ไทฮองไทเฮา สาวเท้ายังตำหนักฮ่องเต้ ซินเฟยพยายามลุกจากแท่นนอนเพื่อถวายพระพรฮองเฮา
“ไม่ต้องมากพิธี เจ้าบาดเจ็บอยู่”
ซินเฟยยิ้มอ่อนหวานด้วยความซาบซึ้งใจ
“เข้าใจว่าเจ้าเจ็บซ้ำมามาก แต่เป็นเพราะฮ่องเต้ตอนนั้นไม่เคยรู้ว่าเจ้าจะมีลูก ต่อไปตั้งใจปรนนิบัติฮ่องเต้ข้าเชื่อว่าเจ้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะตั้งครรภ์อีกครั้ง”
ซินเฟยได้แต่ยิ้มเศร้าๆ ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปตั้งหลักที่ตำหนักเย็นเสียก่อน
“ข้ารู้ดีว่ากว่าจะผ่านมันมาได้เหนื่อยยากเพียงใด แต่เมื่อฮ่องเต้ตั้งใจจะทำเพื่อเจ้า ต่อจากนี้เห็นทีว่าเจ้าจะต้องมองฮ่องเต้เสียใหม่ได้แล้ว”เหมือนกับเข้ามานั่งในใจของซินเฟย
พูดปลอบใจและตักเตือนไปพร้อมกันทั้งๆที่ซินเฟยไม่ได้เอ่ยปากสักคำ ไทฮองไทเฮาดีเพียงนี้ ซินเฟยอดที่จะปลาบปลื้มเสียไม่ได้ตั้งแต่ตอนเข้ามาคัดตัวนางในมีไทฮองไทเฮาเท่านั้น ที่คอยให้การชี้แนะในเรื่องต่างๆในวังหลวงจนซินเฟยได้รับการแต่งตั้งเป็นสนมนับว่าทุกอย่างล้วนเป็นไทฮองไทเฮาที่คอยอยู่เบื้องหลัง
“ซิยเฟยขอบพระทัยไทฮองไทเฮา ซินเฟยจะจำคำสั่งสอนของไทฮองไทเฮาให้ขึ้นใจ”
“เจ้าก็ยังนอบน้อมเช่นเดิม เช่นนี้จึงเหมาะที่จะคอยปรนนิบัติฝ่าบาทไม่เหมือน…”
หยุดคำพูดไว้แค่นั้นซินเฟยได้แต่ยิ้มบางๆ
ไทฮองไทเฮาจากไปหมอหลวงเข้ามาตรวจอาการ จางหลงไม่ได้อยู่ที่นั่นมีเพียงเสี่ยวซานที่คอยมาต้อนรับหมอหลวง ซินเฟยนึกแปลกใจยิ่งนักว่าจางหลงไปไหนแต่เมื่อคิดขึ้นได้ว่า แต่เดิมเขาเองก็ไม่เคยใส่ใจใครอยู่แล้ว
“เสี่ยวถ้านดูแลพระสนมข้าจะนำเรื่องอาการของพระสนมไปรายงานฝ่าบาท”
เสี่ยวซานสั่งนางกำนัลข้างกาย เสี่ยวถ้านที่ยิ้มน้อยๆรับคำ
ซินเฟยขยับตัวชันกายลุกขึ้น
“เสี่ยวถ้านข้าอยากกลับไปที่ตำหนักเย็น เจ้าช่วยพาข้าไปที่นั่นหน่อยได้ไหม”
“พระสนม..เอ่อ ๆ ฝ่าบาทให้ข้าน้อยดูแลพระสนม”
“เขาให้เจ้ามาคอยเฝ้าข้าใช่ไหมหาใช่ดูแล ข้าทำผิดใดกันจึงต้องให้คนมาคอยเฝ้าไว้ไม่ให้หนี”
เสี่ยวถ้านส่ายหน้าไปมา คุกเข่าลงกับพื้น
“พระสนม โปรดอย่าได้โมโหไปฝ่าบาทส่งข้าน้อยมาดูแลพระสนมจริงๆ เพียงแต่ว่า หากจะไปตอนนี้….เกรงว่าฝ่าบาทกลับมาจะทรงกริ้ว ฝ่าบาททรงห่วงใยพระสนมไม่น้อย”
คำพูดของเสี่ยวถ้านช่างเสียดแทงจิตใจ ห่วงใยเช่นนั้นหรือซินเฟยยิ้มหยันให้กับตัวเอง
“ช่างเขา เพียงแค่เขาสำนึกผิดก็แค่นั้น ลูกในท้องข้าที่เสียไปบางทีอาจไม่ใช่ลูกของเขาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องทำดีกับข้าขนาดนั้นและข้าก็ไม่ต้องการอยู่ใกล้ชิดฝ่าบาทอีกแล้ว”
