จางหลงบ้วนน้ำชาทิ้งก่อนจะลุกจากแท่นนอน เสี่ยวซานลงไปนอนแทนที่ทันที ใช้ผ้าห่มคลุมร่างจนมิดเหมือนกำลังหลับสนิท
จางหลงเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดขันที เร้นกายออกมายืนแทนที่เสี่ยวซาน
ซูจินกลับมาอีกครั้ง จางหลงก้มหน้าประสานมือแต่ไม่เอ่ยคำใด
“ฝ่าบาทหลับไปแล้วใช่หรือไม่”
พยักหน้าก่อนจะผายมือเชิญ
“เจ้าไปนอนได้แล้ววันนี้ข้านำสนมคนใหม่มาถวายตัวปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องในห้องบรรทมให้เป็นหน้าที่ของสนมเซียงอี๋”
จางหลงพยักหน้าประสานมือก่อนจะหลบออกมา ประตูถูกเปิดออกช้าๆ
“เซียงอี๋ เจ้าปรนนิบัติฝ่าบาทให้ดีพรุ่งนี้เช้า ข้าตกรางวัลให้อย่างงามเข้าไปได้แล้ว”
“ฮองเฮา เซียงอี๋..เอ่อๆๆ ”
“ไม่ต้องกลัวสิ่งใด ฝ่าบาทแต่เดิมก็ ...ไม่เคยสนใจอะไรอยู่แล้วเจ้าเพียงแต่ทำให้ฝ่าบาทลืมเจียงซินเฟยได้…. ก็พอ”
จางหลงส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะก้าวขาออกจากตำหนักไปยังตำหนักเย็น
ตำหนักเย็น
“เขาเป็นผู้เดียวที่ข้าไว้ใจและรักดุจลูกในไส้ แต่ในตอนนั้นข้าถูกฮองเฮาลงทัณฑ์
เพราะโดนกล่าวหาว่าปรุงยาให้กับจางหลงจนเป็นเหตุให้อยู่qไท่จือในตอนนั้นทรงพระประชวรหนัก ด้วยจางหลงมีพลานามัยอ่อนแออยู่เป็นทุนเดิม ข้ารักเขาเพียงนั้นพวกเจ้าคิดว่าข้าจะปรุงยาพิษให้เขาหรือไร”
“แล้วทำไมถึง ไม่บอกความจริง”
“ความจริงหึหึ ความจริงใดกันในเมื่อองค์ไท่จือที่ข้ารักดุจชีวิต กลับเป็นผู้กล่าวหาว่าข้าบังคับให้กินยาที่ทำให้รู้สึกไม่สบายกว่าเดิม ฮองเฮาแม่ของไท่จือในตอนนั้น รักลูกดังไข่ในหิน ไม่พูดพร่ำทำเพลงสั่งให้ประหารข้า ทั้งๆที่ตอนนั้นข้ากำลังตั้งครรภ์น้องของจางหลงที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้ในตอนนั้น”
ซินเฟย รู้สึกเจ็บที่ใจอีกทั้งสงสารย่าหนานจนน้ำตาเกือบจะหลั่งริน
“ความจริงหากจางหลงจะช่วยข้าเขาเพียงแต่บอกว่าเป็นยาบำรุงที่ข้าให้เขากินเขากลับบอกฮองเฮาว่าย่าที่ข้าให้กินทำเขารู้สึกแย่”
“แล้วฮ่องเต้ในตอนนั้นไม่ได้ช่วยอะไรท่านบ้างเลยหรือ”
จิวซัวถามขึ้นดังๆ ด้วยโทสะ
“ฮ่องเต้ออกประภาสป่าล่าสัตว์ ข้าอีกไม่กี่วันถึงจะคลอด ในที่สุดก็คลอดก่อนกำหนดเพราะถูกโบยถึงห้าสิบไม้แทนการประหารเพราะไทฮองไทเฮาทนดูไม่ไหวให้ลดโทษ และสั่งให้ยุติการโบยแต่ก็หาช่วยชีวิตลูกข้าได้ไม่ ลูกข้าแม้จะเป็นหญิงก็ไม่อาจลืมตาดูโลกด้วยความริษยาของฮองเฮา”
“อาวุโสก็เลยไม่สู้ชอบใจจางหลงนัก”
จิวซัวถาม
