“ฝ่าบาทปล่อยซินเฟยไปเสียเรื่องราวที่ผ่านมาอย่าได้ถือว่าเป็นบุญคุณความแค้น และรู้สึกผิดในเมื่อซินเฟยก็เพียงสนมปลายแถว ฝ่าบาทเองมีเรื่องอื่นมากมายที่สำคัญกว่าการเอาใจสนมเพียงนางเดียว เช่นนั้นปล่อยซินเฟยไปเสีย”“เจ้ายังโกรธข้าอยู่เช่นนั้นหรือ” แววตาหม่นเศร้า“ซินเฟย ไม่อยากโง่งมอีกต่อไปแล้ว ปล่อยซินเฟยไปเสีย” กัดฟันพูดจางหลงคลายอ้อมแขนออก“บางเรื่องเจ้าหาเข้าใจไม่ ข้าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ ข้าพร้อมจะรอเจ้าเสมอ”ซินเฟยขยับตัวอย่างลำบากออกจากตรงนั้นไป จางหลงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นทำไมใจหายเช่นนี้ เพราะเหตุใดกัน“ฝ่าบาทฝ่าบาท เหตุใดต้องใส่ใจนางเพียงนั้นแค่เพียงสนมปลายแถวเช่นนางว่าหากนางไม่เต็มใจที่จะอยู่ ซูจินยินดีหาสนมนางใหม่ที่งดงามอ่อนช้อยกว่านางมากนัก”ซินเฟย หยุดเดินเมื่อได้ยินซูจินพูดถึงซินเฟยต่อหน้าจางหลง“ข้าไม่ได้ต้องการสนมคนใหม่ ข้าเพียงแต่รู้สึกว่า ทำไมเมื่อนางจะไปใจข้าถึงได้เจ็บปวดเช่นนี้” เผลอพูดความในใจในเมื่อตอนนี้หมดหนทางเสียแล้วเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ“ฝ่าบาทซูจินเห็นใจฝ่าบาทเหลือเกิน ซูจินสัญญาจะทำทุกวิถีทางให้นางกลับมา”น้ำเสียงอ่อนโยนแสดงความเห็นใจอย่างเต็มที
จางหลงบ้วนน้ำชาทิ้งก่อนจะลุกจากแท่นนอน เสี่ยวซานลงไปนอนแทนที่ทันที ใช้ผ้าห่มคลุมร่างจนมิดเหมือนกำลังหลับสนิทจางหลงเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดขันที เร้นกายออกมายืนแทนที่เสี่ยวซานซูจินกลับมาอีกครั้ง จางหลงก้มหน้าประสานมือแต่ไม่เอ่ยคำใด“ฝ่าบาทหลับไปแล้วใช่หรือไม่”พยักหน้าก่อนจะผายมือเชิญ“เจ้าไปนอนได้แล้ววันนี้ข้านำสนมคนใหม่มาถวายตัวปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องในห้องบรรทมให้เป็นหน้าที่ของสนมเซียงอี๋”จางหลงพยักหน้าประสานมือก่อนจะหลบออกมา ประตูถูกเปิดออกช้าๆ“เซียงอี๋ เจ้าปรนนิบัติฝ่าบาทให้ดีพรุ่งนี้เช้า ข้าตกรางวัลให้อย่างงามเข้าไปได้แล้ว”“ฮองเฮา เซียงอี๋..เอ่อๆๆ ”“ไม่ต้องกลัวสิ่งใด ฝ่าบาทแต่เดิมก็ ...ไม่เคยสนใจอะไรอยู่แล้วเจ้าเพียงแต่ทำให้ฝ่าบาทลืมเจียงซินเฟยได้…. ก็พอ”จางหลงส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะก้าวขาออกจากตำหนักไปยังตำหนักเย็นตำหนักเย็น“เขาเป็นผู้เดียวที่ข้าไว้ใจและรักดุจลูกในไส้ แต่ในตอนนั้นข้าถูกฮองเฮาลงทัณฑ์เพราะโดนกล่าวหาว่าปรุงยาให้กับจางหลงจนเป็นเหตุให้อยู่qไท่จือในตอนนั้นทรงพระประชวรหนัก ด้วยจางหลงมีพลานามัยอ่อนแออยู่เป็นทุนเดิม ข้ารักเขาเพียงนั้นพวกเจ้าคิดว่าข้าจะปรุงยาพิษให้เขาหรื