หัวใจแหลกสลายไปตั้งแต่สูญเสียลูกในครรภ์อีกทั้งตอนที่ถูกโบยตีเจ็บปวดจนแทบขาดใจ คนที่ซินเฟยอยากพบที่สุดกลับเป็นจางหลงที่จะมาช่วยถอนบัญชายกเลิกการโบยที่แสนจะเจ็บปวดทรมานนั้นเสีย แต่ก็ไร้ซึ่งเงาทั้งๆที่ตอนนั้นเฝ้านับจำนวนไม้ที่กระหน่ำลงบนแผ่นหลัง ในใจหวังว่าคงไม่มีทางที่ซินเฟยจะถูกโบยถึงร้อยทีเขาต้องมา
แต่ในที่สุดความหวังก็เป็นเพียงความว่างเปล่าในเมื่อตระหนักดีว่า หากเขาจำซินเฟยได้คงไม่ปล่อยให้อุ้มท้องเดียวดายถึงสี่เดือน ตอนนี้เขากับจะมาทำคุณไถ่โทษ
ขยับตัวลงจากแท่นบรรทมเพียงลำพัง เสี่ยวถ้านถอนหายใจก่อนจะรีบเข้ามาพยุงซินเฟย
“เจ้าส่งข้าที่ตำหนักเย็นแล้วไปเสีย”
“เสี่ยวถ้านจะไปไหนได้ในเมื่อ ถูกสั่งให้มาคอยดูแลพระสนม”
“ข้าอยู่ที่ตำหนักเย็นไม่จำเป็นต้องมีนางกำนัลที่นั่นข้าดูแลตัวเองได้” แค้นแทบขาดใจเช่นนั้นหรือ น้ำค้างแข็งเหน็บหนาวยังไม่หนาวเหน็บเท่ากับความคิดของซินเฟยในตอนนี้
เสี่ยวถ้านจำต้องพยุงซินเฟยที่บาดเจ็บไปยังตำหนักเย็น
ซูจิน เดินชมสวนอยู่บนทางเดินที่ทอดยาวไปตำหนักเย็นจะหลบหลีกซูจินได้อย่างไร ภาพความทรงจำเก่าผุดเข้ามาในสมอง
องครักษ์ผู้ตกเป็นจำเลยในมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับซินเฟย คุกเข่าเบื้องหน้าดวงตาตื่นกลัวซูจินชักดาบข้างกายองครักษ์ ฟันฉับเข้าที่ลำคอขององครักษ์โชคร้ายคนนั้น ซินเฟยได้แต่หลับตาสนิทเพียงเพื่อไม่ต้องเห็นภาพน่ากลัวนั้น
“ชั่วร้ายโบยนางร้อยทีให้สมกับความผิดของนาง”
“ฝ่าบาทปล่อยซินเฟยไปเสียเรื่องราวที่ผ่านมาอย่าได้ถือว่าเป็นบุญคุณความแค้น และรู้สึกผิดในเมื่อซินเฟยก็เพียงสนมปลายแถว ฝ่าบาทเองมีเรื่องอื่นมากมายที่สำคัญกว่าการเอาใจสนมเพียงนางเดียว เช่นนั้นปล่อยซินเฟยไปเสีย”“เจ้ายังโกรธข้าอยู่เช่นนั้นหรือ” แววตาหม่นเศร้า“ซินเฟย ไม่อยากโง่งมอีกต่อไปแล้ว ปล่อยซินเฟยไปเสีย” กัดฟันพูดจางหลงคลายอ้อมแขนออก“บางเรื่องเจ้าหาเข้าใจไม่ ข้าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ ข้าพร้อมจะรอเจ้าเสมอ”ซินเฟยขยับตัวอย่างลำบากออกจากตรงนั้นไป จางหลงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นทำไมใจหายเช่นนี้ เพราะเหตุใดกัน“ฝ่าบาทฝ่าบาท เหตุใดต้องใส่ใจนางเพียงนั้นแค่เพียงสนมปลายแถวเช่นนางว่าหากนางไม่เต็มใจที่จะอยู่ ซูจินยินดีหาสนมนางใหม่ที่งดงามอ่อนช้อยกว่านางมากนัก”ซินเฟย