จิวซัวกัดฟันจนเป็นสันนูน จางหลงบีบคั้นเขาเพียงนี้เชียวหรือ จางหลงกับซินเฟยมีความสัมพันธ์ใดกันแน่ จึงต้องการตัวซินเฟยถึงเพียงนี้ ในเมื่อเขาเห็นว่านางอาศัยอยู่ในตำหนักเย็นใช้ชีวิตลำเค็ญเยี่ยงสนมที่ทำความผิดร้ายแรง หรือว่าจางหลงยังหวงก้างตามนิสัย ฮ่องเต้ทั่วไป
“ยาสมานแผลนำมันมาให้ข้าข้า ใช้มันกับนางไม่แน่คืนนี้นางอาจจะได้สติ”ขือจื้อส่งยาในมือให้กับจิวซัว
“ฝ่าบาท ยาสมานแผลนี้แค่เพียงบรรเทานางต้องได้รับการรักษาอย่างแเร่งด่วนไม่เช่นนั้นอาการบาดเจ็บอาจลุกลาม”จิวซัวหลับตาถอนหายใจช้าๆ
หน้าประตูวังร่างบอบบางที่นอนไร้สติถูกวางไว้ในเกี้ยว ทหารสองสามนายห้อมล้อมก่อนที่จะมีคนตะโกนขึ้นดังๆ
“รายงานฝ่าบาทโดยเร็ว แม่นางที่ฝ่าบาทต้องการตัวบัดนี้มาถึงแล้ว”หมอหลวงถือหลวมยาวิ่ง มาที่เกี้ยวทันทีเหมือนรอท่าอยู่ก่อนแล้ว จางหลงสาวเท้าลงมาจากหน้ามุขตรงไปยังหน้าประตูวัง
จางหลงถลาเข้าไปยังเกี้ยว แหวกเหล่าทหารและหมอหลวงเข้าไปอย่างรีบร้อน ซ้อนร่างบางมาอุ้มไว้ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในตำหนัก จิวซัวลอบมองจากข้างกำแพงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ร่างบางถูกวางลงบนแท่นนอนในตำหนักใหญ่ หมอหลวงทั้งหมดในวังหลวงห้อมล้อมซินเฟย จางหลงนั่งมองใบหน้าซีดเซียวด้วยความรู้สึกผิดอย่างที่สุด
“นางเป็นอย่างไรบ้าง”
หมอหลวงประสานมือตรงหน้า
“ฝ่าบาท นางบอบช้ำจากการเสียเลือด เกล้ากระหม่อมไม่แน่ใจอาจจะเป็นเพราะนางเพิ่งจะแท้งลูกมาก่อน ตอนนี้ร่างกายอ่อนเพลียอีกทั้งยังโดนลูกดอก จึงไม่แน่ว่าจะฟื้นคืนมาได้”
จางหลงทรุดกายลงบนเก้าอี้
“สั่งการออกไป หาหมอที่ดีที่สุดทั้งในแคว้นและนอกแคว้นระดมกันมารักษานางให้เร็วที่สุดจะต้องให้นางฟื้นให้ได้”
หมอหลวงประสานมือถอยออกไป
จางหลงเดินไปนั่งบนแท่นนอน นางกำนัลออกจากห้องไปหลังจากจัดการ ทำความสะอาดแผลที่โดนลูกดอกใช้ผ้าดิบสีขาวพันรอบอกเลือดสีแดงไหลซึมออกมาจากบาดแผล แผ่นหลังขาวที่มีร่องรอยของการถูกโบยเป็นริ้วเนื้อปริแตกออกมาเป็นสะเก็ดสีดำบนแผ่นหลังของซินเฟยจางหลงกัดฟันจนเป็นสันนูน ยังจำแผ่นหลังเนียนละเอียดที่เขาพรมจูบด้วยความหลงใหล บัดนี้กลับไม่เหลือเค้าโครงเดิมเมื่อแผ่นหลังไม่มีเหลือพื้นที่นวลเนียนอย่างที่เขาเคยสัมผัส
เอื้อมมือสัมผัสลูบไล้ที่แผ่นหลัง ด้วยความสลดใจอย่างที่สุด
“เสี่ยวซานสั่งให้มีการสอบสวนใหม่ เรื่องการที่สนมเจียงซินเฟยถูกกล่าวหาว่าลักลอบมีอะไรกับองครักษ์”