“เจ้าเห็นไหมนายหญิงของเจ้าต้องทนทุกข์เช่นไร การที่เราเป็นเพียงสนมปลายแถว ไม่ว่าฝ่าบาทจะโปรดปรานเช่นไรก็ยังปลายแถวอยู่ดี ต่อไปเจ้าคิดเอาเองแล้วกันว่า เจ้าเลือกที่จะสงสารนางหรือว่าจะสอดแนมนาง” เสี่ยวถ้านสะดุ้ง ในเมื่อเพิ่งจะรับก้อนท้องจากฮองเฮาซูจินเมื่อวานที่ผ่านมาให้ช่วยนำความเคลื่อนไหวของ ซินเฟยมาบอกกล่าวกับซูจินเสี่ยวถ้านได้แต่ก้มหน้านิ่ง ย่าหนานมองโลกได้กว้างกว่าเห็นๆ หรือว่าเพียงแค่สงสัย ซินเฟยหลับไปแล้วความจริงเสี่ยวถ้านตั้งใจจะส่งข่าวให้กับซูจิน แต่กลับเดินลัดเลาะไปที่ตำหนักฮ่องเต้เสีย เสี่ยวถ้านเลือกที่จะสงสารนางเสียดีกว่า ในเมื่อบัดนี้เสี่ยวถ้านมีนายหญิงที่ชื่อว่าซินเฟย หากฝ่าบาทไม่ไว้ใจเสี่ยวถ้านเหตุใดต้องเลือกเสี่ยวถ้านมาให้ดูแลพระสนมต่ำชั้นที่น่าสงสารคนนี้ด้วย วังหลวงเรื่องราวแย่งชิงมากมายวกวน จะมีกี่คนที่จริงใจเสี่ยวถ้านขอเป็นหนึ่งในนั้นก็ยังดีจางหลงงัดแผ่นกระเบื้องมุงหลังคาออกมาจนกระทั่งคิดว่าสามารถลอดตัวเข้าไปได้เขาทำอย่างนี้ครั้งแรกตอนอายุ8ขวบ เมื่อย่าหนานย้ายมาอยู่ที่ตำหนักเย็นคืนนั้น จางหลงนอนไม่หลับด้วยทุกคืนจะมีย่าหนานคอยกล่อมนอนแต่เมื่อนางถูกย้ายมาที่นี่เขาจึง
"ฝ่าบาทไปเสีย ไปเสียจากที่นี่"น้ำเสียงเฉยชา จางหลงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น"ไปเสีย"ซินเฟยหลับตาลงช้าๆ จางหลงถอนใจกระแสเสียงเย็นชานั้นทำให้รู้สึกใจหาย สวมอาภรณ์ก่อนจะออกจากห้องของซินเฟย หันหลังพิงประตูห้องด้วยความรู้สึกผิด แว่วเสียงสะอื้นไห้ของซินเฟย ถอนหายใจก่อนจะก้าวเท้ายาวๆ ออกจากตำหนักเย็นทันที ย่าหนานแอบมองอยู่อีกมุมหนึ่งของตำหนักเย็น“ฝ่าบาท เมื่อก่อนเป็นอย่างไรตอนนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น ด้วยลักษณะนิสัยเหมือนฮ่องเต้องค์ก่อนไม่ผิดเพี้ยน รักแต่ไม่อาจปกป้อง”ตำหนักชิงหนิงกง“ท่านลุง”ฮองเฮาย่อตัวอ่อนน้อมต่อหน้าใต้เท้าฟงโดยมิได้ถือยศศักดิ์“555วันนี้ลุงมาคอยฟังข่าวดี”ยิ้มเอียงอาย“ความจริงซูจินจงใจ ปรนนิบัติฝ่าบาทแต่เกรงว่า จะถูกครหา จึงตั้งใจส่งสนมคนใหม่ที่ควบคุลมได้ง่าย จึงจะเหมาะกว่า”“ฝ่าบาท แต่เดิมสนใจแต่เรื่องงานในราชสำนัก อีกทั้งพักนี้รู้สึกว่าจะให้ความสนใจกับสนมซินเฟยคนนั้นเป็นพิเศษลุงเกรงว่าหลานจะพลาดโอกาสให้กำเนิดองค์รัชทายาท”“ฝ่าบาทเชื่อฟังท่านลุงกว่าใคร เรื่องราวในราชสำนักตอนนี้ไม่มีอะไรน่าห่วง อีกทั้งท่านลุงอาสาดูแล ฝ่าบาทจึงวางมือต่อไปภายภาคหน้าย่อม มีโอกาสตักตวงจนพอใจ”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องตอกย้ำ ฝ่าบาทเห็นว่านางสำคัญไม่น้อย”“ฝ่าบาทมีใจให้นาง”ซูจินถอนหายใจ“เดิมไม่เคยมีใจให้หญิงใดมาก่อน ข้าประเมินนางต่ำไป”ดวงจันทร์สุกสว่างบนฟากฟ้า จิวซัวหิ้วไก่ทั้งตัวยืนเหม่อมอง ไม่อาจผ่านเข้าไปในตำหนักเย็น