หยุดเดินเมื่อได้ยินซูจินพูดถึงซินเฟยต่อหน้าจางหลง“ข้าไม่ได้ต้องการสนมคนใหม่ ข้าเพียงแต่รู้สึกว่า ทำไมเมื่อนางจะไปใจข้าถึงได้เจ็บปวดเช่นนี้” เผลอพูดความในใจในเมื่อตอนนี้หมดหนทางเสียแล้วเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ“ฝ่าบาทซูจินเห็นใจฝ่าบาทเหลือเกิน ซูจินสัญญาจะทำทุกวิถีทางให้นางกลับมา”น้ำเสียงอ่อนโยนแสดงความเห็นใจอย่างเต็มที
จางหลงบ้วนน้ำชาทิ้งก่อนจะลุกจากแท่นนอน เสี่ยวซานลงไปนอนแทนที่ทันที ใช้ผ้าห่มคลุมร่างจนมิดเหมือนกำลังหลับสนิทจางหลงเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดขันที เร้นกายออกมายืนแทนที่เสี่ยวซานซูจินกลับมาอีกครั้ง จางหลงก้มหน้าประสานมือแต่ไม่เอ่ยคำใด“ฝ่าบาทหลับไปแล้วใช่หรือไม่”พยักหน้าก่อนจะผายมือเชิญ“เจ้าไปนอนได้แล้ววันนี้ข้านำสนมคนใหม่มาถวายตัวปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องในห้องบรรทมให้เป็นหน้าที่ของสนมเซียงอี๋”จางหลงพยักหน้าประสานมือก่อนจะหลบออกมา ประตูถูกเปิดออกช้าๆ“เซียงอี๋ เจ้าปรนนิบัติฝ่าบาทให้ดีพรุ่งนี้เช้า ข้าตกรางวัลให้อย่างงามเข้าไปได้แล้ว”“ฮองเฮา เซียงอี๋..เอ่อๆๆ ”“ไม่ต้องกลัวสิ่งใด ฝ่าบาทแต่เดิมก็ ...ไม่เคยสนใจอะไรอยู่แล้วเจ้าเพียงแต่ทำให้ฝ่าบาทลืมเจียงซินเฟยได้…. ก็พอ”จางหลงส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะก้าวขาออกจากตำหนักไปยังตำหนักเย็นตำหนักเย็น“เขาเป็นผู้เดียวที่ข้าไว้ใจและรักดุจลูกในไส้ แต่ในตอนนั้นข้าถูกฮองเฮาลงทัณฑ์เพราะโดนกล่าวหาว่าปรุงยาให้กับจางหลงจนเป็นเหตุให้อยู่qไท่จือในตอนนั้นทรงพระประชวรหนัก ด้วยจางหลงมีพลานามัยอ่อนแออยู่เป็นทุนเดิม ข้ารักเขาเพียงนั้นพวกเจ้าคิดว่าข้าจะปรุงยาพิษให้เขาหรื
ร่างบางที่เปรอะเปื้อนด้วยเลือดที่แผ่นหลัง ถูกโบยจนสลบไสล ผมเผ้าหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงเลือดไหลซึมเป็นทางบนอาภรณ์สีขาว"ทิ้งนางไว้ที่นี่ในตำหนักเย็นแห่งนี้"ร่างโชกเลือดพลิกตัวนอนหงาย กลืนน้ำลายลงคอ คลำที่ท้องของตัวเองไปมา จะตายได้อย่างไรในเมื่อมีลูกอยู่ในท้องตำหนักฮ่องเต้"ฝ่าบาท ย่าได้ยินว่าฮองเฮา สั่งโบยสนมเจียงซินเฟยจนสาหัสถึงร้อยไม้ ก่อนจะลากตัวนางไปไว้ยังตำหนักเย็น นางทำความผิดใดกันจึงถูกลงทัณฑ์รุนแรงปางตายเช่นนั้น"ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นจากกองฎีกา หลายวันมานี้ไม่เคยได้ผ่อนคลายหลายเรื่องราวในราชสำนักมีให้ต้องจัดการไม่เว้นแต่ละวัน