“รับบัญชาฝ่าบาท”
ตะโกนเข้ามาจากด้านอก
“ข้าสัญญาต่อจากนี้จะไม่ให้ใครรังแกเจ้าได้อีกแล้ว”
ก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเบาๆ
ไทฮองไทเฮาสาวเท้าเร็วรี่ยังตำหนักใหญ่
“ฮ่องเต้ เจียงซินเฟยนางเป็นอย่างไรบ้าง”
ถลาเข้าไปที่แท่นนอน
“เสด็จย่า นางบาดเจ็บสาหัสอีกทั้งนางเพิ่งจะสูญเสียเลือดจากการเสียลูกในครรภ์ร่างกายนางไม่แข็งแรงอยู่แล้วยังมาโดนลูกดอกอีก”
ถอนหายใจยาว
“ย่าหนาน แม่นมของฮ่องเต้ เป็นผู้ที่ปรุงยาบำรุงเลือดได้ดีไม่น้อยนางรักษาตัวที่ตำหนักเย็น ย่าหนานดูแลนางจนแข็งแรงแต่กลับถูกลูกดอกของเจ้าอีก หากฮ่องเต้จะลดทิฐิขอแบ่งยาจากย่าหนานมาสักเทียบสองเทียบ เช่นนั้นจึงจะช่วยนางให้รอดปลอดภัย”
“หลานคงต้องรีบไปตำหนักเย็นเสียแล้ว”
ไทฮองไทเฮายิ้มบางๆ
ตำหนักฮองเฮา
นางกำนัลคนสนิทของฮองเฮา ซูจินวิ่งเข้ามาข้างใน
“พระนาง ฝ่าบาทนำสนมเจียงซินเฟยกลับมารักษาตัวที่ตำหนักฮ่องเต้”
ซูจินยังนั่งเย็บถุงหอมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่ได้ยินสิ่งที่นางกำนัลพูด
“พระนาง”
“จืออี้ เจ้าจะตีโพยตีพายไปทำไม หากข้าทำเป็นตีโพยตีพายเช่นเจ้า เท่ากับข้าร้อนตัว กลัวเหลือเกินว่าเรื่องที่ทำไว้จะแดงขึ้นมา”
ยิ้มอ่อนหวานปกปิดเรื่องราวในใจจนสิ้น
“แล้วถ้าหากฝ่าบาทรับสั่งให้มีการไต่สวนเรื่องนี้เสียใหม่ พระนางจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร”ยิ้ม
“ก็แค่เพียงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ หรือทำเป็นเหมือนว่าที่ข้าทำเพราะความไม่รู้และภักดีต่อฝ่าบาทเกรงว่าหากไม่จัดการขั้นเด็ดขาดไปเสียฝ่าบาทจะเสื่อมเสียพระเกียรติ เจ้าอย่าลืมสิจืออี้ข้าเป็นฮองเฮาเรื่องราวในวังหลังเป็นข้าที่มีอำนาจจัดการเต็มที่”
สีหน้าไม่ได้สะทกสะท้านสิ่งใด นางกำนัลข้างกายเป่าลมหายใจออกจากปากอย่างโล่งอกมั่นใจในตัวของซูจินไม่น้อย
ตำหนักเย็น“จางจางหลง คารวะย่าหนาน”ย่าหนาน ยิ้มเพียงบางๆ แต่ผินหน้าไปเสียทางอื่นไม่อยากจะมองหน้า จางหลง“ไม่อ้อมค้อมมีเรื่องใดร้อนรนจึงมาถึงนี่”แต่เดิม จางหลงเป็นองค์ชายที่พูดน้อยแม้ย่าหนานจะเลี้ยงดูเขามาแต่แทบจะอ่านใจเขาไม่ออกด้วยซ้ำไป“จางหลงมีเรื่องรบกวน ท่านแม่นม”“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องมาเองฐานะสูงส่ง เรียกให้ข้าไปพบจึงจะง่ายกว่า ว่ามาต้องการสิ่งใด”“ซินเฟย”หันหน้ามอง จางหลงเต็มตา“นางหายออกจากที่นี่ไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า