“ข้าเลี้ยงดูเขาประดุจลูกเพราะฮองเฮาไม่มีน้ำนมข้าจึงได้เข้ามาเป็นแม่นมของเขา ความสัมพันธ์กับฮ่องเต้ก็หาได้ยินยอมไม่ ข้าไม่ได้เต็มใจปละไม่เคยเต็มใจ แต่ในเมื่อพลาดไปแล้วลูกในท้องอย่างไรก็ลูก ข้าก็ย่อมต้องเสียใจเมื่อเขาจากไป ข้าอุ้มศพของลูกสาวข้าไว้แนบอกถึงสามวันสามคืน จึงตระหนักได้ว่าเขาจากไปแล้ว”
ซินเฟยปาดน้ำตาเศร้าใจยิ่งนัก
“แล้วฮ่องเต้ …ไม่ได้ทำการไต่สวนหรือไร”
“เมื่อฮ่องเต้กลับมาก็สั่งให้มีการไต่สวน แต่คนในวังหลวงเป็นคนของฮองเฮาทั้งสิ้น แม้ทีหลังจางหลงจะบอกกับฝ่าบาทว่ายาที่กินเข้าไปทำให้รู้สึกแย่ในตอนต้นเพราะขับพิษในร่างกายออกมา หลังจากนั้นเขาก็รู้สึกดีขึ้นอย่างมากเพราะการออกฤทธิ์ของยามักจะเป็นอย่างนั้นเสมอ และตั้งแต่นั้นมาเขาก็หายป่วยในทันที ฝ่าบาทสั่งให้พาข้ากลับเข้าไปในวังหลวง แต่มันสายไปเสียแล้ว ข้าไม่อยากกลับไปที่นั่นอีก ที่ที่โหดร้าย และแกร่งแย่งทารุณ ถึงแม้จางหลงจะขึ้นครองราชย์ แล้วมาตามข้าที่นี่ถึงสองครั้งข้าก็ไม่อาจกลับไปได้อีก แม้จะไม่มีฮองเฮาแล้วก็ตาม”
“ชีวิตของอาวุโสช่างน่าสงสาร”
ย่าหนานโอบรอบตัวซินเฟย
“เราสองคนไม่ต่างกัน ข้าเองก็เป็นเพียงสามัญชน มิได้เป็นคุณหนูจากตระกูลไหนจึงถูกรังแกง่ายดาย หากว่าจางหลงไท่จื่อในตอนนั้นรักข้าอย่างที่ข้ารักเขา ก็คงไม่กล่าวโทษข้าต่อหน้าฮองเฮา”
“แต่ เรื่องเช่นนี้ข้าขอพูดในฐานะคนกลางข้าคิดว่าหากฮองเฮาจะเอาเรื่องท่าน แม้จางหลงจะพูดอย่างไร ฮองเฮาก็จะหาเรื่องลงทัณฑ์ท่านอยู่ดี ท่านคงกำลังโกรธจึงมองจางหลงผิดไป หลังจากนั้นเขาก็ยังทูลฮ่องเต้เสียใหม่เพื่อช่วยท่าน จะใจร้ายไปหน่อยหากท่านจะคิดเช่นนั้น”
จิวซัวมองอย่างเป็นกลาง
“ข้า อยากจะโกรธเขาแต่เมื่อเห็นหน้าเขาทีไรก็มักจะใจอ่อนจึงไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก วันนั้นจึงได้ใช้อุบายให้เขาสัญญา ว่าจะไม่มาที่นี่อีก”
ซินเฟยกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น
“ข้าเห็นว่าท่านควรอภัยให้เขาปรับความเข้าใจกันเสีย”
จิวซัว ออกความเห็น
“เจ้า คนถ่อยไม่ต้องมายุ่ง กลับไปที่ของเจ้าได้แล้ว คืนนี้อย่าได้มายืนเกะกะลูกตาข้าอีก”
ออกปากไล่จริงจัง ซินเฟยอมยิ้ม
“ไว้พรุ่งนี้จึงมาใหม่วันนี้ดึกแล้วเกรงว่าจะเกิดอันตราย”
“ได้ยินที่ แม่นางน้อยกล่าวหรือยังกลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้ข้าอยากกินไก่เป็นอาหารเย็น อย่าลืมหิ้วมันมาฝากข้า ตอนนี้ซินเฟยกำลังต้องการอาหารดีดีเพื่อจะได้หายจากอาการบาดเจ็บ เจ้าช่วยแล้วก็ต้องช่วยให้ตลอด”
