนนี้จึงนับว่าตัวคนเดียวโดยแท้ เช่นนั้นจึงไม่ต้องกังวลสิ่งใดต่อจากนี้ แบมือดูเหรียญเงินในมือที่อาวุโสให้มามีเพียงไม่กี่อีแปะ คงพอซื้อน้ำตาลก้อนมากินได้เพียงอย่างเดียว เดินมาหยุดที่ร้านขายน้ำตาลที่เป็นรูปสัตว์ต่างๆ หยิบเอามาถือไว้ก่อนจะหย่อนเงินเพียงน้อยนิดลงบนมือของพ่อค้า "คุณหนูสองอันแค่ห้าอีแปะจะรับสองอันเลยไหม" "ข้ามีเงินเพียงเท่านี้ มีเพียงแค่สามอีแปะ" ร่างสูงชลูดของใครบางคน ส่งเหรียญเงินสองอีแปะลงบนมือพ่อค้า ก่อนจะหยิบน้ำตาลมากัด "สองอัน ห้าอีแปะ ข้าเอาอีกสองอันส่งเงินห้าอีแปะใส่มือพ่อค้าก่อนจะส่งน้ำตาลก้อนรูปดอกไม้สีแดงให้กับซินเฟย ซินเฟยเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาราวเทพมาจุติอาภรณ์ที่สวมใส่หาใช่คนเดินถนนทั่วไปไม่ "ขอบคุณ แต่ข้ารับไว้ไม่ได้ ท่านเป็นคนจ่ายเงินก็นำมันไปเถิด" จิวซัว ยิ้มพิศมองใบหน้าสวยหวานอีกทั้งชุดสีขาวขลิบแดงที่ ประณีตงดงามส่งให้ร่างบางยิ่งอ้อนแอ้นอรชร จิวซัวยิ้มวันนี้โชคดีเหลือเกินพบหญิงงามถูกตาต้องใจไม่ต้องเดินเพียงลำพัง "ข้าอาศัยโอกาสที่พ่อค้าลดราคาให้แม่นางจึงได้มันมา ครั้งนี้ถือว่าตอบแทนข้าให้แม่นางไม้หนึ่งถือว่าเป็นการขอบคุณน้ำตาลเพียงแค่ไม้เดียวเจ้าคงกินไม่หน่ำใจ" "ข้าชอบความไม่หน่ำใจนั้น ทำให้รู้สึกถึงรสอร่อยอยากลิ้มลองอีกไม่มีสิ้นสุดหากครั้งไหนที่กินจนอิ่มท่านก็จะไม่อยากกินมันไปอีกนาน" จิวซัวอมยิ้มแนวคิดของนางช่างแปลก "ข้ามาแค้วนฉินเพียงลำพัง ยังหาคนเดินเคียงคู่ในคืนนี้ไม่ได้เจ้าคงเป็นคนที่นี่ จะรบกวนไหมหากข้าจะให้เจ้าเป็นผู้ชี้แนะในค่ำคืนนี้" สายตาพึงพอใจทอดไปยังซินเฟยที่พยายามหลบตา ซินเฟยยิ้มบางๆ "ข้าต่ำต้อย ไม่อาจเดินเคียงข้างใคร ขอตัว" ก้าวขาจากไป จิวซัวเลิกคิ้วสูงไม่เข้าใจว่าเขาพูดอะไรผิดหรือนางไม่พอใจอะไรในตัวเขา ความจริงมีเพียงซินเฟยเท่านั้นที่รู้ดีว่าตัวเองไม่สมควรสานสัมพันธ์กับผู้ใด จิวซัวสาวเท้าตามซินเฟยไปห่างๆ ซินเฟยแม้จะรู้ว่าถูกตามก็ไม่ได้กังวลอะไร "ตูม" ดอกไม้ไฟส่องสว่างทั่วฟ้าซินเฟยแหงนหน้ามองท้องฟ้าสุกสว่างเผลอยิ้ม ให้กับความงดงามนั้น "ทรงพระเจริญหมื่นปีหมื่นๆ ปี" เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญ ซินเฟยหุบยิ้มก้มหน้ามองพื้น ใจเจ้ากรรมกับรู้สึกเจ็บแปลบ จางหลง ฮองเฮาซูจิน และไทฮองไทเฮายืนอยู่หน้ามุข ที่ประดับโคมไฟสวยงาม ซูจินยืนเคียงข้างจางหลงด้วยท่าทีดุจนางพญาหงส์ ซินเฟยมือไม่สั่นใจเต้นไม่เป็นจังหวะ มีความรู้สึกอยากหนีไปจากตรงนี้ หันหลังวิ่งออกจากตรงนั้นเมื่อจางหลงหว่านเหรียญทองในมือ ผู้คนต่างก้มลงเก็บเหรียญทอง กันจ้าระหวั่นมีเพียงซินเฟยที่ออกวิ่งล้มลุกคลุกคลาน ทั้งโดนผลักโดนดัน จิวซัวทะยานขึ้นไปข้างบนด้วยสุดยอดวิชา ก่อนจะคว้าเอวบางพาทะยานขึ้นสู่หลังคาออกจากตรงนั้นไป จางหลงจ้องมองร่างคนสองคนตาไม่กะพริบ ซินเฟยหันหน้าไปมองจางหลงก่อนจะหลับตาลงช้าๆ ปล่อยให้จิวซัวพาออกจากตรงนั้นไป "ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้น"ซูจินไม่ทันได้เห็น รู้แต่เพียงว่าจางหลงทอดสายตามองใครอยู่“คนที่มารับเหรียญทอง