นางอยู่กับฝ่าบาทหรือไร”“ย่าหนาน นางแต่เดิมเป็นสนมของข้า”“หึ หึ สนมที่ถูกโบยปางตายแล้วถูกจับมาโยนทิ้งไว้ที่นี่”“ย่าหนาน ท่านอย่าเพิ่งเอาเรื่องในอดีตมาคิดบัญชีกับข้าตอนนี้นางเป็นตายเท่ากันยาบำรุงเลือดเสด็จย่าบอกว่า ย่าหนานมียาดีชนิดนี้เจียดให้ ข้านำไปป้อนนางบรรเทาอาการบาดเจ็บ”“อย่างไรเสียฝ่าบาทก็คิดว่าย่าหนานใจดำอยู่แล้ว เรื่องที่ไม่ให้ยาจึงไม่เกินความคาดหมาย”จางหลงทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้น“ย่าหนาน แม่นมท่านละความเคียดแค้นเห็นแก่นางสักครั้ง”ย่าหนานตกตะลึงในเมื่อเป็นฮ่องเต้ผู้สูงส่งกับยอมคุกเข่าง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ เผลอยกมือฉุดจางหลงให้ลุกขึ้น“ฝ่าบาทอย่
“รอให้หมอหลวงมาดูอาการอีกทีตอนนี้เจ้าพึ่งจะฟื้นขึ้นมาหากเป็นอะไรไปอยู่ที่ตำหนักเย็น ข้าคงไม่อาจดูแลเจ้า”ซินเฟยหลับตาไล่หยาดน้ำตาที่ไหลรินก่อนจะหันหลังให้จางหลงเเกรงว่าเสียงสะอื้นจะเล็ดลอดออกไปให้เขาได้ยิน“ข้าส่งคนแจ้งข่าวกับย่าหนานว่าเจ้าฟื้นแล้วเพื่อนางจะได้ไม่ต้องห่วง”“ฝ่าบาทหม่อมฉันอยากกลับไปที่ตำหนักเย็น”คำพูดหนักแน่นจริงจัง จางหลงถอนหายใจ นางยังโกรธเขาอยู่ ก็ไม่น่าแปลกกับสิ่งที่เขาให้นางเผชิญเพียงลำพังตลอดหลายเดือนมานี้“เอาไว้หมอหลวงมาดูอาการเจ้าข้าสัญญาว่าจะไม่รั้งเจ้าไว้…..”คำพูดหายไปในลำคอ ใจหายอย่างที่สุดแต่ไม่อาจบอกนางว่าเขาไม่อยากให้นางจากไป เขากับนางจะสิ้นวาสนากัน แค่นี้เช่นนั้นหรือ ในเมื่อเขาสัญญากับย่าหนานว่าจะไม่ย่างกรายไปที่ตำหนักเย็นอีกแล้วหากจะให้นางออกมานางจะยอมทำตามบัญชาเขาหรือไม่ในเมื่อความสัมพันธ์ของเขาและซินเฟยช่างเปราะบางหากเขากดดันนางโดยอาศัย อำนาจใจมือ แล้วหากนางหนีเขาไปเล่าเขาจะทำอย่างไร ไหนจะคนผู้นั้นที่ไม่ทราบที่มาที่ไปคนนั้นผู้ที่ห่วงใยนางเกินใคร เมื่อเขามองสายตาของคนผู้นั้นออกว่ามีนางในใจไม่ต่างจากเขา ลุกขึ้นเดินจากไปซินเฟยหลับตาลงช้าๆ พยายามไล่ค
ไทฮองไทเฮา สาวเท้ายังตำหนักฮ่องเต้ ซินเฟยพยายามลุกจากแท่นนอนเพื่อถวายพระพรฮองเฮา“ไม่ต้องมากพิธี เจ้าบาดเจ็บอยู่”ซินเฟยยิ้มอ่อนหวานด้วยความซาบซึ้งใจ“เข้าใจว่าเจ้าเจ็บซ้ำมามาก แต่เป็นเพราะฮ่องเต้ตอนนั้นไม่เคยรู้ว่าเจ้าจะมีลูก ต่อไปตั้งใจปรนนิบัติฮ่องเต้ข้าเชื่อว่าเจ้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะตั้งครรภ์อีกครั้ง”ซินเฟยได้แต่ยิ้มเศร้าๆ ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปตั้งหลักที่ตำหนักเย็นเสียก่อน“ข้ารู้ดีว่ากว่าจะผ่านมันมาได้เหนื่อยยากเพียงใด แต่เมื่อฮ่องเต้ตั้งใจจะทำเพื่อเจ้า ต่อจากนี้เห็นทีว่าเจ้าจะต้องมองฮ่องเต้เสียใหม่ได้แล้ว”เหมือนกับเข้ามานั่งในใจของซินเฟยพูดปลอบใจและตักเตือนไปพร้อมกันทั้งๆที่ซินเฟยไม่ได้เอ่ยปากสักคำ ไทฮองไทเฮาดีเพียงนี้ ซินเฟยอดที่จะปลาบปลื้มเสียไม่ได้ตั้งแต่ตอนเข้ามาคัดตัวนางในมีไทฮองไทเฮาเท่านั้น ที่คอยให้การชี้แนะในเรื่องต่างๆในวังหลวงจนซินเฟยได้รับการแต่งตั้งเป็นสนมนับว่าทุกอย่างล้วนเป็นไทฮองไทเฮาที่คอยอยู่เบื้องหลัง“ซิยเฟยขอบพระทัยไทฮองไทเฮา ซินเฟยจะจำคำสั่งสอนของไทฮองไทเฮาให้ขึ้นใจ”“เจ้าก็ยังนอบน้อมเช่นเดิม เช่นนี้จึงเหมาะที่จะคอยปรนนิบัติฝ่าบาทไม่เหมือน…”หย
“ฝ่าบาทปล่อยซินเฟยไปเสียเรื่องราวที่ผ่านมาอย่าได้ถือว่าเป็นบุญคุณความแค้น และรู้สึกผิดในเมื่อซินเฟยก็เพียงสนมปลายแถว ฝ่าบาทเองมีเรื่องอื่นมากมายที่สำคัญกว่าการเอาใจสนมเพียงนางเดียว เช่นนั้นปล่อยซินเฟยไปเสีย”“เจ้ายังโกรธข้าอยู่เช่นนั้นหรือ” แววตาหม่นเศร้า“ซินเฟย ไม่อยากโง่งมอีกต่อไปแล้ว ปล่อยซินเฟยไปเสีย” กัดฟันพูดจางหลงคลายอ้อมแขนออก“บางเรื่องเจ้าหาเข้าใจไม่ ข้าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ ข้าพร้อมจะรอเจ้าเสมอ”ซินเฟยขยับตัวอย่างลำบากออกจากตรงนั้นไป จางหลงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นทำไมใจหายเช่นนี้ เพราะเหตุใดกัน“ฝ่าบาทฝ่าบาท เหตุใดต้องใส่ใจนางเพียงนั้นแค่เพียงสนมปลายแถวเช่นนางว่าหากนางไม่เต็มใจที่จะอยู่ ซูจินยินดีหาสนมนางใหม่ที่งดงามอ่อนช้อยกว่านางมากนัก”ซินเฟย หยุดเดินเมื่อได้ยินซูจินพูดถึงซินเฟยต่อหน้าจางหลง“ข้าไม่ได้ต้องการสนมคนใหม่ ข้าเพียงแต่รู้สึกว่า ทำไมเมื่อนางจะไปใจข้าถึงได้เจ็บปวดเช่นนี้” เผลอพูดความในใจในเมื่อตอนนี้หมดหนทางเสียแล้วเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ“ฝ่าบาทซูจินเห็นใจฝ่าบาทเหลือเกิน ซูจินสัญญาจะทำทุกวิถีทางให้นางกลับมา”น้ำเสียงอ่อนโยนแสดงความเห็นใจอย่างเต็มที
จางหลงบ้วนน้ำชาทิ้งก่อนจะลุกจากแท่นนอน เสี่ยวซานลงไปนอนแทนที่ทันที ใช้ผ้าห่มคลุมร่างจนมิดเหมือนกำลังหลับสนิทจางหลงเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดขันที เร้นกายออกมายืนแทนที่เสี่ยวซานซูจินกลับมาอีกครั้ง จางหลงก้มหน้าประสานมือแต่ไม่เอ่ยคำใด“ฝ่าบาทหลับไปแล้วใช่หรือไม่”พยักหน้าก่อนจะผายมือเชิญ“เจ้าไปนอนได้แล้ววันนี้ข้านำสนมคนใหม่มาถวายตัวปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องในห้องบรรทมให้เป็นหน้าที่ของสนมเซียงอี๋”จางหลงพยักหน้าประสานมือก่อนจะหลบออกมา ประตูถูกเปิดออกช้าๆ“เซียงอี๋ เจ้าปรนนิบัติฝ่าบาทให้ดีพรุ่งนี้เช้า ข้าตกรางวัลให้อย่างงามเข้าไปได้แล้ว”“ฮองเฮา เซียงอี๋..