จิวซัวลุกขึ้นอย่างว่าง่าย ประสานมือตรงหน้า
“น้อมบัญชา พระสนมทั้งสอง”
สัพยอกท้้งสองคนพร้อมกัน ซินเฟยถอนหายใจยาว ส่วนย่าหนานอมยิ้มนึกขำกับท่าทีทะเล้นของจิวซัว
จางหลงทะยานขึ้นไปบนหลังคาในชุดขันทีนั่งรับลมอยู่บนหลังคาจ้องมองซินเฟยที่นั่งอยู่ตรงลานหน้าตำหนักเย็น
ซินเฟยยกมือบางขึ้นลูบท้องเบาๆ ด้วยความเคยชินว่าเคยมีสิ่งหนึ่งอยู่ในท้อง น้ำตาไหลพรากด้วยความรู้สึกเศร้าสลด ย่าหนานถอนหายใจส่ายหน้าไปมาสงสารซินเฟยจับใจ เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นซินเฟยเข้มแข็งอย่างที่สุดไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องที่เสียลูกไป แต่เพราะวันนี้ย่าหนานเราอดีตของตัวให้ซินเฟยฟังนางจึงหวนคิดถึงมันอีกครั้งหรือว่ายังไม่เคยลืม เรื่องเช่นนี้มีเพียงแต่ผู้สูญเสียเท่านั้นจึงจะเข้าใจ เสี่ยวถ้านถือเสื้อคลุมมาคลุมไหล่ให้กันหนาว
“พระสนม กลับเข้าไปข้างในเถิด”
ซินเฟยปาดน้ำตา จางหลงเหม่อมองเศร้าเสียใจไม่แพ้กัน อยากจะปลอบใจนางแต่จะทำได้อย่างไรในเมื่อสัญญากับย่าหนานว่าจะไม่ย่างกรายเข้ามา แต่เป็นเสี่ยวซานที่บอกให้เขาใช้วิชาตัวเบาทะยานขึ้นจากกำแพงแทนที่จะย่างกราย หากโดนย่าหนานจับได้ก็แค่เพียง เฉไฉว่าเขาไม่ได้ย่างกรายไปที่ตำหนักเย็นทางประตู แต่ใช้วิชาตัวเบาทะยานขึ้นไปบนหลังคาแทน แม้ย่าหนานจับได้ก็คงไม่ถึงกับฆ่าแกง
แม้จะคิดว่าเป็นวิธีที่สิ้นคิด แต่ทั้งวันเขากลับคิดถึงแต่ซินเฟย เสี่ยวซานบอกว่าแค่ได้เห็นหน้านางอาการนี้ก็จะหายไป ตอนนี้เขาอยากเถียงจริงๆว่า ไม่หายไปเลยแม้แต่น้อย แต่ยิ่งทรมานอยากจะเข้าใกล้ซินเฟยมากกว่านี้ อยากปลอบใจนางอย่างที่เขาต้องการจะทำในตอนนี้แต่ไม่อาจทำ
ร่างบางที่เปรอะเปื้อนด้วยเลือดที่แผ่นหลัง ถูกโบยจนสลบไสล ผมเผ้าหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงเลือดไหลซึมเป็นทางบนอาภรณ์สีขาว"ทิ้งนางไว้ที่นี่ในตำหนักเย็นแห่งนี้"ร่างโชกเลือดพลิกตัวนอนหงาย กลืนน้ำลายลงคอ คลำที่ท้องของตัวเองไปมา จะตายได้อย่างไรในเมื่อมีลูกอยู่ในท้องตำหนักฮ่องเต้"ฝ่าบาท ย่าได้ยินว่าฮองเฮา สั่งโบยสนมเจียงซินเฟยจนสาหัสถึงร้อยไม้ ก่อนจะลากตัวนางไปไว้ยังตำหนักเย็น นางทำความผิดใดกันจึงถูกลงทัณฑ์รุนแรงปางตายเช่นนั้น"ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นจากกองฎีกา หลายวันมานี้ไม่เคยได้ผ่อนคลายหลายเรื่องราวในราชสำนักมีให้ต้องจัดการไม่เว้นแต่ละวัน