เขาเองหาใช่คนที่ชอบเรื่อง รักใคร่จึง เอาเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้งานในราชสำนักจะดีกว่า"เสด็จย่าหมายถึงสนมคนไหน"ก้มหน้าอ่านฎีกาต่อไป"จางหลง นางกำลังตั้งครรภ์"ขันทีหนุ่มขยับกายอย่างอึดอัด"ไว้ หลานส่งคนถามไถ่ฮองเฮาอีกที""จางหลงนางตั้งครรภ์ลูกของเจ้า"สีหน้าเป็นกังวล"เสด็จย่าเรื่องราว ในวังหลังล้วนเป็นฮองเฮาที่จัดการเป็นอำนาจหน้าที่ของนาง ไว้หลานไต่สวนอีกที อีกอย่างหลานจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อนางหรือแม้กระทั่งใบหน้าของนางด้วยซ้ำไป"ไทฮองไทเฮาถอนหายใจยาวเหยียด
คำพูดขาดหายไปในลำคอไม่ได้รู้สึกอะไร แค่เพียงรับรู้อย่างที่เขาคิดว่าควรเป็นเช่นนั้น ซูจินยิ้มบางๆ"ฝ่าบาทวันนี้จะค้างที่ตำหนักชิงหนิงกงหรือว่าต้องการจะเลือกป้าย"เดินเข้าใกล้ซูจินประคองกอด เบาๆ"ค้างที่นี่ ป้ายพรุ่งนี้ข้าค่อยเลือกจะดีกว่าวันนี้ข้าอ่านฎีกามาทั้งวัน รบกวนให้ฮองเฮานวดให้หน่อยจะดีไม่น้อย"ซูจินยิ้ม ก่อนจะซบหน้าลงบนอกกว้าง จางหลงตบที่ไหล่เบาๆอย่างเอาใจ เขาเอาใจใครไม่เป็นกิริยาที่ทำทั้งหมดเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาแปลกไปต่างหากซินเฟย ตะแคลงตัวมองหาหญิงคนเดิม แต่ก็ไม่พบเมื่อฟ้าเริ่มมืดความหนาวเหน็บมาเยือนยกมือขึ้นกอดอกแน่น เพียงครู่เดียวที่หลับตาผ้าฝ้ายฝืนใหญ่ก็ห่มคลุมร่างให้อุ่นสบาย"ลองขยับตัวดูเจ้าต้องเข้าไปข้างในกับข้าแล้วหิมะทำท่าจะตก คงร่วมเสียใจกับเจ้า"ซินเฟยรู้สึกปวดท้องจนแทบทนไม่ไหว เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่ใบหน้า"อาวุโสข้าปวดท้องเหลือเกิน"มือเหี่ยวคลำที่ท้องเป็นก้อนแข็งของซินเฟยไปมา เลือดสีแดงไหลเปรอะเปื้อนเป็นทางลงไปยังเท้าเปลือยเปล่า หญิงชราส่ายศรีษะไปมา"เจ้าคงรักษาเขาไว้ไม่ได้แล้ว"ซินเฟยปล่อยน้ำตาไหลริน สี่เดือนที่เฝ้าฟูมฟักดูแลตัวเองอย่างดี เพื่อมาถึงวัน
ร่างบางใบหน้านิ่งจนเกือบเป็นหม่นหมอง แม้นางจะงดงามจนเขาตกตะลึงทว่าใบหน้ากลับหม่นหมองเศร้าสร้อยร่างบางยังนั่งอยู่หน้าเปลวไฟสีส้ม เขาซ้อนร่างมาอุ้มไว้ร่างเย็นชื้นด้วยหยดน้ำเกาะพร่างพราวกลิ่นพฤษาหอมละมุน ก่อนจะวางนางลงบนแท่นนอนไม่มีท่าทีขัดขืน คงจะถูกสอนมาอย่างดีในวิธีการปรนนิบัติฮ่องเต้เขาสะบัดมือดับไฟที่ส่องสว่าง เป็นเพราะไม่อยากเห็นแววตาเศร้าสร้อยนั้น แต่กระนั้นแสงจันทร์ยังคงส่องลอดลงมา กระทบใบหน้าที่งดงาม