รอให้มืดกว่านี้จึงจะเร้นกายเข้าไปในเมื่อตอนนี้ อยากเห็นหน้าซินเฟยใจแทบขาด แล้วหากหุนหันเข้าไปเล่า“ฝ่าบาท อย่าได้ทำแบบนั้นเลยหากฝ่าบาทเป็นอะไรไป แคว้นเหลี่ยงคงอับปางเป็นแน่”ถอนหายใจยาว“ข้าตั้งใจชวนนางหนีไปกับข้าในค่ำคืนนี้ เจ้าว่านางมีใจให้ข้าบ้างหรือไม่” องครักษ์ขื่อจื้อยิ้มบางๆ“ฝ่าบาทนางเป็นถึงกุ้ยเฟยของฮ่องเต้แคว้นฉิน”จิวซัวเป่าลมออกจากปาก“ข้าจำเป็นต้องลองชวนนางดู ข้าเองไม่อาจตัดใจจากนาง มันเจ็บปวดเกินกว่าที่จะลืมเลือนนางไป”ดึกสงัด จิวซัวทะยานเข้าไปในตำหนักเย็น ทหารองครักษ์ลาดตระเวนผ่านมาพอดี เสียงกระบี่กระทบกันเสียงดังลั่น ซินเฟยออกมาจากห้องเมื่อเห็นเป็นจิวซัวก็ตกใจไม่น้อยคิดไม่ถึงว่าเขาเห็นว่ามีองครักษ์มากมาย เหตุใดยังย่อมเสี่ยงเข้ามาอีก ย่าหนานคว้ากระบี่ข้างฝาเข้าช่วยจิวซัวในทันที กระบี่ในมือของย่าหนานจี้ไปที่คอหอยของหัวหน้าชุดองครักษ์“หนีไป”จิวซัว
“ซูจินถวายพระพรฝ่าบาท เสียนเฟยท่านมาได้อย่างไร”ฮองเฮานวยนาดเข้ามา“ข้าขอตัว อยู่ที่นี่นานเห็นจะเกิดอาการคันไปทั้งตัว” ก้าวขาออกจากตำหนักฮ่องเต้ไม่แม้แต่จะชายตามองซูจิน“แม่นมของฝ่าบาทนางเดิมทีก็อยู่ที่ตำหนักเย็นไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายวุ่นวายเหตุใดวันนี้ถึง ได้ออกมาจากที่แห่งนั้นได้”จางหลงถอนหายใจ ไม่ได้โล่งอกทว่ารู้สึกเสียดายที่ไม่ได้บอกความในใจให้ย่าหนานเข้าใจเขามากขึ้น แบบนี้ยิ่งจะทำให้ย่าหนานยิ่งเข้าใจเขาผิด“ย่าหนาน เป็นดังมารดาของข้า นางจะทำอะไรจะไปไหน ก็ต้องเป็นเรื่องของนาง หากเจ้ายังเป็นฮองเฮาของข้าก็ไม่ควรจะล่วงเกินนาง“ซูจิน รู้สึกชาที่ใบหน้าใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่ซูจินต้องการแล้วไม่ได้บ้าง เดิมย่าหนานไม่เคยมีบทบาทหรือจะเป็นเพราะกุ้ยเฟยคนใหม่กันแน่ที่ทำให้นางมาที่นี่ เช่นนั้นกุ้ยเฟยคนนั้นนับว่าแยบยลว่าใครควรจะเข้าหา“ฝ่าบาทกล่าวเช่นนี้ซูจินหรือจะกล้ากับเสียนเฟย แต่เดิมเป็นนางที่เลี้ยงดูฝ่าบาทมาแต่หากจะสร้างความปั่นป่วนโดยการถือหางกุ้ยเฟยไม่สนใจกฎในวังหลวงคิดเข้าข้างคนผิดเพราะตัวเคยถูกกระทำเช่นนั้นมา จึงผูกใจเจ็บแค้นฟังความข้างเดียว เช่นนั้นฝ่าบาทยังจะยอมนางอยู่หรือไร” จางหลงกั
โรงเตี้ยมนอกวัง“ฝ่าบาทแน่ใจหรือว่านางต้องการที่จะเร้นกายหายไปกับฝ่าบาท”ขื่อจื้ออดที่จะคลางแคลงใจไม่ได้“แม้นางจะไม่อยากเร้นกายไปกับข้า แต่ในเมื่อข้าสามารถทำเพื่อนางพานางออกมาจากตรงนั้นได้นับว่าคุ้มไม่น้อยทีเดียว แม้นางจะไม่ได้มีใจให้ข้าก็ตาม”“อาวุโสย่าหนานส่งข่าวให้ฝ่าบาทรับนางยามจื่อคืนนี้”จิวซัวยิ้มกว้าง แววตาเปล่งประกายสดใส ขื่อจื้อถอนหายใจยาว เรื่องของหัวใจเช่นไรถึงจะห้ามกันได้เสี่ยวถ้านสางผมให้ซินเฟยเบาๆ ก่อนจะเกล้าขึ้นไปข้างบนอย่างดงาม ใบหน้าผุดผาด ย่าหนานเดินเข้ามา ข้างในยื่นปิ่นปักผมทำจากหยกให้เสี่ยวถ้านเสี่ยวถ้านเสียบมันลงบน มวยผมให้กับซินเฟยย่าหนานยิ้มจูงมือซินเฟย ออกไปด้านนอกดวงจันทร์สุกสว่างบนฟากฟ้าเสี่ยวถ้าน หันเดินกลับไปที่วังหลวงช้าๆ ทว่าเมื่อพ้นออกจากสายตาของย่าหนานกับสาวเท้าเร็วรี่ ยังตำหนักของจางหลง ใกล้จะยามจื่อแล้วจางหลงนั่งอ่านฎีกาเสี่ยวซานชงชาร้อนๆ วางตรงหน้า“ฝ่าบาท กุ้ยเฟยกำลังจะไป”เสี่ยวถ้านละล่ำละลักจางหลงเงยหน้าจากกองฎีกาดวงตาเบิกโพลง ก่อนจะถลาออกจากตำหนักไปยังตำหนักเย็นเสี่ยวซานวิ่งตาม“ฝ่าบาท ฝ่าบาท”จางหลงยังคงสาวเท้ายังตำหนักเย็นอย่างไม่ลดละ จิว
ไทฮองไทเฮา พูดขึ้นต่อหน้าพระพักตร์และเหล่าขุนนาง“สามเดือน หมอหลวงเจ้าบอกข้าว่าตรวจครรภ์ของกุ้ยเฟย ในครั้งนั้นก่อนที่นางจะต้องโทษนางตั้งครรภ์ได้กี่เดือน” หมอหลวงกลอกตาไปมาก้มหน้ามองพื้น ก่อนจะประสานมือตรงหน้า“ฝ่าบาททารกในครรภ์ของกุ้ยเฟยอายุได้…. สามเดือน”“แน่ใจหรือไม่ บอกมาบอกความจริงมา”จางหลงคาดคั้น“ฮ่องเต้ ย่าเคยพบกุ้ยเฟยก่อนหน้านั้นทารกในครรภ์ของนาง ขยับตัวได้แล้ว”จางหลงตัวชา รู้สึกถึงโทสะที่พุ่งจนถึงขีดสุด หากเขาจำไม่ผิดในวันที่พบกับซินเฟย เวลาล่วงเลยมาสี่เดือนกว่าเช่นกัน จะโมโหใครหากไม่ใช่ตัวเองที่ไม่ได้ใส่ใจนางทั้งๆที่รู้สึกว่าซินเฟยไม่เหมือนคนอื่น แต่เขากลับลืมเลือนนางไป“ข้าให้โอกาสเจ้าพูดอีกครั้งลูกของข้า ในครรภ์ของกุ้ยเฟยอายุได้เท่าไหร่”หมอหลวงตกใจกับคำว่าลูกของข้าเข่าอ่อนทรุดกายลงกับพื้น ก้มลงคุกเข่าโขกศีรษะลงบนพื้นอย่างแรงไม่รู้สึกเจ็บปวด“ฝ่าบาท ไว้ชีวิตด้วย ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิต”“บอกข้ามา”“สะสะ สี่เดือน”จางหลงทรุดกายลงบนบัลลังก์ ตัวสั่นด้วยความโกรธ“นำตัวหมอหลวงไปประหาร”“ช้าก่อนฮ่องเต้ หากประหารเขาเสียตอนนี้แล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เล่า”ไทฮองไทเฮาทรงท้วงติง“เสด
ซินเฟย ทิ้งตัวลงบนแท่นนอน ความหวานยังซาบซ่านทั่วผิวกาย ลุกขึ้นถอดอาภรณ์หย่อนกายลงแช่น้ำอุ่นให้ซอกซอนเข้าไปในผิวเนื้อสัมผัสอ่อนโยนที่ริมฝีปากยังไม่จางหายไปรอยจุมพิตที่หน้าผาก ฝ่าบาทจะรู้สึกเช่นเดียวกับชินเฟยไหม ยามนี้อยากซุกกายในอ้อมแขนของคนที่นอนกอดก่ายไม่เบื่อ ตอนนี้ไม่ใช่ชินเฟยคนเดิมแล้ว กลายเป็นของเขาผู้นั้นยิ้มด้วยความเขินอายและเป็นสุข ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยลอบมองยามเดินอยู่ห่างเคยคิดว่าหากเป็นของเขาจะรู้สึกเช่นไร บัดนี้ซินเฟยรู้แล้วว่าการที่ได้ นอนร่วมเตียงกับบุรุษที่เคยหลงใหลแล้วเขากลับปรนเปรอสวาทให้มากมายเช่นนั้นเป็นสุขแค่ไหนเวลาล่วงเลยไป เรื่องราวในราชสำนักยัง