เขาเองหาใช่คนที่ชอบเรื่อง รักใคร่จึง เอาเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้งานในราชสำนักจะดีกว่า"เสด็จย่าหมายถึงสนมคนไหน"ก้มหน้าอ่านฎีกาต่อไป"จางหลง นางกำลังตั้งครรภ์"ขันทีหนุ่มขยับกายอย่างอึดอัด"ไว้ หลานส่งคนถามไถ่ฮองเฮาอีกที""จางหลงนางตั้งครรภ์ลูกของเจ้า"สีหน้าเป็นกังวล"เสด็จย่าเรื่องราว ในวังหลังล้วนเป็นฮองเฮาที่จัดการเป็นอำนาจหน้าที่ของนาง ไว้หลานไต่สวนอีกที อีกอย่างหลานจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อนางหรือแม้กระทั่งใบหน้าของนางด้วยซ้ำไป"ไทฮองไทเฮาถอนหายใจยาวเหยียด
คำพูดขาดหายไปในลำคอไม่ได้รู้สึกอะไร แค่เพียงรับรู้อย่างที่เขาคิดว่าควรเป็นเช่นนั้น ซูจินยิ้มบางๆ"ฝ่าบาทวันนี้จะค้างที่ตำหนักชิงหนิงกงหรือว่าต้องการจะเลือกป้าย"เดินเข้าใกล้ซูจินประคองกอด เบาๆ"ค้างที่นี่ ป้ายพรุ่งนี้ข้าค่อยเลือกจะดีกว่าวันนี้ข้าอ่านฎีกามาทั้งวัน รบกวนให้ฮองเฮานวดให้หน่อยจะดีไม่น้อย"ซูจินยิ้ม ก่อนจะซบหน้าลงบนอกกว้าง จางหลงตบที่ไหล่เบาๆอย่างเอาใจ เขาเอาใจใครไม่เป็นกิริยาที่ทำทั้งหมดเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาแปลกไปต่างหากซินเฟย ตะแคลงตัวมองหาหญิงคนเดิม แต่ก็ไม่พบเมื่อฟ้าเริ่มมืดความหนาวเหน็บมาเยือนยกมือขึ้นกอดอกแน่น เพียงครู่เดียวที่หลับตาผ้าฝ้ายฝืนใหญ่ก็ห่มคลุมร่างให้อุ่นสบาย"ลองขยับตัวดูเจ้าต้องเข้าไปข้างในกับข้าแล้วหิมะทำท่าจะตก คงร่วมเสียใจกับเจ้า"ซินเฟยรู้สึกปวดท้องจนแทบทนไม่ไหว เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่ใบหน้า"อาวุโสข้าปวดท้องเหลือเกิน"มือเหี่ยวคลำที่ท้องเป็นก้อนแข็งของซินเฟยไปมา เลือดสีแดงไหลเปรอะเปื้อนเป็นทางลงไปยังเท้าเปลือยเปล่า หญิงชราส่ายศรีษะไปมา"เจ้าคงรักษาเขาไว้ไม่ได้แล้ว"ซินเฟยปล่อยน้ำตาไหลริน สี่เดือนที่เฝ้าฟูมฟักดูแลตัวเองอย่างดี เพื่อมาถึงวัน
ร่างบางใบหน้านิ่งจนเกือบเป็นหม่นหมอง แม้นางจะงดงามจนเขาตกตะลึงทว่าใบหน้ากลับหม่นหมองเศร้าสร้อยร่างบางยังนั่งอยู่หน้าเปลวไฟสีส้ม เขาซ้อนร่างมาอุ้มไว้ร่างเย็นชื้นด้วยหยดน้ำเกาะพร่างพราวกลิ่นพฤษาหอมละมุน ก่อนจะวางนางลงบนแท่นนอนไม่มีท่าทีขัดขืน คงจะถูกสอนมาอย่างดีในวิธีการปรนนิบัติฮ่องเต้เขาสะบัดมือดับไฟที่ส่องสว่าง เป็นเพราะไม่อยากเห็นแววตาเศร้าสร้อยนั้น แต่กระนั้นแสงจันทร์ยังคงส่องลอดลงมา กระทบใบหน้าที่งดงาม