คงถูกผลักจนล้มลงดีที่มีคนช่วยไว้ทัน”ซูจินยิ้มๆ“ผู้คนล้วนมาชมบารมีของฝ่าบาทมากมายจึงมีบ้างที่จะได้รับบาดเจ็บ เช่นนั้นซูจินให้เขานำเหรียญมาให้ฝ่าบาทโปรยอีกมากหน่อย เพื่อจะได้แจกจ่ายกันทั่วถึง”จางหลงยิ้มเป็นการตอบตกลง ซูจินโบกมือให้ขันที ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้จางหลงกองไฟถูกเติมด้วยฟืนท่อนยาวที่จิวซัวลากมาสุมไว้“แม่นางทำไมต้องวิ่งหนีจากตรงนั้นด้วย”ซินเฟยนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใด“ขอโทษที่ข้าละลาบละล้วงหากไม่อยากพูดถึงมันก็อย่าได้เกรงใจ”ซินเฟยก้มหน้านิ่งเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาแต่ไกล จิวซัวผิวปากเพียงครั้งเดียว ม้าก็มาหยุดยืนตรงหน้าบุรุษร่างสูงอีกคนในชุดพรางตัวกระโดดลงจากหลังม้า เหลือบตามองซินเฟย ก่อนจะประสานมือคารวะจิวซัว“ฝ่า..คุณชายข้าตามหาทันจนทั่วเขตวังหลวงคิดว่าเกิดอันตราย”จิวซัวยิ้มอ่อนโยน ซินเฟยลุกออกจากตรงนั้นเพื่อเป็นการไม่เสียมารยาทที่นั่งฟังคนอื่นคุยกัน“ข้าปลอดภัยดี”พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ“ฝ่าบาทการเดินทางมาครั้งนี้อันตรายไม่น้อย หากคนของแคว้นฉินรู้ว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่อาจ จับตัวเพื่อต่อรองด้านการศึ
“ฝ่าบาทข้าตั๋วฟงเกรงว่าเรื่องนี้ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องกระทำด้วยตัวเองคนของเราในทัพเหลี่ยงตอนนี้มีอยู่จำนวนหนึ่ง ความเคลื่อนไหวของทัพเหลี่ยงจึง ส่งมาถึงเราตลอดเวลา”“อืม ท่านฟงช่างรอบคอบ”“ฝ่าบาทละทิ้งเรื่องราวเหล่านี้หาความสำราญเสียบ้างจะดีไม่น้อย ตั้งแต่ทรงนั่งบัลลังก์มา กระหม่อมไม่เคยจะเห็นว่าฝ่าบาท จะละมือจากงานในราชสำนักทั้งยามหลับยามตื่น”“ความสุขของราษฎรแคว้นฉินนับว่าสำคัญกับข้าที่สุด”“พรุ่งนี้ กระหม่อมเห็นสมควรทูลเชิญเสด็จประภาสป่าล่าสัตว์สร้างความสำราญ”“เวลาเช่นนี้ข้าจะหาความสำราญได้อย่างไรยามที่ข้าศึกประชิดแนวชายแดน”“ฝ่าบาทหากตื่นกลัวเกรงว่าแคว้นเหลี่ยงจะได้ใจฮึกเหิมยิ่งขึ้น ฝ่าบาทเห็นควรจะทำเป็นไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากนัก แต่ใช่ว่าจะหละหลวมกระหม่อมได้สั่งให้มีการรับบุรุษหนุ่มเข้ามาในวังหลวง เพื่อเพิ่มกำลังทหารในวังหลวงและกำลังทหารของแคว้นฉิน ระหว่างนี้จึงถือว่าได้คัดเลือกผู้ที่มีฝีมือทั่วแคว้นมาไว้ใช้งาน เช่นนั้นฝ่าบาทจึงจำต้องช่วยเบี่ยงเบนความสนใจในเรื่องการเพิ่มกำลังทหารโดยการทำทีว่ามิได้เดือดเนื้อร้อนใจเรื่องทัพของแคว้นเหลี่ยงประชิดแนวชายแดน”จางหลงพยักหน้าหงึกหงักตั๋วฟง
“ฝ่าบาท นางเป็นใคร เหตุใดต้องใส่ใจด้วยคงเป็นนางในหอซักล้างที่มีมากมายหลายนาง”“พรุ่งนี้พานางมาพบข้า”พูดเพียงแค่นั้นแล้วสาวเท้าจากไปทันทีในห้วงฝัน ซินเฟยดิ้นรนเพียงพองาม ไม่ได้ปัดป้องทั้งๆ ที่อยากจะกรีดร้องความเจ็บปวดในครั้งแรก กับคนที่ไม่คุ้นเคยไร้ซึ่งความรักความผูกพัน“รอข้า อย่าเพิ่งไปไหน ข้ายังไม่อิ่มหนำกับเจ้าเลย”เช้าสดใส“ซินเฟยที่หอซักล้างเกิดความโกลาหลขึ้นแต่เช้า เจ้าอย่าเพิ่งไปรอจนกว่าทหารองครักษ์พวกนั้นจากไปข้าไม่รู้ว่าเขามาทำไมคล้ายมาตามหาคนแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ฉะนั้นทางที่ดีอยู่ที่นี่จนกว่าพวกนั้นจะกลับไป”อาวุโสย่าหนานเอ่ยปากเมื่อเห็นว่าซินเฟยกำลังจะไปที่นั่น เพื่อไปเก็บเศษผ้าเก่าๆ ที่ขาดวิ่นจนไม่เป็นที่ต้องการมาเย็บอาภรณ์ไว้สวมใส่“คงมีใครที่จะต้องถูกลงทัณฑ์อย่างแน่นอน “ซินเฟยเชื่ออาวุโส เช่นนั้นไว้ค่อยไปวันอื่นวันนี้ออกไปนอกเขตวังหลวง หาเก็บสมุนไพรและอาจตกปลาที่ริมลำธารเผื่อจะได้ปลามาทำอาหารในตอนเย็น”อาวุโสย่าหนานพยักหน้าขึ้นลง“เจ้าลำบากหรือไม่”ซินเฟยส่ายหน้าไปมา“ซินเฟยแต่เดิมอยู่นอกวังก็ใช้ชีวิตเช่นนี้ไม่ได้ลำบากอะไร อาวุโสอย่าได้กังวล”ซินเฟยเดินออกจากตำหนักเย็
ถลาเข้าหาซินเฟยจับจ้องที่ใบหน้างามด้วยสายตาครุ่นคิด แต่กับถูกจิวซัวซัดฝ่ามือเข้าใส่“ถอยไปห่างๆนาง เจ้าทำนางบาดเจ็บ”องครักษ์และเสี่ยวซานต่างรีบมาพยุงจางหลง“จับตัวไว้ อย่าให้หนีไปได้เขาทำร้ายฝ่าบาท”จิวซัวไม่ได้สนใจสิ่งใดซ้อนร่างบางของซินเฟยไว้ในอ้อมแขนก่อนจะสาวเท้าไปยังม้าของจางหลงที่ยืนคอยอยู่”องครักษ์ เก้เก้กังๆ ไม่กล้าเข้าไปจับตัว“จับตัวมันไว้”เสี่ยวซานตะโกนสั่ง จางหลงกับโบกมือห้าม จิวซัวพาซินเฟยขึ้นคร่อมบนม้า กระตุกบังเหียนจากไปอย่างรวดเร็ว“ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้น”“ข้า เผลอทำร้ายนาง”“นาง”“นางคือคนที่ข้าพบมือคืน” น้ำเสียงแสดงออกถึงความไม่มั่นใจ“เป็นนางจริงๆ ใช่หรือไม่ หากเป็นนางจริงๆ ฝ่าบาทตามหานาง ด้วยจุดประสงค์บางอย่างแล้วเช่นไรจึงจะปล่อยให้นางหลุดมือไปง่ายดาย”เสี่ยวซานถามเสียดายโอกาสที่พบซินเฟยของจางหลง เริ่มจะเห็นเค้าลางบางอย่างที่กำลังจะบังเกิดความวุ่นวาย“ส่งคนสะกดรอยตาม แล้วพานางกลับมา”สั่งเสียงดังลั่น ทหารองครักษ์รีบวิ่งกันจ้าละหวั่นตำหนักไทฮองไทเฮา“เสด็จย่า สนมนางนั้น ที่เคยถูกโบยถึงร้อยทีแล้วถูกส่งตัวไปยังตำหนักเย็นที่เสด็จย่าเคยบอกหลานนางชื่อว่าอะไร”จางหลงถามข
“หลานจำเรื่องราวเกี่ยวกับนางได้เพียงน้อยนิด”แววตาเศร้าสร้อยตื่นกลัวกับกิริยาอ่อนหวาน ร่างอ่อนระทวยในอ้อมแขนไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากนางเมื่อเขาทาบทับอยู่บนร่างเปลือยมีแต่ดวงตาเศร้าสร้อยยอมจำนนต่อเขาก็เท่านั้น“นำนางกลับมา นางรับโทษถูกโบยถึงร้อยไม้ หญิงรูปร่างบอบบางคงตายไปตั้งแต่ยังไม่ทันได้ห้าสิบไม้ด้วยซ้ำไปเจ้าไม่สงสัยหรือไรว่านางกัดฟันทนเพื่ออะไรหากไม่ใช่เพื่อรักษาชีวิตเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้อย่างสุดชีวิต เพราะนางถูกสอนมาให้เป็นของฮ่องเต้ทั้งยามหลับและยามตื่น นางจึงพยายามที่จะเยื้อชีวิตลูกของนางให้ถึงที่สุดหากเป็นลูกขององครักษ์ต่ำชั้นผู้นั้นเหตุใดนางจะต้องการให้เขามีชีวิตอยู่อีกในเมื่อพ่อของเขาถูกประหารไปแล้ว”จางหลงเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะหลับตาลงช้าๆจิวซัวหอบร่างไร้สติยัง กระท่อมไม้ไผ่ไม่ไกลจากลำธารนัก เลือดยังไหลไม่หยุดเขาวางร่างบางลงก่อนจะค่อยๆ ดึงลูกศรออกจากอกข้างซ้ายของซินเฟยเหงื่อหยดรินเต็มในหน้านาทีแห่งความเป็นความตาย หากผิดพลาดเพียงนิดเดียวลูกดอกทำลายหัวใจของซินเฟยเสียแล้วแม้แต่หมอเทวดาก็ไม่สามารถช่วยนางได้ ค่อยๆบรรจงดึงลูกดอกออกจากบาดแผล ซินเฟยหลับตานิ่งใบหน้าซีดเผือ