ใบหน้าที่งดงามเช่นนั้นหรือหากจะว่าไปใบหน้างดงามของนางยังไม่ตรึงใจเท่าร่างขาวสล้างใต้ร่างเขาที่สะท้อนขึ้นลงหยิกกัดด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ยามเขากระแทกเอวหนาลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเองก็สุขสมจนเกือบจะเผลอเปล่งเสียงร้องครางด้วยความบีบรัดคับแน่นทนไม่ไหว จนถึงกลับต้องบดริมฝีปากกับปากบางของนางแนบแน่นไม่ได้กลัวว่านางจะร้องคราง แต่กลัวว่าตัวเองจะร้องครางให้เขินอายนางเสียเปล่าเฝ้าปรนเปรอนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างลืมตัว ปกติเขามิใช่ผู้ที่ทำเรื่องเช่นนี้เขามักจะร่วมรักกับใครเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วปล่อยตัวเองหลับไหลจนตะวันสายโด่งในวันที่ต้องการผ่อนคลายก็เท่านั้น แต่กับนางเขาพร่ำทำซ้ำๆจนเขาแปลกใจไ
"ข้าอยู่เสียจนชิน มีความสุขในความเดียวดาย นานครั้งถึงจะมีสหายเก่าแวะเวียนมา เจ้าไม่เหมาะกับตำหนักเย็น""ข้าทำผิดร้ายแรงวังหลวงยิ่งไม่เหมาะกับข้า""เจ้ารู้ดีว่าเจ้าผิดหรือไม่ แต่หากมีคนเชื่อว่าผิดก็ต้องถูกลงทัณฑ์เมื่อลงทัณฑ์ไปแล้วถือว่าความผิดของเจ้าจบสิ้นกันไป หากเจ้าไม่ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหม่การเข้าไปอยู่ในวังหลังอีกครั้งจึงนับว่าไม่ผิดและกระทำได้เพราะเจ้าถูกโบยจนครบร้อยทีไปแล้ว"ซินเฟยนิ่ง กลับไปเพื่ออะไรกัน ใบหน้าเรียบเฉยของจางหลงลอยขึ้นมาตรงหน้าเขาไม่รู้ดวยซ้ำว่าซินเฟยมีตัวตนท้องพระโรงเมื่อเหล่าขุนนางมากันพร้อมหน้า"ฝ่าบาทราษฎรตอนนี้สำราญถ้วนหน้า เงินเก็บในคลังมากมายจนไม่อาจะใช้หมดจึงเห็นควรงดจัดเก็บภาษีเสียสามปีจึงจะดี ด้วยฝ่าบาทรงตรากตรำทุ่มเทเป็นเวลายาวนานตั้งแต่ทรงนั่งบัลลังก์จนบัดนี้บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนรุ่งเรืองข้าจึงหวังจะให้ฝ่าบาทจากนี้ให้เวลากับตัวเองเสียบ้าง แต่งตั้งฮองเฮามาเนิ่นนานยังไม่มีองค์รัชทายาทไว้สืบบัลลังก์"จางหลงหลับตาลงช้าๆ เมื่อใต้เท้าฉีหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ เอ่ยปากต่อหน้าเหล่าขุนนาง ด้วยเห็นว่าจางหลงให้เวลากับราชสำนักและราษฎรเกินไปจนบัดนี้ใกล้จะไร้ผู้สืบ