เป็นจางหลงที่ต้องจัดการอีกทั้งเรื่องของจางเย่าหยางที่ไม่อาจละเลยปล่อยวาง ซินเฟย กินอะไรไม่ได้มาหลายวัส่งเสียงโอ๊กอ๊ากจนผิดสังเกตอีกทั้งร่างกายซุบผอมลงเป็นอันมาก เพียงได้แต่เฝ้ามองจางหลงห่างๆไม่เคยได้เข้าใกล้อีกตั้งแต่นั้นมาไทฮองไทเฮามาถึงพ้องพัก“ตรวจครรถ์ของพระสนมดูว่านางตั้งครรภ์หรือไม่”ไทฮองไทเฮาสั่งนางกำนัลอาวุโสเรื่องนี้ไม่ให้แพร่งพรายจึงไม่เรียกหมอหลวงด้วยหมอหลวงเป็นคนของซูจินนั่นเองนางกำนัลอาวุโสจับตรวจชีพจร ที
จางหลงลูบไล้ใบหน้าเนียนใส นิ้วโป้งกวาดรอบริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะประทับ ริมฝีปากอุ่นไปบนปากนุ่มหอม ราวกับกลีบบุปผา ลิ้นอุ่นซื้นซอกซอนเข้าไปภายใน ควานหาความหวานวุ่นวายเร่งรีบนี่เขาหิวกระหายเพียงนี้เชียวหรือ ทั้งๆที่เหนื่อยกับงานราชสำนักแต่ กลับรู้สึกผ่อนคลายมือใหญ่ปลดดึงอาภรณ์ของซินเฟยออกร่างเล็กขยับหนีด้วยความไม่เคย เขากลับรั้งร่างบางให้แนบชิดลำตัว นางไม่ได้ทำท่าทีหลีกหนีจนเกินงามหรือเสแสร้งจนไม่น่าเชื่อ ทว่าทุกอย่างล้วนออกมาจากส่วนลึก จางหลงแทรกลำตัวลงไปตรงกลางลำตัวของซินเฟยที่บิดหนี ส่งเสียงร้องครางเหมือนจะขอร้องเขาให้หยุดกระทำ เอวหนาขยับเบาๆเหมือนกับการร้องขอของนางได้รับความเห็นใจ ปลายนิ้ว ลูบไล้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดปากอุ่นขบเม้มอ่อนโยนอีกทั้งดูดกลืน เหมือนกลับร่างบางของอีกคนเป็นของหวานเลิศรส ร่างบางสะท้อนขึ้นลงสอดรับประสานกับร่างใหญ่ที่เบียดแทรกความบีบรัดคับแน่นทำเอาจางหลงแทบหยุดหายใจ สุขสมเพียงนี้เชียวหรือกับหญิงที่เขาพึงใจตั้งแต่แรกพบ วงแขนบางกอดรัดเขาเหมือนกลัวว่าเขาจะหนีไปซินเฟยส่งเสียงร้องครางอีกครั้งเมื่อเขาเร่งจังหวะเร็วรัว จางหลงอมยิ้ม “ฝ่าบาท...ได้โปรด” เพียงประโยคเด
ซินเฟยแหงนหน้ามองกำแพงสูงของวังหลวงด้วยรอยยิ้ม น้อยคนที่จะมีโอกาสเข้ามาใช้ชีวิตในนี้“คุณหนูซินเฟย ไทฮองไทเฮาให้เชิญคุณหนูที่ตำหนักไทฮองไทเฮา”ซินเฟยย่อตัวยิ้มน้อยๆก่อนจะตามนางกำนัลไป ไทฮองไทเฮาที่มีใบหน้าเหมือนจะแย้มยิ้มได้เสมอ แววตาอ่อนโยนจ้องมองซินเฟยที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า“เงยหน้าของเจ้าให้ข้าดูชัดๆ”“เพคะ” ขยับตัวเงยหน้าใ่ห้ไทฮองไทเฮาได้ยลโฉม“งดงามที่สุด ข้ามองเจ้าตั้งแต่ก้าวเข้าประตูวังมา งดงามอ่อนหวานเช่นนี้จึงเหมาะที่จะเป็นผู้ที่อยู่เคียงข้างหลานข้า”“แต่ไทฮองไทเฮานางเป็เพียงผู้คัดตัวนางในที่สอบผ่านเข้ามาหาใช่ลูกขุนนาง ในตระกูลใด”“ข้ามิได้ต้องการลูกขุนนางใหญ่ตระกูลใดมาวางกล้ามในวังหลวง แต่ข้าต้องการใครสักคนที่จะปรนนิบัติฮ่องเต้และ มีโอรสธิดาสำหรับหลานข้า”“ดูแลนางให้ดีต่อจากนี้เจียงซินเฟยต้องคอยมารับใช้ที่ตำหนักไทฮองไทเฮา”ซินเฟยก้มลงคุกเข่ากับพื้นการฝึกในแบบนางในที่เข้มงวดไม่เคยแม้จะได้หลับเต็มตื่นหรือ ทำตัวตามสบาย“ร่างกายของเจ้ายังผุดผ่องในเมื่อข้าให้นางในอาวุโสตรวจภายในของเจ้า เช่นนั้นนับจากนี้ไปอีกสามคืนจึงเหมาะแก่การเข้าเฝ้าฮ่องเต้ หากโชคเป็นของเจ้าสวรรค์เมตตาจึงจะมี