ใบหน้าที่งดงามเช่นนั้นหรือหากจะว่าไปใบหน้างดงามของนางยังไม่ตรึงใจเท่าร่างขาวสล้างใต้ร่างเขาที่สะท้อนขึ้นลงหยิกกัดด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ยามเขากระแทกเอวหนาลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเองก็สุขสมจนเกือบจะเผลอเปล่งเสียงร้องครางด้วยความบีบรัดคับแน่นทนไม่ไหว จนถึงกลับต้องบดริมฝีปากกับปากบางของนางแนบแน่นไม่ได้กลัวว่านางจะร้องคราง แต่กลัวว่าตัวเองจะร้องครางให้เขินอายนางเสียเปล่าเฝ้าปรนเปรอนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างลืมตัว ปกติเขามิใช่ผู้ที่ทำเรื่องเช่นนี้เขามักจะร่วมรักกับใครเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วปล่อยตัวเองหลับไหลจนตะวันสายโด่งในวันที่ต้องการผ่อนคลายก็เท่านั้น แต่กับนางเขาพร่ำทำซ้ำๆจนเขาแปลกใจไ
"ข้าอยู่เสียจนชิน มีความสุขในความเดียวดาย นานครั้งถึงจะมีสหายเก่าแวะเวียนมา เจ้าไม่เหมาะกับตำหนักเย็น""ข้าทำผิดร้ายแรงวังหลวงยิ่งไม่เหมาะกับข้า""เจ้ารู้ดีว่าเจ้าผิดหรือไม่ แต่หากมีคนเชื่อว่าผิดก็ต้องถูกลงทัณฑ์เมื่อลงทัณฑ์ไปแล้วถือว่าความผิดของเจ้าจบสิ้นกันไป หากเจ้าไม่ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหม่การเข้าไปอยู่ในวังหลังอีกครั้งจึงนับว่าไม่ผิดและกระทำได้เพราะเจ้าถูกโบยจนครบร้อยทีไปแล้ว"ซินเฟยนิ่ง กลับไปเพื่ออะไรกัน ใบหน้าเรียบเฉยของจางหลงลอยขึ้นมาตรงหน้าเขาไม่รู้ดวยซ้ำว่าซินเฟยมีตัวตนท้องพระโรงเมื่อเหล่าขุนนางมากันพร้อมหน้า"ฝ่าบาทราษฎรตอนนี้สำราญถ้วนหน้า เงินเก็บในคลังมากมายจนไม่อาจะใช้หมดจึงเห็นควรงดจัดเก็บภาษีเสียสามปีจึงจะดี ด้วยฝ่าบาทรงตรากตรำทุ่มเทเป็นเวลายาวนานตั้งแต่ทรงนั่งบัลลังก์จนบัดนี้บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนรุ่งเรืองข้าจึงหวังจะให้ฝ่าบาทจากนี้ให้เวลากับตัวเองเสียบ้าง แต่งตั้งฮองเฮามาเนิ่นนานยังไม่มีองค์รัชทายาทไว้สืบบัลลังก์"จางหลงหลับตาลงช้าๆ เมื่อใต้เท้าฉีหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ เอ่ยปากต่อหน้าเหล่าขุนนาง ด้วยเห็นว่าจางหลงให้เวลากับราชสำนักและราษฎรเกินไปจนบัดนี้ใกล้จะไร้ผู้สืบ