จิวซัวกัดฟันจนเป็นสันนูน จางหลงบีบคั้นเขาเพียงนี้เชียวหรือ จางหลงกับซินเฟยมีความสัมพันธ์ใดกันแน่ จึงต้องการตัวซินเฟยถึงเพียงนี้ ในเมื่อเขาเห็นว่านางอาศัยอยู่ในตำหนักเย็นใช้ชีวิตลำเค็ญเยี่ยงสนมที่ทำความผิดร้ายแรง หรือว่าจางหลงยังหวงก้างตามนิสัย ฮ่องเต้ทั่วไป“ยาสมานแผลนำมันมาให้ข้าข้า ใช้มันกับนางไม่แน่คืนนี้นางอาจจะได้สติ”ขือจื้อส่งยาในมือให้กับจิวซัว“ฝ่าบาท ยาสมานแผลนี้แค่เพียงบรรเทานางต้องได้รับการรักษาอย่างแเร่งด่วนไม่เช่นนั้นอาการบาดเจ็บอาจลุกลาม”จิวซัวหลับตาถอนหายใจช้าๆหน้าประตูวังร่างบอบบางที่นอนไร้สติถูกวางไว้ในเกี้ยว ทหารสองสามนายห้อมล้อมก่อนที่จะมีคนตะโกนขึ้นดังๆ“รายงานฝ่าบาทโดยเร็ว แม่นางที่ฝ่าบาทต้องการตัวบัดนี้มาถึงแล้ว”หมอหลวงถือหลวมยาวิ่ง มาที่เกี้ยวทันทีเหมือนรอท่าอยู่ก่อนแล้ว จางหลงสาวเท้าลงมาจากหน้ามุขตรงไปยังหน้าประตูวังจางหลงถลาเข้าไปยังเกี้ยว แหวกเหล่าทหารและหมอหลวงเข้าไปอย่างรีบร้อน ซ้อนร่างบางมาอุ้มไว้ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในตำหนัก จิวซัวลอบมองจากข้างกำแพงถอนหายใจด้วยความโล่งอกร่างบางถูกวางลงบนแท่นนอนในตำหนักใหญ่ หมอหลวงทั้งหมดในวังหลวงห้อมล้อมซินเฟย จางหลง
ตำหนักเย็น“จางจางหลง คารวะย่าหนาน”ย่าหนาน ยิ้มเพียงบางๆ แต่ผินหน้าไปเสียทางอื่นไม่อยากจะมองหน้า จางหลง“ไม่อ้อมค้อมมีเรื่องใดร้อนรนจึงมาถึงนี่”แต่เดิม จางหลงเป็นองค์ชายที่พูดน้อยแม้ย่าหนานจะเลี้ยงดูเขามาแต่แทบจะอ่านใจเขาไม่ออกด้วยซ้ำไป“จางหลงมีเรื่องรบกวน ท่านแม่นม”“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องมาเองฐานะสูงส่ง เรียกให้ข้าไปพบจึงจะง่ายกว่า ว่ามาต้องการสิ่งใด”“ซินเฟย”หันหน้ามอง จางหลงเต็มตา“นางหายออกจากที่นี่ไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า นางอยู่กับฝ่าบาทหรือไร”“ย่าหนาน นางแต่เดิมเป็นสนมของข้า”“หึ หึ สนมที่ถูกโบยปางตายแล้วถูกจับมาโยนทิ้งไว้ที่นี่”“ย่าหนาน ท่านอย่าเพิ่งเอาเรื่องในอดีตมาคิดบัญชีกับข้าตอนนี้นางเป็นตายเท่ากันยาบำรุงเลือดเสด็จย่าบอกว่า ย่าหนานมียาดีชนิดนี้เจียดให้ ข้านำไปป้อนนางบรรเทาอาการบาดเจ็บ”“อย่างไรเสียฝ่าบาทก็คิดว่าย่าหนานใจดำอยู่แล้ว เรื่องที่ไม่ให้ยาจึงไม่เกินความคาดหมาย”จางหลงทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้น“ย่าหนาน แม่นมท่านละความเคียดแค้นเห็นแก่นางสักครั้ง”ย่าหนานตกตะลึงในเมื่อเป็นฮ่องเต้ผู้สูงส่งกับยอมคุกเข่าง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ เผลอยกมือฉุดจางหลงให้ลุกขึ้น“ฝ่าบาทอย่