“จางหยวน เคร่งขรึมแต่จริงใจ ไม่เสียทีที่เป็นลูกของข้าเขานับว่าเป็นผู้นำได้ดีไม่น้อย”“แล้วองค์หญิงเล่า“ซินฟางเอาแต่ใจ เจ้าเล่ห์แสนกล ไม่เหมือนเจ้าสักนิดอีกทั้งยังไม่เหมือนใครแต่เขาก็ทำให้เราสองคนยิ้มได้”“นางเหมือนฝ่าบาทไม่น้อยอย่างน้อยเมื่อผิดก็รู้จักขอโทษและทำคุณไถ่โทษ”“เพราะรักข้าจึงรู้สึกผิด และไม่อยากให้เจ้ามองข้าผิดๆ แม้จะต้องแลกมาด้วยทุกอย่างก็ตามขอเพียงมีเจ้าข้างกายได้กอดก่ายเจ้าอย่างนี้ทุกวันคืนก็เพียงพอแล้ว”“พบกันเพียงครั้งเดียวฝ่าบาทจะรักได้อย่างไร”“เจ้าเชื่อในรักแรกพบไหมแววตาเศร้าสร้อยของเจ้า ทำเอาข้าดวงใจสั่นไหวในคืนแรกนั้น”ซินเฟยยิ้มเขินอาย จะกี่วันผ่านจะกี่ปีเคลื่อนคล้อย จางหลงยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเชยคางมนขึ้นมาสบตา จุมพิตหวานกว่าที่เคยหวาน อ้อมกอดอบอุ่นเหมือนเดิมแววตาเปลี่ยนไปกลายเป็นแววตาที่แสดงความรักใคร่อย่างที่สุด“ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ไม่ว่าเจ้าจะอุ่นเตียงให้ข้ากี่ครั้ง ข้าก็ยังไม่เคยจะเบื่อหน่ายมัน เช่นนั้นคืนนี้ เจ้าต้องทนอดนอนเสียหน่อย”โน้มร่างบางลงบนแท่นนอนช้าๆ จุมพิตที่ปากบาง บดขยี้อ่อนหวานเชิญชวนมืออุ่นซอกซอนเข้าไปใต้ร่มผ้าบีบรัดคลึงเคล้า ริมฝีปากก็ท
เสียงบางอย่างแหวกอากาศมาก่อนที่มีดสั้นของจิวซัวจะทำให้ขวดยาพิษร่วงลง แตกละเอียดกับพื้น กระบี่ในมือจิวซัวฟาดฟันทหารรอบกายจางหลง โยนกระบี่ในมือให้กับจางหลง ที่เอื้อมมือคว้ามันก่อนจะหันคมกระบี่เข้าใส่จางเย่าหยางเสียบเข้ากลางอกทะลุขั้วหัวใจจางเย่าหยางสะอึกแรงๆ เลือดสีแดงสดไหลออกจากปาก ปล่อยซินเฟยจากอ้อมกอด จางหลงคว้าร่างบางมากอดแนบอก เลือดหยดรินออกจากคมกระบี่สีแดงหยดลงพื้น ซินเฟยซบหน้าลงบนอกกว้างของจางหลง เสี่ยวซาน จิวซัวช่วยกันพยุงย่าหนาน“ตามหมอหลวง”เสียงตะโกนของจางหลง หทารของจิวซัวและจางหลงสามารถจัดการกับทหารของ จางเย่าหยางจนสิ้น ซินเฟยปาดน้ำตากุมมือย่าหนานไว้แน่น“ฮองเฮาดูแลตัวเอง ต่อจากนี้ไม่มีย่าหนาน มีเพียงฝ่าบาทที่จะคอยเป็นดังทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากนี้”“ไม่ไม่ไม่ ไท่เฟย ท่านต้องไม่เป็นอะไร ”ย่าหนายิ้มเศร้าๆ“ฮ่องเต้ ที่ผ่านมาเป็นข้าเองที่เอาแต่ใจฝ่าบาทไม่ผิด แม้ข้าจะอยากดีกับฝ่าบาทเพียงใดแต่เป็นเพราะความเอาแต่ใจไร้เหตุผลของตัวข้า ที่ทำให้ฝ่าบาทต้องพบกับความเจ็บซ้ำ”“ไท่เฟยท่านหยุดพูดได้แล้วหมอหลวงกำลังมา เมื่อท่านรักษาอาการบาดเจ็บหายดีแล้ว จางหลงจะนั่งฟังท่านบ่นด่าได้ทั้งวัน”ส่า