การฝึกสอนจากฝ่ายในว่าด้วยเรื่องการปรนนิบัติฝ่าบาทก็ลืมเลือนไปเกือบสิ้นเมื่อเวลาผ่านมาใกล้จะครบปีเต็มทีแล้วก็ยังไม่เคยต้องเข้าไปปรนนิบัติ ทั้งๆที่ถูกสอนเรื่องของการปรนนิบัติฝ่าบาททั้งยามหลับและยามตื่นแม้กระทั่งการอุ่นเตียงการให้กับฮ่องเต้บอกแม้กระทั่งต้องทำตัวเช่นไรจึงจะถูกใจฮ่องเต้ซินเฟยหาจำได้ไม่ก็ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นกระทันหันอีกทั้งความกลัวและความตื่นตระหนกมีมากเสียจนหูอื้อตาลายจำบทเรียนต่างๆเหล่านั้นไม่ได้สักนิดยามที่ต้องถูกทาบทับอยู่บนแท่นนอนกับฮ้องเต้หนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายกำยำเช่นจางหลง ถึงเวลานั้นมาจริงๆมือไม้เย็นเฉียบ แทบจะทรงกายไม่อยู่เมื่อถูกอุ้มไปวางบนแท่นนอน ความทรงจำตอนนั้นจะว่าไม่จำ กับฝังลึกในจิตใจ ความรู้สึกอบอุ่นกับ ความอ่อนโยน ที่ยังจำได้ดีอีกทั้งรอยจุมพิตที่หน้าผากเหมือนกับรักเหลือเกินยามที่จางหลงลุกจากแท่นนอน ซินเฟยยังจำได้แม่นยำเสียงพลุและดอกไม้ไฟดังไปทั่วบริเวณ ซินเฟยยิ้มสดใสเป็นยิ้มครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ ชุดสีขาวขลิบแดง ส่งให้ผิวขาวนวลเนียนแม้ใบหน้าจะซีดจางลงจากการเสียเลือด ไปแต่ก็คงความงดงามไม่เปลี่ยน เดินบนถนนเพียงลำพัง อย่างน้อยตอนนี้ก็มีอาวุโสย่า
ซูจินไม่ทันได้เห็น รู้แต่เพียงว่าจางหลงทอดสายตามองใครอยู่“คนที่มารับเหรียญทอง คงถูกผลักจนล้มลงดีที่มีคนช่วยไว้ทัน”ซูจินยิ้มๆ“ผู้คนล้วนมาชมบารมีของฝ่าบาทมากมายจึงมีบ้างที่จะได้รับบาดเจ็บ เช่นนั้นซูจินให้เขานำเหรียญมาให้ฝ่าบาทโปรยอีกมากหน่อย เพื่อจะได้แจกจ่ายกันทั่วถึง”จางหลงยิ้มเป็นการตอบตกลง ซูจินโบกมือให้ขันที ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้จางหลงกองไฟถูกเติมด้วยฟืนท่อนยาวที่จิวซัวลากมาสุมไว้“แม่นางทำไมต้องวิ่งหนีจากตรงนั้นด้วย”ซินเฟยนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใด“ขอโทษที่ข้าละลาบละล้วงหากไม่อยากพูดถึงมันก็อย่าได้เกรงใจ”ซินเฟยก้มหน้านิ่งเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาแต่ไกล จิวซัวผิวปากเพียงครั้งเดียว ม้าก็มาหยุดยืนตรงหน้าบุรุษร่างสูงอีกคนในชุดพรางตัวกระโดดลงจากหลังม้า เหลือบตามองซินเฟย ก่อนจะประสานมือคารวะจิวซัว“ฝ่า..คุณชายข้าตามหาทันจนทั่วเขตวังหลวงคิดว่าเกิดอันตราย”จิวซัวยิ้มอ่อนโยน ซินเฟยลุกออกจากตรงนั้นเพื่อเป็นการไม่เสียมารยาทที่นั่งฟังคนอื่นคุยกัน“ข้าปลอดภัยดี”พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ“ฝ่าบาทการเดินทางมาครั้งนี้อันตรายไม่น้อย หากคนของแคว้นฉินรู้ว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่อาจ จับตัวเพื่อต่อรองด้านการศึ