“รอให้หมอหลวงมาดูอาการอีกทีตอนนี้เจ้าพึ่งจะฟื้นขึ้นมาหากเป็นอะไรไปอยู่ที่ตำหนักเย็น ข้าคงไม่อาจดูแลเจ้า”ซินเฟยหลับตาไล่หยาดน้ำตาที่ไหลรินก่อนจะหันหลังให้จางหลงเเกรงว่าเสียงสะอื้นจะเล็ดลอดออกไปให้เขาได้ยิน“ข้าส่งคนแจ้งข่าวกับย่าหนานว่าเจ้าฟื้นแล้วเพื่อนางจะได้ไม่ต้องห่วง”“ฝ่าบาทหม่อมฉันอยากกลับไปที่ตำหนักเย็น”คำพูดหนักแน่นจริงจัง จางหลงถอนหายใจ นางยังโกรธเขาอยู่ ก็ไม่น่าแปลกกับสิ่งที่เขาให้นางเผชิญเพียงลำพังตลอดหลายเดือนมานี้“เอาไว้หมอหลวงมาดูอาการเจ้าข้าสัญญาว่าจะไม่รั้งเจ้าไว้…..”คำพูดหายไปในลำคอ ใจหายอย่างที่สุดแต่ไม่อาจบอกนางว่าเขาไม่อยากให้นางจากไป เขากับนางจะสิ้นวาสนากัน แค่นี้เช่นนั้นหรือ ในเมื่อเขาสัญญากับย่าหนานว่าจะไม่ย่างกรายไปที่ตำหนักเย็นอีกแล้วหากจะให้นางออกมานางจะยอมทำตามบัญชาเขาหรือไม่ในเมื่อความสัมพันธ์ของเขาและซินเฟยช่างเปราะบางหากเขากดดันนางโดยอาศัย อำนาจใจมือ แล้วหากนางหนีเขาไปเล่าเขาจะทำอย่างไร ไหนจะคนผู้นั้นที่ไม่ทราบที่มาที่ไปคนนั้นผู้ที่ห่วงใยนางเกินใคร เมื่อเขามองสายตาของคนผู้นั้นออกว่ามีนางในใจไม่ต่างจากเขา ลุกขึ้นเดินจากไปซินเฟยหลับตาลงช้าๆ พยายามไล่ค
ซินเฟย ทิ้งตัวลงบนแท่นนอน ความหวานยังซาบซ่านทั่วผิวกาย ลุกขึ้นถอดอาภรณ์หย่อนกายลงแช่น้ำอุ่นให้ซอกซอนเข้าไปในผิวเนื้อสัมผัสอ่อนโยนที่ริมฝีปากยังไม่จางหายไปรอยจุมพิตที่หน้าผาก ฝ่าบาทจะรู้สึกเช่นเดียวกับชินเฟยไหม ยามนี้อยากซุกกายในอ้อมแขนของคนที่นอนกอดก่ายไม่เบื่อ ตอนนี้ไม่ใช่ชินเฟยคนเดิมแล้ว กลายเป็นของเขาผู้นั้นยิ้มด้วยความเขินอายและเป็นสุข ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยลอบมองยามเดินอยู่ห่างเคยคิดว่าหากเป็นของเขาจะรู้สึกเช่นไร บัดนี้ซินเฟยรู้แล้วว่าการที่ได้ นอนร่วมเตียงกับบุรุษที่เคยหลงใหลแล้วเขากลับปรนเปรอสวาทให้มากมายเช่นนั้นเป็นสุขแค่ไหนเวลาล่วงเลยไป เรื่องราวในราชสำนักยัง เป็นจางหลงที่ต้องจัดการอีกทั้งเรื่องของจางเย่าหยางที่ไม่อาจละเลยปล่อยวาง ซินเฟย กินอะไรไม่ได้มาหลายวัส่งเสียงโอ๊กอ๊ากจนผิดสังเกตอีกทั้งร่างกายซุบผอมลงเป็นอันมาก เพียงได้แต่เฝ้ามองจางหลงห่างๆไม่เคยได้เข้าใกล้อีกตั้งแต่นั้นมาไทฮองไทเฮามาถึงพ้องพัก“ตรวจครรถ์ของพระสนมดูว่านางตั้งครรภ์หรือไม่”ไทฮองไทเฮาสั่งนางกำนัลอาวุโสเรื่องนี้ไม่ให้แพร่งพรายจึงไม่เรียกหมอหลวงด้วยหมอหลวงเป็นคนของซูจินนั่นเองนางกำนัลอาวุโสจับตรวจชีพจร ที
จางหลงลูบไล้ใบหน้าเนียนใส นิ้วโป้งกวาดรอบริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะประทับ ริมฝีปากอุ่นไปบนปากนุ่มหอม ราวกับกลีบบุปผา ลิ้นอุ่นซื้นซอกซอนเข้าไปภายใน ควานหาความหวานวุ่นวายเร่งรีบนี่เขาหิวกระหายเพียงนี้เชียวหรือ ทั้งๆที่เหนื่อยกับงานราชสำนักแต่ กลับรู้สึกผ่อนคลายมือใหญ่ปลดดึงอาภรณ์ของซินเฟยออกร่างเล็กขยับหนีด้วยความไม่เคย เขากลับรั้งร่างบางให้แนบชิดลำตัว นางไม่ได้ทำท่าทีหลีกหนีจนเกินงามหรือเสแสร้งจนไม่น่าเชื่อ ทว่าทุกอย่างล้วนออกมาจากส่วนลึก จางหลงแทรกลำตัวลงไปตรงกลางลำตัวของซินเฟยที่บิดหนี ส่งเสียงร้องครางเหมือนจะขอร้องเขาให้หยุดกระทำ เอวหนาขยับเบาๆเหมือนกับการร้องขอของนางได้รับความเห็นใจ ปลายนิ้ว ลูบไล้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดปากอุ่นขบเม้มอ่อนโยนอีกทั้งดูดกลืน เหมือนกลับร่างบางของอีกคนเป็นของหวานเลิศรส ร่างบางสะท้อนขึ้นลงสอดรับประสานกับร่างใหญ่ที่เบียดแทรกความบีบรัดคับแน่นทำเอาจางหลงแทบหยุดหายใจ สุขสมเพียงนี้เชียวหรือกับหญิงที่เขาพึงใจตั้งแต่แรกพบ วงแขนบางกอดรัดเขาเหมือนกลัวว่าเขาจะหนีไปซินเฟยส่งเสียงร้องครางอีกครั้งเมื่อเขาเร่งจังหวะเร็วรัว จางหลงอมยิ้ม “ฝ่าบาท...ได้โปรด” เพียงประโยคเด