ซินเฟยในอาภรณ์สีแดงมงคลชายผ้ายาวเหยียด ข้างกายย่าหนานจับมือไว้มั่น รอยยิ้มปลาบปลื้มใจปรากฏที่ริมฝีปากของย่าหนาน“ยิ้มเข้าไว้ยิ้มรับความสุข และสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับ”เสียงกระซิบข้างหูเมื่อจูงมือซินเฟยเดินตามทางเดินทอดยาวสองข้างทางเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารเนืองเเน่นร่วมแสดงความยินดี จางหลงก้าวลงมาจากบันไดขั้นสูงสุดรอรับซินเฟย ย่าหนานส่งมือของซินเฟยวางบนมือของจางหลง“ขอบคุณไท่เฟยที่ดูแลปกป้องนาง จนกระทั่งมีวันนี้ วันที่ท่านส่งมอบนางกลับคืนให้ข้าอีกครั้ง”“ฝ่าบาทจะดูแลนางอย่างดี และปกป้องนางอย่างดีจากนี้ไปใช่ไหม ไม่ให้นางต้องพบกับความขมขื่นเช่นข้า สัญญาได้ไหม”“ข้าสัญญา ไท่เฟยต่อนี้ท่านอย่าได้กังวลข้าจะมีนางคนเดียวตลอดไป” รอยยิ้มปรากฎทั่วทั้งใบหน้าของคนทั้งสามมงกุฎของฮองเฮาถูกสวมลงบนศีรษะของซินเฟยโดยจางหลง ตราหยกประทับของฮองเฮาเป็นใต้เท้าฉีที่ยื่นให้จางหลงมอบให้กับซินเฟย เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังไปทั่วบริเวณจางหลงหันมาสบตาซินเฟยด้วยความรักเต็มเปี่ยม“ต่อแต่นี้ เจ้าจะเป็นฮองเฮาของข้าคนเดียวไม่ว่าเจ้าจะผ่านทุกข์เข็ญอะไรมาข้าพร้อมชดเชยให้เจ้า”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ซินเฟยย่อตัวลงช้าๆ จางหลงจ
จางเย่าหยาง กลับไปที่ดินแดนทางเหนือด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้“ท่านอ๋องอีกไม่กี่วันเหมาะที่จะลงมือด้วยแคว้นฉินจะมีงานมงคล”“งานมงคลใดกัน” คนสนิท ลังเลไม่อยากจะตอบ“จางหลงฮ่องเต้แต่งตั้งฮองเฮาคนใหม่ และไท่เฟยในเวลาเดียวกัน หลังจากที่สั่งประหารใต้เท้าฟง และอดีตฮองเฮาซูจินที่ได้รับผ้าขาว”“จางหลงเดิมข้ามองว่าเขาช่างโง่งมจิตใจอ่อนแอ มุ่งเน้นแต่จะผ่อนปรนแต่ครั้งนี้กลับเชือดไก่ให้ลิงดู”“คงตั้งใจให้ท่านอ๋องได้เห็นว่าเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้”“ดี ข้าก็ต้องการเห็นเช่นนั้นเหมือนกัน เตรียมทัพของเราให้พร้อมออกเดินทางทันที”วังหลวงแคว้นเหลี่ยงอิ่นเซียงในชุดฮองเฮาสีแดงสด ปักเลื่อมลายหงส์งดงาม นั่งนิ่งอยู่บนแท่นนอนดัง ไร้ชีวิตจิวซัว เอื้อมมือเปิดผ้าคลุมหน้าขึ้นช้าๆ น้ำตาที่เอ่ออยู่กับไหลรินเป็นสายจิวซัว ตื่นตะลึงกับหยาดน้ำตานั้นกอดรวบร่างบาง ไว้แน่นซุบหยาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน“ทำเช่นไรเจ้าจึงจะหายโกรธข้าเสียที”จูบซับน้ำตาให้เบาๆ อิ๋นเซียงไม่ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าสมยอม“ฝ่าบาทไม่ได้มี อิ๋นเซียงในใจทำเรื่องใดก็ไม่เป็นผล”“หากข้าจะบอกว่าในตอนนี้ข้ามีเจ้าเต็มหัวใจเล่า”เสียงสะอื้นไห้ ดังขึ้นทันที“ใ
“พระนางเพียงแค่ให้ข้าเป็นแพะรับบาป กุ้ยเฟยไม่ได้มีความผิดใดใดอีกทั้งในตอนที่เข้ามาอยู่ในวังหลวงนางนับว่ามีกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน ในตอนนั้นใครๆ ก็ต่างรู้ดีว่านางกลับจากปรนนิบัติฝ่าบาทได้ไม่นานก็เกิดอาการแพ้ท้องเรื่องจึงแพร่กระจายออกไปพระนางรู้ดีแก่ใจว่าในท้องของนางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท พระนางจึง ใส่ร้ายกุ้ยเฟยไม่สอบสวน ประหารองครักษ์ผู้นั้นกับมือแล้วสั่งโบยนาง”“ซินเฟยนางสมควรตาย ข้าน่าจะโบยนางเองกับมือจะได้ตายไปทั้งแม่ทั้งลูก”“ในวังหลังพวกเราต่างรู้ดีว่าหากใครที่เข้าไปปรนนิบัติฝ่าบาท ต่อเมื่อเช้าของอีกวันจะต้องถูกจับตัวไปสวนล้างจนหมดจด ไม่มีสักคนที่จะตั้งครรภ์ แต่กุ้ยเฟยเป็นคนเดียวที่ไม่ถูกสวนล้างอย่างสนมคนอื่น จึงไม่แปลกที่ในท้องของนางจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท”“ยอมรับผิดเสียเถอะพระนาง ความผิดของพระนางมากมายจน ฝ่าบาททรง ประทานผ้าขาว และยาขวดนี้”ใต้เท้าฟง ยกผ้าขาวกับยาขวดเล็กมาวางบนโต๊ะ“ข้าไม่เอาไม่ดื่มยาพิษ นี่เวรกรรมกำลังตามข้าทันใช่หรือไม่ ไทฮองไทเฮาข้าไม่ได้วางยาพิษข้าอุตส่าห์ใจดี ให้ไทฮองไทเฮาหลับอย่างสบายไม่ต้องตื่นมาอีกเพราะไทฮองไทเฮา เข้าข้างซินเฟยหาทางจับผิด
ซินเฟยลืมตาฟื้นขึ้นมาจากอาการบาดเจ็บ เหลือบตามองไปทั่วบริเวณไล่ความมึนงง จางหลงนั่งกุมมือส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“เจ้าฟื้นแล้ว”“ฝ่าบาทซินเฟยกลับมาที่นี่แล้วใช่ไหม”“ข้าพาเจ้ากลับมาที่วังหลวง”“แล้วเรื่องศึกกับแคว้นเหลี่ยง”จางหลงยิ้ม“ต้อง ขอบใจเจ้าเป็นเพราะเจ้า ฮ่องต้แคว้นเหลี่ยงยอมถอนทัพเชื่อมสัมพันธ์กับแค้วนฉินเพราะเจ้า”ซินเฟยยิ้มบางๆ“อาการของซินเฟยดีขึ้นแล้ว จะได้กลับไปที่ตำหนักเย็นเสียที”“ใครให้เจ้าไปกัน เมื่อเจ้าหายดีอยู่ด้วยกันที่นี่ข้ามีบางอย่างอยากให้เจ้าเห็นให้เจ้ารับรู้ถึงความจริงใจของข้า”ซินเฟยหันหน้าหนีไม่อยากให้จางหลงเห็นหยาดน้ำตาที่ไหลริน ความน้อยเนื้อต่ำใจ แล่นขึ้นมาจุกที่อกกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทั้งถูกโบยและนอนเจ็บเจียนตายไร้เงาของจางหลงตำหนักชิงหนิงกง“ปล่อยข้าไปเสียที ข้าเบื่อเต็มทนแล้วใครขว้างข้า เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่หรือไร”ซูจินตะโกนเสียงดังเหมือนคนกำลังจะบ้าคลั่ง“ออกไปไม่ได้นี่เป็นบัญชาของฝ่าบาท”“ข้าอยากพบฝ่าบาท ข้าจะออกไปหาฝ่าบาท” วิ่งถลาออกจากห้องแต่ถูกองครักษ์และขันทีช่วยกันจับตัวไว้“พวก เจ้ายังอาจมาขว้างข้าไว้ ตำแหน่งฮองเฮาของข้าไม่มีความหมายหรือไร