“ฝ่าบาทข้าตั๋วฟงเกรงว่าเรื่องนี้ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องกระทำด้วยตัวเองคนของเราในทัพเหลี่ยงตอนนี้มีอยู่จำนวนหนึ่ง ความเคลื่อนไหวของทัพเหลี่ยงจึง ส่งมาถึงเราตลอดเวลา”“อืม ท่านฟงช่างรอบคอบ”“ฝ่าบาทละทิ้งเรื่องราวเหล่านี้หาความสำราญเสียบ้างจะดีไม่น้อย ตั้งแต่ทรงนั่งบัลลังก์มา กระหม่อมไม่เคยจะเห็นว่าฝ่าบาท จะละมือจากงานในราชสำนักทั้งยามหลับยามตื่น”“ความสุขของราษฎรแคว้นฉินนับว่าสำคัญกับข้าที่สุด”“พรุ่งนี้ กระหม่อมเห็นสมควรทูลเชิญเสด็จประภาสป่าล่าสัตว์สร้างความสำราญ”“เวลาเช่นนี้ข้าจะหาความสำราญได้อย่างไรยามที่ข้าศึกประชิดแนวชายแดน”“ฝ่าบาทหากตื่นกลัวเกรงว่าแคว้นเหลี่ยงจะได้ใจฮึกเหิมยิ่งขึ้น ฝ่าบาทเห็นควรจะทำเป็นไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากนัก แต่ใช่ว่าจะหละหลวมกระหม่อมได้สั่งให้มีการรับบุรุษหนุ่มเข้ามาในวังหลวง เพื่อเพิ่มกำลังทหารในวังหลวงและกำลังทหารของแคว้นฉิน ระหว่างนี้จึงถือว่าได้คัดเลือกผู้ที่มีฝีมือทั่วแคว้นมาไว้ใช้งาน เช่นนั้นฝ่าบาทจึงจำต้องช่วยเบี่ยงเบนความสนใจในเรื่องการเพิ่มกำลังทหารโดยการทำทีว่ามิได้เดือดเนื้อร้อนใจเรื่องทัพของแคว้นเหลี่ยงประชิดแนวชายแดน”จางหลงพยักหน้าหงึกหงักตั๋วฟง
“ฝ่าบาท นางเป็นใคร เหตุใดต้องใส่ใจด้วยคงเป็นนางในหอซักล้างที่มีมากมายหลายนาง”“พรุ่งนี้พานางมาพบข้า”พูดเพียงแค่นั้นแล้วสาวเท้าจากไปทันทีในห้วงฝัน ซินเฟยดิ้นรนเพียงพองาม ไม่ได้ปัดป้องทั้งๆ ที่อยากจะกรีดร้องความเจ็บปวดในครั้งแรก กับคนที่ไม่คุ้นเคยไร้ซึ่งความรักความผูกพัน“รอข้า อย่าเพิ่งไปไหน ข้ายังไม่อิ่มหนำกับเจ้าเลย”เช้าสดใส“ซินเฟยที่หอซักล้างเกิดความโกลาหลขึ้นแต่เช้า เจ้าอย่าเพิ่งไปรอจนกว่าทหารองครักษ์พวกนั้นจากไปข้าไม่รู้ว่าเขามาทำไมคล้ายมาตามหาคนแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ฉะนั้นทางที่ดีอยู่ที่นี่จนกว่าพวกนั้นจะกลับไป”อาวุโสย่าหนานเอ่ยปากเมื่อเห็นว่าซินเฟยกำลังจะไปที่นั่น เพื่อไปเก็บเศษผ้าเก่าๆ ที่ขาดวิ่นจนไม่เป็นที่ต้องการมาเย็บอาภรณ์ไว้สวมใส่“คงมีใครที่จะต้องถูกลงทัณฑ์อย่างแน่นอน “ซินเฟยเชื่ออาวุโส เช่นนั้นไว้ค่อยไปวันอื่นวันนี้ออกไปนอกเขตวังหลวง หาเก็บสมุนไพรและอาจตกปลาที่ริมลำธารเผื่อจะได้ปลามาทำอาหารในตอนเย็น”อาวุโสย่าหนานพยักหน้าขึ้นลง“เจ้าลำบากหรือไม่”ซินเฟยส่ายหน้าไปมา“ซินเฟยแต่เดิมอยู่นอกวังก็ใช้ชีวิตเช่นนี้ไม่ได้ลำบากอะไร อาวุโสอย่าได้กังวล”ซินเฟยเดินออกจากตำหนักเย็