เอ่อๆๆ ”“ไม่ต้องกลัวสิ่งใด ฝ่าบาทแต่เดิมก็ ...ไม่เคยสนใจอะไรอยู่แล้วเจ้าเพียงแต่ทำให้ฝ่าบาทลืมเจียงซินเฟยได้…. ก็พอ”จางหลงส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะก้าวขาออกจากตำหนักไปยังตำหนักเย็นตำหนักเย็น“เขาเป็นผู้เดียวที่ข้าไว้ใจและรักดุจลูกในไส้ แต่ในตอนนั้นข้าถูกฮองเฮาลงทัณฑ์เพราะโดนกล่าวหาว่าปรุงยาให้กับจางหลงจนเป็นเหตุให้อยู่qไท่จือในตอนนั้นทรงพระประชวรหนัก ด้วยจางหลงมีพลานามัยอ่อนแออยู่เป็นทุนเดิม ข้ารักเขาเพียงนั้นพวกเจ้าคิดว่าข้าจะปรุงยาพิษให้เขาหรื
ร่างบางที่เปรอะเปื้อนด้วยเลือดที่แผ่นหลัง ถูกโบยจนสลบไสล ผมเผ้าหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงเลือดไหลซึมเป็นทางบนอาภรณ์สีขาว"ทิ้งนางไว้ที่นี่ในตำหนักเย็นแห่งนี้"ร่างโชกเลือดพลิกตัวนอนหงาย กลืนน้ำลายลงคอ คลำที่ท้องของตัวเองไปมา จะตายได้อย่างไรในเมื่อมีลูกอยู่ในท้องตำหนักฮ่องเต้"ฝ่าบาท ย่าได้ยินว่าฮองเฮา สั่งโบยสนมเจียงซินเฟยจนสาหัสถึงร้อยไม้ ก่อนจะลากตัวนางไปไว้ยังตำหนักเย็น นางทำความผิดใดกันจึงถูกลงทัณฑ์รุนแรงปางตายเช่นนั้น"ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นจากกองฎีกา หลายวันมานี้ไม่เคยได้ผ่อนคลายหลายเรื่องราวในราชสำนักมีให้ต้องจัดการไม่เว้นแต่ละวัน เขาเองหาใช่คนที่ชอบเรื่อง รักใคร่จึง เอาเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้งานในราชสำนักจะดีกว่า"เสด็จย่าหมายถึงสนมคนไหน"ก้มหน้าอ่านฎีกาต่อไป"จางหลง นางกำลังตั้งครรภ์"ขันทีหนุ่มขยับกายอย่างอึดอัด"ไว้ หลานส่งคนถามไถ่ฮองเฮาอีกที""จางหลงนางตั้งครรภ์ลูกของเจ้า"สีหน้าเป็นกังวล"เสด็จย่าเรื่องราว ในวังหลังล้วนเป็นฮองเฮาที่จัดการเป็นอำนาจหน้าที่ของนาง ไว้หลานไต่สวนอีกที อีกอย่างหลานจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อนางหรือแม้กระทั่งใบหน้าของนางด้วยซ้ำไป"ไทฮองไทเฮาถอนหายใจยาวเหยียด