ซินเฟยแหงนหน้ามองกำแพงสูงของวังหลวงด้วยรอยยิ้ม น้อยคนที่จะมีโอกาสเข้ามาใช้ชีวิตในนี้“คุณหนูซินเฟย ไทฮองไทเฮาให้เชิญคุณหนูที่ตำหนักไทฮองไทเฮา”ซินเฟยย่อตัวยิ้มน้อยๆก่อนจะตามนางกำนัลไป ไทฮองไทเฮาที่มีใบหน้าเหมือนจะแย้มยิ้มได้เสมอ แววตาอ่อนโยนจ้องมองซินเฟยที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า“เงยหน้าของเจ้าให้ข้าดูชัดๆ”“เพคะ” ขยับตัวเงยหน้าใ่ห้ไทฮองไทเฮาได้ยลโฉม“งดงามที่สุด ข้ามองเจ้าตั้งแต่ก้าวเข้าประตูวังมา งดงามอ่อนหวานเช่นนี้จึงเหมาะที่จะเป็นผู้ที่อยู่เคียงข้างหลานข้า”“แต่ไทฮองไทเฮานางเป็เพียงผู้คัดตัวนางในที่สอบผ่านเข้ามาหาใช่ลูกขุนนาง ในตระกูลใด”“ข้ามิได้ต้องการลูกขุนนางใหญ่ตระกูลใดมาวางกล้ามในวังหลวง แต่ข้าต้องการใครสักคนที่จะปรนนิบัติฮ่องเต้และ มีโอรสธิดาสำหรับหลานข้า”“ดูแลนางให้ดีต่อจากนี้เจียงซินเฟยต้องคอยมารับใช้ที่ตำหนักไทฮองไทเฮา”ซินเฟยก้มลงคุกเข่ากับพื้นการฝึกในแบบนางในที่เข้มงวดไม่เคยแม้จะได้หลับเต็มตื่นหรือ ทำตัวตามสบาย“ร่างกายของเจ้ายังผุดผ่องในเมื่อข้าให้นางในอาวุโสตรวจภายในของเจ้า เช่นนั้นนับจากนี้ไปอีกสามคืนจึงเหมาะแก่การเข้าเฝ้าฮ่องเต้ หากโชคเป็นของเจ้าสวรรค์เมตตาจึงจะมี
“จางหยวน เคร่งขรึมแต่จริงใจ ไม่เสียทีที่เป็นลูกของข้าเขานับว่าเป็นผู้นำได้ดีไม่น้อย”“แล้วองค์หญิงเล่า“ซินฟางเอาแต่ใจ เจ้าเล่ห์แสนกล ไม่เหมือนเจ้าสักนิดอีกทั้งยังไม่เหมือนใครแต่เขาก็ทำให้เราสองคนยิ้มได้”“นางเหมือนฝ่าบาทไม่น้อยอย่างน้อยเมื่อผิดก็รู้จักขอโทษและทำคุณไถ่โทษ”“เพราะรักข้าจึงรู้สึกผิด และไม่อยากให้เจ้ามองข้าผิดๆ แม้จะต้องแลกมาด้วยทุกอย่างก็ตามขอเพียงมีเจ้าข้างกายได้กอดก่ายเจ้าอย่างนี้ทุกวันคืนก็เพียงพอแล้ว”“พบกันเพียงครั้งเดียวฝ่าบาทจะรักได้อย่างไร”“เจ้าเชื่อในรักแรกพบไหมแววตาเศร้าสร้อยของเจ้า ทำเอาข้าดวงใจสั่นไหวในคืนแรกนั้น”ซินเฟยยิ้มเขินอาย จะกี่วันผ่านจะกี่ปีเคลื่อนคล้อย จางหลงยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเชยคางมนขึ้นมาสบตา จุมพิตหวานกว่าที่เคยหวาน อ้อมกอดอบอุ่นเหมือนเดิมแววตาเปลี่ยนไปกลายเป็นแววตาที่แสดงความรักใคร่อย่างที่สุด“ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ไม่ว่าเจ้าจะอุ่นเตียงให้ข้ากี่ครั้ง ข้าก็ยังไม่เคยจะเบื่อหน่ายมัน เช่นนั้นคืนนี้ เจ้าต้องทนอดนอนเสียหน่อย”โน้มร่างบางลงบนแท่นนอนช้าๆ จุมพิตที่ปากบาง บดขยี้อ่อนหวานเชิญชวนมืออุ่นซอกซอนเข้าไปใต้ร่มผ้าบีบรัดคลึงเคล้า ริมฝีปากก็ท