การฝึกสอนจากฝ่ายในว่าด้วยเรื่องการปรนนิบัติฝ่าบาทก็ลืมเลือนไปเกือบสิ้นเมื่อเวลาผ่านมาใกล้จะครบปีเต็มทีแล้วก็ยังไม่เคยต้องเข้าไปปรนนิบัติ ทั้งๆที่ถูกสอนเรื่องของการปรนนิบัติฝ่าบาททั้งยามหลับและยามตื่นแม้กระทั่งการอุ่นเตียงการให้กับฮ่องเต้บอกแม้กระทั่งต้องทำตัวเช่นไรจึงจะถูกใจฮ่องเต้ซินเฟยหาจำได้ไม่ก็ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นกระทันหันอีกทั้งความกลัวและความตื่นตระหนกมีมากเสียจนหูอื้อตาลายจำบทเรียนต่างๆเหล่านั้นไม่ได้สักนิดยามที่ต้องถูกทาบทับอยู่บนแท่นนอนกับฮ้องเต้หนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายกำยำเช่นจางหลง ถึงเวลานั้นมาจริงๆมือไม้เย็นเฉียบ แทบจะทรงกายไม่อยู่เมื่อถูกอุ้มไปวางบนแท่นนอน ความทรงจำตอนนั้นจะว่าไม่จำ กับฝังลึกในจิตใจ ความรู้สึกอบอุ่นกับ ความอ่อนโยน ที่ยังจำได้ดีอีกทั้งรอยจุมพิตที่หน้าผากเหมือนกับรักเหลือเกินยามที่จางหลงลุกจากแท่นนอน ซินเฟยยังจำได้แม่นยำเสียงพลุและดอกไม้ไฟดังไปทั่วบริเวณ ซินเฟยยิ้มสดใสเป็นยิ้มครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ ชุดสีขาวขลิบแดง ส่งให้ผิวขาวนวลเนียนแม้ใบหน้าจะซีดจางลงจากการเสียเลือด ไปแต่ก็คงความงดงามไม่เปลี่ยน เดินบนถนนเพียงลำพัง อย่างน้อยตอนนี้ก็มีอาวุโสย่า
ซูจินไม่ทันได้เห็น รู้แต่เพียงว่าจางหลงทอดสายตามองใครอยู่“คนที่มารับเหรียญทอง คงถูกผลักจนล้มลงดีที่มีคนช่วยไว้ทัน”ซูจินยิ้มๆ“ผู้คนล้วนมาชมบารมีของฝ่าบาทมากมายจึงมีบ้างที่จะได้รับบาดเจ็บ เช่นนั้นซูจินให้เขานำเหรียญมาให้ฝ่าบาทโปรยอีกมากหน่อย เพื่อจะได้แจกจ่ายกันทั่วถึง”จางหลงยิ้มเป็นการตอบตกลง ซูจินโบกมือให้ขันที ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้จางหลงกองไฟถูกเติมด้วยฟืนท่อนยาวที่จิวซัวลากมาสุมไว้“แม่นางทำไมต้องวิ่งหนีจากตรงนั้นด้วย”ซินเฟยนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใด“ขอโทษที่ข้าละลาบละล้วงหากไม่อยากพูดถึงมันก็อย่าได้เกรงใจ”ซินเฟยก้มหน้านิ่งเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาแต่ไกล จิวซัวผิวปากเพียงครั้งเดียว ม้าก็มาหยุดยืนตรงหน้าบุรุษร่างสูงอีกคนในชุดพรางตัวกระโดดลงจากหลังม้า เหลือบตามองซินเฟย ก่อนจะประสานมือคารวะจิวซัว“ฝ่า..คุณชายข้าตามหาทันจนทั่วเขตวังหลวงคิดว่าเกิดอันตราย”จิวซัวยิ้มอ่อนโยน ซินเฟยลุกออกจากตรงนั้นเพื่อเป็นการไม่เสียมารยาทที่นั่งฟังคนอื่นคุยกัน“ข้าปลอดภัยดี”พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ“ฝ่าบาทการเดินทางมาครั้งนี้อันตรายไม่น้อย หากคนของแคว้นฉินรู้ว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่อาจ จับตัวเพื่อต่อรองด้านการศึ