คำพูดขาดหายไปในลำคอไม่ได้รู้สึกอะไร แค่เพียงรับรู้อย่างที่เขาคิดว่าควรเป็นเช่นนั้น ซูจินยิ้มบางๆ"ฝ่าบาทวันนี้จะค้างที่ตำหนักชิงหนิงกงหรือว่าต้องการจะเลือกป้าย"เดินเข้าใกล้ซูจินประคองกอด เบาๆ"ค้างที่นี่ ป้ายพรุ่งนี้ข้าค่อยเลือกจะดีกว่าวันนี้ข้าอ่านฎีกามาทั้งวัน รบกวนให้ฮองเฮานวดให้หน่อยจะดีไม่น้อย"ซูจินยิ้ม ก่อนจะซบหน้าลงบนอกกว้าง จางหลงตบที่ไหล่เบาๆอย่างเอาใจ เขาเอาใจใครไม่เป็นกิริยาที่ทำทั้งหมดเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาแปลกไปต่างหากซินเฟย ตะแคลงตัวมองหาหญิงคนเดิม แต่ก็ไม่พบเมื่อฟ้าเริ่มมืดความหนาวเหน็บมาเยือนยกมือขึ้นกอดอกแน่น เพียงครู่เดียวที่หลับตาผ้าฝ้ายฝืนใหญ่ก็ห่มคลุมร่างให้อุ่นสบาย"ลองขยับตัวดูเจ้าต้องเข้าไปข้างในกับข้าแล้วหิมะทำท่าจะตก คงร่วมเสียใจกับเจ้า"ซินเฟยรู้สึกปวดท้องจนแทบทนไม่ไหว เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่ใบหน้า"อาวุโสข้าปวดท้องเหลือเกิน"มือเหี่ยวคลำที่ท้องเป็นก้อนแข็งของซินเฟยไปมา เลือดสีแดงไหลเปรอะเปื้อนเป็นทางลงไปยังเท้าเปลือยเปล่า หญิงชราส่ายศรีษะไปมา"เจ้าคงรักษาเขาไว้ไม่ได้แล้ว"ซินเฟยปล่อยน้ำตาไหลริน สี่เดือนที่เฝ้าฟูมฟักดูแลตัวเองอย่างดี เพื่อมาถึงวัน
ร่างบางใบหน้านิ่งจนเกือบเป็นหม่นหมอง แม้นางจะงดงามจนเขาตกตะลึงทว่าใบหน้ากลับหม่นหมองเศร้าสร้อยร่างบางยังนั่งอยู่หน้าเปลวไฟสีส้ม เขาซ้อนร่างมาอุ้มไว้ร่างเย็นชื้นด้วยหยดน้ำเกาะพร่างพราวกลิ่นพฤษาหอมละมุน ก่อนจะวางนางลงบนแท่นนอนไม่มีท่าทีขัดขืน คงจะถูกสอนมาอย่างดีในวิธีการปรนนิบัติฮ่องเต้เขาสะบัดมือดับไฟที่ส่องสว่าง เป็นเพราะไม่อยากเห็นแววตาเศร้าสร้อยนั้น แต่กระนั้นแสงจันทร์ยังคงส่องลอดลงมา กระทบใบหน้าที่งดงาม ใบหน้าที่งดงามเช่นนั้นหรือหากจะว่าไปใบหน้างดงามของนางยังไม่ตรึงใจเท่าร่างขาวสล้างใต้ร่างเขาที่สะท้อนขึ้นลงหยิกกัดด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ยามเขากระแทกเอวหนาลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเองก็สุขสมจนเกือบจะเผลอเปล่งเสียงร้องครางด้วยความบีบรัดคับแน่นทนไม่ไหว จนถึงกลับต้องบดริมฝีปากกับปากบางของนางแนบแน่นไม่ได้กลัวว่านางจะร้องคราง แต่กลัวว่าตัวเองจะร้องครางให้เขินอายนางเสียเปล่าเฝ้าปรนเปรอนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างลืมตัว ปกติเขามิใช่ผู้ที่ทำเรื่องเช่นนี้เขามักจะร่วมรักกับใครเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วปล่อยตัวเองหลับไหลจนตะวันสายโด่งในวันที่ต้องการผ่อนคลายก็เท่านั้น แต่กับนางเขาพร่ำทำซ้ำๆจนเขาแปลกใจไ