เสียงบางอย่างแหวกอากาศมาก่อนที่มีดสั้นของจิวซัวจะทำให้ขวดยาพิษร่วงลง แตกละเอียดกับพื้น กระบี่ในมือจิวซัวฟาดฟันทหารรอบกายจางหลง โยนกระบี่ในมือให้กับจางหลง ที่เอื้อมมือคว้ามันก่อนจะหันคมกระบี่เข้าใส่จางเย่าหยางเสียบเข้ากลางอกทะลุขั้วหัวใจจางเย่าหยางสะอึกแรงๆ เลือดสีแดงสดไหลออกจากปาก ปล่อยซินเฟยจากอ้อมกอด จางหลงคว้าร่างบางมากอดแนบอก เลือดหยดรินออกจากคมกระบี่สีแดงหยดลงพื้น ซินเฟยซบหน้าลงบนอกกว้างของจางหลง เสี่ยวซาน จิวซัวช่วยกันพยุงย่าหนาน“ตามหมอหลวง”เสียงตะโกนของจางหลง หทารของจิวซัวและจางหลงสามารถจัดการกับทหารของ จางเย่าหยางจนสิ้น ซินเฟยปาดน้ำตากุมมือย่าหนานไว้แน่น“ฮองเฮาดูแลตัวเอง ต่อจากนี้ไม่มีย่าหนาน มีเพียงฝ่าบาทที่จะคอยเป็นดังทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากนี้”“ไม่ไม่ไม่ ไท่เฟย ท่านต้องไม่เป็นอะไร ”ย่าหนายิ้มเศร้าๆ“ฮ่องเต้ ที่ผ่านมาเป็นข้าเองที่เอาแต่ใจฝ่าบาทไม่ผิด แม้ข้าจะอยากดีกับฝ่าบาทเพียงใดแต่เป็นเพราะความเอาแต่ใจไร้เหตุผลของตัวข้า ที่ทำให้ฝ่าบาทต้องพบกับความเจ็บซ้ำ”“ไท่เฟยท่านหยุดพูดได้แล้วหมอหลวงกำลังมา เมื่อท่านรักษาอาการบาดเจ็บหายดีแล้ว จางหลงจะนั่งฟังท่านบ่นด่าได้ทั้งวัน”ส่า
ซินเฟยในอาภรณ์สีแดงมงคลชายผ้ายาวเหยียด ข้างกายย่าหนานจับมือไว้มั่น รอยยิ้มปลาบปลื้มใจปรากฏที่ริมฝีปากของย่าหนาน“ยิ้มเข้าไว้ยิ้มรับความสุข และสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับ”เสียงกระซิบข้างหูเมื่อจูงมือซินเฟยเดินตามทางเดินทอดยาวสองข้างทางเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารเนืองเเน่นร่วมแสดงความยินดี จางหลงก้าวลงมาจากบันไดขั้นสูงสุดรอรับซินเฟย ย่าหนานส่งมือของซินเฟยวางบนมือของจางหลง“ขอบคุณไท่เฟยที่ดูแลปกป้องนาง จนกระทั่งมีวันนี้ วันที่ท่านส่งมอบนางกลับคืนให้ข้าอีกครั้ง”“ฝ่าบาทจะดูแลนางอย่างดี และปกป้องนางอย่างดีจากนี้ไปใช่ไหม ไม่ให้นางต้องพบกับความขมขื่นเช่นข้า สัญญาได้ไหม”“ข้าสัญญา ไท่เฟยต่อนี้ท่านอย่าได้กังวลข้าจะมีนางคนเดียวตลอดไป” รอยยิ้มปรากฎทั่วทั้งใบหน้าของคนทั้งสามมงกุฎของฮองเฮาถูกสวมลงบนศีรษะของซินเฟยโดยจางหลง ตราหยกประทับของฮองเฮาเป็นใต้เท้าฉีที่ยื่นให้จางหลงมอบให้กับซินเฟย เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังไปทั่วบริเวณจางหลงหันมาสบตาซินเฟยด้วยความรักเต็มเปี่ยม“ต่อแต่นี้ เจ้าจะเป็นฮองเฮาของข้าคนเดียวไม่ว่าเจ้าจะผ่านทุกข์เข็ญอะไรมาข้าพร้อมชดเชยให้เจ้า”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ซินเฟยย่อตัวลงช้าๆ จางหลงจ
จางเย่าหยาง กลับไปที่ดินแดนทางเหนือด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้“ท่านอ๋องอีกไม่กี่วันเหมาะที่จะลงมือด้วยแคว้นฉินจะมีงานมงคล”“งานมงคลใดกัน” คนสนิท ลังเลไม่อยากจะตอบ“จางหลงฮ่องเต้แต่งตั้งฮองเฮาคนใหม่ และไท่เฟยในเวลาเดียวกัน หลังจากที่สั่งประหารใต้เท้าฟง และอดีตฮองเฮาซูจินที่ได้รับผ้าขาว”“จางหลงเดิมข้ามองว่าเขาช่างโง่งมจิตใจอ่อนแอ มุ่งเน้นแต่จะผ่อนปรนแต่ครั้งนี้กลับเชือดไก่ให้ลิงดู”“คงตั้งใจให้ท่านอ๋องได้เห็นว่าเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้”“ดี ข้าก็ต้องการเห็นเช่นนั้นเหมือนกัน เตรียมทัพของเราให้พร้อมออกเดินทางทันที”วังหลวงแคว้นเหลี่ยงอิ่นเซียงในชุดฮองเฮาสีแดงสด ปักเลื่อมลายหงส์งดงาม นั่งนิ่งอยู่บนแท่นนอนดัง ไร้ชีวิตจิวซัว เอื้อมมือเปิดผ้าคลุมหน้าขึ้นช้าๆ น้ำตาที่เอ่ออยู่กับไหลรินเป็นสายจิวซัว ตื่นตะลึงกับหยาดน้ำตานั้นกอดรวบร่างบาง ไว้แน่นซุบหยาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน“ทำเช่นไรเจ้าจึงจะหายโกรธข้าเสียที”จูบซับน้ำตาให้เบาๆ อิ๋นเซียงไม่ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าสมยอม“ฝ่าบาทไม่ได้มี อิ๋นเซียงในใจทำเรื่องใดก็ไม่เป็นผล”“หากข้าจะบอกว่าในตอนนี้ข้ามีเจ้าเต็มหัวใจเล่า”เสียงสะอื้นไห้ ดังขึ้นทันที“ใ
“พระนางเพียงแค่ให้ข้าเป็นแพะรับบาป กุ้ยเฟยไม่ได้มีความผิดใดใดอีกทั้งในตอนที่เข้ามาอยู่ในวังหลวงนางนับว่ามีกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน ในตอนนั้นใครๆ ก็ต่างรู้ดีว่านางกลับจากปรนนิบัติฝ่าบาทได้ไม่นานก็เกิดอาการแพ้ท้องเรื่องจึงแพร่กระจายออกไปพระนางรู้ดีแก่ใจว่าในท้องของนางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท พระนางจึง ใส่ร้ายกุ้ยเฟยไม่สอบสวน ประหารองครักษ์ผู้นั้นกับมือแล้วสั่งโบยนาง”“ซินเฟยนางสมควรตาย ข้าน่าจะโบยนางเองกับมือจะได้ตายไปทั้งแม่ทั้งลูก”“ในวังหลังพวกเราต่างรู้ดีว่าหากใครที่เข้าไปปรนนิบัติฝ่าบาท ต่อเมื่อเช้าของอีกวันจะต้องถูกจับตัวไปสวนล้างจนหมดจด ไม่มีสักคนที่จะตั้งครรภ์ แต่กุ้ยเฟยเป็นคนเดียวที่ไม่ถูกสวนล้างอย่างสนมคนอื่น จึงไม่แปลกที่ในท้องของนางจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท”“ยอมรับผิดเสียเถอะพระนาง ความผิดของพระนางมากมายจน ฝ่าบาททรง ประทานผ้าขาว และยาขวดนี้”ใต้เท้าฟง ยกผ้าขาวกับยาขวดเล็กมาวางบนโต๊ะ“ข้าไม่เอาไม่ดื่มยาพิษ นี่เวรกรรมกำลังตามข้าทันใช่หรือไม่ ไทฮองไทเฮาข้าไม่ได้วางยาพิษข้าอุตส่าห์ใจดี ให้ไทฮองไทเฮาหลับอย่างสบายไม่ต้องตื่นมาอีกเพราะไทฮองไทเฮา เข้าข้างซินเฟยหาทางจับผิด
ซินเฟยลืมตาฟื้นขึ้นมาจากอาการบาดเจ็บ เหลือบตามองไปทั่วบริเวณไล่ความมึนงง จางหลงนั่งกุมมือส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“เจ้าฟื้นแล้ว”“ฝ่าบาทซินเฟยกลับมาที่นี่แล้วใช่ไหม”“ข้าพาเจ้ากลับมาที่วังหลวง”“แล้วเรื่องศึกกับแคว้นเหลี่ยง”จางหลงยิ้ม“ต้อง ขอบใจเจ้าเป็นเพราะเจ้า ฮ่องต้แคว้นเหลี่ยงยอมถอนทัพเชื่อมสัมพันธ์กับแค้วนฉินเพราะเจ้า”ซินเฟยยิ้มบางๆ“อาการของซินเฟยดีขึ้นแล้ว จะได้กลับไปที่ตำหนักเย็นเสียที”“ใครให้เจ้าไปกัน เมื่อเจ้าหายดีอยู่ด้วยกันที่นี่ข้ามีบางอย่างอยากให้เจ้าเห็นให้เจ้ารับรู้ถึงความจริงใจของข้า”ซินเฟยหันหน้าหนีไม่อยากให้จางหลงเห็นหยาดน้ำตาที่ไหลริน ความน้อยเนื้อต่ำใจ แล่นขึ้นมาจุกที่อกกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทั้งถูกโบยและนอนเจ็บเจียนตายไร้เงาของจางหลงตำหนักชิงหนิงกง“ปล่อยข้าไปเสียที ข้าเบื่อเต็มทนแล้วใครขว้างข้า เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่หรือไร”ซูจินตะโกนเสียงดังเหมือนคนกำลังจะบ้าคลั่ง“ออกไปไม่ได้นี่เป็นบัญชาของฝ่าบาท”“ข้าอยากพบฝ่าบาท ข้าจะออกไปหาฝ่าบาท” วิ่งถลาออกจากห้องแต่ถูกองครักษ์และขันทีช่วยกันจับตัวไว้“พวก เจ้ายังอาจมาขว้างข้าไว้ ตำแหน่งฮองเฮาของข้าไม่มีความหมายหรือไร